ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : ครูฝึกขี่ไม้กวาด
“เฮ้ แฮร์รี่ ยิ้มไม่หุบเชียวนะทั้งวันนี้น่ะ” เจนนี่แกล้งแซวแฮร์รี่พลางจิบน้ำฟักทองระหว่างมื้อค่ำ มันเป็นน้ำฟักทองที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยดื่มมานับตั้งแต่วันที่เธอได้เข้าเรียนที่นี่
“ก็มันโล่งอกนี่ ฉันอยากจะให้ซีเรียสรู้เร็วๆว่าฉันผ่านภารกิจแรกมาได้!” แฮร์รี่รีบตอบ สำหรับเขา มื้อนี้ก็คงจะเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในรอบหลายๆวันเหมือนกัน
“นายก็เลยเขียนบอกเขาไว้ในจดหมายซะยาวเหยียดเลยนี่” เจนนี่เย้าต่อ
“รู้ได้ไงว่าฉันจะส่งจดหมายให้ซีเรียสน่ะ” แฮร์รี่ขมวดคิ้วถาม เจนนี่แกล้งไม่ตอบ
“จดหมายอะไรเหรอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามบ้าง
“จดหมายที่ฉันเขียนเล่าเรื่องที่ฉันฝ่าด่านมังกรในวันนี้ได้ไง ตั้งใจว่าจะนำไปส่งหลังมื้อค่ำ” แฮร์รี่ตอบ
“ใช้พิกสิ มันอยากทำงานใจจะขาดแล้ว กระตือรือร้นผิดนกฮูกชะมัด” รอนเสนอโดยมือยังไม่ยอมวางน่องไก่ชิ้นโต ทั้งเจนนี่และเพื่อนๆหัวเราะขำ เจนนี่นึกอยากเห็นเจ้านกตัวจ้อยที่ชื่อพิกวิดเจียนตัวนี้เสียเหลือเกิน ...มันคงจะน่ารักน่าดู
“มิสแอนเดอร์สัน” เสียงคนหนึ่งเรียกเจนนี่
“คะ? ศาสตราจารย์มักกอนนากัล” เจนนี่ถามเมื่อหันหลังไปเห็น
“ทานอาหารเสร็จตามไปพบฉันที่ห้องพักอาจารย์ทีนะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวสั้นๆ แล้วเดินออกไปจากห้องโถง เจนนี่อดนึกแปลกใจไม่ได้
“ศาสตราจารย์เรียกเธอไปทำไมน่ะ” รอนถามอย่างแปลกใจเช่นกัน
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวฉันไปเลยดีกว่า อิ่มพอดี ไว้เจอกันในปาร์ตี้ที่ห้องนั่งเล่นนะ” เจนนี่ลุกขึ้นพร้อมหลิ่วตาให้เพื่อนทั้งสามอย่างร่าเริง ก่อนที่จะเดินออกไป
*******************
“มาแล้วเหรอ มิสแอนเดอร์สัน” เจนนี่ค่อยๆก้าวพ้นประตูเข้ามาในห้องของศาสตราจารย์มักกอนนากัล  ใบหน้าที่ดูเคร่งตลอดเวลาของศาสตราจารย์ทำให้เจนนี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ศาสตราจารย์มีอะไรเหรอคะ”
“เท่าที่ฉันได้รู้มาเกี่ยวกับการเรียนของเธอ เธอฉลาดมากเลยทีเดียว ฉันยอมรับในความสามารถของเธอที่เธอถูกส่งให้เรียนข้ามชั้นถึง3ปี แต่เธอก็ยังสามารถเรียนได้ดีเทียบเท่านักเรียนในชั้นเดียวกันได้ ...บางทีอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ เธอทำได้ดีมากจริงๆ...” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างชื่นชมแต่ไม่ทิ้งสีหน้าเคร่งขรึม
“เป็นเพราะหนูได้เฮอร์ไมโอนี่ช่วยสอนวิชาต่างๆในชั้นปีก่อนๆให้ในเวลาว่างด้วยค่ะ” เจนนี่พูดถ่อมตัว
“เพราะเธอมีความสามารถมากด้วยนั่นล่ะ ...แต่... ถึงแม้เธอจะสามารถเรียนรู้วิชาที่เรียนในชั้นปีก่อนๆได้ด้วยตัวเองก็ตาม ยังมีอีกวิชาหนึ่ง ที่เธอจำเป็นจะต้องได้เรียนและฝึกให้ได้มาตรฐานเหมือนนักเรียนคนอื่นๆ แล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีครูฝึกด้วย เธอจะเรียนรู้ด้วยตัวเองคนเดียว หรือแค่มีเพื่อนช่วยสอนเหมือนวิชาอื่นๆไม่ได้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดเสียงจริงจัง
“วิชาอะไรกันคะ” เจนนี่ถามอย่างฉงน
“การขี่ไม้กวาด”.......................
**************************
ถึงแม้เจนนี่รู้อยู่แล้วว่าเวลานี้ ห้องนั่งเล่นได้กลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆแล้ว แต่เจนนี่ก็ยังอดทำตาโตไม่ได้ ทันทีที่เจนนี่ก้าวเข้ามาในห้องโถง มันเหมือนกับเธอเข้ามาในงานแฟนตาซีเล็กๆเลยทีเดียว ป้ายผ้าและภาพวาดแสนสวยโดยฝีมือลี จอร์ดันแปะอยู่กลางกำแพงด้านหนึ่งของห้องโถง  เค้กกองโตที่สูงเกือบถึงเพดานที่มีคนคอยตักมันอยู่เรื่อยๆไม่ขาดสาย เหยือกน้ำฟักทองกับบัตเตอร์เบียร์วางอยู่เกลื่อนห้อง  หลายคนที่ยังพูดเชียร์ให้แฮร์รี่ที่นั่งรวมอยู่กับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ บ้างก็ถือดอกไม้ไฟวิเศษที่สามารถจุดติดได้ในน้ำแต่ไม่ร้อนมือไว้ ........แต่ที่วุ่นวายที่สุด........มีนกคีรีบูนตัวใหญ่ยักษ์นั่งอยู่กลางวงกลุ่มคนจำนวนมากที่ส่งเสียงหัวเราะและอุทาน โดยมีเฟรดกับจอร์จยืนตะโกนอยู่ใกล้ๆ ..****
“นั่นอะไรน่ะ” เจนนี่จ้องเป๋งนกคีรีบูนประหลาดนั่น
“ฮะๆๆๆ อ๋อ เนวิลน่ะ เขาหลงกลกินครีมคีรีบูนของเฟรดไปน่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆ” รอนพูดไปหัวเราะไป เจนนี่ขำตามไปด้วย เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ส่ายหน้าพลางมองทาร์ตแยมในมืออย่างไม่ไว้ใจ
“เจนนี่ สนใจมั้ย ครีมคีรีบูน ชิ้นละ 7 ซิกเกิ้ล ต่อรองราคาได้นะ” จอร์จตะโกนข้ามห้องถามเจนนี่ เจนนี่ยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่ดีกว่านะ”
“ว่าแต่ เจนนี่ ศาตราจารย์มักกอนนากัลเรียกพบเธอทำไมเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“เอ้อใช่ เกือบลืมไป เดี๋ยวฉันต้องไปแล้วล่ะ” เจนนี่นึกขึ้นได้
“จะไปไหนล่ะ ไม่อยู่ฉลองก่อนเหรอ” รอนถามพลางยัดเค้กเข้าปาก ท่าทางมื้อค่ำที่ผ่านมาไม่ค่อยมีผลกระทบกับเขาเท่าไรนัก
“ฝึกขี่ไม้กวาดน่ะสิ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพิ่งบอกฉันว่าฉันจะต้องขี่ไม้กวาดให้เป็นเหมือนคนอื่นๆ มันเป็นข้อบังคับน่ะ”
“ตอนค่ำเนี่ยนะ” แฮร์รี่รีบหันมาถามทันที
“ใช่ ก็ช่วงกลางวันฉันก็เรียนตลอดนี่นา อีกอย่าง ศาสตราจารย์ก็ได้เซ็นใบอนุญาตเข้าหอนอนหลัง3ทุ่มตลอดเดือนนี้ให้ฉันแล้วด้วย ไม่เป็นไรหรอก” เจนนี่ยักไหล่ เพื่อนๆทั้งสามพยักหน้า
“อยากอยู่ปาร์ตี้ต่อจัง แต่ ฉันต้องไปแล้วล่ะ ไม่ต้องรอฉันนะเฮอร์ไมโอนี่ นอนไปก่อนได้เลย” เจนนี่ลาทุกคนแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
***อ้างอิงจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี หน้า419
*********************
แสงจากเวทมนตร์สว่างพอๆกับสปอร์ตไลท์ที่ส่องมายังสนามควิดดิช ทำให้เจนนี่รู้สึกมันเหมือนกับสนามฟุตบอลที่เปิดไฟไว้ยามกลางคืน เจนนี่เดินตรงเข้ามายังสนามควิดดิช ในมือกุมไม้กวาดที่เจนนี่คิดว่าน่าจะใหม่ที่สุดในห้องเก็บไม้กวาดแล้ว เจนนี่เงยหน้ามองเห็นเงาของคนคนหนึ่งกำลังขี่ไม้กวาดอย่างฉวัดเฉวียนและคล่องแคล่ว คงจะเป็นคนที่จะมาสอนเธอขี่ไม้กวาดแน่ๆ แต่เจนนี่ก็ต้องเบนสายตาลงมาระดับเดิมอย่างแปลกใจ ......
“มาช้าไป 1 นาที โชคดีที่ไม่ใช่ชั่วโมงเรียนของฉัน” ศาสตราจารย์สเนปมองเจนนี่อย่างไร้ความรู้สึก เจนนี่ได้แต่ขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่มาดามฮูซกับนักเรียนผู้ช่วยหรอกเหรอคะ” เจนนี่ถามอย่างไม่ใส่ใจสีหน้าของศาสตราจารย์
“มาดามฮูซไม่สามารถรับหน้าที่นี้ได้ เพราะลำพังแค่สอนปีหนึ่งโง่ๆก็มากพอ ที่ประชุมคณาจารย์จึงตกลงกันที่จะหาตัวแทนนักเรียนที่เก่งพอมาสอนแทน และก็ได้ลงมติให้คนของฉันรับหน้าที่นี้”  พูดจบศาสตราจารย์สเนปก็หันไปกวักมือเรียกชายคนที่ขี่ไม้กวาดอยู่กลางอากาศคนนั้น ไม้กวาดจึงค่อยๆร่อนต่ำลงมา...
“คนของศาสตราจารย์เหรอคะ” เจนนี่เลิกคิ้ว มือเธอเริ่มเย็นและมีเหงื่อชุ่ม
ไม้กวาดของคนๆนั้นค่อยๆร่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจนนี่สามารถมองเห็นได้ชัดว่าผู้ที่ขี่ไม้กวาดนั้นเป็นใคร และนั่นก็ทำให้เจนนี่อ้าปากหวอ..  “นายอีกแล้วเหรอ!”
มัลฟอยก้าวลงมาจากไม้กวาดนิมบัส2001สีดำขลับแล้วถือมันไว้ข้างตัว ก่อนที่จะเดินตรงมายังศาสตราจารย์และเจนนี่ เขามองเธอด้วยหางตาทีหนึ่งแล้วค่อยหันไปกลับไปหาศาสตราจารย์
“พวกเธอคงจะรู้จักกันแล้ว คงไม่มีอะไรต้องพูดกันมากนัก มัลฟอย เธอมีหน้าที่สอนมิส แอนเดอร์สันขี่ไม้กวาดจนกว่ามิสแอนเดอร์สันจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แล้วฉันก็ได้มอบสิทธิ์การลงโทษในระดับที่อาจารย์คนหนึ่งสามารถกระทำได้ เธอเข้าใจนะ” ศาสตราจารย์สเนปจงใจเน้นเสียงช่วงหลัง เจนนี่หน้าซีดลงไปอีก
“ครับ ศาสตราจารย์” มัลฟอยตอบรับ ศาสตราจารย์สเนปยิ้มมุมปากแล้วสะบัดผ้าคลุมเดินออกไปจากสนามทันที .............คราวนี้ถึงเวลาที่กดดันจริงๆแล้ว........
“ได้ยินที่ศาสตราจารย์พูดแล้วใช่มั้ย” มัลฟอยหันมามองเจนนี่อย่างเย้ยหยัน เจนนี่ได้แต่กัดริมฝีปาก สมองของเธอเริ่มคิดถึงปาร์ตี้ในห้องนั่งเล่น แน่นอนที่เธออยากจะกลับไปสนุกกับทุกคนมากกว่าจะต้องมาเรียนขี่ไม้กวาด และยิ่งอยากมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามัลฟอยเป็นครูฝึกให้เธอ
“อืม ได้ยิน” เจนนี่ตอบห้วนๆ
“นี่ กับครูฝึกพูดให้มันดีๆหน่อย” มัลฟอยพูดอย่างกวนอารมณ์
“นายนี่มัน.....” เจนนี่เริ่มหงุดหงิด แต่มัลฟอยก็ตัดบทขึ้นมา
“เอาล่ะๆ เริ่มเลยดีกว่า วางไม้กวาดไว้ข้างตัวซะ” มัลฟอยสั่ง เจนนี่ถอนหายใจก่อนที่จะทำตาม
“ยื่นมาออกมาเหนือไม้กวาด แล้วพูดคำว่า ‘ลอย’ พูดสิ” มัลฟอยสั่งอย่างวางมาด
“ลอย” เจนนี่พูดอย่างไม่เต็มใจนัก
“ให้มันมีสมาธิหน่อย” มัลฟอยสั่งอีกพร้อมกับเดินวนรอบตัวเจนนี่
“ลอย” ไม้กวาดของเจนนี่ยังอยู่นิ่งเหมือนเดิม
“อะไร แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ แล้วเมื่อไรจะขี่เป็นล่ะ” มัลฟอยเริ่มดูถูก
“นี่ ฉันเพิ่งหัดครั้งแรกนะ จะให้ทำได้เลยได้ยังไงเล่า ฉันไม่ใช่ซีกเกอร์อย่างนายนะ” เจนนี่เริ่มหมดความอดทน มัลฟอยขมวดคิ้ว
“ปีนี้ไม่ได้มีแข่งควิดดิชนี่ เด็กใหม่อย่างเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นซีกเกอร์”  เจนนี่เงียบไม่ตอบ
“หรือว่าปลื้มฉันมากจนต้องไปสืบประวัติฉันน่ะ” มัลฟอยแกล้งเย้า
“จะบ้ารึไง กรุณาอย่านอกเรื่องหน่อยเลยครูฝึก” เจนนี่รีบหันไปเปลี่ยนเรื่อง ...เธอไม่จำเป็นจะต้องสืบเรื่องราวของเขาสักหน่อย ก็มันมีบอกในหนังสืออยู่แล้วนี่....
“ก็ได้ๆ ทีนี้ลองดูฉันทำนะ” มัลฟอยวางไม้กวาดลงข้างตัว
“ลอย” ...ฟุ่บ.....ไม้กวาดของเขาพุ่งเข้ามือของเขาอย่างง่ายดาย เจนนี่มองอย่างทึ่งเล็กน้อย
“ไม่เห็นจะยาก เอ้า ลองใหม่” เขายืดอกอย่างวางท่าแล้วสั่ง
เจนนี่ถอนหายใจหนึ่งที แล้วยื่นมือออกไป
“ลอย”...เริ่มได้ผล ไม้กวาดของเธอเริ่มขยับๆ
“อืม ดีขึ้น พยายามอีก” มัลฟอยย้ำ เจนนี่รู้สึกหมั่นไส้
“รู้แล้วน่า สั่งอยู่ได้ ลอย!”  คราวนี้ ไม้กวาดเก่าๆด้ามนั้นก็พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เจนนี่รีบคว้ามันไว้แน่น
“ดี นึกว่าจะต้องใช้เวลาทั้งคืนซะอีก” มัลฟอยเหยียดเสียง เจนนี่ขอโต้กลับบ้าง
“ถึงฉันจะไม่ได้เก่งแบบนาย แต่อย่างน้อย แฮร์รี่ก็เก่งกว่านายแล้วกัน” มัลฟอยหน้าเข้มขึ้นมาทันที
“ก้าวขึ้นไม้กวาด!” มัลฟอยสั่งอย่างแข็งกร้าวกว่าเดิมจนเจนนี่ตกใจเล็กน้อย เจนนี่ค่อยๆยกขาข้ามไม้กวาดไป มือทั้งสองจับด้ามไม้กวาดไว้ข้างหน้า
“เอาล่ะ ทีนี้ ถีบพื้นเบาๆ” เสียงของมัลฟอยยังแข็งเช่นเดิม เจนนี่ไม่ค่อยพอใจนักที่จะต้องทำตามคำสั่งแบบนี้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำตาม เธอไม่นึกอยากจะมีเรื่องกับเขานัก เพราะการที่ทำแบบนั้น แปลว่าเธอจะต้องอยู่ฝึกกับเขานานออกไปอีก หรือไม่ก็โดนลงโทษอะไรสักอย่างแน่ เจนนี่ยันเท้ากับพื้นเบาๆ ตอนนี้ ตัวเธอได้ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว แต่ยังไม่ทันถึงนาที ไม้กวาดของเธอมันก็เริ่มสั่นน้อยๆ
“ทำไมมันสั่นแบบนี้ล่ะ” เจนนี่พยายามจับไม้กวาดให้มั่น
“เธอควบคุมไม่ให้มันนิ่งไม่ได้ล่ะสิ” มัลฟอยยังไม่เลิกดูถูกเธอ
“มันอาจจะเป็นที่ไม้กวาดก็ได้นะ” เจนนี่โต้ตอบอย่างไม่พอใจ “รู้อย่างนี้ยืมไฟร์โบลของแฮร์รี่มาซะก็ดีหรอก” เจนนี่บ่นโดยไม่รู้เลยว่านั่นทำให้มัลฟอยรู้สึกโมโหขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พอตเตอร์มาสอนแทนซะเลยสิ!!” เขาขึ้นเสียงใส่จนเจนนี่เหลืออด
“ฉันทำแบบนั้นแน่ถ้าแฮร์รี่ไม่ได้เป็นตัวแทนน่ะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้อบังคับ ฉันคงไม่มาทนเห็นหน้านายมาเป็นครูฝึกจำเป็นอย่างนี้หรอก!!”
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ ถ้าศาตราจารย์สเนปไม่ขอร้องน่ะ!” มัลฟอยตะคอกกลับอย่างเหลืออดเช่นกัน อารมณ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ยากเกินที่จะสงบศึก เจนนี่ไม่อยากจะมองหน้ามัลฟอยอีกในเวลานี้ เธอจึงตัดสินใจหันไม้กวาดแล้วทะยานขึ้นสูงทันที .............ทั้งๆที่เธอยังบังคับไม่กวาดไม่เป็นเลย
“เฮ้ย นั่นเธอทำอะไรของเธอน่ะ” มัลฟอยร้องอย่างตกใจ
“ก็ถ้านายไม่อยากมาสอนฉันนักล่ะก็ กลับไปเลย ฉันหัดเองก็ได้!” เจนนี่ตะโกนโดยไม่หันมองกลับมา
“โธ่เอ้ย ยายบ้า!” มัลฟอยรีบกระโดดขึ้นไม้กวาดตัวเองแล้วพุ่งตามเจนนี่ไป
อาการสั่นของไม้กวาดของเจนนี่เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทว่า มันรุนแรงกว่าเดิม แล้วรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม้กวาดก็ยังพาร่างเธอสูงขึ้นจากพื้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน..........
“เฮ้ย...ไม่น่ะ” เจนนี่เริ่มหวั่นวิตก มือของเธอเริ่มเย็นและชุ่มไปด้วยเหงื่อทำให้จับไม้กวาดลำบากขึ้น กว่าเดิม
“ช....ช่วยด้วย.....ฉันคุมไม้กวาดไม่ได้” เจนนี่ตะโกนในที่สุด มัลฟอยได้ยินดังนั้นจึงรีบกดหัวไม้กวาดเพื่อจะเร่งตามเจนนี่ให้ทัน จนกระทั่ง ไม้กวาดของเขาพุ่งไปเทียบเคียงกับเจนนี่
“เกิดอะไรขึ้น” มัลฟอยตะโกนถาม
“ไม้กวาดน่ะสิ  ม....มันสั่นรุนแรงมากเลย ฉันควบคุมมันไม่ได้” เจนนี่ร้องออกมาอย่างหวาดหวั่น ร่างของเธอสั่นไหวไปตามไม้กวาด เจนนี่พยายามจับให้แน่นที่สุด เธอมองลงไปยังพื้นดินซึ่งตอนนี้มันอยู่ห่างจากปลายเท้าของเธอประมาณตึกสูงสัก 5 ชั้นได้
“อย่ามองลงไป ตั้งสติหน่อย ค่อยๆกดหัวไม้กวาดลงนะ มันจะได้ลอยต่ำลง เพราะฉันช่วยเธอในความสูงขนาดนี้ไม่ได้หรอก” มัลฟอยตะโกนบอกเธอ สีหน้าของเขาเองก็เริ่มเป็นกังวลมากเช่นกัน เจนนี่พยักหน้าตอบ เธอพยายามจับด้ามไม้กวาดที่ส่ายไปมาให้อยู่มือ แล้วค่อยๆกดด้ามไม้ลง ได้ผล ไม้กวาดของเธอลอยต่ำลงๆจนอยู่เหนือพื้นประมาณเมตรกว่าๆโดยมัลฟอยก็พุ่งตัวลงต่ำตามเธอ แต่...
ไม้กวาดสั่นหนักกว่าเดิมอีก แล้วก็ไม่ยอมทำตามที่เจนนี่บังคับอีกต่อไป โชคยังดีที่ไม้กวาดของเธอพุ่งเฉียดอัฒจันทร์เพียงไม่กี่นิ้ว แล้วมันก็พุ่งหักออกมากลางสนาม มัลฟอยรีบไล่ตามไปติดๆไม่ยอมห่าง ไม้กวาดของเจนนี่ไม่สามารถกดลงต่ำให้ถึงพื้นได้อีกต่อไป คราวนี้เจนนี่กลัวจนตอนมือสั่น เธอทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไปแล้ว มัลฟอยตัดสินใจเร่งไม้กวาดให้เทียบเคียงกับเจนนี่อีกครั้ง
“เฮ้  อย่าเพิ่งปล่อยมือจากไม้กวาดจนกว่าฉันจะถึงตัวเธอนะ” มัลฟอยตะโกนบอกเจนนี่ แล้วเบียดไม้กวาดเข้ามาให้ใกล้เธอมากที่สุด ฉับพลันนั้น มัลฟอยตัดสินใจใช้แขนข้างหนึ่งโอบรวบตัวเจนนี่ไว้จนร่างเธอหลุดมาจากไม้กวาดที่ส่ายอย่างบ้าคลั่งนั่นออกมา เจนนี่รีบโอบรอบคอมัลฟอยไว้ แต่ด้วยแรงเหวี่ยง ทำให้ไม้กวาดของมัลฟอยเสียศูนย์ มัลฟอยจึงตัดสินใจปล่อยมืออีกข้างจากไม้กวาดแล้วโอบรอบเอวเจนนี่ไว้แน่น ......แล้วร่างของทั้งคู่ก็ลอยอยู่กลางอากาศ.....
ตุ้บ!!.......หลังของมัลฟอยกระแทกเข้ากับพื้นสนามควิดดิช ร่างของเขาเป็นตัวกันกระแทกให้กับเจนนี่ได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนที่มัลฟอยจะรู้สึกเจ็บ เขากลับรีบลืมตาขึ้นเพราะมีบางอย่างอุ่นๆแนบกับในหน้าของเขา แล้วเขาก็ต้องเบิกตาโพลง......
ใบหน้าของเจนนี่แนบชิดบนใบหน้าของมัลฟอยโดยบังเอิญ ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอย่างพอดิบพอดี เจนนี่ลืมตาขึ้นแล้วก็เบิกตาโพลงพร้อมกันกับมัลฟอย เธอรีบผลักตัวเองขึ้นแต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะมัลฟอยใช้มือกดหัวเธอ แขนอีกข้างของเขาก็โอบรอบเอวเธอไว้ และที่สำคัญ ริมฝีปากของเขาเริ่มขยับช้าๆ..................
เจนนี่ขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว หัวใจของเธอเต้นโครมครามจนเธอทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว ริมฝีปากบางนุ่มของมัลฟอยเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนจนเจนนี่แทบจะไร้เรี่ยวแรงตอบโต้ แขนของมัลฟอยเริ่มโอบเธอแน่นขึ้น  ....แน่นขึ้น......
แต่แล้ว.....เจนนี่พยายามรวบรวมสติและเรี่ยวแรงทั้งหมดอีกครั้ง ในที่สุด เธอก็หลุดจากพันธนาการของมัลฟอยได้ เจนนี่จึงรีบถอยหนีออกห่างทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่เธอคิดว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักชื่อผ่านหนังสือเป็นคนที่ขโมยจูบแรกของเธอไป ........
  มัลฟอยเองก็ดูท่าจะเพิ่งได้สติเช่นกัน เขายันตัวขึ้นนั่ง แสงไฟที่ถูกเสกขึ้นส่องลงมาในสนามทำให้เห็นได้ชัดว่าหน้าของเขาแดงก่ำพอๆกับลูกแอปเปิ้ลเลยทีเดียว มัลฟอยอ้าปากจะพูด แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ” ในที่สุดเจนนี่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น หน้าเธอแดงไม่แพ้กัน
“ก็.......เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ” มัลฟอยว่าดื้อๆ เจนนี่หน้าแดงหนักกว่าเดิม ตอนนี้เธอทั้งอายและโกรธมาก
“จะบ้ารึไง นายก็รู้ว่า นั่นมันอุบัติเหตุ” เจนนี่ใช้มือทุบพื้นเพราะทำอะไรไม่ถูก
“อ............ไอ้คนฉวยโอกาส” เจนนี่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกไปจากสนามทันที
มัลฟอยยังคงนั่งเงียบอยู่กลางสนามควิดดิช พลางใช้มือลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ เขาทำแบบนั้นอยู่นาน..........
“นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย” มัลฟอยเริ่มคิดหนัก สิ่งที่เขาอยากให้เป็นกับสิ่งที่เขาทำลงไปมันช่างขัดแย้งกันเสียเหลือเกิน เขาพยายามบอกกับตัวเองทุกวันว่าเขาเกลียด เกลียดคนหลอกลวง เธอเป็นคนหลอกลวง แต่การกระทำของเขา กลับออกมาในทางตรงกันข้ามทุกที มัลฟอยสะบัดหน้าเพื่อไล่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไป แล้วดันตัวเองลุกขึ้นยืน
“โอ้ย” มัลฟอยเพิ่งจะรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ มันไม่ได้เจ็บเพียงเพราะแรงกระแทกเท่านั้น มัลฟอยเปิดเสื้อดูหัวไหล่ตัวเอง รอยแผลไฟลวกของเขาเลือดออกเพราะถูกกระแทกซ้ำ มัลฟอยถอนหายใจ
“ช่วยเธอทีไร มีแต่เรื่องทุกที” ........
********************
“ก็มันโล่งอกนี่ ฉันอยากจะให้ซีเรียสรู้เร็วๆว่าฉันผ่านภารกิจแรกมาได้!” แฮร์รี่รีบตอบ สำหรับเขา มื้อนี้ก็คงจะเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในรอบหลายๆวันเหมือนกัน
“นายก็เลยเขียนบอกเขาไว้ในจดหมายซะยาวเหยียดเลยนี่” เจนนี่เย้าต่อ
“รู้ได้ไงว่าฉันจะส่งจดหมายให้ซีเรียสน่ะ” แฮร์รี่ขมวดคิ้วถาม เจนนี่แกล้งไม่ตอบ
“จดหมายอะไรเหรอแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ถามบ้าง
“จดหมายที่ฉันเขียนเล่าเรื่องที่ฉันฝ่าด่านมังกรในวันนี้ได้ไง ตั้งใจว่าจะนำไปส่งหลังมื้อค่ำ” แฮร์รี่ตอบ
“ใช้พิกสิ มันอยากทำงานใจจะขาดแล้ว กระตือรือร้นผิดนกฮูกชะมัด” รอนเสนอโดยมือยังไม่ยอมวางน่องไก่ชิ้นโต ทั้งเจนนี่และเพื่อนๆหัวเราะขำ เจนนี่นึกอยากเห็นเจ้านกตัวจ้อยที่ชื่อพิกวิดเจียนตัวนี้เสียเหลือเกิน ...มันคงจะน่ารักน่าดู
“มิสแอนเดอร์สัน” เสียงคนหนึ่งเรียกเจนนี่
“คะ? ศาสตราจารย์มักกอนนากัล” เจนนี่ถามเมื่อหันหลังไปเห็น
“ทานอาหารเสร็จตามไปพบฉันที่ห้องพักอาจารย์ทีนะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวสั้นๆ แล้วเดินออกไปจากห้องโถง เจนนี่อดนึกแปลกใจไม่ได้
“ศาสตราจารย์เรียกเธอไปทำไมน่ะ” รอนถามอย่างแปลกใจเช่นกัน
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวฉันไปเลยดีกว่า อิ่มพอดี ไว้เจอกันในปาร์ตี้ที่ห้องนั่งเล่นนะ” เจนนี่ลุกขึ้นพร้อมหลิ่วตาให้เพื่อนทั้งสามอย่างร่าเริง ก่อนที่จะเดินออกไป
*******************
“มาแล้วเหรอ มิสแอนเดอร์สัน” เจนนี่ค่อยๆก้าวพ้นประตูเข้ามาในห้องของศาสตราจารย์มักกอนนากัล  ใบหน้าที่ดูเคร่งตลอดเวลาของศาสตราจารย์ทำให้เจนนี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ศาสตราจารย์มีอะไรเหรอคะ”
“เท่าที่ฉันได้รู้มาเกี่ยวกับการเรียนของเธอ เธอฉลาดมากเลยทีเดียว ฉันยอมรับในความสามารถของเธอที่เธอถูกส่งให้เรียนข้ามชั้นถึง3ปี แต่เธอก็ยังสามารถเรียนได้ดีเทียบเท่านักเรียนในชั้นเดียวกันได้ ...บางทีอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ เธอทำได้ดีมากจริงๆ...” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างชื่นชมแต่ไม่ทิ้งสีหน้าเคร่งขรึม
“เป็นเพราะหนูได้เฮอร์ไมโอนี่ช่วยสอนวิชาต่างๆในชั้นปีก่อนๆให้ในเวลาว่างด้วยค่ะ” เจนนี่พูดถ่อมตัว
“เพราะเธอมีความสามารถมากด้วยนั่นล่ะ ...แต่... ถึงแม้เธอจะสามารถเรียนรู้วิชาที่เรียนในชั้นปีก่อนๆได้ด้วยตัวเองก็ตาม ยังมีอีกวิชาหนึ่ง ที่เธอจำเป็นจะต้องได้เรียนและฝึกให้ได้มาตรฐานเหมือนนักเรียนคนอื่นๆ แล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีครูฝึกด้วย เธอจะเรียนรู้ด้วยตัวเองคนเดียว หรือแค่มีเพื่อนช่วยสอนเหมือนวิชาอื่นๆไม่ได้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดเสียงจริงจัง
“วิชาอะไรกันคะ” เจนนี่ถามอย่างฉงน
“การขี่ไม้กวาด”.......................
**************************
ถึงแม้เจนนี่รู้อยู่แล้วว่าเวลานี้ ห้องนั่งเล่นได้กลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆแล้ว แต่เจนนี่ก็ยังอดทำตาโตไม่ได้ ทันทีที่เจนนี่ก้าวเข้ามาในห้องโถง มันเหมือนกับเธอเข้ามาในงานแฟนตาซีเล็กๆเลยทีเดียว ป้ายผ้าและภาพวาดแสนสวยโดยฝีมือลี จอร์ดันแปะอยู่กลางกำแพงด้านหนึ่งของห้องโถง  เค้กกองโตที่สูงเกือบถึงเพดานที่มีคนคอยตักมันอยู่เรื่อยๆไม่ขาดสาย เหยือกน้ำฟักทองกับบัตเตอร์เบียร์วางอยู่เกลื่อนห้อง  หลายคนที่ยังพูดเชียร์ให้แฮร์รี่ที่นั่งรวมอยู่กับรอนและเฮอร์ไมโอนี่ บ้างก็ถือดอกไม้ไฟวิเศษที่สามารถจุดติดได้ในน้ำแต่ไม่ร้อนมือไว้ ........แต่ที่วุ่นวายที่สุด........มีนกคีรีบูนตัวใหญ่ยักษ์นั่งอยู่กลางวงกลุ่มคนจำนวนมากที่ส่งเสียงหัวเราะและอุทาน โดยมีเฟรดกับจอร์จยืนตะโกนอยู่ใกล้ๆ ..****
“นั่นอะไรน่ะ” เจนนี่จ้องเป๋งนกคีรีบูนประหลาดนั่น
“ฮะๆๆๆ อ๋อ เนวิลน่ะ เขาหลงกลกินครีมคีรีบูนของเฟรดไปน่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆ” รอนพูดไปหัวเราะไป เจนนี่ขำตามไปด้วย เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ส่ายหน้าพลางมองทาร์ตแยมในมืออย่างไม่ไว้ใจ
“เจนนี่ สนใจมั้ย ครีมคีรีบูน ชิ้นละ 7 ซิกเกิ้ล ต่อรองราคาได้นะ” จอร์จตะโกนข้ามห้องถามเจนนี่ เจนนี่ยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่ดีกว่านะ”
“ว่าแต่ เจนนี่ ศาตราจารย์มักกอนนากัลเรียกพบเธอทำไมเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“เอ้อใช่ เกือบลืมไป เดี๋ยวฉันต้องไปแล้วล่ะ” เจนนี่นึกขึ้นได้
“จะไปไหนล่ะ ไม่อยู่ฉลองก่อนเหรอ” รอนถามพลางยัดเค้กเข้าปาก ท่าทางมื้อค่ำที่ผ่านมาไม่ค่อยมีผลกระทบกับเขาเท่าไรนัก
“ฝึกขี่ไม้กวาดน่ะสิ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเพิ่งบอกฉันว่าฉันจะต้องขี่ไม้กวาดให้เป็นเหมือนคนอื่นๆ มันเป็นข้อบังคับน่ะ”
“ตอนค่ำเนี่ยนะ” แฮร์รี่รีบหันมาถามทันที
“ใช่ ก็ช่วงกลางวันฉันก็เรียนตลอดนี่นา อีกอย่าง ศาสตราจารย์ก็ได้เซ็นใบอนุญาตเข้าหอนอนหลัง3ทุ่มตลอดเดือนนี้ให้ฉันแล้วด้วย ไม่เป็นไรหรอก” เจนนี่ยักไหล่ เพื่อนๆทั้งสามพยักหน้า
“อยากอยู่ปาร์ตี้ต่อจัง แต่ ฉันต้องไปแล้วล่ะ ไม่ต้องรอฉันนะเฮอร์ไมโอนี่ นอนไปก่อนได้เลย” เจนนี่ลาทุกคนแล้วเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
***อ้างอิงจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี หน้า419
*********************
แสงจากเวทมนตร์สว่างพอๆกับสปอร์ตไลท์ที่ส่องมายังสนามควิดดิช ทำให้เจนนี่รู้สึกมันเหมือนกับสนามฟุตบอลที่เปิดไฟไว้ยามกลางคืน เจนนี่เดินตรงเข้ามายังสนามควิดดิช ในมือกุมไม้กวาดที่เจนนี่คิดว่าน่าจะใหม่ที่สุดในห้องเก็บไม้กวาดแล้ว เจนนี่เงยหน้ามองเห็นเงาของคนคนหนึ่งกำลังขี่ไม้กวาดอย่างฉวัดเฉวียนและคล่องแคล่ว คงจะเป็นคนที่จะมาสอนเธอขี่ไม้กวาดแน่ๆ แต่เจนนี่ก็ต้องเบนสายตาลงมาระดับเดิมอย่างแปลกใจ ......
“มาช้าไป 1 นาที โชคดีที่ไม่ใช่ชั่วโมงเรียนของฉัน” ศาสตราจารย์สเนปมองเจนนี่อย่างไร้ความรู้สึก เจนนี่ได้แต่ขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่มาดามฮูซกับนักเรียนผู้ช่วยหรอกเหรอคะ” เจนนี่ถามอย่างไม่ใส่ใจสีหน้าของศาสตราจารย์
“มาดามฮูซไม่สามารถรับหน้าที่นี้ได้ เพราะลำพังแค่สอนปีหนึ่งโง่ๆก็มากพอ ที่ประชุมคณาจารย์จึงตกลงกันที่จะหาตัวแทนนักเรียนที่เก่งพอมาสอนแทน และก็ได้ลงมติให้คนของฉันรับหน้าที่นี้”  พูดจบศาสตราจารย์สเนปก็หันไปกวักมือเรียกชายคนที่ขี่ไม้กวาดอยู่กลางอากาศคนนั้น ไม้กวาดจึงค่อยๆร่อนต่ำลงมา...
“คนของศาสตราจารย์เหรอคะ” เจนนี่เลิกคิ้ว มือเธอเริ่มเย็นและมีเหงื่อชุ่ม
ไม้กวาดของคนๆนั้นค่อยๆร่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเจนนี่สามารถมองเห็นได้ชัดว่าผู้ที่ขี่ไม้กวาดนั้นเป็นใคร และนั่นก็ทำให้เจนนี่อ้าปากหวอ..  “นายอีกแล้วเหรอ!”
มัลฟอยก้าวลงมาจากไม้กวาดนิมบัส2001สีดำขลับแล้วถือมันไว้ข้างตัว ก่อนที่จะเดินตรงมายังศาสตราจารย์และเจนนี่ เขามองเธอด้วยหางตาทีหนึ่งแล้วค่อยหันไปกลับไปหาศาสตราจารย์
“พวกเธอคงจะรู้จักกันแล้ว คงไม่มีอะไรต้องพูดกันมากนัก มัลฟอย เธอมีหน้าที่สอนมิส แอนเดอร์สันขี่ไม้กวาดจนกว่ามิสแอนเดอร์สันจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แล้วฉันก็ได้มอบสิทธิ์การลงโทษในระดับที่อาจารย์คนหนึ่งสามารถกระทำได้ เธอเข้าใจนะ” ศาสตราจารย์สเนปจงใจเน้นเสียงช่วงหลัง เจนนี่หน้าซีดลงไปอีก
“ครับ ศาสตราจารย์” มัลฟอยตอบรับ ศาสตราจารย์สเนปยิ้มมุมปากแล้วสะบัดผ้าคลุมเดินออกไปจากสนามทันที .............คราวนี้ถึงเวลาที่กดดันจริงๆแล้ว........
“ได้ยินที่ศาสตราจารย์พูดแล้วใช่มั้ย” มัลฟอยหันมามองเจนนี่อย่างเย้ยหยัน เจนนี่ได้แต่กัดริมฝีปาก สมองของเธอเริ่มคิดถึงปาร์ตี้ในห้องนั่งเล่น แน่นอนที่เธออยากจะกลับไปสนุกกับทุกคนมากกว่าจะต้องมาเรียนขี่ไม้กวาด และยิ่งอยากมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามัลฟอยเป็นครูฝึกให้เธอ
“อืม ได้ยิน” เจนนี่ตอบห้วนๆ
“นี่ กับครูฝึกพูดให้มันดีๆหน่อย” มัลฟอยพูดอย่างกวนอารมณ์
“นายนี่มัน.....” เจนนี่เริ่มหงุดหงิด แต่มัลฟอยก็ตัดบทขึ้นมา
“เอาล่ะๆ เริ่มเลยดีกว่า วางไม้กวาดไว้ข้างตัวซะ” มัลฟอยสั่ง เจนนี่ถอนหายใจก่อนที่จะทำตาม
“ยื่นมาออกมาเหนือไม้กวาด แล้วพูดคำว่า ‘ลอย’ พูดสิ” มัลฟอยสั่งอย่างวางมาด
“ลอย” เจนนี่พูดอย่างไม่เต็มใจนัก
“ให้มันมีสมาธิหน่อย” มัลฟอยสั่งอีกพร้อมกับเดินวนรอบตัวเจนนี่
“ลอย” ไม้กวาดของเจนนี่ยังอยู่นิ่งเหมือนเดิม
“อะไร แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ แล้วเมื่อไรจะขี่เป็นล่ะ” มัลฟอยเริ่มดูถูก
“นี่ ฉันเพิ่งหัดครั้งแรกนะ จะให้ทำได้เลยได้ยังไงเล่า ฉันไม่ใช่ซีกเกอร์อย่างนายนะ” เจนนี่เริ่มหมดความอดทน มัลฟอยขมวดคิ้ว
“ปีนี้ไม่ได้มีแข่งควิดดิชนี่ เด็กใหม่อย่างเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นซีกเกอร์”  เจนนี่เงียบไม่ตอบ
“หรือว่าปลื้มฉันมากจนต้องไปสืบประวัติฉันน่ะ” มัลฟอยแกล้งเย้า
“จะบ้ารึไง กรุณาอย่านอกเรื่องหน่อยเลยครูฝึก” เจนนี่รีบหันไปเปลี่ยนเรื่อง ...เธอไม่จำเป็นจะต้องสืบเรื่องราวของเขาสักหน่อย ก็มันมีบอกในหนังสืออยู่แล้วนี่....
“ก็ได้ๆ ทีนี้ลองดูฉันทำนะ” มัลฟอยวางไม้กวาดลงข้างตัว
“ลอย” ...ฟุ่บ.....ไม้กวาดของเขาพุ่งเข้ามือของเขาอย่างง่ายดาย เจนนี่มองอย่างทึ่งเล็กน้อย
“ไม่เห็นจะยาก เอ้า ลองใหม่” เขายืดอกอย่างวางท่าแล้วสั่ง
เจนนี่ถอนหายใจหนึ่งที แล้วยื่นมือออกไป
“ลอย”...เริ่มได้ผล ไม้กวาดของเธอเริ่มขยับๆ
“อืม ดีขึ้น พยายามอีก” มัลฟอยย้ำ เจนนี่รู้สึกหมั่นไส้
“รู้แล้วน่า สั่งอยู่ได้ ลอย!”  คราวนี้ ไม้กวาดเก่าๆด้ามนั้นก็พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เจนนี่รีบคว้ามันไว้แน่น
“ดี นึกว่าจะต้องใช้เวลาทั้งคืนซะอีก” มัลฟอยเหยียดเสียง เจนนี่ขอโต้กลับบ้าง
“ถึงฉันจะไม่ได้เก่งแบบนาย แต่อย่างน้อย แฮร์รี่ก็เก่งกว่านายแล้วกัน” มัลฟอยหน้าเข้มขึ้นมาทันที
“ก้าวขึ้นไม้กวาด!” มัลฟอยสั่งอย่างแข็งกร้าวกว่าเดิมจนเจนนี่ตกใจเล็กน้อย เจนนี่ค่อยๆยกขาข้ามไม้กวาดไป มือทั้งสองจับด้ามไม้กวาดไว้ข้างหน้า
“เอาล่ะ ทีนี้ ถีบพื้นเบาๆ” เสียงของมัลฟอยยังแข็งเช่นเดิม เจนนี่ไม่ค่อยพอใจนักที่จะต้องทำตามคำสั่งแบบนี้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำตาม เธอไม่นึกอยากจะมีเรื่องกับเขานัก เพราะการที่ทำแบบนั้น แปลว่าเธอจะต้องอยู่ฝึกกับเขานานออกไปอีก หรือไม่ก็โดนลงโทษอะไรสักอย่างแน่ เจนนี่ยันเท้ากับพื้นเบาๆ ตอนนี้ ตัวเธอได้ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว แต่ยังไม่ทันถึงนาที ไม้กวาดของเธอมันก็เริ่มสั่นน้อยๆ
“ทำไมมันสั่นแบบนี้ล่ะ” เจนนี่พยายามจับไม้กวาดให้มั่น
“เธอควบคุมไม่ให้มันนิ่งไม่ได้ล่ะสิ” มัลฟอยยังไม่เลิกดูถูกเธอ
“มันอาจจะเป็นที่ไม้กวาดก็ได้นะ” เจนนี่โต้ตอบอย่างไม่พอใจ “รู้อย่างนี้ยืมไฟร์โบลของแฮร์รี่มาซะก็ดีหรอก” เจนนี่บ่นโดยไม่รู้เลยว่านั่นทำให้มัลฟอยรู้สึกโมโหขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พอตเตอร์มาสอนแทนซะเลยสิ!!” เขาขึ้นเสียงใส่จนเจนนี่เหลืออด
“ฉันทำแบบนั้นแน่ถ้าแฮร์รี่ไม่ได้เป็นตัวแทนน่ะ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้อบังคับ ฉันคงไม่มาทนเห็นหน้านายมาเป็นครูฝึกจำเป็นอย่างนี้หรอก!!”
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ ถ้าศาตราจารย์สเนปไม่ขอร้องน่ะ!” มัลฟอยตะคอกกลับอย่างเหลืออดเช่นกัน อารมณ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ยากเกินที่จะสงบศึก เจนนี่ไม่อยากจะมองหน้ามัลฟอยอีกในเวลานี้ เธอจึงตัดสินใจหันไม้กวาดแล้วทะยานขึ้นสูงทันที .............ทั้งๆที่เธอยังบังคับไม่กวาดไม่เป็นเลย
“เฮ้ย นั่นเธอทำอะไรของเธอน่ะ” มัลฟอยร้องอย่างตกใจ
“ก็ถ้านายไม่อยากมาสอนฉันนักล่ะก็ กลับไปเลย ฉันหัดเองก็ได้!” เจนนี่ตะโกนโดยไม่หันมองกลับมา
“โธ่เอ้ย ยายบ้า!” มัลฟอยรีบกระโดดขึ้นไม้กวาดตัวเองแล้วพุ่งตามเจนนี่ไป
อาการสั่นของไม้กวาดของเจนนี่เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทว่า มันรุนแรงกว่าเดิม แล้วรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม้กวาดก็ยังพาร่างเธอสูงขึ้นจากพื้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน..........
“เฮ้ย...ไม่น่ะ” เจนนี่เริ่มหวั่นวิตก มือของเธอเริ่มเย็นและชุ่มไปด้วยเหงื่อทำให้จับไม้กวาดลำบากขึ้น กว่าเดิม
“ช....ช่วยด้วย.....ฉันคุมไม้กวาดไม่ได้” เจนนี่ตะโกนในที่สุด มัลฟอยได้ยินดังนั้นจึงรีบกดหัวไม้กวาดเพื่อจะเร่งตามเจนนี่ให้ทัน จนกระทั่ง ไม้กวาดของเขาพุ่งไปเทียบเคียงกับเจนนี่
“เกิดอะไรขึ้น” มัลฟอยตะโกนถาม
“ไม้กวาดน่ะสิ  ม....มันสั่นรุนแรงมากเลย ฉันควบคุมมันไม่ได้” เจนนี่ร้องออกมาอย่างหวาดหวั่น ร่างของเธอสั่นไหวไปตามไม้กวาด เจนนี่พยายามจับให้แน่นที่สุด เธอมองลงไปยังพื้นดินซึ่งตอนนี้มันอยู่ห่างจากปลายเท้าของเธอประมาณตึกสูงสัก 5 ชั้นได้
“อย่ามองลงไป ตั้งสติหน่อย ค่อยๆกดหัวไม้กวาดลงนะ มันจะได้ลอยต่ำลง เพราะฉันช่วยเธอในความสูงขนาดนี้ไม่ได้หรอก” มัลฟอยตะโกนบอกเธอ สีหน้าของเขาเองก็เริ่มเป็นกังวลมากเช่นกัน เจนนี่พยักหน้าตอบ เธอพยายามจับด้ามไม้กวาดที่ส่ายไปมาให้อยู่มือ แล้วค่อยๆกดด้ามไม้ลง ได้ผล ไม้กวาดของเธอลอยต่ำลงๆจนอยู่เหนือพื้นประมาณเมตรกว่าๆโดยมัลฟอยก็พุ่งตัวลงต่ำตามเธอ แต่...
ไม้กวาดสั่นหนักกว่าเดิมอีก แล้วก็ไม่ยอมทำตามที่เจนนี่บังคับอีกต่อไป โชคยังดีที่ไม้กวาดของเธอพุ่งเฉียดอัฒจันทร์เพียงไม่กี่นิ้ว แล้วมันก็พุ่งหักออกมากลางสนาม มัลฟอยรีบไล่ตามไปติดๆไม่ยอมห่าง ไม้กวาดของเจนนี่ไม่สามารถกดลงต่ำให้ถึงพื้นได้อีกต่อไป คราวนี้เจนนี่กลัวจนตอนมือสั่น เธอทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไปแล้ว มัลฟอยตัดสินใจเร่งไม้กวาดให้เทียบเคียงกับเจนนี่อีกครั้ง
“เฮ้  อย่าเพิ่งปล่อยมือจากไม้กวาดจนกว่าฉันจะถึงตัวเธอนะ” มัลฟอยตะโกนบอกเจนนี่ แล้วเบียดไม้กวาดเข้ามาให้ใกล้เธอมากที่สุด ฉับพลันนั้น มัลฟอยตัดสินใจใช้แขนข้างหนึ่งโอบรวบตัวเจนนี่ไว้จนร่างเธอหลุดมาจากไม้กวาดที่ส่ายอย่างบ้าคลั่งนั่นออกมา เจนนี่รีบโอบรอบคอมัลฟอยไว้ แต่ด้วยแรงเหวี่ยง ทำให้ไม้กวาดของมัลฟอยเสียศูนย์ มัลฟอยจึงตัดสินใจปล่อยมืออีกข้างจากไม้กวาดแล้วโอบรอบเอวเจนนี่ไว้แน่น ......แล้วร่างของทั้งคู่ก็ลอยอยู่กลางอากาศ.....
ตุ้บ!!.......หลังของมัลฟอยกระแทกเข้ากับพื้นสนามควิดดิช ร่างของเขาเป็นตัวกันกระแทกให้กับเจนนี่ได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนที่มัลฟอยจะรู้สึกเจ็บ เขากลับรีบลืมตาขึ้นเพราะมีบางอย่างอุ่นๆแนบกับในหน้าของเขา แล้วเขาก็ต้องเบิกตาโพลง......
ใบหน้าของเจนนี่แนบชิดบนใบหน้าของมัลฟอยโดยบังเอิญ ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอย่างพอดิบพอดี เจนนี่ลืมตาขึ้นแล้วก็เบิกตาโพลงพร้อมกันกับมัลฟอย เธอรีบผลักตัวเองขึ้นแต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะมัลฟอยใช้มือกดหัวเธอ แขนอีกข้างของเขาก็โอบรอบเอวเธอไว้ และที่สำคัญ ริมฝีปากของเขาเริ่มขยับช้าๆ..................
เจนนี่ขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว หัวใจของเธอเต้นโครมครามจนเธอทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว ริมฝีปากบางนุ่มของมัลฟอยเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนจนเจนนี่แทบจะไร้เรี่ยวแรงตอบโต้ แขนของมัลฟอยเริ่มโอบเธอแน่นขึ้น  ....แน่นขึ้น......
แต่แล้ว.....เจนนี่พยายามรวบรวมสติและเรี่ยวแรงทั้งหมดอีกครั้ง ในที่สุด เธอก็หลุดจากพันธนาการของมัลฟอยได้ เจนนี่จึงรีบถอยหนีออกห่างทันที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนที่เธอคิดว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักชื่อผ่านหนังสือเป็นคนที่ขโมยจูบแรกของเธอไป ........
  มัลฟอยเองก็ดูท่าจะเพิ่งได้สติเช่นกัน เขายันตัวขึ้นนั่ง แสงไฟที่ถูกเสกขึ้นส่องลงมาในสนามทำให้เห็นได้ชัดว่าหน้าของเขาแดงก่ำพอๆกับลูกแอปเปิ้ลเลยทีเดียว มัลฟอยอ้าปากจะพูด แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ” ในที่สุดเจนนี่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น หน้าเธอแดงไม่แพ้กัน
“ก็.......เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนะ” มัลฟอยว่าดื้อๆ เจนนี่หน้าแดงหนักกว่าเดิม ตอนนี้เธอทั้งอายและโกรธมาก
“จะบ้ารึไง นายก็รู้ว่า นั่นมันอุบัติเหตุ” เจนนี่ใช้มือทุบพื้นเพราะทำอะไรไม่ถูก
“อ............ไอ้คนฉวยโอกาส” เจนนี่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกไปจากสนามทันที
มัลฟอยยังคงนั่งเงียบอยู่กลางสนามควิดดิช พลางใช้มือลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ เขาทำแบบนั้นอยู่นาน..........
“นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย” มัลฟอยเริ่มคิดหนัก สิ่งที่เขาอยากให้เป็นกับสิ่งที่เขาทำลงไปมันช่างขัดแย้งกันเสียเหลือเกิน เขาพยายามบอกกับตัวเองทุกวันว่าเขาเกลียด เกลียดคนหลอกลวง เธอเป็นคนหลอกลวง แต่การกระทำของเขา กลับออกมาในทางตรงกันข้ามทุกที มัลฟอยสะบัดหน้าเพื่อไล่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไป แล้วดันตัวเองลุกขึ้นยืน
“โอ้ย” มัลฟอยเพิ่งจะรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ มันไม่ได้เจ็บเพียงเพราะแรงกระแทกเท่านั้น มัลฟอยเปิดเสื้อดูหัวไหล่ตัวเอง รอยแผลไฟลวกของเขาเลือดออกเพราะถูกกระแทกซ้ำ มัลฟอยถอนหายใจ
“ช่วยเธอทีไร มีแต่เรื่องทุกที” ........
********************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น