ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยาย gakuen alice วัยซนคนมีพลังจิต(นัทซึเมะxOC)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3 : โฮตารุ...?

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 63






    ***



    ณ ห้อง สำนักงานใหญ่โรงเรียนอลิซแห่งชาติ

    "เชิญนั่งตามสบายเลยนะ เดี๋ยวฉันต้องไปรายงานเบื้องบน เกี่ยวกับเรื่องการเข้าเรียนของพวกเธอก่อน รออยู่เฉยๆกับเขาที่นี่สักพักนะ"

    'เขา'หมายถึงเด็กผู้ชายที่สลบไป ฉันและมิคังเหลือบมองเด็กผู้ชายที่นอนอยู่บนโซฟาเงียบๆ ก่อนจะพยักหน้ารับทราบ หลังจากที่อาจารย์นารุมิออกจากห้องไป 

    'เรียนคุณอิมาอิ โฮตารุ.. ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าฉันและมิกะจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนอลิซแบบงงๆได้แล้ว'

    มิคังคิดอยู่ในภาวังค์ เธอยังคงยอมรับไม่ทัน นี่มันคือความฝันหรือเปล่านะ...?

    "....." ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสกระพริบปริบๆ ดูมิคังที่นั่งนิ่งๆบนโซฟาเหมือนติดสตั้นไม่หายอึ้งตั้งแต่เดินเข้าห้องมา สงสัยจิตเหม่อลอยหายไปหาโฮตารุที่ไหนสักแห่งละมั้ง

    ฉันลุกขึ้นจากโซฟาเดินมานั่งย่องๆตรงโซฟาอีกฝั่งของห้อง เธอจ้องมองหน้านัทซึเมะเนิ่นนาน.. เผื่อว่าจะมีภาพบางอย่างแวบๆโผล่มาให้เธอรู้เบาะแสเกี่ยวกับความทรงจำตัวเองเพิ่มอีกชักนิด 

    [เขาเป็นอัจฉริยะระดับท็อปคลาสของโรงเรียนที่อายุน้อยที่สุด] 

    [อลิซของเขาคือไฟ]

     อลิซหมายถึงอะไรกันนะ? ในหัวมันสับสนไปหมดเลย จู่ๆก็มีเรื่องต่างๆนานาเกิดขึ้นมา 

    นอกจากนั้น...


    [ฉันอยากจะปกป้องนาย..]


    [นัทซึเมะ...อย่าตายนะ!]


    '..นัทซึเมะ..'

    เสียงของนารุมิสะท้อนก้องในหัว พร้อมเสียงของฉันที่ดังขึ้นมาในความทรงจำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด

    'ชื่อนั้น...นัทซึเมะที่ว่าหมายถึงเด็กคนนี้หรือเปล่านะ? แล้วทำไมฉันถึงอยากจะปกป้องเขาล่ะ?' 

    เธอคิดถึงความทรงจำที่โผล่ขึ้นมาหลังจากเจอเด็กชายอันตรายคนนี้ หรือว่า...ที่ฉันสูญเสียความทรงจำเพราะเด็กคนนี้กันนะ? 

    แต่ทำไมถึงไม่มีความรู้สึกไม่ดียามเข้าใกล้เขาเลยล่ะ มีแต่ความรู้สึกคุ้นเคยและอยากจะปกป้อง

    ปกป้อง..ทำไมต้องปกป้องเขาด้วยละ?

    อยากจะยื่นมือออกไปเขย่าปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นขึ้นมา แล้วถามไปตรงๆเลยว่าพวกเรารู้จักกันหรือเปล่า ในขณะที่เธอกำลังจะทำตามที่คิดนั่น...

    "มิกะ! เดี๋ยวเถอะ อย่าเข้าไปใกล้เด็กคนนี้สิ" มิคังที่เหมือนหลุดจากภาวังค์แล้วลุกขึ้นยืนอย่างตื่นตระหนก ในมือก็ถือหน้ากากของนัทซึเมะเอาไว้ 

    "ทำไมล่ะ?" เธอเอียงคอถามสงสัย พร้อมมองแฝดพี่ตัวเองปริบๆ 

    "ก็..." มิคังไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่น้องสาวดูเหมือนจะสนใจเด็กชายที่ชื่อนัทซึเมะมาตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว คงไม่ใช่ว่า....

    มีความรัก....!?

    แอ๊ด ปัง!?

    "นารุมิ!! คนที่ขโมยถั่วแส้ไปจากเรือนกระจกโดยพลการคือนายเองเรอะ!?"

    "กริ๊ดดดดด!?"

    มิคังร้องกรี๊ดตกใจกลัว ก่อนจะรีบมาหลบหลังน้องสาวที่ยืนมองชายคนหนึ่ง ถือไม้เบสบอลเข้ามาด้วยสีหน้าทมึน...ก่อนที่ชายคนนั้นจะชะงักกึกเมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการ แต่เห็นลูกไก่สองตัวเกาะกันกลมเท่านั้นเอง 

    ไม่สิ...ลูกไก่ตัวหนึ่ง(มิกะ)กำลังยืนจ้องเขาตาแป่วแบบไม่เกรงกลัวอยู่ตัวหนึ่งนี่นา...

    หลังจากที่มิกะจ้องชายผู้มาใหม่ที่รีบเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มแห้งๆ ปลอบมิคังที่ดูกลัวๆเพราะเจ้าตัวถือไม้น่ากลัวมาด้วย ก่อนที่จะสอบถามว่าพวกเรามาทำอะไรที่นี่ อาจารย์นารุมิไปไหนทำไมทิ้งพวกเธอไว้

    ...

    ณ [ห้องผู้อำนวย]

    "ผู้สมัครเป็นนักเรียนอลิซ?"

    "ครับ ผมพบโดยบังเอิญที่หน้าโรงเรียน...แถมเจ้าตัวมุ่งมั่นอยากเข้ามาเองด้วย" ชายหนุ่มร่างสูงพูดยิ้มๆอยู่หน้าบังลังค์ เส้นผมสีบลอนด์ทองสว่างกับแสงภายในห้องดูเป็นประกาย

    "แน่ใจหรือครับ อาจารย์นารุมิ?"

    เสียงทุ่มนุ่มที่ดังมาจากหลังม่านปริศนา เห็นเพียงเงาดำมืดที่ขยับเปลี่ยนท่าทางเท่านั่น กลับเพิ่มความลึกลับให้กับเจ้าของห้องมากขึ้น

    "ทั้งสองคนเป็นเด็กผู้หญิงฝาแฝด อายุ10ขวบ ถ้าลางสังหรณ์ของผมไม่ผิด...." นารุมิหลุบตาสีม่วงลงอย่างลึกลับ...ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาอารมณ์ไม่ออก.. 

    แต่แววตากลับดูเศร้าเล็กน้อย

    "ผมคิดว่าเด็กสองคนนั้นจะต้องมีอลิซชนิดที่มีค่ามากทีเดียว..."

    ....

    กลับไปที่ห้องรับแขก

    "ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ ฉันได้ยินมาว่านารุมิอยู่ที่นี่...แต่เหมือนจะไม่ใช่" ชายหนุ่มผมดำสั้นและนัยน์ตาสีดำทำท่าจะเดินออกจากห้องเหมือนไม่มีธุระอะไรแล้ว มิคังรีบคลานไปจับขาเขาเอาไว้ไม่ให้ออกจากห้อง

    "....." ชายหนุ่ม

    ....

    จากนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายเป็นว่า เขาต้องมานั่งฟังเป็นที่ปรึกษาปัญหากลุ้มใจของมิคังไปได้ซะงั้น 

    จิ๊บๆๆ จิ๊บๆๆ

    'อาจารย์มิซากิ' เป็นอาจารย์รับผิดชอบวิชาชีววีทยา กำลังนั่งจิบชาฟังลูกเจี๊ยบตัวน้อย พูดเล่าเรื่องนารุมิที่ไปทำร้ายเด็กที่หน้าประตูโรงเรียน 

    ส่วนลูกเจี๊ยบที่ดูใจกล้ากว่าหน่อยกำลังนั่งจ้องนัทซึเมะอยู่บนโซฟาอีกตัวหนึ่ง 

    แรกๆก็เป็นปัญหากลุ้มใจกลัวว่าเพื่อนจะโดนอ.นารุมิทำมิดีมิร้ายนักเรียนที่นี่ แต่ฟังไปฟังมาไม่รู้ทำไมมาวนเรื่องน้องสาวดูจะเริ่มสนใจเพศตรงข้ามเข้าแล้ว 

    มีวิธีรับมือยังไงไม่ให้น้องสาวต้องตกหลุมรักกับเด็กผู้ชายบ้าง บลาๆๆ.... 

    "ก็อย่างที่พูดนั้นแหละค่ะ อาจารย์มิซากิ ทำยังไงดีคะหนูกลัวมิกะจะหลงทางผิด" มิคังทำหน้าตาซีเรียดมาก หน้าตาดูมืดมนไปหมด เหมือนกำลังกลัวลูกสาวไปติดพันกับชายหนุ่มคนอื่น 

    มิซากิอยากจะถามเหลือเกินว่าเธอไปเป็นแม่ของน้องสาวหรือยังไง... 

    ในขณะที่มิคังกำลังปรึกษาปัญหาชีวิตอยู่ เสียงครางเล็กๆที่ถ้าไม่อยู่ใกล้ๆคงจะไม่มีทางได้ยิน ฉันจ้องมองใบหน้าของเด็กผู้ชายที่ยังคงมีรอยแดงของแส้อยู่ เขาเริ่มขดตัวเล็กน้อยพร้อมแสดงสีหน้าเจ็บปวดและดูอึดอัด

    เธอลุกขึ้นก่อนจะประคองหัวของอีกฝ่ายไว้แล้วนั่งลงบนโซฟา เพื่อให้หัวของเด็กผู้ชายถูกวางลงบนตัก ปลายนิ้วเรียวสางลงบนผมสีดำละเอียดที่ดูนุ่มหนากว่าที่คิด 

    'เหมือนแมวเลย' คิดอย่างแปลกใจ ค่อยๆลูบผมของเขาอย่างใจเย็นเพื่อกล่อม เหมือนที่เคยทำกับมิคังตอนที่เจ้าตัวป่วย 

    เหมือนจะช่วยได้นิดหน่อยเพราะสีหน้าอึดอัดของนัทซึเมะเริ่มสงบลง 

    มิคังที่หันมาเห็นพอดีก็ทำหน้าช็อค 

    'ตักน้องสาวของฉัน!'

    ฮ่ะแฮ่ม..

    "สงบใจหน่อยสิ..." มิซากิที่เริ่มเหงื่อตกเพราะเด็กสาวพูดไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้ แถมเมื่อหันมาเจอน้องสาวตัวเองกำลังให้เด็กผู้ชายคนอื่นหนุนตักก็แทบทำมิคังคลั่ง! 

    "เขาดูทรมานออก" 

    นั่นคือคำตอบของน้องสาวเมื่อมิคังถามเมื่อสองนาทีก่อน  มิคังรู้สึกเหมือนกำลังโดนนัทซึเมะยึดอนาเขต(มิกะ)ของตัวเองไปก็ไม่ปาน

    "ถึงจะพูดอย่างนั้น..! แต่มันสงบใจไม่ได้นี่คะ!?" มิคังโวยขึ้นมาทำหน้าจะร้องไห้ 

    เห็นมิกะกับเด็กชายคนอื่นก็รู้สึกบาดตาบาดใจเหลือเกิน

    'น้องสาวไม่เคยอ่อนโยนขนาดนั้นต่อหน้าฉันเลยนะ!?'

    ในใจก็นึกถึงโฮตารุ เธออยากฟ้องโฮตารุให้มาห้ามมิกะ ว่าอย่าเข้าใกล้เด็กผู้ชายก่อนวัยอันสมควร(?) 

    "ถ้าว่าอย่างนั้น...ก็ทำท่าเหมือนตัวนากซะสิ" มิซากิมองแฝดผู้พี่อย่างเหนื่อยใจ 

    นาก???

    จากนั้นมิคังก็ถูกสั่งให้นอนราบลงกับพื้นพรม พร้อมทำท่าตัวนาก

    "....." ทำไมฉันต้องมานอนราบบนพื้นด้วย? 

    มิคังสงสัยชีวิตตัวเอง แต่พอทำแล้วก็เหมือนใจเริ่มสงบขึ้น...

    ใช้ได้จริงๆหรือเนี่ย!?

    "เท่าที่ฟังเรื่องนารุมิจากเธอ เหมือนอีกฝ่ายจะปกป้องนัทซึเมะนะ" มิซากิคิดในใจ 

    'ส่วนเรื่องน้องสาวเธอนี่...ฉันเป็นที่ปรึกษาไม่ได้จริงๆ'


    "ปกป้องหรือคะ?" ฉันถามเสียงเบาเหล่มองมือที่แดงของนัทซึเมะ 'นั้นปกป้องงั้นเรอะ?' มิซากิพยักหน้าพลางวางถ้วยชาลง 

    "นัทซึเมะมีความผิด ฐานก่อความวุ่นวายและหลบหนีซ้ำอีก ถ้าหากตอนนั้นหมอนั้นไม่ถูกลงโทษและไม่ได้สลบไปเพียงแต่จับตัวมาเฉยๆล่ะก็ หลังจากถูกส่งตัวไปบื้องบน เขาจะได้รับโทษหนักกว่านี่แน่" 

    "หลบหนี!?" มิคังสะดุ้งลุกขึ้นมา 

    "กะแล้วไงว่าต้องเป็นคนไม่ดี! ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะมิกะ เธอจะต้องไม่หลงผิด!?"

     "ตัวนาก/ตัวนาก" 

    มิซากิและมิกะสั่งพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

    มิคัง: "....." ทำหน้าจะร้องไห้ ค่อยๆเอนตัวกลับมานอนราบเหมือนเดิม 

    มิซากิเห็นแบบนั้นทำหน้าพอใจเสร็จก็พูดขึ้นต่อ

    "เวลานัทซึเมะตื่นตัว ถ้าเขาเกิดทำอันตรายต่อคนที่อยู๋ข้างๆขึ้นมา มันจะหลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติรุนแรงด้วยไม่ได้ จริงมั้ย?"

    มิกะมองนัทซึเมะข้างๆ 

    ตกลงคือแสงที่เห็นบนผ่ามือตอนนั้นไม่ใช่ภาพลวงตาสินะ? แปลว่าอลิซที่หมายถึงคือพลังพิเศษ? เธอคาดเดาไปต่างๆนาๆ แต่ก็ยังคงเอียงหูฟังครูมิซากิพูดอยู่

    มิซากิถอนหายใจกล่าว "ฉันก็ไม่อยากจะปกป้องหมอนั้นหรอกนะ..แต่ เฮ้อ... ดูเผินๆท่าทางเหมือนโรคจิตเลยถูกเข้าใจผิดได้ง่าย แต่ไม่ต้องห่วงอาจารย์ที่เธอพบหรอก เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร"

    หลังจากที่ครูมิซากิพูดยืนยันแบบนั้นไป มิคังก็ดูใจชื่นขึ้น ก่อนที่จะโดนอีกฝ่ายถามถึงเรื่องอลิซขึ้นมา มิคังทำหน้างงๆทันทีเพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอลิซที่ว่าคืออะไร 

    "แล้วอลิซครูนารุมิล่ะ พวกเธอรู้กันมั้ย?" มิซากิมองสองฝาแฝดที่ส่ายหัว 

    กะแล้วเชียว...

    ...ดูเหมือนจะเข้ามาอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยแฮะ...

    "อลิซของหมอนั่นคือ'ฟีโรโมนดึงดูด' หว่านเสน่ห์ใส่โดยไม่เลือกชายหญิง เป็นความสามารถที่ทำให้อีกฝ่ายตกเป็นทาสน่ะ"

    "ฟีโรโมน!?" มิคังตะโกน

    "เป็นอลิซที่ชั่วร้ายสมกับหมอนั่นจริงๆ หมอนั่นสามารถใช้ฟีโรโมนทำให้อีกฝ่ายทำตามความต้องการของเขาได้" 

    มาถึงตรงนี้พวกเรานึกภาพตอนที่ครูนารุมิเชยคางของพวกลักพาตัวรีดค่าไถ่ 

    "สำหรับเด็กที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันความรัก ถ้ารับฟีโรโมนเข้าไปอาจจะอ่อนยวบหรือสลบไปเลยก็มี"  

    มิกะและมิคังมองนัทซึเมะพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย  

    "นอกจากนี้ที่โรงเรียนยังมีเด็กที่มีอลิซต่างๆด้วย ทั้งผู้มีพลังจิตหรือตาทิพย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ไปจนถึงอลิซบ้าๆบอๆ ขนาดทำให้นึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่นได้เลย" มิซากิอธิบายต่อ

     "โรงเรียนนี้ เป็นสถานที่รวบรวมเด็กที่มีพลังแปลกๆเอาไว้ เลี้ยงดูและปกป้องเด็กพวกนั้น 'อลิซ'น่ะคือชื่อที่เอาไว้เรียกพวกมีพลังพิเศษเหล่านั้นแหละ"

     "สุดยอดไปเลย!? น่าสนุกจัง! พวกเราก็เป็นพวกเจ๋งๆแบบนั้นเหมือนกันหรือคะ อย่างกับการ์ตูนแน่ะ!?" มิคังดีใจกระโดดโลดเต้น ก่อนจะหันมาถามเสียงลุ้น

    "แล้วหนูเป็นอลิซอะไรหรือคะ???"

    "เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน" ครูมิซากิลุกขึ้นยืนพลางลูบท้ายคอยดูพวกเราเงียบๆ 

    "คนที่ค้นพบอลิซของพวกเธอคืออาจารย์นารุมิ ไปถามเขาเองเถอะ"

    หลังจากที่ครูมิซากิกล่าวแบบนั้น อยู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ส่งเสียงดัง 

    [มีผู้บุกรุกเรือนกระจก! 
    กรุณารีบไป
    ที่เรือนกระจกโดยด่วน]

    เมื่อได้อ่านข้อความ มิซากิก็ทำหน้าซีเรียดก่อนจะฝากฝังเรื่องนัทซึเมะ ถ้าเขาตื่นแล้วให้กดปุ่มเรียกพวกเขาทันที ห้ามลืมเด็ดขาด!  หลังจากที่ครูมิซากิว่าเสร็จก็ออกจากห้องไปอย่างรีบๆ

    เมื่อชายหนุ่มจากไป ห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง...

    "หน้ากากนี้เขาเอาไว้ทำอะไรกันนะ?" มิคังหยิบหน้ากากบนโต๊ะขึ้นมาดู ก่อนวินาทีถัดมาจะลองสวมใส่ดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    "ไม่รู้เหมือนกัน แต่...เขาว่ากันว่าแมวดำน่ะ 'ให้หลีกหนี'ใช่มั้ยนะ?" 

    ฉันพยายามนึกถึงนิทานพื้นบ้านที่อ่านเจอในห้องสมุดที่โรงเรียน มิคังที่ได้ฟังก็ทำหน้าสงสัยแลดูไม่ชอบใจนิดๆ

    "ถ้ามิกะว่าแบบนั้น ทำไมเธอถึงยังไปนั่งลูบหัว ไอ้หมอนั่นเล่นกันเล่า!" 

    ชี้นิ้วใส่น้องสาวอย่างหึงหวงที่หันมามองที่ตัวเองอย่างงุนงง ในขณะที่มือลูบเส้นผมสีดำของคนบนโซฟาอย่างไม่รู้ไม่ชี้อะไรเลย

    "นั้นมันก็แค่ตำนานพื้นบ้านนิ" ทำหน้าไม่สนใจและเสียงโวยวายของมิคัง  

    ทว่านาทีต่อมาเธอก็เริ่มหาว

    'เริ่มง่วงแล้วสิ..' ตั้งแต่ขึ้นรถไฟมายังไม่ได้นอนเลย นัยน์ตาสีฟ้าค่อยๆหลุบลงเรื่อยๆ ก่อนที่แพรขนตาหนาจะหลับตาลงสนิท

    มิคังก็เงียบเสียงลงเมื่อเห็นมิกะดูง่วงๆ แอบรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นฝ่ายทำน้องสาวไม่ได้นอน เธอเลยหยิบอัลบั้มรูปโฮตารุขึ้นมาดูเงียบๆ ปลอบหัวใจที่บอบช้ำ ก่อนจะกลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง 

    'จะได้เจอโฮตารุแล้วนะ! รอฉันก่อนนะโฮตารุ!'  

    จ๊วฟ จ๊วฟ

    ในจังวะที่มิคังจูบรูปรัวๆด้วยความรักและคิดถึง โดยที่ไม่มีใครรู้..ปลายนิ้วของเด็กผู้ชายก็เริ่มกระตุกเล็กน้อย...

    .....

    ในความมืดที่ไม่รู้วันหรือคืน ไม่ว่าจะวิ่งหนีออกไปไกลสักแค่ไหน... ก็ไม่สามารถหลุดออกจากความมืดที่โอบล้อมนี้ไปได้

    อยากจะหนีออกไปจากที่นี่.. ไปให้พ้นจากที่มืดมิดแห่งนี้ 

    ...หลบหนีออกไป...

    หัวใจเริ่มรู้สึกเจ็บจนเหงื่อออก เพราะฝืนใช้อลิซในขณะที่สวมหน้ากากผนึกพลังไว้อยู่ ทำให้เหมือนร่างกายกำลังโดนพลังอลิซของตัวเองกัดกินทีละนิด

    อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครวณครางกระซิบเล็กๆ

    ก่อนสักพักจะเริ่มรู้สึกเหมือนถูกขยับและสัมผัสอ่อนนุ่มตามหลังมา นิ้วมือเริ่มสางเส้นผมอย่างอ่อนโยน ทำให้นัทซึเมะเหมือนเห็นภาพลวงตาของหญิงสาวที่ยิ้มอบอุ่นมาให้คนหนึ่ง

    คุณแม่...

    ความรู้สึกอ่อนนุ่มและอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านทำให้จิตใจเหมือนได้รับการเติมเต็ม นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกสะดวกสบายแบบนี้....น่าจะนานมาก...

    อยากจะให้ลูบแบบนี้ตลอดไปเลย...

    ความเจ็บปวดเริ่มทุเลาลง ความรู้สึกโหยหาและคิดถึง เริ่มทำให้จิตใจกลับมามีสติ ค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อแสงแยงตา 

    ที่นี่...?

    นัยน์ตาสีแดงดูพร่ามัวเล็กน้อย เริ่มมองเห็นหลังของเด็กสาวเสื้อสีชมพูคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลผูกผมทวินเทลหางหมูสองข้าง มัดด้วยโบว์สีม่วงเข้ม กำลังหมกมุ่นกับอะไรบางอย่างในมือ 

    เขากวาดสายตาอย่างระแวงระวังไปทั่วเพื่อดูว่าไม่มีใครอื่นในห้องก่อนจะชะงัก

    สัมผัสอบอุ่นนุ่มๆบนหัวนี้มัน...

    เหลือบเห็นกระโปรงสีชมพูและต้นขาขาวที่กำลังนอนทับอยู่ก็ปะติปะต่อได้ นัทซึเมะเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ทำให้มือนุ่มนิ่มที่วางบนผมค้างลื่นหลุดออกจากหัว 

    ก่อนจะพบเด็กสาวหน้าตาน่ารักกำลังหลับตาลงอย่างสงบ 

    ใครน่ะ?

    ลมหายใจเข้าออกอย่างสงบทำให้เขารู้ว่าเจ้าตัวกำลังหลับจริงๆ 

    ผิวขาวอมชมพูดูสภาพดีเหมือนลูกผู้ดี แพรขนตาหนาที่เหมือนจะขยับเล็กๆ  ริมฝีปากสีแดงที่ดูชุ่มชื่นตลอดเวลา เส้นผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถูกมัดรอบหลวมๆด้วยลิบบิ้นสีแดงพาดไหล่ ทำให้เส้นผมยาวคลอเคลียไหล่เล็กๆ 

    เป็นเด็กผู้หญิงที่เรียกเต็มปากได้ว่าสวยมากคนหนึ่งเลย

    ไม่รู้ว่าเผลอจ้องมองนานเท่าไหร่ อีกฝ่ายเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว แพรขนตาหนาหงิกงอเริ่มขยับนิดๆ นัยน์ตาสีฟ้าครามกำลังจะเปิดออก

    ตึกตัก..

    ทันใดนั้นรูม่านตาของนัทซึเมะก็ตื่นตัว ก่อนจะพลิกตัวกดหญิงสาวลงบนโซฟาพร้อมตัวเองขึ้นคร่อมอีกฝ่ายไว้ 

    ควับ!

    "อ๊ะ!" 

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เสียงอุทานร้องเล็กๆอย่างตกใจของมิกะ ทำให้มิคังหันมามองอย่างสงสัย ก่อนจะกรีดร้องขึ้นเมื่อเห็นนัทซึเมะกำลังขึ้นคร่อมน้องสาวเธอไว้อยู่

    "นายทำอะไรน่ะ!?"

    "อย่าขยับ!" เสียงตะวาดใส่มิคัง ก่อนจะหันมาสนใจคนใต้ร่างตัวเองต่อ

    "ตอบมาภายใน5วิ ถ้าไม่ตอบฉันจะเผาผมนี่ซะ" มือของเขาจับเส้นผมบนไหล่ของเธอแน่น และมืออีกข้างที่กุมคอเธอตรึงเอาไว้

    "เธอเป็นใครกัน!?"


    ......


    อีกทางด้านหนึ่ง มิซากิกำลังวิ่งไปที่เรือนกระจกอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะได้ยินเสียงบางอย่างบนท้องฟ้า

    เงาใหญ่ยักษ์บินผ่านไปอย่างรวดเร็ว มิซากิเงยมองท้องฟ้าก่อนจะรู้ว่ามันคือเหยี่ยวสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่ แต่มันผิดปกติตรงที่กรงเล็บของมันเหมือนกำลังหิ้วห่วงอะไรบางอย่างเอาไว้ด้วย

    มิซากิหรี่ตามองผ่านแสงอาทิตย์ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ามันคือ'คน'ที่จับห่วงระหว่างกรงเล็บ! 

    "ไม่จริงน่า!" เมื่อรู้ทิศทางของเหยี่ยวตัวนั้นชายหนุ่มก็รีบหันหลังกลับทันที 

    ...

    เวลาผ่านไปเหมือนเนินนาน แต่แท้จริงเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาที 

    "มิกะ.."

    "....หืม?" นัทซึเมะก้มมองสงสัย 

    ดวงตาสีฟ้าใสเหมือนผืนน้ำประสานสายตาสีเพลิงที่ดุร้ายของอีกฝ่ายตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว

    "ฉันชื่อ ซากุระ มิกะ"

    แววตาเปิดเผยความจริงใจไร้การเสแสร้ง เส้นผมสีอ่อนเหมือนน้ำตกทิ้งตัวลงบนเบาะนุ่ม ลิบบิ้นสีแดงหลุดออกจากการพลิกตัวขยับอย่างรุนแรงเมื่อครู่ ทำให้ร่างเพรียวบางในชุดขาวกระโปรงสั้นดูงดงาม

    "......." นัทซึเมะเงียบ ไม่เคยมีเด็กผู้หญิงคนไหนกล้าจ้องสายตาเขากลับแบบดื้อรั้นแบบนี้มาก่อน 

    มิกะเธอไม่ได้รู้สึกกลัวเลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันทั้งที่เธอกำลังโดนอีกฝ่ายกุมคออยู่แท้ๆ 

    มิคังยืนมองลุ้นอยู่อีกฝั่งของห้อง เธอไม่กล้าขยับหรือทำอะไร เพราะกลัวว่าฝ่ายนั้นจะทำอันตรายมิกะจริงๆ


    ทันใดนั้น

    เพล้ง!

    เสียงกระจกแตกและเศษกระจกที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้น 

    "โอ๊ย..." ร่างของเด็กผู้ชายผมสีบลอนด์ทองคนหนึ่งที่อยู่ๆก็โผล่เข้ามา กำลังหยิบเศษแก้วออกจากผมตัวเอง 

    นัยน์ตาสีฟ้าผิวขาวและใบหน้าหล่อติดหวาน ของเด็กผู้ชายทำให้นึกถึงเจ้าชายตัวน้อย 

    นัทซึเมะผละออกจากใบหน้าของมิกะก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่

    "...ช้าชะมัด รูกะ

    "ให้ตายสิ...แล้วคิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะ นัทซึเมะ

    'รูกะ'บ่นอุบอิน "อุตส่าห์มาช่วยนายนะเนี่ย"ก่อนจะหยุดชะงักกึก เมื่อเห็นว่าใต้ร่างของเพื่อนสนิทมีใครอยู่ด้วย และแถมอีกฝั่งของห้องเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลย

    "ใครกันน่ะ" รูกะถาม

    "ไม่รู้ ตื่นมาก็อยู่ด้วยแล้ว" นัทซึเมะเหลือบมองมิคังที่ยืนสั่นๆตรงโน่น ก่อนจะก้มมองมิกะอย่างหงุดหงิด

    "กล้าจ้องตาฉันตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่ขัดขืนหรือดิ้นรนอะไรเลย ฉันกะว่าจะทำให้เธอร้องไห้ซะหน่อย" 

    ขนาดขู่ไปแล้วใบหน้าของอีกฝ่ายก็ไม่เปลี่ยนไปเลย รูกะมองมิกะอย่างสนใจ 

    "เอ๋ งั้นทำไมไม่ใช้อลิซขู่ทำให้กลัวล่ะ"

    "จะใช้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่สงสัยยังเพลียอยู่เลยใช้ไม่ได้" ต้องกำจัดคนที่กล้าต่อต้าน สายตาของนัทซึเมะสื่อออกมาอย่างชัดเจน 

    นัยน์ตาของมิกะเริ่มลังเล... ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปเธอต้องโดนกระทำบางอย่างไม่ดีแน่ๆ


    'คะ คนนี้เป็นใครกันอีกเนี่ยยยย'  มิคังหน้าซีดเหงื่อตก ก่อนจะได้สติกลับมาเมื่อมิกะหันมามองพร้อมเอ่ยเตือนเสียงจริงจัง

    "กดปุ่มมิคัง!"

    'จริงด้วย! ปุ่มฉุกเฉิน!?' 

    ปลายรองเท้ารีบหมุนตัวไปหากำแพงข้างๆทันที

    "อย่ากดนะ! ถ้ากดฉันจะถอดกางเกงในยัยนี่ซะ!?" 

    เสียงคำรามขู่ห้ามของนัทซึเมะไม่ทันแล้ว มิคังกดไปเป็นที่เรียบร้อย 

    กริ่งงงงงงง___!!!

    เสียงกริ่งเตือนภัยดังขึ้นทันที 

    เธอได้ยินนัทซึเมะที่อยู่ข้างบนสถบสาปแช่ง มีแต่ประโยคคำพูดที่เธอไม่รู้จักทั้งนั้นเลย เอาไว้เสร็จหลังจากนี้เธอว่าจะไปถามมิคังเป็นความรู้....แม่งเอ้ย มันคืออะไรเหรอ?

    ตึ่กตึ่กตึ่กตึ่ก

    เสียงฝีเท้ามากกว่าหนึ่งคู่ดังขึ้นมา เหมือนแว่วๆได้ยินเสียงครูมิซากิกำลังด่าครูนารุมิ ว่าเป็นความผิดของนายนั้นแหละที่ไปหยิบของโดยพลการ แต่เหมือนจะได้ยินเสียงครูนารุมิดูไม่เดือนร้อนเท่าไหร่เลย

    แต่ก่อนหน้านั้นเธอรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา พร้อมคนข้างบนที่กระโดดผละออกไป ยืนตรงหน้าต่างพร้อมกับเพื่อนผมบลอนด์

    ปังง!!?

    "เป็นอะไรหรือเปล่ามิคังจัง! มิกะจัง!?" ประตูใหญ่เปิดออกพร้อมครูนารุมิและครูมิซากิที่ยืนดูหอบเหนื่อยเหงื่อแตก

    "แงงง!!"

    มิคังร้องไห้วิ่งไปกอดเอวครูนารุมิแน่นพร้อมสะอื้นกลัว ส่วนฉันก็ลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยบนโซฟา...แล้วกำกระโปรงแน่น

    เย็น...


    "นัทสึเมะ! รูกะ! กลับมานี่นะ!?" ครูมิซากิตะโกนใส่ทั้งคู่ที่กำลังปีนหน้าต่าง ก่อนจะยืนบนขอบหน้าต่างที่กระจกแตกครึ่งหนึ่ง จนผ้าม่านปลิวตามแรงลมแล้วหันมามอง

    "ไปก่อนนะ ยัยกางเกงในลูกไม้" ในมือเป็นกางเกงในลูกไม้สีชมพูดูน่ารักประดับด้วยลิบบิ้นเล็กๆ ก่อนจะกางมือออกทำให้มันหล่นตกข้างหน้าต่าง  

    รอยยิ้มกระตุกมุมปากดูเยาะเย้ยที่เด็กผู้หญิงที่แก้มกลายเป็นสีแดงบนโซฟา เรียวคิ้วก็ขมวดมุ่ยดูไม่พอใจ

    'ยอมแสดงสีหน้าอย่างอื่นแล้วเหรอ?' แต่เสียดายไม่ร้องไห้แฮะ 

    "ลาก่อน"

    เอ่ยจบทั้งคู่ก็กระโจมออกไปทางหน้าต่าง ก่อนที่ทั้งสองร่างจะถูกเหยี่ยวบินลงไปจับทั้งคู่ขึ้นบนท้องฟ้าบินหนีหายไป 

    "อ๊ะ...โดนถอดซะแล้ว" นารุมิแสดงสีหน้าคาดไม่ถึง พร้อมครูมิซากิที่หลบไปไอแก้เก้อ 

    มิคังช็อค....

    มิกะลุกขึ้นมาหยิบของที่ทำตกก่อนจะซ่อนไว้ข้างหลังแล้วก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด โดยเฉพาะสำนึกผิดไปทางมิคัง...ขอโทษที่ฉันไม่ระวังตัวให้ดี.. 


    ต่อหลังจากนั้น....

    ฮึก... ฮือ... ฮือ.. 

    มิคังก็ยังไม่หยุดร้องไห้จนน้ำตาหนองเป็นแอ่งเล็กๆบนโต๊ะ มิกะที่นั่งถัดไปข้างๆกำลังลูบหลังปลอบเงียบๆ 

    "หยุดร้องไห้เถอะมิคัง...คนที่โดนมันคือมิกะนะ" นารุมิเอ่ยยิ้มมีเสน่ห์ "แค่โดนถอดกางเกงในไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วยังมีเรื่องเด็ดๆกว่านี้อีกเยอะนะ"

    ผัวะ!

    เสียงฟาดหลังอย่างไม่ออมแรงจากครูมิซากิ 

    "พูดอะไรให้เด็กฟังฟร่ะ!?" 

    "แหะแหะ" นารุมิยิ้มแห้งๆ 

    มิคังที่กำลังร้องไห้สะอื้นเงยหน้าขึ้นมาด้วยตาแดงๆ "มันเป็นเรื่องใหญ่ต่างหาก! มิกะเป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้ว! แงงง โฮฮฮ~ คุณปู่หนูขอโทษค่ะที่ดูแลมิกะไม่ดี...ฮืออออออ"

    คุณปู่?

    "เอ่อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกน่า! ไว้ถึงตอนนั้นฉันจะทำให้นัทซึเมะรับผิดชอบมิกะเองนะ" นารุมิพูดยิ้มๆด้วยท่าทางมั่นใจ ยิ่งเรียกเสียงกรีดร้องของมิคังเข้าไปใหญ่

    "แกน่ะ หยุดพูดไปเลย!" มิซากิกระชากคออีกคนที่ทำหน้าเหลอหลาเหมือนไม่เข้าใจว่าพูดอะไรผิด  

    มิกะที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ 

    แกร๊ก

    แล้วตรงไปหยิบเสื้อผ้าที่ครูนารุมิแขวนไว้บนเก้าอี้มาตรงหน้ามิคัง 

    "...?" มิคังเงยหน้ามองเด็กสาวเบื้องหน้ากำลังยิ้มอ่อนหวานเป็นประกาย ดวงตาสีฟ้าโค้งงอเล็กน้อยทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยนมากขึ้น

    "โฮตารุเคยบอกว่ามิคังร้องไห้จะขี้เหร่ขึ้น30% ....เพราะฉะนั้นใบหน้าที่ร้องไห้ไม่เหมาะกับมิคังหรอก" 

    นิ้วมือเรียวเล็กของมิกะยื่นไปเช็ดน้ำตา ที่ไหลลงมาให้เด็กสาวฝาแฝด แววตาสีน้ำตาลของมิคังเริ่มหันไปสนใจเสื้อผ้าน่ารักในมือของมิกะ 

    "นั้นเป็นเครื่องแบบของพวกเธอยังไงล่ะ หยุดร้องไห้แล้วเปลี่ยนชุดอย่างที่มิกะจังว่าดีกว่านะ มิคังจังน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า" ครูนารุมิเอ่ยเชียร์ 

    มิคังเช็ดน้ำตาก่อนจะรับเสื้อผ้ามาจากมิกะ ทั้งสองคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักพักก็ออกมา 

    "โอ้ น่ารักจัง" 

    "ดูดีทั้งคู่เลยล่ะ"

    นารุมิยืนมองเด็กสาวทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน ครูมิซากิก็พยักหน้า เพราะเสื้อผ้าเหมาะกับทั้งคู่จริงๆนั้นแหละ

    มิคังในชุดนักเรียนคอปกกะลาสี มีลิบบิ้นผูกตรงปกคอเป็นรูปโบว์น่ารัก เสื้อแขนยาวสีดำเนื้อนุ่มเนียนและกระโปรงลายตารางหมากรุกสีแดง

    มิกะก็ใส่แบบเดียวกันแต่เปลี่ยนทรงผมที่หลุดออก มัดเป็นเปียสองข้างผูกโบว์สีแดง มิคังเป็นผมทรงเดิมและโบว์สีม่วง
     
    "เอาล่ะ เรื่องเข้าเรียนของพวกเธอน่ะ มีกำหนดเข้าเรียนโดยไม่มีปัญหาแล้วล่ะ แต่อย่างที่ว่าไปก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้เรียนอย่างเป็นทางการ พวกเธอทั้งคู่จะต้องผ่านการทดสอบเข้าเรียนในช่วงที่เข้าเรียนชั่วคราว1สัปดาห์"

    พอพูดถึงเรื่องสอบมิคังจากที่ร่าเริงก็เริ่มห่อเหี่ยวหมดกำลังใจ ก่อนจะเดินไปกุมเสื้อของมิกะไว้อย่างอาลัยอาวรณ์

    "มิกะอย่าลืมมาเยี่ยมฉันที่บ้านนะ..." 

    'ยังไม่ทันได้สอบ พี่บ้าก็ตัดใจซะแล้ว' มิกะกลอกตามองบนเงียบๆ 

    ในหัวก็คิดไปด้วยว่าถ้ามีข้อสอบวัดความรู้ขึ้นมา จะทำยังไงให้มิคังผ่านสอบดีนะ...(รายนี้ก็เริ่มคิดหาวิธีโกงทันที)

    "อะไรกัน เรื่องง่ายจะตายไป! จากนี้ไปชั้นประถมห้องBที่พวกเธอจะเข้าไปอยู่ พวกเธอจะต้องเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นและได้รับการยอมรับให้ได้ก็เท่านั้นเองจ๊ะ" 

    "โรงเรียนจะคอยดูแลช่วงนั้นและตรวจดูระดับพลังอลิซของพวกเธอ"

    ครูนารุมิยิ้มหวานพูดอย่างสบายๆยกนิ้วโป้งให้ โดยที่มิกะและมิคังไม่สังเกตุ มิซากิแอบสถบ..."..ง่ายกับผี.."

    "แค่นั้นหรือคะ?" มิคังหันไปถามครูนารุมิ อีกฝ่ายก็พยักหน้ายืนยัน 

    "yes แค่นั้นแหละ!"

    "ว้าย ง่ายจังเลย!" 

    "ใช่ม่าใช่ม่า ฮะฮะฮะ" 

    พอรู้ว่าไม่ใช่สอบข้อเขียน มิคังก็กลับมาร่าเริงมีไฟไปต่อสู้ต่อแล้ว!

    มิกะกำลังอมยิ้มที่เห็นมิคังยิ้มได้สักที ก่อนที่ครูมิซากิจะได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมบอกให้เปิดเข้ามาได้ ฉันหันมามองประตูที่เปิดออก 

    "อาจารย์เรียกพวกเราหรือคะ?" มีนักเรียนชายหญิงสองคนที่แต่งตัวเหมือนฉันและมิคังก้าวเข้ามา เด็กผู้ชายใส่แว่นตากลมโตเข้ามาเป็นคนแรก  ท่าทางเรียบร้อยดูใจดี ก่อนที่เด็กผู้หญิงอีกคนจะก้าวเข้ามาข้างหน้า

    มิกะชะงักกึก 

    ครูนารุมิหันมาพูดยิ้มๆแนะนำ "ทั้งสองคน นี่คือตัวแทนเพื่อนร่วมชั้นของพวกเธอไงละ"

    "โฮจัง...?" 

    เสียงกระซิบเล็กๆแต่เป็นจังหวะที่ไม่มีใครพูดขึ้นพอดี เรียกความสนใจจากทั้งห้อง  

    มิคังรีบหันมามอง ก่อนจะอึ้งพร้อมอ้าปากตะโกนเสียงดัง "โฮะ...โฮตารุ!?"

    "เอ๋" นารุมิเงียบก่อนจะเอียงคอร้องอุทานสั้นๆ 

    มองเด็กทั้งสามคนสลับไปมาอย่างสับสน 

    พร้อมกันนั้นนัยน์ตาสีม่วงงดงามคมซึ้งสวย ของเด็กผู้หญิงเงยหน้าขึ้นมามอง 

    "อ๊ะ" ก่อนจะชะงักกึก...ใบหน้าตายไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่ส่งเสียงอุทานอย่างแปลกใจ นั้นยิ่งทำให้พวกเขารู้ว่าทั้งสามคนนั้นรู้จักกันจริงๆ

    นารุมิพาเด็กๆทั้งหลายขึ้นรถบัสแมวเหมียวสีเหลืองมาที่แผนกประถม ในขณะนั้นโฮตารุกับมิกะและมิคังก็ยังไม่หยุดจ้องกันเลย

    "อย่างนี้เองเหรอ เพื่อนสนิทที่พวกเธอพูดถึงคือคุณอิมาอิหรอกเหรอเนี่ย" นารุมิสรุปทุกอย่าง มองบรรยากาศแปลกๆของพวกเด็กๆ 

    พอมาถึงที่หมายก็กลายเป็นเวทีสามเหลี่ยม พร้อมฉากรอบด้านกลายเป็นจักรวาร นารุมิกับเด็กแว่นถูกเตะออกจากฉาก

    "...." มิกะมองรอบๆ...ก่อนจะมองโฮตารุและมิคัง 

    หรือว่า...

    นี่ฉันเผลอหลุดเข้าฉากมิติมาเป็นตัวกลางของทั้งคู่อีกแล้วหรือเนี่ย?

    'โฮตารุ...อยากเจอ มา..ตลอด...เลยนะ' 

    เสียงในจิตใจของมิคังพร้อมภาพว่ามิคังกำลังขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น 

    'ทำไม..มิคังและมิกะ...มาอยู่ที่นี่ได้... แต่ช่างมันเถอะ'

    เสียงในจิตใจของโฮตารุสงสัยและสับสน ขณะที่ภาพตัวเองกำลังถอยหนีจากมิคังเรื่อยๆเช่นกัน 

    กลับสู่ความเป็นจริง 

    "อย่าเข้ามาใกล้นะยัยน้ำมูกยืด!" ถ้าไม่ใช่1พันเยนล่ะก็! 

    "โฮตารุ~"

    ทั้งสองคนวิ่งรอบๆมิกะที่ยืนยิ้มหวานสงบไม่ขยับไปไหน 

    เหมือนมิกะพยายามจะเป็นอากาศธาตุแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมโฮตารุและมิคังกลับไม่คิดจะวิ่งหนีไปที่อื่น แต่วิ่งไล่กันรอบๆมิกะแทน

    ตัวแทนชั้นเรียนเด็กแว่นผู้ชายอีกคนยืนทำหน้างง และครูนารุมิมองความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสามอย่างสับสน 

    'ก่อนหน้านี้ยังเห็นมิกะเป็นที่รักของมิคังอยู่เลย ตอนนี้ทำไมเหมือนว่าคุณอิมาอิต่างหากเป็นตัวจริงไปได้กันล่ะ?' 

    'เข้าใจผิดหรือเปล่านะ?' นารุมิคิด

    "โฮตารุ~ โฮตารุ~" 

    "ออกไป!" 

    มิกะยืนเป็นศูนย์กลางของทั้งคู่ ก่อนจะถอนหายใจพรางคิดเงียบๆอยากจะร้องไห้ ต่อจากนี้ไปต้องวุ่นวายหนักกว่าเดิมแน่ๆ 

    สังหรณ์ใจแล้ว

    'ยังไงเราก็หนีเป็นคนกลางไม่พ้นล่ะสินะ?' 

    เฮ้อ...



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอคอมเม้นหรือกดหัวใจเป็นกำลังใจแต่งต่อหน่อยนะ ><! จะได้มีแรงแต่งตอนต่อปายยย~ 

    รูกะ อายุ10ปี เพื่อนสนิทของนัทสึเมะ (ขี้เกียจพิมพ์ เดียวจะมาแก้แนะนำเพิ่มเติมนะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×