ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Gundam Seed) Promise Land : ดินแดนแห่งคำมั่นสัญญา

    ลำดับตอนที่ #2 : เด็กหนุ่มที่น่าหวาดกลัว

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 51


    “คุณแม่ครับ”
     
    เสียงเรียกดังมาจากเด็กน้อยผมดำคนหนึ่ง จุดเด่นคงอยู่ที่ดวงตาสีแดงทับทิมประกาย ทำให้ดูดวงไฟที่ลุกโชนน่ากลัวนัก
     
    “กรี๊ดดดด...ฉันไม่ใช่แม่ของแก แกมันเป็นลูกปีศาจ....ใช่ พวกมันเป็นปีศาจที่มาทำลายชีวิตของฉันให้พินาศลง แล้วก็มีแกเป็นมารหัวขนไงล่ะ”
     
    “แม่ครับ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ คุณแม่ไม่รักผมเลย”
     
    เด็กน้อยทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้พร้อมกับวิ่งมาเพื่อจะกอดหญิงสาวที่ถูกเรียกว่ามารดานั้น ซึ่งเธอคิดจะผลักเด็กน้อยออกไป แต่ทันทีที่มือของเธอสัมผัสถูกร่างของเด็กน้อยนั้น เธอก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะมีเปลวไฟมาเผามือของเธอ
     
    “กรี๊ดดดดดดดดด”
     
    “แม่ครับ”
     
    “ซายูริ....ชิน...”
     
    เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนของเด็กน้อยทำให้หญิงชราคนหนึ่งรีบเดินมาอย่างตกใจ เมื่อเธอเห็นภาพทั้งหมดก็สามารถประมวลเหตุการณ์ได้ทั้งหมดทันที หญิงคนนั้นรีบคว้าเด็กน้อยมากอดแนบอก...น่าแปลกที่หญิงชรากลับไม่ถูกไฟเผาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้หญิงสาวแตะต้องตัวเด็กน้อยกลับเจ็บปวดจากการถูกไฟแผดเผา
     
    “ชิน...ไม่ต้องตกใจไปนะลูก”
     
    “คุณยายครับ ทำไมคุณแม่ถึงเกลียดผม ผมทำอะไรผิดหรือครับ” เด็กน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ
     
    “ชินไม่ผิดหรอกลูก ซายูริ...คุณแม่ของหนูมัวแต่คิดถึงอดีตอยู่น่ะ อย่าถือสาแม่ของหนูเลยนะ แม่เขาไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่ยายรักชินเสมอนะ”
     
    “ขอบคุณครับ ผมรักคุณยายที่สุดเลย”เด็กน้อยโผเข้ากอดผู้เป็นยาย ทั้งสองยายหลานต่างกอดกันอย่างมีความสุข
     
    **************************
     
    “กรี๊ดดดดด...พวกแกออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ...ออกไป๊”
     
    เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นในยามเช้านี้ทำเอาเด็กหนุ่มผมสีดำลืมตาตื่นอย่างหงุดหงิด เพราะเสียงกรี๊ดบ้าๆนี่ ทำให้เขาตื่นจากความฝันอันแสนสุข...ฝันถึงคุณยายที่เขารักมากที่สุด แต่ท่านก็จากเขาไปด้วยโรคชรา เมื่อเขาอายุได้12ปี
     
    4ปีที่ผ่านมาเขาต้องอยู่กับมารดาเพียง2คน ในบ้านหลังเก่าที่ไม่มีคุณยายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุด เขาต้องฟังเสียงกรีดร้องเหมือนคนบ้าของมารดาทุกวัน แล้วยังต้องคอยหลบหน้าเพื่อไม่ให้มารดาคลุ้มคลั่งมากขึ้น
     
    “กรี๊ดดดด...อย่าฉีกเสื้อผ้าของฉันนะ ออกไปให้พ้น กรี๊ดดด...”
     
    เสียงกรีดร้องของมารดาที่ยังจมอยู่กับภาพหลอนอันเลวร้ายยังดังออกมาเรื่อยๆ ทำเอาดวงตาสีทับทิมส่อแววหงุดหงิดมากขึ้นจนต้องบ่นออกมาอย่างหัวเสียว่า
     
    “โว้ยยยย...นี่แม่เมื่อไหร่จะเลิกกรีดร้องเป็นคนบ้าอย่างนี้ซะทีนะ น่าเบื่อจริงๆ เรื่องมันผ่านมาตั้ง16-17ปีแล้วแท้ๆ ป่านนี้ไอ้พวกสัตว์พวกนั้นมันตายห่...หรือเข้าซังเตไปหมดแล้ว ยังจะไปจำในจิตใต้สำนึกอีก”
     
    แม่ของเขา...ซายูริ อาสึกะเมื่อ17ปีก่อนถูกพวกกลุ่มโรคจิตประมาณ3-4คนรุมข่มขืนขณะเดินทางกลับบ้าน หลังจากนั้นสติของเธอก็ไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่เพราะมัวแต่คิดถึงความกักขฬะที่พวกนั้นมอบให้เธอ แล้วก็มีเขา...ชิน อาสึกะคนนี้เป็นของแถมไงล่ะ เขาไม่รู้หรอกว่าใครเป็นพ่อของเขา ก็เล่นแพคเกจถึง4คน และเขาก็เชื่อว่าแม่ของเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือพ่อที่แท้จริงของเขา
     
    ด้วยความที่เขามีดวงตาทั้งสองข้างสีแดงก่ำราวกับดวงไฟที่ลุกโชน และมีพลังวิเศษไม่เหมือนคนทั่วไป...ก็คือมีไฟคุ้มกายให้รอดพ้นจากภัยอันตราย ทำให้ตั้งแต่จำความได้ชินถูกมารดาเกลียดชัง กลัว ไม่อยากเข้าใกล้...คำนึงก็ลูกปีศาจ สองคำก็เด็กผี แถมพอจะเข้ามาทำร้ายร่างกายเขาก็ต้องร้องอย่างเจ็บปวด เพราะเมื่อแตะตัวของเขาก็จะมีไฟมาเผาที่มือทำให้ทรมาน ทุกคนในหมู่บ้านก็พลอยกลัวเขาจนไม่กล้าเข้าใกล้ จะมีก็เพียงแต่คุณยายของเขาที่รักและดูแลเขามาตลอด แม้ในตอนที่ท่านจะตายก็ยังเป็นห่วงเขาจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
     
    “ชินอย่าเกลียดตัวเองหรือว่าโลกเลยนะ ทุกสิ่งมันเป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน การที่ลูกมีพลังวิเศษก็อาจมีเหตุผลบางอย่างที่จะต้องใช้มันก็ได้...ยายเชื่อนะ ว่าคงมีสักวันที่จะมีคนมองเห็นจิตใจที่อ่อนโยนและรักชินด้วยหัวใจของหญิงคนหนึ่ง...กว่าจะถึงวันนั้น...ชิน..อดทนไว้นะลูก”
     
    “ครับ...ผมจะอดทนจนถึงวันนั้นครับ...คุณยาย”
     
    ชินพูดเบาๆก่อนจะลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดไปโรงเรียนอย่างเซ็งๆ ไม่ว่าที่ไหนทุกคนก็กลัวเขาไปหมด ขนาดเขาเดินผ่านเด็กยังร้องไห้ด้วยความกลัวเลยทีเดียว
     
    “เฮ้ย...พวกเราเตรียมตัว อาสึกะเดินขึ้นบันไดมาแล้วล่ะ”
     
    เพียงเสียงตะโกนบอกว่าเขาจะมาแล้วเท่านั้น ห้องก็เงียบลงในทันใด
     
    ครืด...
     
    ทันทีที่ร่างของเด็กหนุ่มดวงตาสีทับทิมเดินเข้ามา ห้องก็อยู่ในความเงียบสงบ ทุกสายตาจ้องมาที่เขาอย่างหวาดกลัว
     
    “อรุณสวัสดิ์”
     
    ทักไปก็เท่านั้นแหละ ไร้ประโยชน์...ชินยักไหล่เบาๆ เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะของเขา แล้วเขาก็ได้ยินเสียงทักทายมาจากสาวผมสั้นสีแดงที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา
     
    “อรุณสวัสดิ์ชิน ทำการบ้านเสร็จยังเหรอ”
     
    “เสร็จแล้ว ลูน่าล่ะ”ชินตอบ
     
    “เสร็จแล้ว แต่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เลยอยากขอชินตรวจดูหน่อย นายเรียนเก่งกว่าฉันนี่นา”
     
    “ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยนะลูน่ามาเรีย”
     
    เสียงห้าวดังออกมาจากเด็กหนุ่มผมทองที่นั่งข้างๆเขา...เรย์ ซาบาเรล หนุ่มหล่อผู้เย็นชากับสาวน้อยผู้สดใส...ลูน่ามาเรีย ฮอว์ค มีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่ยอมคุยกับเขา เป็นเพื่อนสองคนที่มีอยู่
     
    การเรียนก็น่าเบื่อเหมือนกับทุกๆวัน...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา ชินคิดอย่างหงุดหงิด..ไปเรียน ทำงานพิเศษแล้วก็กลับบ้าน ชีวิตของเขาคงจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนตายล่ะมั้ง เขาเดินผ่านจนถึงสี่แยกหนึ่ง ถ้าเดินตรงไปเรื่อยๆเขาก็จะกลับถึงบ้านได้เร็ว แต่เขารู้สึกมีบางอย่างเรียกร้องให้เดินเลี้ยวขวาอย่างรุนแรง โดยที่ตัวของชินเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
     
    “เอาวะ...เลี้ยวขวาก็ได้ ยังไงทางนั้นก็กลับบ้านได้เหมือนกันนี่นา”
     
    ชินพูดกับตนเองก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังทางที่ใจต้องการ(เลี้ยวขวา) เขาเดินไปอย่างไม่คิดอะไรมากและกว่าจะรู้อีกครั้ง บรรยากาศรอบข้างเขาก็มืดทะมึนแล้ว ทั้งๆที่พึ่งจะ5โมงกว่า ความเงียบเข้าปกคลุม วิวรอบข้างก็เปลี่ยนไป หมอกเริ่มหนาครึ้ม
     
    “เฮ้ย...มันเป็นไปได้ยังไงเนี้ย ไอ้หมอกเนี่ยไม่เคยมีเลยนี่นา”
     
    ชินเดินอย่างเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น และเมื่อหมอกจางลง ชินก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมีร่างสูงใหญ่ของสัตว์ประหลาดมายืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงหน้า มือที่มีเล็บยาวแหลมยื่นออกมาข้างหน้าเหมือนกับปรารถนาฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ
     
    “ว้ากกก...ออกไปให้พ้นจากหน้าของฉันนะ”
     
    ชินตะโกนออกมาแบบหลับหูหลับตา ภาพเบื้องหน้านั้นน่ากลัวเกินคำบรรยาย เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต แล้วพลังของเขาก็เริ่มแสดงออกมาอีกครั้ง...มีเปลวไฟโอบล้อมชินไว้ ทำให้มือและรวมถึงตัวของอสูรนั้นถูกเผาเป็นขี้เถ้าไปในที่สุด เพียงแต่ชินมัวแต่หลับตาอยู่จึงไม่รู้ความจริงในข้อนี้ว่าเขาเป็นผู้กำจัดอสูรไปแล้วจนกระทั่ง...
     
    “เห...มีมนุษย์สามารถเข้ามาในประตูระหว่างภพได้ด้วย...เจ้าเป็นใคร รีบไสหัวกลับไปที่โลกเดิมของเจ้าเดี๋ยวนี้”
     
    ชินลืมตามองมาอีกครั้ง...ในที่ที่ปีศาจเคยอยู่กลับแทนที่ด้วยเด็กหนุ่มผมและดวงตาสีเขียวกับเด็กสาวผมทองดวงตาสีชมพูแต่งกายโบราณยืนอยู่
     
    “ที่นี่เรียกว่าประตูระหว่างภพหรือครับ...ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ผมก็แค่เดินกลับบ้านเท่านั้น” ชินตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่มันก็กวนอารมณ์คนได้ที่ สติงเลยยิงธนูไปด้วยความหมั่นไส้ เขากะแค่เฉี่ยวๆเท่านั้น แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อธนูของเขากลับหยุดนิ่งอยู่แค่กำแพงเปลวไฟรอบเด็กหนุ่มผมดำนั้น
     
    “สติง หยุดก่อนเถอะ สเตล่าว่าคนคนนี้คงไม่ได้ตั้งใจหรอก...ถ้ายังไงเราไปเชิญนายท่านมาแก้ปัญหาเรื่องนี้เถอะ” เด็กสาวผมสีทองออกความเห็น
     
    “นั่นสิ พวกเรา2คนก็ส่งมนุษย์คนนี้กลับโลกเดิมของเขาไม่ได้ซะด้วย เจ้าไปเรียนนายท่านเถอะสเตล่า ข้าจะอยู่เฝ้าเจ้านี่เอง”
     
    “ระวังข้างหลัง”
     
    ชินร้องตะโกนไปสุดเสียงอยู่ภายในกำแพงเปลวไฟเมื่อเห็นพวกปีศาจกำลังเข้ามาทำร้ายเด็กหนุ่มสาวทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่หลบได้อย่างรวดเร็ว ฝูงปีศาจตรงเข้าเล่นงานทั้งสองอย่างกับไม่ให้ตั้งตัว มีปีศาจบางตนคิดจะเล่นงานชินแต่ก็ถูกเปลวไฟจากกำแพงไฟนั้นแผดเผาไป จนไม่มีปีศาจตนไหนคิดมาเข้าใกล้ชินอีกเลย ชินจึงมองดูการต่อสู้ของทั้งสองอย่างเพลิดเพลิน
     
    เด็กหนุ่มผมเขียวที่ชื่อสติงนั้นต่อสู้ได้เข้มแข็งสง่างามมาก ธนูของเขายิง1ดอกแต่ไปกำจัดปีศาจได้3ตน ส่วนเด็กสาวผมทองที่ชื่อสเตล่านั้นใช้มีดสั้น2ด้ามเป็นอาวุธดูแล้วเหมือนจะเสียเปรียบกว่าสติงที่ใช้ธนู แต่เธอก็ใช้มันได้อย่างดี ไม่มีช่องโหว่เลย แถมยังเป็นท่าที่พริ้วไหวสวยงามเหมือนกำลังเต้นรำอยู่อย่างนั้น แต่ฝีมือการแทงมีดนั้นไม่ได้นุ่มนวลอย่างท่าเต้นเลย...มีดที่แหลมคมนั้นปักบนเป้าหมาย(หัวใจ)ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ทำเอาชินมองตามอย่างเคลิบเคลิ้มไปเลย และเมื่อมีพวกเล่นไม่ซื่อคิดจะเป่าลูกดอกใส่ข้างหลังสเตล่า เขาก็รีบยกมือยื่นออกไปข้างหน้าทันที
     
    “หยุดนะ ห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด”
     
    เพราะได้ยินเสียงพูด ทำให้สเตล่าหลบลูกดอกได้ทันท่วงที แต่มันก็เกี่ยวเสื้อผ้าของเธอจนขาดไป ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากมือของชินแล้วไปเผาปีศาจตนนั้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำจนเขาหันมามองมือของตนเองอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะคิดได้ว่าควรจะใช้ไฟนี้กำจัดปีศาจที่น่าขยะแขยงทิ้งไปให้หมด แล้วเมื่อชินใช้เปลวไฟ พวกอสูรต่างก็หนีกลับไปยังถิ่นของตนเอง สเตล่าจึงหันไปขอบคุณชิน
     
    “ขอบคุณนะคะที่ช่วยสเตล่าไว้...เอ่อ...”
     
    “ชินครับ...ชิน อาสึกะ” ชินตอบ
     
    เมื่อมองหน้าเด็กสาวดีๆก็น่ารักเหมือนกัน ผ้าที่ขาดตรงช่วงเนินอกนั่น ทำให้เขาเห็นผิวที่ขาวเนียนบริเวณใกล้ทรวงอกได้เป็นอย่างดี แล้วยังท่าทางอายๆของเธออีก...มันช่างทำให้ใจของเขาเต้นรัวไม่หยุด ใบหน้าก็ร้อนผ่าวไปหมด
     
    “ค่ะ...ขอบคุณนะชิน ถ้าไม่ได้ชิน สเตล่าคงตายไปแล้ว...เอ่อ..ฉันชื่อสเตล่าค่ะ สเตล่า ลูซิเอ้” เด็กสาวพูดยิ้มๆ เธอไม่รู้เลยว่าการทำแบบนี้มันเหมือนกับใช้หมัดต่อยทำKOชินไปแล้วเรียบร้อย ชินมัวแต่ตะลึงค้างกับรอยยิ้มที่น่ารักของเธอ จนไม่ได้มองเลยว่ามีคนมาปรากฏเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว จนกระทั่ง
     
    “จงหลับไปเดี๋ยวนี้”
     
    สิ้นเสียงการร่ายเวทย์ ชินก็รู้สึกง่วงกระทันหันจนล้มลงไป สเตล่ารีบวิ่งไปรับร่างของชินไว้ ด้วยร่างที่เล็กกว่าชิน ทำให้เหมือนเด็กสาวกอดชินไว้เลยทีเดียว เธอหันไปทางต้นเสียงแล้วก็อุทานขึ้นพร้อมกับสติง
     
    “นายท่าน”
     
    ที่แท้เป็นนาธาลนั่นเอง เธอมองสถานที่ไปรอบๆที่ยังมีสะเก็ดไฟอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นว่า
     
    “ไฟพวกนี้เป็นของเด็กหนุ่มคนนี้หรือ”
     
    “ครับนายท่าน จู่ๆเขาก็เดินเข้ามา ระหว่างที่ข้ากำลังถามเขาอยู่ก็มีพวกแอคแลนติกโผล่มา พวกเราก็เลยไปสู้กับมัน แต่เขาเป็นผู้ควบคุมไฟได้ เขามีกำแพงเปลวไฟแล้วก็สามารถควบคุมเปลวไฟในการกำจัดพวกแอคแลนติกได้เช่นกัน ทั้งๆที่เป็นมนุษย์ธรรมดาแท้ๆ”
     
    “งั้นหรือ ถ้าอย่างนั้น...”
     
    นาธาลพูดแล้วเดินไปหาชินที่อยู่ในอ้อมแขนของสเตล่าพร้อมพูด
     
    “สเตล่า..ส่งเด็กหนุ่มคนนั้นมานี่สิ”
     
    “นายท่านจะทำอะไรชินหรือคะ” สเตล่าพูดอย่างแปลกใจ สองแขนกอดชินไว้แน่น
     
    “ฉันจะลบความทรงจำที่นี่ไปแล้วส่งเขากลับโลกมนุษย์เหมือนเดิม เพราะเขาอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก...เขาอยู่คนละโลกกับเจ้านะ”
     
    “แต่สเตล่ายังอยากคุยกับชินอยู่นี่คะ”
     
    “ไม่ได้ วางเด็กคนนั้นลงนะสเตล่า”
     
    นาธาลเริ่มเสียงเข้ม สเตล่าจึงวางชินให้ลงนอนที่พื้นอย่างแผ่วเบาก่อนเดินไปยืนข้างหลังกับสติง นาธาลจึงเริ่มบริกรรมคาถาจนเกิดวงแหวนรอบตัวของเธอและชินที่นอนอยู่ตรงหน้า แต่เมื่อเธอยื่นมือจะไปแตะเด็กหนุ่มก็ต้องรีบชักมือกลับเพราะรู้สึกเหมือนไฟลวก
     
    “เวทย์คุ้มกันงั้นเหรอ”
     
    แต่เมื่อนิ่งไปซักพัก นาธาลก็ต้องอุทานขึ้นอย่างแปลกใจว่า
     
    “หรือว่าเขาจะเป็น...”
     
    เธอพูดได้เท่านี้ก็เริ่มบริกรรมคาถาต่อ แต่คราวนี้เธอยกมือเหนือศีรษะ ไม่สัมผัสกายเด็กหนุ่มอีก
     
    “เราขอใช้เวทย์เพื่อลบความทรงจำในช่วงที่อยู่ประตูระหว่างภพนี้กับชิน อาสึกะ เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้งขอให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างในนี้ แล้วใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ”
     
    แสงสีม่วงลอยจากมือของนาธาลลงไปที่ใบหน้าของชินก่อนที่จะมีกลุ่มควันเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วเมื่อควันจางลงร่างของชินกับนาธาลก็หายไป

    ----------------------------------------------------------------

    ตอนแรกว่าลงเรื่องนี้ 1 ตอน แล้วจะไปอัพเรื่อง Love in Death ต่อ แต่พอเห็นว่า "ไม่มีคนคอมเมนต์" ให้เลยก็อึ่งไปนิด เลยจะขอลองเอาตอนนี้มาลงอีกตอน ถ้ายังไม่มีคอมเมนต์ให้อีกล่ะก็ แสดงว่าเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจพอ ก็จะขอลบเรื่องนี้ออกไปเลยแล้วกัน แต่ถ้ามีคนคอมเมนต์ให้ เราก็ยังแต่งต่อไปเรื่อยๆ

    เรื่องนี้เราแต่งให้คู่ "ชิน-สเตล่า" คู่เดียวเท่านั้น ไม่มี KL หรือ AC หรอกนะคะ

    ก็จะขอใช้เรื่องนี้พิสูจน์เลยแล้วกันว่าถ้าไม่ใช่2คู่นั้นแล้ว จะยังมีคนอ่านอีกหรือเปล่า เพื่อใช้เป็นแนวทางในเรื่องต่อไป

    ก็ขอรอความหวังจากผู้อ่านทุกท่านนะคะ อ่านแล้วเมนต์อะไรก็ได้ เพราะถ้าคอมเมนต์เป็น0 มันหมดกำลังใจที่จะแต่ง...คงไม่ขอมากไปใช่ไหมคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×