ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hogwarts\' Witelnier

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 ก่อนพิธีคัดสรรบ้าน...

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 47


    เวลาที่ใช้ในการถอนเงินจากธนาคารกริงกอตส์และการซื้อของใช้จำเป็นต่างๆของเจนนี่นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเป็นเพราะเจนนี่มัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับบรรดาของวิเศษต่างๆที่วางขายตามร้านค้าในตรอกไดแอกอนจนลืมเวลาก็เป็นได้ ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวที่เจนนี่ยังไม่ได้ซื้อ นั่นคือ......... ไม้กายสิทธิ์............



    “สวัสดี” เสียงชายแก่ดังขึ้นจากหลังเคาน์เตอร์ของร้านโอลิแวนเดอร์ ทั้งสามพยายามจะชะเง้อมองไปยังต้นเสียงแต่ก็ต้องผงะเล็กน้อยเพราะเจ้าของเสียงเมื่อสักครู่ได้ลุกพรวดขึ้นมา



    “อืม....มาซื้อไม้กายสิทธิ์สินะ.....”



    “ค่ะ” เจนนี่ตอบ



    โอลิแวนเดอร์มองเจนนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิเคราะห์  แต่แล้วสายตาเขาก็มาหยุดอยู่ตรงที่ล็อกเก็ตของเจนนี่ เขาเบิกตาโพลงขึ้นเล็กน้อย



    “โอ้...เธอ…” โอลิแวนเดอร์อุทานเบาๆ เจนนี่จ้องเขากลับอย่างข้องใจแล้วก้มลงมองไปที่ล็อกเกตของตัวเองเพื่อจะตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติกับล็อกเกตของเธอ เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่ก็มองหน้ากันอย่างงงๆเช่นกัน



    “เจ้าของล็อกเกตคนเก่า.......เขาเคยมาอุดหนุนที่ร้านฉันเมื่อหลายปีก่อน” โอลิแวนเดอร์พูดต่อด้วยสีหน้าปกติ ดูเหมือนเขาจะโยนความรู้สึกประหลาดใจมายังเจนนี่แทน



    “คุณหมายถึง.......พ่อของหนูเหรอคะ” เจนนี่พูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง



    “อืม......เขาเป็นคนที่....พิเศษมาก” โอลิแวนเดอร์ตอบพลางเดินเข้าไปยังหลังชั้นวางของที่มีกล่องไม้กายสิทธิ์วางซ้อนๆกันอย่างไร้ระเบียบเต็มชั้น เจนนี่รู้สึกดีไม่ใช่น้อย มันเหมือนกับว่าการที่มีคนพูดถึงพ่อของเธอ สามารถทดแทนความรู้สึกที่เธอสูญเสียพ่อไปได้บ้าง

    โอลิแวนเดอร์หายไปสักพักเขาก็ออกมาพร้อมกับกล่องไม้กายสิทธิ์สีขาวสะดุดตาอันหนึ่งไว้ในมือ



    “นี่คือไม้กายสิทธิ์สำหรับเธอ” เขาส่งกล่องนั้นให้เจนนี่ เจนนี่รับมาแล้วเปิดออก



    “ว้าว นี่มัน ...ของหายากนะนี่” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเป็นคนแรก ส่วนเจนนี่ได้แต่มองอย่างทึ่งไม่แพ้กับแฮร์รี่ เหตุนี้เป็นเพราะ แทนที่ไม้กายสิทธิ์ด้ามนี้จะมีสีน้ำตาลหรือสีดำเหมือนกับด้ามทั่วไป แต่กลับเป็นสีขาวนวลละเอียดอ่อนสะดุดตาไม่ต่างไปจากกล่องของมัน ผิวสัมผัสของมันสะท้อนกับแสงจากตะเกียงในร้านเนื่องจากมันถูกขัดเกลาเป็นอย่างดี เจนนี่ค่อยๆบรรจงหยิบมันขึ้นมา ทันทีที่มือของเธอสัมผัสกับเนื้อไม้ ความอบอุ่นและพลังงานบางอย่างได้ไหลพุ่งพล่านจากมือไปยังทั่วแขนและซึมผ่านไปทั่วร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว เจนนี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาสำรวจด้วยมือที่สั่นน้อยๆ



    “ตัวไม้ทำจากแก่นของไม้มะฮอกกานีพันธุ์ที่หายากที่สุดทั้งหมด30ต้น  แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่พิเศษที่สุดของไม้กายสิทธิ์ด้ามนี้หรอกนะ” โอลิแวนเดอร์กล่าวอย่างมีนัย



    “สิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในต่างหาก....ด้ามนี้เป็นไม้กายสิทธิ์1ใน2ด้ามของโลกที่บรรจุด้วยขนของเปกาซัส (ม้าสีขาวมีปีกในตำนาน)” เขาอธิบายต่อ ทั้งสามอ้าปากอย่างลืมตัว



    “ว้าว....เปกาซัส แต่....มันสูญพันธุ์ไปแล้วนี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น



    “ใช่แล้ว ถึงได้มีบรรจุอยู่ในไม้กายสิทธิ์แค่2ด้ามในโลกเท่านั้น” โอลิแวนเดอร์ตอบเรียบๆ



    “แล้วอีกด้ามหนึ่งล่ะครับ” แฮร์รี่ถามขึ้นอีกคน



    “อีกด้าม ลักษณะเหมือนกันทุกประการ แต่ต่างกันตรงที่มันเป็นสีดำ ด้ามนั้น สำหรับพ่อมดผู้ที่มีทั้งงธรรมะและอธรรมอยู่ในตัว ส่วนด้ามสีขาวนี้.....” เขาหยุดหันมองเจนนี่แล้วพูดต่อ



    “.....สำหรับ คนแบบเธอเท่านั้น” โอสิแวนเดอร์เน้นคำอย่างชัดเจน เจนนี่รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร...



    “ไม่เคยมีใครทดลองให้ไม้กายสิทธิ์ทั้งสองด้ามนี้มาอยู่ร่วมกัน และใช้พร้อมกัน แต่หากให้ฉันเดา มันน่าจะผนึกกำลังรวมกันได้ คาถาที่ส่งผ่านออกมา คงรุนแรงมากขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว” เมื่อโอลิแวนเดอร์พูดจบ ทั้งสามก็นิ่งค้างไป ยากที่จะนึกภาพได้ว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ อะไรจะเกิดขึ้น.....



    “ขอบคุณค่ะ” เจนนี่กล่าวอย่างสุภาพก่อนที่จะจ่ายเงินค่าไม้กายสิทธิ์ไป แล้วทั้งสามก็มุ่งหน้ากลับปราสาทฮอกวอตส์ทันที

    ******************



    “ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าแฮกริดนัดฉันทำไม” แฮร์รี่พูดอย่างสงสัยขณะที่ทั้งสามเดินทางมาถึงหน้าปราสาทฮอกวอตส์



    “เกี่ยวกับภารกิจแรกนั่นแหละ” เจนนี่พูดอย่างไม่ได้ตั้งใจ แฮร์รี่หันขวับมาทางเจนนี่ทันที



    “เธอรู้ด้วยเหรอ ว่าแฮกริดนัดฉันไปทำไม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับภารกิจแรก” แฮร์รี่รีบเอ่ยปากถาม เผื่อว่าจะได้กระจ่างบ้าง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับไตรภาคีด้วย เขายิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก เพราะมันคือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ นอกจากเรื่องที่เขาทะเลาะกับรอน



    “เอ่อ...เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละน่า อีกไม่กี่ชั่วโมงเอง” เจนนี่รีบแก้ เธอรู้สึกมีเหตุผลบางอย่างบอกเธอว่าไม่ควรจะพูดอะไรเกี่ยวกับที่เธอได้อ่านมาจากเล่ม4ให้ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งรู้เลยทั้งสิ้น



    แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรัก



    “เอาน่าแฮร์รี่ ทำใจสบายๆเถอะ เราเข้าไปในปราสาทกันดีกว่านะ” เฮอร์ไมโอนี่ตบไหล่แฮร์รี่เบาๆ



    แต่ก่อนทั้งสามจะเปิดประตูเข้าไป ก็มีคนเปิดประตูสวนออกมาเสียก่อน



    “ศาสตราจารย์มักกอนนากัล” แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกัน



    “พวกเธอมาพอดี ฉันมีธุระกับมิสแอนเดอร์สัน” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองตรงมาที่เจนนี่ แล้วพูดต่อ



    “คืนนี้ มิสแอนเดอร์สันจะต้องไปพักในห้องที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ คงจะไม่เป็นการดีแน่ถ้าพวกนักข่าวมาเห็นคนที่ยังไม่ได้ผ่านพีธีคัดสรรบ้านอยู่ร่วมกับนักเรียนทั่วไป เขาคงจะได้เขียนข่าวอีกสาระพัด” ศาสตราจารย์เน้นเสียงคำว่านักข่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย เจนนี่และเพื่อนๆรู้ดีว่าเธอหมายถึง ริต้า สกีตเตอร์



    “ พวกเธอทั้งสองกลับขึ้นปราสาท ฉันจะดูแลมิสแอนเดอร์สันเอง” เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่หันมองหน้ากันแล้วพยักหน้า



    “ครับ/ค่ะ” แล้วแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้าปราสาทไป



    “ทีนี้เธอตามฉันมา” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินนำเจนนี่เข้าปราสาทไป



    “ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์สั่งให้เธอพักแรมอยู่ในห้องต้องประสงค์จนกว่าเธอจะผ่านการคัดเลือกบ้านโดยหมวกคัดสรร” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกขณะที่เดินนำทางเจนนี่ เจนนี่ทำหน้างงทันที



    “ห้อง...อะไรนะคะ” เจนนี่ไม่มีทางที่จะรู้จักห้องต้องประสงค์เป็นแน่ เพราะมันยังไม่มีบอกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มที่4 เลย



    “ห้องต้องประสงค์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบเรียบๆ



    “มันคือห้องที่จะปรากฏขึ้นต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องการและจำเป็นจะต้องใช้มันจริงๆเท่านั้น นอกจากฉัน และอาจารย์ใหญ่...อ้อ..แล้วก็เธอ คาดว่าคงจะไม่มีใครรู้อีก” ฝ่ายอาจารย์อธิบายให้ลูกศิษย์ฟังระหว่างที่เดินเลียบระเบียงออกไป



    “เอ่อ..หมายความว่า ถ้ามีคนหิวจัดๆ มันก็จะกลายห้องอาหารเหรอคะ” เจนนี่ถามอย่างใคร่รู้ ศาสตราจารย์หันขวับมามองหน้าเด็กสาวทันที เพราะว่านอกจากเฮอร์ไมโอนี่แล้ว ยังไม่เคยมีใครถามเธออย่างอยากรู้แบบนี้มาก่อน



    “ทำนองนั้นล่ะ ....เอาล่ะ......ถึงแล้ว” สิ่งที่ศาตราจารย์มักกอนนากัลพูด ช่างแตกต่างกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยสิ้นเชิง เจนนี่พยายามมองหาประตูทางเข้าของห้องต้องประสงค์ แต่เธอก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากกำแพงที่ว่างเปล่ายาวเหยียดตั้งตระหง่านอยู่ตรงกันข้ามกับม่านปึกผืนมหึมาเรื่องความพยายามโง่ๆของบาร์นาบัสที่ฝึกสอนโทรลล์ให้เต้นบัลเล่ต์*****(อ้างอิงจาก “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟินิกส์” น.475)



    “ทีนี้ เธอจะต้องเดินผ่านกำแพงนี้สามรอบ นึกถึงห้องพัก และของที่เธอคิดว่าจำเป็นจะต้องมีในห้องพักของเธออย่างแน่วแน่ เธอจะต้องมีสมาธิกับมัน” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลแนะเจนนี่ เจนนี่ได้แต่ทำหน้าไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องทำตามแต่โดยดี .....



    ทันทีที่เจนนี่เงยหน้าขึ้นมองกำแพงหลังจากที่เดินผ่านครบสามรอบแล้ว ประตูขัดเงาวับที่มีด้ามจับประตูทองเหลืองก็ปรากฏขึ้นบนกำแพงที่เคยว่างเปล่าขึ้น เจนนี่มองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง



    “เอาล่ะ ทีนี้...” ศาสตราจารย์มักกอนากัลเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่ามีห้องต้องประสงค์ปรากฏขึ้นแล้ว



    “เธอจำเป็นจะต้องนอนพักแรมที่ห้องนี้คืนนี้ จนกว่าจะเข้าพิธีคัดสรรบ้าน” ศาสตราจารย์พูดกำชับ



    “แล้วอีกอย่าง .........ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ได้ฝากสั่งมาว่า .......ไม่ว่าเธอจะรู้ว่าใครจะต้องเจอกับอะไร หรือจะต้องทำอะไรในเวลาข้างหน้า ขอให้เธอทำเป็นไม่รู้ไปซะ เพราะไม่ว่าจะยังไง สิ่งที่เธอรู้ เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดว่า มันจะต้องเกิดขึ้น มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ..........หวังว่าเธอคงจะเข้าใจ” เจนนี่พยักหน้ารับ นี่เองคือเหตุผลที่เจนนี่ไม่บอกแฮร์รี่ไปว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรในคืนนี้ มันเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ดัมเบิลดอร์สั่งมา



    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกลาแล้วเดินจากไป เจนนี่หันกลับไปที่ประตูห้องต้องประสงค์ แล้วดึงประตูเปิดออก



    ห้องนี้เป็นห้องกว้างซึ่งถูกตกแต่งอย่างประณีตหมดจด มีตู้เสื้อผ้าและตู้หนังสือตั้งวางอยู่ใกล้ๆกันชิดกับกำแพงที่ทำด้วยไม้ขัดเงาอย่างสวยงาม เตียงสี่เสาสีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ชิดกำแพงอีกด้านหนึ่ง ใกล้ๆกันมีโต๊ะหนังสือและโต๊ะสำหรับนั่นทานอาหารคนเดียววางห่างกันไม่มากนัก ส่วนด้านในสุดของห้องก็มีประตูที่เชื่อมกับห้องน้ำด้วย



    เจนนี่รู้สึกเหมือนเธอเพิ่งก้าวเข้ามาในห้องพักในโรงแรมหรูขนาดย่อมยังไงยังงั้น เธอกระโดดขึ้นไปบนเตียงเบาๆอย่างดีใจ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้นอนบนฟูกนุ่มๆแสนสบายแบบนี้ตั้งแต่เธอหลงข้ามมิติมาที่นี่ เธอเด้งตัวไปมาบนฟูกอย่างนึกสนุกก่อนที่จะล้มตัวลงนอน เธอนึกทบทวนเหตุการณ์ต่างๆในวันนี้อย่างมีความสุข เรื่องที่แพนซี่มาหาเรื่องเธอเมื่อกลางวันแทบจะไม่มีผลอะไรกับจิตใจเธอเลยถ้าเทียบกับเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ ............เธอได้ล็อกเกตที่เธอรักหนักหนาคืนมา.......เธอได้พบกับแม่ที่จากกันมาโดยไม่ได้ร่ำลา............เธอได้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แม่มด แต่เป็นวิเทลเนียร์.........และที่สำคัญ...เธอกำลังจะได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนเวทย์มนตร์ฮอกวอตส์แห่งนี้ โรงเรียนที่ในอดีตมันเป็นเพียงจินตนาการของเธอเท่านั้น..................



    เมื่อนึกถึงตรงนี้ รอยยิ้มและภาพความสุขของเจนนี่ก็เหือดหายไปในทันที.......ถ้าหากว่าเธอได้เข้าเรียนที่แล้ว.....มัลฟอยก็ต้องรู้ความจริงทั้งหมด.....ที่เคยหลอกเขาว่าเธออยู่บ้านสลิธิรินตอนที่เธอปลอมตัวเข้าไปค้นหาล็อกเกต......แล้วยังที่นัดพบกันที่ฮอกส์มี้ดอีก..........เจนนี่ลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม



    .........แล้วเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อได้รู้ความจริง.......เจนนี่เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา แต่แล้ว เธอล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พร้อมนำมือมาวางพาดบนหน้าผาก



    “แล้วฉันจะต้องกลุ้มใจทำไมกัน” เจนนี่ฉุกคิดได้ “เขาก็แค่ตัวละครตัวร้ายที่ฉันเกลียดเท่านั้น ไม่เห็นจะต้องสนใจเลยนี่นา” พอเธอคิดได้ดังนั้นก็ถอนหายใจ ราวกับว่าความกลัดกลุ้มนั้นได้ออกมาพร้อมกับลมหายใจที่ปล่อยออกมา

    **************************



    “นายยังไม่นอนอีกเหรอมัลฟอย” แครบเปิดม่านเข้ามาเมื่อเห็นว่าร่างเจ้าของเตียงยังนั่งอยู่



    “ฉันยังไม่ง่วง” มัลฟอยตอบห้วนๆ เขาดูค่อนข้างจะเสียอารมณ์นิดหนึ่งที่แครบเข้ามาขัดจังหวะการอ่านหนังสือของเขา แครบมองตอบกลับมาอย่างข้องใจก่อนที่จะพยักหน้ารับและดึงผ้าม่านปิดตามเดิม



    มัลฟอยชะเง้อมองเล็กน้อยเพื่อดูว่าคนอื่นๆนอนกันหมดแล้วหรือยัง เมื่อเขาแน่ใจแล้ว เขาจึงพลิกหนังสือที่เมื่อครู่เขาทำทีให้ดูเหมือนกำลังอ่านมันไปยังอีกหน้าหนึ่งและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เสียบคั่นไว้ในหนังสือหน้านั้นอย่างทะนุถนอม



    ในกระดาษใบนั้นมีภาพวาดของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งถูกวาดขึ้นด้วยดินสอ ราวกับว่าแกะพิมพ์ออกมาจากภาพในล็อกเกตสีเงินอันนั้นก็ไม่ปาน มัลฟอยใช้มือลูบที่ภาพนั้นเบาๆอย่างหวงแหนพลางคิดไปด้วยว่า “ดีนะ ที่ฉันวาดรูปนี้ก่อนที่จะคืนล็อกเกตให้เธอไป” ดวงตาสีซีดจ้องลึกไปในภาพนั้น



    ฉันอยากรู้เหลือเกิน.....ว่าทำไม...ตั้งแต่ฉันยังเด็ก ....ภาพของเธอก็ปรากฏขึ้นในฝัน…..เรื่อยมา….



    ...มันติดตาฉันจนถึงทุกวันนี้ ..........



    จนกระทั่ง...ฉันได้พบเธอจริงๆ....



    .ภาพในฝันนั้น.....ยิ่งชัดเจนมากขึ้น....... เหมือนกับไม่ได้ฝันไป........................



    “เจนนี่” เขาเอ่ยชื่อนั้นเบาๆโดยที่ยังไม่ละสายตาออกจากภาพ

    ********************



    เช้าวันอาทิตย์นี้ดูสดใสเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนเจนนี่ได้หลับสนิทจริงๆซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้มาราวๆสามเดือนแล้ว  เจนนี่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างสบายอารมณ์ แล้วเธอก็พบอาหารเช้าชุดใหญ่วางไว้บนโต๊ะอาหารใกล้ๆเตียง



    “ฝีมือพวกเอล์ฟประจำบ้านล่ะสิ” เจนนี่อมยิ้ม แล้วลงมือจัดการกับอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเริ่มวางแผนว่าวันนี้จะทำอะไรดี เจนนี่ยังจำคำที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสั่งได้ทุกคำ แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่ชอบที่จะอยู่แต่ในห้องตลอดทั้งวันเป็นแน่ เจนนี่คิดไปเรื่อยๆ



    \"เราต้องใช้ผ้าคลุมล่องหน ...เอ...แต่แฮร์รี่เอาไปใช้เมื่อคืนตอนลงไปหาแฮกริดแล้วเจอมังกรที่จะใช้ในภารกิจแรกนี่นานี่นา อืมม.....” แต่แล้วดูเหมือนเจนนี่จะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “แต่นี่มัน....ห้องต้องประสงค์นี่นา จะมีมั้ยนะ” เจนนี่ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าทันที แล้วเปิดตู้ออก ผ้าคลุมสีเงินยวงแบบเดียวกับของแฮร์รี่ถูกแขวนไว้ในตู้อย่างเรียบร้อย



    “เยี่ยมไปเลย สมกับที่เป็นห้องต้องประสงค์จริงๆ” เจนนี่อุทานอย่างดีใจแล้วรีบหยิบผ้าคลุมออกจากตู้ทันที และเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือที่อยากอ่านจากตู้หนังสือติดตัวไปด้วย ทีแรกเธอคิดที่จะแอบไปหาเพื่อนๆของเธอ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า สองคนนั่น คงจะกำลังค้นหาเรื่องมังกรอย่างวุ่นวายอยู่แน่ๆ เจนนี่จึงเปลี่ยนใจ



    “ไปหาที่นั่งอ่านหนังสือดีกว่า” เจนนี่คิด  ส่วนสถานที่ที่เธอตั้งใจจะไปก็คือ.....ริมทะเลสาบหน้าปราสาทฮอกวอตส์

    *******************



    เจนนี่นั่งลงตรงใต้ต้นไม้ริมทะเลสาบต้นเดิมที่เคยนั่งเมื่อครั้งก่อน พลางหันซ้ายหันขวา เมื่อเธอแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น  เธอจึงถอดผ้าคลุมล่องหนออก แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา เจนนี่เอนกายพิงต้นไม้อ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์จนลืมเวลา- - - - - - -



    เจนนี่นั่งอ่านอย่างเพลิดเพลินไปครู่ใหญ่ จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น



    แกร่ก.....แกร่ก.......ใครสักคนเดินอยู่ใกล้ๆบริเวณที่เจนนี่นั่ง เจนนี่หันไปทางต้นเสียงทันทีและสายตาของเธอก็สบกันพอดีกับเจ้าของเสียงนั่น.......



    “เจนนี่/มัลฟอย” ทั้งคู่เอ่ยชื่อของฝ่ายตรงข้ามขึ้นพร้อมๆกันเพราะไม่นึกว่าจะได้เจอกัน เจนนี่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมสวมผ้าคลุมล่องหนกลับอีกแล้ว เธอแทบไม่อยากจะนึกภาพตอนที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้รู้เข้าเลย



    มัลฟอยเองก็อยู่ในสภาพที่พูดไม่ออกไปชั่วขณะเช่นกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ หูของเขาเริ่มเป็นสีชมพู เขาใช้ความพยายามในระดับหนึ่งที่จะพูดออกมา....



    “ฉันนั่งด้วยนะ” เจนนี่ยังไม่ทันจะอ้าปากตอบ มัลฟอยก็ทิ้งตัวลงข้างๆเจนนี่เอาดื้อๆ



    “นี่นาย..” เจนนี่ค้อนใส่



    “ก็ฉันไม่เห็นเธอปฏิเสธนี่” มัลฟอยยังคงความยียวนในแบบฉบับของเขา เจนนี่ค้อนใส่เขาอีกที แล้วทำเป็นหันไปสนใจหนังสือในมือของเธอต่อ มัลฟอยมองเธออย่างอดสงสัยไม่ได้



    “เธอนี่ เป็นหนอนหนังสือพอๆกับยายเลือดสีโคลนเลยนะ” เขาพูดเรียบๆ แต่นั่นก็ทำให้เจนนี่หงุดหงิดขึ้นมา



    “นี่....มัลฟอย......อย่าไปเรียกเธอแบบนั้นนะ” เจนนี่พูดเสียงแข็ง มัลฟอยขมวดคิ้วมองเธอกลับมา



    “นั่นมันพวกกริฟฟินดอร์ คนละบ้านกับพวกเรา ต้องแคร์ทำไม” มัลฟอยเริ่มสงสัย เจนนี่นึกอยากจะตบหน้าตัวเองสักทีโทษฐานที่เธอลืมตัวเป็นครั้งที่สองของวันนี้



    “เอ่อ..” เจนนี่พยายามนึกคำพูดแก้ แต่มัลฟอยกลับขัดขึ้นมา



    “อยู่นิ่งๆนะ” มัลฟอยเบนสายตามายังหัวไหล่ของเจนนี่ข้างที่อยู่ห่างตัวเขา



    “อ..อะไรเหรอ” เจนนี่ถามอย่างหวาดๆ โดยพยายามไม่มองตามเขา



    “ตะขาบไฟ ....พิษร้ายแรงพอดู มันเกาะอยู่ที่ไหล่เธอ” เขาพูดนิ่งๆ เจนนี่หน้าถอดสีทันที เธอรีบหลับตาปี๋ด้วยความขยะแขยงและหวาดระแวง



    “อยู่เฉยๆนะ” มัลฟอยพูดอีกครั้ง เจนนี่รีบพยักหน้าขณะที่ยังหลับตาอยู่ มัลฟอยค่อยๆเอื้อมมือผ่านหน้าเจนนี่ไป



    “มันคงไต่อยู่บนต้นไม้ที่เธอพิงน่ะ” เขาพูดพลางจับเจ้าตะขาบไฟอย่างระวัง และรีบโยนมันออกไปไกล



    “เรียบร้อย มันไปแล้วล่ะ” เขาหันไปมองเจนนี่ ในขณะที่เจนนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วลืมตาขึ้น ทำให้สายตาของทั้งคู่ประสานกันพอดี ทั้งคู่หยุดกึกไปทันที ลมหายใจปะทะบนใบหน้าของอีกฝ่ายเนื่องจากจังหวะที่มัลฟอยเอื้อมมือไปจัดการกับตะขาบไฟนั้นทำให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ..........เจนนี่ไม่รู้ตัวเลยว่าหน้าของเธอเป็นสีชมพูจัดเช่นเดียวกันกับมัลฟอย เจนนี่เริ่มเกรงว่ามัลฟอยอาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นโครมครามเหมือนอย่างที่เธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาในตอนนี้.....................



    “เอ้อ.....ขอบใจ” ในที่สุดเจนนี่ก็เป็นฝ่ายทำลายคามเงียบลง “ฉัน......จะต้องกลับเข้าไปแล้ว”



    มัลฟอยเองก็ดูเหมือนเพิ่งจะเรียกสติได้ เขาจึงถอยกลับไปที่เดิม เจนนี่รีบเก็บของแล้วลุกพรวดขึ้น



    “ฉันไปละนะ” เจนนี่กล่าวลาโดยไปมองหน้าอีกฝ่ายแล้ววิ่งไปทางปราสาททันที ปล่อยให้มัลฟอยนั่ง งงโดยไม่ทันพูดอะไร เขาได้แต่ยิ้มและมองตามเธอไป



    เมื่อเจนนี่วิ่งผ่านประตูทางเข้าเข้ามา เธอก็ไม่ลืมที่จะสวมผ้าคลุมล่องหนอีก ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องต้องประสงค์ เจนนี่สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ออกมาจากห้องนั้นอีกจนกว่าจะถึงพิธีคัดสรรบ้านในค่ำนี้ และดูท่าทาง สิ่งที่เธอกังวลในเมื่อคืน มันจะกลับมารบกวนจิตใจเธอหนักกว่าเก่า…….



    ………..เขารู้ความจริง......จะเกิดอะไรขึ้น.....................

    ************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×