ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่7: นาธาเนียล...100%
[ผมชอบรอยยิ้มของเธอ...แต่
.
.
.
รอยยิ้มนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อผม..]
"ธาน.."
"นาธาน..."
"นาธาเนียล!"
เฮือก!
"คะ ครับ!"
เสียงเรียกที่ดังก้องทั่วห้อง ทำให้'นาธาเนียล'เริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งอยู่ในห้องวิทยาศาสตร์ และกำลังฟังการบรรยายของครูประจำวิชา
"นี่เธอมัวแต่วาดอะไรอยู่!" เสียงแหลมสูงของครูประจำวิชาวิทยาศาสตร์ เรียกให้เพื่อนๆในห้องต่างหันมามอง
ร่วมถึงหญิงสาวผมสีน้ำเงินเข้มเจ้าของนัยน์ตาสีไพลิน
นาธานรีบก้มหลบสายตาที่มาริเน็ตหันมามองอย่างสนใจทันที เขารู้สึกอับอายมากเมื่อเห็นเพื่อนๆในห้องต่างหันมามองด้วยความสงสัย
'ชิบ..หายแล้ว'
ไดอาน่าที่นั่งอยู่ข้างๆนาธาน แต่เธอสะกิดบอกเขาให้เก็บสมุดวาดรูปการ์ตูนไม่ทัน เพราะเธอก็มัวแต่แอบมองนาธานตอนวาดรูปอยู่น่ะสิ!
ก็ตอนเขาตั้งใจวาดรูปมันสวยนี้นา!?
"เพราะเธอมัวแต่วาดรูปการ์ตูนอยู่แบบนี้ไง เดี๋ยวก็ได้ตกวิชาวิทยาศาสตร์หรอก!"
อ๊ะ
กระดาษที่เด็กหนุ่มอุสาวาด ถูกมิสเตอร์เมนเดลิฟดึงขึ้นมาดูก่อนเธอจะโยนทิ้ง
แต่ไดอาน่ารีบคว้าเอาไว้ เพราะเมนเดลิฟเธอหันตัวเร็วมาก ทำให้องศาภาพที่เดิมแล้วจะตกโต๊ะเกือบหล่นตกพื้น
"ผมเสียใจ.." เสียงทุ่มเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดพร้อมทำหน้าจ๋อย.. นาธาเนียลพอรู้อยู่ว่าตัวเองผิดจริง ที่ดันเอารูปออกมาวาดตอนครูกำลังสอนอยู่
"เธอเดินไปพบห้องครูใหญ่จะดีกว่า แล้วก็หยุดวาดภาพปัญญาอ่อนพวกนี่ซะ! ก่อนที่เธอจะเสียใจจริงๆ!"
เมนเดลิฟว่าแบบนั้นพร้อมไล่นาธานออกไปพบครูใหญ่ ไดอาน่าที่กำลังจะคืนกระดาษแผ่นนี้ให้นาธาน แต่เมื่อหันกลับมาชายหนุ่มก็ลุกออกไปแล้ว
"นา-"
ตุบ!
ฉันที่กำลังจะลุกออกไปพร้อมเอ่ยเรียกนาธาน แต่อยู่ๆนาธาเนียลก็ล้มลงไป เพราะสะดุดกระเป๋าของเพื่อนโต๊ะข้างๆ
ทำให้สมุดสเก็ตซ์ภาพในมือหล่นไปใกล้โต๊ะโคลอี้ หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองฉวยโอกาสนี้หยิบมาเปิดดูทันทีก่อนจะแสร้งร้อง'อุ๊ย'ออกมาดังๆ
"ดูสิซาบรีน่า! เขาวาดตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮิโร่ด้วย แล้วดูสิ!เขาช่วยใครไว้.. มาริเน็ตไง!"
"ไม่อยากจะเชื่อเลยนาธาเนียลชอบมาริเน็ตล่ะ!"
"!?"
มาริเน็ตที่ได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนาหันมาเบิกตากว้าง เธออ้าปากเหวอตกใจเพราะไม่รู้ว่ามีเพื่อนในห้องแอบชอบตัวเอง
"...!?"
ส่วนนาธาเนียลเขานั้นกำลังอ่ำอึ้งอยู่จึงไม่ได้เถียงโคลอี้ออกไป เพราะนาธานไม่คิดว่าโคลอี้จะพูดแบบนั้นออกมา..
ทำให้ทุกคนในห้องต่างคิดว่า ความเงียบคือการตอบรับว่าชายหนุ่ม กำลังแอบชอบมาริเน็ตอยู่จริง
"โคลอี้!...เอาสมุดคืนนาธานนะ" ฉันที่เริ่มทนไม่ไหวแล้วเพราะโกรธแทนนาธาเนียล ความลับแตกต่อหน้าคนที่ชอบไม่พอ ยังมาโดยคนอื่นเปิดโปงอีก แต่ไดอาน่าก็พยายามรักษาภาพลักษณ์สงบนิ่งของตัวเองเอาไว้
เกิดมาเป็นลูกผู้ดีที่ผู้ปกครองเข้มงวด เรื่องภาพลักษณ์นี้มันลำบากจริงๆ..
"อะไรกันไดอาน่า..เธอไม่คิดแบบฉันเรอะ?"
"คิด! ฉันคิดว่าเธอไม่ควรเข้าไปสอดยุ่งเรื่องของคนอื่น"
โคลอี้รู้สึกเสียหน้าทันทีที่เห็นว่าไดอาน่าเข้าข้างนาธาเนียล
"อะ เอาคืนมานะ!" เด็กหนุ่มตะโกนใส่โคลอี้อย่างที่ไม่เคยทำ เป็นจังหวะเดียวกับที่นาธานแย่งสมุดคืนได้ แล้วโคลอี้ก็ปล่อยให้นาธานแย่งคืนไปโดยไม่ได้คิดจะตามตอแยต่อ เพราะเธอไม่อยากจะมีเรื่องกับไอดอลที่ชอบ
ทันใดนั้นมิสเตอร์เมนเดลิฟก็ได้เอ่ยไล่ให้นาธาเนียลรีบออกจากห้องไป.. เพราะเรื่องมันชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว
"ส่วนคุณซีมัวร์! นั้นคุณกำลังจะไปไหน" นางเมนเดลิฟรีบพูดทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่ากำลังจะลุกออกจากห้องเรียน
"หนูมีส่วนผิดที่ไม่ได้เตือนนาธาเนียลเรื่องวาดรูปค่ะ หนูจะไปรับผิดชอบด้วย"
"เธอจะได้รับผิดชอบแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้! กลับไปนั่งที่ซะก่อนที่ฉันจะหักคะแนนคุณ!"
"แต่-.."
เธอจะเอ่ยแย้งแต่ทว่าเมื่อเห็นสายตาของครูสาวจ้องเขม็จ เธอเลยต้องยอมลงให้มิสเตอร์เมนเดลิฟ... ในภาพใบเล็กๆที่นาธานวาดเป็นมาริเน็ต มันยังอยู่ในกำมือเธออยู่เลย
ชั่วโมงเรียนนั้นเธอเป็นห่วงเด็กหนุ่มผมสีแดงจนขมวดคิ้วทั้งคาบ แล้วก็โดนมิสเตอร์เมนเดลิฟกลั่นแกล้งทั้งคาบด้วยเช่นกัน..
"คุณซีมัวร์ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของเคมีกลุ่ม A คืออะไร?"
"ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ ซิกเอเลอร์xxxค่ะ"
"แล้วความสามารถพิเศษมันล่ะ"
"สามารถแพร่กระจายและแทรกซึมไปปะปนกับกลุ่มอื่นโดยที่ไม่ถูกหลอมเป็นอย่างอื่น อีกทั้งยังทำให้ตัวเองเปลี่ยนสีเพื่อทนทานต่อความร้อน และปัจุบันนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่ง ยังตรวจพบว่ามันยังทำหน้าที่อย่างอื่นได้อีก ถ้านำไปทดลองกับกลุ่มX-Z..."
"โอเค! พอแล้ว! พวกเธออย่าลืมเอาคุณซีมัวร์เป็นแบบอย่างด้วยล่ะ!" เมนเดลิฟที่ฟังเด็กสาวยังไม่จบก็สั่งให้พอ เพราะฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่าไดอาน่าตอบถูกและยังเกินคำถามอีกด้วย ทำให้เมนเดลิฟมองเห็นสาวในแง่บวกมากขึ้น
"ขอบคุณค่ะมิสเตอร์เมนเดลิฟ" ไดอาน่ายิ้มรับคำชมนั่น ก่อนเธอจะเอ่ยขอบคุณแล้วนั่งลง
เฮ้อ..
ฉันแอบถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างจบลงซะที... ไดอาน่ารู้สึกโชคดีมากที่เรียนเนื้อหาพวกนี้จากที่บ้านมาก่อนแล้ว แต่ก็แอบนึกสยองเมื่อคิดถึงบทเรียนตลอด14ปีที่เธอเรียนมา
ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนลงไปได้ยังไง..โดยที่ยังไม่ตายด้วยโรคเส้นเลือดสมองแตกเสียก่อน
"ให้ตายสิพวก! เธอมันสุดยอดชะมัดเลย" นีโน่มองการตอบคำถามของไดอาน่าอย่างนึกทึ่ง มีบางข้อที่มิสเตอร์เมนเดลิฟเอาความรู้ของชั้นปีที่สูงกว่ามาแกล้งถามเธอด้วย แต่ไดอาน่าก็ตอบได้หมด
"เธอน่าทึ่งชะมัด" เอเดรียนเอ่ยกระซิบกับนีโน่เบาๆ ก่อนจะหันมาตั้งใจฟังครูเมนเดลิฟพูดต่อ
"ต่อไปเป็นการแบ่งกลุ่มนำเสนอฟิสิกส์อนุภาคกลุ่มแรกคือนีโน่.. เอเดรียนและอัลย่า นอกจากนี้แล้วยังมีไดอาน่า เพราะคุณเพิ่งเข้ามาใหม่ทำให้จำนวนห้องไม่เท่ากัน คุณเลยต้องอยู่กลุ่มกับพวกเขา โอเคไหม?"
"ได้ค่ะ" เธอพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมแอบได้ยินเสียงมาริเน็ตหันไปกระซิบข้างหูกับอัลย่าว่า 'เธอโชคดีจัง! ฉันก็อยากอยู่กับเอเดรียน'
"เยส!" นีโนและเอเดรียนพอรู้ว่าได้อยู่กลุ่มเดียวกัน พวกเขาก็แสดงความยินดีด้วยกันชนหมัด
"กลุ่มถัดไปคือ ซาบรีน่า..โคลอี้และมาริเน็ต"
"โชคร้ายจัง!"
มาริเน็ตที่ได้ยินว่าตัวเองอยู่กลุ่มเดียวกับโคลอี้ก็ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก มีอัลย่าตบไหล่ปลอบอยู่ข้างๆเพราะพวกเธอได้แยกกลุ่มกันอยู่ แต่พออัลย่าบอกว่าจะพยายามพูดถึงเธอบ่อยๆในระหว่างอนุภาคและฟิสิกส์ ทำให้มาริเน็ตมีสีหน้าดีขึ้นมาก
ไดอาน่าก็มองปริบๆ.. ดูเหมือนว่าเพราะเธอเข้ามา จะทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่มีผลกระทบอะไรมาก
พรึ่บ
"เอ่อ ครูคะ ให้มาริเน็ตไปอยู่กลุ่มอื่นได้ไหมคะ ซาบรีน่ากับหนูทำแค่สองคนดีกว่า หรือไม่ก็ให้ไดอาน่ามาอยู่กับกลุ่มเราก็ได้" โคลอี้ยกมือขึ้นแทรกและเอ่ยถาม
"นี่เป็นงานนำเสนอกลุ่ม...ไม่ใช่งานคู่! และฉันก็จดชื่อพวกเธอลงไปแล้ว ยอมรับซะ" มิสเตอร์เมนเดลิฟมองโคลอี้ทันทีที่พูดจบ ทำให้โคลอี้บ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด
เหมือนเธอจะได้ยินโคลอี้พูดว่า'ฉันเกลียด..คำว่ายอมรับซะ' พร้อมกับสายตาที่หันมามองมาริเน็ตเขม็จ แน่นอนว่ามาริเน็ตก็ไม่ยอมแพ้เพราะเธอก็ถลึงตากลับไปเช่นเดียวกัน
อา
กลุ่มนี้ท่าจะไม่รอด....
กริ๊งงงงง!
เสียงออดหมดเวลาเลิกคาบเรียนพอดี ทุกคนเลยพากันทยอยลุกเก็บของเพื่อไปห้องล็อกเกอร์ ฉันที่เพิ่งไปขอกุญแจสำรองสำหรับล็อกเกอร์ใหม่ของตัวเอง ก็เข้ามาทันตอนที่มาริเน็ตและโคลอี้กำลังเถียงกันอยู่
"ทำไมฉันต้องมาตอนนี้ด้วยละเนี่ย..." เธอกุมขมับกับตัวเองเบาๆ
ก่อนจะเดินไปเปิดล็อกเกอร์ที่อยู่อีกฝั่งจากพวกมาริเน็ต แต่เธอก็ยังคงได้ยินการโต้เถียงของโคลอี้กับมาริเน็ตชัดเจน
"ไม่เป็นไรมาริเน็ต! พวกเราก็ช่วยกันหาข้อมูลและให้โคลอี้นำเสนอ แค่นี้ก็เสมอภาคกันแล้ว" ซาบรีน่าเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้มาริเน็ตคิ้วกระตุกทันที
"มันไม่เสมอภาคเลยอ่ะ พวกเธอทำงานกันแบบนี้หรือ!?"
"ใช่สิ พวกเราทำแบบนี้มาตั้งแต่ประถมแล้ว ตอนที่ฉันเริ่มทำการบ้านให้โคลอี้แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้นมา!"
นั้นเพื่อนรักหรือเบ๊กันละนั้น...
ไดอ่าน่าที่แอบฟังหลังล็อกเกอร์แอบกระตุกยิ้มนิดๆ ก่อนจะกลับมาสนใจแจสเปอร์ที่โผล่ออกมาจากกระเป๋า
'ยัยนั้นท่าจะประสาท' แจสเปอร์เอ่ยกระซิบเบาๆ ทำให้ฉันเกือบหลุดขำเพราะท่าล้อเลียนของความิมันตลก
ก่อนแจสเปอร์จะรีบมุดลงไปซ่อนในกระเป๋าสะพาย เมื่อฉันจัดเรียงกระเป๋าเป้ในล็อกเกอร์เรียบร้อย เธอก็หยิบกระเป๋าสะพายเล็กๆออกมาสวม ก่อนจะปิดล็อกเกอร์และล็อคด้วยกุญแจ
ส่วนโคลอี้กับซาบรีน่าและมารีเน็ตดูเหมือนกำลังคุยกันอยู่ ฉันจึงรีบเดินออกมาเลยก่อนที่โคลอี้จะเห็น
แกร๊ก ปัง!
"เฮ้ไดอาน่า วันนี้เธอว่างหรือเปล่า" เอเดรียนยืนพิงอยู่ที่หน้าห้องล็อกเกอร์พอดี เมื่อพวกเราสบตากันเขาก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาถาม
ฉันเลิกคิ้วแปลกใจที่ได้เจอพระเอกที่นี่ เพราะเมื่อกี้เห็นเหมือนเขาจะรีบออกไปแล้ว แต่ฉันก็มานึกได้ว่าเขาอาจจะมายืนรอนีโน่ที่กำลังคุยกับโรสข้างในก็ได้
"นายมายืนรอนีโน่เหรอ?" ฉันถามพร้อมสื่อสายตาว่านีโน่อยู่ข้างในนะ เอเดรียนก็หันไปมองหน้าห้องก่อนจะพยักหน้า
"ก็ประมาณนั้นแหละ ว่าแต่วันนี้เธอว่างหรือเปล่า?"
"วันนี้ตอนเลิกเรียนฉันมีนัดที่สตูรีโอคุณริชารด์น่ะ ทำไมหรือ?" พอฉันพูดจบเอเดรียนก็ทำหน้าเสียดาย ฉันจึงต้องเอ่ยถาม
"ว่าจะชวนไปทำรายงานน่ะ แต่...ถ้าวันนี้เธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไร" เสียงทุ่มเอ่ยพร้อมเบี่ยงสายตาไปมองทางอื่นเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าท่าทางแบบนั้นเหมือนเขากำลังประหม่าอยู่?
จริงสินะ รายงานกลุ่มของมิสเตอร์เมนเดลิฟ ฉันได้อยู่กับอัลย่า..นีโน่และเอเดรียนนี่นา
แต่ไม่เห็นต้องรีบทำกันเลยนะมีเวลาตั้งหลายวัน... เด็กพวกนี้ชักจะขยันกันไปแล้ว
ฉันคิดในใจอย่างคร่ำครวญเพราะหลังจากนี้เธอมีตารางงานรออยู่อีก
"อื้มมม..ถ้างั้นเอาเป็นว่า...ไปทำวันหยุดที่ใกล้จะถึงนี้ดีไหม ไปทำที่คอนโดฉันน่าจะสะดวกกว่าด้วย"
"ก็ดีนะ แต่ว่าคอนโดเธอ?" เอเดรียนทำหน้าแปลกใจ เขาคงสงสัยว่าทำไมฉันไม่เรียกว่าบ้าน
"ฉันแยกออกมาอยู่คนเดียวน่ะ.. ว่าแต่ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อยสิ" ฉันเปลี่ยนหัวข้อพร้อมหยิบโทรศัพท์สีดำขึ้นมา
เอ๋ ว่าแต่นี้เรียกว่าขอเบอร์ผู้บ่าวได้ไหมเนี้ยย
"อื้อ แปบนะ" เอเดรียนถึงได้รู้ตัวแล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาบ้าง พวกเราเลยแลกเบอร์มือถือกันประการเช่นนี้เองง
"ถ้างั้นเจอกันตอนบ่ายคาบห้องสมุดนะ" เด็กหนุ่มว่าพร้อมทำท่าจะหันหลังจากไป
"บาย/บาย"
เอ่ยลำลากันเล็กน้อยเพราะต่างคนต่างมีเรียนวิชาอื่น ฉันเห็นเอเดรียนวิ่งไปเรียนอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนที่ฉันจะหันหลังเดินออกไปบ้างแต่ก็เพิ่งมานึกออก พร้อมกับหันไปมองข้างหลังที่ไร้แววพระเอกแล้วอย่างแปลกใจ...
"ไม่ใช่ว่าเอเดรียนมายืนรอนีโน่หรอกเหรอ?"
50%
...แล้วทำไมถึงกลับไปคนเดียวละ หรือว่าลืม? ไดอาน่ามองไปทางโน่นทางนี้ที ก่อนจะขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
"แปลกคน..."
...................................................
...............................
..................
.............
....
..
ผ่านไปหลายชั่วโมง เผลอแปบๆก็มาถึงคาบเรียนสุดท้ายของวันแล้ว ไดอาน่ากำลังนั่งคิ้วขมวดใส่หนังสือ ทั้งๆที่เนื้อหาไม่ได้เข้าสมองเลยสักนิด..
ตอนนี้ทั้งห้องกำลังทยอยเข้ามาในห้องสมุดเพื่อหาหนังสือมาอ้างอิงกับการนำเสนอ
เหตุการณ์ช่วงเช้านั้นนาธาเนียลก็หายไปเลย เธอถามคนอื่นก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน...
อย่าบอกนะว่าปานนี้เขาคงจะ..
ตึง!
"...!?"
เสียงตบโต๊ะดังตรงหน้าเบาๆปลุกภาวังค์ความคิดของเด็กสาวแตกกระจาย ไดอาน่าเงยหน้าจากหนังสือในมือมองคนมาใหม่
"สวัสดีฉันชื่ออัลย่า เธอเป็นเด็กที่เข้าเรียนมาใหม่วันนี้ใช่มั้ย"
เด็กสาวผิวสีแทน เธอสวมแว่นสายตากรอบดำและมีเรือนผมสีน้ำตาลแซมส้มนิดๆ เธอเอ่ยอย่างเป็นมิตรพร้อมยื่นมือมาข้างหน้า
'อัลย่าล่ะ! อัลย่าเธอมาทักฉันด้วย'
ไดอาน่าคิดในใจอย่างวิ่งโลด แต่ภายนอกเพียงยิ้มบางๆแต่ก็ปิดประกายตาระยิบระยับไม่ได้ มือเรียวยื่นไปข้างหน้า
"สวัสดีจ๊ะ เรียกฉันว่าไดอาน่าก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จัก.."
อัลย่าที่สังเกตเห็นประกายตาหญิงสาวดูเป็นมิตร เธอก็รู้สึกว่าเด็กใหม่คนนี้น่าคบหาดีแฮะ ก่อนพยักหน้าแล้วจับมือด้วยความยินดี
"เช่นกัน วันนี้คาบเรียนครูเมนเดลิฟเธอตอบคำถามครูได้สุดยอดมากเลย! เธอทำได้ยังไงน่ะ"
"ก็อ่านหนังสือมาน่ะ"
ฉันกับอัลย่าพวกเรานั่งคุยเล่นกันไปพลางๆ โดยตอนแรกถามเกี่ยวกับเรื่องเรียน ก่อนจะกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮิโร่และลามไปยังเรื่องเลดี้บัคและแคทนัวร์ซะงั้น
อัลย่ากำลังอวดเรื่องเลดี้บัคอย่างโน่นอย่างนี้ ฉันก็เลยอวดแคทนัวร์บ้างเพราะไม่เห็นเธอพูดถึงเลย กลายเป็นว่าพวกเรากำลังคุยเรื่องซุปเปอร์ฮิโร่ซะส่วนมาก
"เฮ้ มาแล้ว"
จนกระทั่งนีโน่และเอเดรียนเดินมาถึงที่โต๊ะถึงได้รู้ว่าพวกเราคุยกันนานมาก
"สาวๆกำลังคุยอะไรกันอยู่น่ะ ดูน่าสนุกดีนะ"
นีโน่ที่บนคอสวมหูฟังและสวมหมวกสีแดงเอ่ยถามแหย่ขึ้นมาไม่ได้ พร้อมกับข้างหลังที่มีเอเดรียนเดินตามมาถึงติดๆ
"พวกเรากำลังคุยเรื่องเลดี้บัคอยู่น่ะสิ! ฉันเพิ่งรู้ว่าไดอาน่าก็ชอบฮิโร่ด้วย ตอนนี้ฉันกำลังแนะนำเลดี้บล็อกของเลดี้บัคให้เธอดูอยู่"
ไดอาน่าหัวเราะเล็กน้อยที่เห็นอัลย่าพูดกับนีโน่อย่างตระตือรือร้น ดูท่าเธอจะอยากได้คนมาเมาส์เรื่องฮิโร่มานานแล้วนะเนี้ย
นีโน่เขาก็ทำท่าทางสนใจเรื่องที่พวกเราคุย ก่อนจะถูกขัดโดยเอเดรียนที่บอกให้เริ่มๆงานกันก่อนที่จะหมดเวลา
"มาเริ่มจากหาข้อมูลกันเถอะ"
หลังจากนั้นพวกเราก็แบ่งหัวข้ออนุภาคและฟิสิกส์คนละสองคู่ หาเนื้อหามาให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยมาสรุปรวบร่วมจุดสำคัญกันอีกทีหนึ่ง
"ถ้างั้นเดียวฉันกับอัลย่าช่วยกันหาตรงนี้เอง เหมือนกับว่าจะเคยเห็นผ่านๆ อัลย่าเธอจำตอนที่พวกเราหยิบหนังสือมาผิดได้ไหม มันน่าจะอยู่แถวๆนั้น"
"อ้อ ได้สิ"
นีโน่กับอัลย่าไปหาเรื่องเกี่ยวกับอนุภาคกันสองคน ฉันกับเอเดรียนพวกเราก็ไปหาหนังสืออีกฝั่งหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังก้มๆเงยๆหาหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟิสิกส์ที่ต้องการอยู่นั่น....
"หมายความว่ายังไงน่ะ ที่เธอว่าจะไม่ทำตามที่ฉันสั่งอีกแล้วน่ะ!"
"มาริเน็ตพูดถูก ฉัน.. ฉันไม่ใช่ทาสของเธอ!"
เสียงโคลอี้กับซาบรีน่ากำลังถกเถียงกันอยู่ โดยมีมาริเน็ตนั่งกุมขมับอยู่ตรงกลาง
"คือที่จริง..ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ.."
มาริเน็ตทำหน้าลำบากใจ เพราะเธอไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าซาบรีน่าเป็นทาสโคลอี้
"แต่มาริเน็ตไม่ได้ซื้อหมวกเบเร่ต์สุดน่ารักที่ร้านกาเบรียล และฉันทำได้และบางทีฉันอาจจะให้ยืมกับเธอก็ได้" โคลอี้หยิบหมวกเบเร่ต์ไปมา พร้อมกับมองซาบรีน่าอย่างมีเล่ห์นัย
"เฮ้ ขอโทษนะ แต่เธอกำลังใช้สินบนเพื่อให้ซาบรีน่าทำงานให้เธองั้นเหรอ?"
มาริเน็ตที่เริ่มคิ้วขมวดเพราะเธอไม่ชอบ ที่โคลอี้ใช้ของล่อเพื่อเป็นสินบนทำรายงานให้เธอ แต่ในขณะเดียวกันที่ซาบรีน่าเริ่มมองหมวกเบเรต์ในมือโคลอี้ด้วยตาลุกวาว
"ว้าว! มันเป็นหมวกที่น่ารักจริงๆ ถ้าฉันใส่มันคงดูเข้ากับฉันมาก" ซาบรีน่าพูดจบมาริเน็ตก็ทำหน้าเลอหราทันที เหมือนไม่คิดว่าซาบรีน่าจะเป็นคนแบบนี้
ไดอาน่าแอบมองลอดชั้นหนังสือเห็นถึงความวุ่นวายเล็กๆตรงนั้น เธอก็รู้สึกว่าโชคดีจังที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเอง...ไม่งั้นล่ะก็คงหนวกหูตายแน่เลย...
ฉันบอกแล้วว่าโคลอี้กับซาบรีน่าน่ะอยู่ด้วยกันได้
มาริเน็ตไม่เห็นต้องเข้าไปยุ่งเรื่องสายสัมพันธ์ของคนอื่นเลยนะ ไม่คิดบ้างหรือว่าที่โคลอี้กับซาบรีน่าอยู่ด้วยกันมาได้จนถึงตอนนี้ โดยที่ไม่มีใครต่างหนีไปก่อน...อาจเพราะพวกเธอมีส่วนที่เหมือนกันอยู่ก็ได้
โคลอี้กับซาบรีน่าต่างมีสิ่งหนึ่งที่ต้องการ.. โคลอี้ต้องการมือเท้าเพื่อทำอะไรทุกอย่างให้เธอเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบตามใจและเอาใจซะส่วนใหญ่
ส่วนซาบรีน่าเธอก็หาผลประโยชน์กับโคลอี้ จึงไม่เคยเตือนอะไรที่เพื่อนสนิทสมควรกระทำเลย ถึงแม้ว่านั้นจะเป็นสิ่งที่ผิดและอาจจะทำให้โคลอี้นิสัยเสียยิ่งกว่าเดิม
ซาบรีน่าบางครั้งก็ออกจะส่งเสริมโคลอี้ทำเรื่องผิดซะมากกว่า
แล้วก็มาริเน็ต...จริงๆฉันชอบเธอนะ แต่บางครั้งมุมมอง ของมาริเน็ตก็กระทำบางอย่างที่เหมือนโคลอี้เช่นกัน แต่โชคดีที่เธอมีคนที่รักเธอคอยเตือนในสิ่งที่ไม่ดี..
ทำให้เธอเริ่มเติบโตและคิดเอาเองได้..อย่างเช่นพ่อแม่ของมาริเน็ตและเพื่อนที่แสนดีอย่างอัลย่า
ฉันแอบอิจฉาตัวเอกที่มีครอบครัวอบอุ่น ต่างจากฉันที่ต้องอยู่คนเดียวและทำอะไรเองซะส่วนมาก แต่เธอก็เป็นผู้ใหญ่พอที่รู้ว่าผู้ปกครองติดธุระที่จำเป็น
รู้อย่างนั้นแต่มันก็อดน้อยใจลึกๆไม่ได้นี่นา...
ถ้าเธอไม่มีเศษความทรงจำส่วนหนึ่งอยู่ล่ะก็ ฉันก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยคนอื่นๆที่ต้องการความเอาใส่ใจจากผู้ปกครอง ไม่แน่นะ ฉันอาจจะเหมือนโคลอี้ตอนนี้ก็ได้
ไม่สิ..ฉันไม่อยากเหมือนโคลอี้ซะหน่อย!
"นี่ไดอาน่าฉันขอถามอะไรได้มั้ย?"
"หื้อ?"
ทันใดนั้นเสียงเอเดรียนที่หาหนังสือข้างหลังก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ เธอเลยผละออกมาดู
"ฉันได้ยินว่าเธอชอบเลดี้บัคเหรอ?" เสียงทุ้มที่แตกหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเหมือนถามดินฟ้าอากาศ เธอเห็นเพียงแผ่นหลังและเส้นผมสีทองที่ขยับพริ้วไปมาแค่นั้น
สงสัยความเงียบทำให้เอเดรียนต้องหาเรื่องคุย ฉันก็เลยตอบไปตามตรง ขณะที่สายตาเธอก็กำลังมองรายชื่อบนชั้นหนังสือไปด้วย
"ชอบสิ ใครๆก็ชอบเลดี้บัคนี่นา" เสียงใสเอ่ยกลับเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ทำให้นัยน์ตาสีเขียวสดเหลือบมามองเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น
"แล้วแคทนัวร์ล่ะ"
กึก
ไดอาน่าหยุดชะงักไป เหมือนเธอกำลังนึกถึงเจ้าของชื่ออยู่
"ถามทำไมน่ะ?" เธอเคลื่อนไหวต่ออย่างไม่มีอะไรผิดแปลก แต่เพราะชายหนุ่มที่หยุดหาหนังสือตั้งนานแล้วจึงเห็นว่าไดอาน่าเธอหยุดมือไปครู่หนึ่ง
'เอเดรียนจะมาถามถึงตัวเองทำไมกัน??' ไดอาน่าสับสนมาก พร้อมกับรู้สึกเริ่มเย็นสันหลังวาบๆ
หรือว่าคุณพระเอกกำลังลองใจเธออยู่...
ถ้าเกิดไปพูดไม่เข้าหูเข้า เธอจะไม่โดนเขาเขม็จใส่หรอกใช่มั้ย?..
"เปล่า ก็แค่ถามดูเฉยๆน่ะ" เสียงทุ้มตอบกลับมา ทำให้คิ้วเรียวของเธอที่ขมวดแน่นคลายลงเล็กน้อย
อ้อ ถามเฉยๆสินะ
เธอนึกถึงแคทนัวร์ที่ชอบไล่ตามเลดี้บัค แต่โดยสาวเจ้าปฎิเสธอยู่รำไป คิดๆดูแล้วก็ตลกและน่าเอ็นดูจริงๆ แต่ก็มีมุมที่เท่ไม่หยอกแถมดูพึ่งพาได้ด้วย และเธอก็ชื่นชอบความพยายาม ที่บอกรักเลดี้บัคถึงแม้จะไม่เห็นหวังตั้งแต่แรกก็ตาม
ถ้าเกิดมาริเน็ตชอบแคทนัวร์ได้ แล้วแคทนัวร์ชอบมาริเน็ตได้คงจะดีไม่น้อยเลย
อยู่ๆฉันก็นึกย้อนไปถึงตอนที่ได้เจอหนูน้อยเอเดรียนตากลมโตตอนนั้นครั้งแรก...
"ก็ต้องชอบอยู่แล้วสิ"
โดยที่ไม่รู้ตัวเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พร้อมรอยยิ้มที่ดูสวยงามมากกว่าครั้งไหนๆ
"....."
หลังจากที่พูดจบประโยค เธอก็ไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวข้างหลังอีกเลย
'หรือเธอจะพูดอะไรผิด?'
ไดอาน่ากำลังจะหันหลังกลับไปแหย่เจ้าตัวสักหน่อยว่า'แล้วนายล่ะ ชอบเลดี้บัคสิน๊า' แต่คุณพระเอกก็ก้มมามองเธออยู่ก่อนแล้ว
กึก
เขามายืนช้อนหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไดอาน่าหายใจสะดุด เมื่อเจอดวงตาสีเขียวฆรกตเบื้องหน้า ก่อนที่จะเห็นว่ามุมปากของคุณพระเอกค่อยๆยิ้มหวานออกมา
"เหมือนกัน ฉันก็ชอบ!"
"....?"
เอเดรียนมองเธอพร้อมพูดยิ้มๆ ดวงตาคมของเขาดูเป็นประกายความสุข เหมือนเขาดูท่าจะชอบแคทนัวร์จริงๆ ก่อนที่เอเดรียนจะหันกลับไปทำท่าเลือกหนังสือต่อ
'หมายความว่ายังไง?'
ฉันที่ยิ้มค้างอยู่แข็งไปวูบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับมาเลือกหาหนังสือต่อ... โดยที่รอยยิ้มยังคงแข็งค้างอยู่แบบนั้น...
'ทำไมเธอถึง...รู้สึกว่าคำตอบเมื่อกี้ฟังดูแปลกๆจังเลย'
ถ้าเกิดถามถึงเลดี้บัคแล้วเขาตอบมาแบบเมื่อกี้เธอคงรู้สึกว่ามันปกติอยู่หรอก...แต่นี้เธอกำลังพูดถึงแคทนัวร์อยู่นะ?
หรือว่าหมอนั่นกำลังจะบอกว่าฉันก็ชอบตัวเองเหมือนกัน...
ไดอาน่ากำลังนึกภาพเอเดรียน ทำท่าหลงตัวเองอยู่หน้ากระจก พร้อมในปากคาบกุหลาบสีแดงสด....
บรือ
แค่คิดก็ขนลุก...
จะให้เอเดรียนที่มีภาพลักษณ์เป็นแบบเด็กดีปกติมาทำมันไม่คือจริงๆแต่ตอนเป็นแคทนัวร์คุณพระเอกก็หลงตัวเองจะตายไป....
ตกลงคือแปลได้อีกอย่างว่าเอเดรียนเป็นพวกหลงตัวเอง...อื้ม ช่างเถอะ ก็คุณพระเอกมีดีให้อวดนี่นาข้อนี้เธอไม่เถียงละกัน
"อ๊ะ เจอหนังสือแล้ว" เสียงอุทานดังเบาๆ
หนังสือฟิสิกส์ที่ฉันจำได้ว่าเคยเห็นพี่เซดลิกอ่าน เชื่อได้เลยว่า100%นั้นจะต้องเป็นหนังสือที่ดีแน่นอน เอาชื่อพี่ชายเป็นประกัน!
'แต่ทำไม...มันอยู่สูงจังฟร่ะ!'
"ฮึบ!"
ไดอาน่าพยายามเอือมมือไปหยิบแต่ดันติดที่ว่าเธอยืดตัวไม่ถึง
สักพักนั้นเธอก็รู้สึกว่าข้างหลังกำลังโดนเบียดเล็กน้อย พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่มีกลิ่นชีสเนยนิดๆ กลิ่นคุ้นเคยทำให้เธอชะงักอยู่กับที่พร้อมเผลอกลั้นลมหายใจไปอัตโนมัติ
บางครั้งเธอก็เกลียดที่ตัวเองจมูกดีเกินไป
พรึบ
หนังสือที่เธอหมายตาไว้ถูกหยิบลงมาได้อย่างง่ายดายโดยคนข้างหลัง
ก็รู้อยู่หรอกนะว่าเอเดรียนสูงน่ะ...แต่ไม่คิดว่าจะหยิบถึงด้วยแฮะ
"อ่ะ นี่"
"ขะ ขอบคุณ"
เธอหลุบตาลง..ไม่รู้ทำไมรู้สึกใจมันสั่นไหวแปลกๆ..
"...นี่ คือว่านายจำเรื่อง.." เธอว่าจะเอ่ยถามเรื่องสมัยเด็กซะหน่อยว่าเอเดรียนจำได้ไหมว่าพวกเราเคยเจอกันเมื่อห้าปีก่อน
แต่ทว่า....
กริ๊ดดดดดด! อย่านะไปให้พ้น!
"....!?"
เสียงกรีดร้องของโคลอี้ทำให้พวกเรายืนกันนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับโคลอี้
"ระวัง!"
ตุบ
เสียงร้องตะโกนข้างหลังเมื่อเห็นอะไรบางอย่างพุ่งมาทางนี้ ก่อนเธอจะถูกชายหนุ่มรวบตัวดึงให้หมอบลงกับพื้นทันที
พริ้ววววว!
เสียงลมกรีดผ่านเหนือหัวพวกเราไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นเครื่องไดรฟ์เป่าผมขนาดยักษ์เท่ารถคันหนึ่ง กำลังไล่กรวดโคลอี้อยู่...
"ช่วยด้วย! ผมของฉันจะเสียทรงหมด!" โคลอี้ที่รักเส้นผมตัวเองยิ่งกว่าชีวิตเธอร้องโวยวาย พร้อมวิ่งหนีแต่ก็โดนไล่ตามอยู่ดี
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของตัววายร้ายครั้งนี้จะเป็นโคลอี้!
"อาคุม่า!" เสียงเอเดรียนกระซิบขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้ฉันกวาดสายตามองหาคุณนางเอก เธอหมอบอยู่ตรงโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆหลบออกไปอย่างไม่ให้ใครเห็น(ยกเว้นเธออะน่ะ)
มาริเน็ตต้องไปหาที่เปลี่ยนร่างเป็นเลดี้บัคแน่เลย
หมับ
"มาทางนี้!" เอเดรียนจับมือเธอวิ่งไปหลบในที่ปลอดภัย เธอถูกเขาจับมาปล่อยที่ห้องว่างหนึ่ง ก่อนเขาจะกำชับว่าอย่าออกไปไหน แล้วเขาก็ทำท่าจะผละออกไปทันที
ทำให้เธอต้องพูดอะไรขึ้นหน่อยจะได้เนียนๆ
"เดี๋ยวสิ!นั่นนายจะไปไหน มันอันตรายนะ" ฉันคว้าแขนชายหนุ่มเอาไว้ ทำให้เอเดรียนหยุดเหมือนเพิ่งนึกได้ ก่อนเขาจะยิ้มแห้งๆแล้วกลอกตาไปมาเล็กน้อย
กำลังคิดหาข้ออ้างอยู่
"เอ่อ..ฉันลืมของสำคัญเอาไว้ในกระเป๋าน่ะ ไปแปบเดียวเธออยู่ตรงนี้อย่าออกไปไหน" เอเดรียนทำหน้าจริงจัง พร้อมกำชับเธอเหมือนเด็กอนุบาลอย่างนั้นแหละ
พระเอกนี้หาข้ออ้างมาแถได้แย่มาก..ใครบ้างจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับอันตรายเพื่อของน่ะ อย่าน้อยๆก็ต้องเชฟตัวเองไว้ก่อนอยู่แล้วสิ
เอาเถอะ ฉันรู้หรอกว่านายจะไปไหน
"ระวังตัวด้วยล่ะ" เธอกระซิบก่อนที่เอเดรียนจะพยักหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที
พรึ่บ
แจสเปอร์โผล่ออกมาจากกระเป๋าเมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว แจสเปอร์ลอยวนๆรอบตัวเธอด้วยความสงสัย
"ทำไมเธอไม่ออกไปช่วยเลดี้บัคและแคทนัวร์ล่ะ? ทั้งที่เธอก็ควบคุมมิคาเคิลสโตรได้แล้ว"
"ไม่เอาน่า.. ถ้าออกไปตอนนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ" ฉันกระซิบยิ้มๆเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าแค่นี้น่ะ..ให้เลดี้บัคและแคทนัวร์จัดการเถอะ
เพราะยังไงซะ อาคุม่าครั้งนี้ก็หนีไปได้อยู่ดี ออกไปช่วยยังไงฉันก็เสียเที่ยวเปล่าๆ
แล้วอีกอย่าง..
"เรามารอไปช่วยตอนที่พวกเขา'จนมุม'จะดีกว่านะ แบบนั้นจะน่าประทับใจกว่าเยอะ"
ไดอาน่าเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างก่อนจะไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไปเรื่อยๆ
"เธอนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด" แจสเปอร์ส่งเสียงหัวเราะชั่วร้าย ดูเหมือนความิเธอจะถูกใจความคิดเธอมาก..
แต่ฉันไม่ชอบเสียงหัวเราะนายเลยนะแจสเปอร์...มันเหมือนพวกเรากำลังวางแผนชั่วร้ายอย่างนั้นแหละ ทั้งที่พวกเราวางแผนจะช่วยต่างหาก
"ขอบคุณ..ก็ฉันเป็นหมาจิ้งจอกนี่นา"
เอกลักษณ์ของเธอคือหมาจิ้งจอก เพราะงั้นเลยต้องมีลูกเล่นแพรวแพราวและฉลาดแกมโกง
เฮ้อ..
"อีกอย่าง..ฉันรู้ว่าใครถูกอาคุม่าครอบงำตอนนี้ด้วย" ไดอาน่าถอนหายใจเหมือนเซงจัด ทำให้แจสเปอร์มองอย่างสนใจใคร่รู้
"นี่...แจสเปอร์ อาคุม่าเนี้ย..เกิดจากความคิดแง่ลบงั้นเหรอ?" เสียงหวานเอ่ยถาม
"แน่นอนอยู่แล้วสิ อาคุม่าจะเกิดจากการถูกกระตุ้นความรู้สึกด้านลบมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเศร้า..เสียใจ..โกรธ ผิดหวังหรืออิจฉา ล้วนแล้วเป็นจิตพลังงานด้านลบทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเธอที่เป็นถึงผู้พิทักษ์ปารีส อย่าได้มีจิตแง่ลบจนโดนความมืดครอบคุมล่ะ"
แจสเปอร์อธิบายเมื่อเห็นไดอาน่าเอ่ยถาม เพราะปกติเด็กสาวจะไม่ค่อยถามอะไรเกี่ยวกับพวกนี้เท่าไหร่ แจสเปอร์จึงบอกออกไปหมดและเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
ที่จริงเด็กสาวผมสีเงินรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าอาคุม่าเกิดจากอะไร แต่เพราะเธอรู้นั้นแหละถึงได้เจ็บปวดแบบนี้
รู้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าจะช่วยมันต้องช่วยที่ปลายเหตุ
ถ้าตัวตนเดิมถูกครอบคุมโดยผีเสื้อสีดำ อาคุม่าตนนั้นจะกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยฮอกมอนร์ท โดยจะทำตามปรารถนาแง่ลบในตอนนั้น เพื่อแลกกับการช่วยแย่งมิราเคิลสโตรของเลดี้บัคและแคทนัวร์
"แล้วตกลงใครโดยควบคุมล่ะ..?" แจสเปอร์ถามอย่างสงสัยตั้งแต่เมื่อกี้ ไดอาน่าเหลือบมองก่อนจะยิ้มหวาน
"คิดเองสิ"
"อะไรอา! ถ้ารู้ก็บอกกันมั้งสิ! ทีฉันยังบอกเลย"
"หุหุหุ ก็นายบอกเองนี่นา"
เธอยักไหล่พลางแกล้งแหย่แจสเปอร์อย่างชอบใจ...แม้ในใจจะกังวลนึกถึงคนที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายตอนนี้ก็ตาม...
นาธาเนียล..
รอก่อนนะ
..พวกเราจะช่วยดึงนายออกมาจากความมืดแน่นอน..
100%
**ใครที่ลงเรือคุณพระเอกอย่าเพิ่งดีใจไปนะคะ ความหมายที่ชอบของทั้งคู่อาจจะเป็นในแง่ความสัมพันธ์เพื่อนและแฟนคลับ(?)ค่ะ เพิ่งผ่านมาไม่กี่ตอนเองจะชอบกันทางเชิงชู้สาวได้ไง(?)//ทำหน้าชั่วร้าย
แหมๆ
โปรยรูปนาธาเนียล พอดีไรท์เก็บไว้เยอะ คั่กคั่กคั่ก(เสียงหัวเราะ?)
ว่าจะให้ตอนนาธาเนียลจบในตอนนี้นะ แต่ดูเหมือนจะต้องไปจบในตอนหน้าแทน
**
ทำไมเรือคุณพระเอกแล่นไปเร็วจังงงง สนใจรับน้องมะเขือเทศของไรท์ไปกินแก้ขัดบ้างมั้ย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น