ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Miraculous ladybug มหัศจรรย์ปาฏิหาริย์

    ลำดับตอนที่ #8 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่8: Evillustrator 120% แถมเพิ่มนิดหน่อย

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 62






    อีวิวลัสเตรเตอร์     


    ตอนนี่นาธาเนียลของเธอกลายเป็นซูเปอร์วายร้ายไปซะแล้ว  และเป้าหมายของเขาก็คือโคลอี้

    ไดอาน่ากำลังคิดอยู่ว่าเธอจะช่วยเขายังไงดี หรือจะปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องราวก็ไม่เสียหาย 

    เพราะเลดี้บัคและแคทนัวร์ก็คงจัดการได้อยู่แล้ว..แบบทุลักทุเลนิดหนึ่ง?  แต่ถ้าไม่ได้ออกไปช่วยเลยมิสเตอร์ฟูคงว่าเธอแน่ และเขาอาจจะใช้ข้ออ้างนี้เล่นงานเธอโดยเพิ่มคอร์สฝึกมหาโหดมากขึ้นก็ได้

    พอเธอนึกถึงการฝึกหลายเดือนที่ผ่านมาถึงกับสั่นสะท้านนิดๆ เพราะพลังมิราเคิลสโตรของเธอไม่เหมือนใคร วิธีการใช้ก็ยุ่งยากข้อระวังก็มีเยอะแยะ มาสเตอร์ฟูจึงต้องสุ่มๆหาวิธีฝึกๆมา แต่ละอย่างเธอแทบหมดสภาพคลานกับบ้าน

    ตัดสินใจแล้ว งานครั้งนี้ถึงตายยังไงก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยให้ได้ 


    "คุณพระเอกทำไมกลับมาช้าจังนะ"  นี่เธอหาวไปหลายตื่นแล้วนะ  แจสเปอร์ก็หลับสบายในกระเป๋าเธอเรียบร้อย...  

    'หลับรอดีกว่า'   เด็กสาวเอนพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงไปให้ความมืดมิดโอบอุ้มความคิด 

    ใช่เวลาไม่กี่นาทีเด็กสาวก็หลับลึกอย่างรวดเร็ว....

    อาจเพราะความเหนื่อยล้าสะสมมาหลายวัน เพราะรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อมาเรียนวันนี้โดยเฉพาะ เธอจึงได้นอนไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะตื่นมาโรงเรียน เด็กสาวจึงหลับได้ง่ายกว่าปกติ

    ทันใดนั้นประตูที่ปิดสนิดก็ถูกเปิดออกอย่างรีบร้อนจากคนข้างนอก

    "ไดอาน่า! โทษทีนะฉัน...อะ อ้าว" เอเดรียนที่กลับมาถึงห้องอย่างรีบร้อน พอดีเขาลืมไปว่าได้ขังเธอไว้ที่นี่ จึงรีบวิ่งมาด้วยความกลัวว่าหญิงสาวจะกังวลจนหนีไปแล้ว

    แต่ภาพที่หลับลึกอย่างที่เด็กหนุ่มเห็นทำให้เขาเผลอเกือบสะดุดหน้าคว่ำ...
     
    ใครบอกว่าไม่มีใครกล้าหลับในช่วงเวลาน่าหวาดเสียวอย่างอาคุม่าอยู่ข้างนอก


    เธอนี่ไง

    ...........................
    ...............
    ....

    ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ พอดีเธอไม่ได้นับเวลา คุณพระเอกก็เข้ามาปลุกเธอให้ตื่นแล้วพวกเราก็ออกจากหอสมุด ฉันแกล้งเขาโดยการถามเรื่องของที่ไปเอา คุณพระเอกก็อึกอักเล็กน้อยก่อนจะบอกว่ามันปลอดภัยดี 

    ฉันแอบหัวเราะสะใจที่เห็นท่าทางน่ากลั่นแกล้งของเขา ปกติเธอก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้นะ สงสัยคงได้อิทธพลจากแจสเปอร์มาแน่เลย

    "เจอกันพรุ่งนี้"

    "บาย/บาย"  

    บรืนนน

    รถลิมูซีนสีขาวของเอเดรียนขับออกไปจากหน้าโรงเรียน เธอมองก่อนจะหันกลับมา เมื่อเห็นรถลิมูซีนคันสีดำจอดเทียบท่า


    แกร๊ก ปัง

    เธอปิดประตูรถก่อนที่มิแรนด้าจะขับออกไป  เส้นทางเป้าปลายครั้งนี้คือสตูดิโอ จากนั้นเธอก็ว่างยาวเลย


    "นี่.. มิแรนด้าบ้านเราไม่มีรถคันอื่นบ้างหรือ?"  เธอที่กำลังนั่งเปิดแท็บแลปเพื่อดูตารางงานวันนี้เอ่ยขึ้นลอยๆ 

    "คะ?"  มิแรนด้าที่มองถนนเหลือบตาขึ้นมามองกระจกด้านหลังเล็กน้อย เหมือนเธอกำลังสงสัยว่าเด็กสาวกำลังสื่อถึงอะไร

    "ฉันเห็นเอเดรียนนั่งรถลิมูซีนคันสีขาวไป ตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรถลีมูซีนสีดำ..เหมือนจะเห็นลูกสาวนายก(โคลอี้)ก็มีรถลีมูซีนมารับ"  

    มันโหลอะเข้าใจมั้ย


    รถลีมูซีนมันหาง่ายขนาดนั้นเลยหรือยังไง ทำไมคนรวยๆชอบขับรถแบบนี้กันนัก

    "คันนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงนะคะ แล้วท่านฮิซาเบลล่าเห็นว่ามันกันกระสุนได้ดีด้วย คุณหญิงคงอยากให้คุณหนูปลอดภัยไม่มีอันตรายน่ะค่ะ"

    "อื้ม..." 

    ข้ออ้างมากกว่า 

    ก็เห็นแต่ได้ยินเหตุผลแบบนี้ทุกครั้งเลย ตอนที่อยากให้เธอทำตัวอยู่ในกฎ ชิ๊ชะ

    "เสร็จเรื่องนี้แล้วก็ไปส่งที่คอนโดนะ" เธอเอ่ยเสียงเรียบ แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่คิดจะกลับคฤหาสน์

    พวกเรามาถึงสตูรีโอที่นัดเอาไว้ไม่กี่นาที ใช่เวลาคุยเรื่องงานเล็กน้อยไม่กี่ชั่วโมง เพราะทางนั้นแค่เรียกมาถามเรื่องเพลงใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว แถมรีเควส'เพลงรัก'แถมมาเป็นการบ้านด้วย 

    'เพลงรักหรือ...ไม่ค่อยขนัดด้วยสิ'

    เธอรับปากว่าจะเอาไปคิดดูก่อนที่มิแรนด้าจะพาขับรถออกไป


    "คุณหนูไม่คิดจะกลับไปที่คฤหาสน์จริงหรือคะ?"  มิแรนด้าเอ่ยถามขณะที่สายตามองท้องถนนไปด้วย เพราะอีกสักพักก็จะถึงคอนโดข้างหน้าแล้ว

    "ไม่เอาอ่ะ...บ้านที่เหมือนไม่ใช่บ้าน อยู่ที่นี่หรือที่นั่นก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด" เธอส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าเศร้า 

    "คุณหนูไดอาน่า..." 

    มิแรนด้าเห็นใจเด็กสาวที่อายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น กับต้องมาทำงานก่อนจะได้เล่นสนุกให้สมกับอายุซะแล้ว แล้วไหนจะคุณแม่และพี่ชายของเด็กสาวที่นานๆจะกลับมาที มิแรนด้าจึงเข้าใจคำว่าบ้านที่ไม่เหมือนบ้าน เพราะมันไม่อบอุ่นอย่างเคย...

    'น่าสงสารคุณหนู..' มิแรนด้าคิดในใจอย่างเจ็บปวด แต่เด็กสาวกับคิดอีกอย่าง..เธอลอบเช็ดเหงื่ออย่างเงียบๆ..

    '...อยู่ๆก็รู้สึกผิดขึ้นมาเลยแฮะ ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เชื่อเลยว่ามิแรนด้าจะพยายามตื้อ จนกว่าเธอจะยอมกลับบ้านแน่ๆ...'



    "ถ้าไม่หัดทำอะไรเองบ้าง โตขึ้นไปฉันจะทำอะไรไม่เป็นนะ ฝากบอกคุณแม่ไม่ต้องห่วง" ฉันพูดยิ้มๆรู้ว่ามิแรนด้าต้องรายงานคุณแม่แน่ เมื่อมาถึงคอนโดเธอก็เปิดประตูออกไป

    ก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย มิแรนด้าที่กำลังทำหน้าจ๋อยไม่สมกับอายุ ก่อนที่หญิงสาววัยทำงานจะขับรถออกไปอย่างอิดออด 

    "เฮ้อ...ไปซะที" เสียงหวานถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆเซขึ้นห้อง

    จริงๆมันก็แค่ข้ออ้างนั้นแหละ เรื่องอะไรที่ต้องกลับไปถูกจับตามอง24ชั่วโมงด้วยเล่า! 

    อยู่ที่นี่เธอรู้สึกเป็นอิสระกว่าตั้งเยอะ!


    "อาาา! เหนื่อยจัง" เมื่อมาถึงห้องเธอก็กระโจมใส่บนเตียงทันที สลัดคราบเด็กสาวผู้งามสง่าทันใด 

    "ซกมกชมัด! ไปอาบน้ำก่อนสิ" แจสเปอร์ที่โผล่ออกมาจากกระเป๋า เขาลอยเอื่อยๆไปเปิดทีวีก่อนจะใช้อุ้งเท้ากดเลื่อนไปดูช่องการ์ตูน 

    ไดอาน่าที่นอนคว้ำหน้าบนหมอนหันมามองแจสเปอร์ที่ดูแลสบายเกินเหตุอย่างหงุดหงิด ในขณะที่เธอต้องวิ่งวุ่นทำงานเพื่อเอามาเลี้ยงความิจอมขี้เกียจ(?) 

    และยังต้องมาทำงานเป็นซุปเปอร์ฮิโร่ที่ไม่ได้เงินเดือนเพิ่มเลยสักนิด(ได้ข่าวว่ายังไม่ได้เริ่มทำเลย?)

    เธอแค่นอนแปบเดียวเอง แค่นี้ก็โดนด่าว่าซกมกเลยหรือ...ยอมไม่ได้!

    "ก็ได้...งั้น เราไปอาบน้ำกันเถอะแจสเปอร์" ไดอาน่าลุกลงจากเตียงก่อนจะตรงดิ่งไปคว้าตัวแจสเปอร์เอาไว้ก่อนที่จะบินหนี 

    จนความิเจ้าตัวร้องโวยวายไม่เอาท่าเดียว แต่ก่อนที่จะได้ใช้พลังของความิเพื่อหลบหนีจากการจับกุม ไดอาน่าก็(แยกเขี้ยว)ขู่ออกมา

    "ถ้ายังขัดขืนอีกฉันจะไม่ทำอะไรให้นายกินนะ แถมนายจะไม่ได้นอนด้วยเพราะฉันจะแกล้งจนไม่ได้หลับแน่"

    "....."  แจสเปอร์หยุดนิ่งทันที ของกินมันเรื่องรองแต่เรื่องนอนมันเรื่องใหญ่... ถ้าเด็กสาวพูดเช่นนี้แปลว่าเธอคิดจะทำจริงๆ 



    ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง


    หลังจากใช้เวลาอาบน้ำเสร็จและหาอาหารให้ความิกิน เด็กสาวก็เดินกลับมานั่งโต๊ะใกล้หน้าต่างก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากลิ้นชัก มันเป็นกล่องที่ล็อกกุญแจเอาไว้แน่นหนา

    มันคือสมุดไดอารี่ความทรงจำของอดีตชาติก่อน 

    มือเรียวเปิดหน้ากระดาษหาหัวข้อหมวดซุปเปอร์วายร้าย ก่อนจะเจอสิ่งที่ตามหา


    "เจอแล้ว!"

    อีวิวลัสเตรเตอร์

    พลังคือการวาดอะไรก็ตามที่คิดออกมา และยังสามารถลบอาวุธของศัตรูได้ ถือว่าเป็นพลังที่น่ากลัวถ้าคิดจะเอาไปทำลายปารีส เพียงแค่ตวัดปลายปากกาวาดออกมาเท่านั้น 

    แต่Evillustrator ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเพียงอยากจะแก้แค้นโคลอี้แค่คนเดียว และเขายังไปขอมาริเน็ตเดทกันในคืนนี้ด้วย แต่เพราะโดนมาริเน็ตหลอกเพื่อทำลายอาคุม่าในปากกาของเขา ทำให้เขาโกรรธและเลือกที่จะแก้แค้น

    เขาที่ตอนแรกยังไม่ได้ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ ได้ถูกทำลายความไว้ใจจึงได้ยอมทำตามคำสั่งฮอดมอนท์ แก้แค้นโคลอี้เพื่อแลกกับการแย่งมิคาเคิลสโตรของเลดี้บัคและแคทนัวร์

    จุดอ่อนคือไม่สามารถวาดในที่ๆไม่มีแสงสว่างเพียงพอได้ เลดี้บัคจึงสามารถชนะเขาได้ด้วยวิธีนี้


    ไดอาน่ากำลังอ่านสมุดไดอารี่เพื่อเก็บรายละเอียดก่อนจะเริ่มงานแรก บังเอิญที่นัยน์ตาสีฟ้าครามได้เหลือบมองไปที่หน้าต่าง 

    "แคทนัวร์?" 

    เธอเอ่ยกระซิบเบาๆเพราะเห็นเงาดำๆกระโดดผ่านไป จึงรู้ว่าภารกิจได้มาถึงแล้ว เจ้าตัวคงกำลังจะไปหามาริเน็ตตอนนี้แน่เลย เพราะเลดี้บัคได้วานให้แคทนัวร์ไปคุ้มครองมาริเน็ตหรือตัวเธอเองในตอนเป็นเด็กสาวปกติธรรมดา 

    "ได้เวลาแล้วแจสเปอร์... tricks out!

    แสงสว่างพสาสม่าวาวโรจท์ทั่วห้อง ก่อนที่จะมีร่างสีขาวพุ่งออกมาจากทางหน้าต่าง ไดอาน่าที่กำลังอยู่ในร่างซุปเปอร์ฮิโร่จิ้งจอก เธอได้แอบตามหลังแคทนัวร์ไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว

    10%

    ไม่อยากจะบอกว่าเธอมั่นใจในฝีเท้า และสัญาญาตในการหลบหลีกไม่ให้พวกตัวเอกเห็นมาก  ถ้าบอกว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน... ก็สโตกเกอร์พวกพระเอกและนางเอกมาตั้ง2เดือนกว่าๆพวกเขายังไม่รู้ตัวเลยอ่ะ...

    ไม่รู้ว่าตัวเองเก่งเกินไปหรือพวกเลดี้บัคไม่คิดจะระวังอะไรเลยกันแน่?....หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างหลังนะ 

    ฟุบ

    ฉันตามแคทนัวร์ไปถึงที่บ้านมาริเน็ต เธอกำลังเดินออกมาจากประตูหลังร้านพอดี แล้วซาบรีน่าก็มายืนรอมาริเน็ตหลังร้านเพราะหน้าร้านปิด เพื่อยื่นรายงานภูมิศาสตร์ที่ทำให้ เธอดูตระตือรือร้นเรื่องการทำงานกลุ่มด้วยกันมาก

    'ซาบรีน่าคิดจะเลิกเป็นเพื่อนกับโคลอี้จริงๆหรือเนี่ย?' 

    ฉันเลิกคิ้วใต้หน้ากากเล็กน้อย มุมมองของเธอตรงนี้สามารถมองเห็นแคทนัวร์ที่กำลังหลบอยู่ข้างบนประตู เขาเกาะและเอาผ่ามือตรึงกับผนังเพดานข้างบนเอาไว้ ดูเพลินๆก็คล้ายตุ๊กแกแปะเพดานดี...

    เสียดายจัง...ฉันน่าจะพกกล้องมาด้วยนะ


    "เธอไม่ต้องทำรายงานภูมิศาสตร์ให้ฉันหรอกฉันรับไม่ได้....อะ เอ่อ.. ก็ได้ ก็ได้แค่ครั้งนี้นะ" 

    มาริเน็ตที่ตอนแรกเอ่ยปฎิเสธ แต่เมื่อเห็นซาบรีน่าดูผิดหวัง เธอเลยต้องรับรายงานที่ซาบรีน่าทำมา เด็กสาวผมสีส้มเธอยิ้มแย้มทันที เมื่อเห็นคุณนางเอกรับของ ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยเสียงอารมณ์ดี

    "เยี่ยมเลย! แล้วคืนนี้เธอจะไปทำรายงานฟิสิกส์หรือเปล่าล่ะ" จบคำพูดซาบรีน่า 

    "....!"

    มาริเน็ตทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านัดทำรายงานไว้... เธอจึงดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปฎิเสธ

    "อ้อ...ขอโทษนะซาบรีน่า คือว่าฉันมีเรื่องสำคัญมากๆต้องไปทำคืนนี้น่ะ" 

    'เพราะคืนนี้เธอมีนัดกับซุปเปอร์วายร้ายแล้ว' มาริเน็ตคิดในใจถึงแผนการที่จะทำลายอาคุม่า ขอแค่ให้แคทนัวร์มาช่วยเท่านั้น

    "มีเรื่องสำคัญมากๆงั้นหรือ? โอ้... น่าสนใจดีจัง... แล้วรู้ไหมว่ามีใครอีกคนที่ใช้ข้ออ้างตลอดเวลาน่ะ" 

    ซาบรีน่าถามโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า มาริเน็ตจึงนิ่งคิดก่อนจะตอบช้าๆ

    "อา อื้ม ไม่?"

    พรึบ!

    "โคลอี้ไงล่ะ! ฉันเริ่มเห็นแล้วว่าพวกเธอเหมือนกันยังไง! เธอกะให้ฉันทำทุกอย่างเหมือนที่เขาให้ทำใช่มั้ย" 

    ซาบรีน่าชี้ไปที่มาริเน็ตอย่างไม่สบอารมณ์ 

    "มะ ไม่ใช่ จริงๆนะฉันก็แค่-อ๊ะ" ซาบรีน่ายึดรายงานที่ให้คืนก่อนที่มาริเน็ตเธอจะแก้ตัวเสร็จ 

    "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะทำการบ้านภูมิศาสตร์ให้เธอ..."  ซาบรีน่าเดินออกไปพร้อมพึมพำด้วยน้ำเสียงผิดหวัง 

    หญิงสาวผมสีน้ำเงินเข้มจึงทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายมาริเน็ตก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา 

    'เป็นคนทำให้เองแท้ๆ แล้วมาบ่นทีหลังเนี้ยนะ?' 

    ฉันที่แอบมองอยู่เหนือแคทนัวร์ขึ้นมา คิดในใจอย่างนึกทึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสนใจทางนี้ต่อ เมื่อแคทนัวร์ได้โอกาสกระโดดลงไปข้างล่าง ตรงหน้ามาริเน็ต

    "เฮ้ สวัสดีน้องสาว"

    "ว ว๊าก!"


    คุณนางเอกดูจะตกใจถึงการปราฎตัวอย่างปุปปับ ก่อนที่จะยืนอึ้งเมื่อแคทนัวร์เริ่มจูบหลังมือเธอพร้อมพูดแนะนำตัวเอง  ฉันก็ลืมไปว่านี้คือการพบกันอย่างเป็นทางการของแคทนัวร์กับมาริเน็ต ทั้งสองคนเลยต้องแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้รู้จักกัน เพราะพวกเขาไม่ได้รู้ถึงเอกลักษณ์ของกันละกัน

    "วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อมาปกป้องเธอเลยนะสาวน้อย"

    "งั้นหรือ ว้าว.. น่า...ประทับใจจัง!" 

    แคทนัวร์เก๊กท่าที่คิดว่าหล่อที่สุดออกมา ส่วนฉันที่เป็นผู้ชมก็รู้สึกขบขันทั้งสองคน หางสีเงินสวยของเธอส่ายไปมาอย่างเพลิดเพลินกับการแสดงละครตรงหน้า... เมื่อมาริเน็ตทำท่าล้อเลียนแคทนัวร์ตอนที่เขาไม่ได้มอง 

    หลังจากที่แคทนัวร์นัดแนะถึงแผนการ แย่งชิงปากกาที่มีอาคุม่าสิงอยู่เขาก็กระโดดออกไปเพื่อคุ้มครองห่างๆ สว่นฉันก็แอบตามไปจนถึงเวลานัดหมาย จากตะวันบนฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีจนท้องฟ้าสีส้มกลายเป็นสีดำรัติกาล 

    บนเรือตรงท่าน้ำของปารีส มีEvillustratorกำลังนั่งวาดตกแต่งสถานที่รอบๆให้ดูโรแมนติก เพื่อสร้างความประทับใจเดตครั้งแรกของเขากับมาริเน็ต 

    "สุขสันต์วันเกิด!" ตอนนั้นเองเสียงหวานใสก็เอ่ยขึ้นมา พร้อมกับการปรากฎตัวของหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีไพลิน 

    "มาริเน็ต!" เด็กหนุ่มเวอร์ชั่นวายร้ายยิ้มหวานออกมาเมื่อเห็นหญิงสาวมาตามนัด เขาพาหญิงสาวเดินชมรอบๆ 


    "ว้าว มันสวยงามมาก" มาริเน็ตเอ่ยจากใจจริง เพราะสถานที่ถูกล้อมรอบด้วยแสงไฟ มองจากตรงนี้ก็จะเห็นบรรยายรอบๆเมืองและท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ ตรงกลางเรือก็ถูกตกแต่งด้วยหอไอเฟลขนาดเท่าตัวคน พร้อมมีต้นไม้สีสดให้ดูเย็นตา

    "รอก่อนนะ มันยังไม่เสร็จดี"

    ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ เด็กหนุ่มกระโดดไปบนหลังคาเรือ เพื่อให้ใกล้กับแสงดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมามากที่สุด แต่ทว่าเฆมบนท้องฟ้าได้บดบังแสงจันทร์จนเขาเขียนต่อไม่ได้ 

    "ฮึ๊ย! ทำไมต้องเป็นตอนนี้!"

    ทำให้เด็กหนุ่มสถบคำพูดออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเขาจะเขียนในที่มืดไม่ได้ ก่อนจะรีบกลับมาทำสีหน้าปกติเมื่อเห็นมาริเน็ตมองด้วยความสงสัย 

    "โทษทีนะ ฉันไม่ได้จะทำให้เธอตกใจ...ฉันแค่วาดในที่'มืด'ไม่ได้น่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาพร้อมโน้มตัวลงไปใกล้แสงไฟจากกระเกียง เพื่อสร้างแสงไฟเหมือนดวงจันทร์ขนาดย่อส่วนตรงกลางเรือขึ้นมา

    'อย่างนี่นี้เอง..' มาริเน็ตเห็นแสงสว่างที่ซุปเปอร์วายร้ายสร้างขึ้นมา หญิงสาวก็แอบแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อรู้แล้ว่าจุดอ่อนของอีวิวลัสเตรเตอร์คืออะไร 

    Evillustratorชวนมาริเน็ตมานั่งบนม้านั่ง ก่อนจะเริ่มเขียนโน๊ตเพลงบนกระดานบนแขน ทำให้มีรูปตัวโน๊ตเพลงสีฟ้าลอยออกมาพร้อมเสียงเพลงที่เขาเขียนบรรเลง 

    'นาธานจริงด้วย'

    ไดอาน่าโผล่มาแค่ตากับหัว เพื่อแอบมองชายหญิงสองคนเดตกันบนเรือ  ตอนที่กำลังมองนาธานในเวอร์ชั่นตัวร้ายจีบมาริเน็ตอย่างสนใจ ทันใดนั้นเองดวงตาสีไพลินก็เหลือบมามองทางนี้

    !?

    พรึ่บ

    ฉันรีบก้มหลบลงทันที หวังว่าเมื่อกี้มาริเน็ตจะไม่เห็นเธอนะ แถวๆนี้ก็ออกจะมืดๆด้วย 

    เธอลองโผล่หัวไปมองอีกรอบหนึ่งเผื่อว่ามาริเน็ตไม่ได้เห็นเธอจริงๆ แต่ปรากฎว่ามาริเน็ตกำลังหรี่ตามองมาทางนี้อยู่!

    'หรือว่าคุณนางเอกจับได้แล้วว่าเราอยู่ตรงนี้!?'

    ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น อยู่ๆเลดี้บัคในร่างเด็กสาวปกติ ก็ขยิบตาแล้วยิ้มทีหนึ่ง ก่อนจะแกล้งกลับไปคุยกับอีวิวลัสเตรเตอร์ใหม่เหมือนเมื่อกี้เธอไม่ได้ส่งซิกอะไรบางอย่าง...

    ฉันมองปริบๆ สงสัยกับท่าทางส่งซิกเมื่อกี้ ก่อนจะเอะใจเมื่อเห็นแคทนัวร์พึ่งกระโดดลอบมาข้างหลังม้านั่ง สวนทางส่งซิกเมื่อกี้กับมาริเน็ต

    โอ้ อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้มาริเน็ตมองเห็นเธอเป็นแคทนัวร์? เพราะตรงนี้มันมืดมากๆต้องสายตาดีแบบฉันกับแคทเท่านั้นแหละถึงจะมองในที่มืดได้ 

    และเต่าทองก็ไม่ได้มองเห็นในที่มืดได้ด้วย...

    "นายมีพรสวรรค์มากเลยนะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายต้องใช้พลังทำร้ายผู้คนด้วยล่ะ" มาริเน็ตเริ่มต้นแผนของเธอ หญิงสาวเริ่มชวนเด็กหนุ่มข้างๆคุยไปเรื่อยๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ 


    "ไม่ใช่ทุกคนนะ ฉันทำแค่โคลอี้.. และฉันว่าจะไม่ทำมันแล้ว ในเมื่อเธอรักษาสัญญาของเธอ และฉันก็เหมือนกัน.."

    วายร้ายยิ้มอ่อนโยนหลังพูดจบ มาริเน็ตนิ่งค้างไปเพราะลืมไปว่าตัวเอง ได้ขอร้องให้เขาอย่าทำร้ายคนอื่นถ้าเธอมาเดตกับเขาในคืนนี้ 

    'ยังจำได้ด้วย'

    'ทำไงดีล่ะ อยู่ๆเธอก็รู้สึกผิด แต่ว่าจะปล่อยให้อาคุม่าลอยนวลไปก็ไม่ได้' มาริเน็ตเริ่มลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นขอบๆเรือ เหมือนเห็นร่างเงาเคลื่อนไหวเล็กน้อย ที่เธอนึกว่าตรงนั้นคือแคทนัวร์ มาริเน็ตก็กลับมาเริ่มแผนในใจต่อ

    'เอาล่ะ ในเมื่อแคทนัวร์เขามาแล้ว ก็เริ่มแผนเลยแล้วกัน' มาริเน็ตคิดในใจก่อนจะหันไปยิ้มหวาน

    "พอดีฉันก็พอวาดรูปได้นะ แต่อาจจะไม่สวยเท่านายหรอก" มาริเน็ตเอ่ยพูดลอยๆพร้อมเอนตัวพิงม้านั่งแขนข้างหนึ่งของเด็กสาวค่ำไว้ข้างหลังม้านั่งของEvillustrator

    ดูแล้วคล้ายกับเด็กสาวกำลังโอบกอดข้างหลังของเด็กหนุ่มอยู่ ถึงจะดูสลับบทบาทแปลกๆแต่ก็ทำให้Evillustratorเผลอสะงักเพราะเขินไปเล็กน้อย โดยที่มาริเน็ตไม่รู้ตัว

    "พูดอะไรน่ะ เธอต้องเป็นศิลปินที่น่าทึ่งแน่นอน" 


    "ถ้านายว่างั้น....ฉันขอวาดอะไรเป็นของขวัญพิเศษให้นายนะ" มาริเน็ตเห็นโอกาสจึงคว้าปลายปากกาไว้ ทำให้ตัววายร้ายชะงักเหมือนกำลังตัดสินใจอยู่

    "มันคงจะเป็นของเซอร์ไพร์น่าดู" เขาพูดก่อนจะยื่นปากกาให้ขัดจากเนื้อเรื่องเดิมเล็กน้อยทำให้ไดอาน่าที่แอบมองจากไกลๆรู้สึกแปลกใจ ทว่าหางตาชายหนุ่มเหลือบเห็นแคทนัวร์กำลังลอบเข้ามาใกล้ๆทำให้เขาเริ่มระวังตัว 

    "มาริเน็ต.. ขอปากกาฉันคืนก่อนฉันต้องวาดอะไรบางอย่าง เร็ว!"

    "ไม่ล่ะ..ฉัน! ขอเก็บมันไว้เอง!" มาริเน็ตได้ปากกา(ตัวประกัน)อยู่ในมือแล้ว ให้ทำอะไรต่อล่ะ? ก็ลุกวิ่งหนีน่ะสิคะ! พลางร้องตะโกนเรียกแคทนัวร์ให้ลงมือ  

    ไดอาน่าที่เหมือนกำลังดูละครบนเวที นัยน์ตาเริ่มประกายวาวระยับ เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มดุเดือนขึ้นเรื่อยๆแล้ว 


    'ฉันสามารถเอาเรื่องราวนี้ไปแต่งเพลงได้เลยนะเนี่ย!'  อยู่ๆฉันก็อยากหาปากกากับสมุดสักเล่ม เอาออกมาแต่งเพลงรักจังเลย แบบรักของเราสามคนอะไรแบบนี้...

    รู้สึกว่าตัวเองจะมีอารมณ์แตกต่างจากสามคนบนเรือลิบลับ ที่สถานะการณ์เริ่มตึงเครียด 

    "มาริเน็ต!" เมื่อเห็นแคทนัวร์ที่โผล่มาพร้อมกับหญิงสาวที่ตัวเองหลงรัก กำลังร่วมมือกับซุปเปอร์ฮิโร่ ทำให้นาธานส่งเสียงเรียกอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธที่เขาถูกหลอก

    "เธอร่วมมือกับเขาสินะ...ฉันมันโง่เอง ฉันคิดว่าเธอก็ชอบฉัน แต่สุดท้ายเธอก็เหมือนโคลอี้ กลั่นแกล้งฉันหัวเราะเยาะเย้ยฉันเห็นฉันเป็นของเล่น!"

    กึก

    โดนนาธานด่ารัวๆจนมาริเน็ตเธอรู้สึกอยากกระอักเลือดออกมา

    "โธ่ไม่เอาน่า พูดจริงดิ! ทำไมวันนี้ทุกคนต้องเปรียบฉันเหมือนโคลอี้ด้วย!" มาริเน็ตยืนบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เพราะวันเดียวโดนว่าเหมือนกันถึงสองครั้ง 

    'เป็นฉันถ้าโดนคนอื่นบอกว่าเหมือนโคลอี้ เป็นเธอก็โกรธนะ..' ฉันคิดนอกเรื่องก่อนจะได้ยินเสียงเคร้ง! 

    พร้อมกับปากกาในมือมาริเน็ตหลุดออก เมื่อEvillustratorใช้โอกาสที่หญิงสาวกำลังเผลอตัว เตะไม้พลองเหล็กของแคทนัวร์ไปโดนมือข้างที่ถือปากกาเข้า 

    ฉันเห็นนาธานกระโดดพลิกตัวคว้าปากกาไว้ในมือได้ ก่อนจะหันมามองแคทนัวร์ด้วยสายตาเย็นชา บนหอไอเฟลเล็กๆบนเรือที่เขาตกแต่งขึ้นมาเอง 

    "เดี๋-!"  ฉันกำลังเอ่ยปากร้องห้ามเมื่อเห็นแคทนัวร์กำลังจะพุ่งไปโจมตีEvillustrator แต่ส่งเสียงห้ามไม่ทันเมื่อนาธานเริ่มวาดกล่องในอากาศขังแคทนัวร์ที่หล่นไปใส่มาริเน็ตเอาไว้ด้วยกัน

    "ฉันขอคืนคำสัญญากลับไป โคลอี้ต้องได้รับบทเรียน อย่างที่เธอจะไม่มีวันลืม!" นาธานยืนบนกล่องลูกบาศก์เหนือหัวแคทนัวร์และมาริเน็ต ที่กำลังพยายามดิ้นหนีหลุดจากกับดัก แต่มันไม่ขยับเลยสักนิด

    นาธานเริ่มลบชิ้นส่วนบนเรือเพื่อให้น้ำเข้ามาในเรือ ก่อนจะกระโดดหายไปเพื่อออกไปแก้แค้นโคลอี้อย่างที่พูด

    ซ่าาาาา

    "อุ๊ย ไม่มีเวลาแล้วสิ" ฉันเหลือบมองท้ายเรือที่เริ่มจมไปครึ่งหนึ่งแล้ว เธอกระโดดขึ้นไปบนเรือเพื่อคิดจะไปช่วยแคทนัวร์กับมาริเน็ดให้ออกมาจากกล่อง โดยลืมไปว่าถึงเธอไม่เข้ามาช่วยสองคนนั้นก็สามารถหาทางออกมาเองได้

    แต่ก่อนออกไปเธอต้องปรับเสียงและบุคลิกตัวเองไม่ให้เหมือนยามปกติ...

    มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพราะเธอแค่กลับไปทำตัวสบายและเป็นตัวของเธอเองและเอานิสัยบางส่วนของแจสเปอร์มาด้วยเท่านั้นแหละ

    นิสัยขี้แกล้งไงล่ะ


    "สวัสดีมายเลดี้และแมวเหมียว พวกเธอกำลังเล่นอะไรกันอยู่หรือ ฉันเล่นด้วยคนได้หรือเปล่า?"

    ธอทอดน่องเดินอย่างเชื่องช้า มาตรงหน้าแมวดำและเด็กสาวที่กำลังหันมามองด้วยสีหน้าตกใจ เธอหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นปฎิริยาอย่างที่คาด 

    ภายใต้แสงจันทร์ทำให้ร่างหญิงสาวปริศนาเบื้องหน้าเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย หูและหางจิ้งจอกสะบัดไปมาเล็กน้อย เหมือนของจริงจนแคทนัวร์มองตาค้าง

    "หึๆ มัวแต่มองเดี๋ยวเรือจมกลายเป็นศพใต้บึงเอานะ" เสียงหัวเราะออกเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกสาวทำให้มาริเน็ตและแคทนัวร์ได้สติ 

    "เธอเป็นใคร?" มาริเน็ตถามอย่างระแวงระวัง 

    "ไม่ได้ถูกอาคุม่าสิงอย่างที่พวกเธอคิดแน่นอน.. ว่าแต่ต้องการให้ช่วยไหม?" ไดอาอาน่าเงยหน้าขึ้นเผยสองตาที่หยีลงจนน่ารัก พ่วงหางก็สะบัดพรึ่บๆไปมา

    ดูๆแล้วหญิงสาวดูเป็นมิตรมากกว่าที่คิด(สังเกตุจากหาง)

    "เหอะ ถึงไม่มีเธอฉันก็ออกมาเองได้น่า" แคทนัวร์เริ่มหงุดหงิดเพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังโดนจิ้งจอกสาวแย่งซีน เด็กหนุ่มจึงเริ่มกลับมาเก๊กอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเรือเริ่มเอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งแล้ว 

    อีกสักพักเรือต้องจมแน่นอน

    "เปลี่ยนใจแล้ว ช่วยหน่อยก็ดีเหมือนกัน" แคทนัวร์หันมายิ้มแป้นใส่จิ้งจอกสาวที่กอดอกยืนมองยิ้มอย่างขบขัน

    "ยังไงก็ได้ค่ะ! แต่ช่วยพาพวกเราออกไปเร็วๆที" มาริเน็ตที่เริ่มเห็นสถานะการณ์ไม่ดี คิดว่ารีบๆออกไปเร็วๆก่อนเรือจะจมดีกว่า

    "ด้วยความยินดีเพคะ"  ดวงตาสีอำพันสว่างวาบ พร้อมกับมือเรียวที่ยื่นไปทับกล่องที่เหมือนบาเรียตรงหน้า 

    ซู่ ซ่าาา

    เสียงบางอย่างละลายและระเหยกลายเป็นไอ ฉันกระโดดขึ้นไปบนกล่องก่อนจะยื่นมือสองข้างไปข้างใน เพื่อไม่ให้เสียเวลาปีนออกมาอีกรอบ 

    "รีบจับมือเอาไว้!" 

    หมับ หมับ

    จบประโยคมาริเน็ตและแคทนัวร์ก็คว้ามือเธอไว้แน่น พริบตานั้นฉันก็เรียกใช้พลังมิราเคิลสโตรคุณสมบัติของจิ้งจอกเก้าหาง

    ถ้าเกิดเลดี้บัคและแคทนัวร์มีอาวุธเป็นโยโย่และไม้พลองเหล็ก ช่วยในการกระโดดและบิน เธอที่มีลูกไฟเป็นอาวุธทำแบบนั้นไม่ได้แน่ๆ จึงมีพลังแฝงอีกอย่างในร่าง...

    ทันใดแสงสว่างด้านหลังหญิงสาวก็วาววับขึ้น พร้อมหางจิ้งจอกก็เพิ่มมาอีกหางเป็นสองหาง มาริเน็ตและแคทนัวร์มองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกใจ 

    "เกาะดีๆนะ" เสียงหวานเอ่ยจบ เธอก็รีบกระโดดพุ่งลอยตัวเหนือแม่น้ำ  พร้อมสองมือที่หิ้วแคทนัวร์และมาริเน็ตบินไปที่ท่าเรือทันที 

    ได้ยินไม่ผิดหรอก เธอบินได้! 

    แจสเปอร์บอกว่าพลังของเธอคือจิ้งจอกเก้าหาง จึงใช้'ลูกไฟ'และ'พลังวิญาญาณ'สามารถลอยตัวเหมือนเซียนจิ้งจอกและ'สร้างของลวงตา'ขึ้นมาได้ 


    นั้นแหละพลังมิราเคิลสโตรจิ้งจอกของเธอล่ะ!

    50%(จากตอนนี้จะเขียนเป็นทับศัพไทยนะ)

    ตุบ

    เมื่อสองเท้าถึงพื้นดินได้อย่างปลอดภัย เรือก็จมลงไปใต้น้ำทันที มาริเน็ตมองฉากเมื่อกี้ด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันมาสนใจจิ้งจอกสาวที่ยืนยิ้มตาหยี 

    "น่าทึ่งจัง เธอเป็นใครกันเนี่ยแม่สาวน้อย" แคทนัวร์เริ่มเดินวนรอบตัวเธอเป็นวงกลม เหมือนกำลังเดินสำรวจเธออย่างไรอย่างนั้น 

    แปะ

    "ฉันรู้จักนายนะแคทนัวร์ คู่หูของเลดี้บัค" ฉันบังคับหางตัวเองตบแปะๆใส่จมูกแคทนัวร์ที่เริ่มซุกซนหมายจะยื่นมือมาจับ

    "มันขยับได้ด้วย"

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์ทองกุมจมูกตัวเองเหมือนคาดไม่ถึง ก่อนดวงตาแมวจะเหลือบไปเห็นอะไรกระดิกไปมาข้างหลังจิ้งจอกสาว

    "ฉันเป็นเจ้าของฟ็อกมิราเคิลสโตร ถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือหยินกับหยาง นี่เลิกจับซะที!" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะเหวใส่แคทนัวร์ ที่เริ่มอยู่ไม่สุขตะบบหางจิ้งจอกเธอเข้า

    ฉันจึงรีบคว้ามันไว้เพื่อความปลอดภัยทันที

    "ก็อย่าให้มันส่ายไปมาได้ไหมล่ะ มันเชิญชวนให้ฉันตะบบ" แคทพูดอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แถมโยนความผิดมาที่หางเธอที่ส่ายไปมาจนไปปลุกสัญชาตญาณสัตว์ของเขาเข้า


    "ขอโทษแล้วกันนะพ่อหนุ่ม...เสียเวลามามากพอแล้ว ฉันกับนายต้องรีบตามอาคุม่าไป เดี๋ยวเลดี้บัคคงรู้เรื่องแล้วตามไปถึงเองล่ะ"  

    "อ่อ ลืมบอกไปฉันชื่อ'ซิลเวอร์ฟ็อกซ์'เรียกฉันว่าซิลเวอร์ก็ได้" 

    "ซิลเวอร์ที่แปลว่าสีเงินน่ะหรือ?" มาริเน็ตทำหน้าสงสัย ก่อนจะกระจ่างแจ้งเมื่อฉันสะบัดเรือนผมสีเงินตัวเองที่หนึ่ง 

    ทั้งตัวฉันเป็นสีเงินขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นคำใบ้ที่ใช้ชื่อนี้แล้วล่ะ ก่อนจะหันหลังไปและแอบเขยิบตาใส่มาริเน็ต คุณนางเอกเลิกคิ้วอย่างแปลกใจว่าจิ้งจอกสาวเธอส่งซิกมาทำไม 

    ก่อนจะตาโตเมื่ออ่านปากของจิ้งจอกสาวได้ว่า'รีบๆตามมาล่ะ'

    ฟุบ! ฟุบ!

    จิ้งจอกเงินและแมวดำ กระโดดพุ่งออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้าน ของเหยื่อที่วายร้ายหมายหัวไว้ครั้งนี้..


    "เธอคิดว่าเมื่อกี้จิ้งจอกสาวรู้ไหมว่าฉันคือเลดี้บัคน่ะ?" มาริเน็ตถามทิกกี้ที่โผล่ขึ้นมาจากกระเป๋า มองพวกแคทนัวร์หายไปอย่างสนใจ

    "ไม่รู้สิ.. แต่เธอเป็นเจ้าของฟ็อกมิคาเคิลสโตรแน่ๆ เธอเชื่อใจได้" ทิกกี้เอ่ยเพื่อคลายใจของมาริเน็ต 

    "งั้นหรือ ถ้างั้นเราก็คงต้องทำตามคำขอจิ้งจอกสาวแล้ว" มาริเน็ตพูดยิ้มๆ

    "เธอจะพูดว่า?" 

    "เธอต้องการให้พวกเราไปช่วยคุ้มครองโคลอี้!

    ---------------------------------------------
    -----------------------
    ----
    ขณะนั้นที่ห้องของโคลอี้ โบรชัวร์

    ฉันกับแคทนัวร์พวกเรามาถึงห้องโคลอี้ทันเวลา ตอนที่เลดี้บัคช่วยหญิงสาวจากการโดนเหยียบด้วยส้นรองเท้าขนาดยักษ์ ที่อีวิวลัสเตรเตอร์วาดเสกขึ้นมาเพื่อเหยียบโคลอี้โดยเฉพาะ

    'เธอมาถึงก่อนพวกเราได้ยังไงเนี่ย!?' ฉันก็ว่าตัวเองบินมาเร็วอยู่นะทำไมแม่นางเอกมาถึงก่อน หรือนี่คือสกิลที่เรียกว่าตัวเอก

    "เฮ้เต่าทองดูสิ ว่าแมวลากอะไรมา" แคทนัวร์กอดไหล่เธอเหมือนคนสนิทสนมกันมาช้านาน ฉันดีดหน้าผากใส่ชายหนุ่มไปเพราะเหมือนรู้สึกว่าไอ้หมอนี้คิดจะมาแตะหางเธออีกแล้ว 

    "แมวไม่ได้ลากฉันมาซะหน่อยแคทนัวร์ ฉันบินมาเองต่างหาก แล้วก็อย่ามาแอบแตะหางฉันด้วย!" ถึงภายนอกเธอจะแสดงออกว่าถือตัวและดูไม่ชอบยังไง แต่หางของฉันมันก็ปกปิดอารมณ์ในใจไม่ได้..

    เกลียดหางตัวเองชะมัด!

    นัยน์ตาเหมือนสัตว์ป่าของแคทนัวหรี่ลงเหมือนคันมือ อยากยื่นมาตะบบหางสวยๆที่กำลังสะบัดซ้ายที่ขวาทีอย่างตระตือรือร้น 

    "เฮ้ หมาแมวตรงนั้นน่ะอย่าเพิ่งเล่นกัน มาช่วยทางนี้ก่อนสิพวกเธอ" เลดี้บัคกระโดดหลบการโจมตีของอีวิวลัสเตรเตอร์ ก่อนที่ซุปเปอร์วายร้ายจะส่งเสียงหึขึ้นจมูกออกมา

    "ในการ์ตูนนี่จะถือว่าเป็นการประลองครั้งสุดท้าย.. เรื่องก็คือถ้าพวกนายรู้จักเธอ นายจะไม่ยอมเสียเหงื่อสักเม็ดเพื่อช่วยเธอแน่ เพราะเธอมันแย่ที่สุด!"

    ความในใจของนาธานเผยออกมาแล้ว ทำให้โคลอี้ที่กำลังนั่งเข่าอ่อนข้างผนังเถียงคอเป็นเอ็นทันที

    "โอ๊ยไม่ใช่ความจริงเลย ใครๆเขาก็'รัก'ฉัน" โคลอี้เถียงอย่างไม่ยอมรับ

    แค่กๆ! 

    ฉันแอบไปฮ่ะแฮ่มลำคอด้านข้าง แน่นอนว่าแคทนัวร์ย่อมเห็น เพราะตอนนี้ฉันกลั้นเสียงหัวเราะตัวเองไว้อยู่ 

    'ฉันนับถือโคลอี้ที่กล้าพูดออกมาจริงๆ'

    ในขณะที่ฉันกลับมายืนนิ่งเหมือนเดิมได้แล้ว เธอก็เหลือบมองเลดี้บัคที่ยืนนิ่งขรึมเช่นเดียวกัน แต่ดวงตากลับแสดงออกว่า คล้อยตามอีวิวลัสเตรเตอร์เหมือนเห็นด้วยที่เขาพูดอย่างที่สุด... 

    เฮ้ อย่าเชียวนะเลดี้บัค..

    "ระวัง!" แคทนัวร์ตะโกนขึ้นมาเมื่ออีวิวลัสเตรเตอร์วาดถุงมือมวยติดไอพ่นโจมตีพวกเรา 

    "นายสิหลบ!" ฉันเตะขาให้แคทล้มลงก่อนที่เธอจะหมอบตัวตาม ทำให้หมัดมวยลอยผ่านเหนือหัวพวกเราไป  เมื่อมันจะวนมาโจมตี้อีกครั้งฉันก็เสกลูกไฟโจมตีใส่ จนมันสลายหายไป


    "ช่วยหาวิธีช่วยที่ดีกว่านี่ไม่ได้หรือ" แคทนัวร์พูดกระซิบพลางถลึงตาใส่

    "อุ๊ย" ฉันหันมายิ้มเหยใส่พ่อหนุ่มบนพื้นที่กุมจมูกแดงๆตัวเองไว้  บางครั้งฉันก็คิดนะว่าตัวเองเป็นแฟนคลับแคทนัวร์หรือคู่กัดเขากันแน่

    พรึบ!

    เลดี้บัคกระโดดข้ามถุงหมัดที่พุ่งมา ก่อนจะโจมตีถุงหมัดอันสุดท้ายที่พุ่งไปหาโคลอี้ทัน แต่ก็ต้องชะงักแล้วรีบป้องกันตัวเอง เมื่ออีวิวลัสเตรเตอร์วาดใบพัดคมกรีบใส่ ก่อนมันจะกระเด็นไปหาโคลอี้แทน 

    "กริ๊ดดด!" โคลอี้ร้องกริ๊ดพร้อมหลับตาปี๋เมื่อใบมีดกำลังจะมาถึงตัวเธอ ทว่ามันถูกหยุดไว้อย่างหวาดเสียวด้วยไม้พลองเหล็กของแคทนัวร์ ที่ลุกขึ้นมาปาใส่ตรึงมันกับพื้นเอาไว้ทันท่วงที 

    ก่อนที่แคทนัวร์จะแบ่งมันเป็นสองส่วน แล้วปาใส่อีวิวลัสเตรเตอร์แต่ชายหนุ่มหลบทันทำให้มันไปโดนโคมไฟข้างๆแทน

    "จริงสิ..ไฟไง แคทนัวร์! ซิลเวอร์!เขาวาดในที่มืดไม่ได้!"  

    กึก

    อีวิวลัสเตรเตอร์กับฉันชะงัก ไม่รู้ว่าเขาชะงักไปเพราะอะไร แต่ของฉันคือเรื่องที่ถูกเรียกชื่อถูก ทั้งที่ยังไม่ได้แนะนำตัวต่อเลดี้บัคเลย เพราะคนที่ฉันแนะนำตัวไปคือมาริเน็ตต่างหาก 

    แต่กลับไม่มีใครจับได้ซะงั้น

    "Cataclysm!" แคทนัวร์เริ่มขยับเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วเขาใช้ท่าไม้ตายตัวเองเพื่อทำลายสวิทช์ไฟ แต่อีวิวลัสเตรเตอร์เขาเร็วกว่าก้าวหนึ่ง ลบสวิทช์ไฟทิ้งทำให้กำแพงบนผนังพังแทน 

    "เอาไปเลยเจ้าเหมียว ลูกบอลกับโซ่เอาไปเล่นเพลินๆ" อีวิวลัสเตรเตอร์วาดโซ่กับลูกถ่วงน้ำหนักเป็นเหล็ก ล็อกเอาไว้กับขาแคท ทำให้เจ้าแมวแถวนี้ร้องเฮ้!

    พรึ่บ!

    "เหวอ!" ก่อนที่เขาจะได้โวยวายมากกว่านี้ อีวิวลัสเตรเตอร์ก็ลบพื้นที่แคทนัวร์ยืนอยู่ให้หายไปด้วย  ทำให้เขาเกือบพลาดตกลงไปยังดีที่เกาะขอบทัน แต่เพราะน้ำหนักถ่วงตรงขาทำให้เขาเกือบยึดมือไม่อยู่

    "อ๊ะ!?"

    หูกับหางจิ้งจอกฉันตั้งอย่างตื่นตระหนกและลุ้นสุดๆ ถ้ามีป็อกคอร์นตรงนี้ด้วยจะดีไม่น้อย เธอจะได้นั่งกินแล้วดูไปด้วย

    "เฮ้ แมวตัวนี้ไม่ได้มีเก้าชีวิตนะ!" แคทนัวร์ร้องโวยขึ้นมาเมื่อเห็นแสงกระพริบบนแหวนส่งเสียงขึ้นมา แปลว่าเขาเริ่มเวลาเหลือน้อยแล้วก่อนที่จะคืนร่างเพราะดันใช้ท่าไม้ตายตัวเองไป

    "ซิลเวอร์! ช่วยเขาหรือทำอะไรสักอย่าง!" เลดี้บัคตะโกนเรียกสติเธอพร้อมถอยหลังหนีรัศมีพื้นที่กำลังหายไป 

    "โอ้ ลืมไปเลยแฮะ ไม่ได้อยู่หน้าทีวี"  ฉันพูดอย่างขอโทษขอโพยเลดี้บัค พร้อมตบแปะๆบนหน้าผากตัวเอง เธอรีบกระโดดลงหลุมไปอย่างไม่เกรงกลัว

    ก่อนจะบินขึ้นมาด้วยพลังของหางจิ้งจอกสองหาง ฉันรวบเอวแคทนัวร์ขึ้นด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงเมื่อเขามือลื่นหล่นลงมาในอ้อมแขนพอดี แถมแถวนี้ก็ไม่มีพื้นที่ให้เหยียบแล้วด้วย ทำให้เธอต้องอุ้มแคทไว้อย่างนี้

    "ว้าว ปกติฉันไม่ชอบท่าอุ้มเจ้าหญิงนะ แต่แบบนี้ก็วิวดีไปอีกแบบเช่นกัน" แคทนัวร์ยักคิ้วจึกๆมาให้สองสามที 

    ฉันหน้าแดงเมื่อรู้ว่าพวกเราใกล้ชิดกันมาก สองแขนของแคทนัวร์คล้องบนคอเธอ เขาจึงสามารถแตะหูจิ้งจอกเธอเล่นได้ แล้วฉันก็ไม่มีมือห้ามเขาด้วย!

    "สุดยอดดด นี่ของจริงหรือเนี่ย! หรือว่าหางนั้นก็ด้วย?"

    หมับ!

    "ถ้านายยังขยับกระดุกกระดิกอีกฉันจะปล่อยนายทิ้งลงซะ!" เธอขู่เสียงเขียวเมื่อหมอนี้เริ่มลามจะไปแตะหางเธอแล้ว เป็นอะไรกับหางฉันกันเนี่ย!

    "yes sir!(ครับท่าน!)"

    แคทนัวร์เอ่ยจบก็ทำตัวดีขึ้นมาทันที สงสัยกลัวว่าเธอจะปล่อยเขาลงจริงๆ เลดี้บัคนั้นเธอได้ใช้ลัคกี้ ชาร์มไปแล้ว แล้วของที่ได้คือลูกบอลเด้งดึ๋งหญิงสาวทำหน้างงครู่หนึ่ง แต่ซิลเวอร์เข้าใจว่ามันเอาไว้ทำอะไร 

    "เลดี้บัค! ไฟไง!" ประกายตาเลดี้บัคสว่างวาบเหมือนเข้าใจแล้ว เธอมองอีวิวลัสเตรเตอร์ที่กำลังส่งเสียงหัวเราะใส่อย่างท้าทาย

    "ลองใช้มันกับฉันดูสิแม่สาวน้อย หึๆ" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างท้าทายทำให้เลดี้บัคแสยะยิ้มใส่

    "ยินดี"  

    เลดี้บัคขว้างใส่โคมไฟที่เด้งไปชนผนังและไปชนโคมไฟอีกแห่งหนึ่งจนมันดับทุกอัน ทำให้ทุกอย่างมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น 

    แต่ฉันกับแคทนัวร์เรามีสายตาที่ดีต่อวิสัยทัศน์ตอนกลางคืน 

    "ทำตัวมีประโยชน์หน่อยคิตตี้" ว่าจบเธอก็โยนแคทนัวร์ที่ยังไม่ได้ตั้งตัวไปหาอีวิวลัสเตรเตอร์ทันที

    "จัดให้!" แคทนัวร์เหมือนรู้สิ่งที่เธอกำลังทำ จึงพลิกตัวอาศัยความมืด ชิงปากกาในมืออีวิวลัสเตรเตอร์มาได้ 

    "เลดี้บัค!" แคทเอ่ยพร้อมโยนไปให้เต่าทอง หญิงสาวคว้ามันไว้อย่างเหมาะเจาะก่อนจะหักมันทิ้ง ผีเสื้อสีดำหลุดออกมาอยู่ท่ามกลางความมืด ทำให้เลดี้บัคเล็งไม่ถูกว่ามันอยู่ตรงไหน

    พรึ่บ!

    ฉันที่มือว่างแล้วก็เสกลูกไฟไปบนอากาศ ทำให้ทั้งห้องสว่างจ้าจนเห็นผีเสื้อสีดำกำลังบินหนีออกไปทางหน้าต่าง

    "แกทำชั่วไม่ได้อีกแล้ว ถึงเวลากำจัดอาคุม่า!"  เลดี้บัคโยนโยโย่ของเธอใส่ผีเสื้อก่อนจะชำระล้างจนมันกลับมาเป็นสีขาวบริสุทธิ์ 

    "บ๊ายบายบัตเตอร์ฟลาย... ปาฏิหาริย์เลดี้บัค!"  เลดี้บัคโยนลูกบอลสีแดงขึ้นกลางอากาศ ทำให้มันซ่อมแซมความเสียหายทั้งหมดและกลับคืนสู่สภาพเดิม 

    "อ๊ะ เสื้อผ้าและรองเท้าฉัน!"

    โคลอี้เห็นห้องตัวเองกลับคืนสู่ปกติพร้อมเสื้อผ้าและรองเท้าคู่โปรดของตัวเอง หญิงสาวก็ยิ้มร่าวิ่งไปกอดตู้เสื้อผ้าพร้อมหยิบออกมาตรวจดูว่าปลอดภัยทุกอันไหม


    "หือ ฉันอยู่ที่ไหน?"  เสียงทุ่มฟังดูนุ่มๆเอ่ยขึ้นมากลางห้อง พวกเราหันไปมองก็พบว่า อีวิวลัสเตรเตอร์กลับคืนสู่เด็กหนุ่มที่ฉันคุ้นเคย.... 

    "แล้วฉันมาทำอะไรที่นี่...?"

    นาธาเนียลมองซ้ายทีขวาทีอย่างฉุดงง ดูเหมือนว่าเขาคงจะจำตอนตัวเองโดนอาคุม่าสิงร่างไม่ได้ 

    ปอดน์! 

    แคทนัวร์และเลดี้บัคพูดก่อนจะชะงักมือกัน พวกเขาพร้อมใจกันหันมาทางเธอ ฉันยืนโง่งมกับสายตาทั้งสองคนที่เหมือนกำลังสื่อสารถึงอะไรบางอย่าง

    "รออะไรน่ะซิลเวอร์ มาทำด้วยกันสิ" เลดี้บัคพยักหน้าให้จิ้งจอกสาวเข้าร่วม ฉันอึกอักเล็กน้อยก่อนจะมองพวกเขาอย่างไม่แน่ใจ

    "ฉันด้วยเหรอ?"  เอาจริงดิ ฉันกับ....คุณพระเอกกับนางเอก!

    "ใช่ นี่คือประเพณีหลังเสร็จงานเลยนะ" แคทนัวร์เขยิบตาใส่พร้อมกับเลดี้บัคที่อมยิ้ม เธอจึงยิ้มหวานเดินเข้าไปใกล้ ก่อนที่พวกเราสามคนจะชนกำปั้นกันเบาๆ

    ปอดน์! 

    เราทั้งสามเอ่ยพร้อมกันทุกคน ก่อนที่เสียงกระพริบบนแหวนแคทนัวร์จะดังขึ้นมา ทำให้เขาต้องรีบออกไปก่อนที่จะคืนร่าง 

    เลดี้บัคเดินตรงไปที่นาธานทำให้ฉันหยุดรอดูว่าคุณนางเอกจะทำอะไร

    "สวัสดีฉันเลดี้บัค เธอโดนอาคุมเข้าสิงตอนนี้ปลอดภัยแล้ว" เลดี้บัคยื่นมือไปให้เด็กหนุ่มบนพื้นลุกขึ้นมา นาธานหน้าแดงแจ๋ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ

    "ขะ ขอบคุณ" 

    "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะซิลเวอร์  ฉันคิดว่าอาจจะต้องไปส่งเด็กคนนี้" เลดี้บัคแกว่งโยโย่ไปมา ดูเหมือนเธอจะรู้สึกผิดต่อนาธาเนียล มาริเน็ตจึงอยากจะชดใช้ให้เขาโดยไปส่งอย่างปลอดภัย 

    "เอ๋!" นาธานอ้าปากเหวอ พร้อมกับแอบหยิกตัวเองว่ากำลังฝันไปหรือเปล่า เลดี้บัคกำลังจะไปส่งเขา!

    "งั้นขอให้เป็นคืนที่ดี"  ฉันเขยิบตาใส่นาธานเหมือนกำลังล้อเลียนรู้ทันเขา ทำให้นาธาเนียลที่เป็นแฟนคลับเลดี้บัคถึงกับติดสตั้นเพราะเพิ่งเห็นจิ้งจอกสาวครั้งแรก 

    ฉันไม่อยู่รอดูให้โคลอี้ลุกออกมาโวยวาย เธอจึงชิงหนีก่อนเลดี้บัคออกมา 

    .....................
    ..............
    ....
    .
    .
    ณ ภายในคอนโดหรูใจกลางเมือง  ร่างสีขาวฟุบหายเข้าไปในห้องหนึ่งก่อนแสงสว่างจะวาบขึ้นชั่วครู่

    ฟุบ! 

    วาบ!

    "อาาา! เสร็จงานซะที ฉันหิวเป็นบ้า!"   แจสเปอร์ ร้องโวยวายขึ้นมาหลังจากเธอคืนร่างจากซิลเวอร์กลับเป็นไดอาน่า ซีมัวร์ นักร้องสาวชื่อดังเพื่อนร่วมห้องของเลดี้บัคกับแคทนัวร์

    "ฉันด้วย.... หาอะไรกินก่อนคงเป็นความคิดที่ดี" ฉันเดินนวดไหล่ตัวเองก่อนจะหยุดชะงักที่ห้องครัว 

    มีเค้กก้อนใหญ่ปรากฎอยู่บนโต๊ะ ร่วมถึงตุ๊กตาจิ้งจอกตัวใหญ่ๆ พร้อมช่อดอกกุหลาบสีแดงสด

    "เอ๋ อะไรกันเนี่ยของพวกนี้?" ฉันยืนค้างท่านวดไหล่อยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง พร้อมเดินไปเปิดประตูห้องนอนและห้องรับแขกดูว่ามีใครแอบแกล้งเธออยู่หรือเปล่า?

    "มีของกินเต็มโต๊ะเลยด้วย!" เสียงแหลมของแจสเปอร์ที่บินลอยไปดูใกล้ๆ ก่อนที่แจสเปอร์จะเจอการ์ดที่อยู่ใต้เค้ก แจสเปอร์บินเอาการ์ดแผ่นนั้นมาให้เธออ่าน

    พรึบ

    [สุขสันต์วันเกิดไดอาน่า เราจะได้เจอกันเร็วๆนี้

    ...จากเซดลิก...]


    การ์ดจากพี่ชาย? ...คงถูกแม่บ้านเอามาวางไว้ให้เหมือนเดิมสินะ

    ดีนะที่เธอตั้งกฎว่าห้ามขึ้นมาที่ชั้นบนสุด ถ้ามีธุระจะเรียกใช้เอง แม่บ้านจึงนึกว่าเธอนอนหลับอยู่จึงรีบจัดและรีบออกไป 

    "วันนี้เป็นวันเกิดเธองั้นเรอะ!?"  แจสเปอร์ที่แอบมองเอ่ยถามขึ้นมาอย่างตกใจ ตาโตๆของแจสเปอร์เบิกกว้างขึ้นอย่างน่ารัก

    "อื้ม.. น่าจะเป็นวันนี้ละมั้ง?"

    ฉันตอบง่ายๆ ก่อนเก็บการ์ดเอาไว้อย่างดี  ดูเหมือนว่าฉันจะเล่าเรื่องพี่ชายและครอบครัวให้ฟัง แต่เรื่องวันเกิดตัวเองฉันไม่เคยบอกแจสเปอร์เลยแฮะ 

    ก็คนมันลืมนี่นา 

    "ฉันก็ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง.. ทุกทีจะมีงานติดช่วงนี้ทุกปีไม่รู้ว่าทำไม ทำให้ฉันลืมจนไม่ได้จัดน่ะ ปกติพี่ชายก็ส่งการ์ดอวยพรและของขวัญมาให้นิดหน่อย เลยยังพอทำให้ฉันจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง"

    กึก


    'แบบนี้ฉันก็อายุครบ15ปีเต็มแล้วสินะ' ฉันชะงักเท้าก่อนจะนิ่งคิดในใจเงียบๆ สงสัยจังว่าพระเอกับนางเอกจะอายุเท่าไหร่

    ฉันเดินไปนั่งโต๊ะทานอาหาร ก่อนจะกวาดดูว่ามีอะไรบ้าง

    "ลองมาชิมดูสิแจสเปอร์ อร่อยนะ..ส่งมาจากร้านเค้กชื่อดังเลย" 

     เธอหยิบช้อนตักเค้กบนโต๊ะขึ้นมาก่อนจะป้อนแจสเปอร์ที่กินเงียบๆ...

    "แจสเปอร์?" ไดอาน่าส่งเสียงถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นความิตัวน้อยดูไม่ร่าเริ่งเหมือนทุกที..? 

    "เป็นวันเกิดที่เงียบเหงาจังเลย..เธอต้องจัดแบบนี้คนเดียวทุกปีเลยเหรอ"  แจสเปอร์กลืนเค้กก้อนโตลงท้อง 

    พร้อมหูกับหางจิ้งจอกแซมฟ้าที่ลู่ลง ดวงตาฉายแววเศร้าสร้อยจนทำให้ฉันชะงักมือไปไม่เป็น 

    เกิดมาสองชาติเศษแล้ว ทำให้เธอไม่ค่อยเรื่องมากอะไรกับวันเกิดของตัวเองเท่าไหร พอเห็นความิตัวน้อยจะร้องไห้เพราะเห็นว่าเธอจัดงานฉลองวันเกิดคนเดียวแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะดีใจหรือสงสารดี


    "ไม่เอาน่าแจสเปอร์.. ฉันคิดว่าคืนนี้เป็นคืนที่ฉันมีความสุขที่สุดแล้วนะ...

    ฉันประคองแจสเปอร์ที่ดูซึมๆลงไป อดทำให้ฉันจุ๊ฟหน้าผากปลอบด้วยความเอ็นดูไปไม่ได้

    "คิดดูสิ....ฉันได้เจอกับเลดี้บัคและได้ร่วมต่อสู้กับแคทนัวร์ ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เจอฮิโร่ที่ชอบ แล้วไหนจะพระเจ้าที่ประทานนายให้มาอยู่เป็นเพื่อนฉันในคืนนี้อีกด้วย"

    แจสเปอร์เงยหน้ามองรอยยิ้มหวานที่ดูอบอุ่นของไดอาน่าอย่างน้ำตาคลอ 

    "สำหรับฉันนายเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้วแจสเปอร์"

    เสียงหวานใสเอ่ยจากใจจริง ดูมั่นคงและไม่ได้แสร้งทำ ทำให้แจสเปอร์ที่น้ำตาซึมๆรีบเช็ดออก 

    "สุขสันต์วันเกิดนะไดอาน่า!" แจสเปอร์ตะโกนใส่หญิงสาวเสียงดัง ก่อนจะพุ่งไปถูไถแก้มเด็กสาวอย่างออดอ้อน ฉันหัวเราะคิกคักก่อนจะทำแบบเดียวเช่นกัน


    "ขอบคุณนะแจสเปอร์ เพื่อนคนเดียวของฉัน" 



    ปีนั้นเป็นคืนที่ฉันมีความสุขที่สุด หัวเราะส่งซิกและดูหนังทั้งคืนกับแจสเปอร์ ร่วมฉลองวันเกิดด้วยกัน...ดีกว่าปีผ่านๆมาที่นั่งทานเค้กคนเดี๋ยวเป็นไหนๆ

    ปี๊บๆ

    ขณะที่ฉันเตรียมตัวจะเข้านอนหลังจากที่แจสเปอร์กินอิ่มจนหลับล่วงหน้าไปก่อน

    "หือ ใครโทรมานะ?"

    เสียงสั่นเบาๆจากโทรศัพท์ที่ฉันตั้งเอาไว้ดังขึ้น เธอจึงหยิบขึ้นมาดูก่อนจะตาโตเมื่อมันโชว์ชื่อคนที่คาดไม่ถึง
     
    'เอเดรียน! เขาโทรมา!'   

    "แว๊ก!"

    ฉันเกือบทำโทรศัพท์หล่น ดีที่คว้าทันแต่นิ้วมือดันไปกดโดนรับสายเข้า  ทำให้เธอจำใจต้องยกมาแนบหู แล้วตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้

    "ฮัลโหลค่ะ เอเดรียนเหรอ?" 


    [เอ่อ ขอโทษที่โทรมาดึกๆนะไดอาน่า ฉัน..รบกวนการนอนของเธอหรือเปล่า...?]  เสียงทุ่มที่เอ่ยมาตามสาย เธอรู้สึกว่าเสียงทางโทรศัพท์กับข้างนอกต่างกันนิดหน่อย เสียงจากทางนี้มันดูทุ่มกว่าและดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก 

    "ไม่รบกวนหรอก โทรมามีอะไรงั้นเหรอ หรือจะคุยเรื่องงานกลุ่ม" เธอหยิบตุ๊กตาจิ้งจอกตัวใหญ่ที่ได้มาเป็นของขวัญจากพี่ชายหมาดๆ ยกขึ้นมากอดเอาไว้หลวมๆพร้อมกับรอฟังจากทางนั้นไปด้วย

    [เปล่าหรอก...คือ- แหะๆ ที่จริงแล้วฉันพลาดไปกดโทรออกเบอร์เธอเข้า แล้วเธอรับพอดีน่ะไม่ว่ากันนะ] 

    น้ำเสียงของอีกฝั่ง ทำให้ฉันเผลอนึกสีหน้าคุณพระเอกออก คงทำหน้ายิ้มแห้งๆส่งมาให้แน่เลย ฉันเผลอส่งเสียงหัวเราะขบขันออกไป ช่วยทำให้บทสนทนาดูไม่น่าอึดอัดอย่างตอนแรก

    "เพิ่งรู้ว่าคนหล่อก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันนี่นา"  เธอว่าแหย่แต่ก็ลืมไปว่าแต่เขาอีเหนาเป็นเอง เราก็กดรับสายเอเดรียนเพราะพลาดนิ้วโดนเหมือนกันนี่นา...

    [คนหล่อก็คนเหมือนกันหรือเปล่าล่ะ?...แค่ก ว่าแต่วันนี้เธอทำอะไรบ้างงั้นเรอะ] 

    แหมมมม.... เธออยากแหมไปถึงดาวอังคาร เมื่อกี้นายหลุดใช่มั้ยเอเดรียน มีการรับคำชมแบบไม่แก้ตัวด้วยแฮะ

    ฉันนั่งนับนิ้วว่าวันนี้เธอทำอะไรบ้าง

    "อยากรู้เหรอ?...หลังจากกลับจากโรงเรียน ฉันก็แวะสตูรีโอไปคุยเรื่องเพลงนิดหน่อย แล้วก็ไปทำงาน(ช่วยปารีส)ต่อ ดึกมาก็กินเค้กวันเกิด-"

    [เดี๋ยว]   เสียงห้ามของเอเดรียนทำให้ฉันชะงัก 

    [วันนี้วันเกิดเธองั้นเรอะ?]  เขาถามกลับมาอย่างสงสัย ฉันจึงเล่าเหมือนเล่าให้แจสเปอร์ฟังไปว่าลืม เพราะปกติวันนี้ของทุกปีเธอจะวุ่นกับงานจนลืม ถ้าไม่ได้พี่ชายส่งของขวัญมาเธอจะจำไม่ได้เลย

    [แบบนี้เธอก็อายุ15แล้วสินะ]


    "อาฮะ ฉันอายุ15แล้วนะ" 

    [อายุเท่าฉันเลย]

    เราคุยไปเรื่อยๆเรื่องอะไรบ้างฉันก็ไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าตาฉันก็เริ่มปิด เธอจึงบอกเอเดรียนว่าเธอจะนอนแล้ว เขาก็บอกว่าจะนอนพอดีเหมือนกัน

    [ไดอาน่า สุขสันต์วันเกิดนะ]

    กึก

    ฉันที่กำลังตัดสายก็หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว วันเกิดมาถึงทีไรไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไหร่ ร่วมถึงแฟนคลับด้วยเพราะเธอไม่ได้จัดงานเลี้ยงอะไร 

    นานเท่าไหร่นะแล้วที่มีคนมาอวยพรวันเกิดให้แบบนี้


    "ขอบคุณนะ... ราตรีสวัสดิ์เอเดรียน"


    [ราตรีสวัสดิ์ไดอาน่า]


    100%
    >++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    แถม


    ในวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน 

    ฉันที่เดินสะพายกระเป๋าเป้เข้าโรงเรียน เดินเข้าห้องล็อกเกอร์พร้อมกับเอาของเก็บเข้าที่ตู้ตัวเอง ในระหว่างที่กำลังเดินออกไปเพื่อเข้าห้องเรียนวันนี้ เธอก็ได้ยินเสียงอัลย่ากำลังถามโคลอี้เรื่องเมื่อวานที่เธอโดนอาคุม่าบุกโจมตี 

    "หื้อ?"

    ทำให้ฉันหยุดยืนมองด้วยความสนใจ


    "เกิดอะไรขึ้นกัน ตอนที่เลดี้บัคกับแคทนัวร์ไปถึงที่เกิดเหตุ?" อัลย่ายืนถ่ายวิดีโอโคลอี้ที่กำลังทำหน้าตาหงุดหงิดเหมือนเธอกำลังนึกถึงเรื่องเมื่อคืนวาน

    "ถ้าให้พูดตามตรงละก็... พวกเขาทำให้มันแย่กว่าเดิมซะอีก! พวกเขาจู่โจมเข้ามาแล้วก็ขว้างปาข้าวของ ขว้างปาบอลพลาสติกไปทั่วห้องฉัน!" โคลอี้เธอบ่นพลางเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ 

    "บอลพลาสติกเหรอ?" อัลย่าที่ในมือกำลังยืนถ่ายสัมภาษณ์โคลอี้เลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงวน เลดี้บัคจะเอาบอลพลาสติกมาทำอะไร?

    "ใช่น่ะสิ! แล้วแคทนัวร์ยังไปพา'จิ้งจอก'มาจากไหนไม่รู้ มาทำให้ห้องฉันมันเละเทะยิ่งกว่าเดิม!" 

    "เดี๋ยวนะ จิ้งจอก? เธอกำลังหมายถึงอะไร ฮิโร่ตัวใหม่?" 

    "มั้งนะ ฉันได้ยินเลดี้บัคเรียกเขาว่าซิลเวอร์"  โคลอี้ทำหน้าไม่แน่ใจ ก่อนที่นะยืนตะลึงที่อัลย่าเธอพุ่งเข้ามาจับไหล่พร้อมเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้น 

    "ได้ยังไงน่ะ! นี่มันเจ๋งมาก ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยโคลอี้ ว่าฮิโร่จิ้งจอกมีลักษณะยังไง? ผู้ชายหรือผู้หญิง แล้วเธอผมสีอะไร ตาสีอะไร..บลาๆๆ" 

    ........

    ประโยคหลังๆฉันแปลอัลย่าไม่ทัน จึงเลือกที่จะปล่อยผ่านแล้วเดินไปหามาริเน็ตที่กำลังยืนแอบหัวเราะโคลอี้อยู่ข้างล็อกเกอร์ แต่ทว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตัดหน้าเข้าไปหามาริเน็ตก่อน ฉันจึงหยุดยืนกับที่พร้อมมองดู


    "หวังว่าเมื่อคืนเธอคงจะมีความสุขกับเรื่องสำคัญที่เธอต้องทำนะ!" 

    ซาบรีน่าเดินไปหยุดตรงหน้ามาริเน็ต ก่อนจะพูดเสียงขึ้นจมูก มาริเน็ตหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

    "โอ้ ฉันขอโทษจริงๆซาบรีน่า.. แต่วันนี้ฉันไปเจอเธอที่ห้องสมุด แล้วก็ไปทำรายงานกับเธอได้นะ" มาริเน็ตยิ้มเอ่ยแต่ซาบรีน่ากับปฏิเสธทันที

    "สายไปแล้ว โคลอี้กับฉันไปทำรายงานด้วยกันแล้ว"

    "หมายถึง...เธอทำรายงานเองคนเดียว?"

    "แหงอยู่แล้วสิ หลังจากที่เธอผ่านเรื่องร้ายๆมา" ซาบรีน่าเอ่ยพร้อมทำหน้าเห็นอกเห็นใจโคลอี้

    มาริเน็ตแทบก้มหน้ากุมขมับ ก่อนเธอจะเห็นหมวกบนหัวซาบรีน่า 

    "หมวกเบเร่ต์สวยดีนะ" 

    "ใช่มั้ยล่ะ! โคลอี้ให้ฉันยืม เธอคือเพื่อนรักของฉันจริงๆ" ซาบรีน่ากุมแก้มเพ้อ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นโคลอี้ยืนคุยกับอัลย่าพอดี 

    "โคลอี้!การบ้านภูมิศาสตร์ของเธอเสร็จแล้วนะ!" แล้วเจ้าหล่อนก็วิ่งยิ้มร่าเริงไปหาโคลอี้ ฉันจึงได้จังหวะเดินเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมห้องที่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย


    "ไฮ เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้คุยกับคุณ ใช่มั้ย?" ฉันตีเนียนยิ้มหวานเข้าไปถามมาริเน็ตที่กำลังยืนตะลึงอะไรของเธอไม่ทราบ พอฉันทักอีกครั้งมาริเน็ตถึงได้สติกลับมาเธอยิ้มเขินๆ

    "มาริเน็ต?"

    "คะ ค่ะ! เอ้ย ใช่ พวกเราเพิ่งได้คุยกันครั้งแรก สวัสดีค่ะฉันชื่อมาริเน็ต.. เอ้ย ไม่สิ เธอรู้จักฉันอยู่แล้ว? อื้ม ใช่มั้ย แหะๆ" 

    "คิกคิก คุยแบบกันเองก็ได้นะฉันไม่ถือหรอก"

    เด็กสาวนัยน์ตาสีไพลินดูลนลาน ก่อนจะแนะนำตัวเองอีกรอบทำให้ไดอาน่าหัวเราะด้วยความเอ็นดู ทั้งที่ฉันรู้ชื่อเธอแล้วเพราะเพิ่งทักไปหยกๆ

    "เรียกฉันว่าไดอาน่าได้นะ" ไดอาน่าพูดยิ้มๆ ก่อนจะทำท่าเอะใจพร้อมกับชี้ไปยังถุงในมือของมาริเน็ต

    "ถุงนั้นคืออะไรหรือ?"  มาริเน็ตมองตามมือไดอาน่าไป ก่อนจะเจอกล่องใส่เค้กในถุงสีทึบ

    "เอ่อ นี่มันของลูกค้าน่ะ มีคนมาสั่งเค้กเอาไว้เพื่อให้ใครบางคน เห็นว่าเป็นคนรู้จักพอดีฉันเลยอาสาเอามาให้ พ่อช่วยคุมส่วนฉันลงมือทำเองด้วยแหละ" 

    มาริเน็ตว่ายิ้มๆเธอดูไม่ได้คิดอะไรออกจะดีใจที่ได้แสดงฝีมือ ฉันจึงพยักหน้าเข้าใจอย่างนี้เอง ก่อนจะหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัวเอง

    "พอดีเลยเธอจะไปหาเขาใช่มั้ย ฉันฝากเธอคืนนาธานให้หน่อยนะ เขาทำตกใต้โต๊ะเอาไว้เมื่อวานตอนชั่วโมงครูเมนเดลิฟน่ะ.."

    หมับ

    ฉันส่งกระดาษที่พับเรียบร้อย ลงในมือมาริเน็ตที่เผลอยื่นมือรับมาอย่างงงๆ 

    "ขอบคุณนะ"

    ไดอาน่ายิ้มหวานเหมือนบอกว่าฝากด้วยละ ก่อนจะรีบเดินหนีออกไปก่อนที่มาริเน็ตจะได้สติ 

    "อ๊ะ เดี๋ยวสิเธอรู้ได้ยังว่า-"

    มาริเน็ตทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เห็นไดอาน่ารีบเดินออกไปจากห้องล็อกเกอร์แล้ว ทำให้เธอเรียกไว้ไม่ทัน 

    "เฮ้ "

    เฮือก!

    "แว๊ก!" 

    เอเดรียนแอบอยู่หลังล็อกเกอร์ก่อนจะร้องทักมาริเน็ต หญิงสาวเผลอสะดุ้งสุดตัวพร้อมร้องตกใจ ก่อนวินาทีต่อมามาริเน็ตจะเปลี่ยนไปหน้าแดงเมื่อเห็นว่าใครมาทักเธอ

    "ได้ข่าวว่าไปผจญภัยกับแคทนัวร์มาเมื่อวานหรือ กลัวไหม" เอเดรียนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ทำให้มาริเน็ตมองรอยยิ้มของเด็กหนุ่มตาเคลิ้มก่อนจะได้สติแล้วตอบกลับ

    "ฉันกลัวเหรอ? มันเหมือนฝัน..หมายถึง! นายเหมือนฝัน เอ้ย หมายถึงในฝันนาย..โอ้! ฝันร้ายชัดๆ.." 

    มาริเน็ตไม่รู้จะใช้คำพูดยังไงดี พออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบเธอก็ลนลานไปหมด 


    "โออออ...เค? แล้วเธอคิดว่าแคทนัวร์เป็นยังไง เขาสุดยอดเลยใช่มะ" เอเดรียนยิงคำถามถัดไปเขาอยากรู้ว่าคนอื่นคิดเห็นยังไงกับตน 

    มาริเน็ตทำน่านึกแปบหนึ่งเพราะเธอสงสัยว่าเอเดรียนจะพูดถึง'แคทนัวร์ทำไม'ก่อนจะตอบแบบพยายามไม่ให้สะดุด...มากที่สุด

    "ใช่! แบบว่าแน่นอน..ใช่ แต่ว่าไม่เยี่ยมเท่านายหรอก เพราะว่าจะเป็นใครไปได้ละ เพราะนายมันสุดยอดของสุดยอดแล้ว..!" 

    "..." เด็กหนุ่มคิ้วขมวดกำลังประมวลผลอยู่ว่า..ตกลงมาริเน็ตชมแคทนัวร์หรือเปล่า ทำไมมันถึงได้วนมาชมเขากันล่ะ


    "อ้อ...นั้นน่ะ..ก็ใช้?" เอเดรียนนิ่งคิดแปบหนึ่งก่อนจะทำหน้าเหมือนเห็นด้วย เพราะมาริเน็ตจะชมแคทนัวร์หรือเอเดรียนมันก็เข้าตัวเขาเหมือนเดิมนั้นแหละ 

    กริ๊งงงงงง

    เสียงออดกริ๊งเข้าห้องเรียนดังขึ้นมาพอดี ทำให้เอเดรียนตบบ่าเด็กสาวเบาๆก่อนจะผละตัวออกไป 

    "รู้มั้ยว่าเธอพร่ำบอกเอเดรียนว่าเขาสุดยอดแค่ไหนออกไปน่ะ แล้วตกลงผู้หญิงคนนั้น..ให้อะไรเธอมาเหรอ"  ทิกกี้โผล่ขึ้นมาบนไหล่เด็กสาวก่อนจะเอ่ยทักเรื่องกระดาษที่ใครอีกคนให้มา

    "เอ่อ มันคือ...รูปฉัน?" ในกระดาษสีขาวสะอาดมีรูปวาดร่างของเด็กสาวในอริยาบทต่างๆ มาริเน็ตนึกไปถึงชั่วโมงเรียนเมนเดลิฟเมื่อวานก่อน 

    แปลว่าเขาถูกครูจับได้เพราะมัววาดรูปเธออยู่เหรอ?

    "ว้าว! มันเธอนี่นามาริเน็ต ใครเนี้ยวาดสวยมากเลย คนที่วาดออกมาได้ขนาดนี่เขาคนนั้นคงต้องแอบมองเธออยู่แน่ๆ" ทิกกี้ร้องอย่างตื่นเต้น


    รูปที่นาธานวาด


    "แอบมอง...งั้นเหรอ?"  มาริเน็ตแก้มแดงพลางเกาแก้มตัวเองเล็กน้อยเพราะเขิน ก่อนจะเหล่สายตาไปมองถุงเค้กในมือ เธออมยิ้มก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียน


    ................................................................

    คาบแรกครูประจำวิชาไม่อยู่ เพราะติดธุระทำให้มาสอนคาบเช้าไม่ได้ ไดอาน่าที่กลับมาถึงห้องระหว่างที่ไปห้องผ.อมา เธอจึงอารมณ์ดีสุดๆ

    "นาธาน นายถืออะไรอยู่น่ะ" หญิงสาวเรือนผมสีเงินยาวสลวยยิ้มแย้มมาแต่ไกล ก่อนจะนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงเหมือนมะเขือเทศ 

    นาธาเนียลอมยิ้มเขินๆพร้อมกับแก้มที่แดงเล็กน้อย เขาไม่รู้จะตอบไดอาน่าว่ายังไงดี

    "มาริเน็ตให้ฉันมาน่ะ ยังไม่ได้เปิดดูเลย"

    "ลองเปิดดูสิ"

    งึกๆ

    นาธานพยักหน้า...เหมือนว่าเขาตั้งใจจะเปิดตั้งนานแล้ว แต่ยังทำใจกล้าเปิดไม่ลง จนเธอมาทักเขาถึงได้ทำใจเปิดฝากล่อง

    พรึ่บ



    "วูวว" กลิ่นหอมหวานลอยฟรุ้งขึ้นมา ทำให้ฉันกับนาธานก้มมองอย่างสนใจ ฉันเบียดนาธานเข้ามาดูกล่องในมือเขาให้ชัดๆ


    มันคือคัพเค้กที่มีรูปการ์ตูนนาธานน้อยและมะเขือเทศข้างๆ ถูกตกแต่งด้วยตัวอักษรที่เขียนเป็นคำว่า 'Happy birthday'



    "น่ารักจัง" ฉันกระซิบ

    "ใช่...น่ารักมาก" นาธานกระซิบตอบ เขาดูเพ้อๆจนไม่รู้ว่ากำลังชมเค้กตรงหน้าหรือนึกถึงใครบางคนอยู่






    ฉันเห็นนาธานดีใจเช่นนั้น เธอก็เริ่มรู้สึกว่าคิดถูกแล้ว ที่โทรไปสั่งร้านมาริเน็ตให้ช่วยทำเค้กวันเกิดให้นาธาเนียล 

    ใช่แล้วเธอสั่งเอง









    เครดิตภาพข้างบนมาจากวิดีโอในยูทูปค่ะ เป็นของแฟนอาร์ต  เผื่อใครอยากจะไปดูไรต์แนบลิงค์ให้นะ จิ้มเลยๆ



    120%

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ไรท์ตัดสินใจได้แล้วนะคะ ถ้าตอนไหนมีตัวร้ายอาคุม่าออกมา ไรท์ว่าจะเขียนคำอังกฤษไว้ข้างบนแล้วมีคำทับศัพท์ไทย กรณีที่ไรท์เขียนคำไทยถูกนะ.. 

    พอต่อๆมาคนไม่รู้คำศัพท์จะได้รู้ว่าคืออะไร เพราะไรท์จะบรรยายชื่อเป็นอังกฤษแทน เฉพาะตัววายร้ายนะคะ

    จะเริ่มตั้งแต่ตอนถัดไปหลังจากนี้เลยค่ะ

    ไรท์ก็อยากเขียนทับศัพท์ไทยให้นักอ่านที่อ่านแล้วสะดุดอังกฤษนะคะ แต่บางคำไรท์ก็กลัวว่าตัวเองจะแปลอังกฤษออกมาเป็นไทยไม่ถูกเดียวจะกลายเป็นว่าไปสอนผิดๆไปถ้านำไปใช้ 

    ไรท์ก็ไม่ได้เก่งอังกฤษมากค่ะ กลัวพานักอ่านอ่านผิดไปด้วยT^T

    ไรท์จึงขอคำแนะนำจากเพื่อน ได้ความเห็นว่าจะใส่ชื่อวายร้ายอาคุม่าเป็นอังกฤษค่ะ จะพยายามไม่ใส่มาเยอะมากเดียวบางคนอ่านสะดุดจนไม่อินเอาได้ จะพยายามบรรยาลักษณะตัวละครแทนนะคะ  

    ขอบคุณทุกคนที่มาแสดงความคิดเห็นจนไรท์ไปต่อได้นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×