ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : OS : Wildest Dream
Wildest Dream (20160728)
Stucky — James B./Steven R.
One-shot
[1]
พักหลังมานี้สตีฟฝันถึงบัคกี้บ่อย ๆ
ในฝันเป็นภาพจำเดิม ๆ สถานที่เดิม ๆ เหตุการณ์เดิม ๆ ช่วงชีวิตวัยเด็กของเรา ผิวสัมผัสของฟูกนอนอันนั้นยังคงแจ่มชัด ความอุ่นใต้ผ้าห่ม เสียงหัวเราะของเราดังประสานกัน รสชาติอาหารฝีมือแม่ของบัคกี้ ทำนองเพลงดังแว่วจากวิทยุเก่าคร่ำครึ น้ำหนักแขนของบัคกี้บนไหล่ สายตาที่มักจะฉายชัดให้เห็นถึงความเป็นห่วงเป็นใย
เขาเผลอกัดริมฝีปาก เม้มแน่นราวกับจะกักเก็บความอบอุ่นแผ่วจางที่ยังติดแน่นในความทรงจำเอาไว้ หายใจเข้าลึก และค่อย ๆ พ่นออก มองความว่างเปล่าเบื้องหน้า
คืนนี้ดูท่าจะนอนต่อไม่ได้แล้ว ออกไปเดินเล่นสักหน่อยคงดี
[2]
การออกไปเดินเล่นสงบสติได้ผลอยู่เพียงไม่กี่วัน วิธีถัดมาที่สตีฟเลือกใช้อย่างการไปยิมและไปวิ่งก็เช่นกัน ไม่มีอะไรทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ เดินไปทางไหนก็ยังนึกถึงการปะทะกันครั้งนั้น ป่านนี้จะไปไหน อยู่ที่ไหนในเมื่อไฮดร้าล่มไปแล้ว ได้กินอาหารอิ่มท้อง ได้นอนหลับพักผ่อนบ้างหรือเปล่า ไม่รู้เลย
สตีฟเดินเข้าสมิธโซเนี่ยนทันทีที่มันเปิด ยืนอ่านข้อมูลที่ตัวเองรู้ดี ยืนดูวีดีโอ บนใบหน้าผุดยิ้มจางเมื่อนึกถึงอดีต แก้มร้อนขึ้นมาหน่อยในตอนที่บัคกี้ยิ้มกว้างและกล่าวว่า ‘เขาเป็นเพื่อนผม’
แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อความรู้สึกผิดเข้าเกาะกุมจิตใจ เพื่อนรัก เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่มี คนสำคัญ แทบเรียกได้ว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่สตีฟ โรเจอร์ส์มี … ทั้งที่เป็นถึงขนาดนั้น แต่เขาก็กลับไม่เคยคิดออกไปตามหาเลย ไม่เคยมีความคิดหวังว่าอีกฝ่ายจะยังรอดชีวิตอยู่ในหัวเลย
เขานี่มันเป็นเพื่อนที่แย่ชะมัด
[3]
ฝัน สตีฟฝันถึงบัคกี้อีกแล้ว เรื่องวันที่เขาตัดสินใจลุยเดี่ยวไปช่วยอีกคนออกมา เสียงบัคกี้ตะโกน ‘ไม่ ฉันไม่ไปถ้าไม่มีนาย’ ดังก้องอยู่ในหัว สายตาแข็งกร้าวจริงจังกว่าครั้งไหนที่เคยเห็น แฝงความเชื่อมั่นแรงกล้าว่าเขาจะทำได้ทอดมองมาหา จ้องแทบไม่ละสายตา จนในที่สุดก็ออกมาด้วยกันได้สำเร็จ
อยากให้อยู่ข้างกันตรงนี้ ให้กำลังใจกันอีกแม้สักครั้งเดียวก็ยังดี เพราะตอนนี้สตีฟไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปแล้ว
[4]
ไม่ใช่ฝันถึง‘บ่อย’ แต่มันคือฝันถึง‘ทุกคืน’
แทบไม่อยากตื่นมาพบความจริงว่าวันคืนแสนสงบนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันกลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีก
สตีฟลุกขึ้นจากเตียงทั้งยังง่วงงุน เดินไปทำกิจวัตรยามเช้า ตัดสินใจไม่ออกไปวิ่งแล้วก็หันมาทำมื้อเช้าอย่างง่ายกิน ชงกาแฟดื่มคู่กับคุ้กกี้นิดหน่อย รสชาติขมทว่าละมุนลิ้นของกาแฟแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปากช่วยให้เช้านี้ดีขึ้นหน่อย หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จก็กลับไปอยู่บนเตียง หยิบเอาแล็ปท็อปที่เขาเข้าใจวิธีการใช้งานเพียงแค่ขั้นพื้นฐานขึ้นมาเปิดเพื่อชมภาพยนตร์ที่อยู่ในรายชื่อสิ่งที่เขาพลาดไประหว่างที่หลับใหล ระหว่างดูไป พลันก็เผลอนึกถึงใครอีกคนขึ้นมา
อยากทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกันอีก อยากจะทำความรู้จักสังคมใหม่นี้ไปด้วยกัน
ปลายนิ้วกดปุ่มหยุดวีดีโอไว้ก่อน สตีฟยกมือขึ้นนวดกระบอกตาแล้วเอนหลังพิงหัวเตียง เหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่นอนแน่นิ่ง ไร้สายเรียกเข้า ไร้ข้อความ
ยังไม่มีใครพบร่องรอยเบาะแสที่จะช่วยให้เขาเจอตัวบัคกี้ได้เลย
[5]
สตีฟรู้สึกว่าเขาคิดถึงบัคกี้มากเกินไปแล้ว
ในตอนที่เดินหอบหิ้วถุงกระดาษบรรจุผลไม้และขนมปังนิดหน่อย จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าคนที่เพิ่งเดินสวนกันไปท่าทางคุ้นชะมัด ผู้ชายสูงพอกันกับเขา ผมยาวเกือบถึงคาง สวมหมวกแก๊ปปิดจึงมองไม่เห็นดวงตา ไหนจะหนวดเครา เหมือนอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อหันไปมอง สตีฟก็ไม่พบคนคนนั้นแล้ว
อาจคิดไปเอง บอกตัวเองอย่างนั้น บังคับตัวเองให้ไม่ใส่ใจกับภาพที่ได้เห็น แต่ท้ายที่สุดแล้วสตีฟก็อดที่จะหันกลับไปมองทางนั้นอีกครั้งไม่ได้อยู่ดี
[6]
เย็นวันนี้ขาของสตีฟพาตัวเขาขึ้นมายังดาดฟ้าที่พักเก่า ไม่มีความเสียหายให้เห็นอีกแล้วแต่เขาก็ยังจำได้ วิ่งมาจนถึงตรงนี้ ขว้างโล่ออกไป อีกฝ่ายรับมันไว้ด้วยมือซ้ายที่เป็นโลหะ โลหะทั้งแขน สายตาที่มองมาเย็นชาจับขั้วหัวใจ เพียงชั่วพริบตาร่างนั้นก็หายลับไปราวกับเป็นเพียงวิญญาณ เป็นเพียงภาพหลอน
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ หรี่ตามองท้องฟ้าที่ถูกฉาบย้อมด้วยสีโทนร้อนหลากเฉดบ่งบอกว่าใกล้เวลาที่ความมืดจะมาเยือน ลมพัดแรงขึ้นหน่อย มีพายุเข้า หากสตีฟจำคำพยากรณ์อากาศเช้าวันนี้ไม่ผิด
เสียงกึงกังดังมาจากทางประตู อาจมีใครสักคนขึ้นมาสูบบุหรี่ เขาไม่ได้สนใจกับมันนัก ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ไกลเสียจนแทบไม่รู้สึกถึงร่างของใครบางคนมายืนซ่อนอยู่ทางด้านหลัง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีหมวกแก๊ปสวมลงบนศีรษะ แล้วเจ้าของมันก็เดินมายืนอยู่ทางซ้ายมือ
“ฝนจะตกแล้ว ดูแลตัวเองหน่อย” ว่าด้วยเสียงที่ดังแค่ในระยะเพียงเท่านี้ ดังพอจะได้ยินกันแค่สองคน สายตามองตรง มือสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง บนไหล่สะพายกระเป๋าที่ดูจะมีของไม่มากไม่น้อย สตีฟมอง มองจนกระทั่งอีกคนเหลือบตามองเขาแล้วก็หันทั้งตัวมาหา เลิกคิ้ว “มีอะไร”
“ถ้าอยากให้เจอก็จะให้เจออย่างนั้นเหรอ” กล่าวถามออกไปแล้วคู่สนทนาก็เม้มปาก พยักหน้ารับ ยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทีเหมือนกำลังประหม่าก่อนจะกลับไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าไปอย่างเดิม ขยับริมฝีปากเอ่ยตอบ “พร้อมก่อนค่อยเจอกัน”
“พร้อม?”
“แต่ก่อนนายตัวเท่านี้” บัคกี้ทำมือประกอบคำพูด แล้วเริ่มว่าต่อทันทีโดยไม่สนใจว่าสตีฟจะมีปฏิกิริยายังไง “เพราะนายตัวเท่านี้ นายก็เลยเอาหนังสือพิมพ์ยัดใส่รองเท้า แต่มันก็ช่วยไม่ได้มากนักหรอก” ไหวไหล่เหมือนจะบอกว่า ‘แย่หน่อยนะ’ แล้วก็ขมวดคิ้ว “แม่นายชื่อซาราห์ … ตอนที่แม่นายเสีย ฉันชวนนายมาอยู่ด้วยกัน พูดประโยคนั้น … ที่นายพูด ที่บอกว่าจะอยู่ด้วยไปจนสุดทาง”
สตีฟยืนนิ่ง อึ้งกับสิ่งที่ได้รับฟัง ใบหน้าของบัคกี้ในตอนนี้ไร้ซึ่งความเป็นนักฆ่าไร้หัวจิตหัวใจโดยสิ้นเชิง เป็นเพียงชายธรรมดาคนหนึ่ง
นี่เป็นฝันบ้า ๆ อีกเรื่องหรือเปล่า เขาไม่แน่ใจ แต่องค์ประกอบทุกอย่างช่างเหมือนจริง กลิ่นดินแทรกมาในอากาศ ความเย็นของมือเหล็กที่วางทาบใบหน้า สัมผัสอุ่นที่คุ้นเคยบนริมฝีปาก อ่อนโยน ล้ำลึกจนเผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์ หากนี่เป็นฝัน สตีฟก็ยังไม่อยากตื่น ขอตักตวงทุกสิ่งไว้ให้พอก่อนจะลืมตาขึ้นมาพบเช้าวันใหม่
หยดน้ำอุ่นล้นเอ่อจากขอบตา ไหลหล่นตกบนแก้ม อีกคนเกลี่ยมันออก แขนกอดร่างไว้ สตีฟก้มหัว ซบลงบนไหล่หนา ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายลูบหลังปลอบอยู่เช่นนั้น
...ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับเพดานห้องสีขาวคุ้นตา
ฝัน มันเป็นแค่ฝันอีกเรื่อง สตีฟถอนหายใจ ฝันดีแย่อย่างนี้ แย่ตรงที่มันเป็นแค่ฝัน นึกแล้วก็พลิกตัวนอนตะแคงหันไปอีกทาง อยากนอนต่อสักหน่อย แต่เมื่อหลับตาลง ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อเขาก็รู้สึกถึงปลายนิ้วที่สอดเข้ามาในเส้นผม ลูบอย่างเบามือ
“ตื่นได้แล้วสตีฟวี่”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น