ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Gundam Seed) Promise Land : ดินแดนแห่งคำมั่นสัญญา

    ลำดับตอนที่ #7 : ดินแดนแห่งคำสัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 52


    ชินยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิมและท่าเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปไหน ความเศร้าเสียใจอันเกิดจากการสูญเสียหญิงคนที่รักนั้นแทบจะทำลายความมีชีวิตจิตใจของเขาไปเสียสิ้น ที่มีอยู่ในใจเขาตอนนี้มีแต่ความเศร้าเสียใจและความโกรธแค้นเท่านั้น
     
    ฆ่า...จะต้องฆ่าให้หมด
     
    ฆ่า...ทุกคนที่บังอาจทำร้ายสเตล่าจนตายจากเขาไป
     
    ทำลาย...กำจัดให้หมด หมู่บ้านที่เหมือนนรกของเขาแห่งนี้
     
    เปลวไฟรอบกายเด็กหนุ่มลุกโชนขึ้นตามอารมณ์ของเจ้าของ ขณะที่ชินกำลังจะลุกไป “ล้างบาง” นั้นเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งเสียก่อน
     
    “คอยเดี๋ยวก่อนชิน อาสึกะ”
     
    “คุณนาธาล”
     
    “หยุดความคิดที่จะทำลายชีวิตที่โง่เขลาเหล่านั้นเถิด...ถึงเจ้าจะทำอย่างนั้นไปก็ไม่ได้ช่วยให้สเตล่าฟื้นคืนมาหรอกนะ มีแต่จะทำให้เจ้าตกต่ำลงจนกลายเป็นทาสแห่งพวกแอคแลนติกเท่านั้นเอง”
     
    นาธาลพยายามพูดโน้มน้าวไม่ให้ชินฆ่าล้างหมู่บ้านตามความต้องการ เธอจะไม่ยอมให้เปลวไฟที่บริสุทธิ์ต้องกลายเป็นไฟนรกเด็ดขาด...ช่วงนี้คือแยกสำคัญที่จะตัดสิน และดูเหมือนเธอจะทำสำเร็จ เมื่อเห็นว่าแววตาของชินนั้นอ่อนแสงลง...เพราะหลังจากที่ไตร่ตรองดูแล้วก็เห็นตามที่นาธาลบอก ถึงจะฆ่าหมดทั้งหมู่บ้าน สเตล่าก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี ชินจึงไม่เหลือความโกรธอีกแล้วเหลือแต่เพียงความหม่นหมองที่ต้องสูญเสียหญิงที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ
     
    “แต่ว่า...สเตล่า...จริงสิ คุณเป็นคนสร้างสเตล่าขึ้นมาก็น่าจะสามารถชุบชีวิตสเตล่าได้นี่ครับ” ชินถามอย่างมีความหวัง...
     
    “ไม่ได้หรอก...ถึงข้าจะเป็นคนสร้างสเตล่าขึ้นมาก็ตาม แต่นางก็มีจิตวิญญาณที่เป็นตัวของตัวเอง ถ้าหากข้าสร้างภูตรับใช้ขึ้นมาอีกครั้ง...ก็จะเป็นคนใหม่ ไม่ใช่สเตล่าอยู่ดี”
     
    ฟังคำตอบของนาธาลแล้ว แววตาที่มีความหวังของชินก็หม่นหมองลง การตั้งความหวังไว้สูงมันก็ย่อมผิดหวังได้ง่ายเหมือนกัน แต่ในขณะที่ชินทอดอาลัยกับชีวิตตนเองนั้น เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาจุดประกายความฝันของเขาให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
     
    “แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่มีทางในซะทีเดียวหรอกนะ เพียงแต่ว่า...เจ้าเชื่อในพรหมลิขิตหรือไม่...ชิน อาสึกะ” นาธาลถาม
     
    “ผมเชื่อ...เชื่อในด้ายแดงแห่งพรหมลิขิตและเชื่อว่าผมกับสเตล่ามีด้ายแดงแห่งพรหมลิขิตที่เชื่อมต่อกันอยู่...คุณมีวิธีช่วยสเตล่าได้ใช่ไหมครับคุณนาธาล”
     
    “ขึ้นอยู่กับเธอนะ...แต่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน...”
     
    “ข้อแลกเปลี่ยน?...คืออะไรหรือครับ ผมยอมทุกอย่างขอเพียงแค่ให้สเตล่าฟื้นกลับคืนมาเท่านั้น” ชินละล่ำละลักตอบอย่างดีใจ
     
    “ชีวิตของเจ้าไงล่ะ...ข้าตอบแทนของการกระทำนั้น”
     
    “ชีวิตของผม? หมายความว่ายังไงครับ” ชินถามอย่างไม่เข้าใจ
     
    “เจ้าจะต้องตายจากโลกมนุษย์เพื่อที่จะใช้ร่างกายนี้ให้กับสเตล่าใช้เป็นกายหยาบ ส่วนดวงจิตของสเตล่านั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเจ้ากับนางมีความรักมั่นและผูกพันกันเพียงใด...ถ้าเจ้ากับนางรักและผูกพันจริง เจ้าก็จะสามารถนำดวงจิตที่แตกสลายแล้วของนางกลับมา แต่ถ้าไม่...ทุกสิ่งที่เจ้าทุ่มเทไปจะสูญเปล่า เจ้าจะต้องตายและไม่ได้สเตล่าเคียงข้างตลอดไป...เจ้าพร้อมจะเสี่ยงหรือไม่”
     
    “ผมพร้อมจะเสี่ยง” ชินยืนยันหนักแน่น
     
    “ดีมาก...อย่ากังวลเกี่ยวกับตัวเจ้า เพราะจิตวิญญาณของเจ้าไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่เจ้ามีพลังเช่นเดียวกับข้า...ถึงต้องละจากร่างกายของเจ้า เจ้าก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้...ในร่างของการ์เดี้ยนเช่นข้าไงล่ะ” นาธาลชี้แจง
     
    “การ์เดี้ยน?...ผมน่ะหรือ?”
     
    “ใช่...หลักฐานก็คือพลังของเปลวไฟในตัวของเจ้าไงล่ะ ชิน อาสึกะ”
     
    “ผมไม่เข้าใจ...ถ้าผมเป็นการ์เดี้ยนอย่างที่คุณนาธาลพูดมา แล้วผมจะช่วยสเตล่าได้ยังไง”
     
    “มีมนตราของการ์เดี้ยนบทหนึ่งสามารถชุบชีวิตคนตายได้ เรียกว่า มนตร์คืนวิญญาณ แต่มันเป็นมนตราชั้นสูง ผู้ที่จะใช้มันจะต้องมีความผูกพันกับดวงจิตที่จะนำคืนมาอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งข้ามีความผูกพันกับสเตล่าไม่มากนัก ดังนั้นข้าจึงไม่อาจใช้มนตร์บทนี้ได้ แต่ถ้าเจ้าคิดจะเสี่ยงข้าก็พร้อมที่จะช่วยเจ้า...” นาธาลยังพูดไม่จบ ชินก็พูดขึ้นทันทีว่า
     
    “ผมยินดี...แล้วผมจะต้องทำอะไรบ้างล่ะ”
     
    “ถ้าเจ้าตกลงใจแน่นอนแล้ว...ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงสำรวมจิตซะ ชิน อาสึกะ”
     
    เมื่อชินเริ่มหลับตาสำรวมจิตนิ่งแล้ว นาธาลจึงนำคฑายาวประจำตัวออกมาสร้างวงแหวนเวทที่บริเวณที่ชินยืนอยู่แล้วเริ่มร่ายเวทย์
     
    “ขอเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์จงช่วยชำระกายใจของคนผู้นี้ให้ชายหนุ่มผู้นี้กลับคืนสู่การ์เดี้ยนผู้แข็งแกร่งดังเดิมด้วยเถิด....”
     
    สิ้นคำร่ายเวทย์ของนาธาล เปลวไฟก็บังเกิดบริเวณวงแหวนเวทที่ชินยืนอยู่ ไฟนั้นเริ่มลามเลียผิวหนังของเขา แต่น่าประหลาดใจชินนัก เพราะถึงแม้ว่าไฟนั้นกำลังจะแผดเผาร่างของเขาไป แต่เขากลับไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด ตรงกันข้าม...ชินกลับรู้สึกถึงความปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เมื่อเปลวไฟนั้นมอดหมดไป ชินในเครื่องแต่งกายที่เหมือนกับนาธาลก็ปรากฏแทนที่เด็กหนุ่มชาวมนุษย์คนนั้นแล้ว.....บัดนี้ตัวของเขาคือการ์เดี้ยนคนหนึ่งที่มีพลังและอำนาจเทียบเท่ากับนาธาลเลยทีเดียว
     
    นาธาลก้มลงกอบผงธุลีที่อยู่ตรงหน้าการ์เดี้ยนคนใหม่(ชิน)ขึ้นมาเก็บไว้ในขวดแก้วก่อนจะหันไปพูดกับชินว่า
     
    “นี่คือเถ้าธุลีของร่างมนุษย์ของเจ้า เราจะใช้มันเป็นวัตถุดิบในการสร้างร่างของสเตล่าขึ้น...พวกเราไปยังดินแดนระหว่างภพกันเถอะ”
     
    “ผมกลับไปได้แล้วใช่ไหมครับ” ชินถามเพื่อความแน่ใจ
     
    “ได้สิ...เพราะตอนนี้เจ้าก็คือการ์เดี้ยนเหมือนกับข้าแล้วไงล่ะ”
     
    ทั้งนาธาลและชินจึงกลับไปที่ดินแดนระหว่างภพเพื่อใช้มนตร์คืนวิญญาณคืนชีพให้กับสเตล่าโดยเร็ว ในบ้านของนาธาล สติงออกมาเฝ้ามองเหตุการณ์โดยไม่พูดอะไร แต่ทันทีที่เห็นชินการแสดงออกของเขาก็ต่างไปจากเดิม เพราะรัศมีบางอย่างของชินบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกแล้ว แต่สิ่งที่นาธาลและชินสนใจนั้นไม่ใช่สติงแต่เป็นการทำสมาธิเพื่อเตรียมพิธีกรรม
     
    “ชิน ข้าจะเริ่มบริกรรมมนตราแล้วส่วนเจ้าสำรวมจิตปลดปล่อยพลังของตนเองออกมาพร้อมกับถือเถ้าธุลีของร่างกายเจ้าและนึกถึงสเตล่าให้มากที่สุด...สเตล่าจะฟื้นคืนกลับมาหรือไม่ก็ขึ้นกับเราสองคนแล้ว”
     
    “ผมทราบ...” ชินตอบและทำตามที่นาธาลบอกทุกประการ
     
    นาธาลเห็นชินพร้อมแล้วเธอจึงเริ่มสร้างวงแหวนเวทขึ้นครอบคลุมบริเวณทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มบริกรรมมนตราคืนวิญญาณเป็นภาษาโบราณใจความว่า
     
    “ดวงดาวอยู่เคียงคู่กับผืนฟ้า              กระจ่างตางดงามสุกไสว                   แต่เมื่อดวงดาวลาลับไป      ปล่อยให้ฟ้าแสนเศร้าโศกระทม                มาบัดนี้ข้าจะขอพลิกชะตา                นำดารามาคู่ฟ้าให้สุขสม    โปรดคืนชีพสร้างวิญญาณให้ชื่นชม               ได้ครองคู่สมหวังดังใจปอง...........เทพฮาเดส โปรดฟังคำร้องขอที่เอาแต่ใจของข้าในการพาดวงจิตของสเตล่า ลูซิเอ้กลับคืนสู่ดินแดนระหว่างภพด้วยเถิด”
     
    ตลอดเวลาที่นาธาลบริกรรมมนตรานั้นชินก็นึกถึงอดีตที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสเตล่า...มันช่างมีความสุขยิ่งนัก เขารู้สึกได้ดีถึงพลังในร่างกายเขาถูกถ่ายเทออกเป็นเปลวไฟไปรวมกันที่ปลายมือที่เขาถือเถ้าธุลีของร่างกายตนเอง เถ้านั้นค่อยๆรวมกลุ่มกันเกิดเป็นโครงร่างบางที่ชินคุ้นตา...โครงร่างของหญิงอันเป็นที่รักไม่เสื่อมคลาย เมื่อเปลวไฟสิ้นสุดร่างของสเตล่า ลูซิเอ้ก็นอนราบอยู่กับพื้นเบื้องหน้าชินนั่นเอง ขณะที่เขาจะเอ่ยชื่อสเตล่านั้น นาธาลก็พูดแทรกมาว่า
     
    “ไม่ได้นะ ชิน อาสึกะ...นี่เป็นเพียงร่างที่ไม่มีดวงวิญญาณเท่านั้น ตอนนี้แหละที่สำคัญที่สุด ขอให้เจ้ารำลึกถึงสเตล่าให้มาก ถ้าเจ้าเสียสมาธิแล้วล่ะก็...พิธีนี้เป็นอันจบ”
     
    เมื่อได้ยินนนาธาลชี้แนะชินจึงรีบรวบรวมสมาธิใหม่และตั้งจิตถึงสเตล่าอีกครั้ง สักพักใหญ่ก็มีดวงจิตที่ขาวบริสุทธิ์ลอยลงมาจากฟ้าแล้วเข้ามาในร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่เบื้องหน้าชิน สักพักร่างที่นอนอยู่นิ่งเฉยก็กระพริบตาแล้วลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ดวงตาสีชมพูมองเห็นก็คือ...
     
    “ชิน...”
     
    สเตล่ารีบผุดลุกขึ้นพร้อมกับโผกอดชายคนรักโดยเร็ว ส่วนชินก็โอบคนรักไว้อย่างแนบแน่น...หัวใจของเขากลับมาแล้ว คราวนี้เขาจะปกป้องสเตล่าให้ได้ จะไม่ให้เธอจากไปไหนอีก
     
    “สเตล่า...ในที่สุดเธอก็กลับมา...กลับมาหาฉัน”
     
    นาธาลยิ้มให้กับภาพที่เห็น ความจริงแล้วนาธาลก็รักและเอ็นดูสเตล่ากับสติงเหมือนกับน้องสาวกับน้องชายคนหนึ่ง สิ่งใดที่ทำให้ทั้งสองมีความสุขเธอย่อมยินดีอยู่แล้ว เหลือบมองไปเห็นสติงที่มีรอยยิ้มให้กับภาพที่เห็นแต่เป็นรอยยิ้มแบบเศร้าๆ เธอจึงเดินไปหาสติงและเดินนำเขาออกไปจากบริเวณนั้น เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้วเธอจึงเริ่มถามสติงว่า
     
    “สติง...เจ้าคงจะเหงามากสินะ สเตล่าไม่อยู่ด้วยอย่างนี้”
     
    “ก็มีบ้างน่ะครับแต่แค่เห็นสเตล่ายิ้มมีความสุขแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ตัวข้าก็จะอยู่กับนายท่านตลอดไป”
     
    “กฎของการ์เดี้ยนจะสร้างภูตรับใช้ได้ไม่เกิน2คน ตอนนี้สเตล่าไม่ใช่ภูตรับใช้ของข้าอีกแล้ว ข้ามีสิทธิ์ที่จะสร้างภูตรับใช้ขึ้นมาใหม่ได้อีก...”
     
    นาธาลพูดจบก็สร้างภูตรับใช้ขึ้นมาอีกคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมสีฟ้า ดวงตาสีฟ้า บุคลิกสดใสร่าเริง เด็กหนุ่มคนนั้นคุกเข่าตรงหน้านาธาลแล้วเอ่ยถาม
     
    “นายท่านมีสิ่งใดให้ข้าทำหรือครับ”
     
    “ข้าอยากให้เจ้าช่วยสติงในการปราบปรามพวกอสูรแอคแลนติกและผู้รุกรานจากมิติอื่นด้วยกัน...อาว นีเดอร์ นี่คือชื่อของเจ้า”
     
    “อาว นีเดอร์...ชื่อของข้า”
     
    “ใช่ เจ้าชื่ออาว ที่ยืนอยู่ข้างหลังข้าคือสติงเพื่อนใหม่ของเจ้า...สติง เจ้าจงแนะนำเรื่องต่างๆให้อาวด้วยนะ”
     
    “ครับ นายท่าน” สติงตอบรับ
     
    สติงรับคำพร้อมกับยิ้มทักทายเพื่อนใหม่ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบเช่นกัน ชินก็พาสเตล่ามาที่นั้นพร้อมกับคุกเข่าตรงหน้านาธาลพร้อมกับพูด
     
    “คุณนาธาล ขอบคุณนะครับที่ช่วยพาสเตล่ากลับคืนมาหาผม” ชินขอบคุณ
     
    “ไม่เป็นไรหรอก ข้ารักและเอ็นดูสเตล่าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และข้ารู้ว่านางและเจ้ารักกันสุดหัวใจ สิ่งที่ข้าทำได้ก็มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น...อีกอย่างนี่คือเขตแดนของเจ้าแต่เก่าก่อน มาบัดนี้เจ้าคืนฐานะเป็นการ์เดี้ยนโดยสมบูรณ์แล้ว ข้าก็จะขอมอบดินแดนนี้คืนให้กับเจ้า”
     
    “เอ๋??”
     
    “ตัวของเจ้าเมื่อชาติก่อนก็เป็นการ์เดี้ยนที่คอยพิทักษ์มิติเวลาอยู่ยังที่แห่งนี้ จนกระทั่งเจ้าขับไล่พวกแอคแลนติกกลับสู่มิติของตนเองแล้ว แต่เจ้าก็ต้องสละชีวิตไปจนไปเกิดเป็นมนุษย์ ส่วนข้าได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้มาดูแลที่แห่งนี้เพื่อรอเจ้าคืนกลับมา เมื่อเจ้าคืนมาแล้ว ข้าก็จะกลับไปยังที่ของข้าล่ะ”
     
    “นายท่าน...”
     
    “ไม่ต้องเรียกข้าแบบนั้นแล้วล่ะสเตล่า เจ้าไม่ใช่ภูตรับใช้ของข้าแล้ว แต่เป็นของชินต่างหาก ชินเป็นผู้ชุบชีวิตของเจ้าขึ้นมา...พันธะของเราสิ้นสุดกันตั้งแต่เจ้าสูญสลายไปในตอนนั้นแล้ว ตัวของเจ้าในวันนี้เป็นของชินทั้งหมด...ร่างกายเจ้าเกิดขึ้นจากเถ้าธุลีของร่างหยาบของชิน ดังนั้นข้อห้ามของภูตรับใช้จึงไม่จำเป็นสำหรับเจ้าอีกต่อไป เจ้าสามารถไปยังที่ต่างๆด้วยตัวของเจ้าเอง...”
     
    “นายท่าน...ไม่ว่ายังไงข้าก็จะเรียกท่านแบบนี้ เพราะมีท่านข้าจึงได้กำเนิดขึ้น ได้พบและรักกับชิน ข้าจะไม่มีวันลืมนายท่านเด็ดขาด...รวมถึงสดิงด้วย ทุกคนจะอยู่ในความทรงจำของข้าตลอดไป”
     
    “ตามใจเจ้า...”
     
    สเตล่าเดินไปหาสติงแล้วจึงเห็นว่าข้างกายสติงนั้นมีภูตรับใช้คนใหม่ยืนอยู่ เธอจึงยิ้มและหันไปพูดกับสติงว่า
     
    “สเตล่าดีใจจังที่นายท่านมอบเพื่อนคนใหม่ให้กับสติงเพื่อทดแทนสเตล่าด้วย...สติงจะได้ไม่เหงาอีก...เขาชื่ออะไรเหรอ”
     
    “อาวน่ะ...อาว นีเดอร์” สติงตอบ
     
    “งั้นหรือ...สเตล่ามาขอบคุณสติงนะที่คอยดูแลสเตล่ามาตลอด”
     
    “ไม่เป็นไรหรอก...แค่เห็นสเตล่ามีความสุข ข้าก็พอใจแล้ว ตั้งแต่นี้ไปเราอาจจะได้พบหรือไม่ได้พบกันอีกก็ตาม ข้าก็จะนึกถึงน้องสาวที่น่ารักคนนี้ตลอดไป...สเตล่า”
     
    “ขอบคุณนะสติง...พี่ชายที่น่ารักของสเตล่า”
     
    ในช่วงที่สเตล่าพูดคุยกับสติงนั้นนาธาลก็ทำการฟื้นคืนความทรงจำสมัยเป็นการ์เดี้ยนให้กับชินจนสำเร็จ เมื่อทั้งสองลากันเรียบร้อยนาธาลและสติงกับอาวก็หายตัวไป ในดินแดนระหว่างภพนี้จึงเหลือแต่เพียงชินและสเตล่าเท่านั้น
     
    “สเตล่า...ฉันดีใจจริงๆที่เราได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง คราวนี้ฉันจะไม่ให้เธอจากไปไหนอีกแล้ว ฉันสัญญา”
     
    “ชิน...คราวนี้สเตล่าอยู่กับชินตลอดไปได้แล้วใช่ไหม”
     
    “ได้แล้ว...ในที่สุดฉันก็ทำลายข้อกีดขวางเกี่ยวกับมิติเวลาได้เสียที ตอนนี้ฉันจะอยู่ที่นี่กับสเตล่าตลอดไป ที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญาของเรา”
     
    “แต่สเตล่าทำลายโอกาสที่ชินจะได้ถือกำเนิดใหม่ การที่ชินเป็นการ์เดี้ยนนั่นก็หมายความว่าชินจะต้องอยู่อย่างเงียบเหงาในดินแดนแห่งนี้ตลอดไป”
     
    สเตล่าพูดจบก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อชินประทับริมฝีปากทันที ความรักและความห่วงใยสื่อผ่านมาทางสัมผัสนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น สักพักชินจึงพูดออกมาว่า
     
    “ฉันไม่สนใจที่จะเกิดใหม่....ฉันยินดีที่จะอยู่ดินแดนแห่งความเงียบเหงานี้ตลอดไป ขอเพียงมีสเตล่าอยู่ข้างๆฉันก็เพียงพอแล้ว”
     
    “จริงหรือ?”
     
    “จริงสิ...ในตอนที่ฉันเป็นมนุษย์ ฉันอยู่ในโลกที่มีผู้คนมากมายแต่ฉันไม่เคยมีความสุขเลยซักนิดเดียว ความสุขของฉันอยู่กับเธอนะสเตล่า...ทุกๆที่ที่มีเธอฉันมีความสุขที่สุด ฉันรักเธอ รักมากกว่าชีวิตของฉันเอง ขอเพียงแต่ให้อยู่กับเธอ ฉันยอมที่จะตาย...โลกมนุษย์ไม่ใช่ที่ที่ฉันจะอยู่ แต่เป็นดินแดนแห่งนี้ต่างหากที่เป็นทั้งบ้านเกิดและเรือนตายสำหรับฉันร่วมกับเธอใช่หรือไม่?”
     
    “ใช่...ที่นี่เป็นบ้านเกิดและจะเป็นเรือนตายของสเตล่าเช่นกัน ขอโทษนะชินที่สเตล่าพูดบ้าๆออกไป สเตล่ารักชิน และดีใจมากๆเลยที่จะได้อยู่กับชินตลอดไป...ในดินแดนที่จะมีเพียงเราสองคน”
     
    “ใช่สเตล่า...เราจะอยู่ร่วมกันตลอดไปในดินแดนแห่งเราสองคน...ดินแดนแห่งคำมั่นสัญญาของเรา”
     
    ♥♥THE END♥♥
    ********************************************

    ในที่สุดก็ปั่นฟิคเรื่องนี้จบลงได้ด้วยดี ก็ขอขอบคุณทุกคนด้วยนะคะที่เป็นกำลังใจให้ปั่นเรื่องนี้ผ่านมาได้ (ตอนแรกกะจะลบเรื่องนี้ทิ้งอยู่แล้ว...คนอ่านและคนเมนต์น้อยเหลือเกิน) และก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะสำหรับผู้รออ่านอยู่ที่อัพช้าจริงๆ(อันนี้ผู้แต่งขอยอมรับ) แต่ยังไงก็แต่งให้จนจบแล้วนะ...อย่าโกรธกันเลยนะคะ

    สำหรับทุกคนที่สงสัย(หรือลืม)เรื่องที่ชินพูด "ดินแดนแห่งคำสัญญา"นั้นเป็นมาอย่างไร ขอให้ย้อนไปอ่านตอนที่6นะจ๊ะ

    สุดท้ายนี้ผู้แต่งขอบคุณผู้ที่คอมเมนต์เรื่องนี้ทุกคนนะคะ ถ้าไม่มีคอมเมนต์เหล่านั้น เรื่องนี้อาจจะหายไปจากเด็กดี หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีวันจบไปแล้ว... ขอบคุณค่ะ

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×