ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 การฝึกสอนในคืนสุดท้าย
Chapter 12 การฝึกสอนในคืนสุดท้าย
ท่ามกลางท้องฟ้าในเดือนมืด แสงดาวระยิบระยับนับล้านที่สาดส่องลงมายังผืนดินสีขาวโพลนไปด้วยหิมะที่เพิ่งเริ่มก่อตัวนั้นแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในเวลาแห่งค่ำคืนนี้ ..
นอกเสียจาก.... แสงจากไม้กายสิทธิ์ที่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างบานหนึ่งของหอนอนชายบ้านสลิธิรินออกมา
มัลฟอยทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้าผ่านกระจกใส หนังสือเรียนที่ถือไว้ในมือซึ่งทีแรกเขาตั้งใจจะอ่านมันตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้สนใจสักนิด
“จะเที่ยงคืนแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ มัลฟอย” เพื่อนร่วมห้องร่างยักษ์ของเขาถาม มัลฟอยละสายตาออกจากกระจกหน้าต่าง แล้วตอบกลับไป
“ฉันจะอ่านหนังสือ” เขาตอบห้วนๆ แครบยังอดใจที่จะถามต่อไม่ได้
“หมู่นี้นายแปลกไปมากนะ เห็นอ่านหนังสือจนเกือบเช้าทุกคืน ฉันตื่นมาทีไรก็เห็นนายหลับคาหนังสือทุกที ดูเหมือนนายไม่อยากหลับอยากนอนงั้นแหละ”.......
มัลฟอยจ้องแครบเขม็ง แครบจึงรู้ตัวว่าได้ถามอะไรมากเกินไปแล้วจึงรีบมุดลงไปใต้ผ้าห่มบนเตียงตัวเองแล้วหลับตาทันที .....ไม่ถึงนาที เจ้าเพื่อนร่างโตของมัลฟอยก็หลับสนิท
มัลฟอยหันกลับมายังหนังสือที่กางทิ้งไว้ในมือ แต่ไม่นาน เขาก็ปิดมันลงเหมือนเดิม แล้วทอดสายตามองหมู่ดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง พลางถอนหายใจเบาๆ.......
ใช่ แครบพูดถูก....มัลฟอยไม่อยากจะนอนหลับเลยสักคืน เพราะมีบางอย่างรอเขาอยู่ในห้วงนิทรา นั่นคือความฝัน ........
.ความฝันที่แสนสวยงาม อ่อนหวาน และอบอุ่น อย่างที่เขาไม่เคยได้จากที่ไหน มันเป็นความฝันที่เขาได้รับรู้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
หากเป็นเมื่อก่อน เขาแทบอยากจะหลับแล้วพบกับความฝันนี้อยู่ทุกๆวินาที
แต่เดี๋ยวนี้  เขากลับรู้สึกหวั่นใจที่จะได้พบกับความฝันนี้อีกในแต่ละคืน......
“เมื่อไรฉันจะเลิกฝันแบบนี้ซะที” มัลฟอยบ่นกับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย ความกังวลที่สะสมมาตลอด ทำให้เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรง และในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบลง ..
.
..
ท่ามกลางหมอกสีขาวหนาทึบรอบตัว มัลฟอยเดินอย่างเคว้งคว้างและเดียวดาย สิ่งเดียวที่เขามองเห็นนอกจากไอหมอกนั้น คือแสงสีขาวจ้าที่อยู่ห่างออกไป และเขาก็กำลังมุ่งตรงไปหามัน
เขาเดินมายังต้นกำเนิดแสงนั้นเรื่อยๆ หมอกสีขาวที่เคยหนาทึบก็เริ่มจางลงๆ จนในที่สุด เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่หนึ่ง............โลกของมักเกิ้ล
มัลฟอยจำได้ดี ว่าเขามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน หากแต่ไม่ใช่การมาในโลกแห่งความจริงเท่านั้นเอง เขาจดจำเส้นทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายได้เสมอ จนกระทั่ง ถึงที่หมายที่เขาต้องการ
........ในร้านหนังสือของมักเกิ้ลร้านหนึ่ง......
มัลฟอยสอดส่ายสายตาไปรอบๆร้านหนังสือ บรรยากาศอบอุ่นในทุกๆมุมของร้านทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาด แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลที่เขามาที่นี่  และแล้ว สายตาเขาก็หยุดอยู่ตรงเด็กสาวคนหนึ่ง........ เธอมองเขากลับมาเช่นกัน .....
นี่ล่ะ จุดหมายที่เขามุ่งมาที่นี่ มัลฟอยนึกอย่างมั่นใจ
ฉับพลันนั้น รอบตัวที่เป็นร้านหนังสือและผู้คนมากมาย กลับกลายเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ดอกหญ้าอ่อนๆโผล่พ้นยอดหญ้าสีเขียวเรืองรองอยู่ประปรายโอนเอนไปตามสายลมที่แผ่วเบา มัลฟอยมองไปรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตา แต่แล้ว เขาก็หยุดและหันกลับมามองเด็กสาวคนเดิมอีกครั้ง
......เหลือเพียงเขาและเธอสองคน .........
เด็กสาวส่งยิ้มละมุนละไมให้แก่มัลฟอย นั่นเป็นอีกสิงหนึ่งที่สะกดเขาไว้นิ่ง ไม่นับรวมกับผมสีน้ำตาลยาวสลวย ดวงตาคู่สีน้ำตาลหวานละมุนและเฉียบคมที่จ้องมองเขา ร่างบางขาวละเอียดภายใต้ชุดเสื้อแขนกุดที่เย็บติดกันกับกะโปรงสีขาวสะอาดตาที่พลิ้วไปตามแรงลม และทั้งหมดนั้นก็เป็นสิ่งที่มัลฟอยรู้จักเป็นอย่างดี .
“.....เจนนี่” มัลฟอยเอ่ยเบาๆเพื่อให้แน่ใจ
เด็กสาวไม่ตอบ แต่ยังคงส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้เขา พร้อมก้าวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
ราวกับถูกมนต์สะกด มัลฟอยนึกคำพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขาทำได้เพียงจ้องใบหน้าที่สะสวยที่เขาจดจำได้ตลอดเวลาซึ่งขณะนี้อยู่ห่างจากสายตาของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
มัลฟอยโน้มหน้าลงหาเธอช้าๆอย่างลืมตัว จนทั้งคู่ได้สัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน และริมฝีปากก็เกือบจะแนบชิดกันเต็มที....................
..........
.................
.....................
..........................
...............................ไม่!!! .. ฉันเกลียดเธอ!!!
มัลฟอยลืมตาโพลงขึ้น แล้วเขาก็พบว่าตัวเองยังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่างของหอนอนซึ่งตอนนี้เริ่มมีแสงอาทิตย์มากลบแสงจากไม้กายสิทธิ์ของเขา หนังสือเล่มเดิมยังอยู่ในมือ มัลฟอยเริ่มตั้งสติ แล้วโพล่งออกมาเบาๆอย่างวุ่นวายใจ
“ฝันแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย” เขากุมหัวตัวเองแน่น  ภาพในฝันยังชัดเจนติดตา ไม่ใช่เพียงเพราะเขาฝันแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ยังเป็นเพราะ เด็กสาวคนนั้นมีตัวตนจริงๆ และนับตั้งแต่วันที่เขาเจอเธอครั้งแรก ....ความฝันนี้ก็ยิ่งดูจะชัดเจนขึ้นทุกวัน
..........แต่นั่น ช่างขัดแย้งกับสิ่งที่เขาคอยสั่งให้ตัวเองเป็นเหลือเกิน.......
ปึง........มัลฟอยโยนหนังสือออกไปข้างตัวอย่างหงุดหงิด แล้วลุกพรวดไปยังลิ้นชักเก็บของส่วนตัวของเขา เขาเปิดมันออกพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา กระดาษที่มีรูปเด็กสาวที่วาดด้วยดินสอด้วยฝีมือของเขาเอง ไม่มีใครเคยคิดเลยว่าคนอย่างเดรโก มัลฟอย จะชอบการวาดภาพเหมือนด้วยวิธีแบบมักเกิ้ล แม้แต่พ่อแม่ของเขาเองก็ไม่เคยรู้ .
มัลฟอยจ้องมองเด็กสาวในรูปนั้นอย่างคับแค้นใจ เด็กสาวคนเดียวกับคนที่เคยหลอกลวงเขาว่าอยู่บ้านสลิธิรินและทำทุกอย่างเพียงเพื่ออยากได้ล็อกเกตของตัวเองคืน...... เด็กสาวคนเดียวกับที่เขาพบในฝันทุกคืน...................
“เมื่อไรที่ฉันจะเลิกฝันถึงเธอ!  เมื่อไรๆๆๆๆๆ” เขากระแทกเสียงใส่รูปนั้นไม่ยั้ง มือของเขาเริ่มสั่นเทิ้ม ชั่ววูบนั้นเอง มัลฟอยก็ยกมือทำท่าจะฉีกรูปนั้นออก..................แต่แล้วเขาก็หยุดชะงัก แล้วเก็บมันลงลิ้นชักตามเดิม
..เขาทำไม่ลง......
ภาพเหตุการณ์ในหลายคืนก่อนในผุดเข้ามาในสมอง ภาพที่เจนนี่โอบรอบคอของเขาตอนที่เขากำลังช่วยเธอออกมาจากไม้กวาดที่กำลังพยศ ภาพที่ริมฝีปากของเขาและเธอสัมผัสกันโดยบังเอิญหลังจากที่ตกจากไม้กวาด...................แต่ในที่สุด มัลฟอยก็ส่ายหัวเพื่อสลัดภาพพวกนั้นออกไป
พร้อมกับพูดย้ำกับตัวเองอย่างหนักแน่นและเยือกเย็น
“ยังไง ฉันก็จะเกลียดเธอ เจนนี่ เธอมันคนหลอกลวง เหมือนกับที่เคยเจอมาไม่มีผิด”
*********************
“เจนนี่ รีบไปเรียนเร็ว” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ทำเอาเจนนี่สะดุ้งน้อยๆเพราะถูกปลุกจากภวังค์ มือที่กำลังลูบริมฝีปากของตัวเองอย่างเลื่อนลอยรีบดึงกลับทันที
“เหม่ออีกแล้วนะเจนนี่” แฮร์รี่เดินเข้ามาสมทบพร้อมเอ่ยถามขึ้น
“สงสัยฝึกขี่ไม้กวาดหนักไปรึเปล่าน่ะ เห็นเป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่มฝึกคืนแรกแล้วนี่” รอนเป็นฝ่ายถามบ้าง เจนนี่รีบโบกมือปฎิเสธทันที
“ไม่เกี่ยวกันเลยนะ ไม่เลย เอ่อ ฉันแค่คิดถึงแม่เท่านั้นเอง” เกือบจะเรียกได้ว่าโกหก ความจริงเจนนี่เองก็คิดถึงแม่ทุกวันจริงๆ แต่มันก็มีอีกเรื่องที่คิดถึงมากพอๆกัน ซึ่งรอนถามได้ตรงจุดอย่างไม่ตั้งใจ
“เหมือนฉันเลย ตอนนี้ฉันคิดถึงขนมฟัดจ์น้ำตาลข้นฝีมือแม่ชะมัดเลยล่ะ” รอนพูดพลางทำตาเยิ้ม ทุกๆคนถึงกับหัวเราะพร้อมกัน ทำให้บรรยากาศรอบตัวของเจนนี่คลายความอึดอัดลงไปบ้าง
“คนละเรื่องกันเลยรอน ไม่เอาล่ะ รีบไปเรียนกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าดุใส่รอนทีหนึ่ง ก่อนที่จะนำพรรคพวกมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของแฮกริด
คาบเรียนวิชาสัตว์วิเศษ ในความคิดของเจนนี่แต่ก่อนมันน่าจะเป็นคาบที่น่าสนุก ตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าเจนนี่ค่อนข้างลำบากใจกับคาบเรียนนี้ ด้วยเหตุที่ต้องเรียนร่วมชั้นกับสลิธิริน มัลฟอยดูยิ่งเฉยชากับเธอมากขึ้นทุกวันนับตั้งแต่การฝึกขี่ไม้กวาดครั้งแรก เขาไม่เคยพูดคุยหรือแม้แต่เหลือบมองเธอเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เจนนี่รู้สึกอึดอัดใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอจึงหาทางออกให้ตัวเองโดยการจับจ้องไปที่สกรู้ตปะทุไฟที่แสนน่าเกลียดขณะที่แฮกริดกำลังบอกให้ทุกคนพยายามล่อพวกสกรู้ตเข้าไปในกล่องที่เขาเตรียมไว้สำหรับการจำศีล - - - แต่นั่นก็ยังทำให้เธออดคิดมากไม่ได้อยู่ดี*****อ้างอิงจากหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี หน้าที่420
ทันทีที่นักเรียนแต่ละคนพยายามจะตอกตะปูปิดฝากล่องที่มีสกรู้ตอยู่ในนั้น เปลวไฟก็ลุกโชนไหม้ฝากล่อง แล้วสกรู้ตก็ดิ้นหลุดออกจากพันธนาการแล้ววิ่งพล่านไปทั่วแปลงฟักทองของแฮกริด  เจนนี่พยายามอย่างมากที่จะไม่สำลักควันไฟที่คลุ้งไปทั่วบริเวณ และคอยช่วยเพื่อนๆ(ส่วนน้อย)ล้อมจับและมัดสกรู้ตที่ฟาดหัวฟาดหางไปมาอย่างน่ากลัวจนได้บาดแผลกันถ้วนหน้า แล้วเจนนี่ก็เหลือบไปเห็นนักเรียนอีกกลุ่ม(ที่เป็นส่วนใหญ่)วิ่งกรูกันไปทางกระท่อมของแฮกริดเพื่อจะเข้าไปหลบอยู่ข้างใน .........โดยมีมัลฟอยวิ่งนำหน้ากลุ่มไปถึงกระท่อมเป็นคนแรก......
“โธ่เอ้ย ที่แท้ก็ขี้ขลาดแบบนี้นี่เอง” เจนนี่สบถออกมาเบาๆ แล้วหันมาช่วยลาเวนเดอร์เพื่อนร่วมบ้านล่อสกรู้ตปะทุไฟไปไว้รวมกันกับตัวอื่นที่ถูกมัดไว้แล้ว แต่ดูท่าทางเจ้าสกรู้ตไม่ได้ต้องการจะให้เป็นแบบนั้น มันจึงพ่นไฟใส่เด็กสาวทั้งคู่ โชคดีของเจนนี่ที่มันเฉียดแขนเสื้อเธอไป แต่กลับโดนเสื้อคลุมของลาเวนเดอร์เต็มๆ เจนนี่จึงรีบช่วยเธอดับไฟไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นโดยเร็ว พลางนึกอย่างแค้นใจว่า
“เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับปล่อยให้ผู้หญิงเสี่ยงตายแบบนี้  คนขี้ขลาด”
******************
“คนขี้ขลาดเอ้ย” เจนนี่เผลอบ่นออกมาเบาๆ พลางใช้ส้อมเขี่ยชิ้นไก่อบในมื้อค่ำอย่างลอยๆ
“เธอหมายถึงใครเหรอเจนนี่” เฮอร์ไมโอนี่หันไปถามเจนนี่พลางยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นจิบ
“เอ่อ...เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกไม่อยากไปฝึกขี่ไม้กวาดเท่านั้นเอง” เจนนี่รีบตอบ
“ไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังเลยว่าใครเป็นคนฝึกให้เธอน่ะเจนนี่ เห็นว่าไม่ใช่มาดามฮูซนี่” แฮร์รี่เอ่ยปากถามอย่างใคร่รู้ รอนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแต่ไม่สามารถออกเสียงได้เพราะกำลังเคี้ยวไก่อบอย่างเอร็ดอร่อย
“แล้วเขาสอนดีมั้ย เป็นนักกีฬาควิดดิชเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อ เธอเองก็อยากรู้มากพอๆกับแฮร์รี่ แน่นอนว่าเจนนี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆของเธอฟังเลยแม้แต่น้อย
“ก็ ไม่ค่อยดีเท่าไรน่ะ วางอำนาจมากๆ ชอบสั่งนู่นสั่งนี่ ชอบดูถูก แถมยังถือตัวอีกต่างหาก” เจนนี่ออกปากบ่นอย่างลืมตัว  รอนรีบกลืนไก่อบในปากอึกใหญ่แล้วรีบพูดว่า
“ฟังดูอย่างกับไอ้หน้าแหลมมัลฟอยเป็นคนฝึกให้งั้นแหละ” เจนนี่ถึงกับทำส้อมหลุดมือดังเกร้ง เธอจึงรีบหยิบน้ำฟักทองมาดื่มกลบเกลื่อนทันที 
“ถ้าใช่ก็แย่กว่านี้ร้อยเท่าล่ะรอน” เจนนี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดคำพูดออกไปมากกว่านี้  เธอจึงรีบตัดบทโดยเร็ว
“ใกล้ถึงเวลาไปฝึกต่อแล้วล่ะ ฉันไปล่ะนะ แล้วเจอกันในหอนอน” เจนนี่รีบลุกพรวดแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีใครสังเกตว่าใบหน้าของเธอเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ ทั้งสามมองตามเพื่อนใหม่ไปอย่างข้องใจ
“ดูเจนนี่มีอะไรปกปิดพวกเราอยู่หลายเรื่องเลยนะ ว่ามั้ย” แฮร์รี่หันกลับมาถามความเห็นเพื่อนๆที่เหลื่ออยู่ ซึ่งพวกเขาก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“ขนาดกับฉัน เจนนี่ยังไม่ค่อยยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย นอกจากเรื่องบ้านเดิมของเธอ กับแม่ของเธอน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เสริม
“เอ้อ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันว่าจะถามเธอหลายทีแล้วล่ะ จริงเหรอที่ว่าเจนนี่รู้เรื่องราวของพวกเราตลอดตั้งแต่เข้าปีหนึ่งมาจนถึงปีสี่น่ะ” แฮร์รี่ซักอีก รอนกัดไก่อบชิ้นอีกชิ้นแล้วพยักหน้าสนับสนุนอย่างอยากรู้อีกคน
“ก็จริงน่ะสิ เจนนี่บอกว่าที่โลกของเธอมีหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของพวกเรา ไม่สิ ของเธอซะมากกว่านะแฮร์รี่  แต่เห็นว่า ในปีที่สี่ของพวกเราเนี่ย เจนนี่เพิ่งจะอ่านไปได้แค่ครึ่งเดียวเองนะ แล้วเธอก็หลงมาอยู่ที่นี่แหละ” เฮอร์ไมโอนี่เล่าให้สหายทั้งสองฟัง
แฮร์รี่หลุดปากโพล่งออกมาเบาๆว่า “หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวตัวฉันเนี่ยนะ”  รอนรีบตบไหล่แฮร์รี่อย่างยินดี “ดีออก นายดังข้ามมิติเชียวนะแฮร์รี่” แต่แฮร์รี่กลับมองกลับมาอย่างรู้สึกได้ว่า ‘ไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่นายคิดนะ’ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ได้ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอกที่เห็นรอนเลิกอิจฉาเพื่อนซี้ของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว
“แย่จังนะ เจนนี่น่าจะเล่าให้พวกเราฟังหน่อยว่าต่อไปพวกเราจะเจอกับอะไรบ้าง” รอนบ่นอย่างอดไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงส่ายหน้าแล้วตำหนิออกไป
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดน่ะได้ถูกชะตากำหนดไว้แล้ว ถึงเจนนี่บอกพวกเรา ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา ที่แย่กว่านั้น มันอาจจะทำให้ชะตาของพวกเราพลิกผันได้เลยนะรอน”
“เธอนี่เริ่มทำตัวเหมือนยายค้างคาวแก่ทรีลอว์นีย์เข้าไปทุกทีแล้วนะเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดจบ ก็แทบจะสิ้นชีพด้วยสายตาดุๆของผู้ถูกแซวไปเดี๋ยวนั้น
*****************
เสียงลมที่พัดผ่านหู ภาพผืนดินและต้นไม้ที่วิ่งผ่านตาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอากาศยามค่ำเย็นสบายที่ปะทะบนใบหน้าของเจนนี่ คงจะทำให้เธอมีความสุขกับการขี่ไม้กวาดได้อย่างเต็มที่กว่านี้แน่ ถ้าไม่มีเสียงยานคางปนดุที่คอยสอดแทรกมาเป็นระยะๆแบบนี้
“อืม ดีขึ้นมากนี่ เพิ่งจะรู้ว่าพวกคนระดับเธอจะหัวไวเหมือนกัน” มัลฟอยนั่งตะโกนอยู่บนไม้กวาดของตัวเองพลางมองตามเจนนี่ที่กำลังบินฉวัดเฉวียนไปรอบๆ เจนนี่จึงชะลอความเร็วจนหยุดอยู่ตรงหน้ามัลฟอยแล้วถามอย่างไม่สบอารมณ์
“เลิกดูถูกฉันซะทีได้มั้ย  ฉันก็ทำได้เหมือนอย่างที่นายทำได้น่ะแหละ”
“งั้นเหรอ” มัลฟอยเลิกคิ้วอย่างกวนๆ พลางใช้มือข้างที่ไม่ได้ประคองไม้กวาดไว้ล้วงไปในเสื้อคลุมแล้วหยิบบางอย่างที่ดูเหมือนลูกบอลพลาสติกออกมา
“ฉันจะคอยดู ว่าเธอทำได้อย่างที่พูดมั้ย” พูดจบ มัลฟอยก็เหวี่ยงแขนโยนลูกบอลนั้นออกไปเต็มแรงแล้วสั่ง “ไปเก็บมาให้ฉันสิ”
เจนนี่เหลือบมองคนที่สั่งอย่างระอาเต็มทน ก่อนที่จะทำตามอย่างว่าง่าย เธอกดหัวไม้กวาดแล้วพุ่งตัวอย่างรวดเร็วไปตามทิศที่ลูกบอลนั้น มัลฟอยบังคับไม้กวาดตามไปช้าๆพลางยิ้มมุมปากอย่างลืมตัว - - - เวลาไม่เถียงนี่ ก็น่ารักอยู่หรอก - - -
ไม่ถึงอึดใจ เจนนี่ก็สามารถคว้าลูกบอลมาไว้ในมือได้สำเร็จ ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีเยี่ยมมากสำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกตั้งแต่เริ่มต้นภายในไม่กี่วัน เจนนี่หันกลับมายักคิ้วแล้วชูมือที่ถือลูกบอลให้มัลฟอยดูเป็นการตอกย้ำในความสามารถของเธอ มัลฟอยยิ้มน้อยๆแสดงการยอมรับในฝีมือ แต่รอยยิ้มนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาเร่งไม้กวาดมายังเจนนี่พลางคว้าลูกบอลกลับคืนมาแล้วพูดออกมาว่า
“ถ้าอย่างนั้นการฝึกสอนก็คงสิ้นสุดแค่คืนนี้ล่ะ” เขาพูดเสียงหนัก รอยยิ้มอวดดีของเจนนี่พลันหายวับไปด้วยเช่นกัน
“งั้นเหรอ ก็ดีนี่ เบื่อหน้านายเต็มทน” เจนนี่พูดเสียงหนักเช่นกัน ความรู้สึกผิดหวังบางอย่างเริ่มเกาะกุมในใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ๆเธอภาวนาอยู่ทุกวันว่าให้การฝึกผ่านพ้นไปเร็วๆ มัลฟอยเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ..
ทั้งคู่ลอยนิ่งเงียบอยู่กลางอากาศจนเริ่มรู้สึกอึดอัด มัลฟอยจึงโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด “ลองดูอีกทีซิ ว่าเธอทำได้แน่ ไม่ใช่แค่ฟลุค” แล้วเขาก็เหวี่ยงลูกบอลออกไปสุดแรงไปทางทะเลสาบฮอกวอตส์ เจนนี่ไม่รอช้า เธอรีบบังคับไม้กวาดตามไปโดยเร็ว โดยมีมัลฟอยขี่ไม้กวาดตามไปห่างๆเช่นเคย
ครั้งนี้ไม่ได้ยากไปกว่าเดิม เจนนี่สามารถคว้าลูกบอลเจ้าปัญหานี่ได้อย่างง่ายดายเหนือผิวน้ำทะเลสาบไม่กี่ฟุต แต่ไม่ทันที่เธอจะหันกลับมาหาผู้ฝึก ก็มีบางอย่างไม่คาดฝันเกิดขึ้น ..
ฟุ่บๆๆๆ.............ฟองอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาที่ผิวน้ำทั่วผืนทะเลสาบจนน่าขนลุก พร้อมกับมีแสงสีเขียวเรืองสว่างขึ้นจากใต้ผิวน้ำลึกลงไป เจนนี่จำได้ว่าเธอเคยเห็นภาพนี้ในช่วงที่เธอยังต้องหลบๆซ่อนๆอยู่ในฮอกวอตส์ มัลฟอยเองก็ได้อยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน แต่ทั้งคู่ไม่เคยได้เห็นในระยะกระชั้นชิดเท่าครั้งนี้ จึงได้แต่อึ้งค้างกับภาพตรงหน้า และต่อมาในไม่กี่วินาที แผ่นน้ำเริ่มบิดตัวเป็นเกลียวลึกลงไป จนกลายเป็นวงน้ำวนขนาดมหึมา .
เจนนี่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอรีบหักหัวไม้กวาดกลับออกมาจากบริเวณนั้น แต่สายไปเสียแล้ว แรงดึงดูดมหาศาลจากน้ำวนยักษ์นั้น กำลังจะดูดกลืนเธอลงไปในไม่ช้า ล็อกเกตสีเงินที่เจนนี่คล้องคอไว้ตลอดเวลานั้นลอยพ้นออกมาจากคอเสื้อของเธอแล้วชี้พุ่งทิศและเริ่มออกแรงดึงเธอไปยังใจกลางของน้ำวนอย่างน่าประหลาด
    “ช่วยยย.........ด้วยยยยยยยย” เจนนี่ตะโกนสุดเสียงอย่างหวาดกลัว ก่อนที่ร่างของเธอจะจมหายไปในเกลียวคลื่นอย่างรวดเร็ว โดยมีร่างของมัลฟอยกระโดดตามลงไปอย่างไม่ลังเล- - - - - - - - -
***************************
ท่ามกลางท้องฟ้าในเดือนมืด แสงดาวระยิบระยับนับล้านที่สาดส่องลงมายังผืนดินสีขาวโพลนไปด้วยหิมะที่เพิ่งเริ่มก่อตัวนั้นแทบจะเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในเวลาแห่งค่ำคืนนี้ ..
นอกเสียจาก.... แสงจากไม้กายสิทธิ์ที่เล็ดลอดผ่านหน้าต่างบานหนึ่งของหอนอนชายบ้านสลิธิรินออกมา
มัลฟอยทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้าผ่านกระจกใส หนังสือเรียนที่ถือไว้ในมือซึ่งทีแรกเขาตั้งใจจะอ่านมันตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้สนใจสักนิด
“จะเที่ยงคืนแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ มัลฟอย” เพื่อนร่วมห้องร่างยักษ์ของเขาถาม มัลฟอยละสายตาออกจากกระจกหน้าต่าง แล้วตอบกลับไป
“ฉันจะอ่านหนังสือ” เขาตอบห้วนๆ แครบยังอดใจที่จะถามต่อไม่ได้
“หมู่นี้นายแปลกไปมากนะ เห็นอ่านหนังสือจนเกือบเช้าทุกคืน ฉันตื่นมาทีไรก็เห็นนายหลับคาหนังสือทุกที ดูเหมือนนายไม่อยากหลับอยากนอนงั้นแหละ”.......
มัลฟอยจ้องแครบเขม็ง แครบจึงรู้ตัวว่าได้ถามอะไรมากเกินไปแล้วจึงรีบมุดลงไปใต้ผ้าห่มบนเตียงตัวเองแล้วหลับตาทันที .....ไม่ถึงนาที เจ้าเพื่อนร่างโตของมัลฟอยก็หลับสนิท
มัลฟอยหันกลับมายังหนังสือที่กางทิ้งไว้ในมือ แต่ไม่นาน เขาก็ปิดมันลงเหมือนเดิม แล้วทอดสายตามองหมู่ดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง พลางถอนหายใจเบาๆ.......
ใช่ แครบพูดถูก....มัลฟอยไม่อยากจะนอนหลับเลยสักคืน เพราะมีบางอย่างรอเขาอยู่ในห้วงนิทรา นั่นคือความฝัน ........
.ความฝันที่แสนสวยงาม อ่อนหวาน และอบอุ่น อย่างที่เขาไม่เคยได้จากที่ไหน มันเป็นความฝันที่เขาได้รับรู้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
หากเป็นเมื่อก่อน เขาแทบอยากจะหลับแล้วพบกับความฝันนี้อยู่ทุกๆวินาที
แต่เดี๋ยวนี้  เขากลับรู้สึกหวั่นใจที่จะได้พบกับความฝันนี้อีกในแต่ละคืน......
“เมื่อไรฉันจะเลิกฝันแบบนี้ซะที” มัลฟอยบ่นกับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย ความกังวลที่สะสมมาตลอด ทำให้เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรง และในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบลง ..
.
..
ท่ามกลางหมอกสีขาวหนาทึบรอบตัว มัลฟอยเดินอย่างเคว้งคว้างและเดียวดาย สิ่งเดียวที่เขามองเห็นนอกจากไอหมอกนั้น คือแสงสีขาวจ้าที่อยู่ห่างออกไป และเขาก็กำลังมุ่งตรงไปหามัน
เขาเดินมายังต้นกำเนิดแสงนั้นเรื่อยๆ หมอกสีขาวที่เคยหนาทึบก็เริ่มจางลงๆ จนในที่สุด เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่หนึ่ง............โลกของมักเกิ้ล
มัลฟอยจำได้ดี ว่าเขามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน หากแต่ไม่ใช่การมาในโลกแห่งความจริงเท่านั้นเอง เขาจดจำเส้นทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายได้เสมอ จนกระทั่ง ถึงที่หมายที่เขาต้องการ
........ในร้านหนังสือของมักเกิ้ลร้านหนึ่ง......
มัลฟอยสอดส่ายสายตาไปรอบๆร้านหนังสือ บรรยากาศอบอุ่นในทุกๆมุมของร้านทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาด แต่นั่นยังไม่ใช่เหตุผลที่เขามาที่นี่  และแล้ว สายตาเขาก็หยุดอยู่ตรงเด็กสาวคนหนึ่ง........ เธอมองเขากลับมาเช่นกัน .....
นี่ล่ะ จุดหมายที่เขามุ่งมาที่นี่ มัลฟอยนึกอย่างมั่นใจ
ฉับพลันนั้น รอบตัวที่เป็นร้านหนังสือและผู้คนมากมาย กลับกลายเป็นทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ดอกหญ้าอ่อนๆโผล่พ้นยอดหญ้าสีเขียวเรืองรองอยู่ประปรายโอนเอนไปตามสายลมที่แผ่วเบา มัลฟอยมองไปรอบๆอย่างไม่เชื่อสายตา แต่แล้ว เขาก็หยุดและหันกลับมามองเด็กสาวคนเดิมอีกครั้ง
......เหลือเพียงเขาและเธอสองคน .........
เด็กสาวส่งยิ้มละมุนละไมให้แก่มัลฟอย นั่นเป็นอีกสิงหนึ่งที่สะกดเขาไว้นิ่ง ไม่นับรวมกับผมสีน้ำตาลยาวสลวย ดวงตาคู่สีน้ำตาลหวานละมุนและเฉียบคมที่จ้องมองเขา ร่างบางขาวละเอียดภายใต้ชุดเสื้อแขนกุดที่เย็บติดกันกับกะโปรงสีขาวสะอาดตาที่พลิ้วไปตามแรงลม และทั้งหมดนั้นก็เป็นสิ่งที่มัลฟอยรู้จักเป็นอย่างดี .
“.....เจนนี่” มัลฟอยเอ่ยเบาๆเพื่อให้แน่ใจ
เด็กสาวไม่ตอบ แต่ยังคงส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้เขา พร้อมก้าวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
ราวกับถูกมนต์สะกด มัลฟอยนึกคำพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขาทำได้เพียงจ้องใบหน้าที่สะสวยที่เขาจดจำได้ตลอดเวลาซึ่งขณะนี้อยู่ห่างจากสายตาของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
มัลฟอยโน้มหน้าลงหาเธอช้าๆอย่างลืมตัว จนทั้งคู่ได้สัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน และริมฝีปากก็เกือบจะแนบชิดกันเต็มที....................
..........
.................
.....................
..........................
...............................ไม่!!! .. ฉันเกลียดเธอ!!!
มัลฟอยลืมตาโพลงขึ้น แล้วเขาก็พบว่าตัวเองยังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่างของหอนอนซึ่งตอนนี้เริ่มมีแสงอาทิตย์มากลบแสงจากไม้กายสิทธิ์ของเขา หนังสือเล่มเดิมยังอยู่ในมือ มัลฟอยเริ่มตั้งสติ แล้วโพล่งออกมาเบาๆอย่างวุ่นวายใจ
“ฝันแบบนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย” เขากุมหัวตัวเองแน่น  ภาพในฝันยังชัดเจนติดตา ไม่ใช่เพียงเพราะเขาฝันแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ยังเป็นเพราะ เด็กสาวคนนั้นมีตัวตนจริงๆ และนับตั้งแต่วันที่เขาเจอเธอครั้งแรก ....ความฝันนี้ก็ยิ่งดูจะชัดเจนขึ้นทุกวัน
..........แต่นั่น ช่างขัดแย้งกับสิ่งที่เขาคอยสั่งให้ตัวเองเป็นเหลือเกิน.......
ปึง........มัลฟอยโยนหนังสือออกไปข้างตัวอย่างหงุดหงิด แล้วลุกพรวดไปยังลิ้นชักเก็บของส่วนตัวของเขา เขาเปิดมันออกพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา กระดาษที่มีรูปเด็กสาวที่วาดด้วยดินสอด้วยฝีมือของเขาเอง ไม่มีใครเคยคิดเลยว่าคนอย่างเดรโก มัลฟอย จะชอบการวาดภาพเหมือนด้วยวิธีแบบมักเกิ้ล แม้แต่พ่อแม่ของเขาเองก็ไม่เคยรู้ .
มัลฟอยจ้องมองเด็กสาวในรูปนั้นอย่างคับแค้นใจ เด็กสาวคนเดียวกับคนที่เคยหลอกลวงเขาว่าอยู่บ้านสลิธิรินและทำทุกอย่างเพียงเพื่ออยากได้ล็อกเกตของตัวเองคืน...... เด็กสาวคนเดียวกับที่เขาพบในฝันทุกคืน...................
“เมื่อไรที่ฉันจะเลิกฝันถึงเธอ!  เมื่อไรๆๆๆๆๆ” เขากระแทกเสียงใส่รูปนั้นไม่ยั้ง มือของเขาเริ่มสั่นเทิ้ม ชั่ววูบนั้นเอง มัลฟอยก็ยกมือทำท่าจะฉีกรูปนั้นออก..................แต่แล้วเขาก็หยุดชะงัก แล้วเก็บมันลงลิ้นชักตามเดิม
..เขาทำไม่ลง......
ภาพเหตุการณ์ในหลายคืนก่อนในผุดเข้ามาในสมอง ภาพที่เจนนี่โอบรอบคอของเขาตอนที่เขากำลังช่วยเธอออกมาจากไม้กวาดที่กำลังพยศ ภาพที่ริมฝีปากของเขาและเธอสัมผัสกันโดยบังเอิญหลังจากที่ตกจากไม้กวาด...................แต่ในที่สุด มัลฟอยก็ส่ายหัวเพื่อสลัดภาพพวกนั้นออกไป
พร้อมกับพูดย้ำกับตัวเองอย่างหนักแน่นและเยือกเย็น
“ยังไง ฉันก็จะเกลียดเธอ เจนนี่ เธอมันคนหลอกลวง เหมือนกับที่เคยเจอมาไม่มีผิด”
*********************
“เจนนี่ รีบไปเรียนเร็ว” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ทำเอาเจนนี่สะดุ้งน้อยๆเพราะถูกปลุกจากภวังค์ มือที่กำลังลูบริมฝีปากของตัวเองอย่างเลื่อนลอยรีบดึงกลับทันที
“เหม่ออีกแล้วนะเจนนี่” แฮร์รี่เดินเข้ามาสมทบพร้อมเอ่ยถามขึ้น
“สงสัยฝึกขี่ไม้กวาดหนักไปรึเปล่าน่ะ เห็นเป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่มฝึกคืนแรกแล้วนี่” รอนเป็นฝ่ายถามบ้าง เจนนี่รีบโบกมือปฎิเสธทันที
“ไม่เกี่ยวกันเลยนะ ไม่เลย เอ่อ ฉันแค่คิดถึงแม่เท่านั้นเอง” เกือบจะเรียกได้ว่าโกหก ความจริงเจนนี่เองก็คิดถึงแม่ทุกวันจริงๆ แต่มันก็มีอีกเรื่องที่คิดถึงมากพอๆกัน ซึ่งรอนถามได้ตรงจุดอย่างไม่ตั้งใจ
“เหมือนฉันเลย ตอนนี้ฉันคิดถึงขนมฟัดจ์น้ำตาลข้นฝีมือแม่ชะมัดเลยล่ะ” รอนพูดพลางทำตาเยิ้ม ทุกๆคนถึงกับหัวเราะพร้อมกัน ทำให้บรรยากาศรอบตัวของเจนนี่คลายความอึดอัดลงไปบ้าง
“คนละเรื่องกันเลยรอน ไม่เอาล่ะ รีบไปเรียนกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าดุใส่รอนทีหนึ่ง ก่อนที่จะนำพรรคพวกมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของแฮกริด
คาบเรียนวิชาสัตว์วิเศษ ในความคิดของเจนนี่แต่ก่อนมันน่าจะเป็นคาบที่น่าสนุก ตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าเจนนี่ค่อนข้างลำบากใจกับคาบเรียนนี้ ด้วยเหตุที่ต้องเรียนร่วมชั้นกับสลิธิริน มัลฟอยดูยิ่งเฉยชากับเธอมากขึ้นทุกวันนับตั้งแต่การฝึกขี่ไม้กวาดครั้งแรก เขาไม่เคยพูดคุยหรือแม้แต่เหลือบมองเธอเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เจนนี่รู้สึกอึดอัดใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอจึงหาทางออกให้ตัวเองโดยการจับจ้องไปที่สกรู้ตปะทุไฟที่แสนน่าเกลียดขณะที่แฮกริดกำลังบอกให้ทุกคนพยายามล่อพวกสกรู้ตเข้าไปในกล่องที่เขาเตรียมไว้สำหรับการจำศีล - - - แต่นั่นก็ยังทำให้เธออดคิดมากไม่ได้อยู่ดี*****อ้างอิงจากหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี หน้าที่420
ทันทีที่นักเรียนแต่ละคนพยายามจะตอกตะปูปิดฝากล่องที่มีสกรู้ตอยู่ในนั้น เปลวไฟก็ลุกโชนไหม้ฝากล่อง แล้วสกรู้ตก็ดิ้นหลุดออกจากพันธนาการแล้ววิ่งพล่านไปทั่วแปลงฟักทองของแฮกริด  เจนนี่พยายามอย่างมากที่จะไม่สำลักควันไฟที่คลุ้งไปทั่วบริเวณ และคอยช่วยเพื่อนๆ(ส่วนน้อย)ล้อมจับและมัดสกรู้ตที่ฟาดหัวฟาดหางไปมาอย่างน่ากลัวจนได้บาดแผลกันถ้วนหน้า แล้วเจนนี่ก็เหลือบไปเห็นนักเรียนอีกกลุ่ม(ที่เป็นส่วนใหญ่)วิ่งกรูกันไปทางกระท่อมของแฮกริดเพื่อจะเข้าไปหลบอยู่ข้างใน .........โดยมีมัลฟอยวิ่งนำหน้ากลุ่มไปถึงกระท่อมเป็นคนแรก......
“โธ่เอ้ย ที่แท้ก็ขี้ขลาดแบบนี้นี่เอง” เจนนี่สบถออกมาเบาๆ แล้วหันมาช่วยลาเวนเดอร์เพื่อนร่วมบ้านล่อสกรู้ตปะทุไฟไปไว้รวมกันกับตัวอื่นที่ถูกมัดไว้แล้ว แต่ดูท่าทางเจ้าสกรู้ตไม่ได้ต้องการจะให้เป็นแบบนั้น มันจึงพ่นไฟใส่เด็กสาวทั้งคู่ โชคดีของเจนนี่ที่มันเฉียดแขนเสื้อเธอไป แต่กลับโดนเสื้อคลุมของลาเวนเดอร์เต็มๆ เจนนี่จึงรีบช่วยเธอดับไฟไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นโดยเร็ว พลางนึกอย่างแค้นใจว่า
“เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับปล่อยให้ผู้หญิงเสี่ยงตายแบบนี้  คนขี้ขลาด”
******************
“คนขี้ขลาดเอ้ย” เจนนี่เผลอบ่นออกมาเบาๆ พลางใช้ส้อมเขี่ยชิ้นไก่อบในมื้อค่ำอย่างลอยๆ
“เธอหมายถึงใครเหรอเจนนี่” เฮอร์ไมโอนี่หันไปถามเจนนี่พลางยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นจิบ
“เอ่อ...เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกไม่อยากไปฝึกขี่ไม้กวาดเท่านั้นเอง” เจนนี่รีบตอบ
“ไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังเลยว่าใครเป็นคนฝึกให้เธอน่ะเจนนี่ เห็นว่าไม่ใช่มาดามฮูซนี่” แฮร์รี่เอ่ยปากถามอย่างใคร่รู้ รอนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแต่ไม่สามารถออกเสียงได้เพราะกำลังเคี้ยวไก่อบอย่างเอร็ดอร่อย
“แล้วเขาสอนดีมั้ย เป็นนักกีฬาควิดดิชเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามต่อ เธอเองก็อยากรู้มากพอๆกับแฮร์รี่ แน่นอนว่าเจนนี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆของเธอฟังเลยแม้แต่น้อย
“ก็ ไม่ค่อยดีเท่าไรน่ะ วางอำนาจมากๆ ชอบสั่งนู่นสั่งนี่ ชอบดูถูก แถมยังถือตัวอีกต่างหาก” เจนนี่ออกปากบ่นอย่างลืมตัว  รอนรีบกลืนไก่อบในปากอึกใหญ่แล้วรีบพูดว่า
“ฟังดูอย่างกับไอ้หน้าแหลมมัลฟอยเป็นคนฝึกให้งั้นแหละ” เจนนี่ถึงกับทำส้อมหลุดมือดังเกร้ง เธอจึงรีบหยิบน้ำฟักทองมาดื่มกลบเกลื่อนทันที 
“ถ้าใช่ก็แย่กว่านี้ร้อยเท่าล่ะรอน” เจนนี่พูดอย่างกระอักกระอ่วน และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดคำพูดออกไปมากกว่านี้  เธอจึงรีบตัดบทโดยเร็ว
“ใกล้ถึงเวลาไปฝึกต่อแล้วล่ะ ฉันไปล่ะนะ แล้วเจอกันในหอนอน” เจนนี่รีบลุกพรวดแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีใครสังเกตว่าใบหน้าของเธอเริ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ ทั้งสามมองตามเพื่อนใหม่ไปอย่างข้องใจ
“ดูเจนนี่มีอะไรปกปิดพวกเราอยู่หลายเรื่องเลยนะ ว่ามั้ย” แฮร์รี่หันกลับมาถามความเห็นเพื่อนๆที่เหลื่ออยู่ ซึ่งพวกเขาก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“ขนาดกับฉัน เจนนี่ยังไม่ค่อยยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย นอกจากเรื่องบ้านเดิมของเธอ กับแม่ของเธอน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เสริม
“เอ้อ เฮอร์ไมโอนี่ ฉันว่าจะถามเธอหลายทีแล้วล่ะ จริงเหรอที่ว่าเจนนี่รู้เรื่องราวของพวกเราตลอดตั้งแต่เข้าปีหนึ่งมาจนถึงปีสี่น่ะ” แฮร์รี่ซักอีก รอนกัดไก่อบชิ้นอีกชิ้นแล้วพยักหน้าสนับสนุนอย่างอยากรู้อีกคน
“ก็จริงน่ะสิ เจนนี่บอกว่าที่โลกของเธอมีหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของพวกเรา ไม่สิ ของเธอซะมากกว่านะแฮร์รี่  แต่เห็นว่า ในปีที่สี่ของพวกเราเนี่ย เจนนี่เพิ่งจะอ่านไปได้แค่ครึ่งเดียวเองนะ แล้วเธอก็หลงมาอยู่ที่นี่แหละ” เฮอร์ไมโอนี่เล่าให้สหายทั้งสองฟัง
แฮร์รี่หลุดปากโพล่งออกมาเบาๆว่า “หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวตัวฉันเนี่ยนะ”  รอนรีบตบไหล่แฮร์รี่อย่างยินดี “ดีออก นายดังข้ามมิติเชียวนะแฮร์รี่” แต่แฮร์รี่กลับมองกลับมาอย่างรู้สึกได้ว่า ‘ไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่นายคิดนะ’ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ได้ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอกที่เห็นรอนเลิกอิจฉาเพื่อนซี้ของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว
“แย่จังนะ เจนนี่น่าจะเล่าให้พวกเราฟังหน่อยว่าต่อไปพวกเราจะเจอกับอะไรบ้าง” รอนบ่นอย่างอดไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงส่ายหน้าแล้วตำหนิออกไป
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดน่ะได้ถูกชะตากำหนดไว้แล้ว ถึงเจนนี่บอกพวกเรา ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา ที่แย่กว่านั้น มันอาจจะทำให้ชะตาของพวกเราพลิกผันได้เลยนะรอน”
“เธอนี่เริ่มทำตัวเหมือนยายค้างคาวแก่ทรีลอว์นีย์เข้าไปทุกทีแล้วนะเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดจบ ก็แทบจะสิ้นชีพด้วยสายตาดุๆของผู้ถูกแซวไปเดี๋ยวนั้น
*****************
เสียงลมที่พัดผ่านหู ภาพผืนดินและต้นไม้ที่วิ่งผ่านตาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอากาศยามค่ำเย็นสบายที่ปะทะบนใบหน้าของเจนนี่ คงจะทำให้เธอมีความสุขกับการขี่ไม้กวาดได้อย่างเต็มที่กว่านี้แน่ ถ้าไม่มีเสียงยานคางปนดุที่คอยสอดแทรกมาเป็นระยะๆแบบนี้
“อืม ดีขึ้นมากนี่ เพิ่งจะรู้ว่าพวกคนระดับเธอจะหัวไวเหมือนกัน” มัลฟอยนั่งตะโกนอยู่บนไม้กวาดของตัวเองพลางมองตามเจนนี่ที่กำลังบินฉวัดเฉวียนไปรอบๆ เจนนี่จึงชะลอความเร็วจนหยุดอยู่ตรงหน้ามัลฟอยแล้วถามอย่างไม่สบอารมณ์
“เลิกดูถูกฉันซะทีได้มั้ย  ฉันก็ทำได้เหมือนอย่างที่นายทำได้น่ะแหละ”
“งั้นเหรอ” มัลฟอยเลิกคิ้วอย่างกวนๆ พลางใช้มือข้างที่ไม่ได้ประคองไม้กวาดไว้ล้วงไปในเสื้อคลุมแล้วหยิบบางอย่างที่ดูเหมือนลูกบอลพลาสติกออกมา
“ฉันจะคอยดู ว่าเธอทำได้อย่างที่พูดมั้ย” พูดจบ มัลฟอยก็เหวี่ยงแขนโยนลูกบอลนั้นออกไปเต็มแรงแล้วสั่ง “ไปเก็บมาให้ฉันสิ”
เจนนี่เหลือบมองคนที่สั่งอย่างระอาเต็มทน ก่อนที่จะทำตามอย่างว่าง่าย เธอกดหัวไม้กวาดแล้วพุ่งตัวอย่างรวดเร็วไปตามทิศที่ลูกบอลนั้น มัลฟอยบังคับไม้กวาดตามไปช้าๆพลางยิ้มมุมปากอย่างลืมตัว - - - เวลาไม่เถียงนี่ ก็น่ารักอยู่หรอก - - -
ไม่ถึงอึดใจ เจนนี่ก็สามารถคว้าลูกบอลมาไว้ในมือได้สำเร็จ ถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีเยี่ยมมากสำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกตั้งแต่เริ่มต้นภายในไม่กี่วัน เจนนี่หันกลับมายักคิ้วแล้วชูมือที่ถือลูกบอลให้มัลฟอยดูเป็นการตอกย้ำในความสามารถของเธอ มัลฟอยยิ้มน้อยๆแสดงการยอมรับในฝีมือ แต่รอยยิ้มนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาเร่งไม้กวาดมายังเจนนี่พลางคว้าลูกบอลกลับคืนมาแล้วพูดออกมาว่า
“ถ้าอย่างนั้นการฝึกสอนก็คงสิ้นสุดแค่คืนนี้ล่ะ” เขาพูดเสียงหนัก รอยยิ้มอวดดีของเจนนี่พลันหายวับไปด้วยเช่นกัน
“งั้นเหรอ ก็ดีนี่ เบื่อหน้านายเต็มทน” เจนนี่พูดเสียงหนักเช่นกัน ความรู้สึกผิดหวังบางอย่างเริ่มเกาะกุมในใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ๆเธอภาวนาอยู่ทุกวันว่าให้การฝึกผ่านพ้นไปเร็วๆ มัลฟอยเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ..
ทั้งคู่ลอยนิ่งเงียบอยู่กลางอากาศจนเริ่มรู้สึกอึดอัด มัลฟอยจึงโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด “ลองดูอีกทีซิ ว่าเธอทำได้แน่ ไม่ใช่แค่ฟลุค” แล้วเขาก็เหวี่ยงลูกบอลออกไปสุดแรงไปทางทะเลสาบฮอกวอตส์ เจนนี่ไม่รอช้า เธอรีบบังคับไม้กวาดตามไปโดยเร็ว โดยมีมัลฟอยขี่ไม้กวาดตามไปห่างๆเช่นเคย
ครั้งนี้ไม่ได้ยากไปกว่าเดิม เจนนี่สามารถคว้าลูกบอลเจ้าปัญหานี่ได้อย่างง่ายดายเหนือผิวน้ำทะเลสาบไม่กี่ฟุต แต่ไม่ทันที่เธอจะหันกลับมาหาผู้ฝึก ก็มีบางอย่างไม่คาดฝันเกิดขึ้น ..
ฟุ่บๆๆๆ.............ฟองอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาที่ผิวน้ำทั่วผืนทะเลสาบจนน่าขนลุก พร้อมกับมีแสงสีเขียวเรืองสว่างขึ้นจากใต้ผิวน้ำลึกลงไป เจนนี่จำได้ว่าเธอเคยเห็นภาพนี้ในช่วงที่เธอยังต้องหลบๆซ่อนๆอยู่ในฮอกวอตส์ มัลฟอยเองก็ได้อยู่ในเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน แต่ทั้งคู่ไม่เคยได้เห็นในระยะกระชั้นชิดเท่าครั้งนี้ จึงได้แต่อึ้งค้างกับภาพตรงหน้า และต่อมาในไม่กี่วินาที แผ่นน้ำเริ่มบิดตัวเป็นเกลียวลึกลงไป จนกลายเป็นวงน้ำวนขนาดมหึมา .
เจนนี่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอรีบหักหัวไม้กวาดกลับออกมาจากบริเวณนั้น แต่สายไปเสียแล้ว แรงดึงดูดมหาศาลจากน้ำวนยักษ์นั้น กำลังจะดูดกลืนเธอลงไปในไม่ช้า ล็อกเกตสีเงินที่เจนนี่คล้องคอไว้ตลอดเวลานั้นลอยพ้นออกมาจากคอเสื้อของเธอแล้วชี้พุ่งทิศและเริ่มออกแรงดึงเธอไปยังใจกลางของน้ำวนอย่างน่าประหลาด
    “ช่วยยย.........ด้วยยยยยยยย” เจนนี่ตะโกนสุดเสียงอย่างหวาดกลัว ก่อนที่ร่างของเธอจะจมหายไปในเกลียวคลื่นอย่างรวดเร็ว โดยมีร่างของมัลฟอยกระโดดตามลงไปอย่างไม่ลังเล- - - - - - - - -
***************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น