ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #29 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่26 : ช่วงฤดูหนาวสุดท้าย 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.21K
      332
      23 มี.ค. 62

     


    (T T ไรท์แต่งแบบง่วงไปไม่ได้ตรวจคำผิด 
    ตอนเช้าจะกลับมาอ่านทวนอีกรอบว่าพิมพ์ไรไป...)


      บนหลังเปียโนสีดำขนาดใหญ่ ถูกประดับประดาไปด้วยลูกไม้สีขาวและกุหลาบสีน้ำเงินสด โดยมีร่างเพียวบางร่างหนึ่ง กำลังเอนตัวนอนราบกับพื้นผิวเย็นเฉียบของเนื้อไม้เนียนระเอียด

      ท่ามกลางแสงจันทร์สะท้อนเรือนกายขาวผ่อง ที่มีเพียงเสื้อคลุมกึ่งกระโปรงสีน้ำเงินเข้มตัวเดียว เผยให้เห็นเรือนกายที่น่าสะท้านใจแบบเด็กสาวแรกรุ่น ริมฝีปากสีโอรสน่ากลืนกิน เรียวขาขาวเย้ายวนที่ถูกผูกด้วยริบบิ้น 

    ผิวขาวเนียนอมชมพูและเส้นผมที่กระจายเป็นวง ตัดกับสีดำของเปียโนใต้ร่าง ยิ่งทำให้ร่างนั้นดูโดดเด่นประกอบกับกิริยาท่าทางชวนเกียจคร้านเล็กๆ 

    นิ้วเรียวยาวของเธอแตะบนกลีบกุหลาบสีน้ำเงินเข้มในมือ... หญิงสาวหลุบตาที่ถูกปัดด้วยอายไลเนอร์และลูกปัดกลมๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยกากเพชรระยิบระยิบ 

    นัยน์ตากลมโตกระจ่างใสเหมือนดวงดาราแวววาว คลี่รอยยิ้มเจิดจรัสไม่ต่างจากจันทร์ฉาย ก่อนจะบีบดอกไม้ในอุ้งมือให้กลีบแต่ละกลีบร่วงหลุดอย่างเอาแต่ใจ  


    สะกดคนดูให้ยืนจ้องดูอย่างตื่นตาตื่นใจ เสียงกดชัดเตอร์ยังคงดังแว่วมาไม่ขาดสาย ...พร้อมๆกันนั่น ยังสามารถบีบรัดหัวใจของเด็กหนุ่ม

    ที่นั่งหอบอุ้มช่อดอกกุหลาบสีน้ำเงินเข้มหน้าเปียโน เรือนผมสีบลอนด์ที่ถูกเช็ททรงเสยขึ้นข้างหนึ่ง เปิดเผยหน้าผากได้รูปและเรียวคิ้วของชายหนุ่ม

    นัยน์ตาสีเขียวสะท้อนภาพกลีบดอกไม้สด สีน้ำเงินบนพื้นไม้เปียโนได้อย่างดี ก่อนที่เขาแย้มยิ้มอ่อนและทำหน้าเหมือนดอกไม้ในมือของหญิงสาวนั้นคือหัวใจของเขาซะเอง 

    แชะ แชะ แชะ 

    "เยี่ยม เยี่ยมมาก อย่างนั่นแหละ" 

    เสียงบ่นพึมพำตลอดช่วงสั่งเริ่มฉากครั้งแรกยังคงเอ่ยไม่หยุด ในมือก็กำกับแสงสีรอบข้างให้ส่องรอบๆหญิงสาวกับชายหนุ่มให้มากๆ 

    ภาพข้างต้นที่กล่าวมานั้นคือเอเดรียนและไดอาน่านั้นเอง 

    ใช่แล้วค่ะ... ตอนนี้พวกเราสองคนกำลังสวมบทบาทของภาพที่ถ่ายอยู่นั้นเอง 

    ถ้าสงสัยว่าพวกเรามาอยู่ที่สตูดีโอตอนนี้ได้ยังไง ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้...

    ......


    ไดอาน่าเข้าใจความรู้สึกบทสรุปของวลีนี้ทันที 'ถ้าฉันไม่สามารถรับมันได้ คุณก็อย่าคิดว่ามันจะราบรื่น' 

    มันคือสถานการณ์ที่บอกตัวตนในตอนนี้ได้ดี ภายในรถกว้างของลีมูซีนทันหรู ดูคับแคบไปทันตาเห็น หลังจากที่เด็กทั้งสี่คนนั่งอยู่แบบนั้นเงียบๆ 


    เมื่อรถจอดถึงที่หมายปลายทาง เอเดรียนกับมาริเน็ตก็พุ่งออกจากรถไปก่อนที่ฉันกับนาธานจะรู้ตัวเสียอีก ให้เรียกว่ารถยังจอดไม่สนิทดีด้วยซ้ำ

    โชคดีจริงๆที่ดูเหมือนว่ามาริเน็ตกับเอเดรียนจะควบคุมตัวเองได้ และไม่ได้แสดงอาการแปลกๆออกมาให้เห็นอีกเมื่อเอเดรียนถูกนาตาลีเชิญให้ไปที่ห้องรับรองห้องหนึ่ง เพื่อหลบฉากไปแต่งหน้าแต่งตัวสำหรับเข้าซีนถ่ายแรก

    ฉันที่ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เมื่อรู้ตัวว่าฉากแรกที่ต้องถ่ายมันก็คือตัวเองกับเอเดรียนนั้นแหละ

    ส่วนมาริเน็ตก็ถูกนาธานดันเข้าห้องแต่งตัวด้วยกันกับเธอ สงสัยกลัวว่าฉันจะแกล้งเขาโดยให้มาริเน็ตตามเขาไปก็ได้ 

    หลังจากที่นาธานปรี่(หนี)ไปเตรียมตัวเพื่อเข้าฉากถ่ายแบบกับนางแบบมือใหม่ ฉันก็พามาริเน็ตไปนั่งพักที่ห้องแต่งตัวของตัวเอง 

    หลังจากที่ทุกอย่างจัดการเสร็จพร้อม  เธอก็ลุกออกไปเพื่อถ่ายทุกอย่างให้เสร็จๆ ทิ้งมาริเน็ตให้นั่งเล่นอยู่ในห้องแต่งตัวไปพลางๆก่อน 

    หวังว่าคุณนางเอกจะไม่ซนมากขนาดลุกเดินหลงทางไปทั่วหรอกนะ 

    ตุบ

    เสียงของปลายรองเท้าหนังที่เหยียบลงพื้นพรม ที่กระจัดกระจายไปด้วยแสงไฟเล็กๆและกลีบดอกไม้ที่ถูกโปรยลงมาบางส่วน  ดึงสติของหญิงสาวที่เหม่อให้กลับคืนเข้าร่าง ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองเงาที่คืบคลานเข้ามาใกล้

    ร่างสูงเดินและหยุดเอนตัวลงเหนือร่างหญิงสาวที่กำลังเพลินเพลิดไปกับการขย้ำขยี้ดอกกุหลาบรอบๆ 

    ปลายนิ้วแกร่งของเขายื่นมาสัมผัสปอยผมสีเงินบางส่วนควบคู่กับดอกกุหลาบ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้และจดจ้องเธอตอนที่เขากำลังสูดดมดอกไม้และเส้นผมสีเงินงวลในมือ 

    ดวงตาสีเขียวของเขาวูบวาบกับแสงไฟ ชั่ววูบหนึ่งเหมือนเธอจะเห็นดวงตาสีเขียวของเอเดรียนเป็นดวงตาของแคทนัวร์ 

    ขณะที่ตัวเธอกำลังตื่นตระหนก เสียงตบมือและเสียงคัตของผู้กำกับก็ดังขึ้นแทรกพอดี 

    "คัต-! โอเค พักได้!" 

    ผู้กำกับยิ้มร่าเริงที่งานไปอย่างราบรื่น คอนเซ็ปต์ถูกถ่ายออกมาได้สมบูรณ์ตามที่คาดไว้ และออกจะได้มาดีเกินคาดจากหลายๆภาพที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวหามุมกล้องตัวเองได้ดี

    คอนเซ็ปต์ครั้งนี้คือกลิ่นน้ำหอมที่ผู้หญิงใส่ได้ผู้ชายใส่ก็ดี...เพราะมันคือกลิ่นดอกกุหลาบ เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามและคุณผู้ชายเจ้าสำอาง

    ธีมคือ..

    [ชายหนุ่มที่อยากจะหล่อเลี้ยงให้เธอเติบโตและค่อยๆแย้มกลีบบานออก เหมือนดอกกุหลาบสีน้ำเงิน แต่อย่างไรก็ตามดอกไม้ดอกนี้เพิ่งจะใช้หนามของเธอทิ้งบาดแผลจนเลือดไหลไปทั่วร่างกายของเขา]



    "ขะ ขอบคุณค่ะ" ไดอาน่ารีบลุกตัวขึ้นเพื่อถอยห่างจากคุณพระเอกไปไกลๆ รู้สึกเหมือนตัวเองรอดตายมาแบบทันเฉียดฉิวยังไงไม่ทราบ 

    แต่ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองจะรอดแล้วซะอีก ปรากฎว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น..

    ตึง

    เสียงกระทบของผนังและแขนสองข้างที่ยื่นมากักตัวเธอเอาไว้ระหว่างกลับเข้าห้องแต่งตัว ไดอาน่าตัวแข็งค้างในท่าเดิน

    ชิบ... ฉันพลาดไปที่ตรงไหน ต้องเป็นเพราะระหว่างทางเกิดอยากดื่มน้ำขึ้นมาแน่ๆ 

    ฉันที่เผลอลดท่าทีป้องกันตัวเองลงเพราะนึกว่าจะได้กลับบ้านซะที ถึงกับแข็งค้างหลังชนกำแพง โชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้...

    'ทะ ท่าคาเบะ ด้ง ก็มา!'

    "ทำไม..."

    เสียงแหบติดพร่านิดๆถูกเอ่ยขึ้น พร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นบนขมับของเขา 


    "ทำไมเธอถึงได้มีกลิ่นดึงดูดฉัน..." เอเดรียนมองด้วยความสับสน  เขาควรจะไม่ได้กลิ่นแต่ทว่ากลิ่นหอมหวานที่ซาบซาจนเคลิบเคลิ้มล่องลอยนี่เล่า..

    "......"

    เพราะฉันเป็นซิลเวอร์ในเล่า!? จะให้ฉันตอบแบบนี้น่ะเรอะ? 

    "กลิ่นอะไร? หมายถึงน้ำหอมใหม่ฉันน่ะเหรอ" ไดอาน่าทำท่าไม่เข้าใจ พร้อมแสร้งยกแขนตัวเองขึ้นมาดมเพื่อความสมจริงด้วย

    "ฉันไม่เหมือนจะได้กลิ่นเลยนะ" เธอพูดแย้งไปเพื่อปกป้องตัวเอง 

    สิ้นเสียงนั้นเอเดรียนดูเหมือนจะหลงทางไปกับฤดูหาคู่มากกว่าที่ฉันคิด เขาโน้มตัวลงมาใกล้พร้อมต้นขาที่แทรกกลางระหว่างกระโปร่งตัวยาวของเธอ จนกระโปร่งมันเลิกขึ้นเล็กน้อย

    ฉันหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ดวงตาสีเขียวของเขาเหมือนมีม่านหมอกบดบัง

    โอ๊ยให้ตาย! สติเขาหลุดไปแล้ว

    "เอเดรียน!" เธอร้องขึ้นเพื่อเรียกสติของเขา 

    ดวงตาของเขากลับคืนสู่ปกติ เขาดูงุนงงกับท่าท่างล่อแหลมที่พวกเราอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่เขาจะผละออกไปจนหลังไปกระทบกับผนังอีกด้าน 

    "!?"

    เอเดรียนตาเบิกกว้างขึ้นพร้อมยกมือปิดปากและหน้าแดงก่ำ

    "ฉะ ฉัน ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าทำไม..ทำไมฉันถึง.." เอเดรียนหอบและสำลักคำพูดไปมา ฉันโบกมือขึ้นทันทีเมื่อเห็นเขาดูตื่นตระหนก

    "เดี๋ยว..เราค่อยคุยกันเรื่องนี้ ยังมีอีกฉากสำคัญที่เราต้องถ่าย.." 

    เธอปรับอารมณ์ให้เย็นลงขณะที่เอ่ยเตือนเขา ทำให้เอเดรียนรู้ตัวและได้สติว่าอยู่ระหว่างทางกลับห้องแต่งตัวนั้นเอง

    "อ้อโอเค..ได้" 

    เขาพยักหน้าก่อนจะเม้มปากแน่น ดูเหมือนตัวเด็กหนุ่มกำลังวิตกกังวลน่าดู พลางคิดหาข้ออ้างไปด้วย

    ขณะที่เราสองคนเดินขนาบข้างกันไปเงียบๆ ก็เกิดบรรยากาศเดดแอร์ตลอดทางที่เดินผ่าน ฉันและเขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบสายตามามองกัน

    เพราะกลัวว่าจะเผลอหลุดท่าทางแปลกๆไปให้อีกฝ่ายสงสัย

    ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะหลุดจากบรรยากาศอึดอัดนี้ยังไงดี ฉันก็เหลือบเห็นประตูข้างหน้าเปิดอ้าเอาไว้ พร้อมแสงไฟที่ลอดออกมาจากหลังบานประตู 


    ห้องใครเนี้ย...ตอนที่กำลังสงสัยอยู่นั้น 

    ภาพสะท้อนจากกระจกอีกฝั่งก็ปรากฏให้เห็นเงาสองร่างที่คุ้นตา 

    [........]  


    what!?

    กึก



     ฉันที่หยุดชะงักฝีเท้าและคนข้างๆที่หยุดตามไปด้วย 

    ??

    เอเดรียนที่เห็นคนข้างๆหยุดก่อนจะมองเข้าไปในห้องข้างๆนิ่ง  เด็กหนุ่มก็ชะเง้อคอดูด้วยความสนใจ....ก่อนจะพบเข้ากับ...




     



    มาริเน็ตที่กำลังรุกนาธาเนียลอยู่!? 



    'อะไรกันเนี่ย มาริเน็ตกับนาธาน.. พวกเขาสองคนแอบคบกันอยู่เหรอ???'  เอเดรียนคิดอย่างสงสัยและตกตะลึงเล็กน้อย เพราะที่โรงเรียนตัวเขาไม่เคยเห็นทั้งสองคนทำตัวสนิทสนมกันเหมือนคู่รักกันเลย

    หรือว่าทั้งสองคนจะแอบคบไม่ให้คนในห้องรู้? 

    "...." เอเดรียนที่อ้าปากเหวอและจินตนาการไปไกลลิบ เขาดูตกใจและคาดไม่ถึงอย่างมาก อย่าว่าแต่เขาคนเดียวที่ตกใจ ฉันที่ยืนใบ้กินตรงนี้ก็อึ้งทึ่งเสียว(?)พอๆกับคุณพระเอก 

    หมับ

    เธอรีบดึงเนคไทด์ของเอเดรียนให้ก้มลงมา พร้อมปิดปากเขาเพื่อบอกว่าให้เก็บเป็นความลับ เอเดรียนจึงทำท่าจะอ้าปากถามอะไรสักอย่าง

    "ชู่วว" เธอยกนิ้วเรียวทาบริมฝีปากสื่อให้เขาเงียบ ไม่ได้สนใจระยะห่างระหว่างกันเท่าไหร่ เอเดรียนมองไดอาน่านิ่งค้างเมื่อเห็นท่าทางจริงจังใกล้ๆ แก้มของเขาอดขึ้นสีแดงไม่ได้ 

    ส่วนไดอาน่าก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย...เพราะตอนนี้ต่อมเผือกของเธอกำลังทำงาน!? 

    ในสายตาของฉันที่เห็นคือ..เลดี้บัคที่กำลังรุกโซโร่อยู่! 

    โอ๊ยย ต่อมจิ้นของฉันกำลังรุกเป็นไฟ 

    เต่าทองกับจิ้งจอกแดงล่ะแม่จ้าว!  ให้ตายสิฉันอยากจะเอาไปเม้าท์มอยกับอัลย่าหรือไม่ก็นีโน่!

    "มะ มาริ..เน็ต" เสียงกระซิบแผ่วเบาของนาธานดังลอกเข้ามาอีกครั้ง 


    ฉันไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรไม่ดีกันอยู่หรือเปล่า เพราะเธอรีบหมอบตัวลงทันทีเพราะกลัวข้างในเห็น(?) 


    เธอรีบเปลี่ยนตัวเองเป็นตุ๊กแกเกาะกำแพงประตูทันที ข้างหลังก็เป็นเอเดรียนที่ยกมือมาปิดหน้าเอาไว้ 

    แต่ก็แงมๆพอให้ตามองเห็นเช่นกัน 

    กลายเป็นว่าฉันกำลังพาเอเดรียนหรือคุณพระเอกของเรานั่งยองๆกับพื้นเพื่อถ่ำมอง-แค่กๆ! แอบมอง...คนข้างในอยู่ 

    รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพาอีกฝ่ายนิสัยเสียเลย

    "ไดอาน่า...ไปกันเถอะ"  เอเดรียนกระซิบเสียงดูตื่นๆ

    เขาคงกลัวว่าจะมีคนมาเห็นแทนคนข้างในสินะ ขณะที่ฉันเตรียมจะหาป็อบคอร์นมานั่งดู ชายหนุ่มที่หน้าแดงก็สะกิดเธอยิกๆเหมือนสื่อว่าปล่อยสองคนนั้นเอาไว้เถอะ! 

    ฉันที่กำลังจะแย้งว่ารออีกแป๊บหนึ่ง ขอส่องอีกหน่อย...เอเดรียนที่เหมือนจะเกิดหน้าบางขึ้นมากระทันหันทนไม่ไหว เขาจับมือเธอขึ้นพร้อมลากออกไปจากห้อง 

    เมื่อหูของพวกเราได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินมาทางนี้ 

    เธอจึงจำใจต้องมองประตูนั้นอย่างเสียดาย


    ม่ายน๊า! อีกนิดเดี่ยวแท้ๆ   


    ฉันอยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นอ่ะ! 


    30%

    สุดท้ายตลอดถ่ายฉากครึ่งหลังต่อ เธอก็ไม่ได้เรื่องราวอะไรต่อเลย นาธาเนียลทำตัวปรกติได้ดีมากซะจนเธอไม่กล้าไปถามอะไรแปลกๆ 

    ปรกติซะจนฉันเผลอคิดว่าเหตุการณ์หลังประตูล่าสุดวันนี้คือเรื่องโกหกแนะ...ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามาเจอมาริเน็ตอีกทีหลัง....

    หลังจากที่ถ่ายรูปชุดที่สองเสร็จเมื่อเปิดประตูเข้ามา เธอก็เห็นคุณนางเอกคุกเข่าแทบจะกราบขอขมาให้เธอตั้งแต่หน้าประตูห้อง 

    รายนี้สิสติแตกของจริง! 

    เธอแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ตอนที่เห็นเด็กสาวทำหน้าจะร้องไห้ มาริเน็ตพูดจาไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ดูเหมือนจะยังจูนสมองไม่เข้าที่อยู่ สุดท้ายฉันก็ปล่อยให้มาริเน็ตไปนั่งหลบมุมกุมขมับคร่ำครวณอยู่คนเดียวเงียบๆ

    อย่างเช่น...

    "คราวนี้เขาต้องเกลียดฉันแล้วจริงๆแน่เลยทิกกี้... โอ๊ย ฉันทำบ้าอะไรลงไป๊! จบสิ้นแล้วชีวิตนี้" 

    หรือไม่ก็..

    "อัลย่าช่วยฉันด้วย...ฉันทำเรื่องงามหน้าไปซะแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นนะถ้าเกิดว่าฉันได้เข้าคุก...?"

    เห...แค่หอมแก้มนี้เข้าคุกเลยเหรอ.. จินตนาการสูงจริงๆนางเอกเรา

    ฉันที่แอบฟังอยู่หลังม่านยกมือปิดปากกลั้นขำเงียบๆ พลางส่ายหัวเหนื่อยหน่ายไปมา

    "เอาล่ะ แล้วเราจะเอายังไงเรื่องของเอเดรียนดี" แจสเปอร์โผล่ออกมาจากหลังผมของเด็กสาว เจ้าตัวกำลังอ้าปากหาวได้ที่เลย 

    "ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น"

    "เธอคิดว่าใช้วิธีนี้มันดีที่สุดแล้วงั้นเหรอ?" 

    "ใช่ สำหรับพวกเราทั้งคู่นั้นแหละ"

    ถ้าตอนนี้น่ะนะ..ทำเป็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นจะดีที่สุด ถ้าเกิดคุณพระเอกไม่มาเอ่ยเรื่องนี้อีกทีหลังล่ะก็ แผนBที่ฉันคิดไว้คงต้องได้ยกออกมาใช้แน่ๆ

    ........


    ตอนกลางคืนมาถึง มันเป็นเวลาที่ฉันกับนาธานจะต้องไปลาดตระเวนด้วยกันคืนนี้ แต่รอนานแล้วก็ไม่เห็นแฝดชายตัวเองออกมาซะที

    ก๊อก ก๊อก

    "นาธาน ฉันเข้าไปนะ?"

    เธอจับลูกบิดประตูก่อนจะเปิดแง้มออก ก่อนจะเอะใจเมื่อห้องมันมืดสนิท แต่ก่อนที่จะได้มองหาสวิตซ์ไฟ ซอลย่าก็บินออกมาก่อนพอดี

    "ซอลย่า นาธานล่ะ?" เธอเห็นซอลย่าออกมาแค่ตัวเดียวก็เลยสงสัย

    "เขาหลับเร็วมากเลย ฉันพยายามจะปลุกเขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่านาธาเนียลจะเหนื่อยมาก ก็เลย...เอ่อ ปลุกไม่ตื่น" ซอลย่าเอ่ยเสียงเบาหวิว  

    "โอ้.." เธอพยักหน้าเข้าใจซอลย่า ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจเท่าไหร่

    เพราะว่าถ้านาธานเหนื่อยมากๆแล้วเขาได้เกิดหลับขึ้นมาล่ะก็ เจ้าตัวจะหลับสนิทแบบสุดๆปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น 

    "เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะลองไปหาเลดี้บัคดู เผื่อว่าเธอจะยอมมาลาดตระเวนคืนนี้ด้วยกัน" 
     
    "ฝันดีไดอาน่า แล้วก็ขอโทษด้วยนะ" จิ้งจอกแดงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดก่อนจะบินกลับไปที่เตียงนอน

    "ราตรีสวัสดิ์จ๊ะซอลย่า ไม่เป็นไรหรอกฉันเข้าใจ" เธอปิดประตูอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะหันมาหาแจสเปอร์ที่ทำหน้าง่วงอยู่

    "เราจะเอายังไงต่อ?" แจสเปอร์ส่งเสียงหวิวๆดูแผ่วเบา เธออดเลิกคิ้วไม่ได้

    แม้แต่ความิก็เหนื่อยเหมือนกันงั้นเหรอ

    "วันนี้ท่าจะมีแต่คนเหนื่อยๆนะ เรารีบไปหาเลดี้บัคกันเถอะ" เธอเอ่ยบอกแจสเปอร์ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ฟ็อกซ์ 

    เมื่อร่างกายสวมชุดสูทฤดูหนาวเสร็จเรียบร้อย เธอก็เปิดประตูระเบียงก่อนจะกระโดดออกไปข้างนอก กระโดดข้ามตึกและอาคารเพื่อมุ่งหน้าไปหาเต่าทอง

    "ก๊อก ก๊อก" 

    เสียงเคาะกระจกหน้าต่างห้องของมาริเน็ตดังขึ้นมาแผ่วเบา ความิตัวน้อยสีแดงบินออกมาเปิดกระจกจากข้างในให้

    "ซิลเวอร์? คุณมาทำอะไรที่นี่?" ทิกกี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ดูเหมือนว่าฉันจะมารบกวนเวลานอนของเธออยู่ ฉันจึงอธิบายเรื่องที่โซโร่หลับไป

    "ขอโทษนะ ฉันคิดว่าวันนี้เลดี้บัคคงออกไปลาดตระเวนด้วยไม่ได้ มาริเน็ตหลับไปตั้งแต่ทำวิชาการออกแบบเสร็จ ฉันลองสะกิดดูแล้วเธอไม่ตื่นเลย"

    'มาริเน็ตก็ด้วยหรือเนี่ย....' เธอคร่ำครวณในใจเงียบๆ

    "งั้นเหรอ..ช่วยไม่ได้นะ งั้นฉันคงต้องไปลาดตระเวนคนเดียวสินะ" เธอลูบคางคิดและเอ่ยพึมพำอย่างลำบากใจ

    ทิกกี้ได้ยินจึงหันมาจ้องเขม็จ 

    "ฉันแนะนำว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย คุณก็รู้ว่าไปลาดตระเวนคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามาริเน็ตรู้เธอจะโกรธคุณแน่ อีกอย่างถึงพวกเราจะเป็นฮิโร่แต่มันก็ไม่ปลอดภัยนักในตอนกลางคืน"

    ตอนกลางคืนมันก็ไม่ปลอดภัยจริงๆนั้นแหละ ไม่งั้นพวกเราสี่คนคงไม่ตั้งกฏให้ลาดตระเวนทีละสองคนขึ้นมาหรอก


    "งั้นฉันจะลองไปหาแคทดู"

    "นั้นก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเหมือนกัน นี่มันกำลังจะปลายเดือนแล้วนะซิลเวอร์!"

    "นั้นก็ไม่ได้ นู๊นก็ไม่ได้" เธอตีหางตัวเองพรึ่บพรับอย่างหงุดหงิด "ฉันมีทางเลือกไม่มากน่ะสิทิกกี้..เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัวเองดีๆ ราตรีสวัสดิ์เต่าทองน้อย"

    ทิกกี้เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ถอนหายใจ"ราตรีสวัสดิ์ซิลเวอร์ ขอให้เธอโชคดี"

    "เช่นกัน" เธอหันไปขยิบตาให้ทิกกี้อย่างหยอกล้อทีหนึ่ง เพื่อบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงไปฉันเอาตัวรอดได้ ก่อนจะกระโดดออกมา

    ...

    ฟุบ ฟุบ 

    ร่างสีขาวกระโดดเหยียบกิ่งไม้ ก่อนจะดีดตัวส่งตัวเองข้ามไปยังอีกตึก จิ้งจอกสีขาวเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองอย่างคล่องแคล้วไปยังหน้าต่างห้องของเอเดรียน 

    ก่อนจะหยุดชะงักที่กระจกบานใส มันจะมีบานหนึ่งที่เอเดรียนจะไม่ได้ล็อคเสมอ เพื่อให้เธอเข้ามาได้ทุกเวลาที่มีธุระ

    เธอเลียริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าคืนนี้คงจะเป็นคืนที่ยาวนานและยากลำบากสำหรับเราสองคนแน่ๆ แต่เพราะพวกเราเคยผ่านมาแล้วเพราะงั้นเราต้องผ่านไปได้สิ..

    เธอมองผ่านเข้าไปก่อนจะพบว่ามันมืดมาก

    "ห้องมืดขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเขาหลับไปแล้วหรอกหรือ?" เธอบ่นกับตัวเองเสียงเบา งานนี้อาจจะมาเสียเที่ยวอีกแล้วก็ได้

    ถ้าเขาหลับไปอีกคน สงสัยคืนนี้คงต้องแหกกฏซะแล้วสิ

    ฉันคิดพร้อมกับมองไปรอบๆ ใช้สายตาที่ดีต่อวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืนมองไปที่เตียงหลังใหญ่ของเด็กหนุ่ม เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ปลายเตียง ก่อนจะพบว่ามันว่างเปล่า..?

    "เอ้า" เธออุทานเมื่อพบว่าบนเตียงไม่มีร่างที่ควรจะอยู่ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ๆก็มีเสียงบางอย่างที่ด้านหลัง 

    "เอเดรียน.. นั้นนาย?"  เมื่อเธอหันไปมองก็ไม่พบอะไร ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าด้านข้าง แต่เมื่อลองหันไปมองรอบๆแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย.. 


    เธอหันไปข้างหลังอีกรอบเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ แต่ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นเคย 

    ...แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกจ้องอยู่เลยล่ะ..... 

    ควับ!

    เสียงตุบข้างหลัง ทำให้เธอหันไปมองควับ ก่อนจะพบแต่ความมืดของห้อง.. 

    เหงื่อเริ่มตกที่ข้างขมับพร้อมกับความระแวง


    "เฮ้! เอเดรียนนี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ ฉันจะต่อยนายแน่ถ้านายทำให้ฉันกลัว" ฉันเอ่ยขู่ไปด้วยใจฝ่อๆ 

    สิ้นเสียงเธอพูดจบประโยค ก็มีบางอย่างดิ้นรนมาหาเธอ

    "ซิลเวอร์รีบออกไปจากที่นี่! เอเดรียนเขา-" เสียงแพล็คดังขึ้นมาตรงหน้า แต่ก่อนที่เธอจะได้ฟังจบประโยค เงาวูบวาบสายหนึ่งก็โยนแพล็คกระเด็นออกไป

    พรึ่บ

    "อ๊ะ!" เธอร้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นก่อนจะเห็นร่างสูงอยู่ตรงหน้า แอบเบาใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าไม่ใช่ผี แต่เป็นเอเดรียนจริงๆ

    "ทำไมนายโยน-" เธอกำลังเอ่ยถามก็สะดุดกับรอยยิ้มหวานของอีกฝ่าย  พร้อมประกายตาสีเขียวคุ้นเคย.. 

    เดี๋ยว..ทำไมตาเอเดรียนวาวแสงในที่มืดได้! เขาไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นแคทนัวร์ซะหน่อย!?

    เธอก้าวถอยหลังเมื่อเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวได้ แต่ก่อนที่จะได้หนีก็ถูกหยุดโดยแขนแกร่งของอีกฝ่ายที่ยื่นมาโอบรอบเอวดึงไปหาเขา

    "ฉันรอเธอตั้งนาน..." เสียงกระซิบแหบพร่าข้างหู ทำให้เธอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที 

    ทำไมเสียงของเขามันฟังดูอีโรติกชะมัดเลยล่ะ

    "โว้ว! เดี๋ยวๆ!" เธอร้องขึ้นมาเมื่อปลายจมูกโด่งของอีกฝ่ายซุกลงมาที่บ่า ก่อนจะลูบไล้ขึ้นมาที่ลำคอ และเริ่มขบกัดเหมือนกำลังขู่ให้เธออยู่นิ่งๆ

    อึก...

    เธอใจหายวาบเมื่อเห็นดวงตาสีเขียวของเอเดรียนมันเรืองแสงในที่มืดจริงๆ! เอเดรียนที่ไม่ใช่เอเดรียนกำลังกระชับต้นขาเธอขึ้น แรงพละกำลังที่มากขึ้นอุ้มเธอขึ้นจากพื้นได้ในคราวเดียว 

    ขาสองข้างของเธอถูกบังคับให้เกี่ยวรอบเอวของเด็กหนุ่ม เธอตื่นตระหนกเมื่ออยู่ๆก็ถูกอุ้มจึงต้องยื่นแขนโอบลำคอของเขาเอาไว้กันตก ก่อนจะมานึกเสียใจทีหลังเมื่อรู้แล้วว่าเขาอุ้มเธอทำไม


    เอเดรียนกำลังพาเธอไปที่เตียง! 


    50%

    ....

    "พ่อแมวน้อย เราคุยกันได้นะ" เธอยิ้มแห้งๆกล่าว พร้อมกับมือที่ยันไหล่สองข้างของอีกคนไว้สุดกำลัง

    อดแปลกใจไม่ได้ที่พละกำลังของเธอตอนนี้พลักเขาไม่ไป ดูเหมือนว่านอกจากนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นตาแมวของเอเดรียนแล้ว เขายังสามารถยืมพละกำลังตอนเวอร์ชั่นแคทนัวร์เอามาใช้ได้อีกด้วย

    ฉันหวังว่ามันคงใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น-อ๊ะ 

    เสียงอุทานเล็กๆจากหญิงสาว เมื่อสัมผัสเปียกชื่นบนปลายหูจิ้งจอกทำเธออดสั่นระริกไม่ได้

    บ้าน่า! เอเดรียนกำลังเลียหูจิ้งจอกเธออยู่! 

    "มะ มันจั๊กจี้!" เธอกลั้นเสียงหัวเราะจนเผลอลดแรงยันลง พร้อมกับเป็นจังหวะเดียวกับที่ฟันของอีกคนกัดลงใบหูจิ้งจอกเธอจนสะดุ้งเฮือก

    มันไม่ใช่การกัดลงมาให้เจ็บ แต่เป็นการกัดแบบหยอกล้อแล้วปล่อย และปลายหางที่ไม่รู้ว่าถูกเอเดรียนจับไปลูบเล่นตอนไหน

    เธอไม่เข้าใจอาการที่มือไม้อ่อนแรงกระทันหัน ลมหายใจที่เริ่มหอบขึ้นและใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ

    เพื่อปกป้องหางและหูตัวเอง ฉันแย่งหางตัวเองมากอดพร้อมพลิกตัวเองก้มลง ซุกหัวกับหมอนทำยังไงก็ได้เพื่อที่หูจิ้งจอกจะไม่โดนคนข้างหลังขบเล่นอีก  

    แต่สงสัยเธอคงจะคิดง่ายๆเกินไป

    เสื้อกิโมโนที่สวมทับถูกดึงออก สายโอบิและเชือกเงือนสีทองร่วงหลุด เธอที่ตอนนี้มีแต่ชุดสูทสีเงินแบบแนบเนื้อเปิดเผยเห็นสัดส่วนร่างกายได้อย่างชัดเจน  

    เธอไม่ชอบตอนที่ตัวเองไม่มีอะไรสวมทับอยู่บนตัวเลย หน้าอกอวบอิ่มถูกดันลงกับที่นอนเมื่อข้างหลังถูกเบียดลงมา

    "เอเดรียน..!" เธอพูดเสียงเข้มเพื่อเป็นการปรามมือที่เริ่มลูบไล้ขึ้นมาเรื่อยๆ สายตาก็ไม่หยุดมองหาอะไรที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้เพราะเธอดิ้นไม่หลุดเลยสักนิด 

    พระเจ้า เขาไปเอาเรี่ยวแรงขนาดนี้มาจากไหน มันเกี่ยวกับตาของเขาด้วยมั้ย?? 

    ก่อนที่เธอจะได้เริ่มทำการประทุบร้ายคนข้างหลัง เสียงคนเดินหน้าประตูห้องของเด็กหนุ่มทำจิ้งจอกสาวตื่นตัว เธอรีบดึงผ้าห่มข้างๆขึ้นมาคลุมเราสองคนทันที 

    เป็นกาเบรียลหรือเปล่า!?

    "เอเดรียน คุณนอนหรือยัง ฉันได้ยินเสียงอะไรดังๆออกมา" เสียงนาตาลีดังลอดมาจากอีกฝั่งของประตู

    อ้าวเห้ย นี่คุณเลขาค้างที่นี้ด้วยงั้นเรอะ!

    ดวงตาสีอำพันเงยมองลูกบิดประตูอย่างลุ้นละทึก อย่าเปิดมันนะ อย่าเปิดมันนะ! 

    "อะ" เธอกัดปากตัวเองเอาไว้ทัน เมื่อรู้สึกแถวๆคอโดนกัด หน้าอกก็เริ่มถูกบีบเค้นเล็กน้อย  เธอสอดส่องสายตามองผ่านผ้าห่มขึ้นมา พลางกดดันให้ร่างข้างบนอยู่นิ่งๆด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ร่วมมือเลยก็ตาม 

    หรือว่าฉันควรจะหาอะไรแข็งๆ มาทุบบนหัวเอเดรียนให้สลบจริงๆดี? 

    ขณะที่เธอคิดจะลงมือทำจริงๆ...


    "......."

    นาตาลีที่อยู่อีกฝั่งยืนมองประตูนิ่ง... แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เธอก็หันกลับมามองที่นาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะเดินออกไปตามทางเดินเงียบๆเพื่อไปทำธุระที่ทำค้างไว้ต่อ 

    ........................
    ......

    ตึก.. ตึก.. ตึก..

    ปลายหูสีขาวกระดิกสองสามครั้ง เมื่อพยายามเอียงหูฟังว่าเสียงฝีเท้าแผ่วเบานั่นเดินไกลออกไปหรือยัง ไดอาน่าที่ตอนนี้ถูกร่างอีกฝ่ายกดทับพร้อมริมฝีปากที่ถูกปิดด้วยอวัยวะเดียวกัน 

    ...หรือก็คือเธอกำลังถูกบดจูบ(จากอีกคน)อย่างหนักหน่วงอยู่นั้นเอง

    ไดอาน่าพยายามส่งเสียงอู้อี้แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ ขาสองข้างก็โดนล็อคพร้อมกับแขนที่ถูกรวบตรึงไว้เหนือศีรษะ 

    เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเสียท่าแมวโง่ง่ายดายขนาดนี้มาก่อน! เพียงเพราะกลัวว่าข้างนอกจะได้ยินเสียงอะไรแปลกๆจากข้างใน และอีกอย่างไดอาน่าไม่รู้ว่าห้องเอเดรียนที่จริงแล้วมันเก็บเสียงได้ดังแค่ไหน? 

    มันจึงเป็นเหตุให้ซิลเวอร์เจอกับสถานการณ์ชวนเสียตัวตอนนี้

    อย่างน้อยก็เผลอคิดว่าต้องเป็นตัวเองนั้นแหละ ที่คิดว่าน่าจะเป็นฝ่ายจับเอเดรียนกดลงบนเตียงมากกว่า(?)

    "อะ อื้อ.."

    จิตสำนึกที่ต่อต้านก็เริ่มที่จะคล้อยตามอีกฝ่ายไปง่ายๆ 


    ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอเริ่มจะจูบกลับไปจนกลายเป็นการแข่งขันเล็กๆขึ้นมาซะได้


    สายตาเริ่มมีม่านหมอกขึ้นมาจางๆ เธอกำลังเริ่มมัวเมาไปตามรสจูบและการบีบเค้นตามส่วนต่างๆของร่างกาย ตำแหน่งที่ถูกมือนั่นลูบผ่านจะเริ่มร้อนวูบวาบ...สติที่มีก็เริ่มหลุดๆหายๆ 


    อึก คิดอะไรไม่ออกเลย..

    ต้องเป็นเพราะกลิ่นหอมหวานรัญจวนพวกนี้กำลังตีอบอ่วนกันในห้องไปหมดแน่ 

    ในขณะที่เธอเริ่มจะปล่อยตัวปล่อยใจ ฉันก็เหลือบเห็นเงาดำๆวูบผ่านเหนือหัวของเอเดรียนไปมา เมื่อลืมตาสีอำพันขึ้นมองก็ต้องแปลกใจ 

    "....?"

    เงาดำๆนั้นมันคือแพล็ค.. ที่กำลังถือชิ้น'ชีสสีขาว'ในมือมาด้วย เอ๋ นั่นเขาจะเอามานั่งกินดูเหรอ??

    เธอกำลังคิดอยู่ว่าแพล็คคิดจะทำอะไร ความิตัวน้อยก็พุ่งเข้ามาเพื่อเอาชีสกามองแบร์ในมือเสียดผ่านจมูกของเอเดรียนไป จริงๆมันก็พุ่งผ่านเสียดจมูกเธอด้วยนั้นแหละ! 

    "อุ๊ก!" เสียงสะอึกในลำคอดังเรียกสติเธอกลับคืนมาเพราะตกใจ พร้อมกับกลิ่นชีสที่ออกกลิ่นเหม็นแปลกๆทำให้ตาไดอาน่าสว่างจ้า

    อุ๊ เหม็นโครต!

    ดูเหมือนว่ากลิ่นชีสกามองแบร์สุดรักสุดหวงของแพล็คจะทำให้เด็กหนุ่มได้สติ ในตอนที่เขาผละตัวออกเธอก็ฉวยจังหวะนั่นกลิ้งหลบจากเตียงไป

    พรึ่บ

    พร้อมกับในมือที่กำเสื้อกิโมโนไว้ได้ระหว่างลงมา ก็คลี่ให้มันกางลงบนตัวเพื่อหลบรอยแดง..ที่เธอคิดว่าน่าจะมี 

    "แพล็คเหรอ..? นั่นนายเอาชีสขึ้นมากินบนเตียงอีกแล้วใช่มั้ย" เสียงสถบดังขึ้นมา ขณะที่เจ้าตัวกำลังขยี้ตาเหมือนยังไม่ตื่นดี ฉันเหลือบขึ้นมามองก่อนจะเห็นแพล็คชี้สายโอบิตรงหน้า และชี้ทางออกไปทางหน้าต่าง

    เธอหยิบขึ้นมาทันที 

    พร้อมเงาสีขาวค่อยๆขยับตัวเข้าไปในความมืด ด้วยการเคลื่อนไหวเงียบเชียบแต่รวดเร็ว ภายในห้องกว้างก็ไม่ปรากฏเงาของจิ้งจอกสาวอีกแล้ว..


    "ฉันบอกว่าไงนะแพล็ค ว่าทีหลังอย่าเอาขึ้นมากินบนเตียง!" 

    เสียงดุงุงงิ้งของเอเดรียนไม่เข้าหูความิแมวเท่าไหร่ เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาที่กลับเป็นรูม่านตาปกติได้สำเร็จ นัยน์ตาสีเขียวมกรตของเจ้าตัวก็ไม่หลงเหลือแสงจ้าอีกแล้ว

    เอเดรียนที่กำลังสงสัยอยู่ว่าตัวเองมาทำอะไรบนเตียง ทั้งที่เหมือนตอนแรกจะจำได้ลางๆว่ากำลังลุกไปเก็บของ 

    ก่อนที่เขาจะหันมาเห็นแพล็คกำลังกลอกตาขึ้นมองบนเพดาน พลางบ่นพึมพำเบาๆว่า'

    'นี่ฉันเข้ามาช่วยไว้นะ? ทำไมถึงได้โดนบ่นไปได้ล่ะ'  แพล็ครู้สึกตัวเองกำลังไม่ได้รับความเป็นธรรม!

    "ช่วยอะไร?" 

    "เปล๊าาาา" 

    เอเดรียนจ้องมองแพล็คเหมือนมองเด็กเลี้ยงแกะ ที่ชอบโกหกเบี่ยงเบนความสนใจผู้ใหญ่

    ....

    อีกทางด้านหนึ่ง

    ตุบ!

    เสียงกระโดดพุ่งขึ้นบนเตียงนอน ก่อนที่ร่างสีขาวบนเตียงจะเกิดแสงพลาสม่าชั่วแวบ แล้วกลับกลายเป็นร่างเพียวบางของหญิงสาว

    ไดอาน่าหายใจหอบแฮ่ก เธอฝืนลุกขึ้นมาหยิบกระจกข้างเตียงส่องบนช่องอกและลำคอตัวเอง

    "เขาจะจำได้ไหม.." 

    สายตาหลุบลงมองตำแหน่งรอยช้ำบางจุดบนลำคอ ใบหน้าก็ขึ้นสีแดงสดทันที ไดอาน่าซุกหมอนเพื่อกรีดร้องก่อนจะตีขารัวๆบนที่นอนอย่างอัดอั้นใจที่สุด 

    แจสเปอร์ที่ลอยเอื่อยๆบนอากาศถอนหายใจ

    "คิดว่าไม่นะ มันหมือนคราวของเธอ ที่เผลอตัวจับอีกฝ่ายกดลงบนกำแพง จำได้มั้ย? เพราะสัญชาตญาณความต้องการของสัตว์ป่าที่ถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นคู่ตัวเอง ครั้งนี้เธอรอดไปได้เพราะแพล็คยื่นมือเข้ามาช่วย ครั้งต่อไปคงรู้แล้วนะว่าต้องทำยังไง?

    แจสเปอร์เอ่ยดุเสียงแหลมเข้ม เขาสมควรไม่พอใจจริงๆนั้นแหละ ที่ไดอาน่าพุ่งเอาตัวไปหาอันตรายทั้งที่ตอนนี้กำลังปลายเดือนแล้ว 

    มันเป็นช่วงที่ผู้ถือครองพลังในช่วงนี้จะสติหลุดบ่อยๆที่สุด เหมือนช่วงที่ไดอาน่ากับนาธานผ่านไป

    "ขอโทษ...."  เสียงเอ่ยสำนักผิดดังขึ้นมาแผ่วเบา ไดอาน่าสำนักผิดแล้วจริงๆ 

     ในขณะที่หัวสมองยังลบภาพเอเดรียนในตอนนั้นไปจากจิตสำนึกไม่ได้เลย


    .............

    70%


    ไม่กี่วันหลังผ่านวันนั้นไปฤดูหนาวได้ผ่านพ้น ดอกไม้และต้นกล้าต่างงอกเงยจากพื้นดินเตรียมต้อนรับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ 

    ไดอาน่าก็ใช้ชีวิตปกติอย่างทุกวัน ทุกเช้าเธอจะหาอะไรมาทาบนผิวช่วงคอ แล้วใส่เสื้อคอเต่าทับอีกชั้น  ตกเย็นมาก็ไปเรียนต่อสู้กับปรมาจารย์ฟู ก่อนจะเข้าห้องอัดเสียงสตูดีโอ สลับไปทำงานถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่นผู้หญิงคนเดียวบ้าง


    หลังจากวันที่เธอหลบหนีออกมา โดยได้รับความช่วยเหลือจากแพล็ค เอเดรียนก็ดูเหมือนจะมีเรื่องให้ขบคิดบางอย่าง เขามักจะเหม่อออกไปไหนสักแห่ง บ้างครั้งก็เหม่อหลังมองหน้าต่างหรือประตูบ้าง


    'เธออยากอ่านใจเขาได้จริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่?'

    และหลายครั้งที่โรงเรียนเขาจะแอบมองเธอบ่อยๆ ในยามที่เขาจะคิดว่าเธอไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงแล้วเธอรู้ตัวอยู่ตลอดสาเหตุจากระแวงเขานั้นแหละ

    "สวัสดีไดอาน่า"

    "สวัสดีเอเดรียน"

    หัวใจของไดอาน่าพุ่งสูงขึ้นหลังจากได้ยินเสียงเรียกอันนุ่มนวลของเขา 

    วันนี้เอเดรียนก็มาเข้าโรงเรียนด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเช่นเคย เบื้องหลังของเขาเหมือนมีฉากCGเป็นดอกทานตะวันสดใส ร่างสูงเดินผ่านไปนั่งกับนีโน่ก่อนจะคุยหัวเราะกระซิบกัน ท่าท่างดูน่าสนุกสนานจริงๆ

    "มองมากๆเข้าเดียวเขาก็รู้ตัวหรอก" เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูมาพร้อมกับเสียงกริ๊ดของสาวๆที่ไล่ตามมา ก่อนจะพากันหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นเดินลงไปนั่งกับ'ใคร'

    "นาธาน" ไดอาน่ายิ้มกว้างเมื่อเห็นเด็กหนุ่มซื้อขนมมาฝากด้วย เธอ'เหลือบมอง'นาธานเนียล'ที่หนีแฟนคลับมาพึ่งเธอเพื่อมาเป็นไม้กันหมา หลังจากที่เขาเริ่มออกงานบ่อยๆและถ่ายแบบ ทุกคนเลยเริ่มรู้จักเขามากขึ้น 

    เริ่มสงสารมาริเน็ตที่มารู้ตัวว่าชอบนาธาเนียล เขาก็เริ่มดังเกินไปแล้วทำให้สาวๆต่างหันมาชอบเด็กหนุ่มมากขึ้น(ทำให้คู่แข่งเยอะขึ้นตาม)....และแถมเหตุการณ์ล่าสุดที่มาริเน็ตไปฝากรอยจูบให้ครั้งก่อนอีก..

    ใช้ 

    รอยจูบตอนที่สตูดีโอครั้งนั้นนั่นแหละ!(เสียดายที่โดนดึงออกไปก่อนเลยไม่ได้ดู) ตอนนี้ฉันมองหามาริเน็ตได้ยากมาก! 

    เพราะเด็กสาวคงอายจนเริ่มหลบหน้านาธาน ส่วนนาธานฉันเห็นเขาพยายามจะเข้าไปคุยกับมาริเน็ตอยู่ แต่คุณนางเอกหนีเร็วเกินไป! 

    กลายเป็นว่าตอนนี้มาริเน็ตสลับบทกับนาธาเนียลซะแล้วล่ะค่ะทุกท่าน เชื่อสิว่าเพื่อนๆในห้องก็คงจะงงๆกันอยู่หน่อยๆ

    ส่วนทางด้านแฟนคลับ เมื่อพวกเธอเห็นเด็กหนุ่มไปนั่งกับใครเช่นนั้นก็พากันถอยหนี ไปนั่งดูห่างๆด้วยสายตาเคลิ้มฝัน ใบหน้าของพี่น้องฝาแฝดซีมัวร์เมื่อนั่งอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนภาพปาติมากรรมชั้นเลิศ ที่มีค่าเกินกว่าจะเข้าไปทำลายและควรอนุรักษ์ไว้เป็นอาหารตา..แค่กๆ   


    รอบๆทั้งเด็กสาวและเด็กหนุ่ม ต่างมีคนเดินผ่านห้องเพื่อแอบเหลือบมองทุกห้านาที ตรงฝั่งตรงข้ามของเอเดรียนก็มีเช่นกัน 

    นอกจากที่เอเดรียนจะชอบเหม่อบ่อยๆแล้ว ฉันยังชอบแอบมองเขาบ่อยๆอย่างไม่รู้ตัว เหตุการณ์ที่สตูดีโอครั้งก่อนฉันกับเขาไม่ได้พูดถึงเลย เอเดรียนปฏิบัติกับเธอแบบไหนเธอก็ปฏิบัติกับเขาแบบนั้น ถ้าเขาไม่พูดเธอก็ไม่พูด ทุกอย่างเลยดูเหมือนจะกลับไปเป็นปรกติอีกครั้ง 


    แต่มีอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไป...


    ไดอาน่ารู้สึกแปลกๆเมื่อเธอมองไปที่เอเดรียน เมื่อเห็นใบหน้าของเอเดรียน เธอจะจดจำร่างกายของเขา หยาดเหงื่อของเขาที่เคลื่อนไหวเหนือร่างตัวเอง

    เมื่อเห็นริมฝีปากของเอเดรียน เธอจะจำรสจูบและการโต้ตอบลิ้นของเขาได้อย่างช้าๆ

    เมื่อเธอเห็นกระดูกไหปลาร้าของเอเดรียน เธอจะนึกภาพเอเดรียนที่กำลังยับยั้งเสียงและอ้าปากของเขา 

    เมื่อเธอเหลือบเห็นกางเกงของเอ-.... ฮึ! ฉันคิดบ้าอะไรอยู่กันเนี่ย! 

    เอาเป็นว่าฉันหยุดคิดเรื่องพวกนั้นไม่ได้ ทั้งที่มันผ่านช่วงฤดูหนาวมาแล้ว โว๊ยย! อยากจะบ้า!?

    ปึก!

    !?

    "เป็นอะไรของเธอเนี่ย อยู่ๆก็เอาหนังสือตีหน้าตัวเอง" นาธานที่ถือสมุดวาดรูปในมือทำหน้าระแวงพลางขยับถอยห่าง...แหม รักกันดีจริงๆ 

    เธอไม่พูดอะไรแต่ขยับเข้าไปพิงไหล่แฝดตัวเองเตรียมนอนหลับ ได้ยินเสียงบ่นของนาธานมาแว่วๆแต่เธอสนใจซะที่ไหน! 

    หลังจากที่งีบหลับไปแบบจริงจังเธอไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนเข้าห้องมา จนนาธานต้องสะกิดให้เธอตื่น พร้อมมีข่าวดีมาบอก 

    "อะไรนะ? ทัศนศึกษา?" เธอทำท่าแคะหูดูอีกทีเผื่อหูฝาด แต่เมื่อกวาดสายตามองรอบๆห้องแล้วทุกคนกำลังคุยซุบซิบกันอย่างออกรสเลยทีเดียว คงไม่พ้นเรื่องที่นาธานเล่าแหงๆ

    "ใช่! "

    เสียงตื่นเต้นจากนาธานที่เล่าให้ฟังว่าตอนที่เธอแอบหลับ มิสเตอร์บัสเทียร์ได้เดินเข้าห้องเรียนมา พร้อมเอกสารในมือมาแจก มันแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับทัศนศึกษาสิทธิพิเศษเฉพาะ6คนแรก

    "จะมีหกคนที่จะได้ไป ถ้าสอบชิงคะแนนอันดับสูงๆจากวิชาประวัติศาสตร์จากทั้งห้องได้" นาธานอธิบายให้ฟัง พร้อมประกายตาวาววับ ดูก็รู้ว่าเขาอยากจะไปมาก 

    อิตาลีฉันเคยไปบ่อยเพราะคุณแม่หิ้วเธอไปด้วยสมัยเด็กๆเลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ 

    "แต่ไม่รู้ว่าฉันจะทำได้หรือเปล่านะ..." นาธานพูดเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ เพราะมันต้องสอบชิงจากทั้งห้อง แปลว่าจะต้องทำคะแนนให้ได้80%อย่างต่ำ

    "ไม่ต้องห่วงน่า~ ฉันเก่งเรื่องประวัติศาสตร์นะ ฉันจะช่วยติวให้นายเอง!" เธอโอบไหล่เขาพร้อมพูดให้กำลังใจนาธาน จนแฝดเธอสีหน้าดีขึ้นนั้นแหละพวกเราค่อยลุกขึ้นไปโรงอาหารกัน

    ตอนที่พวกเรากำลังคุยเรื่องอิตาลีอย่างสนุกสนาน เสียงเรียกตะโกนทำให้พวกเราหันไปมอง

    "ไดอาน่าๆ! มาตรงนี้ด้วยกันสิ!" เสียงเรียกของอัลย่าทำให้ฉันกับนาธานหันมามองกันปริบๆ ก่อนที่พวกเราจะเปลี่ยนเป้าหมายไปนั่งกับโต๊ะอัลย่าและมาริเน็ต

    "อุ๊ย-" เสียงอุทานและสำลักนมของมาริเน็ตเมื่อเธอหันมาจ๊ะเอ๋กับนาธานเข้า

    "เป็นอะไรไหม มาริ?" นาธานยิ้มอ่อนโยนพร้อมยื่นชิทชูตรงโต๊ะให้ 

    "ขะ ขอบคุณ" มาริเน็ตหน้าแดงพร้อมรับมาชับนมที่หกบนโต๊ะและหน้าตัวเองหน่อยๆ ดูเหมือนว่ามาริเน็ตจะหนีนาธานไม่พ้นแล้ว เมื่อเด็กหนุ่มลงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆมาริเน็ต ต่อด้วยเธอและตรงข้ามฉันคืออัลย่า

    ฉันเหลือบมองนาธานที่สามารถเรียกมาริเน็ตว่ามาริได้คล่องปาก หลังจากผ่านช่วงหน้าหนาวมาเธอรู้สึกว่านาธานมีความมั่นใจขึ้น กล้าคุยและสบตากับมาริเน็ตได้ตรงๆแล้ว

    "เรียกมามีอะไรงั้นเหรอ" เธอหันไปถามอัลย่าเมื่อสาวเจ้าก็กำลังแอบดูมาริเน็ตกับนาธานนุ้งนิ้งกันอยู่

    "เรื่องสอบชิงทุนไปทัศนศึกษาที่อิตาลียังไงล่ะ พวกเธอวางแผนกันยังไง ฉันว่าจะอ่านหนังสือและติวให้มาริเน็ตด้วย" อัลย่าถามเบาๆและแววตาแฝงความนัยแปลกๆ 

    "นาธานเขาอยากไปน่ะ ฉันเลยว่าจะติวเข้มให้" เธอพูดยิ้มๆเพราะเริ่มรู้แผนอัลย่าแล้ว เจ้าตัวคงเล็งให้เธอมาช่วยพวกเขาติวข้อสอบล่ะสินะ

    "ฉันสงสัยว่า..ไหนๆเธอก็ต้องติวให้นาธานแล้ว ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันติวข้อสอบล่ะ มีหกคนที่จะได้ไปใช่ไหม ถ้านับร่วมพวกเราก็4คนยังเหลือที่นั่งอีกสองที่ ฉันมั่นใจด้านประวัติศาสตร์มากถ้ามีเธอมาร่วมด้วยล่ะก็พวกเราต้องได้ไปแน่ๆ"

    ความมั่นใจของอัลย่าทำให้เธออดผิวปากแซวเบาๆไม่ได้ 

    แต่มันถูกอย่างที่อัลย่าพูดเพราะคะแนนออกสอบมาทีไร ระดับชั้นและห้องอัลย่าจะได้คะแนนวิชาประวัติศาสตร์นี้เต็มตลอด อีกอย่างที่อัลย่าเลือกเธอ คงเพราะฉันและเอเดรียนเราได้คะแนนท็อปของชั้น เรียกได้ว่าสูสีกันเลย


    "ได้สิ ถือว่าดีล"

    "ดีลเลย!"

    เธอจับมือกับอัลย่าเพื่อล่าชิงรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ! 

    "เฮ้ ยังเหลือที่นั่งไหม ขอแจมด้วยคนสิ วันนี้โรงอาหารที่นั่งเต็มเร็วมาก" เสียงนีโน่พูดขึ้นมา จะมีสักครั้งที่ฉันจะไม่เห็นสองคนนี้มาด้วยกันตลอดไหมนะ?...เพราะว่าเอเดรียนก็เดินมาพร้อมกับนีโน่นั้นแหละ สองคนนี้ชอบไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด...

    อุ ว่าไปแล้วก็ลืมดูตัวเอง ฉันกับนาธานก็ตัวติดกันเหมือนแฝดสยามนี่นา 

    "นีโน่เรื่องทัศนศึกษานายเอายังไง" อัลย่าหันไปถามเด็กหนุ่มผิวแทนที่ขยับแว่นตาบนจมูกทันที

    "แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันกับเอเดรียนจะไปแน่!" นีโน่พูดอย่างมั่นใจ ทำให้ฉันหันไปมองเด็กหนุ่มที่ลงมานั่งเก้าอี้ข้างๆเธอ

    "กาเบรียลจะให้นายไปหรือ?" เธอเลิกคิ้วและถามอย่างกังวล เอเดรียนยิ้มสดใสมาให้ดูไม่ได้สลดอะไร 

    "ฉันลองขอแล้วล่ะ เขาว่าถ้าทำได้จะให้ไปน่ะ" เอเดรียนยิ้มดีใจดูท่าเขาจะไปพนันกับคุณพ่อตัวเองมาแน่ๆ  เธอก็เลยยิ้มยินดีไปให้ด้วย

    กาเบรียลคงไม่รู้ซะแล้วว่าถ้าเอเดรียนตั้งใจแล้วสิ่งนั้นจะออกมาดีแน่ๆน่ะ

    "เหลือสองที่นะ ถ้านายกับเอเดรียนมาได้ก็ครบเลย " นาธานแสดงความคิดเห็น แฝดเธอดูอยากให้นีโน่กับเอเดรียนไปด้วย จะได้มีผู้ชายไปเป็นเพื่อนเที่ยวด้วย 

    ฉันสงสัยนาธานนะว่านี่เขาไม่ได้คิดเลยเหรอว่า สองคนนี้อาจจะมาเป็นตัวชิงที่นั่งนายไปก็ได้นะ.....นายควรห่วงตัวเองมากกว่านะนาธาน

    "นายมั่นใจแค่ไหนอะ" อัลย่าถามแต่ตาลุกวาวเมื่อมองไปที่เอเดรียนแล้ว นีโน่จับสายตานั้นได้เจ้าตัวเลยยิ้มขึ้นมาทันที  

    "เอเดรียนเขาเก่งนะ ให้เขาช่วยติวให้สิ" นีโน่ศอกแขนใส่เอเดรียนที่หัวเราะเบาๆอย่างประหม่าทันที ก่อนที่เอเดรียนจะบอกอย่างถ่อมตนว่าไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก 

    ไม่ได้เก่งขนาดนั้น....

    แต่คะแนนครั้งก่อนเขาออกมาดีมากทั้งที่ขนาดแทบไม่ได้อ่านหนังสือมา ฉันกับอัลย่าที่อ่านหนังสือมาถึงกับมองเขาแรง

    แต่ความมั่นใจเล็กๆที่ดูไม่ได้เครียดอะไรของเอเดรียน ทั้งที่เขาพนันกับกาเบรียลไว้แท้ๆ ทำให้ฉันกับอัลย่าเลยเหลือบมาสบตากันเป็นอันเข้าใจ 

    มีสามคนที่จะได้ไปแน่ๆ! คืออัลย่าและเธอกับเอเดรียน 

    เหลือแค่นีโน่กับมาริเน็ตและนาธาน ฉันไม่ห่วงนีโน่เท่าไหร่เพราะฝั่งโน่นก็ถือว่าเรียนเก่งอยู่ ส่วนนาธานก็ความจำดี เธอเชื่อมั่นว่านาธานถ้าได้ติวดีๆเจ้าตัวต้องได้หนึ่งในตั๋วหกที่นั่งแน่ๆ.....!

    แต่มาริเน็ตนี้สิ...คุณนางเอกที่ขี้หลงขี้ลืมบางอย่างตลอดแบบนี้.. ฉันหันไปมองมาริเน็ตที่ดูเคร่งเครียดเพราะเจ้าตัวก็คงรู้ตัวเองดี

    "ไม่ต้องห่วงนะมาริเน็ต ถึงเธอจะขี้ลืมก็เถอะแต่ในเมื่อมีสามท็อปมาช่วยแบบนี้ มาริเน็ตก็มาริเน็ตเถอะ...ฉันคิดว่าเธอต้องได้ไปแน่ๆ" 

    "....!?" 

    เสียงหวานที่ดูมั่นใจทำให้มาริเน็ตเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะสบสายตาของไดอาน่าที่ยิ้มหวานมาให้ อัลย่าที่ได้ฟังก็เอ่ยสนับสนุน เอเดรียนก็พยักหน้าให้

    "มาไปเที่ยวทั้งหกคนกันเถอะ!" นีโน่กล่าว

    "มาพยายามด้วยกันนะ" นาธาเนียลพูดยิ้มๆ แววตาของเขาดูเชื่อมั่นอย่างมาก มาริเน็ตหัวใจเต้นตึกๆก่อนจะรีบพยักหน้า เห็นทุกคนเอาใจช่วยแบบนี้แล้วมาริเน็ตคงต้องพยายามมากๆแล้วล่ะ


    มาเอาใจช่วยมาริเน็ตกันเถอะ!?




    +++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++

    ตอนหน้าจะได้ไปเที่ยวล่ะวิ้ววววว


     //ไม่ต้องห่วงเรื่องบอสนะ ไดอาน่ามีแผน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×