ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8: ก้าวแรกของการเป็นนักเรียน
มัลฟอยมองตามเจนนี่ซึ่งได้วิ่งหายเข้าไปในปราสาท ก่อนที่จะหันกลับมาพิงต้นไม้ โดยมีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้า แต่ในขณะเดียวกัน หัวใจของเขากลับเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะเมื่อสักครู่.......... เขาแทบจะสามารถนับหยดเหงื่อบนใบหน้าของเจนนี่ได้เลยทีเดียว ........
“....เมื่อกี้ทำไมเราไม่..........” มัลฟอยหยุดคิดแค่นั้น เขาส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดบ้าๆออกไป แล้วถอนหายใจยาวเพื่อปลดปล่อยความตื่นเต้นที่ยังคั่งค้างให้ออกไปให้หมด
.......ฉันน่าจะบอกเขาไปนะ................ว่าคิดยังไงกับเขา.............
............แต่ว่า ....ถ้าเขา...........ปฏิเสธล่ะ....................เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานเองนะ
.........ไม่บอกเขา แล้วจะรู้มั้ยล่ะ............ว่าเขาจะปฏิเสธรึเปล่า............มัลฟอยสูดลมหายใจเข้าลึก
.............เอาล่ะ..........ฉันตัดสินใจแล้ว...............ฉันจะบอกเขา ..
“ฉันชอบเธอ...... เจนนี่” มัลฟอยพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น.......
*********************
ทันทีที่เจนนี่เข้ามาในห้องต้องประสงค์ เธอก็รีบพุ่งมายังที่เตียงนอนแล้วล้มตัวลงโดยเอาหน้าคว่ำลงไปบนหมอน
“ฉันไม่น่าหลอกเค้าๆๆๆๆๆๆๆ” เธอพูดใส่หมอนด้วยอารมณ์ แล้วพลิกหงายตัวขึ้นมาจ้องมองเพดาน พลางใช้มือทุบลงบนฟูกเบาๆ
“เย็นนี้ เขาก็ต้องรู้ความจริงแล้ว ..........เขาต้องช็อคและโกรธมากแน่ๆ” เจนนี่พูดกับตัวเองอย่างโกรธๆที่เธอไปหลอกมัลฟอยว่าเธออยู่บ้านสลิธีรินตั้งแต่แรก ความรู้สึกผิดถาโถมใส่เจนนี่มากขึ้นอีก เจนนี่หลับตาลงสักพัก ก่อนที่จะลืมตาโพลงขึ้นมาอีก
“ช่วยไม่ได้นี่นา เขาอยากเอาล็อกเกตของฉันไปเองนี่” เจนนี่ลุกพรวดขึ้นแล้วตรงไปที่ชั้นหนังสือ เธอหยิบหนังสือที่คิดว่าน่าสนใจมากที่สุดมา2-3เล่ม แล้วนำมานั่งอ่านบนเตียงด้วยความหวังที่ว่ามันจะทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องน่ากลุ้มใจไปได้บ้าง แต่ดูท่าทางมันจะไม่ค่อยเป็นอย่างที่หวังเท่าไรเลย.........
**************************
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ห้องโถงในค่ำของวันอาทิตย์ถูกจัดให้เหมือนกับวันเปิดเทอมวันแรก  แป้นทรงสูงที่ใช้สำหรับวางหมวกคัดสรรวางตั้งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทานอาหารของคณาจารย์ มัลฟอยและพรรคพวกทำหน้าฉงนหลังจากที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงมี่ก้าว
“พิธีคัดสรรเหรอ กลางปีการศึกษาเนี่ยนะ” มัลฟอยหันไปถามแครบและกอยล์ ทั้งคู่ส่ายหน้าตอบกลับมา
“ฉันลืมไป พวกนายไม่น่าจะรู้อะไรนักหรอก” มัลฟอยพูดหมิ่นๆ แล้วเขาก็เห็นแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่นั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารกริฟฟินดอร์ เขาจึงตรงรี่ไปหาทั้งคู่ทันที
“ปัญหาใหญ่ก็คือ....หนังของมังกร ทนต่อคาถามาก “ เฮอร์ไมโอนี่บ่นกับแฮร์รี่เบาๆ แฮร์รี่เองก็ได้แต่กุมขมับ พวกเขาเสียเวลาไปกับการค้นหาข้อมูลของมังกรทั้งวัน แต่กลับไม่ได้อะไรคืบหน้าเลย
“เอ.......มันเกี่ยวกับภารกิจอะไรนั่นรึเปล่าน้า.....” เสียงยานคางดังขึ้น แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง ทั้งคู่รู้ทันทีว่าใครคือเจ้าของเสียง
“น...นายพูดถึงอะไร มัลฟอย” แฮร์รี่อึกอักถามมัลฟอยซึ่งกำลังทำหน้ายียวนใส่เขา โดยมีแครบกับกอยล์ยืนหนุนหลังเขาอยู่เช่นเคย
“ก็ ที่วันนี้ห้องโถงดูแปลกๆน่ะสิ” มัลฟอยขมวดคิ้วตอบ เฮอร์ไมโอนี่แอบถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก
“สงสัย จะมีการใช้หมวกคัดสรรมาทำนายตัวแทนแต่ละคนมั้ง ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ และใครเป็นผู้แพ้” มัลฟอยพูดเน้นเสียงอย่างหาเรื่อง ลูกสมุนทั้งสองหัวเราะชอบใจ
“ไม่ใช่สักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งออกมา มัลฟอยหันขวับไปทางเธอ
“ฉันไม่ได้พูดกับเธอยัยเลือดสีโคลน อย่ามาทำเป็นรู้มาก” มัลฟอยพูดอย่างเหยียดหยาม เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่กำมือแน่น แฮร์รี่รีบสวนกลับทันที “นายอย่าอยู่แถวนี้นานดีกว่านะ มัลฟอย ถ้ายังไม่อยากเป็นตัวเฟเรตอีกรอบ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่นานนักหรอก เหม็นกลิ่นโคลนเต็มที” แล้วมัลฟอยก็หันกลับไปทางโต๊ะของบ้านตัวเองทันที
เมื่อนักเรียนทุกบ้านมากันครบแล้ว ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงลุกขึ้นยืน และบอกกับนักเรียนด้วยเสียงกังวานไปทั่วห้องโถง
“วันนี้เรามีเซอร์ไพรส์...... การคัดสรรนักเรียนคนใหม่ของฮอกวอตส์ในกลางปีการศึกษาซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.......” เสียงซุบซิบของบรรดานักเรียนดังหึ่งขึ้นมาจนศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ต้องกระแอมหนึ่งที แล้วพูดต่อ
“เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินเล็กน้อย ทำให้เธอผู้นี้ย้ายมาโรงเรียนเรากะทันหัน ก่อนหน้านี้เธอได้เคยมาเดินสำรวจในบริเวณโรงเรียนอย่างไม่เป็นทางการ จึงอาจจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของบางคนที่บังเอิญได้พบเธอ.... และฉันหวังว่า นักเรียนของเราคงจะให้การต้อนรับและเข้ากันกับเธอได้เป็นอย่างดี.....” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หลิ่วตามาทางโต๊ะกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่แอบยิ้ม
“เข้ามาได้” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดเสียงก้อง แล้วประตูห้องโถงก็เปิดออก....
************************
แสงจากเทียนกลางอากาศนับพันกระทบบนใบหน้าของเจนนี่ทันทีที่ประตูเปิดออก แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ให้หน้าจองเธอร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้ ในขณะนี้
เจนนี่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนฮอกวอตส์กำลังยืนขาสั่นน้อยๆ เธอพยายามรวบรวมกำลังที่จะก้าวขาไปข้างหน้า เจนนี่ค่อยๆเดินไปตามทางโดยไม่มองสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมา แต่เจนนี่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางโต๊ะที่มีนักเรียนพันผ้าพันคอสีส้มสลับแดง แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่กำลังยิ้มกว้างให้เธอ นั่นทำให้เจนนี่รู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง
เพล้ง....เสียงแก้วแตกดังขึ้นมาจากอีกฝากหนึ่งของห้องโถง เจนนี่และนักเรียนบางคนหันไปทางต้นเสียง แต่แล้ว.... เจนนี่ก็รีบหันกลับทันทีและพยายามไม่หันไปมองอีกรอบ
แก้วน้ำฟักทองแตกคามือของมัลฟอย น้ำฟักทองไหลนองปนกับเลือดจากมือของเขา เขามองตามเจนนี่ที่ก้มหน้าก้มตาเดินไปทางแป้นวางหมวกคัดสรรตลอดทางอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“น.......นี่มันอะไรกัน” เขาพึมพำเบาๆอย่างสับสน แครบกับกอยล์มองมัลฟอยอย่าง งงๆ ทั้งคู่รู้ดีว่าไม่ควรถามอะไรเขาตอนนี้
อีกคนที่มีอาการทำนองเดียวกันกับมัลฟอย ก็คือแพนซี่ ซึ่งกำลังบีบส้อมไว้แน่นจนแทบจะหักคามือเช่นกัน.....
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินมาพร้อมกับในมือถือหมวกทรงสูงที่เก่าคร่ำคร่า แล้ววางมันลงบนแป้นวาง
“พอฉันขานชื่อให้หยิบหมวกมาใส่และนั่งลงบนแป้นสูง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกเจนนี่
“แอนเดอร์สัน, เจนนิเฟอร์” เจนนี่ก้าวขึ้นไปหยิบหมวกคัดสรรวางลงบนหัว แล้วนั่งลงบนแป้นด้วยใจลุ้นระทึกพอๆกับเพื่อนของเธอที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ รอยขาดบนหมวกเริ่มขยับ
“อืมมมมม..... วิเทลเนียร์รึ  .....ไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน  พลังเวทมนตร์มีมากเหลือเกิน ฉลาดปราดเปรื่อง เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและไหวพริบ ความกล้าหาญอย่างหาได้ยากในผู้หญิง และความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้  อืม.............ตัดสินใจได้ยากจริงๆว่าจะส่งเธอไปบ้านไหน...........” หมวกคัดสรรพูดกับเจนนี่ เจนนี่รู้ดีว่าเธออยากอยู่บ้านไหน และเธอก็ภาวนาให้ตัวเองสมหวัง
“กริฟฟินดอร์ ปี4!” เจนนี่ยิ้มกว้างทันที
นักเรียนโต๊ะกริฟฟินดอร์ปรบมือกันกึกก้อง โดยมีแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่กระโดดขึ้นปรบมืออย่างออกหน้า เจนนี่วางหมวกคัดสรรลงบนแป้นสูงแล้ววิ่งตรงไปหาเพื่อนของเธอทันที
“ในที่สุด เราก็ได้อยู่บ้านเดียวกันจริงๆซะทีนะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแก้มปริไม่ต่างกับแฮร์รี่
“ฉันดีใจจริงๆเลย” เจนนี่บอกกับเพื่อนทั้งสอง
“นั่งลงเถอะ ได้เวลาทานอาหารค่ำแล้ว” แฮร์รี่บอกเจนนี่ เจนนี่จึงนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆเด็กชายร่างสูง ผมสีแดงเพลิง ใบหน้าตกกระซึ่งกำลังส่งยิ้มให้เธออย่างต้อนรับปนกับงงเล็กน้อยที่เจนนี่รู้จักกับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ด้วย เจนนี่รู้ทันทีว่าเป็นรอน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะรอน” เจนนี่ทักทายรอน
“เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ” รอนงงหนักกว่าเดิม
“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะ” เจนนี่ยิ้มตอบ
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยืนขึ้นอีกครั้งพร้อมกางแขนออก ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงกึกก้อง
“กินให้อร่อย” จานอาหารที่เคยว่างเปล่าตอนนี้กลับมาอาหารเติมเต็มขึ้นเอง เจนนี่ทำตาโต ก่อนที่จะลงมือทานอาหารตรงหน้าเหมือนกับนักเรียนคนอื่น
“นี่ๆ เจนนิเฟอร์ ทำไมหมวกคัดสรรถึงคัดให้เธอมาอยู่ปี4เลยล่ะ” หนึ่งในสองฝาแฝดตระกูลวิสลีย์ถามขึ้นโดยมีมันบนอยู่เต็มปาก(เจนนี่แยกไม่ออกว่าคนไหนคือเฟรดหรือจอร์จ)
“เรียกฉันว่าเจนนี่ก็พอ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”เจนนี่ตอบ แต่แฮร์รี่แอบกระซิบกับเจนนี่ว่า
“ฉันว่าเป็นเพราะเธอเป็นวิเทลเนียร์นะ วิเทลเนียร์มีพลังเวทมนตร์มากกว่าพ่อมดแม่มดทั่วไปนี่” เจนนี่พยักหน้ารับ “ก็อาจจะใช่”
************************
ในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มัลฟอยกลับไม่ทานอะไรเลย เขาเอาแต่จ้องมองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์
“คนหลอกลวง ” มัลฟอยเค้นเสียงในลำคอเบาๆเพื่อไม่ให้มีใครได้ยินพลางจ้องไปทางเจนนี่อย่างไม่ละสายตา มือของเขากำมีดหั่นสเต็กจนสั่น
“ยายนั่นมันเป็นใครกัน” แพนซี่เองก็เอาแต่พึมพำและไม่ยอมกินอะไรเช่นกัน เธอเริ่มสังเกตเห็นมัลฟอยที่เอาแต่มองเจนนี่
“เดรโก สนใจอะไรยายนั่นเหรอ ฉันว่า น่าหมั่นไส้ ขยะแขยงจะตาย เข้ากับพวกเลือดสีโคลนได้ดีซะด้วย คงจะพวกเดียวกัน ” แพนซี่พูดอย่างกระแนะกระแหน
“หยุดพูดได้แล้วพาร์กินสัน!!!” มัลฟอยตะคอกใส่แพนซี่ แล้วลุกพรวดขึ้น เขาสาวเท้าออกไปจากห้องโถงทันที ปล่อยให้แพนซี่หน้าเจื่อนอยู่อย่างนั้น
******************************
ถึงแม้ว่าอาหารมื้อนี้จะเอร็ดอร่อยแค่ไหน เจนนี่ก็รู้สึกทานไม่ค่อยลง ความกลุ้มใจจากเมื่อกลางวันมันยังค้างอยู่ในหัวสมองของเจนนี่ตลอดเวลา เจนนี่วางมีดส้อมลงข้างจานที่ยังเหลืออาหารอยู่เต็มแล้วยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม
“อิ่มแล้วเหรอเจนนี่” แฮร์รี่รีบถามขณะกัดสเต็กชิ้นใหญ่
“อืม ฉันขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกันที่หอนอนล่ะ” เจนนี่ลุกขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะอ้าปากถามบ้าง  เจนนี่เดินออกไปจากห้องโถงทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าแพนซี่เองก็ลุกออกจากโต๊ะอาหารเหมือนกัน
นอกห้องโถงมืดสลัวมากเพราะเป็นเวลาค่ำแล้ว เจนนี่เลี้ยวตรงมุมกำแพงเพื่อที่จะกลับหอนอน แต่มีบางอย่างฉุดเธอไว้
“ว่าไงเด็กใหม่” แพนซี่ผลักเจนนี่ติดกำแพง
“เรายังมีเรื่องที่ต้องสะสางกันอีกเยอะ” แพนซี่พูดเสียงเย็นชา
“ทำไมล่ะ คราวที่แล้วยังเปื้อนโคลนไม่พอรึไง” เจนนี่ตอบอย่างไม่เกรงกลัว แพนซี่กระชากคอเสื้อเจนนี่แล้วเงื้อมือขึ้นทันที แต่แพนซี่ก็ต้องหยุดเพราะมีบางอย่างมาจี้ที่คอของเธอ ซึ่งนั่นทำให้เจนนี่หน้าซีดลงเช่นกัน
“จะทำอะไรน่ะพาร์กินสัน” มัลฟอยพูดยานคางขณะที่มือถือไม้กายสิทธิ์จี้คอแพนซี่ไว้
“ฉ...ฉัน....” แพนซี่พูดเสียงสั่น
“อยากให้โดนหักคะแนนบ้านหรือไม่ก็โดนฟิลซ์ลงโทษมากงั้นสิ” มัลฟอยพูดเชิงขู่ “ไปซะ!!!”
แพนซี่ส่งสายตาอาฆาตมายังเจนนี่แล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทันที เหลือมัลฟอยกับเจนนี่ท่ามกลางความเงียบสงัด
“ข....ขอบใจ”
“ไม่ต้องมาขอบใจฉัน” มัลฟอยตอบเสียงเย็นโดยไม่มองหน้าเจนนี่แล้วเงียบไป เจนนี่พยายามจะหาคำพูดแต่ก็นึกไม่ออกเลย  แต่แล้ว มัลฟอยก็หันมาหาเธอ
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เจนนี่ได้แต่นิ่งอึ้ง
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง!!!!!!” .... ปึ้งงงง..... มัลฟอยพูดซ้ำพร้อมกับกระแทกฝ่ามือบนกำแพงดังลั่น เฉียดหน้าเจนนี่ไปนิดเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ผลักไหล่ของเจนนี่กระแทกกำแพง
“โอ้ย!!” เจนนี่ร้องด้วยความเจ็บ
“เธอหลอกฉัน เธอโกหกทุกอย่าง เธอทำแบบนี้ทำไม!!!!!” มัลฟอยตะคอกใส่เจนนี่ไม่ยั้ง เขาก้มหน้าลงมาใกล้จนเจนนี่เห็นชัดถึงสีหน้าที่เกรี้ยวกราดของเขา มัลฟอยบีบไหล่เจนนี่แน่น
“โอ้ย.....เจ็บนะ” เจนนี่โอดครวญ
“เจ็บงั้นเหรอ มันเทียบกับความรู้สึกของฉันตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!!” มัลฟอยพูดอย่างปวดใจ เจนนี่พยายามสะบัดให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล
“เธอทำกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่คน” เสียงมัลฟอยเริ่มสั่น เขาเอาหน้าผากวางลงบนกำแพงเหนือไหล่ของเจนนี่ ทำให้ร่างของเขากับเจนนี่แนบชิดกันมาก เจนนี่ทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้ ทั้งความตกใจและรู้สึกผิดได้สุมอยู่ในตัวเธอจนแทบจะล้นออกมา เธอได้แต่ยืนตัวสั่นภายใต้อ้อมแขนของมัลฟอย
มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองเจนนี่อีกครั้งด้วยสายตาที่เย็นชากว่าเก่า
“ถือซะว่าที่ผ่านมา เป็นเพียงความฝันละกัน”มัลฟอยพูดอย่างเก็บกดอารมณ์ไว้
“ต่อจากนี้ไป .....ในความเป็นจริง........ เธอกับฉันเป็นศัตรูกัน” มัลฟอยพูดอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจนนี่ด้วยสายตาที่เจ็บปวด
“ไม่...” เจนนี่พยายามที่จะขอร้อง แต่เขาไม่รอฟังคำพูดของเธอ เขาสะบัดหน้าหนีแล้วเดินจากไปทันที ร่างของเจนนี่แทบจะลงไปกองกับพื้น น้ำตาของเจนนี่เริ่มไหลผ่านแก้มของเธอทีละหยดๆ...............
*************************
“....เมื่อกี้ทำไมเราไม่..........” มัลฟอยหยุดคิดแค่นั้น เขาส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดบ้าๆออกไป แล้วถอนหายใจยาวเพื่อปลดปล่อยความตื่นเต้นที่ยังคั่งค้างให้ออกไปให้หมด
.......ฉันน่าจะบอกเขาไปนะ................ว่าคิดยังไงกับเขา.............
............แต่ว่า ....ถ้าเขา...........ปฏิเสธล่ะ....................เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานเองนะ
.........ไม่บอกเขา แล้วจะรู้มั้ยล่ะ............ว่าเขาจะปฏิเสธรึเปล่า............มัลฟอยสูดลมหายใจเข้าลึก
.............เอาล่ะ..........ฉันตัดสินใจแล้ว...............ฉันจะบอกเขา ..
“ฉันชอบเธอ...... เจนนี่” มัลฟอยพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น.......
*********************
ทันทีที่เจนนี่เข้ามาในห้องต้องประสงค์ เธอก็รีบพุ่งมายังที่เตียงนอนแล้วล้มตัวลงโดยเอาหน้าคว่ำลงไปบนหมอน
“ฉันไม่น่าหลอกเค้าๆๆๆๆๆๆๆ” เธอพูดใส่หมอนด้วยอารมณ์ แล้วพลิกหงายตัวขึ้นมาจ้องมองเพดาน พลางใช้มือทุบลงบนฟูกเบาๆ
“เย็นนี้ เขาก็ต้องรู้ความจริงแล้ว ..........เขาต้องช็อคและโกรธมากแน่ๆ” เจนนี่พูดกับตัวเองอย่างโกรธๆที่เธอไปหลอกมัลฟอยว่าเธออยู่บ้านสลิธีรินตั้งแต่แรก ความรู้สึกผิดถาโถมใส่เจนนี่มากขึ้นอีก เจนนี่หลับตาลงสักพัก ก่อนที่จะลืมตาโพลงขึ้นมาอีก
“ช่วยไม่ได้นี่นา เขาอยากเอาล็อกเกตของฉันไปเองนี่” เจนนี่ลุกพรวดขึ้นแล้วตรงไปที่ชั้นหนังสือ เธอหยิบหนังสือที่คิดว่าน่าสนใจมากที่สุดมา2-3เล่ม แล้วนำมานั่งอ่านบนเตียงด้วยความหวังที่ว่ามันจะทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องน่ากลุ้มใจไปได้บ้าง แต่ดูท่าทางมันจะไม่ค่อยเป็นอย่างที่หวังเท่าไรเลย.........
**************************
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ห้องโถงในค่ำของวันอาทิตย์ถูกจัดให้เหมือนกับวันเปิดเทอมวันแรก  แป้นทรงสูงที่ใช้สำหรับวางหมวกคัดสรรวางตั้งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทานอาหารของคณาจารย์ มัลฟอยและพรรคพวกทำหน้าฉงนหลังจากที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงมี่ก้าว
“พิธีคัดสรรเหรอ กลางปีการศึกษาเนี่ยนะ” มัลฟอยหันไปถามแครบและกอยล์ ทั้งคู่ส่ายหน้าตอบกลับมา
“ฉันลืมไป พวกนายไม่น่าจะรู้อะไรนักหรอก” มัลฟอยพูดหมิ่นๆ แล้วเขาก็เห็นแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่นั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารกริฟฟินดอร์ เขาจึงตรงรี่ไปหาทั้งคู่ทันที
“ปัญหาใหญ่ก็คือ....หนังของมังกร ทนต่อคาถามาก “ เฮอร์ไมโอนี่บ่นกับแฮร์รี่เบาๆ แฮร์รี่เองก็ได้แต่กุมขมับ พวกเขาเสียเวลาไปกับการค้นหาข้อมูลของมังกรทั้งวัน แต่กลับไม่ได้อะไรคืบหน้าเลย
“เอ.......มันเกี่ยวกับภารกิจอะไรนั่นรึเปล่าน้า.....” เสียงยานคางดังขึ้น แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง ทั้งคู่รู้ทันทีว่าใครคือเจ้าของเสียง
“น...นายพูดถึงอะไร มัลฟอย” แฮร์รี่อึกอักถามมัลฟอยซึ่งกำลังทำหน้ายียวนใส่เขา โดยมีแครบกับกอยล์ยืนหนุนหลังเขาอยู่เช่นเคย
“ก็ ที่วันนี้ห้องโถงดูแปลกๆน่ะสิ” มัลฟอยขมวดคิ้วตอบ เฮอร์ไมโอนี่แอบถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก
“สงสัย จะมีการใช้หมวกคัดสรรมาทำนายตัวแทนแต่ละคนมั้ง ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ และใครเป็นผู้แพ้” มัลฟอยพูดเน้นเสียงอย่างหาเรื่อง ลูกสมุนทั้งสองหัวเราะชอบใจ
“ไม่ใช่สักหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งออกมา มัลฟอยหันขวับไปทางเธอ
“ฉันไม่ได้พูดกับเธอยัยเลือดสีโคลน อย่ามาทำเป็นรู้มาก” มัลฟอยพูดอย่างเหยียดหยาม เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่กำมือแน่น แฮร์รี่รีบสวนกลับทันที “นายอย่าอยู่แถวนี้นานดีกว่านะ มัลฟอย ถ้ายังไม่อยากเป็นตัวเฟเรตอีกรอบ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่นานนักหรอก เหม็นกลิ่นโคลนเต็มที” แล้วมัลฟอยก็หันกลับไปทางโต๊ะของบ้านตัวเองทันที
เมื่อนักเรียนทุกบ้านมากันครบแล้ว ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์จึงลุกขึ้นยืน และบอกกับนักเรียนด้วยเสียงกังวานไปทั่วห้องโถง
“วันนี้เรามีเซอร์ไพรส์...... การคัดสรรนักเรียนคนใหม่ของฮอกวอตส์ในกลางปีการศึกษาซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.......” เสียงซุบซิบของบรรดานักเรียนดังหึ่งขึ้นมาจนศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ต้องกระแอมหนึ่งที แล้วพูดต่อ
“เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินเล็กน้อย ทำให้เธอผู้นี้ย้ายมาโรงเรียนเรากะทันหัน ก่อนหน้านี้เธอได้เคยมาเดินสำรวจในบริเวณโรงเรียนอย่างไม่เป็นทางการ จึงอาจจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของบางคนที่บังเอิญได้พบเธอ.... และฉันหวังว่า นักเรียนของเราคงจะให้การต้อนรับและเข้ากันกับเธอได้เป็นอย่างดี.....” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หลิ่วตามาทางโต๊ะกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่แอบยิ้ม
“เข้ามาได้” ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดเสียงก้อง แล้วประตูห้องโถงก็เปิดออก....
************************
แสงจากเทียนกลางอากาศนับพันกระทบบนใบหน้าของเจนนี่ทันทีที่ประตูเปิดออก แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ให้หน้าจองเธอร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้ ในขณะนี้
เจนนี่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนฮอกวอตส์กำลังยืนขาสั่นน้อยๆ เธอพยายามรวบรวมกำลังที่จะก้าวขาไปข้างหน้า เจนนี่ค่อยๆเดินไปตามทางโดยไม่มองสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมา แต่เจนนี่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางโต๊ะที่มีนักเรียนพันผ้าพันคอสีส้มสลับแดง แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่กำลังยิ้มกว้างให้เธอ นั่นทำให้เจนนี่รู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง
เพล้ง....เสียงแก้วแตกดังขึ้นมาจากอีกฝากหนึ่งของห้องโถง เจนนี่และนักเรียนบางคนหันไปทางต้นเสียง แต่แล้ว.... เจนนี่ก็รีบหันกลับทันทีและพยายามไม่หันไปมองอีกรอบ
แก้วน้ำฟักทองแตกคามือของมัลฟอย น้ำฟักทองไหลนองปนกับเลือดจากมือของเขา เขามองตามเจนนี่ที่ก้มหน้าก้มตาเดินไปทางแป้นวางหมวกคัดสรรตลอดทางอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“น.......นี่มันอะไรกัน” เขาพึมพำเบาๆอย่างสับสน แครบกับกอยล์มองมัลฟอยอย่าง งงๆ ทั้งคู่รู้ดีว่าไม่ควรถามอะไรเขาตอนนี้
อีกคนที่มีอาการทำนองเดียวกันกับมัลฟอย ก็คือแพนซี่ ซึ่งกำลังบีบส้อมไว้แน่นจนแทบจะหักคามือเช่นกัน.....
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินมาพร้อมกับในมือถือหมวกทรงสูงที่เก่าคร่ำคร่า แล้ววางมันลงบนแป้นวาง
“พอฉันขานชื่อให้หยิบหมวกมาใส่และนั่งลงบนแป้นสูง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกเจนนี่
“แอนเดอร์สัน, เจนนิเฟอร์” เจนนี่ก้าวขึ้นไปหยิบหมวกคัดสรรวางลงบนหัว แล้วนั่งลงบนแป้นด้วยใจลุ้นระทึกพอๆกับเพื่อนของเธอที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ รอยขาดบนหมวกเริ่มขยับ
“อืมมมมม..... วิเทลเนียร์รึ  .....ไม่เคยเจอใครแบบนี้มาก่อน  พลังเวทมนตร์มีมากเหลือเกิน ฉลาดปราดเปรื่อง เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและไหวพริบ ความกล้าหาญอย่างหาได้ยากในผู้หญิง และความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้  อืม.............ตัดสินใจได้ยากจริงๆว่าจะส่งเธอไปบ้านไหน...........” หมวกคัดสรรพูดกับเจนนี่ เจนนี่รู้ดีว่าเธออยากอยู่บ้านไหน และเธอก็ภาวนาให้ตัวเองสมหวัง
“กริฟฟินดอร์ ปี4!” เจนนี่ยิ้มกว้างทันที
นักเรียนโต๊ะกริฟฟินดอร์ปรบมือกันกึกก้อง โดยมีแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่กระโดดขึ้นปรบมืออย่างออกหน้า เจนนี่วางหมวกคัดสรรลงบนแป้นสูงแล้ววิ่งตรงไปหาเพื่อนของเธอทันที
“ในที่สุด เราก็ได้อยู่บ้านเดียวกันจริงๆซะทีนะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแก้มปริไม่ต่างกับแฮร์รี่
“ฉันดีใจจริงๆเลย” เจนนี่บอกกับเพื่อนทั้งสอง
“นั่งลงเถอะ ได้เวลาทานอาหารค่ำแล้ว” แฮร์รี่บอกเจนนี่ เจนนี่จึงนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆเด็กชายร่างสูง ผมสีแดงเพลิง ใบหน้าตกกระซึ่งกำลังส่งยิ้มให้เธออย่างต้อนรับปนกับงงเล็กน้อยที่เจนนี่รู้จักกับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ด้วย เจนนี่รู้ทันทีว่าเป็นรอน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะรอน” เจนนี่ทักทายรอน
“เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ” รอนงงหนักกว่าเดิม
“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังนะ” เจนนี่ยิ้มตอบ
ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยืนขึ้นอีกครั้งพร้อมกางแขนออก ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงกึกก้อง
“กินให้อร่อย” จานอาหารที่เคยว่างเปล่าตอนนี้กลับมาอาหารเติมเต็มขึ้นเอง เจนนี่ทำตาโต ก่อนที่จะลงมือทานอาหารตรงหน้าเหมือนกับนักเรียนคนอื่น
“นี่ๆ เจนนิเฟอร์ ทำไมหมวกคัดสรรถึงคัดให้เธอมาอยู่ปี4เลยล่ะ” หนึ่งในสองฝาแฝดตระกูลวิสลีย์ถามขึ้นโดยมีมันบนอยู่เต็มปาก(เจนนี่แยกไม่ออกว่าคนไหนคือเฟรดหรือจอร์จ)
“เรียกฉันว่าเจนนี่ก็พอ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”เจนนี่ตอบ แต่แฮร์รี่แอบกระซิบกับเจนนี่ว่า
“ฉันว่าเป็นเพราะเธอเป็นวิเทลเนียร์นะ วิเทลเนียร์มีพลังเวทมนตร์มากกว่าพ่อมดแม่มดทั่วไปนี่” เจนนี่พยักหน้ารับ “ก็อาจจะใช่”
************************
ในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มัลฟอยกลับไม่ทานอะไรเลย เขาเอาแต่จ้องมองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์
“คนหลอกลวง ” มัลฟอยเค้นเสียงในลำคอเบาๆเพื่อไม่ให้มีใครได้ยินพลางจ้องไปทางเจนนี่อย่างไม่ละสายตา มือของเขากำมีดหั่นสเต็กจนสั่น
“ยายนั่นมันเป็นใครกัน” แพนซี่เองก็เอาแต่พึมพำและไม่ยอมกินอะไรเช่นกัน เธอเริ่มสังเกตเห็นมัลฟอยที่เอาแต่มองเจนนี่
“เดรโก สนใจอะไรยายนั่นเหรอ ฉันว่า น่าหมั่นไส้ ขยะแขยงจะตาย เข้ากับพวกเลือดสีโคลนได้ดีซะด้วย คงจะพวกเดียวกัน ” แพนซี่พูดอย่างกระแนะกระแหน
“หยุดพูดได้แล้วพาร์กินสัน!!!” มัลฟอยตะคอกใส่แพนซี่ แล้วลุกพรวดขึ้น เขาสาวเท้าออกไปจากห้องโถงทันที ปล่อยให้แพนซี่หน้าเจื่อนอยู่อย่างนั้น
******************************
ถึงแม้ว่าอาหารมื้อนี้จะเอร็ดอร่อยแค่ไหน เจนนี่ก็รู้สึกทานไม่ค่อยลง ความกลุ้มใจจากเมื่อกลางวันมันยังค้างอยู่ในหัวสมองของเจนนี่ตลอดเวลา เจนนี่วางมีดส้อมลงข้างจานที่ยังเหลืออาหารอยู่เต็มแล้วยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่ม
“อิ่มแล้วเหรอเจนนี่” แฮร์รี่รีบถามขณะกัดสเต็กชิ้นใหญ่
“อืม ฉันขอตัวก่อนนะ แล้วเจอกันที่หอนอนล่ะ” เจนนี่ลุกขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะอ้าปากถามบ้าง  เจนนี่เดินออกไปจากห้องโถงทันที โดยไม่ทันสังเกตว่าแพนซี่เองก็ลุกออกจากโต๊ะอาหารเหมือนกัน
นอกห้องโถงมืดสลัวมากเพราะเป็นเวลาค่ำแล้ว เจนนี่เลี้ยวตรงมุมกำแพงเพื่อที่จะกลับหอนอน แต่มีบางอย่างฉุดเธอไว้
“ว่าไงเด็กใหม่” แพนซี่ผลักเจนนี่ติดกำแพง
“เรายังมีเรื่องที่ต้องสะสางกันอีกเยอะ” แพนซี่พูดเสียงเย็นชา
“ทำไมล่ะ คราวที่แล้วยังเปื้อนโคลนไม่พอรึไง” เจนนี่ตอบอย่างไม่เกรงกลัว แพนซี่กระชากคอเสื้อเจนนี่แล้วเงื้อมือขึ้นทันที แต่แพนซี่ก็ต้องหยุดเพราะมีบางอย่างมาจี้ที่คอของเธอ ซึ่งนั่นทำให้เจนนี่หน้าซีดลงเช่นกัน
“จะทำอะไรน่ะพาร์กินสัน” มัลฟอยพูดยานคางขณะที่มือถือไม้กายสิทธิ์จี้คอแพนซี่ไว้
“ฉ...ฉัน....” แพนซี่พูดเสียงสั่น
“อยากให้โดนหักคะแนนบ้านหรือไม่ก็โดนฟิลซ์ลงโทษมากงั้นสิ” มัลฟอยพูดเชิงขู่ “ไปซะ!!!”
แพนซี่ส่งสายตาอาฆาตมายังเจนนี่แล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทันที เหลือมัลฟอยกับเจนนี่ท่ามกลางความเงียบสงัด
“ข....ขอบใจ”
“ไม่ต้องมาขอบใจฉัน” มัลฟอยตอบเสียงเย็นโดยไม่มองหน้าเจนนี่แล้วเงียบไป เจนนี่พยายามจะหาคำพูดแต่ก็นึกไม่ออกเลย  แต่แล้ว มัลฟอยก็หันมาหาเธอ
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เจนนี่ได้แต่นิ่งอึ้ง
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง!!!!!!” .... ปึ้งงงง..... มัลฟอยพูดซ้ำพร้อมกับกระแทกฝ่ามือบนกำแพงดังลั่น เฉียดหน้าเจนนี่ไปนิดเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ผลักไหล่ของเจนนี่กระแทกกำแพง
“โอ้ย!!” เจนนี่ร้องด้วยความเจ็บ
“เธอหลอกฉัน เธอโกหกทุกอย่าง เธอทำแบบนี้ทำไม!!!!!” มัลฟอยตะคอกใส่เจนนี่ไม่ยั้ง เขาก้มหน้าลงมาใกล้จนเจนนี่เห็นชัดถึงสีหน้าที่เกรี้ยวกราดของเขา มัลฟอยบีบไหล่เจนนี่แน่น
“โอ้ย.....เจ็บนะ” เจนนี่โอดครวญ
“เจ็บงั้นเหรอ มันเทียบกับความรู้สึกของฉันตอนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!!” มัลฟอยพูดอย่างปวดใจ เจนนี่พยายามสะบัดให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล
“เธอทำกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่คน” เสียงมัลฟอยเริ่มสั่น เขาเอาหน้าผากวางลงบนกำแพงเหนือไหล่ของเจนนี่ ทำให้ร่างของเขากับเจนนี่แนบชิดกันมาก เจนนี่ทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้ ทั้งความตกใจและรู้สึกผิดได้สุมอยู่ในตัวเธอจนแทบจะล้นออกมา เธอได้แต่ยืนตัวสั่นภายใต้อ้อมแขนของมัลฟอย
มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองเจนนี่อีกครั้งด้วยสายตาที่เย็นชากว่าเก่า
“ถือซะว่าที่ผ่านมา เป็นเพียงความฝันละกัน”มัลฟอยพูดอย่างเก็บกดอารมณ์ไว้
“ต่อจากนี้ไป .....ในความเป็นจริง........ เธอกับฉันเป็นศัตรูกัน” มัลฟอยพูดอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจนนี่ด้วยสายตาที่เจ็บปวด
“ไม่...” เจนนี่พยายามที่จะขอร้อง แต่เขาไม่รอฟังคำพูดของเธอ เขาสะบัดหน้าหนีแล้วเดินจากไปทันที ร่างของเจนนี่แทบจะลงไปกองกับพื้น น้ำตาของเจนนี่เริ่มไหลผ่านแก้มของเธอทีละหยดๆ...............
*************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น