ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Granger’s Diary (ฟิคชั่น แฮร์รี่ พอตเตอร์)

    ลำดับตอนที่ #1 : มิตรภาพ.....จบสิ้นเพียงเท่านี้?

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 59


    หมู่แมกไม้ที่พลิ้วไหวไปตามสายลม รับกับแสงแดดยามบ่ายที่เล็ดลอดออกมาตามช่องว่างระหว่างใบไม้นับร้อยที่ซ้อนทับกันไปมา เสียงร้องของนก เสียงของสายลม และเสียงกระทบกันเบาๆของกิ่งไม้ประสานกันอย่างลงตัว ไพเราะราวกับดนตรีอะคูสติกที่บรรเลงอย่างแผ่วเบา



    ......บรรยากาศแบบนี้...ช่างเหมาะเหลือเกิน..ที่จะดื่มด่ำกับความทรงจำอันแสนประทับใจ.......หญิงสาวคนหนึ่งคิด  เธอนั่งอยู่ระเบียงหน้าร้านกาแฟเล็กๆที่ตั้งอยู่ไกลจากตัวเมือง เธอมองออกไปรอบๆร้านอย่างเพลิดเพลิน ผมที่เคยพองฟูในอดีตบัดนี้ได้ถูกจัดแต่งทรงเป็นลอนเงาวับพลิ้วสยายน้อยๆตามแรงลม ดวงตากลมโตที่สีน้ำตาลประกายทอดมองธรรมชาติโดยรอบอย่างเป็นสุข



           เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของเธอ “นี่เรามาถึงก่อนพวกนั้นตั้ง2ชั่วโมงเชียวหรือนี่” เธอคิด ยังมีเวลาให้เธอดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติรอบข้างและรำลึกถึงอดีตอีกนานพอดู เธอเริ่มนึกถึงเพื่อนรักของเธอทั้งสองคนที่เธอได้นัดไว้ที่นี่... คนแรก......แฮร์รี่ พอตเตอร์...หลังจากที่เพื่อนคนนี้ได้โค่นล้มอำนาจของจอมมาร..คนที่คุณก็รู้ว่าใคร..ได้สำเร็จตอนที่เรียนอยู่ชั้นปีที่6ที่โรงเรียนฮอกวอตส์ ทำให้เขากลายเป็นพ่อมดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งยุคเพราะสามารถพิชิตจอมมารได้ถึง2ครั้งทั้งที่อายุยังน้อย และหลังจากเรียนจบ เขาก็ได้เป็นมือปราบมารที่เก่งกาจและยังเป็นซีกเกอร์ประจำทีมชาติอังกฤษอีกด้วย ทำให้เพื่อนของเธอคนนี้ ณ เวลานี้ได้เป็นพ่อมดหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของบรรดาแม่มดน้อยใหญ่มากที่สุด เฮอร์ไมโอนี่นึกขำเมื่อนึกถึงตอนที่แฮร์รี่พยายามที่จะฝ่าดงแฟนคลับที่คลั่งไคล้เขา แล้ววิ่งหลบเข้าไปในกระทรวงเวทย์มนตร์เพื่อเข้าไปขอความช่วยเหลือจากรอน....โรนัลด์ วิสลีย์ ..เพื่อนรักของเธออีกคนหนึ่งที่เธอนัดไว้เช่นกัน ตอนนี้รอนทำงานอยู่ที่กระทรวงเวทย์มนตร์แทนพ่อของเขาที่ปลดเกษียน รอนเองก็ดังไม่แพ้กันกับแฮร์รี่ เพราะนอกจากจะทำงานในกระทรวงแล้ว เขายังเป็นคีปเปอร์มือหนึ่งของทีมชัดลีย์ แคนนอนส์ ทีมโปรดที่สุดของเขาตั้งแต่สมัยเรียนอีกด้วย อันที่จริง เขาเกือบจะไม่ได้มาถึงจุดตรงนี้ เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยไปสมัครตำแหน่งคีปเปอร์ที่สโมสรชัดลีย์ แคนนอนส์หลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลเพราะตำแหน่งเต็ม จนกระทั่งวันหนึ่งคีปเปอร์ของทีมนี้โดนลูกบลัดเจอร์กระแทกจนร่วงลงมาระหว่างการแข่ง รอนจึงถูกเรียกตัวให้ไปเล่นแทนอย่างกะทันหัน และเขาก็ได้พิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนในทีมได้เห็น หลังจากนั้นชื่อของโรนัลด์ วิสลีย์ก็กระฉ่อนไปทั่วในฐานะคีปเปอร์ผู้เก่งกาจ และทุกครั้งที่เขาต้องลงแข่ง ก็จะมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไปเชียร์เขาถึงขอบสนามทุกครั้ง....ปัทมา พาร์ติล.....ผู้หญิงคนที่เคยเป็นคู่เต้นรำตอนที่รอนอยู่ปี4 เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงตรงนี้ทีไรเป็นต้องเกือบหลุดหัวเราะออกมาทุกที “ไม่รู้ปัทมาคิดยังไงถึงได้เลือกอีตานี่เป็นแฟนได้นะ”



    เวลาแห่งการรอคอยทำให้ผู้ที่เป็นฝ่ายรอรู้สึกว่ามันช่างยาวนานอยู่เสมอ เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจน้อยๆ



    “ไม่น่ามาถึงก่อนเลยเรา” เธอคิด ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างได้ เธอเปิดกระเป๋าที่พกติดตัวเป็นประจำ แล้วหยิบไดอารี่เล่มหนึ่งขึ้นมา เธอเริ่มใช้ไดอารี่เพื่อบันทึกเรื่องราวในวันที่มีเหตุการณ์ที่น่าจดจำตั้งแต่เธอขึ้นชั้นปีที่7 เพราะเธอคิดว่าเธออยากจะเก็บเรื่องราวดีๆของเธอและเพื่อนรักในปีสุดท้ายก่อนที่จะเรียนจบแล้วแยกจากกันไป ...และช่วงปีนั้นก็มีเรื่องราวต่างๆมากมายเกิดขึ้นจริงๆ เฮอร์ไมโอนี่เริ่มเปิดมันอ่านเพื่อเป็นการฆ่าเวลา- - - - - - - - -







    ********************************



    ********************



    **********



    *****



    **



    (หมายเหตุ: ผู้เขียนจะขอยกแค่บางส่วนในไดอารี่ของเฮอร์ไมโอนี่มาเท่านั้น เพื่อความกระชับของเนื้อหาและจะมีการแทรกบทสนทนาเข้าไปด้วยเพราะเป็นจินตนาการของเฮอร์ไมโอนี่ขณะอ่านรวมอยู่ด้วย)



    วันที่ 22 สิงหาคม



                    วันนี้ฉันรีบตื่นแต่เช้าเพราะนัดรอนกับแฮร์รี่ไว้ที่ตรอกไดแอกอนเพื่อจะไปซื้อหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆกันและจะไปค้างที่บ้านโพรงกระต่ายต่อเหมือนกับทุกปี ฉันเดาไว้เลยว่า2คนนั่นจะต้องมาถึงทีหลังฉันแน่ๆ เพราะสองคนนั่นน่ะตัวตื่นสายเลย โดยเฉพาะรอนซึ่งคงไม่ตื่นง่ายๆหรอกถ้าคุณนายวิสลีย์ไม่ลากขาลงมาจากเตียงน่ะ



    เมื่อฉันมาถึงตรอกไดแอกอนคุณแม่ก็ขอตัวไปคลินิกเพื่อจะไปช่วยคุณพ่อทำงานที่คลินิกต่อทันที ฉันจึงมาดูหนังสือที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกรอแฮร์รี่กับรอนซึ่งนัดไว้ที่นี่ และเป็นไปตามที่ฉันเดาว่าพวกนั้นต้องมาสายเพราะกว่าพวกเขาจะมาถึงฉันก็ดูหนังสือไปเกือบจะหมดร้านอยู่แล้ว



    “จะให้ฉันเดินทั่วตรอกไดแอกอนก่อนรึไงถึงจะมาได้” ฉันประชดแฮร์รี่กับรอน



    “ไม่เอาน่าเฮอร์ไมโอนี่ ยังไงพวกเราก็มาถึงแล้ว”…… ฉันนึกแปลกใจเพราะคนที่เถียงฉันกลับเป็นแฮร์รี่ไม่ใช่รอน วันนี้ดูรอนอารมณ์ดีผิดปกติ เขายิ้มแฉ่งตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แม้กระทั่งตอนที่เจอกับมัลฟอยที่มาหาเรื่องพวกเรา ตอนนั้นจู่ๆมัลฟอยก็เข้ามากระชากคอเสื้อแฮร์รี่แล้วพูดกัดฟันว่า “อย่าคิดนะว่าโค่นล้มจอมมารแล้วจะได้เป็นผู้ชนะตลอดไปน่ะ” แฮร์รี่ทำท่าจะสวนกลับ แต่รอนนี่สิ กลับห้ามแฮร์รี่ซะเองแล้วยังบอกอีกว่า “ช่างมันเถอะ” หน้าตาเฉย - - อะไรของเขาเนี่ย ใจเย็นผิดปกติ- - ฉันจึงอดถามรอนไม่ได้



    “วันนี้นายเป็นอะไรน่ะรอน ดูอารมณ์ดีผิดปกตินะ”



    “เดี๋ยวเย็นนี้เธอก็รู้” ดูรอนตอบสิ แถมยังยักคิ้วแล้วยิ้มกว้างไปถึงใบหูอีก ฉันล่ะงงจริงๆ หันไปหาแฮร์รี่แต่ยังไม่ทันได้ถาม แฮร์รี่กลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “เดี๋ยวก็รู้” อะไรกันพวกนี้ มีอะไรปิดบังฉันกันเนี่ย…..



              พอพวกเราซื้อของกันครบก็ไปหาเฟร็ดกับจอร์จที่ร้านเกมกลวิเศษวิสลีย์ ซึ่งพวกเราได้นัดกับจินนี่ไว้ที่นี่ด้วย รอนกับแฮร์รี่อดที่จะอุดหนุนของแปลกๆที่สองฝาแฝดคิดค้นขึ้นไม่ได้ ฉันถองใส่แฮร์รี่เมื่อได้ยินเขาพูดว่า “น่าจะเอาลูกอมลิ้นล้นไปฝากดัดลีย์อีก” ฉันไม่ชอบเลยที่เขาคิดจะแกล้งลูกพี่ลูกน้องของตัวเองหรือใครก็ตาม(รอนดื้อที่สุดในเรื่องนี้) พอจินนี่มาถึงพวกเราทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปบ้านโพรงกระต่ายทันที



    บ้านโพรงกระต่ายยังให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเหมือนเดิม - - ฉันชอบที่นี่จัง- - คุณนายวิสลีย์ยังคงทำอาหารต้อนรับพวกเราอย่างดีเช่นเคย ฝีมือการทำอาหารของคุณนายไม่เคยตกเลย วันนี้คุณนายได้ทำของหวานที่ฉันชอบมากก็คือ ขนมฟัดจ์น้ำตาลข้น ซึ่งก็ยังอร่อยไม่เคยเปลี่ยน ฉันกินไปตั้งหลายอันแน่ะ เล่นเอาแน่นท้องไปหมด



    ไม่เข้าใจพฤติกรรมของรอนในวันนี้เลยจริงๆ ปกติรอนเป็นคนกินเร็ว(และเยอะ)อยู่แล้ว แต่วันนี้สปีดเป็นพิเศษ อย่างกับว่าถ้ากินไม่เสร็จภายในหนึ่งนาทีเขาต้องมีอันเป็นไปอย่างงั้นแหละ รอนบอกเหตุผลที่กินเร็วขนาดนั้นหลังจากที่เขายัดขนมฟัดจ์น้ำตาลข้นก้อนสุดท้ายเข้าปาก



    “อ้วก-อาย-อิน-เอด-แอ้ว-อึ้น-ไอ-อ้าง-อน-เอย-อ้ะ” (“พวกนายกินเสร็จแล้วขึ้นข้างบนเลยนะ” ฉันชินแล้วกับการที่รอนพูดไปเคี้ยวไป) รอนพูดเสร็จก็พุ่งไปที่บันไดแล้ววิ่งขึ้นไปข้างบนทันที (ฉันแอบเห็นคุณนายวิสลีย์ส่ายหน้าด้วย) ฉันจึงหันไปถามแฮร์รี่แต่คำตอบที่ได้ก็คือ “เดี๋ยวเธอก็รู้” อีกแล้ว ฉันเบื่อจริงๆเลยกับคำๆนี้เนี่ย ฉันกับแฮร์รี่จึงรีบทานให้เสร็จแล้วตามรอนขึ้นไปข้างบน



    พอฉันกับแฮร์รี่เข้าไปในห้องนอนของรอน ก็เห็นรอนยืนถือบางอย่างดูเหมือนกล่องของขวัญขนาดใหญ่ที่มีผ้ากำมะหยี่คลุมไว้อยู่ รอนฉีกยิ้มถึงใบหู มือที่ถือของอยู่สั่นกึกจนแฮร์รี่ต้องพูดว่า



    “ฉันว่านายวางลงก่อนเถอะ เดี๋ยวมันจะหล่นแตกซะก่อน.......ให้ตายสิ นายยังไม่เลิกเห่ออีกเหรอ”



    “แฮร์รี่ เป็นนายคงไม่เลิกเห่อง่ายๆหรอกนะ อีกอย่าง นี่มันก็ไม่แตกง่ายๆด้วย” รอนพูดทั้งๆที่ยังไม่หุบยิ้ม เขาค่อยๆบรรจงวางสิ่งนั้นลงบนโต๊ะ(ขนาดว่าไม่แตกง่ายๆนะนี่) - -อะไรกันนะที่ทำให้รอนเห่อถึงกับมือสั่นได้- -



    “มันคืออะไรเหรอ รอน” ฉันถามด้วยความเหลืออดและอยากรู้ รอนจึงดึงผ้ากำมะหยี่ที่คลุมไว้ออก



    โอ้...พระเจ้า...มันคือสนามควิดดิชขนาดจิ๋วที่มีครอบแก้วครอบอยู่ ข้างในนั้นมีพ่อมดตัวเล็กๆขี่ไม้กวาดกระจายทั่วครอบแก้วนั่น และที่สำคัญ พ่อมดทุกตัวสวมชุดกีฬาของทีมชัดลีย์ แคนนอนส์ ทีมโปรดของรอน ถึงแม้ฉันไม่ค่อยชอบเล่นควิดดิชนะ ฉันก็ยังพุ่งถลาเข้าไปดูใกล้ๆอย่างทึ่งๆเลย ไม่รู้เลยว่าฉันอุทานอะไรออกไปบ้างเพราะมัวแต่อึ้ง ส่วนแฮร์รี่คงจะได้เห็นแล้วเพราะเขามาค้างที่นี่ได้2วันแล้ว เขาจึงยืนมองดูเฉยๆ



    “มันคือแบบจำลองแผนการเล่นของทีมชัดลีย์ แคนนอนส์ ฉันใช้เวลาปีที่แล้วทั้งปีเพื่อเก็บเงินซื้อเลยนะ” รอนพูดอย่างภาคภูมิใจ (มิน่า ปีที่แล้วรอนจึงดูประหยัดจนผิดสังเกต ถึงขนาดไม่ยอมซื้อกบช็อกโกแลตไปทั้งปีเลย แบบจำลองนี่คงจะแพงน่าดู)



    “ครอบแก้วนั่นน่ะ ทนสุดๆ ตกยังไงก็ไม่แตก นอกจากมีใครใช้คาถาระดับสูงจริงๆเท่านั้นล่ะ” รอนยังอวดต่อไป



    “เจ๋งดีนะรอน ฉันว่าไอ้นี่ต้องมีประโยชน์ในการแข่งควิดดิชของทีมเราแน่” แฮร์รี่พูดขึ้นบ้าง



    “เอ้า...แน่นอน ฉันว่ามันต้องเยี่ยมแน่ๆ” รอนพูดซะลั่นห้อง



    คืนนั้นเราสามคนจึงคุยกันเรื่องแบบจำลองนี่เสียจนลืมเวลานอน จนคุณนายวิสลีย์ต้องมาไล่ ฉันถึงได้มีโอกาสแอบมานั่งเขียนไดอารี่เนี่ยล่ะ







    ************************************







    วันที่ 1 กันยายน



    มัลฟอยมาสร้างความวุ่นวายกับพวกเราอีกแล้วโดยเฉพาะกับแฮร์รี่ - - นี่เราจะนั่งรถไฟไปโรงเรียนอย่างสงบหน่อยไม่ได้เลยหรือยังไงกันนะ สงสัยเขาคงจะแค้นที่แฮร์รี่ทำให้พ่อของเขาถูกส่งไปอยู่ที่อัซคาบันหลังจากที่คนที่เราก็รู้ว่าใครพ่ายแพ้แน่เลย- - โชคดีที่ตำแหน่งที่ฉันได้รับปีนี้ทำให้มัลฟอยผงะ แล้วยอมไปโดยดี แต่นั่นก็ทำให้เพื่อนของฉันทั้งสองอึ้งพอดูเลย



    “เธอไม่เห็นบอกเลยว่าเธอได้เป็นประธานนักเรียนน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่กับรอนถามพร้อมกัน



    ฉันไม่ค่อยแคร์เรื่องตำแหน่งสักเท่าไรจึงไม่ใส่ใจที่จะบอก ฉันเลยแค่ยักไหล่ “ก็ไม่เห็นจะสำคัญเลยนี่” แล้วฉันก็ก้มลงอ่านหนังสือต่อ ปล่อยให้ทั่งคู่นั่งงงกันต่อไป สักพักพวกเขาก็นั่งคุยกันเรื่องหางานทำหลังจากเรียนจบ(แต่รอนก็ยังแทรกเรื่องแบบจำลองสนามควิดดิชอยู่เรื่อยๆ ขี้เห่อจริงๆ) ฉันเห็นว่าน่าสนใจเลยวางหนังสือแล้วรวมวงคุยด้วย เหลือเชื่อว่าสองคนนี้จะคุยเรื่องมีสาระก็เป็นแฮะ เรา3คนคุยกันไปตลอดทางจนคอแห้งเลย



    ปราสาทโรงเรียนฮอกวอตส์ยังคงประดับประดาอย่างงดงามไม่เคยเปลี่ยน เทียนนับร้อยลอยเคว้งคว้างทั่วเพดานห้องโถง มีเสียงคนคุยกันเจ๊าะแจ๊ะจอแจ ผู้หญิงหลายคนมองแฮร์รี่แล้วซุบซิบหัวเราะคิกคักกัน บางกลุ่มก็แอบกรี๊ดกันเบาๆ - - - ฮิฮิ ..เพื่อนฉันชักจะเนื้อหอมใหญ่ซะแล้วสิ ก็แหม การปราบคนที่เราก็รู้ว่าใครได้เนี่ย มันไม่ธรรมดาเลยนี่นา แถมปีนี้ แฮร์รี่ดูหล่อขึ้นเยอะเลยด้วย- - - ฉันเห็นอาการเขินของแฮร์รี่แล้วก็อดขำไม่ได้จริงๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความตื่นเต้นที่จะได้ลุ้นว่าน้องปีหนึ่งคนไหนจะได้มาอยู่บ้านเดียวกันลดน้อยลงไปเลย อยากรู้จังว่ารุ่นน้องปีนี้จะเป็นใครและเป็นยังบ้าง



    ประตูห้องโถงเปิดออก เด็กรุ่นน้องตัวเล็กๆค่อยๆกรูกันเข้ามาในห้องโถง แต่มีอยู่คนหนึ่งสูงผิดไปจากรุ่นน้องคนอื่นๆ แล้วยังเดินหลังค่อมอีก ทำให้เขาดูสะดุดตามากกว่าคนอื่น ทีแรกฉันเห็นไม่ชัดแต่รู้สึกว่ามันคุ้นๆ พอเขาคนนั้นหันมาฉันนี่ถึงกับอึ้ง



    “วิกเตอร์/ครัม!!!!” ฉันกับแฮร์รี่อุทานพร้อมกัน ส่วนรอนดูเหมือนจะพูดไม่ออกเพราะฉันไม่ได้ยินเสียงรอนพูดเลย แต่ได้ยินเสียงช้อนหล่นดัง เกร้ง!!แทน คาดว่านักเรียนคนอื่นๆคงเห็นและจำกันได้เหมือนกันเพราะเริ่มมีเสียงซุบซิบอื้ออึงขึ้น



    “เขามาทำอะไรที่นี่เนี่ย”ฉันล่ะงงจริงๆ เขาส่งยิ้มให้ฉันทันทีเมื่อเห็นฉัน ฉันมองวิกเตอร์ตาค้างจนศาสตราจารย์มักกอนนากัลใช้ช้อนเคาะแก้ว ฉันจึงสะดุ้งเล็กน้อย



    การคัดสรรเริ่มต้นขึ้นเหมือนทุกปี หมวกคัดสรรทำการคัดเลือกนักเรียนทีละคนๆ จนถึงคนที่เป็นที่สนใจมากที่สุดตอนนี้…..



    “ครัม,วิกเตอร์” วิกเตอร์ก้าวขึ้นไป เมื่อหมวกถูกวางลงบนหัว ฉันก็เห็นเขาพึมพำอะไรบางอย่าง แล้ว....



    “วิกเตอร์ ครัม กริฟฟินดอร์ ปี7” เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ปรบมือกันกึกก้อง และเฮลั่นมากกว่าทุกครั้ง รวมทั้งฉันและแฮร์รี่ที่ปรบมือกันดังที่สุด ส่วนรอน ฉันรู้สึกเหมือนเขาจะพ่นลมหายใจดังพรืด แต่ฉันไม่ได้สนใจ







    วิกเตอร์ยิ้มกว้างมาที่ฉันแล้วตรงรี่มานั่งข้างๆฉันทันที - - ดีใจจัง ได้เจอกันอีกแล้ว แถมอยู่บ้านเดียวกันด้วย ไม่ได้เจอกันตั้ง2-3ปี- - เขายังไม่เปลี่ยนเลย ยังเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเดิมนั่นแหละเหตุผลที่ฉันรับเขามาเป็นเพื่อนสนิทอีกคนนอกจากแฮร์รี่และรอน วิกเตอร์เล่าให้ฟังว่าที่เขาต้องย้ายมาเรียนที่นี่กะทันหันเพราะครอบครัวเขาย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ  ฉัน แฮร์รี่และวิกเตอร์คุยกันอย่างเมามัน ส่วนรอนก็ยังคงสนใจแต่ของกินที่อยู่ตรงหน้าเหมือนเดิมหลังจากที่ทักทายวิกเตอร์แค่ว่า “หวัดดี” เพียงคำเดียว ฉันเลยแกล้งเหน็บแนมรอนเรื่องแบบจำลองสนามควิดดิชให้วิกเตอร์ฟัง ทำเอารอนสำลักเส้นสปาเกตตี้แล้วก็หูแดงไปเลย ฉันกับแฮร์รี่ขำท้องแข็งเลยเชียว



    จนจะได้เวลานอนอยู่แล้ว รอนยังไม่คุยกับวิกเตอร์เลยสักคำ ฉันพยายามอย่างมากที่จะหาเรื่องคุยให้สองคนนี่ แต่ก็เหนื่อยเปล่า รอนน่ะได้แต่ถามคำตอบคำ แถมยังแทบจะไม่มองหน้าวิกเตอร์เลยด้วย ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันกับตอนปี4รึเปล่า ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลย







    *****************************



    วันที่ 15 กันยายน



    ให้ตายสิ ขึ้นปีที่7แล้วทำไมดูอะไรๆมันวุ่นวายไปหมด แม้แต่แฮร์รี่เองก็วุ่นวายไม่น้อย เพราะเขาถูกคัดเลือกให้เป็นกัปตันทีมควิดดิชในปีนี้ ฉันว่าแฮร์รี่ก็เหมาะสมที่สุดอยู่แล้วล่ะ(ฉันกับรอนก็ร่วมโหวตด้วยเหมือนกัน) โชคดีว่าปีนี้แฮร์รี่ไม่ต้องกังวลเรื่องคนที่เราก็รู้ว่าใครอีกแล้ว เลยทำให้เขาทำหน้าที่กัปตันทีมได้อย่างเต็มที่ และแน่นอน ผู้ช่วยกัปตันทีมก็ต้องไม่พ้นรอนอยู่แล้ว(แต่ฉันเห็นรอนช่วยแค่นำแบบจำลองสนามควิดดิชของเขามาใช้วางแผนการแข่งเท่านั้นเอง) ส่วนตัวฉันเอง ไม่คิดเลยว่าการได้รับตำแหน่งเป็นประธานนักเรียนหญิงจะยุ่งยากอย่างนี้ ถึงแม้จะสามารถโยนงานให้พรีเฟคทำได้ก็ตามเถอะ ฉันก็ต้องลงไปควบคุมงานบางส่วนเองอยู่ดี ช่วงนี้เลยไม่ค่อยได้เข้าห้องสมุดเลยแฮะ แย่ชะมัด แล้วรอน เจ้าเพื่อนตัวดีก็อดที่จะกระแนะกระแหนฉันไม่ได้ - - ปากเขาจะพองรึยังไงนะถ้าไม่ได้หาเรื่องฉันเนี่ย- -



    “นี่ เฮอร์ไมโอนี่ เธอแยกร่างได้รึไง ทำไปซะทุกอย่างเนี่ย” รอนถามฉันก่อนที่จะตักสตูเข้าปาก



    “นั่นสิ เรียนทุกวิชา แล้วยังเป็นประธานนักเรียนหญิงอีก ไหนจะสอบ ส.พ.บ.ส. อีกนะ” แฮร์รี่ก็เป็นไปกับรอนด้วยหรอเนี่ย ไม่รู้จะตอบพวกนี้ยังไงดี ความจริงฉันเองก็ยังแบ่งเวลาได้ไม่ค่อยลงตัวเท่าไรเลย



    “เฮิร์ม-ไม-โอน-นี่ เก่งอยู่แล้ว คงไม่เป็นไรร้อกครับ”วิกเตอร์แก้ต่างแทนฉัน เขาอ่านชื่อฉันได้ชัดขึ้นมากเลย - -ไปฝึกมาตอนไหนนี่ - -



    “ผมแอบฝึกอ่านชื่อคุณก่อนเปิดเทอมได้2สัปดาห์ครับ” วิกเตอร์เหมือนจะรู้คำถามของฉัน เขายังทำตัวน่ารักเหมือนเดิมเลย ต่างกับรอน ฉันได้ยินเขาบ่นอะไรบางอย่าง ประมาณว่า “หวานเหลือเกิน” อะไรทำนองนี้อยู่บ่อยๆล่ะ แต่ฉันขี้เกียจจะถามรอน เดี๋ยวจะมีเรื่องอีก



    หลายวันที่ผ่านมานี่รอนกับวิกเตอร์คุยกันแทบจะนับคำได้ และเท่าที่จำได้ รู้สึกว่ารอนจะไม่เคยมองหน้าวิกเตอร์เวลาคุยกันเลย... แปลก ทั้งๆที่รอนเคยชอบวิกเตอร์มากเพราะเขาเป็นซีกเกอร์ที่เก่งกาจก็น่าจะอยากสนิทสนมกับวิกเตอร์นี่นา ดูอย่างแฮร์รี่สิ ชวนวิกเตอร์คุยเรื่องควิดดิชแทบจะทุกครั้งที่มีโอกาสเลย ทั้งถามเรื่องการแข่งขัน เทคนิคการเล่น สารพัดที่จะคุย แม้แต่ในเวลาเรียน จนศาสาตราจารย์มักกอนนากัลป์เกือบจะหักคะแนนพวกเขาโทษฐานคุยในชั่วโมงเรียนตั้งหลายครั้ง แต่ยังไง วิกเตอร์ก็คุยกับฉันมากทีสุดอยู่ดี เขาไปไหนมาไหนกับฉันแทบจะตลอดเวลา แม้แต่เวลาที่ฉันจะต้องเดินตรวจรอบปราสาท เขาก็ยังมาเดินเป็นเพื่อน จนรอนพูดเหน็บแนมอยู่ตลอดว่า “วิกกี้ ดูแลเฮอร์ไมโอนี่ดีๆนะ” ฉันไม่ชอบให้รอนพูดแบบนี้เลย ฉันต้องหาโอกาสเคลียร์กับรอนเรื่องนี้ให้ได้







    ****************************



    วันที่ 27 ตุลาคม



    เหมือนกับศาสตราจารย์สเนปจะแกล้งพวกเราไม่ให้ไปเที่ยวฮอกส์มี้ดในวันพรุ่งนี้ยังไงก็ไม่รู้ เพราะนอกจากจะแกล้งหักคะแนนบ้านเราทุกครั้งที่มีโอกาสแล้ว ยังจะสั่งให้พวกเราทำรายงานเรื่อง “ยาพิษชนิดร้ายแรงที่ผิดกฎหมายตามที่กระทรวงเวทย์มนตร์กำหนด” ใส่กระดาษยาวเมตรครึ่งส่งหลังจากกลับจากฮอกส์มี้ด1วันอีกด้วย ฉันคงจะต้องเข้าห้องสมุดมากเป็นพิเศษซะแล้วล่ะ น่าเบื่อชะมัดเลย ไม่ได้หมายถึงการเข้าห้องสมุดหรอกนะ แต่ฉันเบื่อความไม่มีเหตุผลของศาสตราจารย์สเนปต่างหาก



    เป็นเรื่องปกติที่เมื่อฉันทานอาหารกลางวันเสร็จก็รีบลุกขึ้นเพื่อที่จะไปห้องสมุดทันที แต่ที่ไม่ปกติก็คือรอนน่ะสิ เขาตะโกนตามหลังฉันมาว่า



    “แล้วเจอกันที่ห้องสมุดนะ” นี่ฉันหูฝาดไปรึเปล่านี่ ฉันหันขวับทันที



    “นี่รอน นายไข้ขึ้นรึเปล่าเนี่ย” ฉันงงเลกน้อย - -แค่ถามแค่นี้ ทำไมรอนต้องหูแดงด้วยล่ะ- -



    “ก็จะไปทำการบ้านไง ฉันไม่อยากจะกังวลกับรายงานเรื่องยาพิษบ้าบออะไรนั่นตอนอยู่ร้านฮันนี่ดุกส์หรอกนะ”



    ฟ้าต้องถล่มไม่ก็ต้นวิลโลว์จอมหวดออกดอกออกผลแน่ๆ - - เหลือเชื่อ รอนเนี่ยนะนัดฉันที่ห้องสมุด- - หมู่นี้เขาทำตัวแปลกๆขึ้นทุกวัน ดูสุภาพบุรุษกับฉันมากขึ้น(ยกเว้นตอนที่วิกเตอร์อยู่ด้วย) บางทียังมีการแบ่งเบคอนของโปรดของเขามาใส่จานฉันอีกแน่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ รอนคงแทบจะขโมยเบคอนไปจากจานฉันเลยซะด้วยซ้ำ ฉันคิดวนไปวนมาจนเดินมาถึงห้องสมุดอย่างไม่รู้ตัว



    ฉันตรงเข้าไปที่นั่งประจำของฉัน แต่ที่นั่นมีคนมานั่งอยู่ก่อนแล้ว



    “วิกเตอร์ มาทำการบ้านเหรอ”



    “เอ่อ..ครับ ...ผมมารอคุณด้วย” - - วิกเตอร์เองก็ดูแปลกๆเหมือนกันแฮะวันนี้ - -



    “มีอะไรเหรอ”



    “คือ......คุณจะไปฮอกส์มี้ดกับผมมั้ย”



    “แน่นอนสิ พวกเราก็ไปด้วยกันอยู่แล้วนี่”



    “ผ...ผมหมายความว่า...เราไปกัน2คนน่ะครับ”  



    ฉันเริ่มสังเกตเห็นว่าหน้าของวิกเตอร์เริ่มเป็นสีชมพู ฉันเงียบไปพักหนึ่ง - - ทำไมต้องไปสองคนด้วยล่ะ หรือว่า....ไม่น่า เราเป็นเพื่อนกันนะวิกเตอร์ ฉันจะบอกเขายังไงดีเนี่ย ยังไง ฉันก็ต้องบอกให้เขาเข้าใจให้ได้- - -



    “คือผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ...นะครับ เฮิร์ม-โอน-นิน-นี่” วิกเตอร์พูดต่อ เขาเริ่มพูดไม่ชัดเหมือนเดิมอีกแล้ว เสียงเขาสั่นพิกล - -...อย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลย....- -



    เอาล่ะ ฉันจะถือโอกาสนี้เคลียร์กันไปเลยแล้วกัน



    “ก็ได้ ฉันจะไปกับเธอ ฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับเธอเหมือนกัน”



    “ขอบคุณครับ” วิกเตอร์ยิ้มกว้างอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน



    “งั้นผมขอตัวก่อน แล้วเจอกันครับ” ทันที่ที่วิกเตอร์เดินออกไป รอนก็สวนเข้ามาพอดี หูรอนยังแดงอยู่ แต่....- - ทำไมดูหน้าบึ้งจัง - -



    “ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะ!!!” รอนตะคอก - - อะไรกัน จู่ๆก็มาขึ้นเสียงกับฉัน- -



    “ขัดจังหวะอะไรกันรอน” ฉันล่ะงง



    “คงจะนัดเดทกันล่ะสิท่า พรุ่งนี้ฉันไปกับคนอื่นก็ได้!” รอนยังตะคอกต่อ - -จะบ้ารึไง นี่มันห้องสมุดนะ- -



    “นี่ รอน ฉันไม่......”



    “ฉันจะมาบอกเธอว่า ฉันขี้เกียจทำการบ้านแล้ว เธอทำแล้วเอามาให้ลอกด้วยแล้วกัน เชิญฝันหวานรอบบ่ายต่อไปเถอะ!!” รอนพูดจบก็เดินตึงตังออกไป (ดีนะที่มาดามพินซ์ไม่อยู่น่ะ) - - อะไรเนี่ย จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ เฮ้อ...........ต้องทำการบ้านคนเดียวตามเคย- -



    กะว่ากลับจากห้องสมุดก็จะคุยกับรอนให้รู้เรื่องซะหน่อย แต่รอนกลับไม่ได้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ฉันเห็นแฮร์รี่นั่งทำการบ้านอยู่คนเดียว



    “แฮร์รี่ รอนล่ะ”



    “อ้าว ไม่ได้อยู่กับเธอหรอ” ฉันส่ายหน้าตอบ



    “ยังไม่ทันคุยกันให้รู้เรื่องเลย รอนก็เดินดุ่มๆออกไปเลยน่ะ”



    “เห็นรอนบอกว่าจะชวนเธอไปฮอกส์มี้ดอะไรนี่ล่ะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดแล้วก็ยิ้มแปลกๆ



    ฉันขี้เกียจจะถามแฮร์รี่ต่อ ไม่อยากจะปวดหัวมากกว่านี้ เลยโยนการบ้านที่ฉันทำเสร็จแล้วให้เขาแล้วเดินขึ้นหอนอนไปเลย







    ****************************



    วันที่28 ตุลาคม



    เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสดี อากาศเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว คิดว่าคงจะได้เที่ยวฮอกส์มี้ดอย่างมีความสุข ฉันคิดอย่างมีความสุขอยู่ได้แป้บเดียว รอนก็ทำให้ฉันอารมณ์เสียซะก่อน



    “เราไม่ต้องรอเฮอร์ไมโอนี่หรอกแฮร์รี่ เค้าจะไปกับหวานใจ ไม่ได้ไปกับพวกเรา” รอนพูดเสียงดังยังไงก็ไม่รู้แล้วก็ลากแฮร์รี่ออกไป - - จะบ้ารึไง ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย และอีกอย่าง ยังไงก็ต้องไปด้วยกันอยู่ดีนั่นแหละ แค่พอไปถึง ฉันกับวิกเตอร์ก็แยกกันไปแป้บเดียวเอง อยากจะตบหัวรอนสักป้าบจริงๆลยนี่- - -



    “เราไปกันเถอะครับ” วิกเตอร์พูดแล้วจูงฉันออกมา ถ้ารอนเป็นได้อย่างวิกเตอร์สักครึ่งหนึ่งก็คงจะดีขึ้นเยอะเลย



    พอมาถึงฮอกส์มี้ด ฉันกับวิกเตอร์ก็แยกตัวออกมาทันที ดีเหมือนกัน ขี้เกียจจะหงุดหงิดกับรอนวิกเตอร์พาฉันมาที่ร้านน้ำชาเล็กๆร้านหนึ่ง ชื่อร้านมาดามพุดดี้ฟุต ฉันไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลย มันดูเหมือนกับร้านสำหรับผู้หญิงหรือไม่ก็คู่รักมากกว่าเพราะภายในร้านจัดตกแต่งไว้อย่างน่ารักเลยทีเดียว แล้วโต๊ะทุกตัวก็มีเก้าอี้วางอยู่แค่สองตัวเท่านั้น และลูกค้าในร้านส่วนใหญ่จะมากันเป็นคู่ด้วย เราเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่าง



    “ผมเคยมาร้านนี้ก่อนที่จะเปิดเทอม ผมเห็นครั้งแรกก็นึกทันทีเลยว่าจะต้องพาคุณมาที่นี่ให้ได้” วิกเตอร์พูดซะยาว ฉันได้แต่ยิ้มตอบ เราสั่งกาแฟมาคนละถ้วย ระหว่างที่เรานั่งจิบกาแฟกันนั้นก็มีลูกค้าอีกคู่หนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ทำให้ฉันเกือบจะปัดแจกันหล่นจากโต๊ะ ดีที่คว้าไว้ทัน ก็ลูกค้าคู่นั้นน่ะมัน...... - - รอนกับปัทมา พาติลนี่นา!!!! - - ฉันเห็นปัทมากึ่งลากกึ่งจูงรอนที่ทำหน้าเบื่อๆเข้ามาในร้าน



    “คู่นี้มาด้วยกันได้ไงเนี่ย!!” ฉันเผลออุทานออกมาเบาๆ วิกเตอร์จึงหันไปมอง พอดีกับที่รอนหันมามองทางฉันพอดี ฉันเห็นรอนหน้าแดงไปถึงหู



    “อ้าว รอน บังเอิญจัง” วิกเตอร์ทักอย่างร่าเริง ฉันหันกลับมามองวิกเตอร์ทันที เขาไม่เคยทักรอนก่อนเลยนี่นา แถมทักอย่างร่าเริงอย่างนี้ด้วย (รอนเองก็แทบจะไม่ทักวิกเตอร์เลยเหมือนกัน)



    รอนแสยะยิ้มตอบกลับมา แล้วเขาทั้งคู่ก็นั่งลงที่โต๊ะที่ไม่ไกลจากโต๊ะเรามากนัก ฉันเห็นปัทมายิ้มไม่หุบเลยตั้งแต่เข้าร้านมา ฉันพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะ - - รอนนี่ไม่ใช่ย่อยเลยแฮะ- -



    ฉันกับวิกเตอร์นั่งจิบกาแฟต่อ สักพัก วิกเตอร์เริ่มดูท่าทางแปลกๆ กระสับกระส่ายชอบกล เขาเผลอจะใส่ครีมเทียมไปอีกรอบทั้งๆที่กาแฟจะหมดแล้ว ถ้าฉันไม่บอกเขา เขาอาจจะใส่ลงไปจริงๆก็ได้



    “อ..เอ่อ..ฮ..เฮิร์ม-โอน-นิน-นี่ ครับ” วิกเตอร์เริ่มพูดไม่ชัดอีกแล้ว



    “ค..คือ..ผม...ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” ไม่ใช่พูดไม่ชัดอย่างเดียว เสียงยังสั่นอีกด้วย



    “อะไรเหรอ วิกเตอร์” - - - อย่าให้มันเป็นอย่างที่ฉันเดาเล้ยยย..- - -



    “ผ...ผมชอบคุณ”



    ฉันจำได้ว่าตอนนั้นหน้าฉันมันชาไปหมด สักพักก็เปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว มันเหมือนกับมีอะไรมาอุดในลำคอฉันทำให้ฉันพูดไม่ออก เกิดมาชาตินี้ยังไม่เคยมีใครมาสารภาพรักกับฉันมาก่อนเลย แถมนี่ยังเป็นเพื่อนสนิทอีก - - ฉันจะบอกเขายังไงดี จะปฏิเสธยังไงดี...โอ๊ยย...สับสนไปหมด- -  ฉันคงหัวหมุนติ้วไปไม่หยุดแน่ถ้ารอนไม่ทำลายความเงียบลงซะก่อนในตอนนั้น



    ปึ้ง!! ฉันและทุกคนในร้านสะดุ้งเฮือก - - รอนเอามือทุบโต๊ะทำไมกัน ตกใจหมดเลย- -



    “ปัทมา! เราไปร้านอื่นกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปซื้อขนม” รอนพูดซะเสียงดัง จนปัทมาหน้าซีด รอยยิ้มของเธอหายไปทันที พอรอนพูดจบก็เดินฉับๆออกไปจากร้านทันที ปัทมาจึงรีบวิ่งตามออกไป ตอนนั้นในหัวฉันสับสนหนักกว่าเดิม



    “เฮิร์ม-ไม-โอน-นี่ ครับ” วิกเตอร์หันกลับมาและเริ่มพูดต่อ เสียงเขายังสั่นอยู่ไม่หาย



    “ผมชอบคุณมาตั้งแต่3ปีที่แล้ว” ฉันยิ่งอึ้งสุดๆ ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวเลยนะตอนนั้น - - - จะทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆ.........เอาล่ะ ...เป็นไงเป็นกัน ยังไงสักวันวิกเตอร์ก็ต้องรู้อยู่ดี- - - ฉันสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่



    “วิกเตอร์ ฉัน...ฉันคิดกับเธอได้แค่..เพื่อนเท่านั้นนะ” ฉันพูดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่พอพูดจบฉันก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที หน้าวิกเตอร์ซีดและดูเศร้าลงไปถนัดตา - - - นี่ฉันทำร้ายจิตใจเขามากเกินไปรึเปล่านะ แต่จะทำไงได้ล่ะ…………- -



    “ฉ...ฉันขอโทษนะ วิกเตอร์”



    “ผ...ผม..ไม่เป็นไรครับ” เสียงวิกเตอร์ยังสั่นแต่เป็นความรู้สึกที่ตรงข้ามกันกับเมื่อกี้นี้เลย



    “ผมเตรียมใจไว้แล้วล่ะ เพราะคุณไม่เคยแสดงท่าทีให้ความหวังผมเลย” วิกเตอร์ฝืนยิ้ม



    “แต่ผมจะรอ คุณไม่ต้องห่วง ผมจะทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง” เสียงเขาเริ่มหายสั่น เพื่อนของฉันคนนี้ช่างดีเหลือเกิน แต่ฉันไม่อยากให้เขารอเลยจริงๆ ความเป็นเพื่อนที่ฉันมอบให้ไปมันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เลย



    “ขอบใจนะวิกเตอร์ แต่.....”



    “ผมขอยืนยันว่าผมจะรอ” วิกเตอร์ยิ้มกว้าง นั่นทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก ฉันจึงได้แต่ยิ้มรับ เราสองคนนั่งอยู่เงียบๆสักพักหนึ่งแล้วจึงจ่ายเงินแล้วเดินออกไปจากร้าน







    *********************************



    วันที่ 30 พฤศจิกายน



    - - เฮ้อ...ปิดเทอมซะที ค่อยยังชั่วหน่อย- - งานของประธานนักเรียนหญิงนี่มันเหนื่อยสุดๆเลยแฮะ อย่างกับเราเป็นคนดูแลความเรียบร้อยในปราสาทยังไงยังงั้น แต่ฉันว่ามันก็ท้าทายดีนะ ที่ลำบากจริงๆก็คงแค่ตรงที่มีเวลาอ่านหนังสือน้อยลงมากกว่า ปิดเทอมนี้จะอ่านให้หายอยากเลย คอยดู



    ปิดเทอมปีนี้ ฉัน แฮร์รี่ และรอน ก็ยังอยู่ที่โรงเรียนเหมือนเคย จะมีเพิ่มก็คือวิกเตอร์และนักเรียนปีอื่นอีก3-4คน ส่วนนักเรียนบ้านอื่นเหลืออยู่บ้านละไม่ถึง10คน แต่ที่ฉันแปลกใจที่สุดก็คือ มัลฟอยน่ะสิ น่าแปลกที่ปีนี้เขาอยู่ที่โรงเรียนตอนปิดเทอม ฉันสังหรณ์ใจแปลกๆยังไงชอบกล มัลฟอยเขาจะอยู่ที่นี่ทำไมกันทั้งๆที่บ้าน(หรือจะให้ถูกคือคฤหาสห์)ออกจะหรูหรา สะดวกสบายและทำอะไรได้ตามใจมากกว่าที่นี่นี่นา - - เอ้อ..แต่ก็..ช่างเขาเถอะ- -



    ถึงแม้การสอบส.พ.บ.ส.นั้นจะยังอีกนาน แต่ฉันว่าก็น่าจะเตรียมตัวไว้ให้พร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ การสอบส.พ.บ.ส.เนี่ยสำคัญที่สุดเลยล่ะ ถ้าฉันสอบได้คะแนนดี(หรือที่รอนเรียกว่าได้คะแนนเต็มนั่นแหละ) นั้นนอกจากจะทำให้ได้ประกาศนียบัตรแล้ว ก็ยังจะมีงายจากที่ต่างๆมาเสนอตำแหน่งให้ก่อนที่จะไปสมัครเองเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนรอนกับแฮร์รี่จะยังไม่ค่อยกระตือรือร้นในเรื่องนี้เท่าที่ควร(ที่จริงสำหรับรอนคือไม่เลย) แทบจะทุกวันที่ฉันต้องอ่านหนังสือคนเดียว ส่วนรอนก็มักจะชวนแฮร์รี่เล่นหมากรุกพ่อมดหรือไม่ก็ไพ่สแนประเบิดปังกัน วันนี้ฉันเลยตัดสินใจไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดโดยมีวิกเตอร์ตามมาด้วย....แน่นอนล่ะ...รอนยังคงเหน็บแนมฉันเหมือนเดิม



    “สงสัยคราวนี้คงจะได้คะแนนเต็มกันเป็นคู่ละม้างงง...” รอนตะโกนข้ามห้องมา แต่ฉันขี้เกียจจะใส่ใจ รีบเดินออกมาดีกว่า เดี๋ยวมีเรื่องอีก



    ฉันกับวิกเตอร์นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดด้วยกันสักพัก มัลฟอยก็เดินเข้ามาในห้องสมุด เขาตรงเข้ามาหาเรื่องฉันอีกตามเคย



    “แหมๆ..เกรนเจอร์ คราวนี้ไม่ใช่พอตตี้กับวีเซิ่ลแล้วเหรอ” ฉันล่ะเกลียดเสียงยานคางแบบนี้จริงๆ



    “คราวนี้หัวสูงนะ เลือกควงกับซีกเกอร์ทีมชาติเลยซะด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เลือดสีโคลนอย่างเธอ จะมีคนลดตัวลงมาควงด้วยเนี่ย”



    ฉันโกรธจนลมออกหู แต่ก่อนที่ฉันจะโต้กลับ วิกเตอร์ก็สวนออกไปแทนฉันซะก่อน



    “นี่มัลฟอย ฉันว่านายจะดูถูกเฮิร์ม-ไม-โอน-นี่มากเกินไปแล้วนะ” วิกเตอร์ลุกขึ้นยืนและกระแทกเสียงใส่ มัลฟอยจ้องเขม็งกลับทันที



    “หุบปากไปเลยไอ้ค่อม ที่จริง...ฉันว่าแกก็เหมาะกับยายเลือดสีโคลนนี่เหมือนกันนะ เพราะเท่าที่ฉันรู้มา กำพืดของแกก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเลือดสีโคลนสักเท่าไรหรอก ...หรืออาจจะแย่ยิ่งกว่า...” มัลฟอยพูดอย่างดูถูกเต็มที่ ทำให้วิกเตอร์ชะงักไปทันที และทำให้วิกเตอร์ดูโกรธอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน



    “แล้วนายล่ะ! ตระกูลมัลฟอยที่สูงส่ง แต่ก็เลวไม่ต่างไปจากที่นายว่าฉันเมื่อกี้นี้เลยนะ” วิกเตอร์เน้นคำพูดท่องหลังอย่างชัดเจนทำให้มัลฟอยโกรธจัด



    “แก...........” ฉันเห็นมัลฟอยกัดฟันพูดจนกรามกระตุกและกำลังเงื้อมือขึ้นจะชกวิกเตอร์ - - นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมจู่ๆ2คนนี้ถึงมาทะเลาะกันได้- -



    “นี่...พวกนาย นี่มันห้องสมุดนะ” ฉันพูดอย่างเหลืออด



    “ฉันไม่ได้อยากอยู่นักหรอกนะเกรนเจอร์” พูดจบ มัลฟอยก็สะบัดหน้าออกไปทันที - - เฮ้อ.....ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว- -



    ฉันกับวิกเตอร์นั่งอ่านหนังสือกันต่อ แต่ดูวิกเตอร์อยู่ไม่เป็นสุขเลยตั้งแต่มัลฟอยเดินออกไป เขาจึงขอตัวกลับหอนอนก่อนเพราะไม่มีสมาธิอ่านหนังสือแล้ว ฉันก็เลยต้องอยู่อ่านหนังสือคนเดียว .......เหตุการณ์ณ์ที่มัลฟอยเข้ามาหาเรื่องเริ่มผุดเข้ามาในหัว ไม่เข้าใจเลยว่า2คนนั่นทะเลาะกันเรื่องอะไรและทำไม มันดูแปลกมาก คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ฉันจึงมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่ามันมืดแล้วจึงคิดว่ากลับหอนอนดีกว่า



    ระหว่างที่เดินกลับหอฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่างไปเรื่อยๆด้วย ฉันเห็นคน2คนยืนอยู่ที่สนามหญ้าหน้าปราสาท ...ใครกันนะ.... ฉันหยุดเดินและเพ่งมองออกไป



    “วิกเตอร์นี่นา ยืนคุยกับใครนะ” ฉันเห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยแต่เห็นไม่ชัด



    ฉันจึงเดินไปที่ประตูทางออกของปราสาท แต่ก็ชนกับใครก็ไม่รู้ที่เดินสวนเข้าประตูมาพอดี



    “อุ้ย ....ขอโทษค่ะ......มัลฟอย!!!”  - - ผู้ชายคนนั้น...มัลฟอยเองเหรอ??- -



    “เกรนเจอร์! ซุ่มซ่ามจริง ฉันต้องเอาเสื้อไปซักหลายรอยเลยนะนี่”



    “นี่นาย! ..เลิกหาเรื่องฉันซะที....แล้วนายออกไปทำอะไรน่ะ........นายหาเรื่องวิกเตอร์อีกใช่มั้ย!!”



    “ฮึ! เป็นห่วงกันเหลือเกิน....มันเรื่องของฉัน ยายเลือดสีโคลน”แล้วมัลฟอยก็เดินจากไป - -ชาตินี้ทั้งชาติเราคงไม่มีวันญาติดีกันได้แน่ มัลฟอย ว่าแต่ว่า... วิกเตอร์จะเป็นไงบ้างนะ- - ฉันเปิดประตูออกไป วิกเตอร์ก็ยืนอยู่หน้าประตูพอดี



    “เฮิร์ม-ไม-โอน-นี่!!!  คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน!!” วิกเตอร์ดูตกใจมาก



    “พอดีฉันมองผ่านหน้าต่างลงมาเห็นเธอพอดีน่ะ แล้วก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง” วิกเตอร์ถอนหายใจ ดูท่าทางแปลกๆพิกล



    “มัลฟอยหาเรื่องอะไรเธออีกรึเปล่าวิกเตอร์”



    “อ...เอ่อ..ป..เปล่าครับ” วิกเตอร์ดูแปลกๆจริงๆ ฉันจะถามต่อแต่เขาก็ขัดขึ้น



    “เรากลับหอนอนกันเถอะครับ” สรุป ฉันก็เลยไม่รู้เรื่องอยู่ดี - -เฮ้ออ...........ต้องมีอะไรแน่ๆ แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกแฮะ- -







    *******************************



    วันที่ 25 ธันวาคม



    - -ว้าว.......- - หิมะตกแต่เช้าเลยวันนี้ อากาศหนาวมากจนต้องใส่เสื้อตั้ง3ชั้นแน่ะ เพื่อนรักทั้ง2คนนั่นยังไม่ตื่นอีกตามเคย ส่วนวิกเตอร์ลงมาจากหอนอนทีหลังฉันไม่นาน



    มีของขวัญมากมายกองอยู่ที่พื้นห้องนั่งเล่น ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะถูกใจของขวัญที่ฉันซื้อให้รึเปล่า ของแฮร์รี่ฉันซื้อหนังสือ “หนทางสู่การเป็นมือปราบมาร”ให้เขา ก็เห็นบอกว่าอยากเป็นมือปราบมาร มันคงจะมีประโยชน์กับเขาบ้างนะ ส่วนรอน... จะซื้อพวกหนังสือให้ก็คงจะบ่นยาวเป็นตุเป็นตะ ฉันเลยเลือกถุงมือสำหรับคีปเปอร์และกบช็อกโกแลตลังใหญ่ให้เขา ให้กินให้หนำใจไปเลย(ปีที่แล้วเขาเอาแต่เก็บเงินซื้อแบบจำลองสนามควิดดิช จนไม่ได้ซื้อกบช็อกโกแลตมากินเลย) ส่วนวิกเตอร์ ฉันซื้อปากกาหมึกไม่มีวันหมดให้เขา เขาดูดีใจมากสำหรับของขวัญ(เพราะนอกของขวัญจากแฟนคลับเขา เขาก็ไม่เคยได้ของขวัญจากใครเลย) วิกเตอร์แกะของขวัญเสร็จก็ขอตัวลงไปที่โต๊ะอาหารก่อน ฉันเริ่มลงมือแกะห่อของขวัญของฉันเองบ้างเริ่มจากของแฮกริดซึ่งส่งเค้กช็อกโกแลตก้อนเบ้อเร่อมาให้ ของคุณนายวิสลีย์ส่งขนมฟัดจ์น้ำตาลข้นมากล่องใหญ่(รู้ใจจริงๆ) และของแฮร์รี่ก็เป็นลูกสนิชช็อกโกแลตขนาดเท่าของจริงหนึ่งโหล (จะกินแต่ละทีต้องจับให้ได้ก่อนถึงจะกินได้ ยังดีที่ว่ามันบินไม่ได้เร็วเท่าลูกสนิชของจริง ไม่งั้นคงไม่ได้กินแน่)



    แต่ของขวัญที่เซอร์ไพรส์ที่สุดก็คงจะเป็นของรอน เขาให้กำไลสีเงินซึ่งสลักเป็นลายลูกไม้เล็กๆ ถึงแม้ดูไม่แพงมากนักแต่ดูน่ารักมากเลยทีเดียวล่ะ - -รอนเนี่ยนะจะให้ของแบบนี้ แปลกพิลึก ว่าแล้วก็ลองใส่เลยดีกว่า...- -



    “ชอบมั้ย เฮอร์ไมโอนี่” ทำเอาฉันสะดุ้งนิดนึง - -รอนลงมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย - -



    “อ้อ อื้ม ชอบสิ น่ารักดี ขอบใจนะ” รอนหน้าเริ่มจะเป็นสีเดียวกับผมแล้ว ดูตลกดีแฮะ



    “ดีใจที่เธอชอบ” เขายิ้มกว้างให้ฉัน แล้วเริ่มลงมือแกะของขวัญ ส่วนแฮร์รี่เพิ่งจะลงมาจากหอนอน แล้วก็ตามมาสมทบกับรอนด้วย



    “โอ้โห กบช็อกโกแลต โคตรคิดถึง ไม่ได้กินตั้งปี” รอนโพล่งซะลั่นห้อง “ขอบใจนะเฮอร์ไมโอนี่”



    ขณะที่ทุกคนกำลังง่วนกับการแกะของขวัญ จู่ๆก็มีนกฮูกตัวหนึ่งบินเข้ามาหาฉันแล้วทิ้งกล่องใบเล็กๆไว้แล้วบินจากไป



    “อะไรเนี่ย” ฉันลงมือแกะมันดู แล้วฉันก็ต้องตะลึง....



    - -ว้าวว...แหวนนี่ มีเพชรรูปหัวใจประดับอยู่ด้วย ดูแล้วมันต้องแพงมากแน่ๆ ใครส่งมาให้ฉันกันนะ- - มีจดหมายเล็กๆพับอยู่ในกล่องนั้นด้วย ฉันจึงหยิบมาเปิดอ่าน



    ถึง เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์



                    นี่คือแหวนทองคำขาวบริสุทธิ์ ประดับด้วยเพชรแท้ ซึ่งถูกเสกให้มีคุณสมบัติพิเศษ คือมันจะร้อนขึ้นและเรืองแสงสีส้มยามที่มีภัยเข้ามาใกล้ผู้ที่สวมใส่ หวังว่าเธอคงชอบและเก็บรักษามันไว้ ขอให้เธอใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลาและหมั่นสังเกตที่เพชรด้วยว่ามันร้อนขึ้นและเรืองแสงหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง







    ด้วยความห่วงใย  สุขสันต์วันคริสต์มาส







    “ฮึ!! สงสัยคงจะเป็นวิกกี้สุดที่รักล่ะม้าง” รอนแขวะฉันแล้วโยนกล่องกบช็อกโกแลตลงพื้น แฮร์รี่ได้แต่ส่ายหน้า แล้วก้มหน้าก้มตาแกะของขวัญต่อ (ปีนี้แฮร์รี่ได้ของขวัญเยอะกว่าทุกปีมาก สงสัยจะมาจากแฟนคลับเขาล่ะ) ฉันคิดว่าไม่ใช่ของขวัญจากวิกเตอร์แน่นอนเพราะในจดหมายนั้นไม่ใช่ลายมือของเขา - -ใครกันนะ ที่ให้ของขวัญชิ้นนี้กับฉัน นึกไม่ออกเลย - -



    “ หวานกันซะเหลือเกิน จนน่าหมั่นไส้” รอนยังแขวะต่อ จนฉันอยากจะสวนกลับบ้าง



    “เธอเองก็ใช่ย่อยนี่รอน ผ้าพันคอนั่นเหมาะกับนายดีนี่” ฉันเห็นผ้าพันคอที่ถักด้วยมือแล้วปักเป็นรูปหัวใจวางอยู่บนกองของขวัญของรอน เดาได้เลยว่ามาจากปัทมา รอนพูดไม่ออกทันที ส่วนแฮร์รี่ก็หันไปยิ้มล้อรอน ฉันขี้เกียจจะเถียงต่อเลยเอาแหวนนั้นมาสวมแล้วออกมาจากห้องนั่งเล่นเพื่อลงไปทานอาหารเช้า



    ที่โต๊ะอาหาร(ซึ่งเหลืออยู่โต๊ะเดียว)มีนักเรียนลงมาทานอาหารเช้าอยู่ไม่กี่คน ส่วนอาจารย์ก็มีแค่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลและศาสตราจารย์สเนปเท่านั้น คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่มั้ง เอ...แล้ววิกเตอร์ไปไหนเนี่ย เขาลงมาก่อนฉันตั้งนานแล้วนี่ ...คงทานเสร็จแล้วไปเดินเล่นมั้ง



    ฉันกำลังจะเดินไปนั่งที่แต่ก็มีคนมาขวาง - -มัลฟอยกับลูกสมุนสมองกลวงอีกแล้วหรือนี่.......- -



    “ไง เกรนเจอร์ คู่ควงทั้งสามของเธอไปไหนซะล่ะ” หาเรื่องฉันตามเคย - -วันนี้ฉันอารมณ์ดีนะ อย่าทำให้เสียบรรยากาศได้มั้ย- -



    “เรื่องของฉัน หลีกไป” ฉันผลักมัลฟอยออกไปให้พ้นทาง มัลฟอยเลยเห็นแหวนที่ฉันใส่



    “โอ้โห ยายเลือดสีโคลนมีคนให้ของขวัญคริสต์มาสด้วย ฮะๆ” มัลฟอยหัวเราะพร้อมกับลูกสมุนของเขา - -ทำไม.... ฉันได้ของขวัญแล้วมันหนักหัวอะไรด้วยล่ะ.......- -



    “ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเธอจะมีคนให้ของแบบนี้นะ เกรนเจอร์ มันคงจะแพงน่าดูเลยสิ” - -ดูถูกกันเข้าไป อีตานี่ คนแบบนี้ ต้องสวนไปบ้าง…- -



    “ก็คงจะดีกว่านายนะ พ่อเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่เคยมีใครคิดอยากจะให้อะไรแม้กระทั่งระเบิดเหม็นซักก้อนน่ะ” มัลฟอยหน้าเจื่อนลงไปทันที



    “ปากดีนักนะยายเลือดสีโคลน” มัลฟอยสาวเท้ามาใกล้ฉันเร็วจนฉันตกใจ ดีว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลมาช่วยไว้ทัน



    “มีปัญหาอะไรรึมิสเตอร์มัลฟอย มิสเกรนเจอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดเสียงเครียดข้ามโต๊ะมาทางมัลฟอย



    “เปล่า” มัลฟอยตอบห้วนๆแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ - -ไอ้คุณหนูจอมหยิ่งเอ๊ย...เก่งแต่ปากนี่นา- -



    ฉันเดินไปนั่งที่โต๊ะบ้าง สักพักแฮร์รี่และรอนก็ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกัน ไม่นาน วิกเตอร์ก็ตามเข้ามา



    “วิกเตอร์ เธอไปไหนมา ฉันนึกว่าเธอทานเสร็จแล้วซะอีก”



    “ยังครับ ผมไปเอานี่ ผมให้คุณ สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ” เขาส่งดอกกุหลาบสีแดงให้ฉันดอกหนึ่ง มันดูเหมือนดอกกุหลาบทั่วไปเลย แต่ต่างกันตรงที่...



    “มันเป็นดอกกุหลาบไม่มีวันโรยครับ” ฉันรับมันไว้ “ขอบใจจ้ะ”



    ฉันเห็นมัลฟอยลุกพรวดขึ้นแล้วเดินฉับๆออกไป ส่วนรอนกับแฮร์รี่ดูทำท่างงๆ คงเป็นเพราะพวกเขาคงรู้แล้วว่าวิกเตอร์ไม่ได้เป็นคนส่งแหวนมาให้ และคงจะสงสัยเหมือนฉันตรงที่ - -......ใครกันนะที่ส่งแหวนมาให้ฉัน...- -  ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน







    ****************************



    วันที่ 25 มกราคม (ของปีถัดมา)



    วันนี้ศจ.สเนปสั่งการบ้านพวกเราให้ส่งน้ำยาเคืองโกรธ(ทำให้ผู้ที่ดื่มเข้าไปกลายเป็นคนเกรี้ยวกราดโมโหร้ายโดยไม่รู้ตัวทันที ฤทธิ์ยาจะหายไปภายใน1ชั่วโมง แต่จะส่งผลกระทบกับร่างกาย ทำให้อ่อนเพลีย ซึ่งกว่าจะหายเป็นปกติต้องใช้เวลาราวๆ1เดือน) ซึ่งจะต้องใช้เวลาทำนานเกินกว่า3ชั่วโมง อาจารย์จึงต้องสั่งให้ส่งก่อนเวลาอาหารค่ำแทนที่จะส่งในคาบตามปกติ ฉัน แฮร์รี่ รอน และวิกเตอร์จึงนัดกันมาทำที่ห้องน้ำหญิงชั้นบน เพราะไม่มีใครมารบกวนดี (ดีนะที่วันนี้เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญไม่อยู่ คงไปเที่ยวเล่นข้างนอกละมั้ง) ตอนนั้นฉัน วิกเตอร์และแฮร์รี่ทำเสร็จแล้ว เหลือแต่รอนที่มีปัญหาอยู่คนดียว ตอนนี้เริ่มค่ำแล้วด้วย - -ต้องรีบแล้วนะรอน- -



    “ให้ตายสิ ทำไมมันไม่ใสเหมือนของเธอล่ะเฮอร์ไมโอนี่” รอนบ่น



    “คงเป็นเพราะนายใส่เมือกของหนอนใบไม้ช้าไปน่ะสิ”  ฉันเลยต้องบอกวิธีแก้ให้รอนไป - -สะเพร่าจริงๆเลยรอนเนี่ย- - กว่ารอนจะทำเสร็จก็ปาเข้าไปอีกค่อนชั่วโมง



    “ทำไมมันยากลำบากงี้เนี่ย” รอนยังไม่เลิกบ่น



    “รีบเอาไปส่งกันเถอะ” แฮร์รี่เสนอ แล้วพวกเราก็รีบตรงไปที่คุกใต้ดิน



    ด้วยความที่ห้องของศจ.สเนปค่อนข้างมืดเพราะอยู่ในคุกใต้ดิน ฉันจึงเผลอสะดุดอะไรบางอย่างจนเกือบจะชนแฮร์รี่



    “เฮอร์ไมโอนี่ ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวขวดยาฉันหล่นแตกล่ะก็แย่แน่” แฮร์รี่บ่นไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเพล้งดังขึ้น



    “เฮ้ยยยย!!!! ซวยแล้ว”



    “เกิดอะไรขึ้นรอน” ฉันกับแฮร์รี่ถามพร้อมกัน รอนกำลังชี้หน้าไปที่วิกเตอร์



    “นายย.......นายจงใจแกล้งฉันรึไง” รอนตะคอกใส่วิกเตอร์



    “ไม่นะรอน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันสะดุด..”



    “ชั้นจะฆ่านายยย”รอนดูโกรธมากอย่างที่ไม่เคยเป็น



    “เกิดอะไรขึ้น” ศจ.สเนปเดินเข้ามาพอดี



    “ครัมเค้าทำขวดยาของผมแตกครับ” - -รอนเป็นคนขี้ฟ้องตั้งแต่เมื่อไรกัน- -



    “งั้นรึ งั้นเธอก็คงจะอดได้คะแนนแล้วล่ะมิสเตอร์วิสลีย์  หึๆ ...แล้วฉันก็ขอหักคะแนนกริฟฟินดอร์20คะแนนฐานที่ทำให้ห้องของฉันเลอะเทอะด้วย ส่วนมิสเตอร์ครัม ฉันขอลงโทษกักบริเวณเธอให้มาทำความสะอาดที่นี่ตลอด5วันกับมิสเตอร์วิสลีย์  อ้อ ของมิสเตอร์ใสลีย์แค่3วันก็พอ เพราะฉันยังเห็นใจที่เธอไม่มีงานส่งนะ” ศจ.สเนปพูดอย่างเยือกเย็น



    “ฉันอุตส่าห์ทำแทบเป็นแทบตายนะ กว่าจะได้ไอ้น้ำยาบ้าๆเนี่ย แต่กลับได้ศูนย์ แล้วยังโดนกักบริเวณอีก เพราะนาย!!!” รอนตะคอกใส่วิกเตอร์หลังจากที่พวกเราออกมาจากห้องของศจ.สเนปแล้ว  ตอนนั้นดูเหมือนวิกเตอร์พึมพำอะไรบางอย่างได้ยินไม่ถนัด น่าจะเป็นคำขอโทษนะ แต่รอนกลับเลือดขึ้นหน้าแล้วกระชากคอเสื้อวิกเตอร์ “นี่แกจงใจแกล้งฉันงั้นเรอะ!!”รอนทำท่าจะชกวิกเตอร์แต่แฮร์รี่พยายามฉุดรอนไว้



    “นี่รอน จะมากเกินไปแล้วนะ วิกเตอร์เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ เขาบอกแล้วนี่ว่าสะดุดไปชนนาย ฉันเองก็สะดุดเหมือนกันนะ แล้วเค้าก็โดนกักบริเวณมากกว่านายด้วย เพราะความขี้ฟ้องของนายนั่นแหละ” ฉันขอว่ารอนสักทีเหอะ เขาหงุดหงิดใส่วิกเตอร์บ่อยมากเลยช่วงนี้ แต่สำหรับวันนี้ มันเกินไปจริงๆ รอนจ้องฉันเขม็ง ดูเหมือนเขาจะโกรธมากกว่าเดิม หน้าของรอนแดงกว่าผมเขาอีก



    “นี่!!! เธอเลิกปกป้องและโกรธแทนไอ้นี่เลยนะ คราวนี้ฉันไม่ผิด มันนั่นแหละที่ผิด แล้วฉันก็โดนลงโทษ เหมือนกัน ไม่ใช่มันคนเดียว!!!” เขาตะคอกใส่ฉัน ฉันรู้สึกโกรธมาก



    “รอน อย่าพาลสิ!!” ฉันตะคอกกลับ



    “เออ ใช่ซิ!! ชั้นมันพาล ชั้นมันเลว!! ไม่มีใครดีเท่าวิกกี้ของเธอเลย!” รอนตะคอกดังกว่าเดิมจนฉันตกใจ



    “นี่ รอน ทำไมนายพูดแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ นายเป็นอะไรของนายฮะ!” ฉันพูดอย่างเหลืออดสุดๆ



    “ก็ชั้นหึงนี่!”..................................



    พอถึงตรงนี้ ดูเหมือนทุกอย่างจะหยุดชะงักไปทันที ฉันกับแฮร์รี่มองรอนอย่างสับสน



    “อ.....อะไรนะรอน” - -งงไปหมดแล้วนะ- -



    “ฉ..ฉัน” เสียงรอนเบาลงหน้ามือเป็นหลังมือ “ก็ ฉันชอบเธอนี่” รอนพูดออกมาอย่างรวดเร็ว



    - - - ไม่นะ.....อะไรกันนี่....เอาอีกแล้วเหรอ...ทีแรกก็วิกเตอร์ คราวนี้ก็รอนอีก ฉันจะบ้าตาย- - - ฉันไม่เคยคิดกับสองคนนี้เกินไปกว่าคำว่าเพื่อนเลยนะ ปีนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย……



    “รอน แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉัน...คิดกับเธอได้แค่เพื่อน” ฉันพยายามพูดไปตรงๆ หวังว่ารอนคงจะเข้าใจแต่รู้สึกว่าฉันจะผิดหวัง



    “ฉันรู้! ว่าเธอมีแต่ครัมเท่านั้น ฉันไม่เคยหวังอยู่แล้ว เธอคงจะโกรธฉันด้วยสินะที่ฉันทำให้เขาโดนกักบริเวณมากกว่าฉัน ” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นรอนทำท่าจะร้องไห้ พอรอนพูดจบเขาก็วิ่งพรวดออกไปทันที



    “เฮ้ย! รอน เดี๋ยวก่อนสิ” แฮร์รี่ตะโกนแล้ววิ่งตามออกไป ปล่อยให้ฉันกับวิกเตอร์ยืนงงกันอยู่เงียบๆ



    “ผม...ขอโทษ ผมผิดเอง” วิกเตอร์พูดอย่างสำนึกผิด



    “ไม่หรอก เธอไม่ผิด ไม่มีใครผิด”  - - แล้วต่อไป ฉันกับรอนจะมองหน้ากันติดมั้ย จะทำไงดี.......- -







    *************************



    วันที่ 2 กุมภาพันธ์



    นับตั้งแต่วันนั้น ฉันกับรอนก็แทบจะไม่มองหน้ากันเลย ฉันกับแฮร์รี่จึงไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น จนบรรดาแฟนคลับของแฮร์รี่เริ่มนินทาหาว่าฉันกับแฮร์รี่คบกันบ้าง ไม่ก็ว่าฉันควงควบสองคนระหว่างแฮร์รี่กับวิกเตอร์บ้าง แม้แต่มัลฟอยก็ยังพูด จนกระฉ่อนไปทั่วโรงเรียน เลยพลอยทำให้รอนไม่คุยกับแฮร์รี่ไปด้วย แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี อยากจะปรึกษาแฮร์รี่ แต่เวลาว่างก็ดันไม่ตรงกันเลย แฮร์รี่กับรอนต้องซ้อมควิดดิชเกือบทุกวัน ส่วนฉันก็ต้องทำหน้าที่ประธานนักเรียน ฉันล่ะอึดอัดใจจริงๆ อยากจะเคลียร์กับรอนเร็วๆ



    การสอบส.พ.บ.ส.ก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที ฉันก็เลยต้องเตรียมตัวมากขึ้น โชคดีที่วันนี้งานของประธานนักเรียนไม่ค่อยมีอะไร ฉันเลยมีเวลาว่างมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดได้ แต่จู่ๆ ปาราวตีก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา



    “เฮอร์ไมโอนี่ๆ...เมื่อกี๊ฉันเจอแฮร์รี่”



    “ทำไมเหรอปาราวตี วิกเตอร์กับแฮร์รี่ถูกศาสตราจารย์มักกอนนากัลกักบริเวณไม่ใช่หรอ” ฉันงงเล็กน้อย สองวันก่อนวิกเตอร์กับแฮร์รี่เม้ากันเรื่องควิดดิชเวิลด์คัพในคาบของศจ.มักกอนนากัลเสียงดังมากจนโดนกักบริเวณ - -รู้สึกจะโดนทำโทษให้คัดลายมือละมั้ง- -



    “ใช่ เขากำลังจะไปหาอาจารย์นั่นแหละ แต่แฮร์รี่ดันลืมเอาปากกาไปน่ะสิ เขาเลยขอให้ฉันไปเอาที่หอนอนชายให้หน่อย แต่เผอิญฉันต้องไปส่งงานให้ศาสตรจารย์ทรีลอว์นีย์น่ะ เฮอร์ไมโอนี่ช่วยไปแทนฉันทีนะ” ปาราวตีพูดซะยาว



    “ได้จ้ะๆ เธอไปส่งงานเถอะ” ฉันรีบเก็บของแล้วออกมาจากห้องสมุด



    พอฉันเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นรอนนั่งปั่นการบ้านอยู่คนเดียว รู้สึกว่าจะเป็นรายงานเดียวกันกับของปาราวตีนะ สงสัยรอนคงจะเพิ่งมาทำแน่เลย กำหนดส่งภายในวันนี้ซะด้วย - -เชื่อเค้าเลย- - รอนเงยหน้ามามองฉันแว่บหนึ่งแล้วก็ก้มลงเขียนต่ออย่างไม่สนใจ นั่นมันทำให้ฉันหงุดหงิด ฉันจึงรีบเดินปึงปังขึ้นหอนอนชายทันที จู่ๆฉันก็รู้สึกร้อนๆที่นิ้ว แหวนที่ได้เป็นของขวัญจากใครก็ไม่รู้มันร้อนขึ้นแล้วก็เปล่งแสงเป็นสีส้ม ฉันนึกถึงคำพูดในจดหมายนั่นทันที - - มันจะร้อนขึ้นและเรืองแสงสีส้มยามที่มีภัยเข้ามาใกล้ผู้ที่สวมใส่ - - ฉันจึงค่อยๆเปิดประตูแล้วค่อยๆมองลอดเข้าไป - - ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา- - ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก



    แต่พอฉันก้าวเข้าไปในหอนอนชาย ฉันก็ถึงกับช็อค!!!



    นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น!! มีเศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้นห้อง พ่อมดตัวจิ๋วที่ใส่ชุดควิดดิช ก็กระจายกันไปคนละทิศละทาง ใครบางคนได้ทำลายแบบจำลองสนามควิดดิชของรอนจนไม่มีชิ้นดี!!!! - -ฝีมือใครกันเนี่ย!!!- -



    พอฉันตั้งสติได้จึงรีบก้มลงเก็บเศษแก้วและตุ๊กตาพ่อมด แต่รอนก็เข้ามาในห้องพอดี เขาช็อคแทบสิ้นสติ



    “รอน..คือว่า...” ฉันยังไม่ทันอธิบายอะไร รอนก็พูดขึ้นมาก่อน



    “ท...ทำไมเธอ...ต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย” รอนเสียงสั่นมาก .....- -ไม่ใช่นะรอน ไม่ใช่อย่างงั้น- -



    “ไม่ใช่นะรอน ฉ...ฉันไม่ได้ทำ ฉันเข้ามา มันก็เป็นแบบนี้แล้วนะ”



    “แต่ฉันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตลอดเย็น! ไม่มีใครเข้ามาในนี้เลยนอกจากเธอ แล้วอีกอย่าง ครอบแก้วนั่น มันจะแตกเพราะใช้คาถาขั้นสูงเท่านั้น และมีเธอคนเดียวในกริฟฟินดอร์ที่ทำได้!!!!!” ฉันอึ้งเงียบไปทันที ตอนนั้นฉันพูดอะไรไม่ออกเลย - -รอนคิดว่าฉันเป็นคนทำ!!!- -



    “ฉ..ฉันรู้ ว่าเธอโกรธฉัน ที่ฉันทำให้วิกกี้ของเธอโดนทำโทษคราวนั้น แต่เธอก็ไม่น่าจะทำกันขนาดนี่!!!!!” รอนโกรธจนตัวสั่น ดูโกรธมากกว่าครั้งนั้นมาก .....ไม่จริงรอน ฟังฉันก่อน...



    “เรา ไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป!!!” แล้วรอนก็วิ่งออกไป เวลานั้น เหมือนกับว่าฉันถูกรอนชกหน้า สมองของฉันกลวงไปหมด ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรมีจุกที่คอ น้ำตาของฉันเริ่มไหลพรากอย่างไม่ยอมหยุด



    - - - ไม่นะรอน ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่มีวันทำร้ายเพื่อนรักของฉันอย่างนี้ ...........ความเป็นเพื่อนของเรา สิ้นสุดแค่นี้เหรอ ไม่จริงงง........- - -



    ความรู้สึกในตอนนั้นฉันจำได้เลยว่า มันเป็นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉัน สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือการเพื่อนที่ฉันรักที่สุดนั้นหมดเยื่อใยต่อกัน.......... แล้วมันก็เกิดขึ้นแล้ว........



    *******************โปรดติดตามตอนต่อไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×