ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 ฮังการีหางหนาม
วันเปิดเทอมวันแรกของเจนนี่ไม่ได้ดีอย่างที่เธอคาดไว้เท่าไรนัก แต่ถึงแม้จะต้องโดนทำโทษในวันแรก ก็ยังมีเรื่องสนุกๆแปลกใหม่มากมายมาให้ทำตลอดทั้งวัน ทำให้เจนนี่ไม่รู้สึกเบื่อ แม้แต่ในวิชาพยากรณ์ศาสตร์เจนนี่ก็ยังสนุกกับการแอบอ่านตำราโชคชะตาและดวงดาวในระหว่างที่คนอื่นๆต้องทนฟังศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์พร่ำเพ้อว่าผู้ที่เกิดในเดือนกรกฎาคมจะอยู่ในอันตรายถึงตายอย่างทารุณและในฉับพลันทันที(แฮร์รี่ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปอีกจนต้องประชดศาสตราจารย์ไปว่า “ดีเลย ขอแค่ว่าอย่ายืดเยื้อแล้วกัน ผมไม่อยากทรมาน” ***) และเมื่อถึงคราวที่เจนนี่โดนศาสตราจารย์ถาม เธอก็สามารถนำความรู้จากการที่เธอแอบอ่านมาตอบได้ ทำให้เธอรอดตัวและยังได้คะแนนเพิ่มอีกด้วย
“เธอน่าจะมาเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์กับฉันนะ ฉันว่ามันสนุกกว่ากันเยอะเลย แล้วก็มีสาระมากกว่าด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พยายามชักชวนเจนนี่เต็มที่ในช่วงเวลาอาหารค่ำ  เจนนี่ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่ามันก็สนุกดีนะ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องคำทำนายว่ามันจะแม่นหรือไม่แม่นสักเท่าไรหรอก ฉันสนุกตรงที่ได้แอบอ่านอะไรแปลกๆใหม่ๆในระหว่างที่ศาสตราจารย์เผลอมากกว่า” เจนนี่ยืนยันคำเดิม
“มะ-มี-ใคร-เค้า-อยาก-เรีย-น-ตัว-เล-ข-บ้าๆ-แบบ-เธอ-หรอ-ก” รอนพูดอยางลำบากเพราะมีไก่งวงอยู่เต็มปาก
“ถ้าไม่มีอะไรดีๆจะพูดก็ไม่ต้องพูดดีกว่านะรอน” เฮอร์ไมโอนี่แหวใส่
แฮร์รี่วางมีดส้อมดังเกร้งอย่างหงุดหงิดใจ แล้วหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“เฮอร์ไมโอนี่ เรารีบไปกันดีกว่านะ” แฮร์รี่ยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่มแล้วลุกขึ้นยืน
“ไปตอนนี้เลยเหรอ เธอยังทานไม่หมดเลยนะแฮร์รี่” จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ว่า จานอาหารของแฮร์รี่ยังเหลือชิ้นไก่งวง และมันบดกองอยู่เกือบเต็มจาน
“ช่างเถอะน่า” แฮร์รี่บอกปัดพลางดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้น แล้วทั้งคู่ก็รีบออกไปจากห้องโถงอย่างเร่งรีบ เจนนี่รู้ว่าทั้งคู่จะไปแอบฝึกคาถาเรียกของ
“เชอะ” รอนแอบบ่น แต่ว่าเจนนี่ได้ยินพอดี
“ฉันว่านายเลิกอคติแฮร์รี่เขาดีกว่านะ เธอกำลังเข้าใจเขาผิดนะรอน” เจนนี่พูดเปรยๆ รอนชะงักไปเล็กน้อย
“แล้วเธอจะเข้าใจอะไรล่ะ” รอนทำหน้าเหมือนไม่สนใจ แต่มือกำส้อมไว้แน่น
“ถ้าเธอเห็นเขาในภารกิจแรก เธอจะรู้เอง ว่าเขาไม่มีวันที่จะอยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอก” เจนนี่พูดอย่างจริงจัง รอนเงียบไปทันที
“ฉันก็ต้องไปแล้วล่ะรอน ก่อนที่จะโดนทำโทษเพิ่มอีก เฮ้อ” เจนนี่บอกรอนอย่างเบื่อๆ
“อืม.....” รอนตอบสั้นๆ
“ฉันไปก่อนนะ” แล้วเจนนี่ก็เดินออกไปจากห้องโถง
***อ้างอิงจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี หน้า395
*********************
เรือนกระจกเวลานี้มืดยากเกินที่จะมองให้เห็นทางด้วยตัวเอง เจนนี่พยายามเพ่งมองทางให้เห็นมากที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้เธอชนกับบางอย่างเข้าอย่างจัง
ปึ้ง!!!! พลั่ก .........เสียงของคนสองคนล้มลงอย่างไม่เป็นท่า ตามมาด้วยเสียงพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไรเนี่ย ลูมอส” มัลฟอยนั่นเอง เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ที่มีไฟสว่างตรงปลายไปยังต้นเหตุที่ทำให้เขาล้มลง
“อ้อ ...เธอนั่นเอง ยายซุ่มซ่าม” น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นลงทันที
“ขอโทษ” เจนนี่ตอบห้วนๆ แล้วรีบหันหน้าหนีทันที
“จะว่าไปคาถาจุดไฟมันก็ไม่ได้ยากไปกว่าคาถาฉีกขาดเท่าไรเลยนะ แต่กลับใช้ไม่เป็น ถึงได้ซุ่มซ่ามอยู่อย่างนี้” มัลฟอยพูดเสียงเหยียด เจนนี่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โต้ตอบเขา เธอรีบหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
“ลูมอส” แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของเจนนี่เช่นเดียวกับมัลฟอย แล้วทั้งคู่ก็เดินไปข้างในเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆ มัลฟอยก็หยุดเดิน
“นายหยุดทำไมน่ะ” เจนนี่ถาม แต่มัลฟอยกลับจุ๊ปาก
“ชู่ว....ฉันว่าฉันได้ยินอะไรบางอย่างน่ะ” ทั้งคู่เงียบลงแล้วเงี่ยหูฟัง............
เสียง ครืด........ครืด..ดังขึ้นเบาๆไม่ไกลจากทั้งคู่มากนัก ฟังดูเหมือนบางอย่างขนาดมหึมากำลังลากขาเดินผ่านไป ทั้งคู่รีบชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังต้นเสียง แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
“เมื่อกี้มันอะไรน่ะ” เจนนี่ถามอย่างหวาดๆ มัลฟอยได้แต่ส่ายหน้า เขาหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัดแม้ในที่มืดแบบนี้
“มากันพร้อมแล้วนะ” เสียงของศาสตราจารย์สเปราต์ดังขึ้น ทั้งคู่สะดุ้งโหยง ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฉันแค่จะมาบอกพวกเธอว่าจะต้องทำอะไรบ้างนะ เพราะอีกเดี๋ยวฉันต้องไปช่วยมาดามพรอมฟรีย์เตรียมยาไว้ใช้สำหรับภารกิจแรกในวันพรุ่งนี้ ..” แต่ศาสตราจารย์ยังไม่ทันจะพูดจบ
“เอ่อ........หนูจะต้องอยู่กับเขาตามลำพังเหรอคะ” เจนนี่พูดขัดขึ้นมา ใบหน้าเริ่มหน้าถอดสี ส่วนมัลฟอยได้เพียงแต่กัดฟันกรอด
“ใช่จ้ะ ฉันจะให้พวกเธอเด็ดพวกวัชพืชตามกระถางสมุนไพรต่างๆให้หมด เสร็จแล้วจึงจะกลับขึ้นปราสาทได้ ไม่ยากเลย หวังว่าพวกเธอคงจะไม่มีปัญหาอะไรนะจ้ะ ....แล้วก็เลิกคิดเรื่องอู้งานได้เลย ฉันมีหลายวิธีที่จะสืบรู้ได้ว่าพวกเธอทำงานหรือเปล่า พวกเธอเข้าใจนะว่าจะต้องทำยังไง” ศาสตราจารย์มองหน้านักเรียนทั้งสอง
“ครับ/ค่ะ”มัลฟอยกับเจนนี่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
“ดีมาก อ้อ ใช่.....พวกเธอห้ามใช้คาถาเสกแสงแดดนะ เวลานี้สมุนไพรของฉันห้ามโดนแสงแดดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันจะมีการสันดาปสูงเกินไป เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว” ศาสตราจารย์สเปราต์กำชับก่อนที่จะรีบเดินออกไปจากเรือนกระจก
“เฮอะ ไม่ให้ใช้คาถาแสงแดด แล้วฉันจะมองเห็นที่มืดๆแบบนี้ได้ยังไง แสงจากคาถาลูมอสมันสว่างพอที่ไหนกันล่ะ” มัลฟอยบ่นยาว จนเจนนี่รู้สึกรำคาญ
“นี่ นายเอาเวลาที่บ่นมาช่วยกันทำงานจะดีกว่าเยอะเลยนะ” เจนนี่พูดเหน็บแนมเล็กน้อย ก่อนที่จะถกแขนเสื้อขึ้น  แล้วเอาไม้กายสิทธิ์ที่มีแสงตรงปลายเหน็บหูไว้
“นั่นเธอทำอะไรน่ะ” มัลฟอยมองท่าทีของเจนนี่อย่างสงสัย
“นายจะให้ฉันถือไม้กายสิทธิ์ส่องไฟข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเด็ดวัชพืชงั้นเหรอ แล้วเมื่อไรจะเสร็จล่ะ” เจนนี่หันไปเหน็บแนมอีกที แล้วเริ่มลงมือดึงวัชพืชออกจากกระถางสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า
“ฉลาดนี่” มัลฟอยเบ้หน้า  เขายืนกอดอกแล้วมองดูเจนนี่ที่กำลังขะมักเขม้นกับการกำจัดวัชพืช เจนนี่เงยหน้าขึ้นมาอีกที
“นี่ มาช่วยกันหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร นี่มันงานของคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับฉันนี่ เธอเหมาะเธอก็ทำไปสิ” มัลฟอยพูดอย่างดูถูกเช่นเคย เจนนี่แกล้งยิ้มเก้อๆ
“ถ้าอย่างนั้น นายก็คงได้ถูกกักบริเวณที่นี่คนเดียวอีกหลายๆคืนล่ะ ศาสตราจารย์เธอบอกแล้วนี่ ว่ามีหลายวิธีที่จะรู้ว่าใครอู้ได้น่ะ” เจนนี่แกล้งพูดโดยไม่มองหน้ามัลฟอย ก่อนที่จะลงมือต่อ
“เชอะ ก็ได้ๆ ฉันช่วยก็ได้” มัลฟอยบ่นอย่างจนปัญญา เขาเอาไม้กายสิทธิ์เหน็บไว้ที่หูเช่นเดียวกับเจนนี่แล้วพับแขนเสื้อขึ้นโดยไม่ทิ้งมาดในแบบของเขา
******************************
“เฮ้อ เสร็จซะที”เจนนี่พลางเอาไม้กายสิทธิ์ออกจากหูมาถือไว้และยกมืออีกข้างขึ้นปาดเหงื่อ ทำให้ดินจากมือเปื้อนหน้าโดยไม่รู้ตัว มัลฟอยหันมาเห็นพอดีจึงปล่อยหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไรของนายน่ะ”
“ก็ ขำยายซุ่มซ่ามที่ปล่อยให้ดินเลอะหน้าน่ะสิ” มัลฟอยพูดไปหัวเราะไป เจนนี่จึงรีบเอามือเช็ดหน้าอีก มันกลับทำให้เลอะเทอะมากกว่าเดิม
“เอ้าๆ มือเธอเปื้อนอย่างนั้น เอามาเช็ดก็ยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่” มัลฟอยส่ายหัวอย่างนึกขำก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วบรรจงเช็ดคราบดินบนใบหน้าของเจนนี่ เจนนี่หันไปมองเขาอย่างตกใจ มัลฟอยยังคงค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าลูบไล้บนใบหน้าที่เนียนละเอียดเธอต่อ พลางมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างที่เจนนี่ไม่เคยเห็น นั่นทำให้เจนนี่รู้สึกใจสั่นแปลกๆขึ้นมา หากนี่ไม่ใช่เวลากลางคืน มัลฟอยคงจะเห็นแล้วว่าหน้าเจนนี่ตอนนี้แดงก่ำแค่ไหน
“เอ้อ.......ฉันเช็ดเองได้” ในที่สุด เจนนี่ก็โพล่งขึ้นมา พลางคว้าผ้าเช็ดหน้าจากมือของเขามาเช็ดหน้าแก้เขิน มัลฟอยเองก็เพิ่งจะได้สติ เขารีบหันหน้าหนีแล้วกัดปากตัวเองอย่างแค้นใจ
..............นี่ฉันทำอะไรลงไป .........หรือว่าฉัน.....ไม่ใช่!!!.....ฉันเกลียดเธอ........ฉันเกลียดเธอ!!!
“เอ่อ....มัลฟอย” เจนนี่เรียกเขาเพื่อที่จะคืนผ้าเช็ดหน้า แต่เธอก็ต้องนิ่งค้างไปเมื่อมัลฟอยหันกลับมองเธอด้วยสายตาที่กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม
“ไม่ต้องคืนฉันหรอก ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ มันสกปรกแล้ว ฉันไม่ต้องการมันอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยแล้วเดินผ่านหน้าเธอไป เจนนี่รู้สึกเหมือนถูกชกหน้าแรงๆ เธอกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ก่อนที่จะหันหลังเดินตามมัลฟอยออกไป
“นี่ ทำไมนายต้องทำเหมือนกับเราเป็นศัตรูกันด้วยนะ” เจนนี่พูดเสียงสั่นอย่างหมดความอดทนหลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากเรือนกระจกแล้วกำลังมุ่งหน้ากลับเข้าปราสาท
“เธอเข้าใจผิดแล้ว” มัลฟอยหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับเธอ
“ฉันไม่ได้ทำเหมือนเราเป็นศัตรู แต่เราสองคน เป็นศัตรูกันจริงๆต่างหากล่ะ!!!” เขากระแทกเสียงใส่  เจนนี่น้ำตาร่วงเผาะอย่างห้ามไม่ได้ มัลฟอยถึงกับพูดไม่ออก ในใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่เห็นน้ำตาหยดแรกของเธอ แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกไว้ มัลฟอยจึงรีบหันหลังทันที
“ก็ได้ งั้น เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว!!!” เจนนี่ตะโกนด้วยเสียงสั่นเครือแล้ววิ่งจากเขาไป มัลฟอยทำได้เพียงแค่กำมือแน่น  ก่อนที่จะพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอยู่ก้าวขาเดินกลับเข้าปราสาท
แต่เมื่อเขาผ่านประตูเข้ามาในปราสาทได้เพียงก้าวเดียว ......
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ ยายนั่นไม่ได้วิ่งมาทางนี้นี่นา” มัลฟอยเริ่มฉุกคิด แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวไล่ความคิดออกไป
“ช่างสิ จะไปไหนก็เรื่องของเธอ” แล้วมัลฟอยก็เริ่มก้าวเดินต่อไป แต่แค่สองสามก้าว เขาก็หยุดอีก.....
****************************
เจนนี่วิ่งมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย พลางเอามือปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายโดยไม่ยอมใช้ผ้าเช็ดหน้าที่กำแน่นไว้ในมือเลยแม้แต่น้อย เจนนี่วิ่งมาไกลพอสมควรจึงหยุดวิ่ง แล้วเริ่มปล่อยโฮออกมา
“มันสมควรแล้วนี่!!! ฮืออออ........ฉันไปหลอกเขาเอง......ฮือออออออ” เจนนี่พร่ำเพ้อไปสะอื้นไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ครืน.....ครืน.......เสียงเหมือนของที่หนักมากกระทบกับพื้นเป็นจังหวะๆ เจนนี่รู้สึกได้ว่าต้นเสียงอยู่ไม่ไกลจากตัวเธอเลยเพราะพื้นที่เธอยืนอยู่สั่นสะเทือนแรงพอควร เจนนี่จึงเอามือเช็ดน้ำตาอีกครั้งแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเธอก็แทบจะสิ้นสติไปเดี๋ยวนั้น
สัตว์หน้าตาประหลาดขนาดมหึมาที่กำลังคืบคลานผ่านหน้าเจนนี่ไปอย่างช้าๆ  มันดูราวกับกิ้งก่าที่มีเกล็ดสีดำขนาดประมาณสักตึกสองชั้น ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นในบริเวณโดยรอบสั่นสะเทือน จนใบไม้บนต้นไม้ใหญ่แถวนั้นร่วงพรูลงมาแทบหมดต้น เขาและหางสีบรอนซ์ของมันสะท้อนแสงจางๆเข้าตาเจนนี่ และที่แย่ไปกว่านั้น ตาคู่โตสีเหลืองสดของเจ้ามังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามได้หันมาทางเจนนี่เข้าพอดี มันเริ่มส่งเสียงผ่านจมูกที่มีควันระอุของมันเป็นการขู่
“ย........แย่แล้ว” เจนนี่อุทานอย่างสั่นๆ สมองเธอพยายามสั่งให้วิ่งหนี แต่ขาของเธอกลับไม่ยอมทำตาม เลย นอกจากสั่นอยู่กับที่เท่านั้น
เจ้าฮังการีหางหนามเปลี่ยนทิศมาทางเจนนี่อย่างรวดเร็ว แล้วส่งเสียงคำรามดังลั่น ลมหายใจร้อนระอุพุ่งผ่านตัวเจนนี่ไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนเจนนี่ล้มลงไปกองกับพื้น มันเริ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอแล้วแยกเขี้ยวกว้างอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มส่งเสียงคำรามต่อ แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่เพียงลมหายใจออกมาเท่านั้น เปลวไฟเริ่มผ่านช่องจมูกของมันแล้วมุ่งหน้าเข้าหาเจนนี่ทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด..................” เจนนี่กรีดร้องและหลับตาสนิท ความรู้สึกประหลาดๆได้พุ่งพล่านเข้ามาในตัวเธออีกครั้ง ทันใดนั้น แสงสีขาวสว่างวาบเจิดจ้าขึ้นกลางลำตัวเจนนี่เหมือนคราวที่แพนซี่ทำร้ายเธอได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เจนนี่~ ~ ~ ~ ~ ~ ~” นี่คือเสียงสุดท้ายที่เจนนี่ได้ยิน ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลง
**************************
...........เจนนี่........เธออย่าเป็นอะไรนะ....
เจนนี่............
เจนนี่..............................................
เสียงนี้ยังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ มันดังขึ้นเรื่อยๆจนเจนนี่สะดุ้งตื่น
“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้น เจนนี่รีบหรี่ตาลงเพราะแสงแดดจากหน้าต่างเข้าตาเร็วเกินไป แล้วเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ
“ห้องพยาบาลงั้นเหรอ”
“ใช่จ้ะ ห้องพยาบาล นี่ ยาของเธอ เธอต้องทานเดี๋ยวนี้เลยนะ มิสแอนเดอร์สัน” เจ้าของเสียงคนเดิมเดินเข้ามาหาเจนนี่แล้วส่งยาให้ ........มาดามพรอมฟรีย์นั่นเอง
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” เจนนี่รับยามาแล้วเอ่ยถาม
“เอ่อ....เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคอกมังกรพาเธอมาส่งน่ะจ้ะ โชคร้ายที่เมื่อคืนมังกรหลุดออกมาจากคอก แล้วเธอก็บังเอิญไปเจอกับมันเข้า ยังดีที่เจ้าหน้าที่20กว่าคนนั้นมาจัดการทันเวลา เหลือเชื่อจริงๆที่เธอไม่มีบาดแผลสักแผลทั้งๆที่อยู่ใกล้มังกรขนาดนั้น” มาดามพรอมฟรีย์พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอไปทำอะไรที่นั้นยามวิกาลแบบนั้น มิสแอนเดอร์สัน”มาดามพรอมฟรีย์ถามต่อ เจนนี่อึกอักที่จะตอบ
“คือ.......หนูอยากออกมาดูดาวค่ะ” เจนนี่โกหก
“ดูดาวเรอะ ฉันคิดว่าเธอควรจะลดความโรแมนติกในตัวเองบ้างล่ะนะ เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง อาล่ะ ทานยาแล้วนอนพักซะ” มาดามพรอมฟรีย์สั่ง แล้วเดินกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์
หลังจากที่เจนนี่ทานยาเสร็จก็ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า แล้วเริ่มคิด
........เสียงของใครกันที่เรียกฉัน......ในฝันนั่น............
เจนนี่..................
เจนนี่.............เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ ...........เจนนี่................
เจนนี่เอามือก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม แล้วสะบัดหัวเบาๆเพื่อที่จะไม่นึกถึงมัน เจนนี่พลิกตัวนอนตะแคงเพื่อที่จะพักผ่อนตามคำสั่งของมาดามพรอมฟรีย์ แต่แล้ว เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เฮ้ย วันนี้มัน................ภารกิจแรก!!” เจนนี่ลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที แล้ววิ่งผ่านเคาน์เตอร์ออกไป
“เดี๋ยว มิสแอนเดอร์สัน เธอไปไหนไม่ได้นะตอนนี้ เธอต้องพักผ่อนก่อน” มาดามพรอมฟรีย์ตะโกนดุตามหลังเจนนี่ไป เจนนี่จึงหันกลับมาตะโกนบอกกว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะมาดาม หนูต้องไปดูเพื่อนแข่งในภารกิจแรกค่ะ” แล้วเจนนี่ก็วิ่งหายไปทันที
“เฮ้อ.....เด็กสมัยนี้พิลึกจริง คนแรกก็ห้ามฉันไม่ให้บอกว่าว่าเขาเป็นคนช่วยและพามาส่งที่นี่ อีกคนก็พรวดพราดออกไปทั้งๆที่เพิ่งจะทานยาไป” มาดามพรอมฟรีย์ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ แล้วเริ่มลงมือจัดเตรียมยาที่ทำจากยอดของพุ่มอมฤตที่เตรียมไว้เมื่อคืนนี้ลงถาดเพื่อจะนำไปใช้ในภารกิจแรก
“ขอโทษครับ” มัลฟอยก้าวเข้ามาในห้องพยาบาลแล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท มาดามพรอมฟรีย์จึงละสายตาจากถาดยาขึ้นมามอง
“อ้อ เธอนั่นเอง แผลที่ถูกไฟลวกเป็นอย่างไรบ้าง ยาที่ฉันให้ไปเธอทาหรือเปล่า”
“เอ่อ ครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว เอ่อ แล้ว........”มัลฟอยพูดพลางสอดสายตามาในห้องพยาบาล
“เพื่อนของเธอออกไปแล้วล่ะ คลาดกันนิดเดียวนะ” มาดามรู้คำถามของมัลฟอย
“เขาไปไหน” มัลฟอยถามด้วยเสียงที่กระด้างกว่าเดิม
“เห็นบอกว่าจะไปดูเพื่อนที่จะแข่งไตรภาคีน่ะ อ้อ ฉันเตรียมยาทาแก้ไฟลวกขวดที่สองให้เธอแล้ว รับไปซะ” มาดามหยิบขวดยาออกมาจากลิ้นชักแล้วส่งให้มัลฟอย
“ไม่ต้อง” มัลฟอยตอบห้วนๆแล้วหันหลังเดินสาวเท้าออกไปจากห้องพยาบาลทันที มาดามพรอมฟรีย์ส่ายหน้าอีกครั้งแล้วเก็บขวดยากลับเข้าที่เดิม
“ยายบ้าเอ้ย......ห่วงแต่คนอื่น ไม่ยักกะห่วงตัวเอง เชอะ” มัลฟอยบ่นตลอดทาง เขาเลี้ยวตรงหัวมุมกำแพงเข้าไปทางที่ไม่มีคนเดินอยู่ ก่อนที่จะชกกำแพงดังลั่น .....ปึง!!!!.......
“นี่เราทำอะไรลงไป.........ทำไมเราห้ามตัวเองไม่ได้”........มัลฟอยปล่อยคำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด  มือข้างที่ชกกำแพงเป็นรอยห้อเลือดขึ้น เขาหันหลังเข้าหากำแพง แล้วพิงอย่างเหนื่อยใจ
...........ฉันเกลียดเธอ.............ฉันเกลียดเธอ ยายคนหลอกลวง!!!!! เขาพยายามจะตอกย้ำความคิดนี้เข้าไปในจิตใจให้มากที่สุด แต่ดูช่างยากเย็นเหลือเกิน
****************************
“เธอน่าจะมาเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์กับฉันนะ ฉันว่ามันสนุกกว่ากันเยอะเลย แล้วก็มีสาระมากกว่าด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พยายามชักชวนเจนนี่เต็มที่ในช่วงเวลาอาหารค่ำ  เจนนี่ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่ามันก็สนุกดีนะ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องคำทำนายว่ามันจะแม่นหรือไม่แม่นสักเท่าไรหรอก ฉันสนุกตรงที่ได้แอบอ่านอะไรแปลกๆใหม่ๆในระหว่างที่ศาสตราจารย์เผลอมากกว่า” เจนนี่ยืนยันคำเดิม
“มะ-มี-ใคร-เค้า-อยาก-เรีย-น-ตัว-เล-ข-บ้าๆ-แบบ-เธอ-หรอ-ก” รอนพูดอยางลำบากเพราะมีไก่งวงอยู่เต็มปาก
“ถ้าไม่มีอะไรดีๆจะพูดก็ไม่ต้องพูดดีกว่านะรอน” เฮอร์ไมโอนี่แหวใส่
แฮร์รี่วางมีดส้อมดังเกร้งอย่างหงุดหงิดใจ แล้วหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“เฮอร์ไมโอนี่ เรารีบไปกันดีกว่านะ” แฮร์รี่ยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นดื่มแล้วลุกขึ้นยืน
“ไปตอนนี้เลยเหรอ เธอยังทานไม่หมดเลยนะแฮร์รี่” จริงอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ว่า จานอาหารของแฮร์รี่ยังเหลือชิ้นไก่งวง และมันบดกองอยู่เกือบเต็มจาน
“ช่างเถอะน่า” แฮร์รี่บอกปัดพลางดึงแขนเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้น แล้วทั้งคู่ก็รีบออกไปจากห้องโถงอย่างเร่งรีบ เจนนี่รู้ว่าทั้งคู่จะไปแอบฝึกคาถาเรียกของ
“เชอะ” รอนแอบบ่น แต่ว่าเจนนี่ได้ยินพอดี
“ฉันว่านายเลิกอคติแฮร์รี่เขาดีกว่านะ เธอกำลังเข้าใจเขาผิดนะรอน” เจนนี่พูดเปรยๆ รอนชะงักไปเล็กน้อย
“แล้วเธอจะเข้าใจอะไรล่ะ” รอนทำหน้าเหมือนไม่สนใจ แต่มือกำส้อมไว้แน่น
“ถ้าเธอเห็นเขาในภารกิจแรก เธอจะรู้เอง ว่าเขาไม่มีวันที่จะอยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอก” เจนนี่พูดอย่างจริงจัง รอนเงียบไปทันที
“ฉันก็ต้องไปแล้วล่ะรอน ก่อนที่จะโดนทำโทษเพิ่มอีก เฮ้อ” เจนนี่บอกรอนอย่างเบื่อๆ
“อืม.....” รอนตอบสั้นๆ
“ฉันไปก่อนนะ” แล้วเจนนี่ก็เดินออกไปจากห้องโถง
***อ้างอิงจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี หน้า395
*********************
เรือนกระจกเวลานี้มืดยากเกินที่จะมองให้เห็นทางด้วยตัวเอง เจนนี่พยายามเพ่งมองทางให้เห็นมากที่สุด แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้เธอชนกับบางอย่างเข้าอย่างจัง
ปึ้ง!!!! พลั่ก .........เสียงของคนสองคนล้มลงอย่างไม่เป็นท่า ตามมาด้วยเสียงพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไรเนี่ย ลูมอส” มัลฟอยนั่นเอง เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ที่มีไฟสว่างตรงปลายไปยังต้นเหตุที่ทำให้เขาล้มลง
“อ้อ ...เธอนั่นเอง ยายซุ่มซ่าม” น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นลงทันที
“ขอโทษ” เจนนี่ตอบห้วนๆ แล้วรีบหันหน้าหนีทันที
“จะว่าไปคาถาจุดไฟมันก็ไม่ได้ยากไปกว่าคาถาฉีกขาดเท่าไรเลยนะ แต่กลับใช้ไม่เป็น ถึงได้ซุ่มซ่ามอยู่อย่างนี้” มัลฟอยพูดเสียงเหยียด เจนนี่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โต้ตอบเขา เธอรีบหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
“ลูมอส” แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของเจนนี่เช่นเดียวกับมัลฟอย แล้วทั้งคู่ก็เดินไปข้างในเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆ มัลฟอยก็หยุดเดิน
“นายหยุดทำไมน่ะ” เจนนี่ถาม แต่มัลฟอยกลับจุ๊ปาก
“ชู่ว....ฉันว่าฉันได้ยินอะไรบางอย่างน่ะ” ทั้งคู่เงียบลงแล้วเงี่ยหูฟัง............
เสียง ครืด........ครืด..ดังขึ้นเบาๆไม่ไกลจากทั้งคู่มากนัก ฟังดูเหมือนบางอย่างขนาดมหึมากำลังลากขาเดินผ่านไป ทั้งคู่รีบชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังต้นเสียง แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า
“เมื่อกี้มันอะไรน่ะ” เจนนี่ถามอย่างหวาดๆ มัลฟอยได้แต่ส่ายหน้า เขาหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัดแม้ในที่มืดแบบนี้
“มากันพร้อมแล้วนะ” เสียงของศาสตราจารย์สเปราต์ดังขึ้น ทั้งคู่สะดุ้งโหยง ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฉันแค่จะมาบอกพวกเธอว่าจะต้องทำอะไรบ้างนะ เพราะอีกเดี๋ยวฉันต้องไปช่วยมาดามพรอมฟรีย์เตรียมยาไว้ใช้สำหรับภารกิจแรกในวันพรุ่งนี้ ..” แต่ศาสตราจารย์ยังไม่ทันจะพูดจบ
“เอ่อ........หนูจะต้องอยู่กับเขาตามลำพังเหรอคะ” เจนนี่พูดขัดขึ้นมา ใบหน้าเริ่มหน้าถอดสี ส่วนมัลฟอยได้เพียงแต่กัดฟันกรอด
“ใช่จ้ะ ฉันจะให้พวกเธอเด็ดพวกวัชพืชตามกระถางสมุนไพรต่างๆให้หมด เสร็จแล้วจึงจะกลับขึ้นปราสาทได้ ไม่ยากเลย หวังว่าพวกเธอคงจะไม่มีปัญหาอะไรนะจ้ะ ....แล้วก็เลิกคิดเรื่องอู้งานได้เลย ฉันมีหลายวิธีที่จะสืบรู้ได้ว่าพวกเธอทำงานหรือเปล่า พวกเธอเข้าใจนะว่าจะต้องทำยังไง” ศาสตราจารย์มองหน้านักเรียนทั้งสอง
“ครับ/ค่ะ”มัลฟอยกับเจนนี่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
“ดีมาก อ้อ ใช่.....พวกเธอห้ามใช้คาถาเสกแสงแดดนะ เวลานี้สมุนไพรของฉันห้ามโดนแสงแดดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันจะมีการสันดาปสูงเกินไป เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว” ศาสตราจารย์สเปราต์กำชับก่อนที่จะรีบเดินออกไปจากเรือนกระจก
“เฮอะ ไม่ให้ใช้คาถาแสงแดด แล้วฉันจะมองเห็นที่มืดๆแบบนี้ได้ยังไง แสงจากคาถาลูมอสมันสว่างพอที่ไหนกันล่ะ” มัลฟอยบ่นยาว จนเจนนี่รู้สึกรำคาญ
“นี่ นายเอาเวลาที่บ่นมาช่วยกันทำงานจะดีกว่าเยอะเลยนะ” เจนนี่พูดเหน็บแนมเล็กน้อย ก่อนที่จะถกแขนเสื้อขึ้น  แล้วเอาไม้กายสิทธิ์ที่มีแสงตรงปลายเหน็บหูไว้
“นั่นเธอทำอะไรน่ะ” มัลฟอยมองท่าทีของเจนนี่อย่างสงสัย
“นายจะให้ฉันถือไม้กายสิทธิ์ส่องไฟข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเด็ดวัชพืชงั้นเหรอ แล้วเมื่อไรจะเสร็จล่ะ” เจนนี่หันไปเหน็บแนมอีกที แล้วเริ่มลงมือดึงวัชพืชออกจากกระถางสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า
“ฉลาดนี่” มัลฟอยเบ้หน้า  เขายืนกอดอกแล้วมองดูเจนนี่ที่กำลังขะมักเขม้นกับการกำจัดวัชพืช เจนนี่เงยหน้าขึ้นมาอีกที
“นี่ มาช่วยกันหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร นี่มันงานของคนชั้นต่ำ ไม่เหมาะกับฉันนี่ เธอเหมาะเธอก็ทำไปสิ” มัลฟอยพูดอย่างดูถูกเช่นเคย เจนนี่แกล้งยิ้มเก้อๆ
“ถ้าอย่างนั้น นายก็คงได้ถูกกักบริเวณที่นี่คนเดียวอีกหลายๆคืนล่ะ ศาสตราจารย์เธอบอกแล้วนี่ ว่ามีหลายวิธีที่จะรู้ว่าใครอู้ได้น่ะ” เจนนี่แกล้งพูดโดยไม่มองหน้ามัลฟอย ก่อนที่จะลงมือต่อ
“เชอะ ก็ได้ๆ ฉันช่วยก็ได้” มัลฟอยบ่นอย่างจนปัญญา เขาเอาไม้กายสิทธิ์เหน็บไว้ที่หูเช่นเดียวกับเจนนี่แล้วพับแขนเสื้อขึ้นโดยไม่ทิ้งมาดในแบบของเขา
******************************
“เฮ้อ เสร็จซะที”เจนนี่พลางเอาไม้กายสิทธิ์ออกจากหูมาถือไว้และยกมืออีกข้างขึ้นปาดเหงื่อ ทำให้ดินจากมือเปื้อนหน้าโดยไม่รู้ตัว มัลฟอยหันมาเห็นพอดีจึงปล่อยหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไรของนายน่ะ”
“ก็ ขำยายซุ่มซ่ามที่ปล่อยให้ดินเลอะหน้าน่ะสิ” มัลฟอยพูดไปหัวเราะไป เจนนี่จึงรีบเอามือเช็ดหน้าอีก มันกลับทำให้เลอะเทอะมากกว่าเดิม
“เอ้าๆ มือเธอเปื้อนอย่างนั้น เอามาเช็ดก็ยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่” มัลฟอยส่ายหัวอย่างนึกขำก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วบรรจงเช็ดคราบดินบนใบหน้าของเจนนี่ เจนนี่หันไปมองเขาอย่างตกใจ มัลฟอยยังคงค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าลูบไล้บนใบหน้าที่เนียนละเอียดเธอต่อ พลางมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนอย่างที่เจนนี่ไม่เคยเห็น นั่นทำให้เจนนี่รู้สึกใจสั่นแปลกๆขึ้นมา หากนี่ไม่ใช่เวลากลางคืน มัลฟอยคงจะเห็นแล้วว่าหน้าเจนนี่ตอนนี้แดงก่ำแค่ไหน
“เอ้อ.......ฉันเช็ดเองได้” ในที่สุด เจนนี่ก็โพล่งขึ้นมา พลางคว้าผ้าเช็ดหน้าจากมือของเขามาเช็ดหน้าแก้เขิน มัลฟอยเองก็เพิ่งจะได้สติ เขารีบหันหน้าหนีแล้วกัดปากตัวเองอย่างแค้นใจ
..............นี่ฉันทำอะไรลงไป .........หรือว่าฉัน.....ไม่ใช่!!!.....ฉันเกลียดเธอ........ฉันเกลียดเธอ!!!
“เอ่อ....มัลฟอย” เจนนี่เรียกเขาเพื่อที่จะคืนผ้าเช็ดหน้า แต่เธอก็ต้องนิ่งค้างไปเมื่อมัลฟอยหันกลับมองเธอด้วยสายตาที่กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม
“ไม่ต้องคืนฉันหรอก ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ มันสกปรกแล้ว ฉันไม่ต้องการมันอีก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยแล้วเดินผ่านหน้าเธอไป เจนนี่รู้สึกเหมือนถูกชกหน้าแรงๆ เธอกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ก่อนที่จะหันหลังเดินตามมัลฟอยออกไป
“นี่ ทำไมนายต้องทำเหมือนกับเราเป็นศัตรูกันด้วยนะ” เจนนี่พูดเสียงสั่นอย่างหมดความอดทนหลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากเรือนกระจกแล้วกำลังมุ่งหน้ากลับเข้าปราสาท
“เธอเข้าใจผิดแล้ว” มัลฟอยหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับเธอ
“ฉันไม่ได้ทำเหมือนเราเป็นศัตรู แต่เราสองคน เป็นศัตรูกันจริงๆต่างหากล่ะ!!!” เขากระแทกเสียงใส่  เจนนี่น้ำตาร่วงเผาะอย่างห้ามไม่ได้ มัลฟอยถึงกับพูดไม่ออก ในใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่เห็นน้ำตาหยดแรกของเธอ แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกไว้ มัลฟอยจึงรีบหันหลังทันที
“ก็ได้ งั้น เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว!!!” เจนนี่ตะโกนด้วยเสียงสั่นเครือแล้ววิ่งจากเขาไป มัลฟอยทำได้เพียงแค่กำมือแน่น  ก่อนที่จะพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอยู่ก้าวขาเดินกลับเข้าปราสาท
แต่เมื่อเขาผ่านประตูเข้ามาในปราสาทได้เพียงก้าวเดียว ......
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ ยายนั่นไม่ได้วิ่งมาทางนี้นี่นา” มัลฟอยเริ่มฉุกคิด แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวไล่ความคิดออกไป
“ช่างสิ จะไปไหนก็เรื่องของเธอ” แล้วมัลฟอยก็เริ่มก้าวเดินต่อไป แต่แค่สองสามก้าว เขาก็หยุดอีก.....
****************************
เจนนี่วิ่งมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย พลางเอามือปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายโดยไม่ยอมใช้ผ้าเช็ดหน้าที่กำแน่นไว้ในมือเลยแม้แต่น้อย เจนนี่วิ่งมาไกลพอสมควรจึงหยุดวิ่ง แล้วเริ่มปล่อยโฮออกมา
“มันสมควรแล้วนี่!!! ฮืออออ........ฉันไปหลอกเขาเอง......ฮือออออออ” เจนนี่พร่ำเพ้อไปสะอื้นไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ครืน.....ครืน.......เสียงเหมือนของที่หนักมากกระทบกับพื้นเป็นจังหวะๆ เจนนี่รู้สึกได้ว่าต้นเสียงอยู่ไม่ไกลจากตัวเธอเลยเพราะพื้นที่เธอยืนอยู่สั่นสะเทือนแรงพอควร เจนนี่จึงเอามือเช็ดน้ำตาอีกครั้งแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง แล้วเธอก็แทบจะสิ้นสติไปเดี๋ยวนั้น
สัตว์หน้าตาประหลาดขนาดมหึมาที่กำลังคืบคลานผ่านหน้าเจนนี่ไปอย่างช้าๆ  มันดูราวกับกิ้งก่าที่มีเกล็ดสีดำขนาดประมาณสักตึกสองชั้น ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นในบริเวณโดยรอบสั่นสะเทือน จนใบไม้บนต้นไม้ใหญ่แถวนั้นร่วงพรูลงมาแทบหมดต้น เขาและหางสีบรอนซ์ของมันสะท้อนแสงจางๆเข้าตาเจนนี่ และที่แย่ไปกว่านั้น ตาคู่โตสีเหลืองสดของเจ้ามังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามได้หันมาทางเจนนี่เข้าพอดี มันเริ่มส่งเสียงผ่านจมูกที่มีควันระอุของมันเป็นการขู่
“ย........แย่แล้ว” เจนนี่อุทานอย่างสั่นๆ สมองเธอพยายามสั่งให้วิ่งหนี แต่ขาของเธอกลับไม่ยอมทำตาม เลย นอกจากสั่นอยู่กับที่เท่านั้น
เจ้าฮังการีหางหนามเปลี่ยนทิศมาทางเจนนี่อย่างรวดเร็ว แล้วส่งเสียงคำรามดังลั่น ลมหายใจร้อนระอุพุ่งผ่านตัวเจนนี่ไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนเจนนี่ล้มลงไปกองกับพื้น มันเริ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอแล้วแยกเขี้ยวกว้างอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มส่งเสียงคำรามต่อ แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่เพียงลมหายใจออกมาเท่านั้น เปลวไฟเริ่มผ่านช่องจมูกของมันแล้วมุ่งหน้าเข้าหาเจนนี่ทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด..................” เจนนี่กรีดร้องและหลับตาสนิท ความรู้สึกประหลาดๆได้พุ่งพล่านเข้ามาในตัวเธออีกครั้ง ทันใดนั้น แสงสีขาวสว่างวาบเจิดจ้าขึ้นกลางลำตัวเจนนี่เหมือนคราวที่แพนซี่ทำร้ายเธอได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เจนนี่~ ~ ~ ~ ~ ~ ~” นี่คือเสียงสุดท้ายที่เจนนี่ได้ยิน ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลง
**************************
...........เจนนี่........เธออย่าเป็นอะไรนะ....
เจนนี่............
เจนนี่..............................................
เสียงนี้ยังก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ มันดังขึ้นเรื่อยๆจนเจนนี่สะดุ้งตื่น
“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้น เจนนี่รีบหรี่ตาลงเพราะแสงแดดจากหน้าต่างเข้าตาเร็วเกินไป แล้วเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ
“ห้องพยาบาลงั้นเหรอ”
“ใช่จ้ะ ห้องพยาบาล นี่ ยาของเธอ เธอต้องทานเดี๋ยวนี้เลยนะ มิสแอนเดอร์สัน” เจ้าของเสียงคนเดิมเดินเข้ามาหาเจนนี่แล้วส่งยาให้ ........มาดามพรอมฟรีย์นั่นเอง
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” เจนนี่รับยามาแล้วเอ่ยถาม
“เอ่อ....เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคอกมังกรพาเธอมาส่งน่ะจ้ะ โชคร้ายที่เมื่อคืนมังกรหลุดออกมาจากคอก แล้วเธอก็บังเอิญไปเจอกับมันเข้า ยังดีที่เจ้าหน้าที่20กว่าคนนั้นมาจัดการทันเวลา เหลือเชื่อจริงๆที่เธอไม่มีบาดแผลสักแผลทั้งๆที่อยู่ใกล้มังกรขนาดนั้น” มาดามพรอมฟรีย์พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอไปทำอะไรที่นั้นยามวิกาลแบบนั้น มิสแอนเดอร์สัน”มาดามพรอมฟรีย์ถามต่อ เจนนี่อึกอักที่จะตอบ
“คือ.......หนูอยากออกมาดูดาวค่ะ” เจนนี่โกหก
“ดูดาวเรอะ ฉันคิดว่าเธอควรจะลดความโรแมนติกในตัวเองบ้างล่ะนะ เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง อาล่ะ ทานยาแล้วนอนพักซะ” มาดามพรอมฟรีย์สั่ง แล้วเดินกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์
หลังจากที่เจนนี่ทานยาเสร็จก็ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า แล้วเริ่มคิด
........เสียงของใครกันที่เรียกฉัน......ในฝันนั่น............
เจนนี่..................
เจนนี่.............เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ ...........เจนนี่................
เจนนี่เอามือก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้ม แล้วสะบัดหัวเบาๆเพื่อที่จะไม่นึกถึงมัน เจนนี่พลิกตัวนอนตะแคงเพื่อที่จะพักผ่อนตามคำสั่งของมาดามพรอมฟรีย์ แต่แล้ว เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เฮ้ย วันนี้มัน................ภารกิจแรก!!” เจนนี่ลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที แล้ววิ่งผ่านเคาน์เตอร์ออกไป
“เดี๋ยว มิสแอนเดอร์สัน เธอไปไหนไม่ได้นะตอนนี้ เธอต้องพักผ่อนก่อน” มาดามพรอมฟรีย์ตะโกนดุตามหลังเจนนี่ไป เจนนี่จึงหันกลับมาตะโกนบอกกว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะมาดาม หนูต้องไปดูเพื่อนแข่งในภารกิจแรกค่ะ” แล้วเจนนี่ก็วิ่งหายไปทันที
“เฮ้อ.....เด็กสมัยนี้พิลึกจริง คนแรกก็ห้ามฉันไม่ให้บอกว่าว่าเขาเป็นคนช่วยและพามาส่งที่นี่ อีกคนก็พรวดพราดออกไปทั้งๆที่เพิ่งจะทานยาไป” มาดามพรอมฟรีย์ส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ แล้วเริ่มลงมือจัดเตรียมยาที่ทำจากยอดของพุ่มอมฤตที่เตรียมไว้เมื่อคืนนี้ลงถาดเพื่อจะนำไปใช้ในภารกิจแรก
“ขอโทษครับ” มัลฟอยก้าวเข้ามาในห้องพยาบาลแล้วเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท มาดามพรอมฟรีย์จึงละสายตาจากถาดยาขึ้นมามอง
“อ้อ เธอนั่นเอง แผลที่ถูกไฟลวกเป็นอย่างไรบ้าง ยาที่ฉันให้ไปเธอทาหรือเปล่า”
“เอ่อ ครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว เอ่อ แล้ว........”มัลฟอยพูดพลางสอดสายตามาในห้องพยาบาล
“เพื่อนของเธอออกไปแล้วล่ะ คลาดกันนิดเดียวนะ” มาดามรู้คำถามของมัลฟอย
“เขาไปไหน” มัลฟอยถามด้วยเสียงที่กระด้างกว่าเดิม
“เห็นบอกว่าจะไปดูเพื่อนที่จะแข่งไตรภาคีน่ะ อ้อ ฉันเตรียมยาทาแก้ไฟลวกขวดที่สองให้เธอแล้ว รับไปซะ” มาดามหยิบขวดยาออกมาจากลิ้นชักแล้วส่งให้มัลฟอย
“ไม่ต้อง” มัลฟอยตอบห้วนๆแล้วหันหลังเดินสาวเท้าออกไปจากห้องพยาบาลทันที มาดามพรอมฟรีย์ส่ายหน้าอีกครั้งแล้วเก็บขวดยากลับเข้าที่เดิม
“ยายบ้าเอ้ย......ห่วงแต่คนอื่น ไม่ยักกะห่วงตัวเอง เชอะ” มัลฟอยบ่นตลอดทาง เขาเลี้ยวตรงหัวมุมกำแพงเข้าไปทางที่ไม่มีคนเดินอยู่ ก่อนที่จะชกกำแพงดังลั่น .....ปึง!!!!.......
“นี่เราทำอะไรลงไป.........ทำไมเราห้ามตัวเองไม่ได้”........มัลฟอยปล่อยคำพูดออกมาอย่างเจ็บปวด  มือข้างที่ชกกำแพงเป็นรอยห้อเลือดขึ้น เขาหันหลังเข้าหากำแพง แล้วพิงอย่างเหนื่อยใจ
...........ฉันเกลียดเธอ.............ฉันเกลียดเธอ ยายคนหลอกลวง!!!!! เขาพยายามจะตอกย้ำความคิดนี้เข้าไปในจิตใจให้มากที่สุด แต่ดูช่างยากเย็นเหลือเกิน
****************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น