ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยาย gakuen alice วัยซนคนมีพลังจิต(นัทซึเมะxOC)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่5 : ท้าทาย...100%

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63





    ****

    หลังจากจัดการเด็กหัวเกรียนในห้องไป ทุกคนในห้องก็นิ่งเงียบสงัน ยกเว้นมิคังที่ทำหน้าภาคภูมิใจมากที่มิกะได้แสดงฝีมือเธอออกไป 

    'เห็นหรือยัง! น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอดเยี่ยมขนาดไหน!?' 

    ขณะที่เด็กหญิงผมสีน้ำตาลและตาสีช็อกโกแลตกำลังโม้อยู่ในใจ มิกะกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น 

    'เผลอทำเรื่องยุ่งยากซะแล้วสิ' มิกะยังไม่ลืมว่าพวกเรามาที่นี่ในวันนี้เพราะอะไร อาจารย์นารุมิบอกว่าให้พวกเราเข้ากับเพื่อนในห้องให้ได้นี่นา

    ไม่อยากจะทำเลยนะ...แต่ก็ ..เพื่อมิคังด้วย

    เธอหันไปมองทุกคนก่อนจะหลุบตาโค้งตัวลง ทำให้มิคังตกใจ ร่วมถึงคนอื่นๆที่แสดงสีหน้าแปลกใจ นัทซึเมะและรูกะก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา 

    เด็กผู้หญิงที่ดูมีพลังเมื่อกี้กำลังโค้งคำนับให้ทุกคนอยู่...

    มิกะที่สามารถยืดได้ก็สามารถหดได้ เธอไม่สนใจสายตาของคนในห้อง หรือยึดมั่นในศักดิ์ศรีเหมือนมิคังที่มีแต่จะทำให้เรื่องมันดูยุ่งยากมากขึ้น บางครั้งบางคราวเราควรที่จะปล่อยผ่าน ยอมเป็นคนถอยหลังมาสักครึ่งก้าว เพื่อให้เรื่องเล็กๆผ่านไปได้ง่าย  

    สิ่งที่เธอมาที่นี่ก็เพราะอย่างเดียว.... 

    "ฉันต้องขอโทษแทนทุกคนด้วย ฉันและพี่สาวของฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้พวกคุณต้องโกรธ เรื่องอลิซนั้นพวกเราไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ... แต่อาจารย์นารุมิเป็นคนยืนยันที่พบว่าพวกเรามีอลิซ แล้วได้พาเรามาที่นี่" 

    ดวงตาสีฟ้าบริสุทธิ์เงยหน้าขึ้นมองทุกคน ริมฝีปากสีอ่อนนั้นคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน

    "แต่ฉันสัญญาว่าระหว่างนี้พวกเราจะพยายามค้นหาอลิซของตัวเองอย่างแน่นอน ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะทุกคน" 

    เด็กสาวน่ารักเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน ทำให้คนในห้องที่กำลังเดือดเริ่มอ่อนลง

    ....

    เงียบไปเนินนาน ก็ค่อยๆมีคนกล้าพูดขึ้น

    "มันก็..ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นหรอก" เสียงซุบซิบของใครบางคนพูดขึ้นมา ก่อนเริ่มมีคนพูดว่าใช่แล้วซุบซิบขึ้นมาเหมือนกัน  

    "ฉันก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น..." นายหัวเกรียนที่หลบอยู่มุมก็เอ่ยขึ้นมาอุบอิบ แต่เพราะห้องเงียบจึงได้ยิน เรียกรอยยิ้มหวานของมิกะมากขึ้น 

    'สมกับเป็นมิจัง' โฮตารุที่แสร้งทำเป็นเปิดหนังสืออ่านหน้าเดิมอยู่เนินนาน ไม่มีใครเห็นว่ามุมปากสวยยกขึ้นยิ้มเล็กน้อย 

    มิคังก็สามารถสังเกตเห็นได้ ทุกคนที่ทำหน้าระแวงระวังเมื่อกี้ พวกเขาเริ่มดูอ่อนลงมากขึ้น ทำให้มิคังเริ่มคิดขึ้นได้

    จริงสินะ.. เราลืมการสอบของอารจารย์ไปเลย  เธอแอบส่งสายตาสำนึกผิดไปยังแฝดน้องสาว มิกะกระปริบตายิ้มๆให้มิคังอย่าได้คิดมาก เพราะเธอก็อดทนไม่ไหวลงมือไปด้วยเหมือนกัน

    'แมวน้อยอย่างเธอนี่นะจะกลายเป็นเสือไปได้ยังไงกัน! มันก็แค่ฟลุ๊คเท่านั้นแหละ' โชดะมองมิกะที่ก้มหน้าขอโทษทุกคนไม่เหมือนท่าทีน่ากลัวเมื่อกี้ เธอก็เริ่มใจกล้ามากขึ้น

    "จริงเรอะ แล้วหลักฐานอยู่ที่ไหนกันล่ะ?" โชดะยิ้มเหยียดขึ้นเล็กน้อยพร้อมเอ่ยอย่างดูถูก "แค่คำพูดน่ะเชื่อไม่ได้หรอกนะ!" 

    "ใช่แล้ว อย่างที่คุณโชดะพูด ลมปากน่ะใครๆก็พูดได้" เสียงส่งเสริมดังมาจากลูกสมุนของโชดะ เด็กหญิงผมสั้นออกม่วงเล็กน้อย มัดผมจุกบนหัวฝั่งขวาด้วยยางมัดผมรูปบอลกลมสีชมพู 

    "หรือว่านะยัยพวกนี้อาจจะหลอกครูนารุมิว่าตัวเองมีอลิซและแอบเข้าโรงเรียนมาก็ได้ พนันได้เลยว่าพวกเธอจะต้องใช้เทคนิคกลโกงอะไรสักอย่างมาแน่ๆ" 

    ปึด 

    เสียงเส้นสติของมิคังขาด เธอไม่อยากให้ใครมากล่าวหาน้องสาวสุดที่รักของเธอ มิกะที่สูญเสียความทรงจำน่ะ บริสุทธิ์กว่าใครเสียอีกเธอรู้ดี! 

    "ยังจะหาหลักฐานอะไรอีกล่ะ ที่มิกะพูดมาคือความจริงทั้งนั้น! น้องสาวของฉันไม่ได้โกหก! เห็นพูดอลิซๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อลิซมันวิเศษขนาดนั้นเลยเรอะ" 

    มิคังชี้นิ้วใส่ยัยหัวสาหร่ายและลูกสมุนด้วยท่าทางโมโห 

    "แน่นอนอยู่แล้วสิ! ยิ่งใหญ่มากเลยล่ะ!" โชดะพูดเสียงมั่นใจ จนมิคังหยุดกึกทำหน้าเหลอหรา "ยิ่งใหญ่...อะไรนะ?"

    "ดูเหมือนเธอจะไม่รู้อะไรเลยสินะ...เฮ้อ งั้นฉันจะบอกให้เอาบุญ พวกเราชาวอลิซน่ะเป็นปัญญาชนชั้นพิเศษ ที่ได้รับการยอมรับการดูแลจากรัฐบาลญี่ปุ่นเชียวนะ" 

    'ชนชั้นพิเศษ?' ฉันมองโฮตารุที่เหมือนไม่ได้สนใจอะไร และมองนัทซึเมะที่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำแย้งเหมือนกัน...

    ทำไมล่ะ?

    'ถ้าพิเศษขนาดนั้นทำไมหมอนี้จะต้องพยายามหนีออกมาด้วยล่ะ?' มิกะเริ่มคิดว่าสิ่งที่ยัยหัวสาหร่ายพูดมานั้นไม่จริงเลย มันต้องมีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้น 

    "ถ้าใช้อลิซในสถานที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็จะสร้างสรรค์ผลงานมากมายในหลายๆสาขา เช่นวงการการเมือง ศิลปะ การศึกษา ผู้เชียวชาญเฉพาะทางของญี่ปุ่นเรียกได้ว่าประกอบไปด้วยอลิซกันทั้งนั้น

    "คนอื่น...นอกเหนือจากอลิซเป็นกาฝากที่คอยรับความเมตตาจากอลิซ ไม่ก็เป็นแค่มดงานที่ทำได้เป็นแค่มือเท้า พูดง่ายๆก็เป็นแค่เบี้ยล่างเท่านั้นแหละ"

    โชดะมองมิคังและมิกะที่ทั้งสองคนจับมือกันไว้ด้วยสายตาดูแคลน

    "เธอถามสินะว่าอลิซพิเศษยังไง เพราะพวกเราเป็นพวกถูกรับเลือกไงล่ะ! คุณค่าของพวกเรามันต่างจากสามัญชนทั่วไป ที่สามารถใช้แล้วทิ้งหาคนมาแทนที่เท่าไหร่ก็หาได้"

    "อลิซอะไรนั้นน่ะเหลวไหล!" มิคังหน้าแดงตะโกนอย่างเหลืออด มิกะที่ไม่ได้พูดอะไรแต่มือกำแน่น

    "ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสินะ แบบนี้สงสารคุณอิมาอิแย่เลย ที่ต้องไปปะปนกับคนทั่วไปในโรงเรียนเก่า คงจะลำบากมากสินะคะ?" 

    โชดะพูดพลางทำหน้าเห็นใจ มิคังและฉันหันไปมองโฮตารุที่กำลังหันหลังอ่านหนังสือไม่พูดอะไรแย้งสักคำ

    "โฮจัง.." เธอกระซิบเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก... มิคังก็เหมือนสติหลุดลอยไปแล้ว 

    "โฮตารุ..." ไม่มีทาง.. โฮตารุไม่เหมือนคนอื่นหรอก..ใช่มั้ย เรื่องของผู้คนในหมู่บ้านน่ะ และเรื่องของพวกเรา..

    มิคังคิดถึงคุณปู่และเพื่อนๆในโรงเรียน โฮตารุที่ทำตัวเย็นชาอยู่ตลอดเวลาแบบนั้น เพราะเธอพยายามอดทนอยู่งั้นเรอะ...?

    "....." มิกะรู้สึกถึงแรงสั่นในมือที่กุมไว้ของมิคัง เพราะอยู่ด้วยกันมานานเธอจึงรู้ว่าตอนนี้มิคังกำลังรู้สึกยังไง..

    "ถ้าอลิซวิเศษขนาดนั้น ทำไมพวกเธอบางคนถึงจะต้องพยายามหลบหนีจากที่นี่ด้วยล่ะ?" 

    ประโยคที่เอ่ยขึ้นมาอย่างสับพลันเรียกความสนใจจากทุกคน มิคังหันมามองน้องสาวที่ดูสงบเป็นคนเอ่ยประโยคคำถามนั้นไป แต่ไม่มีใครตอบได้

    'จริงด้วยสิ! ถูกอย่างที่มิกะพูดเลยนี่นา ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วยังมีคนที่ไม่ชอบที่นี่อยู่ด้วยนี่!'  มิคังเริ่มกลับมามั่นใจอีกครั้ง 

    แปลว่าอลิซก็ไม่ได้วิเศษดีเลิศขนาดนั้น!?

    "อะไรนะ?" โชดะแสดงหน้าเหลอหลาเหมือนยังไม่เข้าใจ แต่สีหน้าของเธอเหมือนกำลังถูกบางอย่างทุบอยู่ สีหน้ายิ่งแตกเป็นเสี่ยงมากขึ้น เมื่อมิกะเหลือบสายตาสื่อเป็นนัยๆ มองไปทางเด็กหนุ่มที่เป็นที่เคารพของทุกคนในห้อง 

    "....." นัทซึเมะก็เหลือบมองอย่างเฉยชาเมื่อทุกคนหันไปสนใจเขา รูกะเป็นคนเดียวที่ทำหน้าลำบากใจ 

    "ไม่จริงเหรอ?" มิกะยกยิ้มบางๆ "ถ้าที่นี่มันวิเศษวิโสขนาดนั้น... ทำไมนัทซึเมะจะต้องหลบหนีจากที่นี่ด้วยล่ะ? ทำไมพวกเขาถึงต้องเกลียดโรงเรียน" 

    เธอชี้นิ้วไปทางนัทซึเมะและนายหัวเกรียนที่หลบอยู่แถวนั้น ปกติเธอไม่ค่อยชี้นิ้วใส่ใครหรอกนะ เพราะมิคังและคุณปู่บอกว่ามันไม่ดี(ถึงแม้ฉันจะเห็นมิคังทำอยู่ตลอดก็เถอะ..) 

    แต่เพราะยัยหัวสาหร่ายนี้เหมือนจะเป็นแฟนคลับของหมอนั่นนี่นา 

    "เหลวไหลน่า! เรื่องแบบนั้นคุณนัทซึเมะเขา...อะ เอ่อ" โชดะพูดไม่ออก รู้สึกอับอายอย่างสับพลัน เธอไม่รู้เรื่องอะไรของคุณนัทซึเมะมากเลยนี่นา 

    "พวกเรากำลังพูดถึงอลิซของพวกเธออยู่ดีๆ ทำไมถึงมาเรื่องนี้กันได้ล่ะ! ยอมรับมาเถอะน่า ว่าพวกเธอไม่มีหลักฐานแสดงอลิซ รีบๆออกไปจากโรงเรียนได้แล้วคนหน้าไม่อาย!" โชดะโวยวายเสียงดังเมื่อตอบคำถามไม่ได้  

    ฉันถอนหายใจ

    "มิคัง"

    "เอ๋"

    มิคังที่กำลังตื่นเต้นกับการเห็นยัยหัวสาหร่ายอับอาย หันมาเพราะเสียงเรียกของมิกะ 

    "ถ้าพวกเขาบอกให้เธอยอมแพ้เพราะเรื่องอลิซ เธอจะยอมแพ้แล้วออกจากโรงเรียนนี้หรือเปล่า?" 

    ดวงตางดงามสีฟ้าครามเป็นประกายระยิบระยับ มองสบดวงตาสีช็อกโกแลตปริบๆดูไร้เดียงสา 

    "มะ ไม่...ไม่มีทางหรอก!" มิคังทำหน้างงตอนแรกก่อนจะเข้าใจ เธอตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ขนาดน้องสาวเธอยังไม่ยอมแพ้ ฉันจะมาหวั่นไหวเพียงเพราะประโยคไม่กี่คำของพวกเขาไปได้ยังไง! 

    'ไม่มีทางซะหรอก!' เหลือบตามองนัยน์ตาสีฟ้าที่ดูคาดหวัง 

    น่ารัก~ อารมณ์หดหู่ของมิคังเริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง น้องสาวของฉันแสดงสีหน้าคาดหวังแบบนั้นช่างดูน่ารักเหลือเกิน 

    "ฉันไม่ออกเด็ดขาด ฉันเป็นอลิซเหมือนกัน! ถึงแม้ฉันจะไม่มีพลังเหนือธรรมชาติแต่ฉันก็เป็นอลิซด้วย นั้นเพราะอาจารย์นารุมิเป็นคนบอกว่าพวกเราเป็นอลิซ ฉันเชื่อในการตัดสินใจของอาจารย์!"

    "!?"

    ทุกคนอ้าปากค้าง ท่าทีของอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังยอมแพ้ไปแล้ว ทำไมอยู่ๆถึงได้ฮึดขึ้นมาได้กันล่ะ 

    ".... "เด็กหนุ่มดวงตาสีแดงเพลิงหรี่ตามองหญิงสาวเบื้องหน้าผู้ที่ทำให้แฝดพี่กลับมาดื้อด้านอีกครั้ง ครั้งที่อีกนิดเดียวฝ่ายนั้นกำลังจะยอมแพ้ไปแล้ว... 

    เป็นประเภทที่เขาเกลียด

    ทำไมถึงไม่ยอมแพ้

    "หยุดอ้างว่าตัวเองเป็นอลิซทั้งที่พิสูจน์ตัวเองไม่ได้ไปหน่อยเลย! พวกเธอทั้งคู่น่ะไม่มีทางเป็นอลิซไปได้หรอก! โดยเฉพาะเธอดีแต่คำพูด! เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาที่เป็นมดแรงงานเหมือนกัน"

    ปลายนิ้วของเด็กสาวผมเขียวชาชี้ไปยังคนที่เธอเกลียดมากที่สุด มิกะที่ถูกต่อว่าและโดนชี้นิ้วใส่ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย แต่เป็นมิคังเสียอีกที่โมโหขึ้นมาแทน

    "หยุดว่าน้องสาวฉันนะ!"

    มิคังเอาตัวมาบังด้านหน้าของน้องสาวตัวเอง พร้อมชี้นิ้วใส่กลับไป 

    "ฉันไม่เห็นว่าอลิซจะดีกว่าคนอื่นตรงไหนเลย ถ้าหากพวกเธอมีคนที่เหนือกว่ามาเมื่อไหร่ล่ะก็ นิสัยเสียแบบพวกเธอที่มันงี่เง่า! หัวไม่ดีแบบนั้นสักวันก็คงจะถูกเปลี่ยนตัวเหมือนกันนั้นแหละ!" 

    คำพูดแต่ละคำของมิคังเหมือนเป็นลูกดอกอาบยาพิษที่แทงใจดำเด็กอลิซคนอื่นในห้อง ทำให้เด็กบางคนเหมือนถูกจุดประกายไฟ

    "ว่ายังไงนะ! เธอมันก็แค่อิจฉาที่พวกเรามีอลิซล่ะสิ" เด็กผู้ชายอวบๆและมีจมูกรั้นเหมือนหมูลุกพูดขึ้นมา ประโยคหลงตัวเองแบบนั้นทำมิคังชะงัก มิกะหลบออกจากหลังของมิคัง 

    "เธอรู้แต่ใช้อลิซได้... แต่พวกเธอไม่รู้จำคำว่า'ความพยายาม'เพื่อใช้ชีวิตอย่างเต็มทีเพื่อมันเลย ไปเอาความคิดบ้าๆที่ไหนมาใส่ในสมองน่ะ" 

    มิกะทนไม่ไหวจนต้องออกมาพูด คำสอนสั่งของคุณปู่เธอยังจำได้ขึ้นใจ ไม่มีความสำเร็จครั้งไหนที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม

    มิกะเหลือบมองไปที่นายอ้วนคนนั้น โฮตารุที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เบิกตาขึ้นเล็กๆ เหมือนประโยคจุดไหนได้ไปทิ่มแทงเธอ... ร่วมไปถึงนัทสึเมะที่นิ่งค้างมองอีกฝ่ายไม่กระพริบ รูกะมองเพื่อนสนิทของเขาอย่างแปลกใจ 

    "ใช่แล้ว! ไม่มีอะไรเลยนอกจากอลิซ เธอก็เป็นเพียงแค่คนตื้นเขินเท่านั้นแหละ สิ้นหวังยึดติดแต่กับอลิซของตัวเอง" มิคังเห็นดีเห็นงาน เธอพูดต่อเมื่อเห็นโชดะดูหน้าเสียไปแล้ว ร่วมถึงเด็กผู้ชายอ้วนนั้นด้วย

    "ยัยนี่!" เด็กอ้วนยกกำปั้นขึ้นวิ่งตรงไปยังมิคัง ถึงแม้มิกะจะพูดด้วยเหมือนกันแต่เพราะได้เห็นการจับทุ่มของมิกะไปหมาดๆจึงไม่กล้าทำอะไรเธอ 

    "อ๊ะ!?"

    เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัวจึงหลบไม่ทัน มิคังหลับตาปี้...! ทันใดนั้นมิกะแสดงสีหน้าตื่นตระหนกรีบวิ่งเข้ามาขวางไว้  

    หมัดใหญ่นั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามาบนใบหน้าของมิกะแทน นัยน์ตาสีฟ้าทะเลหลับลง...


    ผัวะ!?

    เสียงแรงกระทบกันเสียงดัง พร้อมร่างที่ร่วงลงไปกองกับพื้นดังตุบ...

    "อิ...อิมาอิซัง?" ใบหน้าของเด็กผู้ชายร่างใหญ่บวมแดงอย่างสับสน  

    ร่างกายขยับไปไวกว่าสมอง ถุงมือเวอร์ชั่นเท้ากวางของใครบางคนยังคงค้างอยู่ท่าชกกลางอากาศ

    "!?"

    เอ๊ะ!?

    ทุกคนในห้องต่างตกใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน เมื่ออยู่ๆเด็กสาวผมดำสั้นผู้เย็นชาของห้อง มีใบหน้างดงามไร้อารมณ์มาตลอด 

    กำลังใช้สายตาสีม่วงเย้ายวนใจนั้น ขมวดคิ้วหรี่ตาดุลงมา คนที่หมายจะปองร้ายเพื่อนทั้งสองของตัวเอง 

    "อิมาอิซัง!?" ดวงตาเบิกกว้างขึ้น โชดะทำหน้าเหลือเชื่อ มองไปยังเด็กสาวร่างบางที่กำลังยืนปกป้องอยู่ด้านหน้าของสองฝาแฝดไม่ยอมขยับออกไปไหน 

    "โฮตารุ!/โฮจัง!"

    มิคังและมิกะอุทานด้วยสายตาวาวแสง โฮจังตอนนี้แสดงสีหน้าเย็นชาเหมือนปกติ แต่เพราะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานาน พวกเธอทั้งคู่จึงรู้ว่าอารมณ์ของหญิงสาวตอนนี้กำลังโมโหสุดๆ!

    "ขอโทษนะ" โฮตารุพูดเสียงเรียบในมือยังไม่ได้ถอดเท้ากวางออก แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่มีทางถอย 

    "แต่คนที่จะทำให้ยัยนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งได้มีแค่ฉันเท่านั้น อย่าเข้ามายุ่งโดยพลการนะ" โฮตารุกล่าวเสียงราบเรียบ ใบหน้าเฉยชานั้นช่างดูเท่บาดใจเหลือเกิน

    มิคังแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจอย่างขัดเขิน เพราะความหวาดกลัวทำให้เธอน้ำตาซึม มิกะเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะชะงักกึกเมื่อโฮตารุพูดขึ้นเสียงเด็ดขาด 

    "และใครก็ตามที่กล้าทำร้ายใบหน้าของมิจัง ต้องข้ามศพฉันไปก่อน" 

    สายตาโฮตารุที่แสดงออกว่าจริงจังมาก ทุกคนในห้องทำหน้างง 

    ส่วนมิกะและมิคังถอนหายใจพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย...สมกับเป็นโฮตารุ... ยังคงชอบคนที่หน้าตาดีเหมือนเดิม

    ในห้องที่พากันเงียบอย่างสับพลัน โฮตารุเหมือนเพิ่งรู้สักตัว เด็กสาวถอนหายใจยาว...

    "ให้ตายสิ...แบบนี้ฉันก็พลาดรางวัลนักเรียนดีเด่นแล้วน่ะสิ" นัยน์ตาสีม่วงลึกลับหลุบลง เอ่ยเสียงนิ่งแฝงความผิดหวัง

    "แล้วก่อนหน้านี้ฉันอดทนไปเพื่ออะไรกัน..'คูปองอาหารหนึ่งเดือนที่เซ็นทรัลทาวน์'แล้วก็...สิทธิ์กลับบ้านเดิมตัวเองหนึ่งอาทิตย์'"

    .....

    ฉันและมิคังเงยหน้าขึ้นมองโฮตารุอย่างตกใจ พวกเราไม่รู้มาก่อนเลยว่า... ที่โฮตารุพยายามไม่คุยกับพวกเราขนาดนี้เพราะเรื่องนี้เองเหรอ... 

    เพื่อสิทธิ์ที่จะได้กลับบ้านตัวเอง...

    "เรื่องที่ฉันกลับไปไม่ได้พวกเธอต้องไปขอโทษพ่อแม่ของฉันด้วยนะ ..."

    โฮตารุเหลือบมองใบหน้าทั้งคู่ก่อนจะหันหลังกล่าว 

    "แต่เรื่องที่พวกเธอมาพบด้วยตัวเองนี่... มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเหนือการคำนวณจริงๆ เห็นแก่ที่พวกเธอต้องเสียแรงเสียเวลา คราวนี้จะยกโทษให้เป็นกรณีพิเศษ แล้วเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่"

    "โฮจัง.." ฉันยิ้มพร้อมกับมิคังที่ทำท่าจะไปกอดโฮตารุด้วยความรัก แต่โฮตารุพูดขึ้นเสียงหงุดหงิดเสียก่อน

    "แต่ว่าเรื่องคูปองอาหารถือว่าติดหนี้แยกต่างหาก" 

    ฉันและมิคังยิ้มค้าง ถึงจะพูดประโยคนี้มาหลายครั้งแล้วแต่ว่า...

    ..สมกับเป็นโฮตารุ..

    ก่อนวินาทีต่อมาจะโผเข้าเกาะด้านหน้าและด้านหลังของโฮตารุแน่น จนอีกฝ่ายร้องแอ๊กเพราะจุก

    "ช่างมันเถอะยังไงก็ชอบโฮตารุที่สุด เลิฟฟฟ" 

    "รักโฮจังนะ~"

    "...." โดนบอกรักทั้งคู่ โฮตารุถอนหายใจก่อนจะยื่นมือสองข้างขึ้นมาลูบหัวของทั้งคู่ เหมือนลูบหัวแมวลูบหัวหมา

    สองฝาแฝดกำลังแสดงความรักต่อหน้าโชดะที่หน้าแดงเพราะโมโหจัด 

    "ทนไม่ไหวแล้วนะ นัทซึเมะคุง! รูกะคุง! ทำอะไรสักอย่างหน่อยสิ!!" 

    เธอหันไปฟ้องเด็กหนุ่มรูปงามสองคนในห้องที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น เหมือนว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลยสักนิด


    "......"

    นัทซึเมะหลุบตาลงก่อนจะลืมขึ้นมาใหม่ นัยน์ตาคมสีแดงดูเย็นชา รูกะมองนัทซึเมะรออีกฝ่ายตัดสินใจ

    "นี่ ยัยลูกไม้"

    "ฉันชื่อมิกะ"

    ใครลูกไม้ของนายไม่ทราบ!

    นัยน์ตาสีฟ้าหงุิดหงิดหันมามองอีกฝ่ายสื่อถามว่ามีอะไร มิคังที่อยู่ข้างๆก็แปลกใจ คิดไปเองหรือเปล่านะ รู้สึกเหมือนมิกะเริ่มแสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากขึ้น 

    "ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ถ้าเธอปรับตัวเข้ากับห้องนี้ไม่ได้ ก็จะไม่ได้เข้าเรียนอย่างเป็นทางการสินะ"

    "!?" ทำไมถึงรู้ได้  มิกะและมิคังแสดงสีหน้าตื่นตกใจ ก่อนจะสังเกตเห็นนายหน้ายิ้มข้างๆอีกฝ่าย อา...โดนอ่านใจ...

    "อื้ม...ถ้าเป็นแบบนี้ยังไงก็คงเข้าไม่ได้หรอก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง...ถ้าเธอเป็นอลิซจริงๆล่ะก็"

    "นัทซึเมะคุง!?"

    ได้ยินเสียงแว่วของยัยหัวสาหร่ายดังขึ้นเหมือนกำลังห้าม อีกฝ่ายไม่สนใจหันไปมองทางหน้าต่าง เธอหันไปมองตามอย่างสงสัย

    "ป่าทางทิศเหนือที่เห็นจากตรงนี้ ถ้าผ่านตรงนั้นไปถึงแผนกม.ปลายได้อย่างปลอดภัยแล้วเหลือรอยเท้าไว้ได้ล่ะก็..." 

    กระตุกมุมปาก แววตาสีเพลิงหรี่ลงท้าทาย

    "ฉันจะยอมรับความสามารถแท้จริงของเธอ"


    ...

    ป่าเหนือ? 

    ฉันกระพริบตาเล็กน้อย ทำไมรู้สึกคุ้นชื่อจังเลย เคยได้ยินมาจากไหนงั้นเรอะ? 

    'ความรู้สึกคุ้นเคยมาอีกแล้ว..'  ที่นี้จะต้องมีเหตุเกี่ยวกับความทรงจำของเธออยู่แน่นอน... มิกะคิดในใจพร้อมตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

    ประธานห้องก้าวมาข้างหน้าทันทีเมื่อได้ยินนัทซึเมะพูดข้อเสนอสุดยากแบบนั้นขึ้นมา 

    "เรื่องนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก! ป่านั้นอันตรายมากเลยนะ ขนาดเด็กอลิซยังถูกห้ามไม่ให้เข้าไปเลย..."

    'เอ๋ เด็กอลิซห้ามเข้าไป...มันอันตรายมากเลยเหรอ'  มิคังทำหน้าตกใจก่อนจะยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อนัทซึเมะถามขึ้นมา

    "จะทำมั้ย?" 

    "ทำสิ"

    เด็กหญิงผมสีน้ำตาอ่อนผิวขาวอมชมพูตอบโดยไม่ลังเล ทำให้มิคังตื่นตระหนกเธอคิดจะพูดอะไรบางอย่าง 

    "มิกะ..." มิคังแสดงสีหน้าเป็นห่วง

    กึก

    เมื่อสบกับดวงตาสีฟ้าสดใสของมิกะที่หันมามอง ภายในแววตาคู่นั้นดูบริสุทธิ์ไม่มีความลังเลใดๆ 

    ส่วนหนึ่งที่ดูบริสุทธิ์ขนาดนั้นเพราะอีกฝ่ายสูญเสียความทรงจำไป 

    คงไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเด็กหญิงที่เก่งกาจคนนี้จะเป็นเพียงแค่ลูกแกะตัวเล็ก ที่เหมือนเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงแค่สองปีกว่าๆ 

    ทำให้มิคังเงียบลงก่อนครู่หนึ่งจะพยักหน้าเห็นด้วย

    ถึงแม้ภายในดวงตาสีน้ำตาลจะมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ความกล้าได้กล้าเสี่ยงนั้นมิคังก็ไม่มีน้อยไปกว่ามิกะเลย!

    เพราะมิคังก็รู้ว่านี้มันคือทางเลือกสุดท้ายแล้วถ้ายังไม่อยากโดนไล่ออกจากโรงเรียน

    "ฉันก็จะทำด้วย! ฉันจะปกป้องมิกะเอง" มิคังตะโกนบอกพร้อมจับมือน้องสาวฝาแฝดแน่น ดวงตาสีฟ้างดงามหันไปมองปริบๆก่อนจะค่อยๆยิ้มอ่อนโยน 

    "...."

    นัทซึเมะมองสองฝาแฝดเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าวขึ้นเพิ่มเติม

    "ก็ดี เห็นว่ามาใหม่ทั้งสองยังไม่คุ้นเคยอะไร ฉันอนุญาตให้พาเพื่อนไปนำทางได้เป็นพิเศษ"

    เป็นอีกครั้งที่รูกะมองนัทซึเมะเพื่อนสนิทตัวเองแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดหรือแย้งอะไร 

    หลังจากตัดสินใจเสร็จเรียบร้อย 

    โฮตารุไม่รอให้สองฝาแฝดเดินมาหา อีกฝ่ายเดินมาหาเองพร้อมหนังสือเล่มหนาในมือ

    "โฮจัง?" มิกะมองหญิงสาวเย็นชาที่เดินเข้ามา

    "จริงสิพวกเธอ เข้าไปที่นั่นอาจจะลำบากหน่อยนะ... เอานี้ติดตัวไป" โฮตารุเดินมาตรงหน้าฉันกับมิคังก่อนจะยื่นหนังสือปกแข็งเล่มหนาเตอะมาไว้ในมือมิคัง

    "ขอบใจนะ โฮตารุ!" มิคังดีใจยิ้มเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิทสุดที่รักทันที ก่อนที่จะได้ตรวจสอบดูหนังสือในมือเธอก็โดนมิกะสะกิด 

    "มิคัง...โฮจังกำลังวิ่งหนีไปแล้ว.." 

    เอ๋?

    เมื่อมิคังเงยหน้าขึ้นมามองตามนิ้วมือเรียวเล็กของมิกะไป ก็พบว่าโฮตารุกำลังวิ่งหนีออกนอกห้องไปแล้ว!   

    "โฮตารุ!?"

    ......

    ผ่านไปสิบนาที 

    สองฝาแฝดซากุระก็ไล่จับอิมาอิสำเร็จ โดยฉันวางเงินที่เหลือจากการเดินทางไว้บนทางเดิน โฮตารุก็เดินเข้ามาให้จับทันที 

    นี้แหละจุดอ่อนของโฮตารุละ...

    ถึงโฮตารุจะรู้ว่าค่าเงินเยนมันใช้กับที่โรงเรียนอลิซไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าออกไปข้างนอกจะไม่ได้มีโอกาสได้ใช้...

    ด้วยความเห็นแก่เงินจึงโดนมิกะและมิคังที่ดักรออยู่ตะครุบเหยื่อ ก่อนทั้งสองคนจะลากพาโฮตารุเดินตามประธานห้อง ที่อาสาจะไปด้วยเพราะเป็นห่วงที่ให้เด็กผู้หญิงสองคนเข้าป่าไปเพียงลำพัง 

    ด้วยประการเช่นนี้เอง...เด็กทั้งสี่คนจึงพากันเดินไปที่ป่าทางเหนือ  โดยมีเด็กสาวนัยน์ตาสีม่วงขมวดคิ้วมุ่ยไม่พอใจอยู่เบื้องหลังก็ตามที...


    ณ ห้องพักครู 

    "หุหุ คงเริ่มกันแล้วละมั้ง การทดสองเข้าเรียนของจริง เป็นไปตามคาดหมาย" เสียงฟังดูสนุกของชายหนุ่มผมบลอนด์ผู้มีใบหน้างดงาม กำลังเอนกายจิบชาในมือบนโชฟาในห้องพักเหล่าอาจารย์

    "นัทซึเมะคุงเป็นเด็กฉลาด จะต้องรู้สึกบางอย่างกับพวกเธอ และก็จะต้องประเมินพวกเธอด้วยวิธีแบบนี้แน่" นารุมิพูดสิ่งที่คาดหมายเอาไว้ สายตานั่นก็มองเหล่าเด็กๆในลูกแก้วที่กำลังเดินทางไปป่าทางเหนือ 

    โดยมีอาจารย์สาวผู้มีอลิซเป็นตาทิพย์แห่งโรงเรียนอลิซเป็นผู้ควบคุมลูกแก้วพยากรณ์ เจ้าของฉายามาดมัวแซลเซรีน่า หรือชื่อจริงคือ ยามาดะ เซรินะ 

    "วิธีการของนาย เดียวนัทซึเมะก็แค้นนายหนักเข้าไปอีกหรอก ถ้าเขารู้ขึ้นมา... ฉันไม่รู้ด้วยหรอกนะ" มิซากิถอนหายใจเอือมระอา ในใจก็สวดมนต์ให้เหล่าเด็กๆที่ไปป่าทางทิศเหนือให้กลับมารอดปลอดภัย

    "นั่นเป็นสิ่งที่ผมบอกแต่ว่ากำหนดการที่แท้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะมีวิธีการจัดการกับเด็กมีปัญหา อย่างนัทซึเมะคุงได้หรือเปล่า" นารุมิพูดยิ้มๆ 

    "นายมันปีศาจ..." มิซากิพึมพำเสียงเบา 

    "นี่นารุ มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ เพียงแค่ทดสอบนักเรียนใหม่ถึงกับให้ไป'ป่าทางเหนือ' ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา.." หญิงสาวตาทิพย์เอ่ยเว้นเสียงเบาอย่างที่รู้ๆกันอยู่ 

    นารุมิยิ้มให้แก่เพื่อนร่วมงานขึ้นมาทันที 

    "ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาฉันจะรีบไปช่วยทันทีแน่นอน!" ตอบกลับให้ทั้งสองคนคลายใจด้วยท่าทางสบายๆ 

    "อีกอย่างมันไม่เพียงแค่นั้นหรอกนะ....โดยเฉพาะสำหรับนัทซึเมะคุง" ปลายนิ้วสัมผัสถ้วยชาแผ่วเบาจนเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กน้อย 


    ดวงตาสีม่วงเย้ายวนหลุบลงอย่างคาดหวัง


    "เพราะพวกเธออาจจะกลายเป็นกุญแจสำคุญในการจัดการเรื่องต่อไปเลยก็ได้..."






    ++++++++++++++++++++++++++100%+++++++++++++++++++++++++++++

    ไม่ว่างเลยอ่ะ ต้องทำงานให้ลูกค้า หายไปอย่าแปลกใจ

    #กลับมาต่อแล้วววว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×