ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยาย gakuen alice วัยซนคนมีพลังจิต(นัทซึเมะxOC)

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 : การเลือกพาร์ทเนอร์ของซากุระทั้งสอง 100%

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 64


     

    ****

    ตึก.. ตึก.. ตึก..

    ภายในห้องสีขาวสะอาด เธอเห็นเครื่องมือต่างๆวางไว้ข้างเตียง ชายคนหนึ่งภายใต้แสงไฟทำให้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้เลย เสียงฝีเท้าดังกังวาลภายในห้องกว้างที่เงียบเหงาก่อนเสียงฝีเท้านั้นจะหยุดที่ข้างเตียง

    มิกะที่เหมือนมีสติและไม่มีสติ  เธอพยายามจะมองให้เห็นใบหน้านั้น แต่ก็ไม่อาจมองผ่านเงามืดผ่านแสงสะท้อนได้เลย

    'นี้คือความฝัน??'

    'ใครกันนะ?'

    'เขากำลังทำอะไร'

    'เรากำลังถูกทดลองอยู่หรือ?'

    'มิคัง? คุณปู่!?'

    ความกลัวและความวิตกกังวลผุดขึ้นมาเป็นชุดๆ แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ 

    มิกะทำได้แค่มองดูเท่านั้นไม่สามารถขยับส่วนใดส่วนหนึ่งได้เลย เหมือนชายหนุ่มจะรู้สึกได้ถึงความกังวล เขาถอดถุงมือออกก่อนจะวางไว้บนหัวเธอแล้วพึมพำบางอย่าง

    [ไม่ต้องกลัว... มันจะเจ็บแค่นิดเดียว] เสียงทุ่มปลอบโยน ความกลัวเหมือนจะค่อยๆเบาบางลง 

    'ใครกัน?' คำพูดที่สามารถทำให้สงบลงได้ ต้องเป็นคนที่เรารู้จักเป็นอย่างดีถึงได้ไว้วางใจขนาดนี้ ...แต่ใครกัน? เราไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน

    หรือว่า...นี้คือความทรงจำที่สูญหายไปของเรา..?

    [หนูไม่กลัว...]

    '!?'

    มิกะตกใจกับเสียงนี้....เสียงที่ฉันได้ยินอยู่เป็นประจำ 

    [เพื่อปกป้องมิคัง,ทุกคน...และ]

    'เสียงของตัวฉันเอง'

    [ปกป้องนัทซึเมะ]

    .....!

    สิ้นเสียงนั้นสติของฉันแจ่มชัดขึ้น เหมือนความลับที่อยากรู้มานานกำลังจะได้รู้ในตอนนี้ 

    ทว่า...

    แรงดึงที่รู้สึกได้อยู่คนเดียวกำลังขับเธอออกไป มิติสั่นไหว ภาพชัดเบลอเป็นช่วงๆ สติเธอมันค่อยๆไกลออกไป 

    'เดียวก่อน!?'

    ไม่มีใครได้ยินเสียงนี้ เหมือนกับว่ากำลังจะได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้น เสื้อกาวสีขาว...ผมสีบลอนด์

    ใบหน้านั้น...

    [เพื่อประโยชน์ของอลิซของเธอ ฉันจำเป็นจะต้องติดตั้ง-..ซี่ ซี่ซ่าาา] 

    เสียงขาดๆหายๆเหมือนเสียงวิทยุของคุณปู่ที่ใกล้จะพัง เสียงซ่าจนแทบไม่ได้ยิน มิกะอ่านปากของชายคนนั้น

    [ช่วยทุกคนด้วยนะ]

    [มิกะ]


    ชายคนนั้น หน้าคล้ายกับรูกะเลย...

    ......


    "สำเร็จ!?"


    สะดุ้ง!?

    เสียงตะโกนดังขึ้นภายในหอพักแห่งหนึ่ง ปลุกสองร่างที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้นมา แต่เจ้าของเสียงกรีดร้องนั้นยังคงน้ำลายยืดพลิกตัวแล้วนอนหลับต่อ...

    "...เอ๋" กระพริบตาปริบ

    ดวงตาสีฟ้าปรือด้วยความง่วงมีน้ำตาซึมที่หางตา  ผิวขาวที่ดูซีดเซียวเมื่อวานในตอนนี้ดูอมชมพูสุขภาพดี  มิกะหันไปมองรอบๆห้องก่อนจะรู้ว่า

    'ฝัน'

    เมื่อเธอลุกขึ้นจากที่นอนก็เห็นโฮตารุหยิบปืนสิ่งประดิษฐล่าสุดขึ้นมาด้วยใบหน้าอึมครึม... มิกะไม่พูดอะไรเธอยื่นมือออกไปเพื่อขอส่วนร่วมด้วยคน เพราะเธอก็'หงุดหงิด'ที่ถูกปลุกก่อนเวลาเช่นกัน 

    อุสาจะได้รู้เรื่องราวในความฝันแล้วแท้ๆ

    แน่นอนว่า...มิกะคิดว่านั้นคือความฝัน

    "ขอบคุณ...อือ แจ่มๆ ขอบคุณจริงๆ...ขอบ"  เสียงละเมอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมเสียงหัวเราะที่น่าขนลุก ฉันและโฮตารุเห็นพ้องต่อกันทันทีว่ามันดูน่าขยะแขยงมาก 

    เพราะฉะนั้น...

    ปัง! ปัง!


    "กริ๊ดดด!!"


    'เรามาปลุกกันเถอะ'


    <ปืนบ๊อง>ใช้เล็งคนบ้า แล้วปล่อยหมัดหนักใส่ เป็นปืนอัดลมประเภทเดียวกับถุงมือเท้าม้า

    เสียงกรีดร้องของมิคังที่โดนปืนอัดลมถึงสองอัดในเวลาเดียวกัน ก่อนจะสะดุ้งตื่นวิ่งชนของในห้องจนเละเทะ ถึงกระนั้นแล้วโฮตารุและมิกะก็ยังไม่หยุดยิงจนกว่าจะปราบคนบ้าให้หมดแม็ก

    นี่แหละคือโทษของคนบ้าที่กวนคนหลับ

    ฟู่...

    ผ่านไปครู่หนึ่งเด็กสาวที่ยังไม่ตื่นก็ตื่นเต็มตาแล้วตอนนี้(พร้อมร่างสะบัดสะบอม) เมื่อหันไปมองบนเตียงกลางห้อง ก็เห็นตัวการสองคนคือเพื่อนสุดที่รักและน้องสาวสุดเลิฟ 

    "โฮตารุ?..มิกะ ทำอะไรน่ะ" มิคังก็แสดงสีหน้างงงวย 'แล้วที่นี่..ที่ไหนนะ?' มิคังเหมือนหลงลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้น

    "เล่นมาแหกปากปลุกคนให้ตื่นตั้งแต่เช้าแบบนี้ ช่างเป็นคนที่ไม่มีความคิดจริงๆ" เสียงเรียบนิ่งของเด็กสาวผู้งดงามแต่มีสีหน้าตาย 'โฮตารุ'

    "โฮจังกำลังบอกอ้อมๆว่ามิคังโง่อยู่น่ะ" มิกะบอกใบ้ให้เพราะคิดว่าพี่บ้าคงไม่เข้าใจ  

    'เอ่อ.. ไม่จำเป็นก็ได้นะ' มิคังคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป เพราะสีหน้าน้องสาวมืดมนไม่ต่างกันเลย

    "แล้วก็นะ..คนจะหลับจะนอน รู้มั้ยว่าโดนปลุกกลางทางมันน่าหงุดหงิดขนาดไหน" เสียงนุ่มและยิ้มบางแต่ดูเย็นชาในตอนนี้ของน้องสาวผู้น่ารัก 'มิกะ'

    'ที่นี่... ใช่แล้ว'

    ที่นี่คือหอพักแผนกประถมของโรงเรียนอลิซ(ในห้องของโฮตารุ) มิคังคิดในใจก่อนจะนอนแผ่เหมือนเดิม เพราะเมื่อวานมิกะดูอาการไม่ดี เธอเลยไปนอนกับโฮตารุส่วนมิคังก็นอนบนพื้นพร้อมผ้าปู...กระซิกๆ(ซับน้ำตา)

    ไม่ใช่ว่าไม่ประท้วงถึงความลำเอียงนะ แต่เพราะทั้งสองคนบอกว่าเธอชอบละเมอและกรนเวลานอน ทำให้ถูกเตะจากเตียงประการเช่นนี้เอง...

    แต่ดูเหมือนว่าถึงมิคังมานอนข้างล่างก็ยังช่วยไม่ได้...

    ............

    ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้หลังจากที่มิกะสลบไป เธอก็ตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลที่มีนารุมิกำลังรักษาบาดแผลอยู่ 

    "ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ"

    "อื้อ♥ ขอบใจมากเลยนะ"

    แกรก ควับ

    "อ้าว ตื่นแล้วเหรอมิกะจัง รู้สึกยังไงบ้าง" เสียงปิดประตูก่อนร่างสูงจะเดินเข้ามา

    "ครูนารุมิ...?" ฉันกุมขมับรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าก่อนจะหลับไปเธอจะเห็นบางอย่างนะ...แต่ก่อนหน้านั้นด้วยความสงสัย

    "เมื่อกี้ใครหรือคะ" เหมือนจะเห็นเป็นนักเรียนผู้ชาย ดูไม่เหมือนคุณครูเลย

    "นักเรียนอลิซที่มีความสามารถสายรักษาน่ะ บังเอิญผ่านมาส่งจดหมายที่นี่พอดี ก็เลยขอให้ช่วยนิดหน่อย" นารุมิชี้ที่ใบหน้าตัวเองและชี้ที่เธอ

    "...!" 

    อาการปวดหัวกับตรงข้อมือที่เป็นรอยช้ำมันหายไปแล้ว หัวโน่ที่เป็นลูกมะนาวก็ด้วย! 

    วิบวับวิบวับ 

    ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายเมื่อรู้สึกว่าไม่มีตรงไหนที่เจ็บเลย เธอมองนารุมิด้วยสายตาชื่นชม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่รักษาเธอก็เถอะ แต่ก็เป็นคนที่เป็นห่วงเธอเช่นเดียวกับมิคังและคุณปู่

    ถ้าใครดีกับเธอมา ฉันก็จะรู้สึกดีด้วยเป็นธรรมชาติ 

    "ตอนนี้มิคังตามโฮตารุไปดูหอพักแล้วล่ะ พวกเสื้อผ้าที่เอามาด้วยโทบิตะก็ช่วยมิคังขนไปแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นมีตรงไหนที่รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า" 

    นารุมิหยิบเก้าอี้มานั่งข้างเตียง เด็กสาวน่ารักส่ายหัว ท่าทางเรียบร้อยเหมือนตุ๊กตา ที่จะหยิบไว้ตรงไหนก็คงจะทำตามอย่างเรียบร้อย

    'ช่างต่างจากแฝดคนพี่จริงๆเลยนะ'  

    'แต่ที่มีเหมือนกันคงเป็นความกล้าหาญและความรักพี่น้องที่ปกป้องกันละกัน' นารุมิคิดในใจ ขณะที่หยิบปากกามาจดอะไรบางอย่าง 

    แกร่กแกร่ก

    "...?"

    ถ้ามิกะตัวสูงกว่านี้หน่อย...เธอคงจะได้เห็นว่าบนกระดาษที่นารุมิกำลังจดอยู่นั้น มีชื่อเธอกับมิคังอยู่...และตอนนี้กำลังเขียนถึงนิสัยการวางตัว เวลาแก้ปัญหาที่เจอหรือวิธีที่เธอตอบโต้นัทซึเมะ

    มิกะคงไม่รู้เลยว่าวีรกรรมในห้องของเธอ จะถูกมองผ่านลูกแก้วของอาจารย์เซรีน่ากับครูมิซากิ ที่นารุมิรีบกลับไปเพื่อดูอย่างสนุกสนาน(ถ้าเด็กสาวรู้ตัวความรักในใจต่อนารุมิในตอนนี้คงลดลงยวบๆ...) 

    มันคือการทดสอบของเด็กใหม่ว่ามิคังและมิกะ จะตอบสนองยังไงเมื่อได้เจอนักเรียนในห้อง ร่วมไปถึงนักเรียนตัวปัญหา(นัทซึเมะ) 

    ถ้ามิกะอ่านใจได้เธอคงจะได้รู้ความคิดชั่วร้ายของนารุมิที่คิดจะจับคู่กับเธอให้ใครบางคน... เนื่องจากนิสัยที่สงบเยือกเย็นกว่าแฝดคนพี่ และวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า​ที่สามารถยืดและหดได้  

    น่าจะเป็นการจับคู่ที่ดี.. หรืออาจจะเป็นคู่กัดกันในอนาคต?

    "อาจารย์..ปกติเวลาใช้อลิซจะเห็นอะไรก่อนหรือเปล่าคะ? ...แบบสีเหลี่ยมๆใสๆ" เธอทำท่าทางให้ดูว่ามันใหญ่ประมาณไหน

    "เห็นอะไรก่อน? ปกติไม่มีแบบนั้นหรอกนะ หรืออาจจะมี..แต่ครูไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย" นารุมิแสดงสีหน้าสงสัย เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็หลุบตาลงอย่างกังวล

    "หรือมันอาจจะเป็นผลข้างเคียงที่ครูนารุมิพูดถึงหรือเปล่าคะ.." เห็นภาพหลอนแล้วสลบไป?

    "อลิซของหนูน่ะ ถ้าใช้แล้วมีผลข้างเคียงนอนหลับหลังใช้งานแบบนั้นตลอดล่ะก็... อนาคตจะมีประโยชน์ได้เรอะ? หนูจะปกป้องมิคังได้หรือคะ" 

    โรงเรียนที่แบ่งชนชั้นด้วยอลิซแบบนี้.. อลิซของเราจะไปแข่งกับพวกเขาได้ยังไง!

    มิคังกับคุณปู่ที่ดูแลเราหลังสูญเสียความทรงจำไป 

    หลังออกจากโรงพยาบาล เธอรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะต้องลำบากมาก ในแต่ละวันต้องให้มิคังกับคุณปู่สลับเวียนมาประกบตัวอยู่ด้วยตลอด เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าให้คลาดสายตา 

    เพราะมีครั้งหนึ่งที่เธอหลุดหายไปในภูเขา ต้องลำบากทั้งหมู่บ้านออกมาตามหา ทำให้คุณปู่และมิคังต้องร้องไห้อีกแล้ว

    พอมีความรู้บ้างแล้วฉันถึงอยากจะปกป้องอยากจะตอบแทน...กับความรักที่ได้รับมา 

    อยากจะเป็นประโยชน์ให้ใครสักคน 

    "ไม่สิ... มิคังก็มีอลิซสลายพลังนี่นา เธอสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว แบบนี้หนูก็เท่ากับไร้ประโยชน์แล้วใช่มั้ย?" 

    ความตื่นตระหนกที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ในตอนที่มิคังเริ่มไปสนใจโฮจังมากกว่าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลัวจริงๆ...

    ความทรงจำที่ว่างเปล่า ไม่สามารถพูดคุยเรื่องอดีตกับใครได้เลย ถึงแม้อยากจะเข้าใจสิ่งที่คุณปู่และมิคังพูด แต่ก็ทำได้แค่แสร้งทำตัวนิ่งเฉยกลบเกลือน 

    [มิกะในอดีตน่ะน่ารักมากๆเลยนะ] 

    [เธอเชื่อฟังแถมยังยิ้มออกจะบ่อย]

    [ฉันอยากได้น้องสาวผู้แสนร่าเริงแจ่มใส และมั่นใจคนนั้นกลับคืนมา!]

    คำพูดที่มิกะชอบบ่นให้ฟังเป็นประจำ จริงๆแล้วฉันรู้สึกใจหายนะ ถ้าฉันไม่สามารถฟื้นความทรงจำได้ ไม่เชื่อฟังไม่ยิ้มบ่อยๆ ไม่มีความมั่นใจเหมือนเมื่อก่อน

    ไม่เหมือนตัวฉันในอดีต

    มิคังจะทิ้งฉันไปหาโฮตารุคนเดียวไหมนะ...

    ฉันจะถูกทอดทิ้งหรือเปล่านะ...?

    ไม่มีใครต้องการฉัน

    ท่าทางกังวลของมิกะที่ทำหน้าจะร้องไห้ทำนารุมิใจอ่อน เขาไม่รู้ว่ามิกะคิดอะไรอยู่ในหัว มือใหญ่ยื่นออกไปลูบหัวเธอเบาๆก่อนจะอธิบายให้ฟัง

    "มิกะ" 

    "..?" 

    "อลิซน่ะไม่ว่าจะเป็นพลังแบบไหน ก็สามารถเป็นได้ทั้งยาพิษและยารักษา ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนคนนั้น  ถึงตอนนี้เธอจะคิดว่ามันไม่มีประโยชน์.. ตอนนี้อาจจะมีผลข้างเคียงแต่พลังนั้นอาจจะแสดงอนุภาพมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวตามการฝึกฝนก็ได้นะ"

    "บางที..ตอนนี้ก็เหมือนกัน ที่ไหนสักแห่ง อาจจะมีคนที่จำเป็นจะต้องพึ่งพลังของเธออยู่ก็ได้นะ?"

    "ใครบางคน...พึ่งพลังของหนู" มิกะกระซิบเบาๆ จดจำคำพูดของนารุมิขึ้นใจ

    อยู่ๆใบหน้าซีดเผือดของนัทซึเมะตอนนั้นก็ปรากฏขึ้นมาในหัว และใบหน้าของรูกะยามที่ตะโกนด้วยความโกรธ

    [พวกเธอจะไปเข้าใจอะไร! นัทซึเมะน่ะเขาไม่ต้องการพลังแบบนี้]

    [ไม่ต้องการ..]


    แพรขนตาหนากระพรือเบาๆอย่างสั่นไหว ความร้อนรนในอกค่อยๆบรรเทาลง..

    .................
    .........
    ....


    ..เพราะคำพูดของนารุมิซังทำให้เธอตื่นขึ้นมาได้..

    หลังกลับมาจากห้องพยาบาลก็ปลอบมิคังและโฮตารุที่หอพัก คืนนั้นพวกเราสามคนพูดถึงอดีตจนดึกดื่น ถึงจะเสียเวลานอนหลับไปแต่ก็ทำให้พวกเราสนิทกันมากขึ้น

    เพราะแบบนั้นตอนตื่นเช้ามาเลยหงุดหงิดที่มิคังทำเสียงดังจนตื่นก่อนเวลา 

    ตอนนี้พวกเรากำลังเดินไปที่ห้องเรียนBค่ะ พร้อมกับโฮตารุและโทบิตะที่มายืนรอที่หน้าหอพัก 

    [แผนกประถม]

    แกร่ก แกร่ก

    ซากุระ มิคัง ซากุระ มิกะ

    "เอาล่ะ♥ ขออีกครั้งนะ" นารุมิเขียนชื่อนักเรียนใหม่ทั้งสองบนกระดาน ก่อนจะพยักหน้าให้พวกเรา 

    "ฉันกลับมาอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยค่ะ ซะกุระ มิคัง และซากุระ มิกะ พวกเราเป็นอลิซของแท้แน่นอนค่ะ!

    เสียงร่าเริ่งของมิคังที่อยู่ในหน้าชั้นเรียนเอ่ยขึ้นมาเรียกความสนใจของทุกคนในห้อง 

    "ฝากตัวด้วยนะคะ" มิกะโค้งให้ทุกคน มิคังได้สติรีบทำตาม เพราะมัวแต่ดีใจเลยลืมมารยาทหน้าชั้นเรียนไป 

    "ฝากตัวด้วยนะคะ!" 

    สิ้นการแนะนำตัวสั้นๆของเรา เด็กนักเรียนชายหญิงในห้องต่างฮือฮา 

    "ผ่านการทดสอบมาได้ยังไงเนี่ย"

    "สุดยอด"

    "เรื่องที่ว่าปะทะกับนัทซึเมะคุงเป็นเรื่องจริงเหรอ!"

    เสียงคุยกระซิบกันดังไปทั่วห้อง ทุกคนดูตื่นเต้นมากและนารุมิซังก็มายืนเฝ้าอยู่ข้างหลัง อ๊ะ แล้วก็มีครูอ่อนแอเมื่อวานนี้ก็มายืนดว้ย

    "ยินดีด้วยนะที่เข้าเรียน ฉันเป็นห่วงเธอนะ" เด็กผู้หญิงผมยาวสีดำน่ารัก กับเพื่อนสนิทโต๊ะเดียวกันผมยาวหยักศก พวกเธอแนะนำตัวว่าชื่อ โมโมโกะกับแอนนา 

    เป็นเด็กผู้หญิงท่าทางใจดีที่ชวนมิคังไปนั่งด้วยกัน 

    "ขอบใจนะ!" มิคังแก้มแดงยิ้มเขินๆเมื่อมีคนเริ่มไปรุมล้อม

    "นี่ๆ เธอนี่สุดยอดเลย! ชนะเจ้าแบร์ตัวนั้นมาได้ด้วย เจ้านั้นน่ะแกร่งมากเลยนะ!?"

    มิกะแสดงสีหน้างงๆ ทำไมถึงคิดว่าเธอเป็นคนจัดการ ที่จริงคนจัดการน่ะมันคือโฮจังต่างหาก 

    ขณะที่คิดว่าจะแก้ต่างแต่ก็โดนขัดเมื่อนักเรียนชายหญิงเริ่มขยับเข้ามาใกล้ แล้วชักถามคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ

    'ว้าว! ทุกคนเปิดใจให้พวกเราแล้ว!?'  

    มิคังกำลังมีความสุขที่ทุกคนยอมรับเธอแล้ว เหมือนในความฝันตอนเช้าเลย! ดีนะที่พยายาม!!

    "อะไรกันทำเป็นระรื่นอยู่ได้ ใครกันนะที่พูดว่าคนนั้นเป็นอลิซตัวปลอม คิดผิดอย่างแรง!" โชดะพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

    "ก็เธอไง" เด็กชายผู้มีอลิซอ่านใจได้ว่าขึ้น

    ...

    ถึงฝั่งนั้นจะเฮฮาสักแค่ไหน แต่ฝั่งนี้เงียบสงันมากเพราะเป็นกลุ่มแฟนคลับของนัทซึเมะ กลุ่มพรรคไม่ยอมสนิทสนมด้วย

    "เอาล่ะๆ ทุกคนเงียบหน่อย! กลับไปนั่งที่ได้แล้ว" 

    เสียงของนารุมิดังแทรกขึ้นมา นักเรียนก็ยอมแยกย้ายไปนั่งกลับที่อย่างสงบ เพราะทุกคนไม่อยากตกเป้นเหยื่อของฟีโรโมนเลยไม่มีใครกล้าหือกับนารุมิ

     ฉันและมิคังเหม่อมองชายหนุ่มที่มีท่าทีคุ้นเคยกับหน้าที่ตรงนี้มากจนอดสงสัยไม่ได้

    มิคัง : "ครูนารุมิ...รับผิดชอบห้องBงั้นเหรอ??" 

    มิกะ : "หนูนึกว่าเป็นอาจารย์คนนั้นรับผิดชอบซะอีก..."

    "อ้าว? ยังไม่รู้หรอกรึ ฉันมีเรื่องยุ่งๆก็เลยฝากให้เขาดูแลน่ะ"

    'น่าสงสารจัง' มิกะคิดในใจอย่างเห็นอกเห็นใจ

    เมื่อเห็นอาจารย์อ่อนแอ..ไม่สิ อาจารย์ผู้ช่วยตอนนี้กำลังน้ำตาไหลพราก ขอร้องนารุมิอย่าหายไปเลย กรุณอย่าฝากให้ดูแลต่อเลยครับ! แต่นารุมิก็ยังหัวเราะหน้าระรื่นไม่สัญญาอีก...(แปลได้ว่าอาจจะได้มีฝากอีกคราวหลัง)

     "อื้ม..รู้สึกว่านัทซึเมะยังไม่มาสินะ" โดดเรียนหรือมาสายนะ?..  

    แอ๊ด.. แกร่ก

    "นัทซึเมะ!"

    รูกะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตกใจ 


    50%

    เอ๊ะ?

    ทุกคนต่างหันไปมองที่ประตูห้อง ก่อนจะพากันตกใจเมื่อพบว่านัทซึเมะเข้ามาด้วยร่างกายที่สะบัดสะบอม 

    ดวงตาสีแดงเย็นชาถูกปิดบังด้วยหน้ากากแมวดำ ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องเรียนเงียบๆ 

    "หน้ากากนั้นมัน...ที่เจอตอนแรก" มิกะพึมพำเสียงเบา 

    หน้ากากแมวดำที่ครูมิซากิยึดไป ทำไมเขาถึงใส่มันอีกครั้งล่ะ? ไหนจะร่างกายที่มีบาดแผลพวกนั้น

    โรงเรียนนี้มันยังไงกัน...

    “เฮ้อ หลังจากนั้นก็ยังโดน'เขา'จับได้งั้นเรอะ?” นารุมิถอนหายใจ 

    กึก เด็กหนุ่มหยุดเดินครู่หนึ่ง กวาดสายตามองเด็กผู้หญิงข้างหลังนารุมิ ที่กำลังชะเง้อคอมองอย่างอยากรู้อยากเห็น 

    "...!?" เมื่อเห็นว่าเป้าหมายเหมือนจับได้ว่าแอบดู มิกะจึงรีบหลบข้างหลังนารุมิ ทำเป็นเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

    “..หนวกหู” นัทซึเมะแค่นเสียงกระซิบตอบ นารุมิยิ้มอ่อนส่ายหัวระอาบางอย่าง ระหว่างที่เด็กหนุ่มเดินหนีไป เด็กหญิงผมสีเขียวแก่ก็รีบวิ่งมาบ่นเสียงงอล

    “นัทซึเมะคุง! ฟังนะ! เมื่อกี้นี่น่ะ... อยู่ๆทุกคนก็ไปชื่นชมยัยนั่น…” โชดะกำลังฟ้องเกี่ยวกับมิกะและมิคังที่ยิ้มระรื่นในวงล้อมของห้อง แต่ก่อนที่จะได้พูดจบ ขาเรียวของเด็กหนุ่มก็เตะไปที่เก้าอี้

    ปัง!?

    "ว้าย!?"

    โชดะร้องอย่างตกใจก่อนจะรีบถอยหลบออกมา เมื่อดูท่าแล้วนัทซึเมะคุงในตอนนี้คงไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น 

    ท่าทางที่หงุดหงิดง่ายและออร่าที่ขับออกมาบอกว่า'อย่าเข้ามายุ่ง'มันแปะตัวหนังสือโตๆไว้รอบตัวเด็กชายที่ดูมืดมน

    “…..” ทุกคนภายในห้องพากันนิ่งเงียบ จนเมื่อนัทซึเมะไปนั่งที่เสร็จเรียบร้อย บรรยายกาศที่น่ากลัวก็เริ่มน้อยลง ทุกคนแอบคุยซุบซิบกัน

    "แย่ชะมัดเลย นัทซึเมะซังใส่หน้ากากลงโทษมาด้วย" 

    "นัทซึเมะซังเวลาใส่ไอ้นั่นมา เจ้าตัวจะอารมณ์ไม่ดีตลอดเลย"

    “รู้สึกว่าพอใส่หน้ากากแล้วจะมีคลื่นวิทยุแล่นเข้าไปในสมองจนปวดหัวไม่หยุดด้วยนะ”

    "น่ากลัวอะ"

    “ถึงนัทซึเมะคุงจะเป็นแบบนั้นแต่ก็ยังเท่อยู่ดี” โชดะเอ่ยอย่างเศร้าใจและปลื้มปริ่ม

    เสียงซุบซิบดังไปทั่ว นัทซึเมะไม่สนใจ เพราะตอนนี้เขาเหนื่อยเกินจะใส่ใจ บาดแผลทั่วร่างยังตอกย้ำถึงความอ่อนแอของเขา 

    ความเกลียดชังและบาดแผลพวกนี้ที่คอยตอกย้ำ ว่าฉันที่ต่อต้าน'เขา'ไม่ได้นับวันมีแต่จะทวีคูณขึ้น...

    'ถ้าฉันแข็งแกร่งกว่านี้...' 

    “นัทซึเมะ…”

    “..ไม่ต้องห่วงรูกะ”

    เด็กชายผมบลอนด์มองเพื่อนสนิทตัวเองด้วยสายตาเป็นห่วง ก่อนจะเงียบเมื่อรู้ว่านัทซึเมะไม่อยากให้ใครถามเรื่องนี้มากที่สุด


    "...." มิกะที่พยายามเอียงหูฟังเพื่อนในห้องคุยกันแล้วแต่ก็ไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ 

    แต่ก็พอจับใจความได้ว่าหน้ากากนั้น คือสิ่งประดิษฐ์ที่มีหน้าที่เดี่ยวกันเหมือนต่างหูและสร้อยคอของครูนารุมิ แปลว่าบาดแผลพวกนั้นนัทซึเมะโดน'ทำโทษ'มา? 

    แล้วใครเป็นคนลงโทษ? อาจารย์เหรอ? แต่ทำไมเขาถึงได้โหดเหี้ยมกับเด็กตัวเท่านี้...

    บาดแผลนั่นดูยังไงก็ไม่ง่ายเลย บนคอที่มีรอยเหมือนโดนรัดร่วมไปถึงข้อมือ และท่าทางที่ดูอ่อนล้าแตกต่างจากท่าทางโอหังเมื่อก่อนลิบลับ 

    .... เมื่อเห็นบาดแผลของอีกฝ่ายไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกเศร้าในอกมาก มันเจ็บปวดแปลบๆ.. มิกะคิดว่าสงสัยคงเป็นเพราะอยู่ๆเธอก็เกิดกลัวขึ้นมา

    หมับ...

    "เป็นไรเรอะ?" มิคังมองน้องสาวที่อยู่ๆก็จับมือตัวเองแน่น 

    คงมีแต่เด็กสาวตาสีน้ำตาลคนนี้เองที่เหมือนจะไม่รับรู้เลยว่าโรงเรียนนี้อันตรายขนาดไหน 

    นัยน์ตาสีฟ้าสั่นไหว เธออยากบอกว่าที่นี่ดูไม่ง่ายเลย 

    "เปล่า..แค่เหนื่อยนิดหน่อย" มิกะแกล้งทำเป็นอ้อน เธอทำตัวน่ารักจนมิคังเลิกสนใจท่าทางแปลกๆ หันมายิ้มลูบหัวน้องสาวปลอบด้วยมาดของผู้ปกครอง 

    แปะ แปะ 

    แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากกว่านี้ นารุมิเริ่มตบมือเรียกร้องความสนใจจากเด็กๆทุกคนได้สำเร็จ 

    "เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้ว ครูมีอะไรจะพูดด้วยหน่อย เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักเรียนใหม่สองฝาแฝดซากุระ"

     ชายหนุ่มรูปงามยิ้มแย้มแจ่มใส่เพื่อเปลี่ยนบรรยายกาศที่ขุ่นมัวในห้องเมื่อครู่

    "พวกเธอเพิ่งจะเข้ามาเรียนจึงยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วครูจึงอยากจะเลือก'พาร์ทเนอร์'ที่จะคอยเป็นผู้ชี้แนะการใช้ชีวิตที่นี่ ร่วมไปถึงการทำกิจกรรมต่างๆและการสอนเรื่องใช้ชีวิตในโรงเรียนด้วยนะ"

    เมื่อได้ยินนารุมิพูดเช่นนั้น มิกะที่ดูกังวลในตอนแรกหันขวับไปมองโฮจัง มิคังก็ตาโตเป็นประกายจดจ่อไปที่โฮตารุเพื่อนสาวสุดที่เลิฟ

    แต่ทว่า..

    โฮตารุเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว เธอจึงยกป้ายกระดาษที่ไม่รู้เอามาจากตรงไหน ยกขึ้นโชว์เด่นรากลางห้อง 

    [ฉันไม่รับภาระยุ่งยากพรรค์นั้นหรอก]

    [ไม่เอาเด็ดขาด]

    .....

    อารมณ์หดหู่โผล่ออกมาจากสองฝาแฝดซากุระ 

    “เอ่ย..มิคังจัง มิกะจัง ถ้าไม่รังเกียจจะเป็นผมก็ได้นะ…” ทันใดนั้นแว่นคุงก็เดินเข้ามาพูดปลอบโยนพวกเธอ 

    "จริงเหรอ!" มิคังและฉันเหมือนได้เจอผู้ช่วยชีวิต รีบจับมือของเด็กชายไว้ทันที 

    พวกเธอไม่ได้โง่แน่นอนล่ะว่า เมื่อจ่าฝูงลิงมา(หมายถึงนัทซึเมะ)ทุกคนในห้องก็กลับมาต่อต้านอย่างเงียบๆอีกครั้ง คนที่เคยเข้ามาคุยก็ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งด้วย

    "เป็นคนใจดีจัง" มิกะโยนการ์ดคนดีให้ทันที เธอซาบซึ้งใจมากๆจนตาสีฟ้าเหมือนมีแสงไฟฟรุ้งฟริ้งระเบิดออกมาได้

    "มะ มันก็หน้าที่...ครับ" ประธานห้องหน้าแดงเขินอาย ยกมือเกาคอหัวเราะแห้งๆ 

    "มีใครสนใจจะสมัครมั้ยเอ่ย? แต่มันอาจยุ่งยากพอสมควรนะ" นารุมิกวาดสายตามองรอบๆห้อง จนเห็นโทบิตะที่หน้าแดงยกมือขึ้นเด่นรา 

    'ไม่เอา มันไม่สนุก' นี้คือสิ่งที่นารุมิคิด และตัดสินใจทำเป็นไม่มองไม่เห็น~ไม่รับรู้~

    "อื้มมม ถ้าไม่มี~ งั้นฉันจะเป็นคนตัดสินเองก็แล้วกัน ประกาศ~!" 

    นารุมิหยิบแผ่นกระดาษขึ้น ทุกคนต่างพากันรอลุ้น...

    "ซากุระ มิกะจัง คู่กับ...."

    มิกะแอบตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ภาวนาว่าขอได้คนดีๆ หรือคุยกันรู้เรื่องก็ได้...กวาดสายตามองรอบๆห้องเพื่อมองหาว่าใครที่จะได้จับคู่กับเธอ จนกระทั่งสายตาไปหยุดที่เจ้าของหน้ากากแมว...

    "ฮิวงะ นัทซึเมะ"

    "....." เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองอย่างตะลึง

    "และ โนกิ ลูกะ คู่กับ ซากุระ มิคังจัง"  

    "...!?" 

    "....!"

    รูกะกับมิคังเหมือนโดนสายฟ้าฝาดเข้าที่หน้า

    "จบ"

    ^^

    ตบท้ายด้วยรอยยิ้มสดใส

    ……………….

    ความเงียบเข้ามาครอบงำในห้อง ทุกคนหันไปมองเจ้าชายของห้องทั้งสองคน ก่อนจะหันไปมองสามัญชน(?)นักเรียนใหม่

    กระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะมีใครสักคนร้องอุทานอย่างไม่แน่ใจ 

    “..เอ๊ะ?" 

    "นัทซึเมะคุงกับรูกะคุง?"

    "คู่กับแฝดซากุระ งั้นเรอะ?"

    "......"

    พร้อมใจกันเงียบไปครู่ใหญ่ 

    "เอ๋~!???"

    "ว่าไงน๊า!?"

    ก่อนจะอุทานเสียงดังพร้อมเพรียงอย่างไม่ได้นัดหมาย

    เสียงอุทานของนักเรียนในห้องร่วมไปถึงเสียงหลงของมิคัง ทำเอามิกะที่ยืนสตั้นกับหน้ากากแมว สะดุ้งตื่นได้สติ

    เฮือก

    "....เอ๋? เฉลยแล้วเรอะ"

    ดวงตากลมโตสีฟ้าชุ่มน้ำกระพริบตาปริบๆ มองชายหนุ่มหน้าห้องด้วยสายตางงงวยและสงสัยสุดๆ

    เมื่อกี้ตอนที่ได้สบตาหน้ากากแมวดำไป เหมือนอยู่ๆภาพบางอย่างก็โผล่เข้ามาในหัว 

    เสียงรอบข้างที่ดังอยู่ๆก็ไม่ได้ยิน ...เธอเห็นภาพหน้ากากแมวดำที่ถูกชายในเงามืดยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับหน้ากากจิ้งจอกสีขาว

    ฉันเห็นมือตัวเองยื่นไปหยิบมัน พร้อมกับใครบางคน ก่อนที่หน้ากากจิ้งจอกจะถูกสวมทับเข้าไป 

    เธอหันไปมองคนข้างๆที่ใส่หน้ากากแมวสีดำ คนข้างๆค่อยๆหันมามองเหมือนรู้ว่าโดนจ้อง 

    หน้ากากแมวดำนั้นดูมืดมนเหลือเกิน

    สะดุ้ง

    จากนั้นเธอก็ตื่นได้สติอีกทีก็ตอนที่ได้ยินมิคังร้องตะโกนเสียงหลง

    ถึงไม่เห็นหน้าแต่เหมือนเธอจะเดาออกว่านั้นคือใคร... ก็ในเมื่อเจ้าของหน้ากากแมวยังคงสวมอยู่ในห้องอยู่เลย!

    ฉันกับนัทซึเมะเหมือนจะรู้จักกันมาก่อน!?  นี้คือสิ่งที่มิกะประมวลผลได้

    แต่ทำไมเหมือนเขาจะไม่รู้เลยว่าพวกเรารู้จักกัน...? ทำเป็นไม่รู้จักกัน หรือจำไม่ได้จริงๆ?

    คิดยังไงก็คิดไม่ตกเธอจึงวางไว้ข้างหลังก่อน หันมาสนใจมิคังที่ยืนช็อค และทุกคนที่อ้าปากค้าง

    "ครูนารุมิคะ ขออีกรอบได้มั้ยคะ เมื่อกี้เหมือนหนูจะไม่ได้ยิน"

    เด็กหญิงพูดอย่างละอายใจ เธอไม่ได้ยินจริงๆแต่ไม่มีใครเชื่อ...ท่าทางของเด็กสาวตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากกำลังหนีความเป็นจริงอยู่

    เธอเอ่ยขอทวนชื่ออีกรอบอย่างโง่งม ทำเอานารุมิร้องอุ๊บเกือบหลุดหัวเราะออกมา 

    "น่ารักจังเลยนะ~ มิกะจังตอนกำลังหนีความจริงแบบนี้เนี่ย♥" 

    อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนอย่างเอ็นดู

    กึก... มิกะคิ้วกระตุก รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี

    "ถ้างั้นก็ฝากดูแลด้วยนะ♥" นารุมิยิ้มแย้มก่อนจะวิ่งสี่คูณร้อยออกจากห้องไป เพราะรู้ว่าทุกคนจะต้องโวยวายแน่นอน 

    ทิ้งครูผู้สอนที่ยังงงงวยอยู่ ก่อนจะรู้ตัวว่าโดนทิ้งไว้ในสถานการณ์แบบนี้อีกครั้งแล้ว!

    "เมื่อกี้มิคังได้พาร์ทเนอร์คือใครนะ?" มิกะไม่ได้รับคำตอบอย่างที่ใจคิด จึงหวังไปพึ่งคนข้างๆแทน

    "ฉันไม่ได้ยินจริงๆ" เธอทำหน้าจริงจัง แต่มิคังยิ่งมองยิ่งน้ำตาไหล 

    เด็กสาวกำลังคิดอยู่ว่าน้องสาวคงรับไม่ได้เลยทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อหลบหนีความเป็นจริง!

    ฮือออ

    "ไม่เป็นไรหรอกนะมิกะ พี่จะดูแลเธอเอง!"

    มิคังมองน้องสาวด้วยสายตาสงสารสุดๆ เด็กหญิงที่หน้าเหมือนกันหยังกะแกะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา ไว้อาลัยให้น้องสาวผู้โชคร้าย..

    เพราะอย่างน้อยเธอก็ยังดีกว่า หลังจากที่ได้รู้ตัวตนของรูกะเปียน...ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่มิกะเนี่ยสิ...

    ฮรึก โฮ~น้องสาวที่น่ารักของฉัน ทำไมโชคร้ายจัง!

    เพราะท่าทางโอเวอร์ของมิคัง เหมือนฉันกำลังจะไปรบแล้วดูท่าจะไม่รอดกลับมาแน่ ทำให้มิกะหงุดหงิด

    "บอกมา!" เธอเตะพี่โง่ออกไป 

    "ฉันได้รูกะเปี๊ยน" มิคังสบออร่าเมียหลวงจึงทำตัวสงบสเหงี่ยมเชื่อฟัง ตอบอย่างไม่ลังเล

    "แล้วฉันล่ะ"

    "นัทซึเมะไง"


    "....."

    ห๊า...? 

    นัทซึเมะ?

    "อีกทีซิ..." เธอเตะมิคังซ้ำอีกรอบ มิคังก็แสร้งร้องอย่างน่าสงสาร ทั้งที่แรงเตะนั้นมันน้อยมาก

    "มิกะจังได้พาร์ทเนอร์คือนัทซึเมะคุงครับ" โทบิตะช่วยตอกย้ำ เพื่อดึงคุณมิกะจังออกมาจากโลกตัวเอง(เข้าใจผิดเหมือนกัน)

    "ฮิงวะ นัทซึเมะ" โฮตารุพยักหน้าเมื่อมิกะหันไปขอคำยืนยันอีกที

    มิกะยืนเคร้ง...

    'จบแล้ว ชีวิตนี้..'

    'คะ คิดอะไรของเขาอยู่น่ะ นารุมิ!?(เริ่มไม่พอใจเลยไม่สุภาพ)' 


    ...เสียงตะโกนในใจของมิกะตัวน้อย ที่ไม่มีวันส่งไปถึงเจ้าตัว


    .....


    "หึ"

    ไม่รู้ว่าท่าทางของมิกะแสดงออกมากเกินไปหรือเปล่า 


    นัทซึเมะที่ในตอนแรกรู้สึกรำคาณ เหมือนได้รับปัญหา(ภาระที่ไม่ต้องการ) เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าแย่ๆของอีกฝ่าย


    แต่ทว่าอีกใจนึงก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อรู้ว่ายัยลายลูกไม้ก็ไม่อยากคู่กับ'เขา'มากถึงขนาดทำหน้าเหมือนโลกแตก

    เป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันแปลกๆจนนัทซึเมะรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น


    "ฉันไม่รู้ด้วยหรอกนะ" เขาแค่นเสียงตอบ เมื่อเห็นทุกคนมองมาอย่างสนใจ


    ...



    +++++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++++++++

    มาต่อแล้ว! กว่าจะหาเวลามาลงได้ ที่บ้านมีคนป่วยหลายคนเลยค่ะ ยิ่งเป็นช่วงโควิดด้วยแล้ว 


    ตอนห้องพยาบาล คือความในใจของมิกะที่ชอบยิ้มบ่อยๆ​  ถึงแม้ในตอนนั่นเธอจะไม่รู้สึกมีความสุขเลย​ ตอนโกรธก็ยังยิ้มหวาน(ยกเว้นตอนโกรธนัทซึเมะ​ที่โกรธจนสีหน้าเปลี่ยน)​

    เพราะมิคังชอบพูดถึงอดีตน้องสาวผู้ร่าเริ่งแจ่มใส​ ยิ้มบ่อยและเชื่อฟัง​ ทำให้มิกะกลัวว่าถ้าตัวเองไม่เหมือนเดิมจะโดนทิ้ง(ความเข้าใจผิดนี้เพราะมิคังชอบพูดทิ้งท้ายแล้วไปหาโฮตารุ)​

    **แน่นอนว่ากลัวโดนทิ้งคือหมายถึงความรักแบบหวงเพื่อนสนิทคนแรกน่ะค่ะ**

    **กลัวไม่สนใจแล้วไปสนิทกับเพื่อนใหม่มากกว่า**

    และท่าทางที่เชื่อฟังมากๆและใจอ่อนกับมิคังตลอด​ เพราะกลัวว่ามิคังจะสนใจแค่โฮตารุคนเดียว 

    สังเกตได้จากการที่มิคังโดนโฮตารุทำร้ายหรือทิ้งไว้กลางทาง​ มิกะจะอ้าแขนรับและอยู่ด้วยตลอด(เป็นการแสดงจุดยืนในแบบของมิกะ​ ประมาณว่าถ้าเขาไม่สนใจเธอสามารถกลับมาหาฉันได้นะ)​ 

    เพราะอย่างนั้นตอนไปป่าเหนือมิคังที่โดนโฮตารุดุใส่ เธอเลยคิดถึงน้องสาวที่ปกติจะมาปลอบใจมากๆในยามนั้น เพราะปกติมิกะจะยืนยิ้มปลอบโยนอยู่ด้านหลัง

    (แต่ถึงอย่างนั้นแล้วมิคังก็ยังคงชอบโฮตารุมากๆอยู่ดี)

    ความสัมพันทั้งสามคนจริงแปลกๆเหมือนสามีมีกิ๊กทั้งที่มีภรรยาอยู่แล้ว

    แต่เพราะความโลเลเจ้าชู้(?)ของมิคัง ทำให้เมียน้อย(โฮตารุ)และเมียหลวง(มิกะ)สนิทสนมกันมากกว่าคนเจ้าชู้(มิคัง???)

    แค่กแค่กแค่ก

    ***

    ที่อยากเขียนมาคือสามมุมมองของมิกะยังไม่สมบูรณ์​ดี​ เพราะเธอมีความเข้าใจในพื้นฐานชีวิตและความทรงจำแค่2ปีจะ3ปี แต่ก็รีบเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อไม่ให้คุณปู่และมิคังต้องเป็นห่วงอยู่ตลอด 

    ทุกคนเลยเห็นว่ามิกะดูแข็งแกร่งมาก ทั้งที่จริงแล้วมิกะก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่ทำอะไรไม่ถูกก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน(ตอนโดนนัทซึเมะรังแก)

    อนาคตไม่ต้องห่วงว่ามิกะจะยึดติดกับมิคังเป็นเป้าหมายจนไม่สนใจความรู้สึกตัวเอง​ เพราะนัทซึเมะ(ตอนรู้ใจแล้ว)จะมาแทรกกลางความสัมพันธ์แบบสามเหลี่ยมนี้จนมันรวน(?)


    ปล. เป็นการเขียนแบบไม่ได้แต่งนิยายมานาน อาจมีตรงไหนที่ขัดแย้งกับเนื้อเรื่อง(ถ้ากลับมาอ่านเจอ) ไรท์จะกลับมาแก้ไขแน่นอน

    ปล2.พลังอลิซของมิกะไม่ใช่อลิซไร้ผลแบบมิคัง แต่อลิซของมิกะมันทำให้เธอสามารถหยิบยืมใช้อลิซของมิคังได้(ใบ้ขนาดนี้อาจจะมีคนเดาออก?) 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×