ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Promised Neverland Rey x oc

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่5 : การร้องไห้ในคำนองเพลงของคนโกหก 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.36K
      304
      9 ธ.ค. 64




    การร้องไห้ในคำนองเพลงของคนโกหก

    ...


    **


    "เอเลน่า"

    มือของเขายื่นออกไปสัมผัสกับมือนุ่มนิ่มข้างเตียง เพียงแค่เรียกเสียงเบา นัยน์ตาสีฟ้างดงามก็ลืมตาขึ้นมา 

    "อื้อ..." ดูเหมือนจะยังไม่ได้ตื่นเต็มตาเท่าไหร่ และพร้อมที่จะหลับได้ทุกเมื่อ เสียงหวานครางกระซิบอย่างหงุดหงิด

    เรย์ไม่สะทบสะท้าน 

    "ขยับหน่อย" 

    สั้นๆได้ใจความ ร่างกายสีขาวน้ำนมขยับเหลือพื้นที่ให้ทันทีแบบอัตโนมัติ  เรย์ลุกจากเตียงมุดหายเข้าไปในผ้าห่มก่อนจะโผล่หัวขึ้นมาข้างหมอนของอีกคน 

    เสียงถอนหายใจเบาๆ

    "ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?"

    "...." 

    คำถามที่รู้อยู่ว่ายังไงก็คงจะไม่ได้รับคำตอบ  เอเลน่าถอนหายใจเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นมากอดเขาเอาไว้ 

    "ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้" เสียงกระซิบหวานอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

    "อื้ม.."

    เรย์ตอบเสียงครางรับรู้ เขามุดเข้าไปในอ้อมแขนในร่างเล็กอีกคนก่อนจะค่อยๆหาที่นอนสบายแล้วหลับตาลงไป 

    ท่ามกลางความมืดที่โอบล้อม สองร่างสีขาวที่นอนแนบชิดกันบนเตียงใหญ่ เมื่อเห็นร่างอีกคนที่ค่อยๆหายใจอย่างสม่ำเสมอ 

    มือเล็กสีขาวในความมืดค่อยๆเคลื่อนไหว ลูบไล้เส้นผมที่ปรกใบหน้าด้านข้างของอีกคนเบาๆ บนขอบตาที่ดูแดงช้ำดูเหมือนเจ้าของดวงตาสีม่วงงดงามนี้จะแอบร้องไห้มาก่อน 

    นัยน์ตาสีฟ้าในความมืดสั่นไหวระริกก่อนจะหรี่ตาลงด้วยความสงสาร

    เรย์ที่ฝันร้ายกลางดึกแล้วจะแอบขึ้นมานอนบนเตียงของเธอ 

    ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

    เหตุการณ์ที่เขาเริ่มมานอนกับเธอมากขึ้นคงน่าจะเริ่มตั้งแต่วันนั้น....

    วันที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดในราตรี 

    ทุกอย่างเงียบสงันในฟิลด์เฮ้าส์ ไม่มีเสียงฝีเท้าบนทางนอนและเสียงพูดคุย

    ในห้องแต่ละห้องมีเสียงหายใจแผ่วเบา เสียงหลับใหลของเด็กบนเตียงนอนและเสียงละเมอเล็กๆ 

    บนเตียงสีขาวหลังหนึ่ง ร่างเล็กๆนอนสะสับสะส่ายไปมาในความมืด เรียวคิ้วเข้มค่อยๆขมวดแน่น 

    ก่อนจะลืมตาเบิกกว้างในความมืดอย่างหวาดกลัว 

    "อ๊ากกกกก!" 

    เสียงกรีดร้องดังลั่นภายในห้องทำให้ทุกคนที่นอนฝันหวานสะดุ้งตื่นขึ้น 

    "เรย์?"  เด็กผู้ชายคนโตข้างเตียงที่อายุมากสุด รีบลุกขึ้นมาดูน้องชายที่ตื่นขึ้นมากลางดึก 

    แต่เขาพยายามปลอบเท่าไหร่น้องชายก็ไม่ตอบสนอง

    "มีอะไร!?" ประตูเปิดออกพร้อมร่างของมาม๊าที่รีบวิ่งเข้ามาถามอย่างเป็นกังวล 

    เรย์ไม่ตอบคำถามของใครทั้งนั้น เขาเอาแต่สั่นระริกกอดเข่าตัวเองด้วยใบหน้าซีดเผือด มาม๊ารีบก้มลงอุ้มเขาขึ้นมากอดและพูดปลอบประโลม 

    "ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว ทุกอย่างแค่ฝันร้าย" อิซาเบลล่าลูบหัวพูดกล่อมลูกน้อยที่กำลังตื่นตระหนก เธอเดาจากท่าทางได้ว่าเรย์ต้องฝันร้าย

    พี่น้องบางคนที่ตื่นเปิดประตูมาดูอย่างงัวเงีย และบางคนที่ตื่นตกใจคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น

    มาม๊าไล่กลับเสียงนุ่มให้ไปนอนต่อ และบอกเพียงว่าเรย์ฝันร้ายเลยตื่นมากลางดึก เด็กๆที่โตกว่าได้ยินก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

    บางคนก็เป็นห่วงก่อนจะพากันจูงเด็กที่อายุน้อยที่บังเอิญตื่นขึ้นมากลางคันกลับไปนอนต่อ 

    "มาม๊า?" เอเลน่าจับขอบประตูมองดูร่างหญิงสาวที่กำลังกล่อมเรย์ที่กำลังร้องไห้ ด้านหลังมีเอ็มม่าที่ตาตื่นๆเกาะอยู่ด้านหลัง 

    "แค่ฝันร้ายน่ะจ๊ะ ทุกคนกลับไปนอนเถอะ เดียวมาม๊าจะพาเรย์ไปนอนด้วยคืนนี้"

    มาม๊าตอบเธอและนอร์แมนกับเอ็มม่าที่ลุกขึ้นมาดูเรย์ด้วยสีหน้าเป็นห่วง ร่างสูงเพียวเดินแยกไปยังห้องนั่งเล่น พวกเราสามคนเป็นห่วงจึงตามเข้าไปด้วย  

    เรย์ไม่ค่อยจะร้องไห้ แต่พอเขาร้องไห้ขึ้นมาก็แทบทำเธอตื่นตระหนก รู้สึกเจ็บปวดหัวใจไปหมด 

    เขาร้องไห้เงียบๆกอดคอมาม๊าไว้แน่นเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้าย ดวงตาสีดำอมม่วงของเขาแดงช้ำอย่างน่าสงสาร

    เธอรู้สึกเปรี้ยวจมูกและร้อนตาเล็กๆ 

    เธอรู้สาเหตุที่เขาเป็นแบบนี้ เธออยากปลอบเขาตอนฝันร้ายแต่ฉันก็ทำไม่ได้

    เพราะหลังจากครั้งล่าสุดที่พวกเราแอบไปดูประตูต้องห้ามมา นับจากนั้นไม่กี่วันมาม๊าก็จัดระเบียบห้องใหม่

    พวกเราสี่คนถูกจับแยกกัน

    อิซาเบลล่าให้ข้ออ้างว่า เนื่องจากเด็กที่เริ่มโตขึ้นและน้องเล็กที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ต้องแบ่งอายุชายหญิงที่กำลังจะหกขวบให้นอนแยกห้องชายหญิงเพื่อปรับให้ชินสภาพเร็วๆ 

    เพื่อโตขึ้นจะได้ช่วยเด็กโตคนอื่นดูแลน้องๆที่อายุน้อยสุดได้ 

    นับจากนั้นเธอจึงอยู่ห้องแยกกับพี่คนโตคนหนึ่งและช่วยดูแลน้องในห้องร่วมกับเอ็มม่า เรย์กับนอร์แมนอาศัยอยู่ห้องตรงข้ามกับพี่คนโตผู้ชาย

    แต่ทุกๆคืนเรย์จะฝันร้าย เขาจะตื่นขึ้นมากลางดึก 

    บางวันเขาก็อาเจียนออกมาจากการนอนหลับไม่เพียงพอ เขามักจะเหม่อลอยและอ่านหนังสือคนเดียว และไม่ยอมไปเล่นกับคนอื่นจนทำให้พวกเราเป็นห่วง  

    ตั้งแต่เมื่อไหรไม่รู้เหมือนกันที่ดึกๆมาเขาจะแอบเปิดประตูเข้ามานอนบนเตียงของเธอ ตื่นเช้ามาก็แทบทำให้พี่น้องต่างแปลกใจ

    นานเข้าทุกคนในห้องเหมือนรู้แต่ก็ปิดตาข้างหนึ่งและเปิดตาข้างหนึ่ง เพราะพี่น้องในบ้านรู้ดีว่าเรย์เริ่มฝันร้ายบ่อยครั้ง และคนที่สนิทกับเขามากที่สุดก็เป็นเอเลน่า

    นั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องพึงพาเธอ

    แน่นอนว่าเขาพยายามเคลื่อนไหวไม่ให้มาม๊ารู้ แต่ฉันคิดว่าอิซาเบลล่าน่าจะจับสังเกตได้มานานแล้ว แต่เธอก็ทำเหมือนพี่น้องในบ้าน

    เอเลน่านึกย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านมาก่อนที่ความง่วงจะค่อยๆเพิ่มขึ้นมา เธอกระชับผ้าห่มมาคลุมบริเวณระดับหน้าอกก่อนจะหลับไปพร้อมกับคนในอ้อมแขน

    'ขอให้คืนนี้เรย์สามารถนอนหลับได้อย่างฝันดี...'


    ......

    เช้าของวันหนึ่งทุกคนออกไปวิ่งเล่นในสวนอย่างสนุกสนาน

    ยกเว้นคนหนึ่ง

    "วันนี้เรย์ก็อ่านแต่หนังสือ แล้วไม่ยอมมาเล่นกับพวกเราอีกแล้ว" เอ็มม่าพูดโกรธเคือง เพราะเดียวนี้เด็กชายผมดำในกลุ่มมัวแต่สนใจหนังสือมากขึ้น  

    พี่น้องคนอื่นก็กำลังเล่นวิ่งไล่จับกันอยู่ คงมีแต่เด็กชายที่นั่งต้นไม้อ่านหนังสือเงียบๆคนเดียว ขนาดเอเลน่ายังไม่ขยันขนาดนี้ 

    "เอาน่า เดียวพอเขาว่างก็มาเล่นด้วยกันเองแหละ" นอร์แมนพูดแก้ตัวให้เรย์ ก่อนที่เอเลน่าเด็กผู้หญิงใบหน้างดงามจะถอนหายใจ 

    "ไปกันเถอะ ทุกคนรออยู่นะ" เธอจูงมือเพื่อนชายและหญิงของเธอไปหากลุ่มพี่น้องคนอื่นๆ

    ก่อนไปดวงตาสีฟ้างดงามแอบหันไปมองเด็กชาย ที่มีใบหน้าเย็นชากำลังจมอยู่กับหนังสือในมือ 

    ซ่าา ซ่าา

    เสียงใบไม้ปลิวลงมาตามแรงลมแผ่วเบา ต้นไม้ใหญ่ข้างหลังของเขาดูร่มรื่นแต่กลับเพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวให้แก่เขาเล็กน้อย

    สิ่งที่เอเลน่าพอทำให้เขาได้ในตอนนี้ คือการปิดกั้นพี่น้องคนอื่นเพื่อเปิดพื้นที่ส่วนตัวให้เรย์ในการคิดอะไรหลายๆอย่าง เพื่อตัดสินใจว่าเขาจะทำอะไรต่อไป 

    ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไรเธอพร้อมจะก้าวไปพร้อมกับเขาเสมอ

    ......

    หลังจากที่เด็กๆคนอื่นไปหมดแล้ว เรย์ที่หน้ากำลังจมกับหนังสือกำลังใช้ความคิดตัวเอง 

    ครอบครัวสุขสันต์.... บ้านแสนสุข 

    ไม่ใช่เลย!

    นี่คือฟาร์ม พวกเราคืออาหาร

    ทำยังไงดีล่ะ? ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่..

    ครอบครัวและฉันจะต้องถูกกินหมดแน่!

    เรย์คิดกับตัวเองอย่างปวดหัว เขาเอาหนังสือมาบังหน้าในขณะที่พยายามคิดแผนหลบหนี 

    เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มมาหลายวันแล้ว 

    ปรากฏว่าทุกอย่างนั้นคือความเป็นจริง 

    มีปีศาจอยู่ข้างนอก และเด็กที่ถูกส่งออกก็ตายหมดแล้ว.. เพราะอย่างนั้นถึงได้ไม่มีจดหมายส่งมา

    จะทำอย่างไรดี...

    ความคิดทางจิตใจนี้ทำให้เด็กน้อยรู้สึกอ่อนเพลีย ขณะที่เขาเอนกายลงพิงต้นไม้ หนังสือในมือที่แน่ใจว่าเขาจะไม่ล้มเหลวในการทดสอบในวันพรุ่งนี้หรือวันอื่นๆ เขาอ่านมันเงียบๆ

    จากการที่เขาใจเย็น วิจัย คิด เพื่อทำให้อยู่รอดได้นานขึ้น ทุกสองเดือนเด็กหกขวบที่ได้คะแนนต่ำที่สุดในการสอบจะถูกสั่งซือ  

    ตอนนี้พวกเราอายุห้าขวบ อีกไม่นานก็จะหกขวบแล้ว 

    คะแนนของนอร์แมนและเอเลน่าได้คะแนนเต็มการสอบครั้งก่อน และเอ็มม่าก็คะแนนดีถึงจะไม่มากเท่าสองคนนั้น แต่พวกเราก็คงจะปลอดภัยไปสักพัก...

    'แต่ว่า'  มีเรื่องหนึ่งที่ค้างคาใจเขามาสักพักแล้ว 

    'แล้วพวกเขาล่ะ?'
     
    นัยน์ตาสีม่วงกวาดสายตามองจากไกลๆ 

    เฮฮา ฮ่าฮ่า 

    เขาเห็นเด็กๆและพี่น้องกำลังเล่นวิ่งไล่กันบนทุ่งเกรซ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ร่าเริง

    พอคิดว่าคนพวกนี้สักวันจะถูกส่งออกจากบ้านนี้ไปเพื่อไปเป็นอาหารของปีศาจพวกนั้น 

    เขาก็...

    "เรย์มาเล่นด้วยกันเถอะ!" เสียงแหลมเล็กๆของน้องๆของเขาเอ่ยเรียกเมื่อหันมาสบสายตาพอดี 

    เรย์ฝืนยิ้มบางๆเขาส่ายหัวปฏิเสธ เด็กๆอายุน้องทั้งสามพากันคร่ำครวณเสียดาย เรย์ทำตัวปกติแต่ในใจเขาหวาดกลัว...จนมือที่กำแน่นบนสันหนังสือก็สั่นอย่างห้ามไม่ได้ 

    ไม่ยินยอม

    เขาไม่ยินยอม

    ใครจะเต็มใจที่จะเห็นพี่น้องของตัวเองถูกส่งออกไป ...แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ 

    เรย์ปิดหนังสือในมือ เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีดวงอาทิตย์ฉาดส่องลงมา ความร้อนนี้ทำให้เหงื่อเขาไหลลงมาข้างขมับ ก่อนที่มือสีข้าวสาลีของเด็กชายจะปิดตาตัวเองนิ่งๆ...

    ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เด็กชายเย็นชาคนนี้กำลังคิดอะไร

    ...

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ทุกคนใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข... และเป็นอีกครั้งที่เขาฝันร้าย 

    มาม๊าต้องเข้ามาปลอบเขาอย่างทุกที ไม่ว่าจะพยายามทำตัวเข้มแข็งขนาดไหนเขาก็ห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้ 

    เขาฝันถึงพี่น้องที่ถูกส่งออกไป 

    เขาช่วยพวกเขาไม่ได้ 

    ฉันไม่ได้อยากให้พวกเขาต้องตาย 

    แต่ว่าฉันจะทำอะไรได้ ไม่มีทางช่วยทุกคนได้! 

    เขาได้เอ่ยชักชวนพี่น้องทุกคนมาเรียนหนังสือ เพื่อปรับปรุงคะแนนให้ดีขึ้น

    "เฮ้ วันนี้มาเรียนกันเถอะ!" 

    "เอ๋ ไม่เอาอ่ะ"

    "ทำไมต้องเรียน?"

    'เพราะถ้าไม่ทำจะถูกฆ่าน่ะสิ!' 

    "....."

    แต่ฉันพูดออกมาไม่ได้...ทำอะไรไม่ได้เลย ฉันต้องฝันร้ายทุกคืน 

    ต้องถูกเอเลน่าและนอร์แมนกับเอ็มม่าเป็นห่วง อาเจียนออกมาในระหว่างวันจากการกดดันตัวเองมากเกินไป

    สุดท้ายแล้วพวกเขานั้นก็ยังถูกส่งออก 

    เข้าใจแล้วล่ะ.. 

    แม้ว่าพวกเราจะทำให้คะแนนของทุกคนมากขึ้น ใครสักคนก็ต้องถูกฆ่าแทน

    กลัวมาก 

    ทำไมฉันถึงเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ด้วย? ทำไมฉันถึงเป็นคนเดียวที่จำได้?

    ควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือเปล่านะ... 

    ถ้าฉันไม่สนใจคงจะเป็นอิสระจากความ'เจ็บปวด'นี้ 

    แม้ว่ามันจะเป็นการ'โกหก'..

    ฉันก็อยากให้สิ่งที่เป็นอยู่มันเหมือนเดิม 

    "ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว มันแค่ฝันร้าย" 

    เสียงอ่อนโยนปลอบประโลมลูกน้อยในอ้อมแขน 

    ทำให้น้ำตาของเขาไหลล้นออกมามากขึ้น กอดคอของหญิงสาวร่างสูงไว้แน่นเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย ไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาในห้อง 

    สุดท้ายแล้วทุกคนก็ตายอยู่ดี

    มือใหญ่ที่ค่อยตบปลอบประโลมบนแผ่นหลัง มันร้อนผ่าวและอบอุ่นไปถึงหัวใจ  

    มาม๊าใจดีมาก

    ทุกคนก็มีความสุข 

    ใช่.. 

    ไม่เป็นไรหรอก...

    ...ถ้าฉันปล่อยมันไว้อย่างที่เป็นอยู่...

    ค่อยๆหลุบเปลือกตาที่แดงช้ำลง ซุกบนไหล่อย่างสั่นระริก...  หลับไหลในอ้อมกอดของมาม๊า...

    ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วลืมทุกอย่าง

    ถ้าแค่นั้น...

    ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม...?


    หมับ..


    ?

    บางอย่างกำลังสัมผัสบนหลังมือพร้อมหยดน้ำเล็กๆ ร่างกายที่กำลังสั่นระริกไม่ต่างจากเขา 

    "...." ลืมตาสีดำอมม่วงลึกลับขึ้นมามองอย่างสงสัย ก่อนจะพบกับดวงตากลมโตสีฟ้าครามของใครบางคนที่คุ้นเคย 

    'เอล..' เรย์เลิกคิ้วแปลกใจ 

    ใบหน้าสวยของเด็กผู้หญิงที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด ของเอเลน่าตอนนี้กำลังร้องไห้อย่างเงียบๆ น้ำตาใสรินผ่านแก้มขาวนวล  ริมฝีปากแดงกำลังถูกกัดแน่นจนซีดขาว

    "ไม่เป็นไรแล้วเรย์ ไม่มีอะไรต้องกลัว" พยายามฝืนยิ้มทั้งน้ำตาจนดูน่าสงสาร  ทั้งแก้มและตากำลังแดงมาก

    หมับ 

    หมับ

    วินาทีต่อมาก็มีอุ้งมือเล็กๆสองอันวางทับหลังมือของเด็กหญิงที่จับมือเขาไว้อีกที 

    "ฮรึก.."

    "ฮือ.."

    นอร์แมนและเอ็มม่า...ทั้งสองคนกำลังกลั้นน้ำตาไม่ต่างกับเอเลน่า นัยน์ตาสีเขียวสุกใสและสีฟ้าทะเลในตอนนี้กำลังแดงระเรื่อไม่ต่างกัน 

    ดูเวทนาจนน่าสงสาร

    "อย่าร้องไห้นะเรย์อย่าร้อง"

    ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน เด็กทั้งสามคนก็ร้องไห้กันระงมเสียงดัง โดยที่เรย์ในอ้อมแขนมาม๊านอนมองเงียบๆ

    "...."

    "...."

    พี่สาวและพี่ชายเด็กคนโตในบ้านที่รับผิดชอบดูแลน้องๆแอบมองผ่านประตู ก่อนจะพากันพูดยิ้มๆอย่างลำบากใจ

    "ถึงจะพูดแบบนั้นพวกเธอก็กำลังร้องไห้อยู่นะ"

    "ตอนที่เรย์เศร้า พวกเราก็เศร้าด้วย" เอ็มม่าพูดกะกุกะกักน้ำมูกยืด

    เรย์มองเพื่อนทั้งสามคนของเขาเกาะเอวของมาม๊าพลางสะอือไห้เล็กๆ 

    ดวงตาสีม่วงอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว

    .....รู้สึกหัวใจอุ่นวาบเล็กน้อยที่เห็นพวกเขาเป็นอย่างนี้

    "เรย์.." เสียงกระซิบเล็กๆอย่างระมัดระวัง 

    เจ้าของดวงตาฟ้าครามและเส้นผมสีทองกำลังจับมือเขาไว้แน่น เรย์หลุบเปลือกตาที่สั่นระริกเล็กน้อย ค่อยๆกุมมือของเอเลน่าไว้อย่างตอบกลับ

    แม้ว่าจะหลอกลวง แต่ฉันก็อยากจะมีความสุข ก็ความเป็นจริงมันช่างน่ากลัว...

    แต่ว่า....

    ภาพของพวกเราสี่คนที่เกาะประตูเหล็กวันนั้น คุยกันถึงเรื่องชีวิตข้างนอกอย่างสนุกสนานมันแวบผ่านเข้ามา 

    "นายอยากจะทำอะไรเหรอ ถ้าได้ออกไปข้างนอก?" 

    คำถามที่ยังไม่ได้ตอบ ทั้งสามคนที่เฝ้ามองเขาเงียบๆ หลังพวกเรากลับมาถึงบ้านในวันนั้นยังติดอยู่ในหูของเขาถึงทุกวันนี้  


    สิ่งที่ฉันอยากจะทำ....


    คือการเห็นพวกนายมีชีวิตรอดออกไป


    ......................
    ........
    ....
    ..

    50%
     

    ภายในป่าที่เงียบสงัน 

    เด็กชายอายุราว6ขวบคนหนึ่ง..กำลังยืนอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ 

    ดวงตาสีดำอมม่วงลึกลับคู่นั้น เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ส่องผ่านใบไม้ที่มีความหนาแน่นสูง

    สายลมอ่อนโชยพัดพาใบไม้มาเบาๆ ชวนให้ร่างกายรู้สึกสงบร่มรื่น

    [เรย์...]

    กึก

    จิตสำนึกเหมือนหลอนจนได้ยินเสียงเอ่ยกระซิบชื่อของเขาอย่างอ่อนหวาน

    เมื่อคิดถึงว่าดวงตาที่สดใสและอ่อนโยนเหล่านี้ จะไม่สามารถมองเขาในอนาคตได้อีกต่อไปแล้ว...

    ....

    ดวงตาว่างเปล่าคู่นั้นเนินนานค่อยๆวาวแสงสีม่วงเข้ม เขาหลุบเปลือกตาจ้องมอง'กิ่งไม้แหลม'ในมือนิ่ง 


    "เฮ้อ..."


    เสียงถอนหายใจออกเบาๆ 


    ...ก่อนที่วินาทีถัดมาเด็กชายจะ


    กัดฟันเงื้อมมือข้างนั้นขึ้น...




    ผัวะ...!




    .....


    วันที่ 15 มกราคม 2040 

    ท้องฟ้าสดใส 

    อากาศปลอดโปร่ง 

    เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกคนมีความสุขเหมือนเฉกเช่นทุกที 

    แต่ว่า...

    "อ๊ะ เรย์บาดเจ็บมาล่ะ!?"

    "เลือดออกด้วย!"

    เสียงกรีดร้องตกใจของคนรอบข้าง ทำให้เธอรู้ว่าเรย์กลับมาพร้อมกับมาม๊าในป่า

    และ....พร้อมกับบาดแผลหลังใบหูที่โชกเลือด....

    เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน 

    วันนี้แล้วสินะ วันที่เรย์เดิมพันทุกอย่างกับอิซาเบลล่า

    พร้อมกับความผิดหวังในตัวมาม๊า ที่คิดว่าอีกฝ่ายจะเลือกฝั่งตัวเอง เขาแบกรับความโดดเดี่ยวคนเดียวเงียบๆ

    เป็นสายลับให้กับมาม๊า

    "มาม๊า เรย์ไปโดนอะไรมาหรือคะ?" พี่ๆที่ล้อมดูเอ่ยถามสงสัย

    "เล่นไม่ระวังเลยโดนกิ่งไม้เกี่ยวเอาน่ะสิ" อิซาเบลล่าตอบเด็กๆที่ยืนดูเธอรักษาบาดแผลให้เรย์เสร็จ 

    "จากนี้ก็เล่นระวังหน่อยนะ อย่าให้โดนน้ำล่ะ เข้าใจไหม?" 

    อิซาเบลล่าลูบหัวเด็กชายเบาๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มเหมือนทุกที ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกล่องพยาบาล ไม่มีใครอาจรู้ได้เลยว่าภายในใจของคนคนนี้กำลงคิดบางอย่างอยู่

    "หวา... ได้ยินว่าเลือดออกเยอะเลย น่ากลัวจัง ฉันไม่กล้าดูเลย" เอ็มม่ากระซิบกับนอร์แมนอยู่ข้างหลังเอเลน่าอย่างกังวล 

    "เรย์ต้องเจ็บมากแน่" นอร์แมนกระซิบกลับอย่างเป็นห่วง 

    พี่ๆและเด็กคนอื่นพูดปลอบประโยนเรย์ ตบไหล่แล้วค่อยๆแยกย้ายกันไป เมื่อคนออกไปเกือบหมดแล้ว เอ็มม่ากับนอร์แมนที่คิดจะเข้าไปหาเพื่อนสนิทข้างในก็ชะงัก 

    เพราะมือเรียวสีขาวอมชมพูก็ยื่นออกมาขว้างหน้าไว้เสียก่อน

    "...หือ??"

    "เอเลน่า?" เอ็มม่ามองเพื่อนสาวผมยาวบลอนด์ทองเบื้องหน้าอย่างโง่งม 

    "ทั้งสองคน ฉันขออยู่เงียบๆกับเรย์สักพักนึงได้หรือเปล่า?"  เอ่ยขอด้วยสีหน้าขอโทษอย่างน่ารัก

    "เอ๋"

    เอ็มม่ากับนอร์แมนถึงแม้จะงงๆ ทั้งคู่ก็เอ่ยตกลงและยังอาสาไปยืนเฝ้าที่หน้าประตูให้ด้วย เพราะคิดว่าเอเลน่าอาจมีเรื่องที่จะพูดกับเรย์ละมั้ง

    ...

    แอ๊ด....เสียงปิดประตูดังตามหลัง

    "สองคนนั้นสนิทกันมากเลยเนอะ..." เอ็มม่าพูดเบาๆอยู่ตรงหน้าประตูห้องกับนอร์แมน 

    "ฉันก็อยากอ้อนเอเลน่าเหมือนกันนะ" บ่นอุบอิบครู่หนึ่ง ก่อนวินาทีถัดมาจะเผลอหลุดหัวเราะคิก

    ในหัวก็คิดว่าเรย์ต้องร้องไห้ขี้มูกโปงกับเอเลน่าแน่ๆ พอคิดแล้วก็ขำเล็กน้อย เรย์ที่ขี้เก๊กแบบนั้นลับหลังต้องให้เอเลน่ามาปลอบ(?) 

    วันนี้จะยกเอเลน่าให้ก็แล้วกัน

    "อื้ม..." นอร์แมนอมยิ้มเมื่อเห็นเอ็มม่ากำลังกลั้นหัวเราะคิกคัก ในหัวก็คิดภาพอย่างเดียวกันอย่างไม่รู้ตัว

    #ภาพพจน์ของเรย์ในใจของสองคนนี้ถูกทำลายลงในวันนี้เอง

    #เข้าใจผิดแบบไม่รู้ตัว


    'เด็กดีจังเลยนะ' ฉันเอ่ยชมตัวเอกที่น่ารักทั้งคู่ 

    โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเหล่าตัวเอกทั้งสองคน ตอนนี้กำลังคิดภาพเรย์ร้องไห้อย่างน่าอนาถในหัว(?) 

    ก่อนที่จะหันกายเดินไปหาเด็กชายคนหนึ่ง กำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงเงียบๆคนเดียว

    ตึก ตึก ตึก 

    เสียงปลายรองเท้าบูทเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

    "เรย์..?" 

    มือเรียวเล็กยื่นออกมาลูบหัวอีกคนเบาๆอย่างอ่อนโยน ปลายหางตาเหลือบมองใบหูที่ติดผ้าก๊อซไว้


    "เจ็บไหม?"


    ...เจ็บหรือเปล่า?


    หัวใจของนาย


    "...." 

    ดวงตาสีดำอมม่วงที่คุ้นเคยเงยขึ้นมาสบสายตากันครู่หนึ่ง.. สายตาอีกฝ่ายดูว่างเปล่าและประหม่า? ก่อนวินาทีถัดมาจะก้มหน้าลงไป

    "เรย์?.." เธอไม่ยอมแพ้เลยเอ่ยเรียกอีกครั้ง

    เพราะเรย์ไม่ตอบเธอเลยหยิกแก้มเขาเบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรำคาณเลยจับมือมากุมเอาไว้อย่างหลวมๆ

    "ไม่เป็นไร" เขากระซิบตอบเบาๆเหมือนปกติ 'พยายามทำตัวปกติ'

    "ไม่เจ็บ" เอ่ยเสียงราบเรียบฟังดูเย็นชา

    โดยเขาไม่ได้ตระหนักเลยว่ามือที่กุมกันไว้อยู่กำลังสั่นเล็กน้อย บ่งบอกถึงภายในใจของเจ้าตัวไม่ได้ไม่เป็นไรอย่างที่ปากพูด

    ดวงตากลมโตสีฟ้าครามเอ้อคลอ จมูกรู้สึกเปรี้ยวจนเริ่มแดงระเรื่อเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้นพยายามกลืนน้ำตากลับไป 

    ก่อนจะตอบกลับแย้งเสียงสั่นระริก

    "คนโง่.. จะไม่เจ็บได้ยังไง" 

    หมับ..!

    มือเล็กข้างหนึ่งเอือมมาโอบกอดหลังศีรษะเขาเบาๆด้วยความสงสาร 

    รู้สึกถึงความแข็งทื่อของคนในอ้อมแขน ก่อนที่เรย์จะค่อยๆผ่อนคลายทิ้งเรี่ยวแรง ...แล้วเอนพิงศีรษะลงมา

    "เอล..." กระซิบเสียงเบา มือที่กุมกันไว้เขย่าเบาๆเหมือนกับกำลังอ้อน

    ช่างดูไร้เดียงสา

    "หืม?" เธอขานตอบเหมือนทุกที 

    มือข้างหนึ่งเกลี่ยเส้นผมของเขาเล่น


    "ฉันเจ็บ" 


    กึก

    "....." ปลายนิ้วที่เกลี่ยเส้นผมหยุดชะงัก 


    รู้สึกถึงความชื้นในอกเสื้อ 

    "เจ็บ" 

    หัวใจมันเจ็บมาก น้ำตาหลั่งรินเงียบๆ

    หมับ..

    สองแขนของเด็กชายโอบเอวอีกคนเอาไว้แน่น 


    ถามว่าเขาผิดหวังไหม ..ก็คงจะใช่ 

    แต่ไม่มากเท่าไหร่ อาจเพราะพอรู้คำตอบอยู่แล้ว ถึงได้เตรียมแผนสองเอาไว้

    เอเลน่า... สำหรับมาม๊าแล้ว พวกเราก็เป็นแค่....

    .....

    [ผมรู้ความลับของเฮาส์แล้ว]


    [เอายังไงดีล่ะ? จะฆ่าหรือเปล่า?]


    สีหน้าตกใจนั้น แล้วก็รอยยิ้มหลังจากนั้น...

    ...

    [มาม๊า ผมอยากทำข้อตกลง] 


    แค่เห็นแววตานั้น... 


    ผมก็รู้แล้วว่าเธอเลือกอะไร

    ...

    4นาที 51วินาที นั้นคือเวลาที่มาม๊าหาเขาจนเจอ หลังจากที่ทำลายเครื่องติดตามหลังใบหู นั้นหมายความว่าเธอจะรู้ถ้าพวกเราทำมันผัง

    เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะช่วยทุกคนไว้ได้

    เขารู้... รู้ดีเลยล่ะ


    เพราะอย่างนั้น...


    ภายในอ้อมแขนของอีกคน ดวงตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นมาใหม่ดูแข็งกร้าวอย่างไม่น่าเชื่อ



    ถ้างั้น... อย่างน้อยทั้งสามคน ฉันจะต้องช่วยไว้ให้ได้





    ++++++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++++++++++

    แต่งสดๆก็เงี้ย มีแก้มีลบบ้าง... ถ้ามีคอมเม้นเยอะๆอาจจะมาต่อให้บ่อยๆงับ #แบบว่ายังมีคนอ่านอยู่นะไรงี้

    ***
    25264**

    ไรท์ไม่ได้มาแต่งนิยายเลยอ่ะ เรื่องอื่นก็ดองเอาไว้เหมือนกัน เพราะโดนที่บ้านพูดให้เกี่ยวกับการแต่งนิยายนี้แหละ  

    วันนี้อยู่ๆก็คิดถึงนู๋เรย์เลยมาแต่งให้จบตอนก่อนดีกว่า 

    ฮรึก เรย์จ้า  //บางทีเอ็มม่ากับนอร์แมนก็ไม่ได้เข้าใจผิดซะทีเดียว... แค่ก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×