ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยาย gakuen alice วัยซนคนมีพลังจิต(นัทซึเมะxOC)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่4: ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนB

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 63





    ***


    "อย่าเอาหน้าเลอะๆเข้ามาใกล้ฉันนะ มิคังที่ฉันรู้จักน่ารักกว่านี้ตั้งเยอะ"

    โฮตารุหลบหลังมิกะเพื่อป้องกันไม่ให้มิคังจู่โจมเข้ามา มิคังชะงักไปก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาและน้ำมูก แต่น้ำตาก็ยังคงไหลอยู่เหมือนเดิม เด็กหญิงจึงดึงแก้มตัวเองจนยืดเพื่อบังคับฉีกยิ้มทั้งน้ำตา

    "..ถะ ถ้าแบบนี้ล่ะ โฮตารุ ฉันขอกอดเธอจะได้มั้ย?" 

    ยืดๆ

    ท่าทางของพี่บ้ามันน่าเวทนาจนเธอนึกสงสาร 

    "....." มิกะมองมิคังที่กำลังพยายามฉีกยิ้มมาให้โฮตารุ ก่อนจะส่ายหัวเบาๆอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เธอหันกลับมาผละออกจากโฮตารุ ก่อนจะเดินไปจับมือที่ดึงแก้มตัวเองของมิคังลง  

    มิคังมองปริบๆที่น้องสาวก่อนจะถูกกุมมือไว้แน่น มิกะหันไปมองโฮตารุ 

    "มิคังคิดถึงโฮตารุมาก ตอนแรกฉันห้ามมิคังไม่ให้มา แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ห้ามมิคังอย่างจริงจัง แล้วเลือกที่จะติดตามมิคังมาที่นี่"

    "เพราะว่า..."

    เธอเงยหน้าสบตาโฮตารุอย่างจริงจัง

    "พวกเราคิดถึงโฮจังนะ!" 

    "...."

    "อื้ม! อื้ม!" 

    มิคังที่ดึงแก้มจนเจ็บก็เม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้ารัวๆยืนยันคำพูดของมิกะ ท่าทางขึงขังของทั้งคู่ทำนารุมิยืนมองอยู่นอกฉากยิ้มอ่อน 

    "....."  โฮตารุมองเพื่อนสนิททั้งคู่เงียบๆ ก่อนนัยน์ตาคมซึ้งของเด็กสาวจะหลุบลง  

    "แค่อยากจะเจอเพื่อน...คงไม่มีคนบ้าที่ไหนไม่คิดหน้าคิดหลังมาจนถึงที่แบบนี้หรอก..." 

    เสียงเรียบตอบหน้าตาย แต่คำพูดนั้นทำมิคังและมิกะใจเสีย

    "ขนาดมิจังที่ฉันไว้ใจก็บ้าตามมิคังไปด้วย" โฮตารุมองพวกเขาเหมือนว่าทั้งสองติดเชื้อบ้ากันไปหมดแล้ว

    ฉึก! ฉึก!

    ลูกศรแทงใจดำของมิคังและมิกะจนแทบกระอักโลหิต สมกับเป็นโฮจังยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง...

    ...แต่ก่อนที่มิกะจะได้ร้องไห้ตามมิคังไปจริงๆ โฮตารุก็เงยหน้าขึ้นมองถอนหายใจ

    "เล่นเอาตกใจหมด..." ดวงตาสีม่วงเฉไปทางอื่นขณะหน้าขึ้นสีชมพูสองข้างแก้ม 

    สองแขนค่อยๆยกขึ้นเปิดออกต่อหน้าทั้งสอง 

    "มาสิ.. พวกบ๊อง" 

    "....!?"

    อ้าปากเล็กน้อย ก่อนที่สองฝาแฝดจะยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้าไปโอบกอด

    "โฮตารุ!?../โฮจัง!?"

    หมับ! หมับ!

    อุก

    เสียงถูกกระแทกทั้งซ้ายและขวา เด็กสาวเย็นชาแทบถูกอัดเป็นปลากระบ๋อง เรียวคิ้วขมวดมุ่ยดูอึดอัดแต่ก็ไม่ได้พลักออก  

    "พวกเธอนี่....เรียกว่ารักกัน.. หรือว่าประหลาดดีล่ะเนี่ย..?" นารุมิหัวเราะเบาๆ

    ว่าแต่...ทำไมมิกะจังเรียกคุณอิมาอิว่า'โฮจัง' แล้วคุณอิมาอิเรียกมิกะจังว่า'มิจัง' ในขณะที่เรียกมิคังว่า'มิคัง'ธรรมดา

    ตกลงใครสนิทกับใครกันแน่เนี่ย?

    มองทั้งสามคนกอดกันตัวกลม ก่อนสักพักนารุมิจะเริ่มพามิคังและมิกะกับตัวแทนห้องทั้งสองเดินทางไปที่ห้องB-1

    ....

    หน้าประตูห้องB-1 

    แต่น.. แต๊น..~

    "เอาล่ะ! ถึงห้องเรียนแล้วจ้า~❤︎"

    นารุมิหยุดที่หน้าประตู ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้มิกะที่จ้องมองประตูนิ่ง พร้อมกับโฮตารุที่ถูกมิคังกอดข้างหลังไม่ยอมปล่อย 

    "งั้นก็...มิคังจังและมิกะจัง ขอให้สนิทสนมกับเพื่อนๆทุกคนนะ~" ยิ้มแย้มให้กำลังใจก่อนจะโบกมือบ๊ายบายจากไปทันที 

    "...?" มิคังและมิกะโบกมือลาอย่างงงๆ ทำไมรู้สึกว่าอาจารย์นารุมิดูยิ้มสนุกอยู่ยังไงไม่รู้?

    เมื่อครูนารุมิไม่อยู่แล้ว เด็กชายแว่นที่ทำตัวจืดจางมาตั้งนานก็ออกมาแนะนำตัว

    "สวัสดีครับคุณซากุระ ผมเป็นกรรมการห้อง ชื่อโทบิตะ ยู ทุกคนเรียกว่า'ประธาน'ครับ"

    ด็กชายแต่งตัวเรียบร้อยสวมแว่นตาทรงกลมใหญ่ นัยน์ตาสีส้มขนตายาวหงิกงอ ทำให้ดวงตาดูกลมโตและหวานกว่าปกติ ดูเป็นคนใจดีและขี้ใจอ่อน

    มิคังและฉันรีบแนะนำตัวตามมารยาททันที ก่อนจะบอกว่าอย่าเรียกนามสกุลเลย เพราะไม่รู้ว่านายจะเรียกใครกันแน่ 

    เด็กชายหัวเราะยิ้มหวานพยักหน้ารับทราบเบาๆ มือพลางทาบไปที่ประตูห้องB

    "เด็กที่ย้ายมาจากโรงเรียนธรรมดา อาจจะรู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่ไม่ต้องตกใจหรอกนะ ยินดีต้อนรับสู่แผนกประถมห้องBครับ คุณมิคัง คุณมิกะ"

    แอ๊ด...

    เสียงเปิดประตูออก มิคังดูตื่นเต้นมาก ในขณะที่เธอแอบสงหรณ์ใจแปลกๆ...เพราะโฮตารุแอบถอยไปอยู่ข้างหลัง มิคังเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปก่อนจะหยุดกึก 

    ?

    เธอมองไม่เห็นข้างในจึงไม่รู้สาเหตุ ว่าเพราะอะไรทำไมมิคังตัวแข็งค้าง ก่อนจะรู้แจ้งในวินาทีต่อมา

    เฮ! เฮ! 

    เสียงตวาดแว๊ดๆในห้องและเสียงร้องไห้ของเด็กคนไหนสักคน เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง เธอกวาดมองอย่างสงบ เห็นเพื่อนในห้องกำลังวิ่งอลม่าน 

    กริ๊ดดด! เอาคืนมานะ!

    แบร่ๆ อยากได้ก็มาจับเอา!

    ฮ่าฮ่า ว๊ากก 

    เสียงดังวุ่นวายไปหมด จนแยกเสียงไม่ออกว่าเสียงไหนเป็นของใคร แต่ที่หน้าตกใจกว่านั้นคือเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่บนเพดานกำลังแกล้งแย่งตุ๊กตาของเพื่อนในห้อง หรือไม่ก็เด็กบางคนที่กำลังลอยเล่นในอากาศดูสบายชิวๆ 

    นอกจากนั้นยังมีเด็กบางคนกำลังร้องไห้ที่โดนตัวอะไรบางอย่าง เหมือนภาพเขียนการ์ตูนหน้าเกลียดฉีกสมุด ฉันกวาดสายตามองหาตัวต้นเหตุ 

    ก่อนจะพบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง กำลังนั่งวาดรูปบนกำแพง 

    จากนั้นภาพตัวการ์ตูนที่ถูกเขาขีดเขียน ก็มีชีวิตออกมาวิ่งไล่เด็กผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยในห้อง... เธอเดินไปดันคางให้มิคังหุบปากที่อ้าไว้จนแมลงวันจะมาตอม แต่ก็ห้ามดวงตาที่เบิกกว้างของมิคังไม่ได้ 

    ก่อนวินาทีถัดมามิคังจะได้สติ '

    'นี่มันห้องเรียนอะไรกันเนี่ย!??'

    โทบิตะเดินมายิ้มเขินๆอธิบาย "ห้องเรียนแบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง แต่ถ้ามีเรื่องที่ลำบากใจหรือไม่เข้าใจอะไร ก็ถามผมได้ทุกเรื่องเลยนะ"

    'อาจารย์นารุมิคะ...ทำไมรู้สึกว่าห้องเรียนนี่มัน...ไม่ได้ง่ายเลยล่ะ...เป็นเพราะหนูคิดมากไปเองใช่มั้ย...? ..ใช่มั้ยคะ???''

    เมื่อหันมาดูน้องสาวก็เห็นมิกะ กำลังมองเด็กที่บินได้ด้วยความสนใจอยู่ มิคังจับปลายเสื้อของมิกะที่ดูสงบมากเลย 

    "มิกะ เธอไม่แปลกใจบ้างเหรอ?" 

    "หือ?.. นิดหน่อย อาจเพราะเดาได้ตั้งแต่คุยกับอาจารย์มิซากิ ก็เลยไม่ค่อยตกใจ" ก็เดาได้แล้วล่ะว่านักเรียนอลิซ คงเป็นประเภทแบบครูนารุมิที่มีพลังพิเศษ 

    "ทำไมเธอฉลาดจังเลย" มิคังกล่าวประทับใจแต่ยิ้มฝืนๆเพราะตัวเองยังปรับตัวไม่ทัน ฉันหันไปมองก่อนยกมือลูบหัวปลอบมิคังเบาๆ

    "เฮ้ ประธาน ยัยนี่เป็นใครน่ะ?" 

    เสียงตะโกนของใครสักคนที่สังเกตเห็น ทำให้เพื่อนๆในห้องหันมามองพวกเราอย่างสนใจ โทบิตะกำลังจะอธิบายแต่ก็มีเพื่อนในห้องบางคนดังแทรกขึ้นมาก่อน

    "ฉันได้ยินเรื่องที่คุยกันตรงหน้าประตูโรงเรียน รู้สึกว่าจะเป็นนักเรียนใหม่ที่นารุพามา" นารุ หมายถึงอ.นารุมิ "เกือบจะโดนคนแปลกๆสองคนลักพาตัวไป พี่สาวโง่มากไม่ยอมฟังน้องสาว นารุเลยช่วยแล้วพามาน่ะ" 

    เด็กชายแว่นตากรอบเหลี่ยมหน้าตาเฉยชา นัยน์ตาดำผมดำล้วนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลย เอาแต่อ่านมังงะในมือแต่ก็อธิบายรายละเอียดยิบเหมือนตาเห็น 

    "ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ...!?"  มิคังอ้าปากค้างเอ่ยเสียงตกใจ แต่ประโยคหลังก็แอบแทงใจดำเล็กน้อย

    "อาจเพราะมีอลิซเป็นประสาทการได้ยินที่ดีเลยได้ยินไปถึงหน้าโรงเรียนละมั้ง" มิกะพูดขึ้นคาดเดา 

    "พลังลอยตัวหรือหูทิพย์ ที่โรงเรียนอลิซไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรหรอก" โฮตารุพยักหน้าเบาๆกับการเดาของมิกะ มิคังมองคนในห้องด้วยความรู้สึกตกตะลึง

    'ของแท้จริงๆเรอะ ไม่ใช่มายากลหรอกใช่มั้ย??' 

    "นี่ มิคัง" 

    'นี่มันอะไรกันเนี่ย อลิซนี่เจ๋งไปเลย..!'

    "มิคัง.."

    'มีคนแบบนี้อยู่ในห้องเต็มไปหมดเลย!'

    "มิคัง โฮตารุเรียกแนะ.."

    'หมายความว่ายังไงกัน!? เราก็มีพลังแบบนี้ด้วยเหรอ?'

    มิคังคิดวุ่นวายในหัวจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของโฮตารุ และเสียงเรียกช่วยเสริมของมิกะ 

    "มิคัง....มิคัง!" 

    โป๊ก! 

    โป๊ก!

    ...แอ๊ก!?

    "ทะ ทำไม พวกเธอ..." มิคังกุมหัวหันไปมองโฮตารุและมิกะอย่างงงๆ 

    ทั้งสองคนสวมถุงมือรูปเท้ากวางและเท้าม้าคนละข้าง

    เพราะมิคังไม่ฟัง โฮตารุตัดสินใจใช้เครื่องมือประดิษฐชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า<ถุงมือเท้าม้า> มีอานุภาพในการจัดการคนบ้า 

    มีอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง<ถุงมือเท้ากวาง>ที่มิกะใช้ ในภาษาญี่ปุ่นเมื่อนำตัวอักษรจีนของคำว่า'ม้า'และ'กวาง'มารวมกันจะกลายเป็นคำว่า'บ้า'

    "ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอมีอลิซอะไรถึงได้มาที่นี่ได้ แต่ฉันขอบอกเธอไว้เรื่องนึง" 

    โฮตารุเอ่ยพลางรับถุงมือเท้ากวางจากมิกะคืน เธอพูดเสียงเย็นชาไปที่มิคัง

    "ช่วงที่อยู่ที่นี่ พวกเราจะรู้จักกันในฐานะ'คนอื่น'นะ เพราะปีนี้ฉันเล็งรางวัลนักเรียนดีเด่นอยู่ ถ้าเป็นไปได้... ฉันไม่อยากเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องยุ่งยากน่ะ เข้าใจมั้ย?"

    "หา..? เดี๋ยวสิ มิกะด้วยเหรอ?" มิคังทำหน้างง

    "ไม่ล่ะ มิจังไม่ใช่คนแปลกหน้า" โฮตารุมองมิกะก่อนจะมองมิคัง "เธอจะไม่ทำฉันเดือนร้อน ระวังแค่เธอก็พอแล้ว" 

    "โฮตารุ~! ไม่จริ๊ง" กล่าวเสร็จโฮตารุก็เดินกลับไปนั่งที ทิ้งหัวใจของมิคังไว้บนพื้นน้ำตาไหลพราก ข้างๆก็มีมิกะนั่งปลอบลูบหลังเงียบๆ 

    คงจริงอย่างที่นารุมิว่านั้นแหละ สายสัมพันธ์ของทั้งสามคนออกจะแปลกๆอยู่หน่อย(เมียน้อยสนิทกับเมียหลวงมากกว่า-แค่ก!...)

    "ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่กับมิคังเอง" ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มหวานให้แก่อีกฝ่าย 

    "มิก้า~"  ทั้งที่ใบหน้าเหมือนกันแท้ๆ แต่พอมันไปอยู่กับมิกะแล้วกลับดูสวยเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆเลย!' 

    มิคังสะฮือคิดในใจก่อนจะกอดน้องสาวฝาแฝดอย่างซาบซึ้ง

    ....

    เวลาต่อมาอาจารย์ประจำคาบก็เข้ามา ก่อนจะพาเด็กทั้งสองคนไปยืนหน้ากระดานแล้วเขียนชื่อทั้งคู่ลงไป 

    "เรามีคุณเพื่อนคนใหม่เข้ามานะครับ" 

    แกร๊ก แกร๊ก

    [ซากุระ มิคัง] 

    [ซากุระ มิกะ]

    "ขอให้ทุกคนสนิทสนมกันเอาไว้นะ" สิ้นเสียงของคุณครูผมดำยาวผูกโบว์ท้ายทอย ท่าทางใจดีสวมแว่นตากล่าว ฉันและมิคังก็โค้งตัวตามมารยาทด้วยก่อนจะแนะนำตัวเองสั้นๆ

    "นี่น้องสาวฉันซากุระ มิกะ และฉันซากุระ มิคัง ยินดีที่ได้รู้จักทุกค..."

    เปรี๊ยะ

    เฮือก!

    "คุณเพื่อนเนี่ยนะ แหวะ! คำเป็นพูด!"

    "ใครเขาจะฟังที่นายพูดกัน เจ้าครูงี่เง่า!"

    ฮะฮะฮะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!

    เสียงหัวเราะเฮฮาและคำดูถูกสารพัดมาจากนักเรียนชาย พากันหยิบเศษขยะโยนใส่ครูที่อยู่หน้าชั้น ฉันและมิคังพากันอึ้ง

    "เอ๋ เดี๋ยวสิ!" มิคังทำหน้าเหลือเชี่อพลางแตะไหล่ครูที่กำลังร้องไห้เพราะโดนเด็กรังแก

    นี่ก็อ่อนแอเกินไปแล้ว!

    '...ชั้นเรียนเด็กมีปัญหา...' ฉันคิดในใจอย่างเบื่อหน่าย ขณะที่เอาตัวไปบังมิคังและครูข้างหลัง 

    ยังดีที่พวกเด็กในห้องเรียนโยนมาเป็นกระดาษที่ถูกขย้ำเป็นลูกบอล ส่วนกระบ๋องน้ำเธอก็ปัดออกไม่ยากเย็น 

    "ถ้างั้นคุณซากุระทั้งสอง ฝากช่วยไปเลือกที่นั่งแถวข้างหลังด้วยแล้วกันนะ!" 

    สิ้นเสียงครูท่าทางใจดี..ไม่สิ ท่าทางอ่อนแอ เอ่ยจบ ก็รุดออกจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วเหมือนหนีตาย ทิ้งเสียงหัวเราะสะใจของเด็กผู้ชายในห้องตามหลัง

    มิคังรีบหันไปมองโฮตารุทันทีเหมือนถามว่านี้มันเรื่องอะไรกัน!? 

    "...." โฮตารุหันควับไม่มองทำเป็นไม่รู้จัก ทำเอามิคังตัวสั่นด้วยความโกรธ... มิกะมองประตูที่ถูกปิดหลังครูอ่อนแอออกจากห้องไป

    'ดูอีกรอบนี้แล้วคาบนี้คงได้เรียนด้วยตัวเองแหงๆ...' 

    คิดในใจก่อนจะเป็นคนนำมิคังไปเลือกที่นั่ง ไม่สนใจสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างกดดัน 

    "ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ" ระหว่างเดินผ่านโต๊ะมีเด็กผู้หญิงผมยาวสีน้ำเงินเข้มน่ารักเอ่ยทักทาย และเพื่อนร่วมโต๊ะข้างๆเป็นเด็กผู้หญิงผมหยักโสกสีชมพูท่าทางใจดี 

    "เอ๋ เอ่อ.."

    มิคังชะงักก่อนจะค่อยๆยิ้มเขินทักทายกลับอย่างดีใจ 

    "ฝะ ฝากตัวด้วย" เจอคนท่าทางเป็นคนดีแล้ว...! 

    โชคดีที่ว่าโต๊ะเป็นที่นั่งแบบสามคน จึงมีเหลืออีกทีหนึ่งพอดี มิคังจึงโดนเด็กสาวน่ารักทั้งคู่ชวนให้ไปนั่งด้วยกัน

    พอเห็นว่าพี่บ้าได้ที่นั่งของตัวเองแล้วเธอก็หายกังวล ก่อนจะเดินยิ้มไปโต๊ะหลังห้องสุดเพราะมีที่ว่างอยู่ที่เดียว 

    ที่ว่างข้างๆเด็กผู้ชายที่ขาพาดอยู่บนโต๊ะ กำลังหลับอยู่และหนังสือมังงะที่เปิดหน้าค้างไว้บนใบหน้า ทำให้เธอไม่รู้ว่าหน้าตาเด็กคนนี้เป็นแบบไหนกันแน่ เพราะไม่ได้มองคนข้างๆถัดไปเธอจึงไม่รู้ว่าโต๊ะนี้มันคือโต๊ะของใคร 

    จึกๆ

    "ฝากตัวด้วยนะ ฉันชื่อมิกะ.." สะกิดไหล่ปลุกคนข้างๆ ก่อนจะยิ้มหวานเปิดโหมดเอฟเฟกดอกไม้ เตรียมจะจับมือทักทายแนะนำตัว 

    ทว่าเมื่อหนังสือมังงะบนหน้าเลื่อนหลุดออกเธอก็ยิ้มค้าง

    "กึ๊ด" เสียงกัดลิ้นตัวเอง "..."

    ผมสีดำขลับที่ตกกระจายลงมา เปิดเผยแววตาสีแดงลึกลับส่องประกาย ผิวสีน้ำผึ้งเช็กซี่และจมูกโด่งเป็นสันงดงามน่ายื่นมือไปลองลูบ ริมฝีปากบางนั้นหยักเหยียดได้รูปสีอ่อนสวย ประกอบเป็นใบหน้างดงามหล่อเหลาอย่างไร้ที่ติ 

    อีกฝ่ายกำลังมองมาที่เธอเหมือนยังไม่ตื่นดี เธอก็มองสบนัยน์ตาแดงนั้นด้วยนัยน์ตาฟ้าที่โค้งงอ(ยิ้มค้าง)

    ใบหน้าหมอนี่มันคุ้นๆนะ..? คนข้างๆก็ด้วย อะ ใช่เจ้าเด็กผมบลอนด์ที่ทะลุเข้าทางหน้าต่างมาหรือเปล่านะ..? 

    "อ๊ะ.. เธอ?" เสียงทุ่มเอ่ยแปลกใจพร้อมคิ้วได้รูปเลิกขึ้นเบาๆ 

    "ยัยกางเกงในลูกไม้เมื่อตอนนั้น"

    เรียวคิ้วของมิกะแอบกระตุก..

    "เอ๊ะ"รูกะที่ได้ยินคำว่า'กางเกงในลูกไม้'ก็หันมามอง ก่อนจะทำหน้าตกใจ ไม่คิดว่าเด็กใหม่ที่กล้ามานั่งข้างนัทซึเมะจะเป็นผู้หญิงเมื่อตอนนั้น

    อย่าว่าแต่พวกเขาเลย... มิกะก็ไม่คิดว่าที่นั่งแบบสุ่มจะได้มาเจอทั้งสองคนซะได้ แถมเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอีกด้วย 

    "......" พวกเราสามคนเงียบไปพร้อมกัน


    'ทำเป็นไม่รู้จักดีมั้ย-...' 

    "อา! นายมันผู้ชายโรคจิตลามกเมื่อตอนนั้นนี่!?"

    'นะ..'   

    อื้ม

    ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว..


    เสียงตะโกนดังขึ้นมาของมิคังทำทุกคนหันมามอง ร่วมไปถึงนัทซึเมะและรูกะ เมื่อปลายนิ้วของมิคังกำลังชี้ไปยังคนข้างๆเธออยู่

    นัทซึเมะมองผู้หญิงน่ารำคาณตรงหน้าก่อนจะแค่นเสียงในลำคอทีหนึ่ง

    เหอะ

    "พูดอะไรน่ะผู้หญิงคนนี้" นัทซึเมะหรี่ตาลงตอบหน้าตาย "พวกโรคจิตน่ะ คือคนบ้าที่คิดอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆในจิตใจ ถึงได้เรียกว่า'โรคจิต'ไงล่ะ" หยุดพูดเล็กน้อยก่อนที่นัยน์ตาสีแดงจะเหยียดมองมิคังอย่างรังเกียจ 

    "แต่คนอย่างเธอแม้แต่เรื่องคิดฉันยังไม่อยากจะคิดถึงเลย ยัยบ้า"

    ยะ ยัยบ้า?

    'ฉะ ฉันหมายถึง...นายโรคจิตใส่น้องสาวฉัน...' มิคังอ้าปากก่อนจะหุบลงแล้วอ้าใหม่แล้วก็หุบอีกรอบ 

    เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพราะในใจรู้สึกโกรธไปหมด แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนรู้ว่า มิกะโดนตาบ้านี้ถอดกางเกงในออกไป!

    "นายนั้นแหละที่บ้า! ทำเรื่องแบบนั้นกับเด็กผู้หญิงไปได้ยังไง ศัตรูของผู้หญิง! คนป่าเถื่อน! ขอโทษน้องสาวฉันมาเลยนะตาบ้า!" 

    เพราะมิคังเริ่มโวยวายเสียงดังทำเพื่อนเด็กผู้ชายในห้องเริ่มรู้สึกรำคาณ แถมคนที่มิคังไปว่าดันเป็นไอดอลของห้อง หรือเรียกง่ายๆว่า'หัวหน้าแก๊ง' 

    'บ้าจริงมิคัง! ดันไปมีเรื่องกับตัวอันตรายที่สุด'  โฮตารุกัดปากแน่น 

    เพิ่งพูดไปแท้ๆว่าอย่าได้หาเรื่องลำบากมา ยังไม่ทันข้ามวันเลย!...ยัยต๊องเอ้ย!

    "ทำไมยังนั่งเฉยอยู่ล่ะ พูดอะไรออกมาบ้างสิ! เข้าใจมั้ยหา!?" มิคังเริ่มเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ 

    "มิคัง... มิคัง!" 'หยุดเถอะน่า! เธอลืมภารกิจทดสอบของครูนารุมิไปแล้วหรือยังไง!?' 

    ฉันพยายามเรียกให้มิคังหยุด เพราะสายตาของเพื่อนร่วมห้องเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว..!

    "อะไรกัน!? ท่าทางอวดดีนั้นน่ะ!" มิคังไม่ฟังมิกะห้ามเพราะเธอกำลังโมโห แถมคนข้างหน้าไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยเหมือนคนที่มิคังว่าอยู่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

    "เฮ้ นักเรียนใหม่"

    วืด! ว้าย!

    "!??" มิคังรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจับคอเสื้อ ก่อนที่วินาทีต่อมาเธอจะถูกดึงขึ้นกลางอากาศ 

    "กับคุณนัทซึเมะ.. บังอาจมาทำเป็นปากดีอยู่ได้..."เสียงระงับอารมณ์หงุดหงิด และมือที่กำค้างกลางอากาศมาจากเด็กผู้ชายผมเกรียนคนหนึ่งในชั้นที่มีความสามารถพลังจิต 

    มิคังเริ่มหวาดกลัวเมื่อมองจากมุมนี้ห่างจากระดับพื้นมันดูอันตรายมากๆเลย!

    โฮตารุ... โฮตารุช่วยด้วย!

    มิคังมองหาเพื่อนสาวสุดที่รัก แต่โฮตารุมองมาเงียบๆก่อนจะทำเป็นอ่านหนังสือในมือต่อ 

    'โฮตารุ...' มิคังใจเสีย นึกถึงประโยคคำพูดของอีกฝ่ายที่จะทำเป็นไม่รู้จักกันข้างนอก เธอพูดจริงๆน่ะหรือ.. แต่ว่า...โฮตารุ..

    อ๊ะ

    มิคังถูกบังคับให้บินซ้ายบินขวา มิกะที่เห็นแฝดพี่กำลังถูกรังแกก็หันไปหาคนข้างๆทันที เพราะรู้ว่าคนที่จะหยุดเด็กพวกนี้ได้คือเขาคนเดียวเท่านั้น

    "นัทซึเมะ! สั่งให้พวกเขาหยุดทีเถอะ!"

    "ทำไมฉันจะต้องทำ"  

    "ก็เพราะนายเป็นคนเดียวที่สั่งพวกเขาได้น่ะสิ!" 

    "โอ้...ยัยลูกไม้ฉลาดกว่าที่คิด..ไม่เหมือนพี่สาวเธอเลย" นัทซึเมะกระตุกยิ้มก่อนจะเหลือบมองเด็กหัวเกรียน เหมือนหมอนั้นจะรู้เลยบังคับมิคังหมุนไปมาสองสามรอบ

    กริ๊ด! เสียงร้องของมิคังและสีหน้าที่เหมือนอยากจะอ้วก

    กรอด..

    "นี่..!" ท่าทางแบบนั้นทำมิกะเริ่มหงุดหงิด...ใบหน้าที่มักจะสงบนิ่งเริ่มหน้าบึ้ง แก้มขาวเริ่มพองเล็กน้อยและขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างระงับอารมณ์กรุ่นโกรธ

    เมื่อได้เห็นมิกะเปลี่ยนสีหน้า นัทซึเมะก็พอใจก่อนจะสั่งให้เด็กหัวเกรียนหยุด แต่ยังไม่ได้ปล่อยลงมาเมื่อมีเสียงแหลมดังแทรกขึ้นเสียก่อน

    "แหม! ทำไมต้องหยุดด้วยล่ะ เมื่อกี้ก็ลองเงียบๆดู เพราะเห็นว่าเป็นอลิซหรอกนะ? แต่เด็กคนนี้ดันไปว่านัทซึเมะคุงกับรูกะคุงว่าบ้าไม่ใช่เหรอ" 

    'ใครอีกล่ะเนี่ย' มิกะหันไปมองคนมาใหม่อย่างหงุดหงิด เด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนปักตราสองดาวเอ่ยขึ้นพร้อมสะบัดปอยผม ข้างหลังก็มีผู้ติดตามหลังอีกคนข้างๆ

    ดวงตาสีเขียวชาและเรือนผมสีเขียวแก่สั้นระดับต้นคอ ปอยผมปล่อยยาวด้านหน้าถูกดัดเป็นเกียวคลืน จมูกโด่งรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างคนที่มีนิสัยเย่อหยิ่งและชอบอวดดี 

    "ขอโทษนะ? แต่มิคังว่าบ้าแค่นัทซึเมะคนเดียว ไม่ใช่รูกะด้วยซะหน่อย" นัยน์ตาสีฟ้าหรี่ลงบ่งบอกอีกฝ่ายว่าอย่ามาป้ายสีเติมไข่ไก่ให้มิคัง

    กึก  โชดะชะงักเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเชิดหน้ายิ้มท้าทายใหม่ "แล้วไง? แค่นี้ยังปราณีเกินไปด้วยซ้ำ!" เอ่ยเสร็จก็หันไปหาเด็กหนุ่มผิวน้ำผึ้งยิ้มหวาน 

    "เนอะนัทซึเมะคุง!"

    "...." นัทซึเมะที่จ้องมิกะอยู่ก่อนแล้ว พอได้ยินเสียงเรียกก็เหลือบมองโชดะเล็กน้อย...ก่อนจะหันหลังกลับไม่สนใจ

    "ปล่อยลงมา" 

    "ครับ! คุณนัทซึเมะ!"

    "แหม~♥ ส่วนที่ใจดีแบบนั้นฉันคิดว่าก็เป็นเสน่ห์อย่างนึงของนัทซึเมะคุงนะ~" โชดะรีบเปลี่ยนสีอย่างว่องไวเอ่ยอย่างขัดเขิน พร้อมลูกสมุนก็เอ่ยเสริมเห็นดีเห็นงามด้วย

    'ยัยนี่ท่าจะบ้า' มิกะคิดแบบนั้นก่อนจะวิ่งไปรับมิคัง

    วืด! 

    เมื่อมิคังตกลงมาก็ไอค่อกแค่กพร้อมทำหน้าจะอ้วก โทบิตะที่อยู่ใกล้กว่ารีบเข้ามาพยุงพลางลูบหลังมิคัง เธอที่เห็นว่าปลอดภัยแล้วก็โล่งอก ก่อนจะหันมาขมวดคิ้ว(กัดฟัน)เอ่ยขอบคุณนัทซึเมะเสียงเบา..  

    "ฉันไม่รับคำขอบคุณ" นัทซึเมะว่าเสียงราบเรียบ "ยัยลูกไม้และยัยลายจุด"

    "ใครลายจุด! นายแอบดูกางเกงในฉันเหรอ!?" มิคังที่เริ่มอาการดีขึ้นแล้วก็เอ่ยเสียงดัง จ้องอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง

    "ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อยที่เธอโชว์ให้ทุกคนดู ...ใครๆก็เห็นเมื่อมองขึ้นข้างบน" นัทซึเมะตอบมิคังพลางยักไหล่ไม่แยแส 

    'ความผิดของนายนั้นแหละ!' เสียงตะโกนอย่างโกรธเคืองในใจ และใบหน้าที่ขึ้นสีอย่างอับอายของมิคัง 

    นัทซึเมะไม่สนใจ เริ่มถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย "บอกมา..พวกเธอมีอลิซแบบไหน?"

    อลิซ...? มิกะเหลือบมองคนรอบห้อง...ทุกคนกำลังจ้องมองดูอยู่

    ขนาดผู้หญิงน่ารักสองคนนั้นก็ด้วย ยกเว้นโฮตารุที่ไม่ยอมหันหลังมา ทุกคนดูสนใจอลิซมากว่าพวกเราจะตอบนัทซึเมะว่าอะไร 

    'หรือว่าที่นี่จะแบ่งชนชั้นด้วยอลิซ?' มิกะที่มัวแต่กำลังใช้ความคิด ส่วนมิคังไม่เสียเวลาให้คิดมากแบบเธอ กับคนที่เธอเกลียดนั้นไม่ควรสันติด้วยหรอก 

     "แบร่! จ้างให้ก็ไม่บอก!"

    เป๊าะ!

    เสียงดีดนิ้วดังขึ้นมา ก่อนที่มิคังจะร้องกริ๊ดอีกรอบ เมื่อนัทซึเมะสั่งเจ้าหัวเกรียนคนเดิมบังคังยกมิคังขึ้น 

    'ยัยพี่บ้า..ไปเติมเชื่อเพลิงเข้าอีกแล้ว!' ....มิกะอยากยกมือกุมขมับพลางเริ่มคิดในใจว่า.. ควรปล่อยให้มิคังอยู่ข้างบนนั้นเงียบๆสักพัก 

    อาจจะเป็นผลดีกว่าหรือเปล่านะ?

    "ไม่ได้นะไม่ควรใช้อลิซแบบนี่!? นายอาจจะถูกไล่ออกก็ได้นะ!" โทบิตะลุกขึ้นมาห้าม 

    "ไล่ออก? ไล่ออกก็ดีเลยสิ! ฉันดีใจจะตายที่ได้ออกจากไอ้โรงเรียนเฮงซวยนี่ได้!" เด็กชายหัวเกรียนตวาดใส่ห้วหน้าชั้นอย่างประชดประชัน 

    'ทุกคนไม่ชอบที่นี้?' มิกะเริ่มเก็บข้อมูลอีกครั้ง เผื่อว่าตัวเองจะได้รู้เรื่องราวมากขึ้น ส่วนมิคังนั้น...ปล่อยให้อยู่ข้างบนไปก่อน

    "แต่พวกเราถูกรวบรวมมาที่โรงเรียนนี้ เพื่อช่วยสังคมทำให้ผู้คนมีความสุขนะครับ!" โทบิตะก้าวเดินเข้าไปใกล้ขึ้นพร้อมอธิบายเสียงจริงจัง

    "นายเชื่อคนง่ายเกินไปแล้ว! สิ่งที่พวกผู้ใหญ่ต้องการน่ะ คือใช้พลังของพวกเราเพื่อพวกเขาเองต่างหาก!? นายก็รู้อยู่แก่ใจ!"

    "แต่ผมไม่เคยใช้อลิซเพื่อคนไม่ดีเลยนะ!" โทบิตะแย้งกลับไปก่อนจะโดนเด็กหัวเกรียนพลักออกมาอย่างรำคาณ 

    "เสแสร้ง! ไปให้ไกลเลย!" 

    ตุบ!

    "โอ๊ย!"  เสียงร้องของโทบิตะหนุ่มหน้าหวาน ทำให้มิกะคิ้วกระตุก....อีกแล้วนะ


    ...ครั้งที่สามแล้ว...


    "ถ้าไม่ชอบสิ่งที่ทำอยู่ก็ใช้อลิซของนายช่วยยัยนั้นสิ! หรือเพราะอาจารย์ไม่อนุญาตให้ใช้!?" 

    ตวาดใส่เสร็จก็หันไปมองแรงใส่มิคังบนอากาศพร้อมชี้นิ้วใส่อย่างท้าทาย 

    "เฮ้ ยัยข้างบนน่ะ หัดใช้อลิซเพื่อตัวเองซะสิ!"

    "....." มิคังอ้าปากอ่ำอึ้งเหงื่อตกไม่รู้จะพูดดีหรือไม่ 

    เพราะเราน่ะ...


    "จริงด้วยสิเรา.." 


    เสียงเกริ่นขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนในห้อง มิคังหันไปมองเจ้าของเสียง เป็นเด็กผู้ชายผมแหลมสีบลอนด์อ่อนคนหนึ่งที่ยิ้มตลอดเวลา สีหน้าคาดเดาอารมณ์ไม่ออก

    "จริงๆแล้วเรามีอลิซแบบไหนกันแน่ อาจารย์บอกว่าเรามีอลิซแต่.." 

    ใบหน้าที่มีรอยยิ้มตลอดเวลานั่นมองมิคังไม่กระพริบตา จนรู้สึกเหมือนกำลังโดนสายตานั้นจ้องมองทะลุปลอดโปร่งเข้าไปถึงข้างใน

    'เอ๊ะ' มิคังหันไปมองอย่างตกใจ 'คำพูดพวกนี้...'

    "ไม่เห็นมีอะไรที่ยืนยันว่าเรามีพลังแบบนั้นเลย"

    คนคนนี้.. สิ่งที่อยู่ในใจเรา...

    "จริงๆแล้วเรา.. มีอลิซอะไรนั่นจริงๆน่ะเหรอ?"

    อ่านใจได้?  

    "......!?" มิคังหน้าซีด.. ไม่คิดว่าสิ่งที่คิดในใจจะถูกพูดออกมาจากเด็กผู้ชายหน้าบ้านๆคนนี้ 

    โครม!?

    ในขณะที่ทุกคนตกใจกับข้อมูลที่เพิ่งทราบ เสียงร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดดังขึ้นฉับพลัน พร้อมเสียงหล่นดังตุบ! มิคังที่ยังไม่ตั้งตัวก็หล่นลงมาหน้ากระแทกกับพื้น 

    "อูย.."

    ยกมือบีบจมูกแดงๆก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงโวยวาย

    "คุณมิกะ!?" 

    โทบิตะมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ นัทซึเมะและรูกะก็หันมามอง ร่วมถึงโชดะและทุกคนในห้อง

    "...." โฮตารุที่ได้ยินชื่อหัวข้อก็หันกลับมาดูอย่างแปลกใจ

    "โอย..." เด็กหนุ่มหัวเกรียนลูบหัวตัวเองอย่างมึนๆ ข้างบนตัวเองก็เป็นมิกะที่ตบมือปัดเบาๆอย่างสงบ

    อะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?

    เสียงซุบซิบดังขึ้นอย่างสงสัย ในจังหวะที่ทุกคนมัวแต่มองมิคัง มิกะที่อยู่กลางห้องก็มาถึงด้านหลังของนายหัวเกรียนโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว 

    ขนาดนายหัวเกรียนก็ไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกทีตัวเองก็หน้ามืดหลังกระแทกกับพื้นซะแล้ว

    "ฉันเห็นนะ..! เธอคนนั้นไปข้างหลังอีกฝ่ายก่อนจะกระชากคอเสื้อทุ่มลงกับพื้นน่ะ!?" ทุกคนได้ยินพยานเห็นเหตุการณ์กล่าว รีบหันไปมองเด็กสาวผมเปียสีน้ำตาลอ่อนอย่างตกตะลึง 

    'ยัยท่าทางอ่อนแอนี้อะนะ!?'

    ทุกคนแทบไม่เชื่อ

    ถ้าวัดจากขนาดรูปร่างและส่วนสูงแล้ว มิกะตัวเล็กกว่านายหัวเกรียนเยอะมาก แต่ตอนนี้...กลับโค่นล้มอีกฝ่ายหมอบกับพื้นได้อย่างง่ายดาย

    แถมทำไมอีกฝ่ายไปถึงตรงนั้นได้โดยที่ไม่มีใครรู้?

    "อย่าขยับนะ..." น้ำเสียงเย็นชาผิดกลับริมฝีปากแดงเรือได้รูป ค่อยๆก้มหน้าลงยกยิ้มดูสวยงามเหมือนนางฟ้า ดวงตาฟ้าใสจับจ้องเด็กหนุ่มใต้ตัวเองเหมือนงูกำลังจ้องมองเหยื่อ 

    มิคังและโฮตารุเท่านั้นที่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นคือมิกะกำลังโมโหจัด

    ท่าทางแบบนี้มักจะไม่ได้เห็นบ่อยนัก ล่าสุดที่เห็นคือตอนที่มิคังไปมีเรื่องกับเด็กผู้ชายในหมู่บ้าน แล้วโดนสามคนรุมซะยับ พอมิกะได้รู้ข่าวก็ไปกระทืบสามคนนั้นด้วยตัวคนเดียว โดยที่กลับมาไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย 

    "ฉันอ่านในหนังสือ(มังงะ)มาว่าพวกมีพลังจิตมักจะมีร่างกายที่อ่อนแอ.. นายคิดว่ามันถูกหรือเปล่า?" นิ้วมือบอบบางทั้งห้ากดไปที่ลำคอของอีกฝ่ายตรงหลอดลม 

    "....." รูกะอ้าปากเล็กน้อยอย่างแปลกใจ

    'ท่าทางนั้นคุ้นๆเหมือนมีใครบางคนเคยทำมาก่อนเลยนะ...?' 

    รูกะมองนัทซึเมะที่ไม่ได้ช่วยนายหัวเกรียนทันที แต่เลือกที่จะดูท่าทีของอีกฝ่าย 

    "นายคิดว่าถ้าฉันกดเส้นประสาทตรงนี้หนักๆ แล้วกระแทกคอนายแรงๆ.. นายคิดว่าตัวเองจะหน้ามืดก่อนหรือนายจะใช้อลิซพลักฉันออกไปก่อน?" 

    คำพูดคำจาช่างฟังดูน่ากลัวผิดจากหน้าสวยงามนั้นลิบลับ นายหัวเกรียนหน้าซีดปากสั่นกับแรงกดดันจากผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้า

    อึก เสียงกลืนน้ำลาย..

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบแถมยังประหม่า มิกะก็ยกยิ้มหวานแบบเจิดจ้าที่มิคังชอบทำ แต่ดาเมจรุนแรงยิ่งกว่า... 

    "ไม่งั้นก็...เรามาคุยกันดีกว่ามั้ย คิดว่าไง?"

    ดวงหน้าสวยกึ่งหน้ารักเอียงคอเล็กน้อยเหมือนสงสัย พร้อมดวงตางดงามขนตาแพรหนากระพริบเบาๆอย่างต้องการคำตอบ 

    "หือ?" ส่งเสียงเร่งอีกครั้ง โดยที่เสียงนี้ฟังดูนุ่มนวลมาก

    "......"

    ยึกๆ

    วินาทีต่อมานายหัวเกรียนก็หน้าแดงแปร๋ด แล้วเผลอพยักหน้าไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ง่ายดายซะจนมิกะเผลอแสดงหน้าแปลกใจ

    ทั้งห้องช็อค!

    'อะไรน่ะ!?'

    ทุกคนติดสตั้นพูดไม่ออกเมื่อเห็นนายหัวเกรียน หัวโจกที่ชอบแกล้งคนอื่นในห้อง ยอมคำตามคำพูดของเด็กใหม่เหมือนโดนสะกดด้วยฟีโรโมนนารุเปี๊ยบ!


    "....." มิกะอ้าปากไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ไม่คิดว่าอีกคนจะยอมลงให้ง่ายดายแบบนี้.. 

    "ขอโทษนะที่กระทำรุนแรงเกินไป" มิกะกล่าวสำนึกผิดยื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับเพื่อลุกขึ้น 

    ถ้ารู้ว่าจะคุยง่ายแบบนี้คงไม่ใช้วิธีรุนแรงให้เปลืองแรงหรอก

    ไม่สิ! ถ้ารู้ว่าทำแบบนี้แต่แรกคงได้เรื่องไปนานแล้ว

    นายหัวแดงเห็นเด็กหญิงยื่นมือมาก็สะดุ้ง รีบลุกขึ้นไปยืนมุมห้องไม่แม้จะหันมามองอีกฝ่าย ถ้าไม่ติดว่าเด็กหนุ่มหน้าแดงจนเห็นชัดเจน เพื่อนๆคงคิดว่าหมอนั่นกำลังโดนมิกะขู่อยู่

    หรือว่ายัยนี้มีพลังเหมือนครูนารุมิ!? 

    เสียงในใจของทุกคนกำลังคิดอย่างสงสัย นัยน์ตาสีแดงของเด็กหนุ่มเรือนผมสีรัติกาล ขมวดคิ้วลงเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด

    บางครั้งก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้...เด็กผู้ชายที่ชื่นชอบคนแข็งแกร่ง(แบบนัทซึเมะ) และนับถืออีกฝ่ายเหมือนไอดอล 

    พอเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงท่าทางอ่อนแอ ที่ตัวเองมักจะดูถูกอยู่เสมอสามารถล้มตัวเองลงได้ในครั้งเดียว ก็เกิดอาการใจเต้นเหมือนเจอรักแรกพบ เพราะตื่นเต้นมากจนเกินไปเลยประหม่าจนรับมือไม่ถูก
     

    ครั้งนี้จะเรียกว่าโดนมิกะปักธงใส่อย่างไม่รู้ตัวก็ได้...




    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    แต่งตั้งนาน อ่านแค่5นาทีก็จบตอนหนึ่ง //ทรุด

    ขอพลังคอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยน๊า(กอดขา(?))




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×