ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : เรื่องวุ่นๆที่ฮอกส์มี้ด
“โอ้ยยยยยยยย ...... ทำไมฉันซวยอย่างนี้นะ” เจนนี่ดึงผ้าคลุมล่องหนออกแล้วบ่นอย่างหัวเสีย หลังจากที่นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ขึ้นหอนอนกันไปหมดแล้ว
“ใจเย็นๆน่าเจนนี่ ค่อยๆคิดน่า” เฮอร์ไมโอนี่พยายามปลอบเธอ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” แฮร์รี่ถามอย่าง งงๆ
“ก็มัลฟอยเจอเจนนี่ตอนไปหาล็อกเก็ตเข้าน่ะสิ แถมยังชวนเจนนี่ไปฮอกส์มี้ดอีกด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดแทนเจนนี่อย่างเหนื่อยใจ
“ตายล่ะ” แฮร์รี่อุทานขึ้นอย่างหัวเสียอีกคน
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันคิดถึงบ้าน ฉันคิดถึงร้านหนังสือของฉัน ฉันคิดถึงแม่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” คำพูดของเจนนี่พรั่งพรูออกมาอย่างเหลืออด เจนนี่เอามือกุมขมับ เริ่มมีน้ำตาเอ่อในดวงตาคู่สวยของเธอ
“ใจเย็นๆน่า เรามาหาทางแก้กันดีกว่านะ” แฮร์รี่พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด เพราะเขาเองก็มีเรื่องกลุ้มใจมากอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องภารกิจแรกในวันอังคารนี้ ไหนยังจะเรื่องรอนที่ยังไม่ยอมคุยกับเขาอีก
เจนนี่สูดลมหายใจเข้าแล้วถอนหายใจยาวเพื่อตั้งสติ
“เฮ้ออ.................... โอเค ขอบใจมากนะแฮร์รี่” เจนนี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นเล็กน้อย น้ำตาที่เอ่อนั้นจางลงไปบ้าง
“เออใช่...... แฮร์รี่ ที่จริงเธอกับเจนนี่ออกนอกปราสาทบ้างก็ดีนะ จะได้สบายใจขึ้นบ้างไง แล้วเราจะได้ไปเป็นเพื่อนเจนนี่ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเพื่อให้ทั้งคู่รู้สึกดีขึ้น
“ว่าแต่ ฉันจะไปยังไงล่ะเฮอร์ไมโอนี่” เจนนี่ถามอย่างข้องใจ
“นึกออกแล้ว.......เธอใช้นั่นก็ได้นี่” แฮร์รี่โพล่งขึ้น
“อะไรเหรอ” สองสาวถามพร้อมกัน
“แผนที่ตัวกวนไง”............................
********************************
ทางด้านบ้านสลิธิรีน เวลานี้เด็กนักเรียนทุกคนหลับกันหมดแล้ว เว้นแต่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่เอาแต่นอนจ้องเพดาน ในมือกุมล็อกเกตสีเงินวางไว้บนหน้าอก
เขาเปิดล็อกเกตออกแล้วจ้องมองไปที่รูปเด็กสาวในนั้นอย่างมีความหมา
ย
....ใช่ ...ต้องใช่แน่ๆ.... มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ......ฉันเคยเจอเธอนานมาแล้ว....ในฝันของฉัน
                เขามองพินิจรูปนั้นอยู่นาน......จนเข้าสู่ห้วงนิทราโดยไม่รู้ตัว.................
                มัลฟอยยืนอยู่ท่ามกลางหมอกสีขาวจาง เขาเริ่มออกเดินอย่างไร้จุดหมาย รอบข้างมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกที่รายล้อมอยู่ และแล้วเขาก็เห็นแสงสีขาวอยู่จุดหนึ่งวาบขึ้นอยู่ไม่ไกล เขาเดินตรงไปที่นั่นทันที
                ชั่วพริบตาเขาได้ก้าวเข้ามาสถานที่ที่หนึ่งซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงเขาไม่เคยมาเลย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ร้านค้าตามทางเดินต่างๆเรียงกันเป็นแถว รถยนต์ที่ขับสวนกันขวักไขว่ ใช่แล้ว... ที่นี่คือโลกของมักเกิ้ล มัลฟอยนึกแปลกใจในตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกรังเกียจอย่างที่เขาเคยเป็น แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยนัก ราวกับว่าเขาเคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว
                มัลฟอยยังคงเดินต่อไปตามทางเดินจนมาหยุดอยู่หน้าร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ขาของเขาก้าวเข้าไปในร้านนั้นโดยอัตโนมัติ  มัลฟอยรู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้เข้ามาเพื่อดูหนังสือ แต่เขาเข้ามาเพื่อตามหาใครสักคน เขารู้สึกอย่างนั้น เขากวาดสายตามองไปทั่วร้าน แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาตามหาอยู่เลย
                มัลฟอยนึกถามตัวเอง.....นี่ฉันมาตามหาใครหันนะ .......แม้แต่ตัวเขาเองก็นึกไม่ออกว่าใครคือคนที่เขาตามหา เมื่อเขาไม่เห็นวี่แววของคนนั้น จึงตัดสินใจหันหลังกลับออกนอกร้าน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเขาหันมาเจอเด็กสาวคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลของเธอยาวตรงสลวย ดวงตากลมโตเป็นประกายสีน้ำตาลและมีแววตาที่ฉลาด แก้มสีชมพูใส เธอสวมชุดแซค(เสื้อกับกระโปรงติดกัน)แขนกุดเผยให้เห็นผิวที่ขาวเนียนละเอียด ชายกระโปรงยาวพริ้วไปตามลมเบาๆ และเธอกำลังส่งยิ้มให้กับเขา ยิ้มชนิดที่เรียกได้ว่า.....ยิ้มพิมพ์ใจ...........
                ใช่.........ใช่เธอแน่ๆ .........เธอ....คนที่ฉันตามหามาตลอด..............เจนนี่.....
                มัลฟอยลืมตาโพลงขึ้น เขารีบหรี่ตาลงเพราะตาปรับแสงอาทิตย์ไม่ทัน เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในมือเขายังกุมล็อกเกตเอาไว้แน่น
                มัลฟอยค่อยๆคลายมือที่กุมไว้ออก แล้วเปิดมันออกอีกครั้ง
                “ใช่เธอแน่ๆ.....เจนนี่” มัลฟอยพูดกับรูปเด็กสาว ผู้ซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนในฝันของเขา ไม่มีผิดเพี้ยน
                เหมือนมัลฟอยนึกอะไรบางอย่างได้ เขารีบลุกจากเตียงแล้วค้นกระเป่าแล้วหยิบเอาดินสอและกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา แล้วเขาก็ลงมือขีดเขียนลงในกระดาษใบนั้นพลางมองดูรูปในล็อกเกตไปด้วย
*************************
                เจนนี่ เฮอร์ไมโอนี่ และแฮร์รี่ตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อจะได้ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกัน เพราะเวลานี้ยังไม่มีใครตื่น
                “ที่จริง ฉันใช้ผ้าคลุมล่องหนก็ได้นี่นาแฮร์รี่” เจนนี่พูดอย่างหวั่นๆ
                “ไม่ได้หรอกนะ ถ้าเกิดว่าเธอโดนตรวจจับมักเกิ้ลหน้าปราสาทล่ะยุ่งแน่ๆ” แฮร์รี่ยืนยันคำตอบ
                “ใช่ ว่าแต่ เธอค่อยเอาล็อกเกตคืนวันหลังไม่ดีหว่าเหรอ เข้าไปทางลับคนเดียวมันอันตรายนะ เจนนี่” เฮอร์ไมโอนี่กลัวแทนเจนนี่ “ที่จริงเราอยากจะไปเป็นเพื่อนนะ แต่เราต้องเชคชื่อน่ะ”
                “ไม่ได้หรอก ถ้าฉันไม่ไปวันนี้ ฉันว่าฉันคงไม่ได้คืนอีกเลยแน่ๆ คนอย่างมัลฟอยเธอน่าจะรู้” เจนนี่ตอบอย่างแน่วแน่ เฮอร์ใมโอนี่พยักหน้ารับ
                “งั้นไปกันเลย” แฮร์รี่พูด แล้วเดินนำเพื่อนออกไปจากห้องนั่งเล่น แล้วตรงไปที่รูปปั้นแม่มดตาเดียวที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านกริฟฟินดอร์นัก แฮร์รี่หยิบแผ่นกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่งออกมาจากเสื้อคลุม พร้อมกับหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาด้วย แล้วเขาก็เอาไม้กายสิทธิ์แตะที่กระดาษแผ่นนั้น เจนนี่ชะเง้อมองในแผ่นกระดาษอย่างสนอกสนใจ จะมีคนที่อ่านแฮร์รี่คนไหนไม่อยากรู้บ้างล่ะ
                “ข้าขอสาบานว่าข้านั้นหาความดีมิได้” พอแฮร์รี่พูดจบ ที่ปลายไม้กายสิทธิ์ก็ปรากฏเป็นเส้นหมึกบางๆไหลออกมากระจายทั่วแผ่นกระดาษ แล้วก็ค่อยๆเรียงร้อยเป็นคำพูดขึ้นว่า
“ข้าเจ้าทั้งหลาย
นายจันทร์เจ้า หางหนอน เท้าปุย และเขาแหลม
ผู้ให้ความช่วยเหลือ
แก่บรรดาตัวกวนแสนร้อยเล่ห์
มีความยินดีขอเสนอ
* แผนที่ตัวกวน”
                แล้วเส้นหมึกก็กระจายตัวอีกครั้ง กลายเป็นแผนที่ปรากฏขึ้นแทน แล้วตรงจุดที่พวกเขายืนอยู่ในแผนที่ก็มีจุดหมึกเล็กๆ3จุด แต่ละจุดมีป้ายชื่อเขียนอยู่ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์, เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และ เจนนิเฟอร์ แอนเดอร์สัน  อยู่ด้วย เจนนี่มองอย่างทึ่ง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอะไรบางอย่าง
                “ทางที่จะไปฮอกส์มี้ดมีทั้งหมด7ทาง แต่ทางที่ไปได้จริงๆและปลอดภัยที่สุดมีอยู่แค่ทางเดียว ฉันเคยใช้ทางนี้ตอนปีที่แล้ว” แฮร์รี่พูดพลางชี้ไปที่เส้นทางลับนั้น “มันจะตรงไปที่ห้องใต้ดินของร้านฮันนี่ดุกส์ ร้านขายขนมน่ะ เราจะไปดักรอเธอที่นั่น ไม่ต้องกลัวหรอก เส้นทางนี้ปลอดภัย100%” แฮร์รี่รีบเน้นเมื่อเจนนี่หน้าซีดลงเล็กน้อย
                “เจนนี่ เอานี่ไปด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่หยิบไฟฉายขนาดพกพายัดใส่ในมือเจนนี่
            “เขาใช้ไม้กายสิทธิ์ไม่ได้นะแฮร์รี่ จะให้ใช้คาถาลูมอสรึไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดเพราะตีสีหน้าของแฮร์รี่ออก แฮร์รี่พยักหน้ารับอย่างลืมตัว
                “ขอบใจมากจ้ะ เฮอร์ไมโอนี่” เจนนี่ยิ้มตอบ
                “โอเค พร้อมนะเจนนี่ ดิสเซนดิอุม” แฮร์รี่พึมพำพร้อมกับเอาไม้กายสิทธิ์เคาะที่รูปปั้นแม่มดตาเดียว
                ทันใดนั้น บริเวณโหนกค่อมของรูปปั้นก็เปิดออกเป็นช่องกว้างพอที่จะลอดเข้าไปได้
                แล้วแฮร์รี่ก็ยื่นแผนที่ให้กับเจนนี่ “เอาไว้เผื่อฉุกเฉินนะ”
                “ขอบใจจ้ะ” เจนนี่รับมา “แล้วเจอกันนะ แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่” พูดจบ เจนนี่ก็ก้าวเข้าไปในช่องนั้น แล้วรูปปั้นก็เลื่อนมาปิดทางตามเดิม
                “หวังว่าเธอคงไม่เป็นอะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างกังวล
                “ไม่เป็นไรหรอก ทางลับนี้มีแต่ฉัน เฟร็ดและจอร์จเท่านั้นที่รู้ แล้วก็ไม่มีอันตรายอะไรด้วย” แฮร์รี่พูดอย่างมั่นใจ
                “อืม งั้นเราไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ใจชื้นขึ้น
                “อืม แต่ฉันขอกลับไปเอาผ้าคลุมล่องหนก่อนนะ”
                “ทำไมต้องใช้ด้วยล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามแต่แฮร์รี่ไม่ตอบ        เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้ว เหมือนเธอนึกอะไรขึ้นได้
                “เออ....ใช่ แฮร์รี่” “อะไร”
            “มันน่าแปลกนะ ทำไมถึงมีชื่อของเจนนี่ในแผนที่ได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางใช้ความคิด
                “ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ เริ่มมีคนลงมากันแล้ว”
**********************
                ทางลับนี้มืดและอับชื้นมาก เจนนี่จึงหยิบไฟฉายขึ้นมาส่อง ทำให้เธอเห็นว่าอุโมงค์ทางเดินนี้แคบพอสมควร เจนนี่ก้มลงมองแผนที่แล้วเริ่มออกเดินด้วยความรู้สึกหวั่นๆเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกนอกปราสาท และไม่มีเฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่มาเป็นเพื่อน เจนนี่เดินไปเรื่อยๆเป็นเวลานานหยาดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าและตามตัวของเจนนี่ เธอเริ่มหายใจหอบเล็กน้อย สักพักหนึ่งเจนนี่ก็เห็นเชิงบันไดหินเก่าๆแห่งหนึ่งทอดขึ้นไปข้างบน เจนนี่เอาไฟฉายส่องตามขั้นบันไดขึ้นไป เห็นเป็นทางขั้นบันไดขึ้นไปไกลสุดลกหูลูกตา เจนนี่ถอนหายใจหนึ่งเฮือกด้วยความเหนื่อย แล้วจึงก้าวขึ้นไปตามขั้นบันได เดินขึ้นไปเรื่อยๆจนผ่านขั้นบันไดไปได้หลายร้อยขั้น “โอยย... เมื่อไรจะถึงเนี่ย” เจนนี่บ่นอย่างเหนื่อยล้า แต่ในที่สุด เจนนี่เงยหน้าขึ้นเห็นบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นประตูกล เจนนี่จึงพับแผนที่เก็บใส่กระเป๋าเสื้อและปิดไฟฉายแล้วเหน็บไว้ข้างหลังแล้วผลักประตูกลขึ้นเล็กน้อย เจนนี่มองลอดผ่านช่องนั้นออกไป
                ดุเหมือนห้องๆนี้จะเป็นห้องเก็บของอะไรสักอย่าง มีกล่องน้อยใหญ่วางเรียงรายเต็มไปหมด เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เจนนี่จึงผลักประตูกลขึ้นไปจนสุด แล้วปีนออกมาแล้วปิดประตูกลลง มีเสียงคนเจ๊าะแจ๊ะจอแจแว่วมาจากนอกห้อง
                “คงจะเป็นห้องใต้ดินร้านฮันนี่ดุกส์นะ” เจนนี่คิดแล้วตรงไปยังบันไดไม้ที่ทอดขึ้นไปยังชั้นบน เจนนี่รีบปีนบันไดขึ้นไปแล้วลอดผ่านประตูออกไป ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้าของเธอ
                ตอนนี้เจนนี้อยู่หลังเคาน์เตอร์ของร้าน เจนนี่ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วมองผ่านเคาน์เตอร์ไปรอบๆร้านจนเห็นเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ชิดกำแพงด้านหนึ่งของร้าน เจนนี่จึงก้มลงคลานออกจากเคาน์เตอร์แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้ไม่มีใครสังเกต แล้วเจนนี่ก็ตรงไปหาเฮอร์ไมโอนี่ทันที
********************
                **“ริต้าไปแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดถึงริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวจอมจุ้นที่เข้ามาหาข่าวในร้านเมื่อสักครู่นี้พลางมองทะลุผ่านแฮร์รี่ซึ่งอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนไปจนสุดปลายถนนไฮสตรีท
                “เดี๋ยวเราเข้าไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ในร้านไม้กวาดสามอันกันดีไหม มันหนาวนะ จริงไหม เธอไม่ต้องพูดกับรอนก็ได้นี่!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสริมเพราะแฮร์รี่เงียบไม่ยอมตอบ
“เจนนี่มาแล้ว”แฮร์รี่พูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดีใจนิดๆเพราะจะได้เปลี่ยนเรื่องคุยเสียที  เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปหาเจนนี่ทันที
“เจนนี่ !! เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างลิงโลดเมื่อเห็นเจนนี่ปลอดภัยดี
“อื้ม”เจนนี่ตอบพลางส่งไฟฉายและแผนที่ให้เฮอร์ไมโอนี่ “แฮร์รี่ล่ะ”
“อยู่ในผ้าคลุมน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างเซ็งๆ
“โอเค งั้นฉันขอตัวไปร้ามมาดามพุดดี้ฟุตก่อนนะ บอกทางฉันทีสิ” เจนนี่พูดอย่างรีบๆ
“ได้ๆ”.................
**********************
เจนนี่เดินแทรกผ่านผู้คนที่แน่นขนัดไปตามทางที่เฮอร์ไมโอนี่บอก จนเห็นร้านน้ำชาเล็กๆร้านหนึ่ง เธอเกือบจะเดินเลยร้านเพราะไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไรนัก เจนนี่ผลักประตูเข้าไปในร้านทันที ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แลดูเรียบง่ายและอบอุ่น มีโต๊ะสำหรับลูกค้าตั้งอยู่ไม่กี่โต๊ะ และมีลูกค้าไม่มากนัก แล้วเจนนี่ก็เห็นมัลฟอยนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่อยู่ชิดริมหน้าต่าง เจนนี่ตรงรี่ไปหาทันที
“หวัดดี” เจนนี่ทักห้วนๆ
“อรูณสวัสดิ์” มัลฟอยลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปยืนข้างหลังเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็เลื่อนเก้าอี้ออกให้เธอ เจนนี่มองเขาอย่างแปลกใจ ไม่ใช่เพียงเพราะอากัปกิริยาที่ดูเป็นสุภาพบุรุษผิดหูผิดตา แต่ยังรวมไปถึงการแต่งตัวของเขาด้วย มัลฟอยสวมเสื้อเชิ้ตเรียบหรูเข้ารูปสีเทาอ่อน ไม่ติดกระดุมสองเม็ดแรกเผยให้เห็นแผงอกกว้าง กางเกงสแล็กสีดำซึ่งรับกับรองเท้าหนังที่ขัดจนเงาวับเป็นอย่างดี ..............นี่เขาพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวเหมือนกันแฮะ ดูเท่ห์เลยทีเดียว............
มัลฟอยผายมือเป็นสัญญาณบอกให้เจนนี่นั่ง เจนนี่จึงนั่งลงโดยดี แล้วมัลฟอยก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง
“นี่นายเข้าร้านแบบนี้ด้วยเหรอ” เจนนี่เริ่มถามก่อน
“ใช่ ร้านนี้เงียบดี แล้วก็จะได้ไม่ต้องเจอเจ้าหัวแผลเป็นกับเพื่อนมันด้วย” มัลฟอยตอบ เจนนี่ฟังแล้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไรแต่ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้
“ฉันจะไม่มาร้านนี้ก็ช่วงวาเลนไทน์เท่านั้นแหละ ช่วงนั้นร้านจะจัดเป็นสีชมพู เอียนจะตาย” เขาพูดต่อพลางทำหน้าเหยเก
เจนนี่ตั้งต้นที่จะทวงล็อกเกตของเธอ แต่มัลฟอยขัดขึ้นก่อน
“เธอจะดื่มอะไร” เขาถาม
“นี่ ฉันไม่ได้มาเพื่อหาอะไรดื่มนะ” เจนนี่พูดอย่างหงุดหงิด
“แต่เธอก็น่าจะดื่มอะไรซักหน่อยนะ ฉันเลี้ยงเอง” มัลฟอยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เจนนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“มาดาม ฉันขอกาแฟ” มัลฟอยตะโกนสั่งหญิงร่างอ้วนมีผมมวยสีดำที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เจนนี่คาดว่าคงจะเป็นมาดามพุดดี้ฟุต
“ได้จ้ะ สักครู่นะ” หญิงคนนั้นตอบอย่างเป็นกันเอง
“เธอเอาอะไร” มัลฟอยหันมาถามเจนนี่ เจนนี่นึกเมนูเครื่องดื่มซักพัก แล้วเธอก็เบิกตาโพลงอย่างตื่นเต้น
“เอ่อ ...ที่นี่มีบัตเตอร์เบียร์มั้ย”เจนนี่ถามอย่างพยายามสะกดความอยากรู้อยากเห็นไว้
“นี่มันร้านน้ำชานะ” มัลฟอยงงกับเมนูของเจนนี่ เจนนี่หน้าเจื่อนลง
“มีจ้าสาวน้อย รอสักครู่จ้ะ” หญิงอ้วนคนเดิมตะโกนตอบมา
“เยี่ยมเลย”เจนนี่ร้องอย่างลืมตัว แน่นอนล่ะ ในโลกของคนอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกคนคงอยากที่จะได้ลองลิ้มรสของบัตเตอร์เบียร์เป็นแน่ มัลฟอยมองท่าทีของเธออย่างนึกขำ
เจนนี่มองไปรอบๆร้านอย่างสนใจเธอชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์ไม้ของร้านนี้มาก มันทำให้ร้านดูน่ารักและอบอุ่น ยิ่งทำให้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามัลฟอยจะชอบมาในที่แบบนี้ได้ เจนนี่มองไปรอบๆโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามัลฟอยกำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่แฝงความหมายบางอย่าง
....เหมือนจริงๆ ...... ไม่มีผิด.....ไม่มีผิดไปจากในความฝันเลยแม้แต่น้อย ....มัลฟอยมองเจนนี่แล้วนึกเปรียบเทียบกับเด็กสาวที่เขาพบในฝันครั้งแล้วครั้งเล่า
“ได้แล้วจ้ะ กาแฟ แล้วก็บัตเตอร์เบียร์” มัลฟอยตื่นจากภวังค์ มาดามพุดดี้ฟุตนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแล้วก็เดินกลับเข้าหลังเคาน์เตอร์ไป
มัลฟอยยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบโดยไม่เติมครีมและน้ำตาล ส่วนเจนนี่เอาแต่จ้องเครื่องดื่นสีเหลืองข้นที่มีฟองฟูบรรจุในแก้วใบใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
“นี่ ไม่ดื่มรึไง”มัลฟอยลดถ้วยลงแล้วถาม เจนนี่รีบพยักหน้าแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม
มันเป็นยิ่งกว่าเครื่องดื่มในฝันของเจนนี่ รสชาติหวานนุ่มละมุนลิ้น กลิ่นหอมกลมกล่อมเข้ากับรสชาติได้เป็นอย่างดีไม่มีที่ติ มันค่อยไหลผ่านลงคอไปอย่างช้าๆทำให้รู้สึกได้ถึงความอุ่นตั้งแต่คอแล้วค่อยๆคืบลงไปจนถึงท้องแล้วแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เจนนี่ถอนปากออกจากแก้วแล้วกลืนลงไปอึกใหญ่ มันอร่อยมากซะจนเจนนี่เผลอยิ้มออกมา ความอุ่นของบัตเตอร์เบียร์ทำให้แก้มของเธอเป็นสีชมพูระเรื่อ
...........ยิ่งมองยิ่งน่ารัก........น่ารักเหลือเกิน...........มัลฟอยมองเจนนี่ไม่วางตา แต่คราวนี้เจนนี่รู้สึกตัว
“นี่ หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ” เจนนี่ถาม มัลฟอยสะดุ้งเล็กน้อย
“อ้อ ...เอ่อ เปล่า” มัลฟอยรีบก้มลงจิบกาแฟต่อ เจนนี่จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าหน้าของเขาก็เป็นสีชมพูเช่นกัน
เมื่อทั้งคู่ดื่มเสร็จ แม้ว่าเจนนี่ยังอยากจะสั่งบัตเตอร์เบียรอีกสักแก้ว แต่ก็ตัดใจเพราะมีอีกอย่างที่สำคัญกว่า เจนนี่ตั้งต้นพูดขึ้น
“ฉันมาตามสัญญาแล้วนะ ฉันขอล็อกเกตคืนได้แล้ว” เจนนี่พูดสียงชัดเจน
มัลฟอยถอนหายใจอย่างเสียดาย “ก็ได้ๆ” แล้วเขาก็หยิบล็อกเกตสีเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งคืนให้เจนนี่ เจนนี่รีบคว้าหมับทันทีด้วยความดีใจ
“โธ่! ได้คืนสักที ขอบใจมากนะ” เจนนี่ยิ้มกว้าง ทำให้มัลฟอยอึ้งไปอีกรอบเพราะเป็นยิ้มที่เธอมอบให้เขาเป็นครั้งแรก มัลฟอยหน้าเป็นสีชมพูเล็กน้อย “เอ่อ ไม่เป็นไร”
ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งมองเห็นพวกเขาจากข้างนอกตอนที่มัลฟอยส่งล็อกเกตคืนเจนนี่พอดีแพนซี่จ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาริษยา
“ยายนั่นมันเป็นใครกัน” แพนซี่คำรามในคออย่างโกรธแค้นพลางกำมือแน่นจนแขนสั่นน้อยๆ
************************
“หมดธุระแล้ว ฉันขอตัวนะ” เจนนี่กล่าวลา
“เอ่อ...”มัลฟอยพยายามจะนึกคำพูดที่จะถ่วงเวลาไว้ แต่ตอนนี้สมองของเขากลวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย “หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะ” มัลฟอยพูดอย่างเก็บอารมณ์ เขานึกโกรธตัวเองที่รู้สึกว่าวันนี้ได้ทำอะไรโง่ๆออกไปมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“อืม บาย โชคดีนะ” เจนนี่ลาแล้วลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป
ทันทีที่เจนนี่ก้าวออกมาจากร้าน ก็มีคนคนหนึ่งกระชากแขนเธอ
“แกเป็นใคร ฮึ! ทำไมมาอยู่กับเดรโกของฉันได้” แพนซี่นั่นเอง เจนนี่จำได้เพราะเคยกลายร่างเป็นเธอมาแล้ว เจนนี่สะบัดแขนออก
“มันเรื่องของฉัน ไม่ได้แขวนป้ายไว้นี่ว่าของเธอ” เจนนี่ตอบยียวน
“นี่แก....”แพนซี่พูดกัดฟันจนกรามสั่น แล้วชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เจนนี่แล้วพึมพำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น จู่ๆแขนของเจนนี่ก็ไขว้ติดกันอยู่ข้างหลังราวกับว่ามีเชือกที่มองไม่เห็นมัดอยู่ เจนนี่จ้องแพนซี่เขม็ง
“นี่ เธอจะทำอะไรน่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้” แพนซี่พูดอย่างสะใจ แล้วก็ฉุดแขนของเจนนี่ลากเธอออกไปจากหน้าร้านโดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธออยู่ในสายตาของมัลฟอยที่มองผ่านหน้าต่างออกมาโดยตลอด!
แพนซี่ลากเจนนี่เข้ามาในซอยแคบๆที่อยู่ไกลจากร้านพอควร แล้วก็เหวี่ยงเจนนี่กระแทกกับกำแพง
“โอ้ยยย!..จะทำอะไรน่ะ”
“ฮึ! บังอาจมายุ่งกับเดรโกของชั้น ต้องเอาให้สาสม เอ.......จะทำอะไรดีน้า...” แพนซี่พูดพลางหรี่ตามองเจนนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูหมิ่น
“แต่งตัวแบบนี้ คงจะเป็นเลือดสีโคลนล่ะสิท่า” แพนซี่พูดเสียงเหยียด เจนนี่รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“คงจะต้องให้เปื้อนโคลนจริงๆละมั้ง” แพนซี่พูดเมื่อเหลือบไปเห็นถังรองน้ำที่เต็มไปด้วยคราบโคลนใบหนึ่ง คาดว่าคงจะเป็นถังรองน้ำฝนจากหลังคา
“วิงการ์เดียม เลวิโอซ่า” ถังน้ำนั้นลอยสูงขึ้น แล้วเลื่อนมาใกล้ๆเจนนี่
ตอนนี้เจนนี่รู้สึกทั้งโกรธและกลัว เพราะเธอไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย เธอกำมือแน่นด้วยอารมณ์ ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างผิดปกติ เจนนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมใบหน้าถึงได้ร้อนขนาดนี้
“เปื้อนโคลนซะเถอะ!” แพนซี่สะบัดไม้กายสิทธิ์ ถังน้ำนั้นเหวี่ยงตัวเองแล้วสาดน้ำโคลนเข้าใส่เจนนี่ทันที เจนนี่หันหน้าหลบและหลับตาปี๋ อารมณ์ต่างๆถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงในตัวเจนนี่อย่างควบคุมไม่ได้ เจนนี่จึงตะโกนออกไปสุดเสียง
“อย่า.......................นะ........” ฉับพลันนั้นเอง ก็มีแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นกลางลำตัวเจนนี่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด................”
เสียงกรีดร้องนั้นไม่ใช่ของเจนนี่ แต่กลับเป็นของแพนซี่เอง เจนนี่จึงลืมตาขึ้นและพบว่าร่างของแพนซี่นั้นเปียกปอนละเต็มไปด้วยคราบโคลนไปทั้งตัวแทนที่จะเป็นเจนนี่ เจนนี่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
“นี่แก......บังอาจมาก”แพนซี่ชี้หน้ามาทางเจนนี่
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เจนนี่ตอบตรงๆ
“ไม่ได้ทำบ้าอะไร ก็แกใช้เวทย์มนตร์กับชั้นเนี่ย” แพนซี่ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เจนนี่งงสุดขีดเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ฉ......ฉันเนี่ยนะ ป....เป็นไปไม่ได้” เจนนี่ไม่อยากจะเชื่อ
“ชั้นจะฆ่าแก...........”แพนซี่ทำท่าจะวิ่งเข้าใส่เจนนี่ แต่..............
“โลโคมอเตอร์ มอติส” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น แพนซี่ล้มคว่ำลงไม่เป็นท่า ขาของเธอเหมือนกับถูกผูกติดกัน เจนนี่มองไปยังต้นเสียง “มัลฟอย!” 
มัลฟอยตรงรี่มาที่เจนนี่แล้วเคาะไม้กายสิทธิ์ตรงแขนที่ติดกันของเจนนี่แล้วพึมพำเบาๆ
“ไฟไนท์ อินคานทาเท็ม” แขนของเจนนี่คลายออกจากกันทันที
“ขอบใจนะ” เจนนี่พุดฝันๆเพราะยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ไม่เป็นไร”
“โอย.....เดรโก ทำไมทำแบบนี้” แพนซี่ซึ่งตอนนี้นอนกองอยู่กับพื้นโอดครวญขึ้น
“เธอนั่นแหละทำอะไร ทุเรศ!!!” มัลฟอยตะคอกใสเธอ
“ฉันไปก่อนนะ” เจนนี่พูดลอยๆแล้ววิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อน” มัลฟอยจะห้ามไว้แต่ไม่ทัน “โธ่” เขาบ่นอย่างอารมณ์เสียเพราะเจนนี่วิ่งหายไปแล้ว เขาจึงเดินออกมาจากซอยโดยไม่สนในแพนซี่เลยแม้แต่น้อย
***************************
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เวทย์มนตร์อะไรกัน เป็นไปไม่ได้” เจนนี่คิดอย่างสับสนสุดชีวิตขณะที่วิ่งไปตามทาง เธอวิ่งไม่ยอมหยุดจนมาถึงหน้าร้านไม้กวาดสามอันซึ่งเฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่นัดไว้ เจนนี่กำลังตรงไปที่ประตูทางเข้าทันที
“แฮกริดนัดเธอไปทำไมกันนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามแฮร์รี่ที่อยู่ในผ้าคลุมล่องหน
“ไม่รู้สิ” แฮร์รี่ตอบ แล้วเจนนี่ก็เดินมาถึงที่ๆทั้งสองนั่งอยู่
“อ้าวเจนนี่ มาพอดีเลย โชคดีนะ แฮกริดกับศาสตราจารย์มูดดี้เพิ่งออกจากร้านไปเมื่อกี้เอง” เฮอร์ไมโอนี่พูดยาวเหยียด
“เธอได้ล็อกเกตคืนรึยัง” แฮร์รี่ถามบ้าง ตอนนี้เขาออกจากผ้าคลุมแล้วเพราะเห็นว่ารอนกับคนอื่นๆออกไปจากร้านแล้ว
“อื้ม ได้คืน แต่.. ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟังอีกแล้วล่ะ” เสียงของเจนนี่ดูเป็นกังวล เจนนี่เดินไปนั่งข้างๆเฮอร์ไมโอนี่แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง
ทันทีที่เล่าจบ แฮร์รี่ก็โพล่งขึ้น “คล้ายๆกับตอนที่ฉันทำป้ามาร์จตัวพองเมื่อปีที่แล้วเลย ..แต่ เธอเป็นมักเกิ้ลนี่นา ทำไม.....”
“นั่นแหละที่ฉันสับสนล่ะ” เจนนี่พูดเสียงหนัก
“มันก็เป็นไปได้นะ เธออาจจะไม่ใช่มักเกิ้ล” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น
“หมายความว่ายังไง” เจนนี่กับแฮร์รี่ถามพร้อมกัน
“คือที่จริงฉันเพิ่งอ่านเจอเมื่อวานนี้เองแต่ไม่แน่ใจ เพิ่งมาเริ่มแน่ใจเมื่อเช้าตอนที่เห็นชื่อเธอในแผนที่นั่นแหละ” แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็พูดต่อ
“ฉันคิดว่าเธอเป็น....”
“......Witelnier” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ประสานกับเสียงของชายชราคนหนึ่ง ทั้งสามสะดุ้งแล้วหันหลังไปมอง
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์” เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่โพล่งพร้อมกัน ส่วนเจนนนี่ได้แต่นั่งอึ้งจนพูดไม่ออก
**********************************
“ใจเย็นๆน่าเจนนี่ ค่อยๆคิดน่า” เฮอร์ไมโอนี่พยายามปลอบเธอ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” แฮร์รี่ถามอย่าง งงๆ
“ก็มัลฟอยเจอเจนนี่ตอนไปหาล็อกเก็ตเข้าน่ะสิ แถมยังชวนเจนนี่ไปฮอกส์มี้ดอีกด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดแทนเจนนี่อย่างเหนื่อยใจ
“ตายล่ะ” แฮร์รี่อุทานขึ้นอย่างหัวเสียอีกคน
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันคิดถึงบ้าน ฉันคิดถึงร้านหนังสือของฉัน ฉันคิดถึงแม่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” คำพูดของเจนนี่พรั่งพรูออกมาอย่างเหลืออด เจนนี่เอามือกุมขมับ เริ่มมีน้ำตาเอ่อในดวงตาคู่สวยของเธอ
“ใจเย็นๆน่า เรามาหาทางแก้กันดีกว่านะ” แฮร์รี่พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด เพราะเขาเองก็มีเรื่องกลุ้มใจมากอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องภารกิจแรกในวันอังคารนี้ ไหนยังจะเรื่องรอนที่ยังไม่ยอมคุยกับเขาอีก
เจนนี่สูดลมหายใจเข้าแล้วถอนหายใจยาวเพื่อตั้งสติ
“เฮ้ออ.................... โอเค ขอบใจมากนะแฮร์รี่” เจนนี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นเล็กน้อย น้ำตาที่เอ่อนั้นจางลงไปบ้าง
“เออใช่...... แฮร์รี่ ที่จริงเธอกับเจนนี่ออกนอกปราสาทบ้างก็ดีนะ จะได้สบายใจขึ้นบ้างไง แล้วเราจะได้ไปเป็นเพื่อนเจนนี่ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเพื่อให้ทั้งคู่รู้สึกดีขึ้น
“ว่าแต่ ฉันจะไปยังไงล่ะเฮอร์ไมโอนี่” เจนนี่ถามอย่างข้องใจ
“นึกออกแล้ว.......เธอใช้นั่นก็ได้นี่” แฮร์รี่โพล่งขึ้น
“อะไรเหรอ” สองสาวถามพร้อมกัน
“แผนที่ตัวกวนไง”............................
********************************
ทางด้านบ้านสลิธิรีน เวลานี้เด็กนักเรียนทุกคนหลับกันหมดแล้ว เว้นแต่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่เอาแต่นอนจ้องเพดาน ในมือกุมล็อกเกตสีเงินวางไว้บนหน้าอก
เขาเปิดล็อกเกตออกแล้วจ้องมองไปที่รูปเด็กสาวในนั้นอย่างมีความหมา
ย
....ใช่ ...ต้องใช่แน่ๆ.... มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ......ฉันเคยเจอเธอนานมาแล้ว....ในฝันของฉัน
                เขามองพินิจรูปนั้นอยู่นาน......จนเข้าสู่ห้วงนิทราโดยไม่รู้ตัว.................
                มัลฟอยยืนอยู่ท่ามกลางหมอกสีขาวจาง เขาเริ่มออกเดินอย่างไร้จุดหมาย รอบข้างมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอกที่รายล้อมอยู่ และแล้วเขาก็เห็นแสงสีขาวอยู่จุดหนึ่งวาบขึ้นอยู่ไม่ไกล เขาเดินตรงไปที่นั่นทันที
                ชั่วพริบตาเขาได้ก้าวเข้ามาสถานที่ที่หนึ่งซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงเขาไม่เคยมาเลย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ร้านค้าตามทางเดินต่างๆเรียงกันเป็นแถว รถยนต์ที่ขับสวนกันขวักไขว่ ใช่แล้ว... ที่นี่คือโลกของมักเกิ้ล มัลฟอยนึกแปลกใจในตัวเองว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกรังเกียจอย่างที่เขาเคยเป็น แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยนัก ราวกับว่าเขาเคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว
                มัลฟอยยังคงเดินต่อไปตามทางเดินจนมาหยุดอยู่หน้าร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ขาของเขาก้าวเข้าไปในร้านนั้นโดยอัตโนมัติ  มัลฟอยรู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้เข้ามาเพื่อดูหนังสือ แต่เขาเข้ามาเพื่อตามหาใครสักคน เขารู้สึกอย่างนั้น เขากวาดสายตามองไปทั่วร้าน แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาตามหาอยู่เลย
                มัลฟอยนึกถามตัวเอง.....นี่ฉันมาตามหาใครหันนะ .......แม้แต่ตัวเขาเองก็นึกไม่ออกว่าใครคือคนที่เขาตามหา เมื่อเขาไม่เห็นวี่แววของคนนั้น จึงตัดสินใจหันหลังกลับออกนอกร้าน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเขาหันมาเจอเด็กสาวคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลของเธอยาวตรงสลวย ดวงตากลมโตเป็นประกายสีน้ำตาลและมีแววตาที่ฉลาด แก้มสีชมพูใส เธอสวมชุดแซค(เสื้อกับกระโปรงติดกัน)แขนกุดเผยให้เห็นผิวที่ขาวเนียนละเอียด ชายกระโปรงยาวพริ้วไปตามลมเบาๆ และเธอกำลังส่งยิ้มให้กับเขา ยิ้มชนิดที่เรียกได้ว่า.....ยิ้มพิมพ์ใจ...........
                ใช่.........ใช่เธอแน่ๆ .........เธอ....คนที่ฉันตามหามาตลอด..............เจนนี่.....
                มัลฟอยลืมตาโพลงขึ้น เขารีบหรี่ตาลงเพราะตาปรับแสงอาทิตย์ไม่ทัน เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในมือเขายังกุมล็อกเกตเอาไว้แน่น
                มัลฟอยค่อยๆคลายมือที่กุมไว้ออก แล้วเปิดมันออกอีกครั้ง
                “ใช่เธอแน่ๆ.....เจนนี่” มัลฟอยพูดกับรูปเด็กสาว ผู้ซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนในฝันของเขา ไม่มีผิดเพี้ยน
                เหมือนมัลฟอยนึกอะไรบางอย่างได้ เขารีบลุกจากเตียงแล้วค้นกระเป่าแล้วหยิบเอาดินสอและกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา แล้วเขาก็ลงมือขีดเขียนลงในกระดาษใบนั้นพลางมองดูรูปในล็อกเกตไปด้วย
*************************
                เจนนี่ เฮอร์ไมโอนี่ และแฮร์รี่ตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อจะได้ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทำอะไรกัน เพราะเวลานี้ยังไม่มีใครตื่น
                “ที่จริง ฉันใช้ผ้าคลุมล่องหนก็ได้นี่นาแฮร์รี่” เจนนี่พูดอย่างหวั่นๆ
                “ไม่ได้หรอกนะ ถ้าเกิดว่าเธอโดนตรวจจับมักเกิ้ลหน้าปราสาทล่ะยุ่งแน่ๆ” แฮร์รี่ยืนยันคำตอบ
                “ใช่ ว่าแต่ เธอค่อยเอาล็อกเกตคืนวันหลังไม่ดีหว่าเหรอ เข้าไปทางลับคนเดียวมันอันตรายนะ เจนนี่” เฮอร์ไมโอนี่กลัวแทนเจนนี่ “ที่จริงเราอยากจะไปเป็นเพื่อนนะ แต่เราต้องเชคชื่อน่ะ”
                “ไม่ได้หรอก ถ้าฉันไม่ไปวันนี้ ฉันว่าฉันคงไม่ได้คืนอีกเลยแน่ๆ คนอย่างมัลฟอยเธอน่าจะรู้” เจนนี่ตอบอย่างแน่วแน่ เฮอร์ใมโอนี่พยักหน้ารับ
                “งั้นไปกันเลย” แฮร์รี่พูด แล้วเดินนำเพื่อนออกไปจากห้องนั่งเล่น แล้วตรงไปที่รูปปั้นแม่มดตาเดียวที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านกริฟฟินดอร์นัก แฮร์รี่หยิบแผ่นกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่งออกมาจากเสื้อคลุม พร้อมกับหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาด้วย แล้วเขาก็เอาไม้กายสิทธิ์แตะที่กระดาษแผ่นนั้น เจนนี่ชะเง้อมองในแผ่นกระดาษอย่างสนอกสนใจ จะมีคนที่อ่านแฮร์รี่คนไหนไม่อยากรู้บ้างล่ะ
                “ข้าขอสาบานว่าข้านั้นหาความดีมิได้” พอแฮร์รี่พูดจบ ที่ปลายไม้กายสิทธิ์ก็ปรากฏเป็นเส้นหมึกบางๆไหลออกมากระจายทั่วแผ่นกระดาษ แล้วก็ค่อยๆเรียงร้อยเป็นคำพูดขึ้นว่า
“ข้าเจ้าทั้งหลาย
นายจันทร์เจ้า หางหนอน เท้าปุย และเขาแหลม
ผู้ให้ความช่วยเหลือ
แก่บรรดาตัวกวนแสนร้อยเล่ห์
มีความยินดีขอเสนอ
* แผนที่ตัวกวน”
                แล้วเส้นหมึกก็กระจายตัวอีกครั้ง กลายเป็นแผนที่ปรากฏขึ้นแทน แล้วตรงจุดที่พวกเขายืนอยู่ในแผนที่ก็มีจุดหมึกเล็กๆ3จุด แต่ละจุดมีป้ายชื่อเขียนอยู่ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์, เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และ เจนนิเฟอร์ แอนเดอร์สัน  อยู่ด้วย เจนนี่มองอย่างทึ่ง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอะไรบางอย่าง
                “ทางที่จะไปฮอกส์มี้ดมีทั้งหมด7ทาง แต่ทางที่ไปได้จริงๆและปลอดภัยที่สุดมีอยู่แค่ทางเดียว ฉันเคยใช้ทางนี้ตอนปีที่แล้ว” แฮร์รี่พูดพลางชี้ไปที่เส้นทางลับนั้น “มันจะตรงไปที่ห้องใต้ดินของร้านฮันนี่ดุกส์ ร้านขายขนมน่ะ เราจะไปดักรอเธอที่นั่น ไม่ต้องกลัวหรอก เส้นทางนี้ปลอดภัย100%” แฮร์รี่รีบเน้นเมื่อเจนนี่หน้าซีดลงเล็กน้อย
                “เจนนี่ เอานี่ไปด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่หยิบไฟฉายขนาดพกพายัดใส่ในมือเจนนี่
            “เขาใช้ไม้กายสิทธิ์ไม่ได้นะแฮร์รี่ จะให้ใช้คาถาลูมอสรึไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดเพราะตีสีหน้าของแฮร์รี่ออก แฮร์รี่พยักหน้ารับอย่างลืมตัว
                “ขอบใจมากจ้ะ เฮอร์ไมโอนี่” เจนนี่ยิ้มตอบ
                “โอเค พร้อมนะเจนนี่ ดิสเซนดิอุม” แฮร์รี่พึมพำพร้อมกับเอาไม้กายสิทธิ์เคาะที่รูปปั้นแม่มดตาเดียว
                ทันใดนั้น บริเวณโหนกค่อมของรูปปั้นก็เปิดออกเป็นช่องกว้างพอที่จะลอดเข้าไปได้
                แล้วแฮร์รี่ก็ยื่นแผนที่ให้กับเจนนี่ “เอาไว้เผื่อฉุกเฉินนะ”
                “ขอบใจจ้ะ” เจนนี่รับมา “แล้วเจอกันนะ แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่” พูดจบ เจนนี่ก็ก้าวเข้าไปในช่องนั้น แล้วรูปปั้นก็เลื่อนมาปิดทางตามเดิม
                “หวังว่าเธอคงไม่เป็นอะไรนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างกังวล
                “ไม่เป็นไรหรอก ทางลับนี้มีแต่ฉัน เฟร็ดและจอร์จเท่านั้นที่รู้ แล้วก็ไม่มีอันตรายอะไรด้วย” แฮร์รี่พูดอย่างมั่นใจ
                “อืม งั้นเราไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ใจชื้นขึ้น
                “อืม แต่ฉันขอกลับไปเอาผ้าคลุมล่องหนก่อนนะ”
                “ทำไมต้องใช้ด้วยล่ะ”เฮอร์ไมโอนี่ถามแต่แฮร์รี่ไม่ตอบ        เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้ว เหมือนเธอนึกอะไรขึ้นได้
                “เออ....ใช่ แฮร์รี่” “อะไร”
            “มันน่าแปลกนะ ทำไมถึงมีชื่อของเจนนี่ในแผนที่ได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางใช้ความคิด
                “ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ เริ่มมีคนลงมากันแล้ว”
**********************
                ทางลับนี้มืดและอับชื้นมาก เจนนี่จึงหยิบไฟฉายขึ้นมาส่อง ทำให้เธอเห็นว่าอุโมงค์ทางเดินนี้แคบพอสมควร เจนนี่ก้มลงมองแผนที่แล้วเริ่มออกเดินด้วยความรู้สึกหวั่นๆเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกนอกปราสาท และไม่มีเฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่มาเป็นเพื่อน เจนนี่เดินไปเรื่อยๆเป็นเวลานานหยาดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าและตามตัวของเจนนี่ เธอเริ่มหายใจหอบเล็กน้อย สักพักหนึ่งเจนนี่ก็เห็นเชิงบันไดหินเก่าๆแห่งหนึ่งทอดขึ้นไปข้างบน เจนนี่เอาไฟฉายส่องตามขั้นบันไดขึ้นไป เห็นเป็นทางขั้นบันไดขึ้นไปไกลสุดลกหูลูกตา เจนนี่ถอนหายใจหนึ่งเฮือกด้วยความเหนื่อย แล้วจึงก้าวขึ้นไปตามขั้นบันได เดินขึ้นไปเรื่อยๆจนผ่านขั้นบันไดไปได้หลายร้อยขั้น “โอยย... เมื่อไรจะถึงเนี่ย” เจนนี่บ่นอย่างเหนื่อยล้า แต่ในที่สุด เจนนี่เงยหน้าขึ้นเห็นบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นประตูกล เจนนี่จึงพับแผนที่เก็บใส่กระเป๋าเสื้อและปิดไฟฉายแล้วเหน็บไว้ข้างหลังแล้วผลักประตูกลขึ้นเล็กน้อย เจนนี่มองลอดผ่านช่องนั้นออกไป
                ดุเหมือนห้องๆนี้จะเป็นห้องเก็บของอะไรสักอย่าง มีกล่องน้อยใหญ่วางเรียงรายเต็มไปหมด เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เจนนี่จึงผลักประตูกลขึ้นไปจนสุด แล้วปีนออกมาแล้วปิดประตูกลลง มีเสียงคนเจ๊าะแจ๊ะจอแจแว่วมาจากนอกห้อง
                “คงจะเป็นห้องใต้ดินร้านฮันนี่ดุกส์นะ” เจนนี่คิดแล้วตรงไปยังบันไดไม้ที่ทอดขึ้นไปยังชั้นบน เจนนี่รีบปีนบันไดขึ้นไปแล้วลอดผ่านประตูออกไป ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้าของเธอ
                ตอนนี้เจนนี้อยู่หลังเคาน์เตอร์ของร้าน เจนนี่ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วมองผ่านเคาน์เตอร์ไปรอบๆร้านจนเห็นเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ชิดกำแพงด้านหนึ่งของร้าน เจนนี่จึงก้มลงคลานออกจากเคาน์เตอร์แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้ไม่มีใครสังเกต แล้วเจนนี่ก็ตรงไปหาเฮอร์ไมโอนี่ทันที
********************
                **“ริต้าไปแล้วล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดถึงริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวจอมจุ้นที่เข้ามาหาข่าวในร้านเมื่อสักครู่นี้พลางมองทะลุผ่านแฮร์รี่ซึ่งอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนไปจนสุดปลายถนนไฮสตรีท
                “เดี๋ยวเราเข้าไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ในร้านไม้กวาดสามอันกันดีไหม มันหนาวนะ จริงไหม เธอไม่ต้องพูดกับรอนก็ได้นี่!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสริมเพราะแฮร์รี่เงียบไม่ยอมตอบ
“เจนนี่มาแล้ว”แฮร์รี่พูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดีใจนิดๆเพราะจะได้เปลี่ยนเรื่องคุยเสียที  เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปหาเจนนี่ทันที
“เจนนี่ !! เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างลิงโลดเมื่อเห็นเจนนี่ปลอดภัยดี
“อื้ม”เจนนี่ตอบพลางส่งไฟฉายและแผนที่ให้เฮอร์ไมโอนี่ “แฮร์รี่ล่ะ”
“อยู่ในผ้าคลุมน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างเซ็งๆ
“โอเค งั้นฉันขอตัวไปร้ามมาดามพุดดี้ฟุตก่อนนะ บอกทางฉันทีสิ” เจนนี่พูดอย่างรีบๆ
“ได้ๆ”.................
**********************
เจนนี่เดินแทรกผ่านผู้คนที่แน่นขนัดไปตามทางที่เฮอร์ไมโอนี่บอก จนเห็นร้านน้ำชาเล็กๆร้านหนึ่ง เธอเกือบจะเดินเลยร้านเพราะไม่ค่อยสะดุดตาเท่าไรนัก เจนนี่ผลักประตูเข้าไปในร้านทันที ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แลดูเรียบง่ายและอบอุ่น มีโต๊ะสำหรับลูกค้าตั้งอยู่ไม่กี่โต๊ะ และมีลูกค้าไม่มากนัก แล้วเจนนี่ก็เห็นมัลฟอยนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่อยู่ชิดริมหน้าต่าง เจนนี่ตรงรี่ไปหาทันที
“หวัดดี” เจนนี่ทักห้วนๆ
“อรูณสวัสดิ์” มัลฟอยลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปยืนข้างหลังเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็เลื่อนเก้าอี้ออกให้เธอ เจนนี่มองเขาอย่างแปลกใจ ไม่ใช่เพียงเพราะอากัปกิริยาที่ดูเป็นสุภาพบุรุษผิดหูผิดตา แต่ยังรวมไปถึงการแต่งตัวของเขาด้วย มัลฟอยสวมเสื้อเชิ้ตเรียบหรูเข้ารูปสีเทาอ่อน ไม่ติดกระดุมสองเม็ดแรกเผยให้เห็นแผงอกกว้าง กางเกงสแล็กสีดำซึ่งรับกับรองเท้าหนังที่ขัดจนเงาวับเป็นอย่างดี ..............นี่เขาพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวเหมือนกันแฮะ ดูเท่ห์เลยทีเดียว............
มัลฟอยผายมือเป็นสัญญาณบอกให้เจนนี่นั่ง เจนนี่จึงนั่งลงโดยดี แล้วมัลฟอยก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง
“นี่นายเข้าร้านแบบนี้ด้วยเหรอ” เจนนี่เริ่มถามก่อน
“ใช่ ร้านนี้เงียบดี แล้วก็จะได้ไม่ต้องเจอเจ้าหัวแผลเป็นกับเพื่อนมันด้วย” มัลฟอยตอบ เจนนี่ฟังแล้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไรแต่ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้
“ฉันจะไม่มาร้านนี้ก็ช่วงวาเลนไทน์เท่านั้นแหละ ช่วงนั้นร้านจะจัดเป็นสีชมพู เอียนจะตาย” เขาพูดต่อพลางทำหน้าเหยเก
เจนนี่ตั้งต้นที่จะทวงล็อกเกตของเธอ แต่มัลฟอยขัดขึ้นก่อน
“เธอจะดื่มอะไร” เขาถาม
“นี่ ฉันไม่ได้มาเพื่อหาอะไรดื่มนะ” เจนนี่พูดอย่างหงุดหงิด
“แต่เธอก็น่าจะดื่มอะไรซักหน่อยนะ ฉันเลี้ยงเอง” มัลฟอยยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เจนนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“มาดาม ฉันขอกาแฟ” มัลฟอยตะโกนสั่งหญิงร่างอ้วนมีผมมวยสีดำที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เจนนี่คาดว่าคงจะเป็นมาดามพุดดี้ฟุต
“ได้จ้ะ สักครู่นะ” หญิงคนนั้นตอบอย่างเป็นกันเอง
“เธอเอาอะไร” มัลฟอยหันมาถามเจนนี่ เจนนี่นึกเมนูเครื่องดื่มซักพัก แล้วเธอก็เบิกตาโพลงอย่างตื่นเต้น
“เอ่อ ...ที่นี่มีบัตเตอร์เบียร์มั้ย”เจนนี่ถามอย่างพยายามสะกดความอยากรู้อยากเห็นไว้
“นี่มันร้านน้ำชานะ” มัลฟอยงงกับเมนูของเจนนี่ เจนนี่หน้าเจื่อนลง
“มีจ้าสาวน้อย รอสักครู่จ้ะ” หญิงอ้วนคนเดิมตะโกนตอบมา
“เยี่ยมเลย”เจนนี่ร้องอย่างลืมตัว แน่นอนล่ะ ในโลกของคนอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกคนคงอยากที่จะได้ลองลิ้มรสของบัตเตอร์เบียร์เป็นแน่ มัลฟอยมองท่าทีของเธออย่างนึกขำ
เจนนี่มองไปรอบๆร้านอย่างสนใจเธอชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์ไม้ของร้านนี้มาก มันทำให้ร้านดูน่ารักและอบอุ่น ยิ่งทำให้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามัลฟอยจะชอบมาในที่แบบนี้ได้ เจนนี่มองไปรอบๆโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามัลฟอยกำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่แฝงความหมายบางอย่าง
....เหมือนจริงๆ ...... ไม่มีผิด.....ไม่มีผิดไปจากในความฝันเลยแม้แต่น้อย ....มัลฟอยมองเจนนี่แล้วนึกเปรียบเทียบกับเด็กสาวที่เขาพบในฝันครั้งแล้วครั้งเล่า
“ได้แล้วจ้ะ กาแฟ แล้วก็บัตเตอร์เบียร์” มัลฟอยตื่นจากภวังค์ มาดามพุดดี้ฟุตนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแล้วก็เดินกลับเข้าหลังเคาน์เตอร์ไป
มัลฟอยยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบโดยไม่เติมครีมและน้ำตาล ส่วนเจนนี่เอาแต่จ้องเครื่องดื่นสีเหลืองข้นที่มีฟองฟูบรรจุในแก้วใบใหญ่ที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
“นี่ ไม่ดื่มรึไง”มัลฟอยลดถ้วยลงแล้วถาม เจนนี่รีบพยักหน้าแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม
มันเป็นยิ่งกว่าเครื่องดื่มในฝันของเจนนี่ รสชาติหวานนุ่มละมุนลิ้น กลิ่นหอมกลมกล่อมเข้ากับรสชาติได้เป็นอย่างดีไม่มีที่ติ มันค่อยไหลผ่านลงคอไปอย่างช้าๆทำให้รู้สึกได้ถึงความอุ่นตั้งแต่คอแล้วค่อยๆคืบลงไปจนถึงท้องแล้วแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เจนนี่ถอนปากออกจากแก้วแล้วกลืนลงไปอึกใหญ่ มันอร่อยมากซะจนเจนนี่เผลอยิ้มออกมา ความอุ่นของบัตเตอร์เบียร์ทำให้แก้มของเธอเป็นสีชมพูระเรื่อ
...........ยิ่งมองยิ่งน่ารัก........น่ารักเหลือเกิน...........มัลฟอยมองเจนนี่ไม่วางตา แต่คราวนี้เจนนี่รู้สึกตัว
“นี่ หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ” เจนนี่ถาม มัลฟอยสะดุ้งเล็กน้อย
“อ้อ ...เอ่อ เปล่า” มัลฟอยรีบก้มลงจิบกาแฟต่อ เจนนี่จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าหน้าของเขาก็เป็นสีชมพูเช่นกัน
เมื่อทั้งคู่ดื่มเสร็จ แม้ว่าเจนนี่ยังอยากจะสั่งบัตเตอร์เบียรอีกสักแก้ว แต่ก็ตัดใจเพราะมีอีกอย่างที่สำคัญกว่า เจนนี่ตั้งต้นพูดขึ้น
“ฉันมาตามสัญญาแล้วนะ ฉันขอล็อกเกตคืนได้แล้ว” เจนนี่พูดสียงชัดเจน
มัลฟอยถอนหายใจอย่างเสียดาย “ก็ได้ๆ” แล้วเขาก็หยิบล็อกเกตสีเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งคืนให้เจนนี่ เจนนี่รีบคว้าหมับทันทีด้วยความดีใจ
“โธ่! ได้คืนสักที ขอบใจมากนะ” เจนนี่ยิ้มกว้าง ทำให้มัลฟอยอึ้งไปอีกรอบเพราะเป็นยิ้มที่เธอมอบให้เขาเป็นครั้งแรก มัลฟอยหน้าเป็นสีชมพูเล็กน้อย “เอ่อ ไม่เป็นไร”
ทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งมองเห็นพวกเขาจากข้างนอกตอนที่มัลฟอยส่งล็อกเกตคืนเจนนี่พอดีแพนซี่จ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาริษยา
“ยายนั่นมันเป็นใครกัน” แพนซี่คำรามในคออย่างโกรธแค้นพลางกำมือแน่นจนแขนสั่นน้อยๆ
************************
“หมดธุระแล้ว ฉันขอตัวนะ” เจนนี่กล่าวลา
“เอ่อ...”มัลฟอยพยายามจะนึกคำพูดที่จะถ่วงเวลาไว้ แต่ตอนนี้สมองของเขากลวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย “หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะ” มัลฟอยพูดอย่างเก็บอารมณ์ เขานึกโกรธตัวเองที่รู้สึกว่าวันนี้ได้ทำอะไรโง่ๆออกไปมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“อืม บาย โชคดีนะ” เจนนี่ลาแล้วลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป
ทันทีที่เจนนี่ก้าวออกมาจากร้าน ก็มีคนคนหนึ่งกระชากแขนเธอ
“แกเป็นใคร ฮึ! ทำไมมาอยู่กับเดรโกของฉันได้” แพนซี่นั่นเอง เจนนี่จำได้เพราะเคยกลายร่างเป็นเธอมาแล้ว เจนนี่สะบัดแขนออก
“มันเรื่องของฉัน ไม่ได้แขวนป้ายไว้นี่ว่าของเธอ” เจนนี่ตอบยียวน
“นี่แก....”แพนซี่พูดกัดฟันจนกรามสั่น แล้วชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เจนนี่แล้วพึมพำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น จู่ๆแขนของเจนนี่ก็ไขว้ติดกันอยู่ข้างหลังราวกับว่ามีเชือกที่มองไม่เห็นมัดอยู่ เจนนี่จ้องแพนซี่เขม็ง
“นี่ เธอจะทำอะไรน่ะ”
“เดี๋ยวก็รู้” แพนซี่พูดอย่างสะใจ แล้วก็ฉุดแขนของเจนนี่ลากเธอออกไปจากหน้าร้านโดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธออยู่ในสายตาของมัลฟอยที่มองผ่านหน้าต่างออกมาโดยตลอด!
แพนซี่ลากเจนนี่เข้ามาในซอยแคบๆที่อยู่ไกลจากร้านพอควร แล้วก็เหวี่ยงเจนนี่กระแทกกับกำแพง
“โอ้ยยย!..จะทำอะไรน่ะ”
“ฮึ! บังอาจมายุ่งกับเดรโกของชั้น ต้องเอาให้สาสม เอ.......จะทำอะไรดีน้า...” แพนซี่พูดพลางหรี่ตามองเจนนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูหมิ่น
“แต่งตัวแบบนี้ คงจะเป็นเลือดสีโคลนล่ะสิท่า” แพนซี่พูดเสียงเหยียด เจนนี่รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“คงจะต้องให้เปื้อนโคลนจริงๆละมั้ง” แพนซี่พูดเมื่อเหลือบไปเห็นถังรองน้ำที่เต็มไปด้วยคราบโคลนใบหนึ่ง คาดว่าคงจะเป็นถังรองน้ำฝนจากหลังคา
“วิงการ์เดียม เลวิโอซ่า” ถังน้ำนั้นลอยสูงขึ้น แล้วเลื่อนมาใกล้ๆเจนนี่
ตอนนี้เจนนี่รู้สึกทั้งโกรธและกลัว เพราะเธอไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย เธอกำมือแน่นด้วยอารมณ์ ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างผิดปกติ เจนนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมใบหน้าถึงได้ร้อนขนาดนี้
“เปื้อนโคลนซะเถอะ!” แพนซี่สะบัดไม้กายสิทธิ์ ถังน้ำนั้นเหวี่ยงตัวเองแล้วสาดน้ำโคลนเข้าใส่เจนนี่ทันที เจนนี่หันหน้าหลบและหลับตาปี๋ อารมณ์ต่างๆถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรงในตัวเจนนี่อย่างควบคุมไม่ได้ เจนนี่จึงตะโกนออกไปสุดเสียง
“อย่า.......................นะ........” ฉับพลันนั้นเอง ก็มีแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นกลางลำตัวเจนนี่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด................”
เสียงกรีดร้องนั้นไม่ใช่ของเจนนี่ แต่กลับเป็นของแพนซี่เอง เจนนี่จึงลืมตาขึ้นและพบว่าร่างของแพนซี่นั้นเปียกปอนละเต็มไปด้วยคราบโคลนไปทั้งตัวแทนที่จะเป็นเจนนี่ เจนนี่งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
“นี่แก......บังอาจมาก”แพนซี่ชี้หน้ามาทางเจนนี่
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เจนนี่ตอบตรงๆ
“ไม่ได้ทำบ้าอะไร ก็แกใช้เวทย์มนตร์กับชั้นเนี่ย” แพนซี่ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เจนนี่งงสุดขีดเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ฉ......ฉันเนี่ยนะ ป....เป็นไปไม่ได้” เจนนี่ไม่อยากจะเชื่อ
“ชั้นจะฆ่าแก...........”แพนซี่ทำท่าจะวิ่งเข้าใส่เจนนี่ แต่..............
“โลโคมอเตอร์ มอติส” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น แพนซี่ล้มคว่ำลงไม่เป็นท่า ขาของเธอเหมือนกับถูกผูกติดกัน เจนนี่มองไปยังต้นเสียง “มัลฟอย!” 
มัลฟอยตรงรี่มาที่เจนนี่แล้วเคาะไม้กายสิทธิ์ตรงแขนที่ติดกันของเจนนี่แล้วพึมพำเบาๆ
“ไฟไนท์ อินคานทาเท็ม” แขนของเจนนี่คลายออกจากกันทันที
“ขอบใจนะ” เจนนี่พุดฝันๆเพราะยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ไม่เป็นไร”
“โอย.....เดรโก ทำไมทำแบบนี้” แพนซี่ซึ่งตอนนี้นอนกองอยู่กับพื้นโอดครวญขึ้น
“เธอนั่นแหละทำอะไร ทุเรศ!!!” มัลฟอยตะคอกใสเธอ
“ฉันไปก่อนนะ” เจนนี่พูดลอยๆแล้ววิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อน” มัลฟอยจะห้ามไว้แต่ไม่ทัน “โธ่” เขาบ่นอย่างอารมณ์เสียเพราะเจนนี่วิ่งหายไปแล้ว เขาจึงเดินออกมาจากซอยโดยไม่สนในแพนซี่เลยแม้แต่น้อย
***************************
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เวทย์มนตร์อะไรกัน เป็นไปไม่ได้” เจนนี่คิดอย่างสับสนสุดชีวิตขณะที่วิ่งไปตามทาง เธอวิ่งไม่ยอมหยุดจนมาถึงหน้าร้านไม้กวาดสามอันซึ่งเฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่นัดไว้ เจนนี่กำลังตรงไปที่ประตูทางเข้าทันที
“แฮกริดนัดเธอไปทำไมกันนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามแฮร์รี่ที่อยู่ในผ้าคลุมล่องหน
“ไม่รู้สิ” แฮร์รี่ตอบ แล้วเจนนี่ก็เดินมาถึงที่ๆทั้งสองนั่งอยู่
“อ้าวเจนนี่ มาพอดีเลย โชคดีนะ แฮกริดกับศาสตราจารย์มูดดี้เพิ่งออกจากร้านไปเมื่อกี้เอง” เฮอร์ไมโอนี่พูดยาวเหยียด
“เธอได้ล็อกเกตคืนรึยัง” แฮร์รี่ถามบ้าง ตอนนี้เขาออกจากผ้าคลุมแล้วเพราะเห็นว่ารอนกับคนอื่นๆออกไปจากร้านแล้ว
“อื้ม ได้คืน แต่.. ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟังอีกแล้วล่ะ” เสียงของเจนนี่ดูเป็นกังวล เจนนี่เดินไปนั่งข้างๆเฮอร์ไมโอนี่แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง
ทันทีที่เล่าจบ แฮร์รี่ก็โพล่งขึ้น “คล้ายๆกับตอนที่ฉันทำป้ามาร์จตัวพองเมื่อปีที่แล้วเลย ..แต่ เธอเป็นมักเกิ้ลนี่นา ทำไม.....”
“นั่นแหละที่ฉันสับสนล่ะ” เจนนี่พูดเสียงหนัก
“มันก็เป็นไปได้นะ เธออาจจะไม่ใช่มักเกิ้ล” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น
“หมายความว่ายังไง” เจนนี่กับแฮร์รี่ถามพร้อมกัน
“คือที่จริงฉันเพิ่งอ่านเจอเมื่อวานนี้เองแต่ไม่แน่ใจ เพิ่งมาเริ่มแน่ใจเมื่อเช้าตอนที่เห็นชื่อเธอในแผนที่นั่นแหละ” แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็พูดต่อ
“ฉันคิดว่าเธอเป็น....”
“......Witelnier” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ประสานกับเสียงของชายชราคนหนึ่ง ทั้งสามสะดุ้งแล้วหันหลังไปมอง
“ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์” เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่โพล่งพร้อมกัน ส่วนเจนนนี่ได้แต่นั่งอึ้งจนพูดไม่ออก
**********************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น