ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CA: WinterShield's Store

    ลำดับตอนที่ #5 : OS : I want to know.

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 57


    TTitle : I want to know (20140529)
    Fandom : Captain America (Movie)
    Pairing : Stucky (Bucky Barnes x Steve Rogers)
    Genre : One Shot
    Rating : PG
    Author : YULATY
    Disclaimer : I do not own Captain America. EVERYTHING BELONGS TO MARVEL.
    A/N : ไม่เชิงฟิคเพลง แค่ฟังเพลงนี้แล้วฟีลมันมา… ≫ I want to know. *กรุณาฟัง
     
     
     
     
     
     
     
    ฝนกำลังตก
     
     
     
    ชายหนุ่มร่างสูงที่เขารู้สึกคุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น กลางสายฝนที่กำลังร่วงหล่นลงมาสู่พื้นดิน เสื้อเชิ้ตลายสก็อตงี่เง่านั่นเปียกแนบลำตัวสูงใหญ่ เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างพอดี เส้นผมสีทองสว่างตาลู่ลงแนบใบหน้า นัยน์ตาสีฟ้ามองเหม่อลอยไร้จุดหมาย…แทบจะไร้ความรู้สึก หากเขาไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่าไม่ได้มีเพียงน้ำฝนที่ตกกระทบใบหน้านั้น
     
     
     
     
     
    เขาขยับออกจากที่หลบฝนเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวว่าตัวเองจะเปียกและดึงคนคนนั้นกลับเข้ามา ยืนมอง… ยืนมองในระยะที่ใกล้เสียจนเห็นรอยช้ำใต้ดวงตา
     
     
     
     
     
    ‘สตีฟ’ รับรู้ถึงตัวตนของเขาแล้ว ทว่าก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่ปริปากพูดอะไรทั้งนั้น เขาเดินถอยออกมาหนึ่งก้าว ทิ้งให้ความเงียบงันแผ่กระจายเป็นวงกว้างจนกระทั่งฝนหยุดตก และดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปเหลือทิ้งไว้เพียงสีส้มจาง ๆ
     
     
     
     
     
     
     
    ท้องฟ้าสีเทาทวีความเข้มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป สายลมนำพาความเย็นยะเยือกมากระทบร่างจนอาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกหนาวสะท้าน อากาศแห้ง…อากาศแบบที่ทำให้รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกได้ แต่ไม่เป็นผลกับเขาที่ชินกับอุณหภูมิแบบนี้ และโชคดีที่เขาตัดผมน่ารำคาญออกไปแล้ว ไม่งั้นมันคงชวนหงุดหงิดน่าดู แล้วก็ยกเว้นคนตรงหน้า…ที่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมากไปกว่าการขยับลูกตามองรอบ ๆ ไม่พาตัวเองไปหาความอบอุ่นอย่างที่ควรกระทำ ริมฝีปากสีจัดซีดลง… ใบหน้าก็เช่นกัน รอยเส้นเลือดสีเข้มปรากฏขึ้นข้างแก้ม เรียกความรู้สึกเป็นห่วงให้ก่อตัวขึ้นในใจผู้ที่ได้แต่ยืนมองอย่างเขา
     
     
     
     
     
    ไร้คำพูด
     
     
     
    มีเพียงเสียงลมพัดกระทบกระจก เสียงเครื่องยนต์ที่อยู่ห่างออกไป เสียงหยดน้ำฝนที่ไหลลงกระทบพื้น และเสียงหายใจแผ่ว ๆ ของคนสองคนบนถนนมืด ๆ ที่มีเพียงนีออนไม่กี่หลอดและแสงจากร้านขายของที่กำลังดับลงทีละดวง
     
     
     
     
     
    เขาถอนหายใจ
    ใช่ว่าไม่มีอะไรจะพูด เขาแค่ยังหาจังหวะพูดไม่ได้
     
    จะให้จู่ ๆ โพล่งออกไปนะเหรอ… เฮอะ
     
     
     
    ถ้าไม่อยากจะยืนโง่กลางอากาศแย่ ๆ แบบนี้ต่อไป นั่นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
     
     
     
     
     
    “รอ…นานไหม?”
     
     
     
    คำพูดที่เอ่ยออกไปเป็นเพียงคำพูดธรรมดาและเป็นเพียงความคิดที่นึกคิดเอาเอง
     
     
     
    สตีฟ โรเจอร์มองที่เขาด้วยสายตาที่สื่อว่า‘รู้’แล้ว ดวงตาคู่นั้นยังคงถูกเคลือบด้วยม่านน้ำบาง ๆ อยู่ ริมฝีปากเม้มแน่นไม่เอ่ยตอบ…ไม่แม้แต่จะหลุดเสียงอะไรออกมาให้ได้ยินด้วยซ้ำ
     
     
     
     
     
    “ช้าไปแล้วหรือเปล่า…?”
     
     
     
    โดนเกลียดเข้าแล้วล่ะมั้ง…
     
    คิดแล้วก็ได้แต่นึกสมเพชตัวเองในใจ เขาจะไม่ทำอะไรบ้าบออย่างการต่อว่าในโชคชะตาหรืออะไรก็ตามที่มันทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้หรอก เขายอมรับ…ทุกอย่าง
     
     
     
    ทหาร
    อาวุธ
     
    จะอย่างไหนก็เป็น‘ตัวเขา’
     
     
     
    ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาและยัดเยียดให้เป็นโดยไม่เต็มใจก็เถอะ ถึงจะเป็นสิ่งเลวร้ายก็เถอะ
     
     
     
    เขาทำใจยอมรับมันได้แล้ว…
     
     
     
     
     
    สิ่งที่กลัวมีเพียงแค่ความรู้สึกของคนตรงหน้านี้
     
    จะยังเป็นเหมือนเดิมได้ไหม หลังจากที่รู้ถึงสิ่งที่เขาได้ทำลงไปในขณะที่ไร้ซึ่งความทรงจำ ไร้ซึ่งสำนึกถูกผิด…
     
     
     
     
     
    ไม่เชิงว่ากลัว เพียงแค่ไม่อยากได้ยินหากอีกฝ่ายจะกล่าวตัดความสัมพันธ์… คนคนเดียวที่ทำให้เขานึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ได้… เขาไม่อยากสูญเสียคนคนนี้ไป…..
     
     
     
    บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าความกลัวจริง ๆ ก็ได้
     
     
     
     
     
    “ฉันไม่รู้จะพูดกับนายยังไง”
     
     
     
    เงียบ
     
    คนตรงหน้าเขายังคงไม่มีคำพูดใดใดตอบเขากลับมาในตอนนี้
     
     
     
     
     
    เขาจับมือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วใช้มือข้างขวาที่ยังพอหลงเหลือไออุ่นอยู่กุมมันเอาไว้ แล้วอีกฝ่ายก็ตอบสนองด้วยการบีบมือเขาตอบเบา ๆ ก่อนจะปล่อยมือแล้วยกแขนขึ้นกอด ซบที่ไหล่ และโดยที่ไม่รู้ตัว แขนของเขาก็ไปโอบรอบเอวอีกฝ่ายไว้แล้ว
     
     
     
    คำพูด…
    เวลานี้ต้องการคำพูด
     
     
     
    คำถาม…
    เหลือเพียงคำถามเดียวที่ติดค้างในหัว
     
     
     
     
     
    เขาถอนหายใจเบา ๆ มองกลุ่มควันสีขาวที่เกิดขึ้นแล้วจางหายไปแทบจะทันทีก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ยังคาใจ
     
     
     
     
     
    “ตัวฉันในตอนนี้…ยังรักนายได้อยู่ไหม”
     
    “นาย….. ยอมรับฉันที่เป็นแบบนี้ไปแล้วได้ไหม”
     
     
     
     
     
    คนในอ้อมกอดเขาตัวสั่นเทา ไม่ใช่เพราะความหนาวแต่เพราะสาเหตุอื่นที่เขารู้ดี
     
    ของเหลวอุ่นกำลังซึมลงเป็นวงกว้างบนไหล่
     
     
     
     
     
    “อย่าถามแบบนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นอะไร… แค่เป็นนาย บัคกี้… ความรู้สึกของฉันไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่านายจะเป็นอะไร ในสายตาฉันนายก็ยังเป็นคนที่ฉันรักที่สุด… ฉันยอมรับได้ทุกอย่าง ขอแค่เป็นนาย ฉันไม่ต้องการใครอีกแล้ว แค่นายกลับมาอยู่ข้างฉันได้ไหม… ไม่มีใครแล้ว มีแค่นาย… แค่นาย…..”
     
    “ฉันรักนาย…”
     
     
     
    เสียงสั่นเครือถ่ายทอดความในใจของคนในอ้อมกอดเขาออกมาพร้อมด้วยคำอ้อนวอนและมือที่กำเสื้อไว้แน่น เขายกมือขึ้นแกะมือนั้นออกและกุมมันไว้หลวม ๆ
     
     
     
    คำถามของเขาได้คำตอบแล้ว
     
     
     
    สตีฟเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นจากไหล่ของเขาแล้ว นัยน์ตาแดงก่ำมองมาที่เขา ริมฝีปากสั่น เสียงที่เปล่งออกมาก็ไม่ต่างกัน
     
     
     
    “นาย…รักฉันไหม….. ที่ผ่านมา ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ความรู้สึกที่นายมี… แค่สงสารหรือเปล่า…..”
     
     
     
     
     
    ความไม่มั่นใจ
     
    หวั่นวิตก
     
     
     
    เสียงในหัวตอบว่ารัก… รักยิ่งกว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้
     
    คิดว่าถ้าบอกด้วยคำพูดคงจะไม่พอ…
     
     
     
     
     
    เขายกมือของอีกฝ่ายขึ้นมาทาบบริเวณหัวใจ หวังว่ามันจะช่วยสื่อความรู้สึกที่เขามีอยู่ออกไปได้บ้าง
     
     
     
    สตีฟมองเขาอย่างไม่เข้าใจ… แน่ล่ะ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันจะได้ผลยังไง กับการที่ให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเขาเองแบบนี้
     
     
     
     
     
    มีอีกวิธีเดียวที่พอจะคิดออก
     
    สิ่งที่เขาอยากทำมาตลอด และก็ได้แต่ทำในตอนที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว…
     
     
     
    เขาใช้มือซ้ายเย็นเฉียบจับใบหน้าของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะกดจูบลงแผ่วเบาบนริมฝีปากซีด มืออีกข้างละออกจากอีกฝ่ายแล้วเลื่อนลงกอดรั้งเอวคอดเว้า ลำตัวแนบชิด… ใกล้จนรู้สึกถึงไอความเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้น
     
     
     
    สตีฟหลับตา แก้มแดงเรื่อเล็กน้อย เผยอปากเล็กน้อยยอมรับสัมผัสโดยไม่ขัดขืนอะไร
     
     
     
    หากมือข้างซ้ายของเขามีความรู้สึก ก็คงจะรู้ได้ว่าแก้มแดง ๆ นี้กำลังมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากเลือดที่ถูกสูบฉีดขึ้นมาบริเวณนี้มากกว่าปกติ
     
     
     
     
     
    เขาละริมฝีปากออกมาแล้ว แต่ก็ยังคงไม่เว้นระยะห่างออกไป ทำให้ตาสีฟ้าคู่นั้นหลบมองไปทางอื่น
     
     
     
    เขายิ้ม…..ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่เห็นคนตรงหน้าเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้ม
     
     
     
     
     
    “กลับมาแล้ว… และจะไม่ไปไหนอีก….. แล้วก็เรื่องเมื่อกี๊… มันพอจะเป็นคำตอบให้คำถามของนายได้หรือเปล่า”
     
     
     
    ในที่สุดรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสตีฟอย่างที่บังคับไม่ได้ ก่อนเจ้าตัวจะซบไหล่เขาอีกครั้งและส่งเสียงครางตอบรับในลำคอ
     
     
     
     
     
     
     
    ‘เรา’เดินด้วยกันเงียบ ๆ บนถนนและหยุดลงยืนบนสะพาน มองภาพสะท้อนของจันทร์เสี้ยวบนผืนน้ำ
     
     
     
     
     
    ไม่มีคำพูด
    เวลานี้ไม่ต้องการคำพูด
     
     
     
    สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการที่มีใครอีกคนยืนอยู่‘ด้วยกัน’ เพียงแค่นั้น…
     
     
     
     
     
    การได้เห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของสตีฟทำให้เขารู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไป…
     
    เขา‘หลงรัก’รอยยิ้มนี้ และ ‘รัก’เจ้าของรอยยิ้มนี้
     
     
     
     
     
     
     
    “ฉันคิดถึงนายจัง…..” ชายผมทองกล่าวขึ้นลอย ๆ ขณะที่ก้มหน้ามองสายน้ำไหลไปตามทิศทางของมัน
     
     
     
    “อืม…..” คิดถึงเหมือนกัน
     
     
     
    “รู้สึกเหมือนเพิ่งไปส่งนายเมื่อวาน…”
     
    ย้อนกลับไปซะไกล….. คิดว่าคงไม่อยากพูดถึงเรื่องบนรถไฟล่ะมั้ง…
     
     
     
    “ตอนที่นายไปส่ง ตัวเท่านี้เอง” เขายกมือทำท่าประกอบ แล้วสตีฟก็หัวเราะก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ
     
     
     
    “ขอกอดอีกทีได้ไหม…”
     
     
     
    “เอาสิ”
     
     
     
    เสื้อของสตีฟยังชื้น ๆ อยู่เลย… หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจับถอดแล้วหิ้วคนตัวเล็กไปนอนบนเตียงและห่มผ้าให้หลาย ๆ ชั้นไปแล้ว แต่ตอนนี้คงไม่ต้องห่วงเท่าไร…
     
     
     
     
     
    “รู้สึกตัวเล็กลงตอนที่กอดอยู่กับนาย…” ว่าแล้วก็ซุกอ้อน… จนทนไม่ได้ ต้องยกมือขึ้นยีผมคนที่กำลังทำตัวเป็นเด็ก
     
     
     
    “เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้”
     
     
     
    “เมื่อก่อนไม่ได้คิด…ว่าถ้าเสียนายไปจะเป็นยังไง…”
     
     
     
    “ตอนนี้ก็ไม่ต้องคิด เพราะมันคงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว”
     
     
     
     
     
    พอพูดไปแล้วถึงรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป…
    อย่างกับว่าให้คำสัญญาอย่างนั้นล่ะ
     
    สตีฟเลิกคิ้ว สายตาดูแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
     
     
     
     
     
    เราเงียบกันอีกครั้ง
     
    ต่างจากเดิมตรงที่มือของเรากุมประสานกันอย่างแนบแน่นไร้ช่องว่าง
     
     
     
    เพียงพอ…
    แค่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ มีแค่เรา เราที่หมายถึงแค่เราสองคน ฉันกับนาย… เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
     
     
     
    เพียงพอที่จะ‘หยุด’แล้ว
     
     
     
    ไม่ต้องมีคำถามอะไรอีกแล้ว
     
     
     
     
     
    การได้กลับมายืนข้างนายอย่างนี้… มันเพียงพอแล้ว
     
     
     
    End.
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×