ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่5 : ท้าทาย...100%
****
หลังจากจัดการเด็กหัวเกรียนในห้องไป ทุกคนในห้องก็นิ่งเงียบสงัน ยกเว้นมิคังที่ทำหน้าภาคภูมิใจมากที่มิกะได้แสดงฝีมือเธอออกไป
'เห็นหรือยัง! น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอดเยี่ยมขนาดไหน!?'
ขณะที่เด็กหญิงผมสีน้ำตาลและตาสีช็อกโกแลตกำลังโม้อยู่ในใจ มิกะกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น
'เผลอทำเรื่องยุ่งยากซะแล้วสิ' มิกะยังไม่ลืมว่าพวกเรามาที่นี่ในวันนี้เพราะอะไร อาจารย์นารุมิบอกว่าให้พวกเราเข้ากับเพื่อนในห้องให้ได้นี่นา
ไม่อยากจะทำเลยนะ...แต่ก็ ..เพื่อมิคังด้วย
เธอหันไปมองทุกคนก่อนจะหลุบตาโค้งตัวลง ทำให้มิคังตกใจ ร่วมถึงคนอื่นๆที่แสดงสีหน้าแปลกใจ นัทซึเมะและรูกะก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
เด็กผู้หญิงที่ดูมีพลังเมื่อกี้กำลังโค้งคำนับให้ทุกคนอยู่...
มิกะที่สามารถยืดได้ก็สามารถหดได้ เธอไม่สนใจสายตาของคนในห้อง หรือยึดมั่นในศักดิ์ศรีเหมือนมิคังที่มีแต่จะทำให้เรื่องมันดูยุ่งยากมากขึ้น บางครั้งบางคราวเราควรที่จะปล่อยผ่าน ยอมเป็นคนถอยหลังมาสักครึ่งก้าว เพื่อให้เรื่องเล็กๆผ่านไปได้ง่าย
สิ่งที่เธอมาที่นี่ก็เพราะอย่างเดียว....
"ฉันต้องขอโทษแทนทุกคนด้วย ฉันและพี่สาวของฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้พวกคุณต้องโกรธ เรื่องอลิซนั้นพวกเราไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ... แต่อาจารย์นารุมิเป็นคนยืนยันที่พบว่าพวกเรามีอลิซ แล้วได้พาเรามาที่นี่"
ดวงตาสีฟ้าบริสุทธิ์เงยหน้าขึ้นมองทุกคน ริมฝีปากสีอ่อนนั้นคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน
"แต่ฉันสัญญาว่าระหว่างนี้พวกเราจะพยายามค้นหาอลิซของตัวเองอย่างแน่นอน ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะทุกคน"
เด็กสาวน่ารักเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน ทำให้คนในห้องที่กำลังเดือดเริ่มอ่อนลง
....
เงียบไปเนินนาน ก็ค่อยๆมีคนกล้าพูดขึ้น
"มันก็..ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นหรอก" เสียงซุบซิบของใครบางคนพูดขึ้นมา ก่อนเริ่มมีคนพูดว่าใช่แล้วซุบซิบขึ้นมาเหมือนกัน
"ฉันก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น..." นายหัวเกรียนที่หลบอยู่มุมก็เอ่ยขึ้นมาอุบอิบ แต่เพราะห้องเงียบจึงได้ยิน เรียกรอยยิ้มหวานของมิกะมากขึ้น
'สมกับเป็นมิจัง' โฮตารุที่แสร้งทำเป็นเปิดหนังสืออ่านหน้าเดิมอยู่เนินนาน ไม่มีใครเห็นว่ามุมปากสวยยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย
มิคังก็สามารถสังเกตเห็นได้ ทุกคนที่ทำหน้าระแวงระวังเมื่อกี้ พวกเขาเริ่มดูอ่อนลงมากขึ้น ทำให้มิคังเริ่มคิดขึ้นได้
จริงสินะ.. เราลืมการสอบของอารจารย์ไปเลย เธอแอบส่งสายตาสำนึกผิดไปยังแฝดน้องสาว มิกะกระปริบตายิ้มๆให้มิคังอย่าได้คิดมาก เพราะเธอก็อดทนไม่ไหวลงมือไปด้วยเหมือนกัน
'แมวน้อยอย่างเธอนี่นะจะกลายเป็นเสือไปได้ยังไงกัน! มันก็แค่ฟลุ๊คเท่านั้นแหละ' โชดะมองมิกะที่ก้มหน้าขอโทษทุกคนไม่เหมือนท่าทีน่ากลัวเมื่อกี้ เธอก็เริ่มใจกล้ามากขึ้น
"จริงเรอะ แล้วหลักฐานอยู่ที่ไหนกันล่ะ?" โชดะยิ้มเหยียดขึ้นเล็กน้อยพร้อมเอ่ยอย่างดูถูก "แค่คำพูดน่ะเชื่อไม่ได้หรอกนะ!"
"ใช่แล้ว อย่างที่คุณโชดะพูด ลมปากน่ะใครๆก็พูดได้" เสียงส่งเสริมดังมาจากลูกสมุนของโชดะ เด็กหญิงผมสั้นออกม่วงเล็กน้อย มัดผมจุกบนหัวฝั่งขวาด้วยยางมัดผมรูปบอลกลมสีชมพู
"หรือว่านะยัยพวกนี้อาจจะหลอกครูนารุมิว่าตัวเองมีอลิซและแอบเข้าโรงเรียนมาก็ได้ พนันได้เลยว่าพวกเธอจะต้องใช้เทคนิคกลโกงอะไรสักอย่างมาแน่ๆ"
ปึด
เสียงเส้นสติของมิคังขาด เธอไม่อยากให้ใครมากล่าวหาน้องสาวสุดที่รักของเธอ มิกะที่สูญเสียความทรงจำน่ะ บริสุทธิ์กว่าใครเสียอีกเธอรู้ดี!
"ยังจะหาหลักฐานอะไรอีกล่ะ ที่มิกะพูดมาคือความจริงทั้งนั้น! น้องสาวของฉันไม่ได้โกหก! เห็นพูดอลิซๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อลิซมันวิเศษขนาดนั้นเลยเรอะ"
มิคังชี้นิ้วใส่ยัยหัวสาหร่ายและลูกสมุนด้วยท่าทางโมโห
"แน่นอนอยู่แล้วสิ! ยิ่งใหญ่มากเลยล่ะ!" โชดะพูดเสียงมั่นใจ จนมิคังหยุดกึกทำหน้าเหลอหรา "ยิ่งใหญ่...อะไรนะ?"
"ดูเหมือนเธอจะไม่รู้อะไรเลยสินะ...เฮ้อ งั้นฉันจะบอกให้เอาบุญ พวกเราชาวอลิซน่ะเป็นปัญญาชนชั้นพิเศษ ที่ได้รับการยอมรับการดูแลจากรัฐบาลญี่ปุ่นเชียวนะ"
'ชนชั้นพิเศษ?' ฉันมองโฮตารุที่เหมือนไม่ได้สนใจอะไร และมองนัทซึเมะที่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำแย้งเหมือนกัน...
ทำไมล่ะ?
'ถ้าพิเศษขนาดนั้นทำไมหมอนี้จะต้องพยายามหนีออกมาด้วยล่ะ?' มิกะเริ่มคิดว่าสิ่งที่ยัยหัวสาหร่ายพูดมานั้นไม่จริงเลย มันต้องมีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น
"ถ้าใช้อลิซในสถานที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็จะสร้างสรรค์ผลงานมากมายในหลายๆสาขา เช่นวงการการเมือง ศิลปะ การศึกษา ผู้เชียวชาญเฉพาะทางของญี่ปุ่นเรียกได้ว่าประกอบไปด้วยอลิซกันทั้งนั้น
"คนอื่น...นอกเหนือจากอลิซเป็นกาฝากที่คอยรับความเมตตาจากอลิซ ไม่ก็เป็นแค่มดงานที่ทำได้เป็นแค่มือเท้า พูดง่ายๆก็เป็นแค่เบี้ยล่างเท่านั้นแหละ"
โชดะมองมิคังและมิกะที่ทั้งสองคนจับมือกันไว้ด้วยสายตาดูแคลน
"เธอถามสินะว่าอลิซพิเศษยังไง เพราะพวกเราเป็นพวกถูกรับเลือกไงล่ะ! คุณค่าของพวกเรามันต่างจากสามัญชนทั่วไป ที่สามารถใช้แล้วทิ้งหาคนมาแทนที่เท่าไหร่ก็หาได้"
"อลิซอะไรนั้นน่ะเหลวไหล!" มิคังหน้าแดงตะโกนอย่างเหลืออด มิกะที่ไม่ได้พูดอะไรแต่มือกำแน่น
"ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสินะ แบบนี้สงสารคุณอิมาอิแย่เลย ที่ต้องไปปะปนกับคนทั่วไปในโรงเรียนเก่า คงจะลำบากมากสินะคะ?"
โชดะพูดพลางทำหน้าเห็นใจ มิคังและฉันหันไปมองโฮตารุที่กำลังหันหลังอ่านหนังสือไม่พูดอะไรแย้งสักคำ
"โฮจัง.." เธอกระซิบเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก... มิคังก็เหมือนสติหลุดลอยไปแล้ว
"โฮตารุ..." ไม่มีทาง.. โฮตารุไม่เหมือนคนอื่นหรอก..ใช่มั้ย เรื่องของผู้คนในหมู่บ้านน่ะ และเรื่องของพวกเรา..
มิคังคิดถึงคุณปู่และเพื่อนๆในโรงเรียน โฮตารุที่ทำตัวเย็นชาอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น เพราะเธอพยายามอดทนอยู่งั้นเรอะ...?
"....." มิกะรู้สึกถึงแรงสั่นในมือที่กุมไว้ของมิคัง เพราะอยู่ด้วยกันมานานเธอจึงรู้ว่าตอนนี้มิคังกำลังรู้สึกยังไง..
"ถ้าอลิซวิเศษขนาดนั้น ทำไมพวกเธอบางคนถึงจะต้องพยายามหลบหนีจากที่นี่ด้วยล่ะ?"
ประโยคที่เอ่ยขึ้นมาอย่างสับพลันเรียกความสนใจจากทุกคน มิคังหันมามองน้องสาวที่ดูสงบเป็นคนเอ่ยประโยคคำถามนั้นไป แต่ไม่มีใครตอบได้
'จริงด้วยสิ! ถูกอย่างที่มิกะพูดเลยนี่นา ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วยังมีคนที่ไม่ชอบที่นี่อยู่ด้วยนี่!' มิคังเริ่มกลับมามั่นใจอีกครั้ง
แปลว่าอลิซก็ไม่ได้วิเศษดีเลิศขนาดนั้น!?
"อะไรนะ?" โชดะแสดงหน้าเหลอหลาเหมือนยังไม่เข้าใจ แต่สีหน้าของเธอเหมือนกำลังถูกบางอย่างทุบอยู่ สีหน้ายิ่งแตกเป็นเสี่ยงมากขึ้น เมื่อมิกะเหลือบสายตาสื่อเป็นนัยๆ มองไปทางเด็กหนุ่มที่เป็นที่เคารพของทุกคนในห้อง
"....." นัทซึเมะก็เหลือบมองอย่างเฉยชาเมื่อทุกคนหันไปสนใจเขา รูกะเป็นคนเดียวที่ทำหน้าลำบากใจ
"ไม่จริงเหรอ?" มิกะยกยิ้มบางๆ "ถ้าที่นี่มันวิเศษวิโสขนาดนั้น... ทำไมนัทซึเมะจะต้องหลบหนีจากที่นี่ด้วยล่ะ? ทำไมพวกเขาถึงต้องเกลียดโรงเรียน"
เธอชี้นิ้วไปทางนัทซึเมะและนายหัวเกรียนที่หลบอยู่แถวนั้น ปกติเธอไม่ค่อยชี้นิ้วใส่ใครหรอกนะ เพราะมิคังและคุณปู่บอกว่ามันไม่ดี(ถึงแม้ฉันจะเห็นมิคังทำอยู่ตลอดก็เถอะ..)
แต่เพราะยัยหัวสาหร่ายนี้เหมือนจะเป็นแฟนคลับของหมอนั่นนี่นา
"เหลวไหลน่า! เรื่องแบบนั้นคุณนัทซึเมะเขา...อะ เอ่อ" โชดะพูดไม่ออก รู้สึกอับอายอย่างสับพลัน เธอไม่รู้เรื่องอะไรของคุณนัทซึเมะมากเลยนี่นา
"พวกเรากำลังพูดถึงอลิซของพวกเธออยู่ดีๆ ทำไมถึงมาเรื่องนี้กันได้ล่ะ! ยอมรับมาเถอะน่า ว่าพวกเธอไม่มีหลักฐานแสดงอลิซ รีบๆออกไปจากโรงเรียนได้แล้วคนหน้าไม่อาย!" โชดะโวยวายเสียงดังเมื่อตอบคำถามไม่ได้
ฉันถอนหายใจ
"มิคัง"
"เอ๋"
มิคังที่กำลังตื่นเต้นกับการเห็นยัยหัวสาหร่ายอับอาย หันมาเพราะเสียงเรียกของมิกะ
"ถ้าพวกเขาบอกให้เธอยอมแพ้เพราะเรื่องอลิซ เธอจะยอมแพ้แล้วออกจากโรงเรียนนี้หรือเปล่า?"
ดวงตางดงามสีฟ้าครามเป็นประกายระยิบระยับ มองสบดวงตาสีช็อกโกแลตปริบๆดูไร้เดียงสา
"มะ ไม่...ไม่มีทางหรอก!" มิคังทำหน้างงตอนแรกก่อนจะเข้าใจ เธอตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ขนาดน้องสาวเธอยังไม่ยอมแพ้ ฉันจะมาหวั่นไหวเพียงเพราะประโยคไม่กี่คำของพวกเขาไปได้ยังไง!
'ไม่มีทางซะหรอก!' เหลือบตามองนัยน์ตาสีฟ้าที่ดูคาดหวัง
น่ารัก~ อารมณ์หดหู่ของมิคังเริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง น้องสาวของฉันแสดงสีหน้าคาดหวังแบบนั้นช่างดูน่ารักเหลือเกิน
"ฉันไม่ออกเด็ดขาด ฉันเป็นอลิซเหมือนกัน! ถึงแม้ฉันจะไม่มีพลังเหนือธรรมชาติแต่ฉันก็เป็นอลิซด้วย นั้นเพราะอาจารย์นารุมิเป็นคนบอกว่าพวกเราเป็นอลิซ ฉันเชื่อในการตัดสินใจของอาจารย์!"
"!?"
ทุกคนอ้าปากค้าง ท่าทีของอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังยอมแพ้ไปแล้ว ทำไมอยู่ๆถึงได้ฮึดขึ้นมาได้กันล่ะ
".... "เด็กหนุ่มดวงตาสีแดงเพลิงหรี่ตามองหญิงสาวเบื้องหน้าผู้ที่ทำให้แฝดพี่กลับมาดื้อด้านอีกครั้ง ครั้งที่อีกนิดเดียวฝ่ายนั้นกำลังจะยอมแพ้ไปแล้ว...
เป็นประเภทที่เขาเกลียด
ทำไมถึงไม่ยอมแพ้
"หยุดอ้างว่าตัวเองเป็นอลิซทั้งที่พิสูจน์ตัวเองไม่ได้ไปหน่อยเลย! พวกเธอทั้งคู่น่ะไม่มีทางเป็นอลิซไปได้หรอก! โดยเฉพาะเธอดีแต่คำพูด! เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาที่เป็นมดแรงงานเหมือนกัน"
ปลายนิ้วของเด็กสาวผมเขียวชาชี้ไปยังคนที่เธอเกลียดมากที่สุด มิกะที่ถูกต่อว่าและโดนชี้นิ้วใส่ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย แต่เป็นมิคังเสียอีกที่โมโหขึ้นมาแทน
"หยุดว่าน้องสาวฉันนะ!"
มิคังเอาตัวมาบังด้านหน้าของน้องสาวตัวเอง พร้อมชี้นิ้วใส่กลับไป
"ฉันไม่เห็นว่าอลิซจะดีกว่าคนอื่นตรงไหนเลย ถ้าหากพวกเธอมีคนที่เหนือกว่ามาเมื่อไหร่ล่ะก็ นิสัยเสียแบบพวกเธอที่มันงี่เง่า! หัวไม่ดีแบบนั้นสักวันก็คงจะถูกเปลี่ยนตัวเหมือนกันนั้นแหละ!"
คำพูดแต่ละคำของมิคังเหมือนเป็นลูกดอกอาบยาพิษที่แทงใจดำเด็กอลิซคนอื่นในห้อง ทำให้เด็กบางคนเหมือนถูกจุดประกายไฟ
"ว่ายังไงนะ! เธอมันก็แค่อิจฉาที่พวกเรามีอลิซล่ะสิ" เด็กผู้ชายอวบๆและมีจมูกรั้นเหมือนหมูลุกพูดขึ้นมา ประโยคหลงตัวเองแบบนั้นทำมิคังชะงัก มิกะหลบออกจากหลังของมิคัง
"เธอรู้แต่ใช้อลิซได้... แต่พวกเธอไม่รู้จำคำว่า'ความพยายาม'เพื่อใช้ชีวิตอย่างเต็มทีเพื่อมันเลย ไปเอาความคิดบ้าๆที่ไหนมาใส่ในสมองน่ะ"
มิกะทนไม่ไหวจนต้องออกมาพูด คำสอนสั่งของคุณปู่เธอยังจำได้ขึ้นใจ ไม่มีความสำเร็จครั้งไหนที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม
มิกะเหลือบมองไปที่นายอ้วนคนนั้น โฮตารุที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เบิกตาขึ้นเล็กๆ เหมือนประโยคจุดไหนได้ไปทิ่มแทงเธอ... ร่วมไปถึงนัทสึเมะที่นิ่งค้างมองอีกฝ่ายไม่กระพริบ รูกะมองเพื่อนสนิทของเขาอย่างแปลกใจ
"ใช่แล้ว! ไม่มีอะไรเลยนอกจากอลิซ เธอก็เป็นเพียงแค่คนตื้นเขินเท่านั้นแหละ สิ้นหวังยึดติดแต่กับอลิซของตัวเอง" มิคังเห็นดีเห็นงาน เธอพูดต่อเมื่อเห็นโชดะดูหน้าเสียไปแล้ว ร่วมถึงเด็กผู้ชายอ้วนนั้นด้วย
"ยัยนี่!" เด็กอ้วนยกกำปั้นขึ้นวิ่งตรงไปยังมิคัง ถึงแม้มิกะจะพูดด้วยเหมือนกันแต่เพราะได้เห็นการจับทุ่มของมิกะไปหมาดๆจึงไม่กล้าทำอะไรเธอ
"อ๊ะ!?"
เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัวจึงหลบไม่ทัน มิคังหลับตาปี้...! ทันใดนั้นมิกะแสดงสีหน้าตื่นตระหนกรีบวิ่งเข้ามาขวางไว้
หมัดใหญ่นั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามาบนใบหน้าของมิกะแทน นัยน์ตาสีฟ้าทะเลหลับลง...
ผัวะ!?
เสียงแรงกระทบกันเสียงดัง พร้อมร่างที่ร่วงลงไปกองกับพื้นดังตุบ...
"อิ...อิมาอิซัง?" ใบหน้าของเด็กผู้ชายร่างใหญ่บวมแดงอย่างสับสน
ร่างกายขยับไปไวกว่าสมอง ถุงมือเวอร์ชั่นเท้ากวางของใครบางคนยังคงค้างอยู่ท่าชกกลางอากาศ
"!?"
เอ๊ะ!?
ทุกคนในห้องต่างตกใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน เมื่ออยู่ๆเด็กสาวผมดำสั้นผู้เย็นชาของห้อง มีใบหน้างดงามไร้อารมณ์มาตลอด
กำลังใช้สายตาสีม่วงเย้ายวนใจนั้น ขมวดคิ้วหรี่ตาดุลงมา คนที่หมายจะปองร้ายเพื่อนทั้งสองของตัวเอง
"อิมาอิซัง!?" ดวงตาเบิกกว้างขึ้น โชดะทำหน้าเหลือเชื่อ มองไปยังเด็กสาวร่างบางที่กำลังยืนปกป้องอยู่ด้านหน้าของสองฝาแฝดไม่ยอมขยับออกไปไหน
"โฮตารุ!/โฮจัง!"
มิคังและมิกะอุทานด้วยสายตาวาวแสง โฮจังตอนนี้แสดงสีหน้าเย็นชาเหมือนปกติ แต่เพราะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน พวกเธอทั้งคู่จึงรู้ว่าอารมณ์ของหญิงสาวตอนนี้กำลังโมโหสุดๆ!
"ขอโทษนะ" โฮตารุพูดเสียงเรียบในมือยังไม่ได้ถอดเท้ากวางออก แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่มีทางถอย
"แต่คนที่จะทำให้ยัยนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งได้มีแค่ฉันเท่านั้น อย่าเข้ามายุ่งโดยพลการนะ" โฮตารุกล่าวเสียงราบเรียบ ใบหน้าเฉยชานั้นช่างดูเท่บาดใจเหลือเกิน
มิคังแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจอย่างขัดเขิน เพราะความหวาดกลัวทำให้เธอน้ำตาซึม มิกะเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะชะงักกึกเมื่อโฮตารุพูดขึ้นเสียงเด็ดขาด
"และใครก็ตามที่กล้าทำร้ายใบหน้าของมิจัง ต้องข้ามศพฉันไปก่อน"
สายตาโฮตารุที่แสดงออกว่าจริงจังมาก ทุกคนในห้องทำหน้างง
ส่วนมิกะและมิคังถอนหายใจพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย...สมกับเป็นโฮตารุ... ยังคงชอบคนที่หน้าตาดีเหมือนเดิม
ในห้องที่พากันเงียบอย่างสับพลัน โฮตารุเหมือนเพิ่งรู้สักตัว เด็กสาวถอนหายใจยาว...
"ให้ตายสิ...แบบนี้ฉันก็พลาดรางวัลนักเรียนดีเด่นแล้วน่ะสิ" นัยน์ตาสีม่วงลึกลับหลุบลง เอ่ยเสียงนิ่งแฝงความผิดหวัง
"แล้วก่อนหน้านี้ฉันอดทนไปเพื่ออะไรกัน..'คูปองอาหารหนึ่งเดือนที่เซ็นทรัลทาวน์'แล้วก็...สิทธิ์กลับบ้านเดิมตัวเองหนึ่งอาทิตย์'"
.....
ฉันและมิคังเงยหน้าขึ้นมองโฮตารุอย่างตกใจ พวกเราไม่รู้มาก่อนเลยว่า... ที่โฮตารุพยายามไม่คุยกับพวกเราขนาดนี้เพราะเรื่องนี้เองเหรอ...
เพื่อสิทธิ์ที่จะได้กลับบ้านตัวเอง...
"เรื่องที่ฉันกลับไปไม่ได้พวกเธอต้องไปขอโทษพ่อแม่ของฉันด้วยนะ ..."
โฮตารุเหลือบมองใบหน้าทั้งคู่ก่อนจะหันหลังกล่าว
"แต่เรื่องที่พวกเธอมาพบด้วยตัวเองนี่... มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเหนือการคำนวณจริงๆ เห็นแก่ที่พวกเธอต้องเสียแรงเสียเวลา คราวนี้จะยกโทษให้เป็นกรณีพิเศษ แล้วเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่"
"โฮจัง.." ฉันยิ้มพร้อมกับมิคังที่ทำท่าจะไปกอดโฮตารุด้วยความรัก แต่โฮตารุพูดขึ้นเสียงหงุดหงิดเสียก่อน
"แต่ว่าเรื่องคูปองอาหารถือว่าติดหนี้แยกต่างหาก"
ฉันและมิคังยิ้มค้าง ถึงจะพูดประโยคนี้มาหลายครั้งแล้วแต่ว่า...
..สมกับเป็นโฮตารุ..
ก่อนวินาทีต่อมาจะโผเข้าเกาะด้านหน้าและด้านหลังของโฮตารุแน่น จนอีกฝ่ายร้องแอ๊กเพราะจุก
"ช่างมันเถอะยังไงก็ชอบโฮตารุที่สุด เลิฟฟฟ"
"รักโฮจังนะ~"
"...." โดนบอกรักทั้งคู่ โฮตารุถอนหายใจก่อนจะยื่นมือสองข้างขึ้นมาลูบหัวของทั้งคู่ เหมือนลูบหัวแมวลูบหัวหมา
สองฝาแฝดกำลังแสดงความรักต่อหน้าโชดะที่หน้าแดงเพราะโมโหจัด
"ทนไม่ไหวแล้วนะ นัทซึเมะคุง! รูกะคุง! ทำอะไรสักอย่างหน่อยสิ!!"
เธอหันไปฟ้องเด็กหนุ่มรูปงามสองคนในห้องที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น เหมือนว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลยสักนิด
"......"
นัทซึเมะหลุบตาลงก่อนจะลืมขึ้นมาใหม่ นัยน์ตาคมสีแดงดูเย็นชา รูกะมองนัทซึเมะรออีกฝ่ายตัดสินใจ
"นี่ ยัยลูกไม้"
"ฉันชื่อมิกะ"
ใครลูกไม้ของนายไม่ทราบ!
นัยน์ตาสีฟ้าหงุิดหงิดหันมามองอีกฝ่ายสื่อถามว่ามีอะไร มิคังที่อยู่ข้างๆก็แปลกใจ คิดไปเองหรือเปล่านะ รู้สึกเหมือนมิกะเริ่มแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากขึ้น
"ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ถ้าเธอปรับตัวเข้ากับห้องนี้ไม่ได้ ก็จะไม่ได้เข้าเรียนอย่างเป็นทางการสินะ"
"!?" ทำไมถึงรู้ได้ มิกะและมิคังแสดงสีหน้าตื่นตกใจ ก่อนจะสังเกตเห็นนายหน้ายิ้มข้างๆอีกฝ่าย อา...โดนอ่านใจ...
"อื้ม...ถ้าเป็นแบบนี้ยังไงก็คงเข้าไม่ได้หรอก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง...ถ้าเธอเป็นอลิซจริงๆล่ะก็"
"นัทซึเมะคุง!?"
ได้ยินเสียงแว่วของยัยหัวสาหร่ายดังขึ้นเหมือนกำลังห้าม อีกฝ่ายไม่สนใจหันไปมองทางหน้าต่าง เธอหันไปมองตามอย่างสงสัย
"ป่าทางทิศเหนือที่เห็นจากตรงนี้ ถ้าผ่านตรงนั้นไปถึงแผนกม.ปลายได้อย่างปลอดภัยแล้วเหลือรอยเท้าไว้ได้ล่ะก็..."
กระตุกมุมปาก แววตาสีเพลิงหรี่ลงท้าทาย
"ฉันจะยอมรับความสามารถแท้จริงของเธอ"
...
ป่าเหนือ?
ฉันกระพริบตาเล็กน้อย ทำไมรู้สึกคุ้นชื่อจังเลย เคยได้ยินมาจากไหนงั้นเรอะ?
'ความรู้สึกคุ้นเคยมาอีกแล้ว..' ที่นี้จะต้องมีเหตุเกี่ยวกับความทรงจำของเธออยู่แน่นอน... มิกะคิดในใจพร้อมตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
ประธานห้องก้าวมาข้างหน้าทันทีเมื่อได้ยินนัทซึเมะพูดข้อเสนอสุดยากแบบนั้นขึ้นมา
"เรื่องนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก! ป่านั้นอันตรายมากเลยนะ ขนาดเด็กอลิซยังถูกห้ามไม่ให้เข้าไปเลย..."
'เอ๋ เด็กอลิซห้ามเข้าไป...มันอันตรายมากเลยเหรอ' มิคังทำหน้าตกใจก่อนจะยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อนัทซึเมะถามขึ้นมา
"จะทำมั้ย?"
"ทำสิ"
เด็กหญิงผมสีน้ำตาอ่อนผิวขาวอมชมพูตอบโดยไม่ลังเล ทำให้มิคังตื่นตระหนกเธอคิดจะพูดอะไรบางอย่าง
"มิกะ..." มิคังแสดงสีหน้าเป็นห่วง
กึก
เมื่อสบกับดวงตาสีฟ้าสดใสของมิกะที่หันมามอง ภายในแววตาคู่นั้นดูบริสุทธิ์ไม่มีความลังเลใดๆ
ส่วนหนึ่งที่ดูบริสุทธิ์ขนาดนั้นเพราะอีกฝ่ายสูญเสียความทรงจำไป
คงไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเด็กหญิงที่เก่งกาจคนนี้จะเป็นเพียงแค่ลูกแกะตัวเล็ก ที่เหมือนเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงแค่สองปีกว่าๆ
ทำให้มิคังเงียบลงก่อนครู่หนึ่งจะพยักหน้าเห็นด้วย
ถึงแม้ภายในดวงตาสีน้ำตาลจะมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ความกล้าได้กล้าเสี่ยงนั้นมิคังก็ไม่มีน้อยไปกว่ามิกะเลย!
เพราะมิคังก็รู้ว่านี้มันคือทางเลือกสุดท้ายแล้วถ้ายังไม่อยากโดนไล่ออกจากโรงเรียน
"ฉันก็จะทำด้วย! ฉันจะปกป้องมิกะเอง" มิคังตะโกนบอกพร้อมจับมือน้องสาวฝาแฝดแน่น ดวงตาสีฟ้างดงามหันไปมองปริบๆก่อนจะค่อยๆยิ้มอ่อนโยน
"...."
นัทซึเมะมองสองฝาแฝดเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวขึ้นเพิ่มเติม
"ก็ดี เห็นว่ามาใหม่ทั้งสองยังไม่คุ้นเคยอะไร ฉันอนุญาตให้พาเพื่อนไปนำทางได้เป็นพิเศษ"
เป็นอีกครั้งที่รูกะมองนัทซึเมะเพื่อนสนิทตัวเองแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดหรือแย้งอะไร
หลังจากตัดสินใจเสร็จเรียบร้อย
โฮตารุไม่รอให้สองฝาแฝดเดินมาหา อีกฝ่ายเดินมาหาเองพร้อมหนังสือเล่มหนาในมือ
"โฮจัง?" มิกะมองหญิงสาวเย็นชาที่เดินเข้ามา
"จริงสิพวกเธอ เข้าไปที่นั่นอาจจะลำบากหน่อยนะ... เอานี้ติดตัวไป" โฮตารุเดินมาตรงหน้าฉันกับมิคังก่อนจะยื่นหนังสือปกแข็งเล่มหนาเตอะมาไว้ในมือมิคัง
"ขอบใจนะ โฮตารุ!" มิคังดีใจยิ้มเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิทสุดที่รักทันที ก่อนที่จะได้ตรวจสอบดูหนังสือในมือเธอก็โดนมิกะสะกิด
"มิคัง...โฮจังกำลังวิ่งหนีไปแล้ว.."
เอ๋?
เมื่อมิคังเงยหน้าขึ้นมามองตามนิ้วมือเรียวเล็กของมิกะไป ก็พบว่าโฮตารุกำลังวิ่งหนีออกนอกห้องไปแล้ว!
"โฮตารุ!?"
......
ผ่านไปสิบนาที
สองฝาแฝดซากุระก็ไล่จับอิมาอิสำเร็จ โดยฉันวางเงินที่เหลือจากการเดินทางไว้บนทางเดิน โฮตารุก็เดินเข้ามาให้จับทันที
นี้แหละจุดอ่อนของโฮตารุละ...
ถึงโฮตารุจะรู้ว่าค่าเงินเยนมันใช้กับที่โรงเรียนอลิซไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าออกไปข้างนอกจะไม่ได้มีโอกาสได้ใช้...
ด้วยความเห็นแก่เงินจึงโดนมิกะและมิคังที่ดักรออยู่ตะครุบเหยื่อ ก่อนทั้งสองคนจะลากพาโฮตารุเดินตามประธานห้อง ที่อาสาจะไปด้วยเพราะเป็นห่วงที่ให้เด็กผู้หญิงสองคนเข้าป่าไปเพียงลำพัง
ด้วยประการเช่นนี้เอง...เด็กทั้งสี่คนจึงพากันเดินไปที่ป่าทางเหนือ โดยมีเด็กสาวนัยน์ตาสีม่วงขมวดคิ้วมุ่ยไม่พอใจอยู่เบื้องหลังก็ตามที...
ณ ห้องพักครู
"หุหุ คงเริ่มกันแล้วละมั้ง การทดสองเข้าเรียนของจริง เป็นไปตามคาดหมาย" เสียงฟังดูสนุกของชายหนุ่มผมบลอนด์ผู้มีใบหน้างดงาม กำลังเอนกายจิบชาในมือบนโชฟาในห้องพักเหล่าอาจารย์
"นัทซึเมะคุงเป็นเด็กฉลาด จะต้องรู้สึกบางอย่างกับพวกเธอ และก็จะต้องประเมินพวกเธอด้วยวิธีแบบนี้แน่" นารุมิพูดสิ่งที่คาดหมายเอาไว้ สายตานั่นก็มองเหล่าเด็กๆในลูกแก้วที่กำลังเดินทางไปป่าทางเหนือ
โดยมีอาจารย์สาวผู้มีอลิซเป็นตาทิพย์แห่งโรงเรียนอลิซเป็นผู้ควบคุมลูกแก้วพยากรณ์ เจ้าของฉายามาดมัวแซลเซรีน่า หรือชื่อจริงคือ ยามาดะ เซรินะ
"วิธีการของนาย เดียวนัทซึเมะก็แค้นนายหนักเข้าไปอีกหรอก ถ้าเขารู้ขึ้นมา... ฉันไม่รู้ด้วยหรอกนะ" มิซากิถอนหายใจเอือมระอา ในใจก็สวดมนต์ให้เหล่าเด็กๆที่ไปป่าทางทิศเหนือให้กลับมารอดปลอดภัย
"นั่นเป็นสิ่งที่ผมบอกแต่ว่ากำหนดการที่แท้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะมีวิธีการจัดการกับเด็กมีปัญหา อย่างนัทซึเมะคุงได้หรือเปล่า" นารุมิพูดยิ้มๆ
"นายมันปีศาจ..." มิซากิพึมพำเสียงเบา
"นี่นารุ มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ เพียงแค่ทดสอบนักเรียนใหม่ถึงกับให้ไป'ป่าทางเหนือ' ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา.." หญิงสาวตาทิพย์เอ่ยเว้นเสียงเบาอย่างที่รู้ๆกันอยู่
นารุมิยิ้มให้แก่เพื่อนร่วมงานขึ้นมาทันที
"ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาฉันจะรีบไปช่วยทันทีแน่นอน!" ตอบกลับให้ทั้งสองคนคลายใจด้วยท่าทางสบายๆ
"อีกอย่างมันไม่เพียงแค่นั้นหรอกนะ....โดยเฉพาะสำหรับนัทซึเมะคุง" ปลายนิ้วสัมผัสถ้วยชาแผ่วเบาจนเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กน้อย
ดวงตาสีม่วงเย้ายวนหลุบลงอย่างคาดหวัง
"เพราะพวกเธออาจจะกลายเป็นกุญแจสำคุญในการจัดการเรื่องต่อไปเลยก็ได้..."
++++++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++++++
ไม่ว่างเลยอ่ะ ต้องทำงานให้ลูกค้า หายไปอย่าแปลกใจ
#กลับมาต่อแล้วววว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น