ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่26 : ช่วงฤดูหนาวสุดท้าย 100%
(T T ไรท์แต่งแบบง่วงไปไม่ได้ตรวจคำผิด
ตอนเช้าจะกลับมาอ่านทวนอีกรอบว่าพิมพ์ไรไป...)
บนหลังเปียโนสีดำขนาดใหญ่ ถูกประดับประดาไปด้วยลูกไม้สีขาวและกุหลาบสีน้ำเงินสด โดยมีร่างเพียวบางร่างหนึ่ง กำลังเอนตัวนอนราบกับพื้นผิวเย็นเฉียบของเนื้อไม้เนียนระเอียด
ท่ามกลางแสงจันทร์สะท้อนเรือนกายขาวผ่อง ที่มีเพียงเสื้อคลุมกึ่งกระโปรงสีน้ำเงินเข้มตัวเดียว เผยให้เห็นเรือนกายที่น่าสะท้านใจแบบเด็กสาวแรกรุ่น ริมฝีปากสีโอรสน่ากลืนกิน เรียวขาขาวเย้ายวนที่ถูกผูกด้วยริบบิ้น
ผิวขาวเนียนอมชมพูและเส้นผมที่กระจายเป็นวง ตัดกับสีดำของเปียโนใต้ร่าง ยิ่งทำให้ร่างนั้นดูโดดเด่นประกอบกับกิริยาท่าทางชวนเกียจคร้านเล็กๆ
นิ้วเรียวยาวของเธอแตะบนกลีบกุหลาบสีน้ำเงินเข้มในมือ... หญิงสาวหลุบตาที่ถูกปัดด้วยอายไลเนอร์และลูกปัดกลมๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยกากเพชรระยิบระยิบ
นัยน์ตากลมโตกระจ่างใสเหมือนดวงดาราแวววาว คลี่รอยยิ้มเจิดจรัสไม่ต่างจากจันทร์ฉาย ก่อนจะบีบดอกไม้ในอุ้งมือให้กลีบแต่ละกลีบร่วงหลุดอย่างเอาแต่ใจ
สะกดคนดูให้ยืนจ้องดูอย่างตื่นตาตื่นใจ เสียงกดชัดเตอร์ยังคงดังแว่วมาไม่ขาดสาย ...พร้อมๆกันนั่น ยังสามารถบีบรัดหัวใจของเด็กหนุ่ม
ที่นั่งหอบอุ้มช่อดอกกุหลาบสีน้ำเงินเข้มหน้าเปียโน เรือนผมสีบลอนด์ที่ถูกเช็ททรงเสยขึ้นข้างหนึ่ง เปิดเผยหน้าผากได้รูปและเรียวคิ้วของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีเขียวสะท้อนภาพกลีบดอกไม้สด สีน้ำเงินบนพื้นไม้เปียโนได้อย่างดี ก่อนที่เขาแย้มยิ้มอ่อนและทำหน้าเหมือนดอกไม้ในมือของหญิงสาวนั้นคือหัวใจของเขาซะเอง
แชะ แชะ แชะ
"เยี่ยม เยี่ยมมาก อย่างนั่นแหละ"
เสียงบ่นพึมพำตลอดช่วงสั่งเริ่มฉากครั้งแรกยังคงเอ่ยไม่หยุด ในมือก็กำกับแสงสีรอบข้างให้ส่องรอบๆหญิงสาวกับชายหนุ่มให้มากๆ
ภาพข้างต้นที่กล่าวมานั้นคือเอเดรียนและไดอาน่านั้นเอง
ใช่แล้วค่ะ... ตอนนี้พวกเราสองคนกำลังสวมบทบาทของภาพที่ถ่ายอยู่นั้นเอง
ถ้าสงสัยว่าพวกเรามาอยู่ที่สตูดีโอตอนนี้ได้ยังไง ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้...
......
ไดอาน่าเข้าใจความรู้สึกบทสรุปของวลีนี้ทันที 'ถ้าฉันไม่สามารถรับมันได้ คุณก็อย่าคิดว่ามันจะราบรื่น'
มันคือสถานการณ์ที่บอกตัวตนในตอนนี้ได้ดี ภายในรถกว้างของลีมูซีนทันหรู ดูคับแคบไปทันตาเห็น หลังจากที่เด็กทั้งสี่คนนั่งอยู่แบบนั้นเงียบๆ
เมื่อรถจอดถึงที่หมายปลายทาง เอเดรียนกับมาริเน็ตก็พุ่งออกจากรถไปก่อนที่ฉันกับนาธานจะรู้ตัวเสียอีก ให้เรียกว่ารถยังจอดไม่สนิทดีด้วยซ้ำ
โชคดีจริงๆที่ดูเหมือนว่ามาริเน็ตกับเอเดรียนจะควบคุมตัวเองได้ และไม่ได้แสดงอาการแปลกๆออกมาให้เห็นอีกเมื่อเอเดรียนถูกนาตาลีเชิญให้ไปที่ห้องรับรองห้องหนึ่ง เพื่อหลบฉากไปแต่งหน้าแต่งตัวสำหรับเข้าซีนถ่ายแรก
ฉันที่ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เมื่อรู้ตัวว่าฉากแรกที่ต้องถ่ายมันก็คือตัวเองกับเอเดรียนนั้นแหละ
ส่วนมาริเน็ตก็ถูกนาธานดันเข้าห้องแต่งตัวด้วยกันกับเธอ สงสัยกลัวว่าฉันจะแกล้งเขาโดยให้มาริเน็ตตามเขาไปก็ได้
หลังจากที่นาธานปรี่(หนี)ไปเตรียมตัวเพื่อเข้าฉากถ่ายแบบกับนางแบบมือใหม่ ฉันก็พามาริเน็ตไปนั่งพักที่ห้องแต่งตัวของตัวเอง
หลังจากที่ทุกอย่างจัดการเสร็จพร้อม เธอก็ลุกออกไปเพื่อถ่ายทุกอย่างให้เสร็จๆ ทิ้งมาริเน็ตให้นั่งเล่นอยู่ในห้องแต่งตัวไปพลางๆก่อน
หวังว่าคุณนางเอกจะไม่ซนมากขนาดลุกเดินหลงทางไปทั่วหรอกนะ
ตุบ
เสียงของปลายรองเท้าหนังที่เหยียบลงพื้นพรม ที่กระจัดกระจายไปด้วยแสงไฟเล็กๆและกลีบดอกไม้ที่ถูกโปรยลงมาบางส่วน ดึงสติของหญิงสาวที่เหม่อให้กลับคืนเข้าร่าง ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองเงาที่คืบคลานเข้ามาใกล้
ร่างสูงเดินและหยุดเอนตัวลงเหนือร่างหญิงสาวที่กำลังเพลินเพลิดไปกับการขย้ำขยี้ดอกกุหลาบรอบๆ
ปลายนิ้วแกร่งของเขายื่นมาสัมผัสปอยผมสีเงินบางส่วนควบคู่กับดอกกุหลาบ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้และจดจ้องเธอตอนที่เขากำลังสูดดมดอกไม้และเส้นผมสีเงินงวลในมือ
ดวงตาสีเขียวของเขาวูบวาบกับแสงไฟ ชั่ววูบหนึ่งเหมือนเธอจะเห็นดวงตาสีเขียวของเอเดรียนเป็นดวงตาของแคทนัวร์
ขณะที่ตัวเธอกำลังตื่นตระหนก เสียงตบมือและเสียงคัตของผู้กำกับก็ดังขึ้นแทรกพอดี
"คัต-! โอเค พักได้!"
ผู้กำกับยิ้มร่าเริงที่งานไปอย่างราบรื่น คอนเซ็ปต์ถูกถ่ายออกมาได้สมบูรณ์ตามที่คาดไว้ และออกจะได้มาดีเกินคาดจากหลายๆภาพที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวหามุมกล้องตัวเองได้ดี
คอนเซ็ปต์ครั้งนี้คือกลิ่นน้ำหอมที่ผู้หญิงใส่ได้ผู้ชายใส่ก็ดี...เพราะมันคือกลิ่นดอกกุหลาบ เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามและคุณผู้ชายเจ้าสำอาง
ธีมคือ..
[ชายหนุ่มที่อยากจะหล่อเลี้ยงให้เธอเติบโตและค่อยๆแย้มกลีบบานออก เหมือนดอกกุหลาบสีน้ำเงิน แต่อย่างไรก็ตามดอกไม้ดอกนี้เพิ่งจะใช้หนามของเธอทิ้งบาดแผลจนเลือดไหลไปทั่วร่างกายของเขา]
"ขะ ขอบคุณค่ะ" ไดอาน่ารีบลุกตัวขึ้นเพื่อถอยห่างจากคุณพระเอกไปไกลๆ รู้สึกเหมือนตัวเองรอดตายมาแบบทันเฉียดฉิวยังไงไม่ทราบ
แต่ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองจะรอดแล้วซะอีก ปรากฎว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น..
ตึง
เสียงกระทบของผนังและแขนสองข้างที่ยื่นมากักตัวเธอเอาไว้ระหว่างกลับเข้าห้องแต่งตัว ไดอาน่าตัวแข็งค้างในท่าเดิน
ชิบ... ฉันพลาดไปที่ตรงไหน ต้องเป็นเพราะระหว่างทางเกิดอยากดื่มน้ำขึ้นมาแน่ๆ
ฉันที่เผลอลดท่าทีป้องกันตัวเองลงเพราะนึกว่าจะได้กลับบ้านซะที ถึงกับแข็งค้างหลังชนกำแพง โชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้...
'ทะ ท่าคาเบะ ด้ง ก็มา!'
"ทำไม..."
เสียงแหบติดพร่านิดๆถูกเอ่ยขึ้น พร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นบนขมับของเขา
"ทำไมเธอถึงได้มีกลิ่นดึงดูดฉัน..." เอเดรียนมองด้วยความสับสน เขาควรจะไม่ได้กลิ่นแต่ทว่ากลิ่นหอมหวานที่ซาบซาจนเคลิบเคลิ้มล่องลอยนี่เล่า..
"......"
เพราะฉันเป็นซิลเวอร์ในเล่า!? จะให้ฉันตอบแบบนี้น่ะเรอะ?
"กลิ่นอะไร? หมายถึงน้ำหอมใหม่ฉันน่ะเหรอ" ไดอาน่าทำท่าไม่เข้าใจ พร้อมแสร้งยกแขนตัวเองขึ้นมาดมเพื่อความสมจริงด้วย
"ฉันไม่เหมือนจะได้กลิ่นเลยนะ" เธอพูดแย้งไปเพื่อปกป้องตัวเอง
สิ้นเสียงนั้นเอเดรียนดูเหมือนจะหลงทางไปกับฤดูหาคู่มากกว่าที่ฉันคิด เขาโน้มตัวลงมาใกล้พร้อมต้นขาที่แทรกกลางระหว่างกระโปร่งตัวยาวของเธอ จนกระโปร่งมันเลิกขึ้นเล็กน้อย
ฉันหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ดวงตาสีเขียวของเขาเหมือนมีม่านหมอกบดบัง
โอ๊ยให้ตาย! สติเขาหลุดไปแล้ว
"เอเดรียน!" เธอร้องขึ้นเพื่อเรียกสติของเขา
ดวงตาของเขากลับคืนสู่ปกติ เขาดูงุนงงกับท่าท่างล่อแหลมที่พวกเราอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่เขาจะผละออกไปจนหลังไปกระทบกับผนังอีกด้าน
"!?"
เอเดรียนตาเบิกกว้างขึ้นพร้อมยกมือปิดปากและหน้าแดงก่ำ
"ฉะ ฉัน ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าทำไม..ทำไมฉันถึง.." เอเดรียนหอบและสำลักคำพูดไปมา ฉันโบกมือขึ้นทันทีเมื่อเห็นเขาดูตื่นตระหนก
"เดี๋ยว..เราค่อยคุยกันเรื่องนี้ ยังมีอีกฉากสำคัญที่เราต้องถ่าย.."
เธอปรับอารมณ์ให้เย็นลงขณะที่เอ่ยเตือนเขา ทำให้เอเดรียนรู้ตัวและได้สติว่าอยู่ระหว่างทางกลับห้องแต่งตัวนั้นเอง
"อ้อโอเค..ได้"
เขาพยักหน้าก่อนจะเม้มปากแน่น ดูเหมือนตัวเด็กหนุ่มกำลังวิตกกังวลน่าดู พลางคิดหาข้ออ้างไปด้วย
ขณะที่เราสองคนเดินขนาบข้างกันไปเงียบๆ ก็เกิดบรรยากาศเดดแอร์ตลอดทางที่เดินผ่าน ฉันและเขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบสายตามามองกัน
เพราะกลัวว่าจะเผลอหลุดท่าทางแปลกๆไปให้อีกฝ่ายสงสัย
ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะหลุดจากบรรยากาศอึดอัดนี้ยังไงดี ฉันก็เหลือบเห็นประตูข้างหน้าเปิดอ้าเอาไว้ พร้อมแสงไฟที่ลอดออกมาจากหลังบานประตู
ห้องใครเนี้ย...ตอนที่กำลังสงสัยอยู่นั้น
ภาพสะท้อนจากกระจกอีกฝั่งก็ปรากฏให้เห็นเงาสองร่างที่คุ้นตา
[........]
what!?
กึก
ฉันที่หยุดชะงักฝีเท้าและคนข้างๆที่หยุดตามไปด้วย
??
เอเดรียนที่เห็นคนข้างๆหยุดก่อนจะมองเข้าไปในห้องข้างๆนิ่ง เด็กหนุ่มก็ชะเง้อคอดูด้วยความสนใจ....ก่อนจะพบเข้ากับ...
มาริเน็ตที่กำลังรุกนาธาเนียลอยู่!?
'อะไรกันเนี่ย มาริเน็ตกับนาธาน.. พวกเขาสองคนแอบคบกันอยู่เหรอ???' เอเดรียนคิดอย่างสงสัยและตกตะลึงเล็กน้อย เพราะที่โรงเรียนตัวเขาไม่เคยเห็นทั้งสองคนทำตัวสนิทสนมกันเหมือนคู่รักกันเลย
หรือว่าทั้งสองคนจะแอบคบไม่ให้คนในห้องรู้?
"...." เอเดรียนที่อ้าปากเหวอและจินตนาการไปไกลลิบ เขาดูตกใจและคาดไม่ถึงอย่างมาก อย่าว่าแต่เขาคนเดียวที่ตกใจ ฉันที่ยืนใบ้กินตรงนี้ก็อึ้งทึ่งเสียว(?)พอๆกับคุณพระเอก
หมับ
เธอรีบดึงเนคไทด์ของเอเดรียนให้ก้มลงมา พร้อมปิดปากเขาเพื่อบอกว่าให้เก็บเป็นความลับ เอเดรียนจึงทำท่าจะอ้าปากถามอะไรสักอย่าง
"ชู่วว" เธอยกนิ้วเรียวทาบริมฝีปากสื่อให้เขาเงียบ ไม่ได้สนใจระยะห่างระหว่างกันเท่าไหร่ เอเดรียนมองไดอาน่านิ่งค้างเมื่อเห็นท่าทางจริงจังใกล้ๆ แก้มของเขาอดขึ้นสีแดงไม่ได้
ส่วนไดอาน่าก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย...เพราะตอนนี้ต่อมเผือกของเธอกำลังทำงาน!?
ในสายตาของฉันที่เห็นคือ..เลดี้บัคที่กำลังรุกโซโร่อยู่!
โอ๊ยย ต่อมจิ้นของฉันกำลังรุกเป็นไฟ
เต่าทองกับจิ้งจอกแดงล่ะแม่จ้าว! ให้ตายสิฉันอยากจะเอาไปเม้าท์มอยกับอัลย่าหรือไม่ก็นีโน่!
"มะ มาริ..เน็ต" เสียงกระซิบแผ่วเบาของนาธานดังลอกเข้ามาอีกครั้ง
ฉันไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรไม่ดีกันอยู่หรือเปล่า เพราะเธอรีบหมอบตัวลงทันทีเพราะกลัวข้างในเห็น(?)
เธอรีบเปลี่ยนตัวเองเป็นตุ๊กแกเกาะกำแพงประตูทันที ข้างหลังก็เป็นเอเดรียนที่ยกมือมาปิดหน้าเอาไว้
แต่ก็แงมๆพอให้ตามองเห็นเช่นกัน
กลายเป็นว่าฉันกำลังพาเอเดรียนหรือคุณพระเอกของเรานั่งยองๆกับพื้นเพื่อถ่ำมอง-แค่กๆ! แอบมอง...คนข้างในอยู่
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพาอีกฝ่ายนิสัยเสียเลย
"ไดอาน่า...ไปกันเถอะ" เอเดรียนกระซิบเสียงดูตื่นๆ
เขาคงกลัวว่าจะมีคนมาเห็นแทนคนข้างในสินะ ขณะที่ฉันเตรียมจะหาป็อบคอร์นมานั่งดู ชายหนุ่มที่หน้าแดงก็สะกิดเธอยิกๆเหมือนสื่อว่าปล่อยสองคนนั้นเอาไว้เถอะ!
ฉันที่กำลังจะแย้งว่ารออีกแป๊บหนึ่ง ขอส่องอีกหน่อย...เอเดรียนที่เหมือนจะเกิดหน้าบางขึ้นมากระทันหันทนไม่ไหว เขาจับมือเธอขึ้นพร้อมลากออกไปจากห้อง
เมื่อหูของพวกเราได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินมาทางนี้
เธอจึงจำใจต้องมองประตูนั้นอย่างเสียดาย
ม่ายน๊า! อีกนิดเดี่ยวแท้ๆ
ฉันอยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นอ่ะ!
30%
สุดท้ายตลอดถ่ายฉากครึ่งหลังต่อ เธอก็ไม่ได้เรื่องราวอะไรต่อเลย นาธาเนียลทำตัวปรกติได้ดีมากซะจนเธอไม่กล้าไปถามอะไรแปลกๆ
ปรกติซะจนฉันเผลอคิดว่าเหตุการณ์หลังประตูล่าสุดวันนี้คือเรื่องโกหกแนะ...ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามาเจอมาริเน็ตอีกทีหลัง....
หลังจากที่ถ่ายรูปชุดที่สองเสร็จเมื่อเปิดประตูเข้ามา เธอก็เห็นคุณนางเอกคุกเข่าแทบจะกราบขอขมาให้เธอตั้งแต่หน้าประตูห้อง
รายนี้สิสติแตกของจริง!
เธอแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ตอนที่เห็นเด็กสาวทำหน้าจะร้องไห้ มาริเน็ตพูดจาไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ดูเหมือนจะยังจูนสมองไม่เข้าที่อยู่ สุดท้ายฉันก็ปล่อยให้มาริเน็ตไปนั่งหลบมุมกุมขมับคร่ำครวณอยู่คนเดียวเงียบๆ
อย่างเช่น...
"คราวนี้เขาต้องเกลียดฉันแล้วจริงๆแน่เลยทิกกี้... โอ๊ย ฉันทำบ้าอะไรลงไป๊! จบสิ้นแล้วชีวิตนี้"
หรือไม่ก็..
"อัลย่าช่วยฉันด้วย...ฉันทำเรื่องงามหน้าไปซะแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นนะถ้าเกิดว่าฉันได้เข้าคุก...?"
เห...แค่หอมแก้มนี้เข้าคุกเลยเหรอ.. จินตนาการสูงจริงๆนางเอกเรา
ฉันที่แอบฟังอยู่หลังม่านยกมือปิดปากกลั้นขำเงียบๆ พลางส่ายหัวเหนื่อยหน่ายไปมา
"เอาล่ะ แล้วเราจะเอายังไงเรื่องของเอเดรียนดี" แจสเปอร์โผล่ออกมาจากหลังผมของเด็กสาว เจ้าตัวกำลังอ้าปากหาวได้ที่เลย
"ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น"
"เธอคิดว่าใช้วิธีนี้มันดีที่สุดแล้วงั้นเหรอ?"
"ใช่ สำหรับพวกเราทั้งคู่นั้นแหละ"
ถ้าตอนนี้น่ะนะ..ทำเป็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นจะดีที่สุด ถ้าเกิดคุณพระเอกไม่มาเอ่ยเรื่องนี้อีกทีหลังล่ะก็ แผนBที่ฉันคิดไว้คงต้องได้ยกออกมาใช้แน่ๆ
........
ตอนกลางคืนมาถึง มันเป็นเวลาที่ฉันกับนาธานจะต้องไปลาดตระเวนด้วยกันคืนนี้ แต่รอนานแล้วก็ไม่เห็นแฝดชายตัวเองออกมาซะที
ก๊อก ก๊อก
"นาธาน ฉันเข้าไปนะ?"
เธอจับลูกบิดประตูก่อนจะเปิดแง้มออก ก่อนจะเอะใจเมื่อห้องมันมืดสนิท แต่ก่อนที่จะได้มองหาสวิตซ์ไฟ ซอลย่าก็บินออกมาก่อนพอดี
"ซอลย่า นาธานล่ะ?" เธอเห็นซอลย่าออกมาแค่ตัวเดียวก็เลยสงสัย
"เขาหลับเร็วมากเลย ฉันพยายามจะปลุกเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่านาธาเนียลจะเหนื่อยมาก ก็เลย...เอ่อ ปลุกไม่ตื่น" ซอลย่าเอ่ยเสียงเบาหวิว
"โอ้.." เธอพยักหน้าเข้าใจซอลย่า ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจเท่าไหร่
เพราะว่าถ้านาธานเหนื่อยมากๆแล้วเขาได้เกิดหลับขึ้นมาล่ะก็ เจ้าตัวจะหลับสนิทแบบสุดๆปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น
"เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะลองไปหาเลดี้บัคดู เผื่อว่าเธอจะยอมมาลาดตระเวนคืนนี้ด้วยกัน"
"ฝันดีไดอาน่า แล้วก็ขอโทษด้วยนะ" จิ้งจอกแดงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดก่อนจะบินกลับไปที่เตียงนอน
"ราตรีสวัสดิ์จ๊ะซอลย่า ไม่เป็นไรหรอกฉันเข้าใจ" เธอปิดประตูอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะหันมาหาแจสเปอร์ที่ทำหน้าง่วงอยู่
"เราจะเอายังไงต่อ?" แจสเปอร์ส่งเสียงหวิวๆดูแผ่วเบา เธออดเลิกคิ้วไม่ได้
แม้แต่ความิก็เหนื่อยเหมือนกันงั้นเหรอ
"วันนี้ท่าจะมีแต่คนเหนื่อยๆนะ เรารีบไปหาเลดี้บัคกันเถอะ" เธอเอ่ยบอกแจสเปอร์ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ฟ็อกซ์
เมื่อร่างกายสวมชุดสูทฤดูหนาวเสร็จเรียบร้อย เธอก็เปิดประตูระเบียงก่อนจะกระโดดออกไปข้างนอก กระโดดข้ามตึกและอาคารเพื่อมุ่งหน้าไปหาเต่าทอง
"ก๊อก ก๊อก"
เสียงเคาะกระจกหน้าต่างห้องของมาริเน็ตดังขึ้นมาแผ่วเบา ความิตัวน้อยสีแดงบินออกมาเปิดกระจกจากข้างในให้
"ซิลเวอร์? คุณมาทำอะไรที่นี่?" ทิกกี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ดูเหมือนว่าฉันจะมารบกวนเวลานอนของเธออยู่ ฉันจึงอธิบายเรื่องที่โซโร่หลับไป
"ขอโทษนะ ฉันคิดว่าวันนี้เลดี้บัคคงออกไปลาดตระเวนด้วยไม่ได้ มาริเน็ตหลับไปตั้งแต่ทำวิชาการออกแบบเสร็จ ฉันลองสะกิดดูแล้วเธอไม่ตื่นเลย"
'มาริเน็ตก็ด้วยหรือเนี่ย....' เธอคร่ำครวณในใจเงียบๆ
"งั้นเหรอ..ช่วยไม่ได้นะ งั้นฉันคงต้องไปลาดตระเวนคนเดียวสินะ" เธอลูบคางคิดและเอ่ยพึมพำอย่างลำบากใจ
ทิกกี้ได้ยินจึงหันมาจ้องเขม็จ
"ฉันแนะนำว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย คุณก็รู้ว่าไปลาดตระเวนคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามาริเน็ตรู้เธอจะโกรธคุณแน่ อีกอย่างถึงพวกเราจะเป็นฮิโร่แต่มันก็ไม่ปลอดภัยนักในตอนกลางคืน"
ตอนกลางคืนมันก็ไม่ปลอดภัยจริงๆนั้นแหละ ไม่งั้นพวกเราสี่คนคงไม่ตั้งกฏให้ลาดตระเวนทีละสองคนขึ้นมาหรอก
"งั้นฉันจะลองไปหาแคทดู"
"นั้นก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเหมือนกัน นี่มันกำลังจะปลายเดือนแล้วนะซิลเวอร์!"
"นั้นก็ไม่ได้ นู๊นก็ไม่ได้" เธอตีหางตัวเองพรึ่บพรับอย่างหงุดหงิด "ฉันมีทางเลือกไม่มากน่ะสิทิกกี้..เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัวเองดีๆ ราตรีสวัสดิ์เต่าทองน้อย"
ทิกกี้เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ถอนหายใจ"ราตรีสวัสดิ์ซิลเวอร์ ขอให้เธอโชคดี"
"เช่นกัน" เธอหันไปขยิบตาให้ทิกกี้อย่างหยอกล้อทีหนึ่ง เพื่อบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงไปฉันเอาตัวรอดได้ ก่อนจะกระโดดออกมา
...
ฟุบ ฟุบ
ร่างสีขาวกระโดดเหยียบกิ่งไม้ ก่อนจะดีดตัวส่งตัวเองข้ามไปยังอีกตึก จิ้งจอกสีขาวเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองอย่างคล่องแคล้วไปยังหน้าต่างห้องของเอเดรียน
ก่อนจะหยุดชะงักที่กระจกบานใส มันจะมีบานหนึ่งที่เอเดรียนจะไม่ได้ล็อคเสมอ เพื่อให้เธอเข้ามาได้ทุกเวลาที่มีธุระ
เธอเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าคืนนี้คงจะเป็นคืนที่ยาวนานและยากลำบากสำหรับเราสองคนแน่ๆ แต่เพราะพวกเราเคยผ่านมาแล้วเพราะงั้นเราต้องผ่านไปได้สิ..
เธอมองผ่านเข้าไปก่อนจะพบว่ามันมืดมาก
"ห้องมืดขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเขาหลับไปแล้วหรอกหรือ?" เธอบ่นกับตัวเองเสียงเบา งานนี้อาจจะมาเสียเที่ยวอีกแล้วก็ได้
ถ้าเขาหลับไปอีกคน สงสัยคืนนี้คงต้องแหกกฏซะแล้วสิ
ฉันคิดพร้อมกับมองไปรอบๆ ใช้สายตาที่ดีต่อวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืนมองไปที่เตียงหลังใหญ่ของเด็กหนุ่ม เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ปลายเตียง ก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า..?
"เอ้า" เธออุทานเมื่อพบว่าบนเตียงไม่มีร่างที่ควรจะอยู่ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆก็มีเสียงบางอย่างที่ด้านหลัง
"เอเดรียน.. นั้นนาย?" เมื่อเธอหันไปมองก็ไม่พบอะไร ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าด้านข้าง แต่เมื่อลองหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย..
เธอหันไปข้างหลังอีกรอบเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ แต่ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นเคย
...แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกจ้องอยู่เลยล่ะ.....
ควับ!
เสียงตุบข้างหลัง ทำให้เธอหันไปมองควับ ก่อนจะพบแต่ความมืดของห้อง..
เหงื่อเริ่มตกที่ข้างขมับพร้อมกับความระแวง
"เฮ้! เอเดรียนนี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ ฉันจะต่อยนายแน่ถ้านายทำให้ฉันกลัว" ฉันเอ่ยขู่ไปด้วยใจฝ่อๆ
สิ้นเสียงเธอพูดจบประโยค ก็มีบางอย่างดิ้นรนมาหาเธอ
"ซิลเวอร์รีบออกไปจากที่นี่! เอเดรียนเขา-" เสียงแพล็คดังขึ้นมาตรงหน้า แต่ก่อนที่เธอจะได้ฟังจบประโยค เงาวูบวาบสายหนึ่งก็โยนแพล็คกระเด็นออกไป
พรึ่บ
"อ๊ะ!" เธอร้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นก่อนจะเห็นร่างสูงอยู่ตรงหน้า แอบเบาใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าไม่ใช่ผี แต่เป็นเอเดรียนจริงๆ
"ทำไมนายโยน-" เธอกำลังเอ่ยถามก็สะดุดกับรอยยิ้มหวานของอีกฝ่าย พร้อมประกายตาสีเขียวคุ้นเคย..
เดี๋ยว..ทำไมตาเอเดรียนวาวแสงในที่มืดได้! เขาไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นแคทนัวร์ซะหน่อย!?
เธอก้าวถอยหลังเมื่อเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวได้ แต่ก่อนที่จะได้หนีก็ถูกหยุดโดยแขนแกร่งของอีกฝ่ายที่ยื่นมาโอบรอบเอวดึงไปหาเขา
"ฉันรอเธอตั้งนาน..." เสียงกระซิบแหบพร่าข้างหู ทำให้เธอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
ทำไมเสียงของเขามันฟังดูอีโรติกชะมัดเลยล่ะ
"โว้ว! เดี๋ยวๆ!" เธอร้องขึ้นมาเมื่อปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายซุกลงมาที่บ่า ก่อนจะลูบไล้ขึ้นมาที่ลำคอ และเริ่มขบกัดเหมือนกำลังขู่ให้เธออยู่นิ่งๆ
อึก...
เธอใจหายวาบเมื่อเห็นดวงตาสีเขียวของเอเดรียนมันเรืองแสงในที่มืดจริงๆ! เอเดรียนที่ไม่ใช่เอเดรียนกำลังกระชับต้นขาเธอขึ้น แรงพละกำลังที่มากขึ้นอุ้มเธอขึ้นจากพื้นได้ในคราวเดียว
ขาสองข้างของเธอถูกบังคับให้เกี่ยวรอบเอวของเด็กหนุ่ม เธอตื่นตระหนกเมื่ออยู่ๆก็ถูกอุ้มจึงต้องยื่นแขนโอบลำคอของเขาเอาไว้กันตก ก่อนจะมานึกเสียใจทีหลังเมื่อรู้แล้วว่าเขาอุ้มเธอทำไม
เอเดรียนกำลังพาเธอไปที่เตียง!
50%
....
"พ่อแมวน้อย เราคุยกันได้นะ" เธอยิ้มแห้งๆกล่าว พร้อมกับมือที่ยันไหล่สองข้างของอีกคนไว้สุดกำลัง
อดแปลกใจไม่ได้ที่พละกำลังของเธอตอนนี้พลักเขาไม่ไป ดูเหมือนว่านอกจากนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นตาแมวของเอเดรียนแล้ว เขายังสามารถยืมพละกำลังตอนเวอร์ชั่นแคทนัวร์เอามาใช้ได้อีกด้วย
ฉันหวังว่ามันคงใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น-อ๊ะ
เสียงอุทานเล็กๆจากหญิงสาว เมื่อสัมผัสเปียกชื่นบนปลายหูจิ้งจอกทำเธออดสั่นระริกไม่ได้
บ้าน่า! เอเดรียนกำลังเลียหูจิ้งจอกเธออยู่!
"มะ มันจั๊กจี้!" เธอกลั้นเสียงหัวเราะจนเผลอลดแรงยันลง พร้อมกับเป็นจังหวะเดียวกับที่ฟันของอีกคนกัดลงใบหูจิ้งจอกเธอจนสะดุ้งเฮือก
มันไม่ใช่การกัดลงมาให้เจ็บ แต่เป็นการกัดแบบหยอกล้อแล้วปล่อย และปลายหางที่ไม่รู้ว่าถูกเอเดรียนจับไปลูบเล่นตอนไหน
เธอไม่เข้าใจอาการที่มือไม้อ่อนแรงกระทันหัน ลมหายใจที่เริ่มหอบขึ้นและใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อปกป้องหางและหูตัวเอง ฉันแย่งหางตัวเองมากอดพร้อมพลิกตัวเองก้มลง ซุกหัวกับหมอนทำยังไงก็ได้เพื่อที่หูจิ้งจอกจะไม่โดนคนข้างหลังขบเล่นอีก
แต่สงสัยเธอคงจะคิดง่ายๆเกินไป
เสื้อกิโมโนที่สวมทับถูกดึงออก สายโอบิและเชือกเงือนสีทองร่วงหลุด เธอที่ตอนนี้มีแต่ชุดสูทสีเงินแบบแนบเนื้อเปิดเผยเห็นสัดส่วนร่างกายได้อย่างชัดเจน
เธอไม่ชอบตอนที่ตัวเองไม่มีอะไรสวมทับอยู่บนตัวเลย หน้าอกอวบอิ่มถูกดันลงกับที่นอนเมื่อข้างหลังถูกเบียดลงมา
"เอเดรียน..!" เธอพูดเสียงเข้มเพื่อเป็นการปรามมือที่เริ่มลูบไล้ขึ้นมาเรื่อยๆ สายตาก็ไม่หยุดมองหาอะไรที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้เพราะเธอดิ้นไม่หลุดเลยสักนิด
พระเจ้า เขาไปเอาเรี่ยวแรงขนาดนี้มาจากไหน มันเกี่ยวกับตาของเขาด้วยมั้ย??
ก่อนที่เธอจะได้เริ่มทำการประทุบร้ายคนข้างหลัง เสียงคนเดินหน้าประตูห้องของเด็กหนุ่มทำจิ้งจอกสาวตื่นตัว เธอรีบดึงผ้าห่มข้างๆขึ้นมาคลุมเราสองคนทันที
เป็นกาเบรียลหรือเปล่า!?
"เอเดรียน คุณนอนหรือยัง ฉันได้ยินเสียงอะไรดังๆออกมา" เสียงนาตาลีดังลอดมาจากอีกฝั่งของประตู
อ้าวเห้ย นี่คุณเลขาค้างที่นี้ด้วยงั้นเรอะ!
ดวงตาสีอำพันเงยมองลูกบิดประตูอย่างลุ้นละทึก อย่าเปิดมันนะ อย่าเปิดมันนะ!
"อะ" เธอกัดปากตัวเองเอาไว้ทัน เมื่อรู้สึกแถวๆคอโดนกัด หน้าอกก็เริ่มถูกบีบเค้นเล็กน้อย เธอสอดส่องสายตามองผ่านผ้าห่มขึ้นมา พลางกดดันให้ร่างข้างบนอยู่นิ่งๆด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ร่วมมือเลยก็ตาม
หรือว่าฉันควรจะหาอะไรแข็งๆ มาทุบบนหัวเอเดรียนให้สลบจริงๆดี?
ขณะที่เธอคิดจะลงมือทำจริงๆ...
"......."
นาตาลีที่อยู่อีกฝั่งยืนมองประตูนิ่ง... แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เธอก็หันกลับมามองที่นาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะเดินออกไปตามทางเดินเงียบๆเพื่อไปทำธุระที่ทำค้างไว้ต่อ
........................
......
ตึก.. ตึก.. ตึก..
ปลายหูสีขาวกระดิกสองสามครั้ง เมื่อพยายามเอียงหูฟังว่าเสียงฝีเท้าแผ่วเบานั่นเดินไกลออกไปหรือยัง ไดอาน่าที่ตอนนี้ถูกร่างอีกฝ่ายกดทับพร้อมริมฝีปากที่ถูกปิดด้วยอวัยวะเดียวกัน
...หรือก็คือเธอกำลังถูกบดจูบ(จากอีกคน)อย่างหนักหน่วงอยู่นั้นเอง
ไดอาน่าพยายามส่งเสียงอู้อี้แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ ขาสองข้างก็โดนล็อคพร้อมกับแขนที่ถูกรวบตรึงไว้เหนือศีรษะ
เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเสียท่าแมวโง่ง่ายดายขนาดนี้มาก่อน! เพียงเพราะกลัวว่าข้างนอกจะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆจากข้างใน และอีกอย่างไดอาน่าไม่รู้ว่าห้องเอเดรียนที่จริงแล้วมันเก็บเสียงได้ดังแค่ไหน?
มันจึงเป็นเหตุให้ซิลเวอร์เจอกับสถานการณ์ชวนเสียตัวตอนนี้
อย่างน้อยก็เผลอคิดว่าต้องเป็นตัวเองนั้นแหละ ที่คิดว่าน่าจะเป็นฝ่ายจับเอเดรียนกดลงบนเตียงมากกว่า(?)
"อะ อื้อ.."
จิตสำนึกที่ต่อต้านก็เริ่มที่จะคล้อยตามอีกฝ่ายไปง่ายๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอเริ่มจะจูบกลับไปจนกลายเป็นการแข่งขันเล็กๆขึ้นมาซะได้
สายตาเริ่มมีม่านหมอกขึ้นมาจางๆ เธอกำลังเริ่มมัวเมาไปตามรสจูบและการบีบเค้นตามส่วนต่างๆของร่างกาย ตำแหน่งที่ถูกมือนั่นลูบผ่านจะเริ่มร้อนวูบวาบ...สติที่มีก็เริ่มหลุดๆหายๆ
อึก คิดอะไรไม่ออกเลย..
ต้องเป็นเพราะกลิ่นหอมหวานรัญจวนพวกนี้กำลังตีอบอ่วนกันในห้องไปหมดแน่
ในขณะที่เธอเริ่มจะปล่อยตัวปล่อยใจ ฉันก็เหลือบเห็นเงาดำๆวูบผ่านเหนือหัวของเอเดรียนไปมา เมื่อลืมตาสีอำพันขึ้นมองก็ต้องแปลกใจ
"....?"
เงาดำๆนั้นมันคือแพล็ค.. ที่กำลังถือชิ้น'ชีสสีขาว'ในมือมาด้วย เอ๋ นั่นเขาจะเอามานั่งกินดูเหรอ??
เธอกำลังคิดอยู่ว่าแพล็คคิดจะทำอะไร ความิตัวน้อยก็พุ่งเข้ามาเพื่อเอาชีสกามองแบร์ในมือเสียดผ่านจมูกของเอเดรียนไป จริงๆมันก็พุ่งผ่านเสียดจมูกเธอด้วยนั้นแหละ!
"อุ๊ก!" เสียงสะอึกในลำคอดังเรียกสติเธอกลับคืนมาเพราะตกใจ พร้อมกับกลิ่นชีสที่ออกกลิ่นเหม็นแปลกๆทำให้ตาไดอาน่าสว่างจ้า
อุ๊ เหม็นโครต!
ดูเหมือนว่ากลิ่นชีสกามองแบร์สุดรักสุดหวงของแพล็คจะทำให้เด็กหนุ่มได้สติ ในตอนที่เขาผละตัวออกเธอก็ฉวยจังหวะนั่นกลิ้งหลบจากเตียงไป
พรึ่บ
พร้อมกับในมือที่กำเสื้อกิโมโนไว้ได้ระหว่างลงมา ก็คลี่ให้มันกางลงบนตัวเพื่อหลบรอยแดง..ที่เธอคิดว่าน่าจะมี
"แพล็คเหรอ..? นั่นนายเอาชีสขึ้นมากินบนเตียงอีกแล้วใช่มั้ย" เสียงสถบดังขึ้นมา ขณะที่เจ้าตัวกำลังขยี้ตาเหมือนยังไม่ตื่นดี ฉันเหลือบขึ้นมามองก่อนจะเห็นแพล็คชี้สายโอบิตรงหน้า และชี้ทางออกไปทางหน้าต่าง
เธอหยิบขึ้นมาทันที
พร้อมเงาสีขาวค่อยๆขยับตัวเข้าไปในความมืด ด้วยการเคลื่อนไหวเงียบเชียบแต่รวดเร็ว ภายในห้องกว้างก็ไม่ปรากฏเงาของจิ้งจอกสาวอีกแล้ว..
"ฉันบอกว่าไงนะแพล็ค ว่าทีหลังอย่าเอาขึ้นมากินบนเตียง!"
เสียงดุงุงงิ้งของเอเดรียนไม่เข้าหูความิแมวเท่าไหร่ เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาที่กลับเป็นรูม่านตาปกติได้สำเร็จ นัยน์ตาสีเขียวมกรตของเจ้าตัวก็ไม่หลงเหลือแสงจ้าอีกแล้ว
เอเดรียนที่กำลังสงสัยอยู่ว่าตัวเองมาทำอะไรบนเตียง ทั้งที่เหมือนตอนแรกจะจำได้ลางๆว่ากำลังลุกไปเก็บของ
ก่อนที่เขาจะหันมาเห็นแพล็คกำลังกลอกตาขึ้นมองบนเพดาน พลางบ่นพึมพำเบาๆว่า'
'นี่ฉันเข้ามาช่วยไว้นะ? ทำไมถึงได้โดนบ่นไปได้ล่ะ' แพล็ครู้สึกตัวเองกำลังไม่ได้รับความเป็นธรรม!
"ช่วยอะไร?"
"เปล๊าาาา"
เอเดรียนจ้องมองแพล็คเหมือนมองเด็กเลี้ยงแกะ ที่ชอบโกหกเบี่ยงเบนความสนใจผู้ใหญ่
....
อีกทางด้านหนึ่ง
ตุบ!
เสียงกระโดดพุ่งขึ้นบนเตียงนอน ก่อนที่ร่างสีขาวบนเตียงจะเกิดแสงพลาสม่าชั่วแวบ แล้วกลับกลายเป็นร่างเพียวบางของหญิงสาว
ไดอาน่าหายใจหอบแฮ่ก เธอฝืนลุกขึ้นมาหยิบกระจกข้างเตียงส่องบนช่องอกและลำคอตัวเอง
"เขาจะจำได้ไหม.."
สายตาหลุบลงมองตำแหน่งรอยช้ำบางจุดบนลำคอ ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงสดทันที ไดอาน่าซุกหมอนเพื่อกรีดร้องก่อนจะตีขารัวๆบนที่นอนอย่างอัดอั้นใจที่สุด
แจสเปอร์ที่ลอยเอื่อยๆบนอากาศถอนหายใจ
"คิดว่าไม่นะ มันหมือนคราวของเธอ ที่เผลอตัวจับอีกฝ่ายกดลงบนกำแพง จำได้มั้ย? เพราะสัญชาตญาณความต้องการของสัตว์ป่าที่ถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นคู่ตัวเอง ครั้งนี้เธอรอดไปได้เพราะแพล็คยื่นมือเข้ามาช่วย ครั้งต่อไปคงรู้แล้วนะว่าต้องทำยังไง?"
แจสเปอร์เอ่ยดุเสียงแหลมเข้ม เขาสมควรไม่พอใจจริงๆนั้นแหละ ที่ไดอาน่าพุ่งเอาตัวไปหาอันตรายทั้งที่ตอนนี้กำลังปลายเดือนแล้ว
มันเป็นช่วงที่ผู้ถือครองพลังในช่วงนี้จะสติหลุดบ่อยๆที่สุด เหมือนช่วงที่ไดอาน่ากับนาธานผ่านไป
"ขอโทษ...." เสียงเอ่ยสำนักผิดดังขึ้นมาแผ่วเบา ไดอาน่าสำนักผิดแล้วจริงๆ
ในขณะที่หัวสมองยังลบภาพเอเดรียนในตอนนั้นไปจากจิตสำนึกไม่ได้เลย
.............
70%
ไม่กี่วันหลังผ่านวันนั้นไปฤดูหนาวได้ผ่านพ้น ดอกไม้และต้นกล้าต่างงอกเงยจากพื้นดินเตรียมต้อนรับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
ไดอาน่าก็ใช้ชีวิตปกติอย่างทุกวัน ทุกเช้าเธอจะหาอะไรมาทาบนผิวช่วงคอ แล้วใส่เสื้อคอเต่าทับอีกชั้น ตกเย็นมาก็ไปเรียนต่อสู้กับปรมาจารย์ฟู ก่อนจะเข้าห้องอัดเสียงสตูดีโอ สลับไปทำงานถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่นผู้หญิงคนเดียวบ้าง
หลังจากวันที่เธอหลบหนีออกมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากแพล็ค เอเดรียนก็ดูเหมือนจะมีเรื่องให้ขบคิดบางอย่าง เขามักจะเหม่อออกไปไหนสักแห่ง บ้างครั้งก็เหม่อหลังมองหน้าต่างหรือประตูบ้าง
'เธออยากอ่านใจเขาได้จริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่?'
และหลายครั้งที่โรงเรียนเขาจะแอบมองเธอบ่อยๆ ในยามที่เขาจะคิดว่าเธอไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงแล้วเธอรู้ตัวอยู่ตลอดสาเหตุจากระแวงเขานั้นแหละ
"สวัสดีไดอาน่า"
"สวัสดีเอเดรียน"
หัวใจของไดอาน่าพุ่งสูงขึ้นหลังจากได้ยินเสียงเรียกอันนุ่มนวลของเขา
วันนี้เอเดรียนก็มาเข้าโรงเรียนด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเช่นเคย เบื้องหลังของเขาเหมือนมีฉากCGเป็นดอกทานตะวันสดใส ร่างสูงเดินผ่านไปนั่งกับนีโน่ก่อนจะคุยหัวเราะกระซิบกัน ท่าท่างดูน่าสนุกสนานจริงๆ
"มองมากๆเข้าเดียวเขาก็รู้ตัวหรอก" เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูมาพร้อมกับเสียงกริ๊ดของสาวๆที่ไล่ตามมา ก่อนจะพากันหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นเดินลงไปนั่งกับ'ใคร'
"นาธาน" ไดอาน่ายิ้มกว้างเมื่อเห็นเด็กหนุ่มซื้อขนมมาฝากด้วย เธอ'เหลือบมอง'นาธานเนียล'ที่หนีแฟนคลับมาพึ่งเธอเพื่อมาเป็นไม้กันหมา หลังจากที่เขาเริ่มออกงานบ่อยๆและถ่ายแบบ ทุกคนเลยเริ่มรู้จักเขามากขึ้น
เริ่มสงสารมาริเน็ตที่มารู้ตัวว่าชอบนาธาเนียล เขาก็เริ่มดังเกินไปแล้วทำให้สาวๆต่างหันมาชอบเด็กหนุ่มมากขึ้น(ทำให้คู่แข่งเยอะขึ้นตาม)....และแถมเหตุการณ์ล่าสุดที่มาริเน็ตไปฝากรอยจูบให้ครั้งก่อนอีก..
ใช้
รอยจูบตอนที่สตูดีโอครั้งนั้นนั่นแหละ!(เสียดายที่โดนดึงออกไปก่อนเลยไม่ได้ดู) ตอนนี้ฉันมองหามาริเน็ตได้ยากมาก!
เพราะเด็กสาวคงอายจนเริ่มหลบหน้านาธาน ส่วนนาธานฉันเห็นเขาพยายามจะเข้าไปคุยกับมาริเน็ตอยู่ แต่คุณนางเอกหนีเร็วเกินไป!
กลายเป็นว่าตอนนี้มาริเน็ตสลับบทกับนาธาเนียลซะแล้วล่ะค่ะทุกท่าน เชื่อสิว่าเพื่อนๆในห้องก็คงจะงงๆกันอยู่หน่อยๆ
ส่วนทางด้านแฟนคลับ เมื่อพวกเธอเห็นเด็กหนุ่มไปนั่งกับใครเช่นนั้นก็พากันถอยหนี ไปนั่งดูห่างๆด้วยสายตาเคลิ้มฝัน ใบหน้าของพี่น้องฝาแฝดซีมัวร์เมื่อนั่งอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนภาพปาติมากรรมชั้นเลิศ ที่มีค่าเกินกว่าจะเข้าไปทำลายและควรอนุรักษ์ไว้เป็นอาหารตา..แค่กๆ
รอบๆทั้งเด็กสาวและเด็กหนุ่ม ต่างมีคนเดินผ่านห้องเพื่อแอบเหลือบมองทุกห้านาที ตรงฝั่งตรงข้ามของเอเดรียนก็มีเช่นกัน
นอกจากที่เอเดรียนจะชอบเหม่อบ่อยๆแล้ว ฉันยังชอบแอบมองเขาบ่อยๆอย่างไม่รู้ตัว เหตุการณ์ที่สตูดีโอครั้งก่อนฉันกับเขาไม่ได้พูดถึงเลย เอเดรียนปฏิบัติกับเธอแบบไหนเธอก็ปฏิบัติกับเขาแบบนั้น ถ้าเขาไม่พูดเธอก็ไม่พูด ทุกอย่างเลยดูเหมือนจะกลับไปเป็นปรกติอีกครั้ง
แต่มีอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไป...
ไดอาน่ารู้สึกแปลกๆเมื่อเธอมองไปที่เอเดรียน เมื่อเห็นใบหน้าของเอเดรียน เธอจะจดจำร่างกายของเขา หยาดเหงื่อของเขาที่เคลื่อนไหวเหนือร่างตัวเอง
เมื่อเห็นริมฝีปากของเอเดรียน เธอจะจำรสจูบและการโต้ตอบลิ้นของเขาได้อย่างช้าๆ
เมื่อเธอเห็นกระดูกไหปลาร้าของเอเดรียน เธอจะนึกภาพเอเดรียนที่กำลังยับยั้งเสียงและอ้าปากของเขา
เมื่อเธอเหลือบเห็นกางเกงของเอ-.... ฮึ! ฉันคิดบ้าอะไรอยู่กันเนี่ย!
เอาเป็นว่าฉันหยุดคิดเรื่องพวกนั้นไม่ได้ ทั้งที่มันผ่านช่วงฤดูหนาวมาแล้ว โว๊ยย! อยากจะบ้า!?
ปึก!
!?
"เป็นอะไรของเธอเนี่ย อยู่ๆก็เอาหนังสือตีหน้าตัวเอง" นาธานที่ถือสมุดวาดรูปในมือทำหน้าระแวงพลางขยับถอยห่าง...แหม รักกันดีจริงๆ
เธอไม่พูดอะไรแต่ขยับเข้าไปพิงไหล่แฝดตัวเองเตรียมนอนหลับ ได้ยินเสียงบ่นของนาธานมาแว่วๆแต่เธอสนใจซะที่ไหน!
หลังจากที่งีบหลับไปแบบจริงจังเธอไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนเข้าห้องมา จนนาธานต้องสะกิดให้เธอตื่น พร้อมมีข่าวดีมาบอก
"อะไรนะ? ทัศนศึกษา?" เธอทำท่าแคะหูดูอีกทีเผื่อหูฝาด แต่เมื่อกวาดสายตามองรอบๆห้องแล้วทุกคนกำลังคุยซุบซิบกันอย่างออกรสเลยทีเดียว คงไม่พ้นเรื่องที่นาธานเล่าแหงๆ
"ใช่! "
เสียงตื่นเต้นจากนาธานที่เล่าให้ฟังว่าตอนที่เธอแอบหลับ มิสเตอร์บัสเทียร์ได้เดินเข้าห้องเรียนมา พร้อมเอกสารในมือมาแจก มันแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับทัศนศึกษาสิทธิพิเศษเฉพาะ6คนแรก
"จะมีหกคนที่จะได้ไป ถ้าสอบชิงคะแนนอันดับสูงๆจากวิชาประวัติศาสตร์จากทั้งห้องได้" นาธานอธิบายให้ฟัง พร้อมประกายตาวาววับ ดูก็รู้ว่าเขาอยากจะไปมาก
อิตาลีฉันเคยไปบ่อยเพราะคุณแม่หิ้วเธอไปด้วยสมัยเด็กๆเลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่
"แต่ไม่รู้ว่าฉันจะทำได้หรือเปล่านะ..." นาธานพูดเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ เพราะมันต้องสอบชิงจากทั้งห้อง แปลว่าจะต้องทำคะแนนให้ได้80%อย่างต่ำ
"ไม่ต้องห่วงน่า~ ฉันเก่งเรื่องประวัติศาสตร์นะ ฉันจะช่วยติวให้นายเอง!" เธอโอบไหล่เขาพร้อมพูดให้กำลังใจนาธาน จนแฝดเธอสีหน้าดีขึ้นนั้นแหละพวกเราค่อยลุกขึ้นไปโรงอาหารกัน
ตอนที่พวกเรากำลังคุยเรื่องอิตาลีอย่างสนุกสนาน เสียงเรียกตะโกนทำให้พวกเราหันไปมอง
"ไดอาน่าๆ! มาตรงนี้ด้วยกันสิ!" เสียงเรียกของอัลย่าทำให้ฉันกับนาธานหันมามองกันปริบๆ ก่อนที่พวกเราจะเปลี่ยนเป้าหมายไปนั่งกับโต๊ะอัลย่าและมาริเน็ต
"อุ๊ย-" เสียงอุทานและสำลักนมของมาริเน็ตเมื่อเธอหันมาจ๊ะเอ๋กับนาธานเข้า
"เป็นอะไรไหม มาริ?" นาธานยิ้มอ่อนโยนพร้อมยื่นชิทชูตรงโต๊ะให้
"ขะ ขอบคุณ" มาริเน็ตหน้าแดงพร้อมรับมาชับนมที่หกบนโต๊ะและหน้าตัวเองหน่อยๆ ดูเหมือนว่ามาริเน็ตจะหนีนาธานไม่พ้นแล้ว เมื่อเด็กหนุ่มลงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆมาริเน็ต ต่อด้วยเธอและตรงข้ามฉันคืออัลย่า
ฉันเหลือบมองนาธานที่สามารถเรียกมาริเน็ตว่ามาริได้คล่องปาก หลังจากผ่านช่วงหน้าหนาวมาเธอรู้สึกว่านาธานมีความมั่นใจขึ้น กล้าคุยและสบตากับมาริเน็ตได้ตรงๆแล้ว
"เรียกมามีอะไรงั้นเหรอ" เธอหันไปถามอัลย่าเมื่อสาวเจ้าก็กำลังแอบดูมาริเน็ตกับนาธานนุ้งนิ้งกันอยู่
"เรื่องสอบชิงทุนไปทัศนศึกษาที่อิตาลียังไงล่ะ พวกเธอวางแผนกันยังไง ฉันว่าจะอ่านหนังสือและติวให้มาริเน็ตด้วย" อัลย่าถามเบาๆและแววตาแฝงความนัยแปลกๆ
"นาธานเขาอยากไปน่ะ ฉันเลยว่าจะติวเข้มให้" เธอพูดยิ้มๆเพราะเริ่มรู้แผนอัลย่าแล้ว เจ้าตัวคงเล็งให้เธอมาช่วยพวกเขาติวข้อสอบล่ะสินะ
"ฉันสงสัยว่า..ไหนๆเธอก็ต้องติวให้นาธานแล้ว ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันติวข้อสอบล่ะ มีหกคนที่จะได้ไปใช่ไหม ถ้านับร่วมพวกเราก็4คนยังเหลือที่นั่งอีกสองที่ ฉันมั่นใจด้านประวัติศาสตร์มากถ้ามีเธอมาร่วมด้วยล่ะก็พวกเราต้องได้ไปแน่ๆ"
ความมั่นใจของอัลย่าทำให้เธออดผิวปากแซวเบาๆไม่ได้
แต่มันถูกอย่างที่อัลย่าพูดเพราะคะแนนออกสอบมาทีไร ระดับชั้นและห้องอัลย่าจะได้คะแนนวิชาประวัติศาสตร์นี้เต็มตลอด อีกอย่างที่อัลย่าเลือกเธอ คงเพราะฉันและเอเดรียนเราได้คะแนนท็อปของชั้น เรียกได้ว่าสูสีกันเลย
"ได้สิ ถือว่าดีล"
"ดีลเลย!"
เธอจับมือกับอัลย่าเพื่อล่าชิงรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ!
"เฮ้ ยังเหลือที่นั่งไหม ขอแจมด้วยคนสิ วันนี้โรงอาหารที่นั่งเต็มเร็วมาก" เสียงนีโน่พูดขึ้นมา จะมีสักครั้งที่ฉันจะไม่เห็นสองคนนี้มาด้วยกันตลอดไหมนะ?...เพราะว่าเอเดรียนก็เดินมาพร้อมกับนีโน่นั้นแหละ สองคนนี้ชอบไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด...
อุ ว่าไปแล้วก็ลืมดูตัวเอง ฉันกับนาธานก็ตัวติดกันเหมือนแฝดสยามนี่นา
"นีโน่เรื่องทัศนศึกษานายเอายังไง" อัลย่าหันไปถามเด็กหนุ่มผิวแทนที่ขยับแว่นตาบนจมูกทันที
"แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันกับเอเดรียนจะไปแน่!" นีโน่พูดอย่างมั่นใจ ทำให้ฉันหันไปมองเด็กหนุ่มที่ลงมานั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ
"กาเบรียลจะให้นายไปหรือ?" เธอเลิกคิ้วและถามอย่างกังวล เอเดรียนยิ้มสดใสมาให้ดูไม่ได้สลดอะไร
"ฉันลองขอแล้วล่ะ เขาว่าถ้าทำได้จะให้ไปน่ะ" เอเดรียนยิ้มดีใจดูท่าเขาจะไปพนันกับคุณพ่อตัวเองมาแน่ๆ เธอก็เลยยิ้มยินดีไปให้ด้วย
กาเบรียลคงไม่รู้ซะแล้วว่าถ้าเอเดรียนตั้งใจแล้วสิ่งนั้นจะออกมาดีแน่ๆน่ะ
"เหลือสองที่นะ ถ้านายกับเอเดรียนมาได้ก็ครบเลย " นาธานแสดงความคิดเห็น แฝดเธอดูอยากให้นีโน่กับเอเดรียนไปด้วย จะได้มีผู้ชายไปเป็นเพื่อนเที่ยวด้วย
ฉันสงสัยนาธานนะว่านี่เขาไม่ได้คิดเลยเหรอว่า สองคนนี้อาจจะมาเป็นตัวชิงที่นั่งนายไปก็ได้นะ.....นายควรห่วงตัวเองมากกว่านะนาธาน
"นายมั่นใจแค่ไหนอะ" อัลย่าถามแต่ตาลุกวาวเมื่อมองไปที่เอเดรียนแล้ว นีโน่จับสายตานั้นได้เจ้าตัวเลยยิ้มขึ้นมาทันที
"เอเดรียนเขาเก่งนะ ให้เขาช่วยติวให้สิ" นีโน่ศอกแขนใส่เอเดรียนที่หัวเราะเบาๆอย่างประหม่าทันที ก่อนที่เอเดรียนจะบอกอย่างถ่อมตนว่าไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก
ไม่ได้เก่งขนาดนั้น....
แต่คะแนนครั้งก่อนเขาออกมาดีมากทั้งที่ขนาดแทบไม่ได้อ่านหนังสือมา ฉันกับอัลย่าที่อ่านหนังสือมาถึงกับมองเขาแรง
แต่ความมั่นใจเล็กๆที่ดูไม่ได้เครียดอะไรของเอเดรียน ทั้งที่เขาพนันกับกาเบรียลไว้แท้ๆ ทำให้ฉันกับอัลย่าเลยเหลือบมาสบตากันเป็นอันเข้าใจ
มีสามคนที่จะได้ไปแน่ๆ! คืออัลย่าและเธอกับเอเดรียน
เหลือแค่นีโน่กับมาริเน็ตและนาธาน ฉันไม่ห่วงนีโน่เท่าไหร่เพราะฝั่งโน่นก็ถือว่าเรียนเก่งอยู่ ส่วนนาธานก็ความจำดี เธอเชื่อมั่นว่านาธานถ้าได้ติวดีๆเจ้าตัวต้องได้หนึ่งในตั๋วหกที่นั่งแน่ๆ.....!
แต่มาริเน็ตนี้สิ...คุณนางเอกที่ขี้หลงขี้ลืมบางอย่างตลอดแบบนี้.. ฉันหันไปมองมาริเน็ตที่ดูเคร่งเครียดเพราะเจ้าตัวก็คงรู้ตัวเองดี
"ไม่ต้องห่วงนะมาริเน็ต ถึงเธอจะขี้ลืมก็เถอะแต่ในเมื่อมีสามท็อปมาช่วยแบบนี้ มาริเน็ตก็มาริเน็ตเถอะ...ฉันคิดว่าเธอต้องได้ไปแน่ๆ"
"....!?"
เสียงหวานที่ดูมั่นใจทำให้มาริเน็ตเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะสบสายตาของไดอาน่าที่ยิ้มหวานมาให้ อัลย่าที่ได้ฟังก็เอ่ยสนับสนุน เอเดรียนก็พยักหน้าให้
"มาไปเที่ยวทั้งหกคนกันเถอะ!" นีโน่กล่าว
"มาพยายามด้วยกันนะ" นาธาเนียลพูดยิ้มๆ แววตาของเขาดูเชื่อมั่นอย่างมาก มาริเน็ตหัวใจเต้นตึกๆก่อนจะรีบพยักหน้า เห็นทุกคนเอาใจช่วยแบบนี้แล้วมาริเน็ตคงต้องพยายามมากๆแล้วล่ะ
มาเอาใจช่วยมาริเน็ตกันเถอะ!?
+++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++
ตอนหน้าจะได้ไปเที่ยวล่ะวิ้ววววว
//ไม่ต้องห่วงเรื่องบอสนะ ไดอาน่ามีแผน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น