ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hogwarts\' Witelnier

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4: ตามหาล็อกเกตที่หายไป (Part I)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 48


    เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวที่หรูหราที่สุดในห้องนั่งเล่นของบ้านสลีธิริน เขามองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็หยิบล็อกเกตออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมขึ้นมาเปิดดู แล้วเขาก็จ้องมองรูปในล็อกเกตนั้นอย่างเหม่อลอย ....................



    “มัลฟอย เป็นอะไรไปน่ะ” มัลฟอยตื่นจากภวังค์ แล้วรีบเก็บล็อกเกตลงกระเป๋าเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว



    “ป...เปล่า แครบ กอยล์ ว่าแต่..พวกแกไปไหนมาหรอ” มัลฟอยรีบถามกลบเกลื่อน



    “ก็...พวกเราไปขโมยของกินมาน่ะ” แครบตอบขณะที่กำลังจะเอามัฟฟินเข้าปาก แต่เขาก็หยุดแล้วหันไปมองหน้ากับกอยล์อย่าง งงๆ เพราะปกติมัลฟอยไม่เคยเอาใจใส่พวกเขาเลยยกเว้นตอนที่ต้องการไปหาเรื่องพวก กริฟฟินดอร์



    “เออ ...พวกแกจะไปไหนต่อก็ไปเหอะ” มัลฟอยพูดจบก็มองออกไปที่หน้าต่างอย่างเหม่อลอยอีกครั้ง ปล่อยให้แครบกับกอยล์ยืนงง



    “เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย” แครบกับกอยล์กระซิบพร้อมกัน



    **********************************



    ไม่ใช่เพียงมัลฟอยคนเดียวที่เป็นแบบนี้ เจนนี่เองก็เช่นกัน เธอมองออกไปนอกหน้าต่างห้องสมุดอย่างใจลอย ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างแรงมากจนทำให้ปากกาขนนกของเธอปลิวตกลงมา แต่เธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด......



    “เจนนี่ ปากกาตกแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่เรียกขณะที่ก้มหยิบปากกาขึ้นมา เจนนี่สะดุ้งเล็กน้อย



    “อะไรนะ เอ้อ ...ขอบใจจ้ะ” เจนนี่รับปากกาจากเฮอร์ไมโอนี่



    “กังวลเรื่องล็อกเกตที่หายไปเมื่อ2วันก่อนล่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พอจะเข้าใจ



    “ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันเริ่มเตรียมเครื่องปรุงน้ำยาสรรพรสแล้ว อีกไม่ถึง1เดือนก็ใช้ได้แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่บอกเพื่อให้เจนนี่สบายใจขึ้น



    “ขอบใจเธอมากเลยนะ เธอไม่น่ามาลำบากเพราะฉันเลย ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกันเอง” เจนนี่รู้สึกตื้นตันที่ได้รับน้ำใจจากเฮอร์ไมโอนี่



    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจเธอนะ แค่เธอจากบ้านมาเธอก็ทุกข์มากพอแล้ว ฉันอยากจะช่วยเธอเท่าที่จะทำได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างจริงใจ



    “ขอบใจเธอจริงๆ ฉันจะไม่ลืมพระคุณเธอเลย” เจนนี่รู้สึกดีมากๆ



    “ห้องสมุดจะปิดแล้ว กลับหอนอนกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นและเอาหนังสือเคาะโต๊ะให้เท่ากัน



    “อืม” เจนนี่ลุกขึ้นหยิบผ้าคลุมล่องหนมาคลุมตัว



    ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากห้องสมุด ก็ได้เห็นใครคนหนึ่งเข้า ทั้งคู่จึงหยุดเดินแล้วหลบเข้าหลังชั้นหนังสือ



    “นั่นมันมัลฟอยนี่” เจนนี่กระซิบ



    “เขามาทำอะไรที่นี่เนี่ย ปกติคนอย่างมัลฟอยไม่มาอยู่ที่นี่นี่นา” เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจ



    ทั้งคู่สังเกตท่าทีของมัลฟอยจนเขาเดินออกไปจากห้องสมุด



    “ดูเหมือนมองหาอะไรอยู่งั้นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสงสัย



    “ไม่รู้สิ” เจนนี่ตอบพลางยักไหล่ แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องสมุดไป



    ******************************************



    หลังจากวันนั้นต่อมาอีกหลายสัปดาห์ เจนนี่ต้องมาหอสมุดคนเดียว เพราะเฮอร์ไมโอนี่ต้องไปเรียนและเอาเวลาที่เหลือมาทำน้ำยาสรรพรส (รวมทั้งวันที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องไปห้องพยาบาลเพราะโดนคาถาของมัลฟอยเสกให้ฟันเธองอกออกมา) เจนนี่รู้สึกเกรงใจเฮอร์ไมโอนี่มาก เธอเอ่ยปากจะช่วยหลายครั้ง แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ตอบกลับทุกครั้งว่า “ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ และอีกอย่าง ฉันทำคนเดียวสะดวกกว่า” แต่อย่างไรก็ตาม การที่ได้มาหอสมุดคนเดียว(โดยใช้ผ้าคลุมล่องหน)นั้นทำให้เจนนี่รู้สึกอิสระมากกว่า และแน่นอน ตอนนี้เจนนี่จำทางเดินภายในปราสาทได้แม่นเลยทีเดียว



    “หิวซะแล้วสิ ใกล้เที่ยงแล้ว กลับไปหาอะไรกินที่หอนอนดีกว่า” เจนนี่คิดพลางเอามือลูบท้องซึ่งตอนนี้มันกำลังบีบรัดตัวด้วยความหิว เดี๋ยวนี้เรื่องอาหารการกินนั้นแฮร์รี่เป็นคนจัดการให้ เขาได้ขอให้เฟร็ดกับจอร์จ(“เหมือนกันอย่างกับแกะ” เจนนี่คิดตอนที่เจอสองฝาแฝดครั้งแรก)ช่วยขโมยอาหารและขนมที่เก็บได้จากห้องครัวมาตุนไว้ในหอนอน(ซึ่งซ่อนไว้ในที่ที่แฮร์รี่กับเจนนี่เท่านั้นที่รู้) และสองฝาแฝดนั่นก็คอยถามเหตุผลเสมอ แฮร์รี่ก็ตอบไปทุกครั้งว่าจะเอาไว้กินตอนอ่านหนังสือซึ่งสองฝาแฝดดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไร (“ให้บอกว่ารอนมีแฟนยังน่าเชื่อกว่านี้อีก” เจนนี่แอบได้ยินหนึ่งในฝาแฝดนั้นบ่นเบาๆ)



    เจนนี่ลุกขึ้นเพื่อจะนำหนังสือไปเก็บที่ชั้น แต่ยังไม่ทันเดินไปถึง เธอก็หันไปเห็นเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์กำลังยืนหาอะไรบางอย่างอยู่ที่ชั้นหนังสืออีกฟากหนึ่ง



    “มัลฟอยนี่ มาทำอะไรที่นี่นะ” เจนนี่คิด แต่ทันใดนั้น มัลฟอยก็หันมาทางเธอพอดี และเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมคลุมผ้าคลุมล่องหน



    “เธอ!!” มัลฟอยอึ้งเล็กน้อย ส่วนเจนนี่นั้นก็รีบหันกลับไปที่ที่นั่งเดิมของเธอทันที เธอรีบคลุมผ้าคลุมไว้ทันพอดีที่มัลฟอยเดินตามมาถึง



    “หายไปไหนนะ เร็วชะมัด” มัลฟอยบ่นทันทีที่หาเธอไม่เจอ เขามองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่งแล้วก็เดินออกไป เจนนี่ยืนนิ่งอยู่ใต้ผ้าคลุมจนแน่ใจแล้วว่ามัลฟอยออกไปแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก



    “เฮ้อออ.......เกือบไปอีกแล้ว”..............



    *************************



    วันนี้เป็นอีกวันที่เจนนี่ใช้เวลาอยู่กับห้องสมุดทั้งวัน เธอปิดหนังสือแล้วมองออกไปยังนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้แสงอาทิตย์นั้นมืดลงเต็มที บอกให้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว เจนนี่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทีกับการที่จะต้องทำอะไรซ้ำๆซากๆไปวันๆ(ถึงแม้เธอจะชอบการอ่านหนังสือมากก็ตาม) และไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้เลย



    “เมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้านซะทีนะ” เจนนี่คิดอย่างเซ็งสุดชีวิต ตลอด4สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเตาผิงในห้องนั่งเล่นก็ยังสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม ความหวังเรื่องที่จะได้กลับบ้านนั้นริบหรี่ลงทุกที เจนนี่คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงโรงเรียน และก็คิดถึงล็อกเกตที่หายไปด้วย



    “เฮ้อ........” เจนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเธอก็ตัดสินใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าปราสาท คราวนี้เธอไม่ลืมที่จะคลุมผ้าคลุมล่องหนก่อนที่จะนำหนังสือไปเก็บ แล้วเธอก็เดินย่องออกมาจากห้องสมุดอย่างเงียบที่สุดและมุ่งหน้าไปทางประตูทางออกของปราสาท

    ถึงตอนนี้ แสงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแต่แสงดาวนับล้านที่แข่งกันเปล่งประกายระยิบระยับบนท้องฟ้าอันมืดมิด



    “ว้าวววว...สวยจัง” เจนนี่อุทานเบาๆขณะที่แหงนมองดูดาว ถึงแม้จะมีผ้าคลุมคลุมหน้าเธออยู่แต่มันก็โปร่งพอที่จะมองเห็นดาวบนท้องฟ้าครบทุกดวง



    เจนนี่เดินไปยังต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดตรงริมทะเลสาบแล้วนั่งลงใต้ต้นไม้นั่น เธอกำลังจะเปิดผ้าคลุมออกเพื่อจะแหงนดูดาวอีกครั้ง แต่เธอก็ต้องรีบดึงผ้าคลุมกลับเพราะได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินมา



    มัลฟอยหยุดยืนอยู่ตรงริมทะเลสาบห่างจากเจนนี่ไปประมาณ4-5เมตร เขาเงยหน้าขึ้นมองดูดาวเช่นกัน แล้วเขาก็หลับตาพริ้มเหมือนกับกำลังจินตนาการถึงบางอย่างอยู่



    “อีตานี่มีอารมณ์โรแมนติกด้วยแฮะ” เจนนี่คิดอย่างขำๆ



    มัลฟอยลืมตาขึ้น เขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม ล็อกเกตของเจนนี่นั่นเอง เขาเปิดมันออกแล้วมองจ้องรูปในนั้น แล้วก็ยิ้มเล็กน้อย “มันมีอะไรน่าขำรึไง ของๆฉันเนี่ย” เจนนี่คิดอย่างเคืองๆที่เขาเอาของๆเธอไป



    แต่ทันใดนั้นก็มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นในทะเลสาบมาเบี่ยงเบนความสนใจของทั้งสอง จู่ๆในทะเลสาบก็มีฟองอากาศปุดขึ้นอยู่ทั่วผืนน้ำราวกับว่ามันเป็นน้ำเดือดๆในหม้อขนาดมโหฬาร แล้วก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นมาจากใต้น้ำ มันเป็นแสงสีแบบเดียวกับเปลวไฟที่ประทุขึ้นในเตาผิงที่บ้านของเจนนี่ ด้วยความตกใจ มัลฟอยจึงรีบเก็บล็อกเกตใส่กระเป๋าเสื้อคลุมแล้ววิ่งกลับเข้าไปในปราสาททันที ส่วนเจนนี่ยังคงจ้องมองไปที่ทะเลสาบนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วไม่กี่วินาทีทะเลสาบก็กลับสู่สภาพเดิม



    “นี่มันอะไรกันเนี่ย” เจนนี่คิดอย่างสงสัย



    แล้วเจนนี่ก็ตัดสินใจกลับเข้าไปในปราสาท พอดีกับที่มีคนอีกสองคนเดินมาที่ริมทะเลสาบ คนหนึ่งเป็นชายชราร่างสูง ไว้เคราสีเงินยาวถึงเข่า สวมแว่นตารูปจันทร์เสี้ยว ส่วนอีกคนเป็นหญิงชราหน้าตาเคร่งเครียด ผมสีดำสนิทรวบเป็นมวยตึงอยู่ข้างหลัง



    “คุณเห็นใช่มั้ย อัลบัส ในทะเลสาบนั่น” ฝ่ายหญิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงวิตกเล็กน้อย



    “ใช่ ฉันเห็น มิเนอร์ว่า” ชายชราตอบอย่างใจเย็น



    “มันเหมือนเมื่อครั้งที่เขาคนนั้นมาที่นี่” เขาเอ่ยต่อ



    “หมายความว่า เขากลับมางั้นรึอัลบัส แต่เขาตายแล้วนี่”



    “ไม่ใช่เขา แต่เป็นทายาท” ชายชราตอบ “เขาอาจจะอยู่ที่นี่แล้วก็ได้”



    “งั้นเราก็ต้องรีบตามหาให้พบโดยเร็ว” หญิงขราพูด



    “มาเร็วกว่าที่คิดไว้นะ” ชายชราพึมพำเบาขณะที่เขามองไปยังต้นไม้ต้นที่เจนนี่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้



    *******************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×