ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2 : ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนอลิซ
***
เด็กสาวที่มีทรงผมหางหมูสองข้างสีน้ำตาล ดวงตาสีช็อกโกแลตจ้องมาที่ฉันอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่สิบนาทีก่อน
"ไม่ได้" เธอตอบเสียงแข็ง มิคังรีบโอบเอวเด็กสาวที่ปราศจากรอยยิ้มทั้งน้ำตาหนองหน้าทันที
"มิก้าาา ได้โปรดนะ ฉันอยากจะเจอโฮตารุ~!"
ห้องกว้างแบบสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียบร้อยกำลังเริ่มเละเทะ สาเหตุเพราะฉันกำลังเทข้าวของในกระเป๋าใบใหญ่ออกมา...
ใช่แล้วล่ะ
มันคือกระเป๋า'เดินทาง'ของมิคัง มีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัว เหมือนเตรียมตัวจะไปไหนสักแห่งยาวๆ..
แน่นอนล่ะว่าเพราะอีกฝ่ายคิดกำลังจะแอบหนีจากบ้านตอนดึกนี่ไง!!
เฟ้ย ฉันอยากจับแฝดพี่มาตีก้นจริงๆเลย
ฉันโมโหสุดๆไปเลยเมื่อจับได้ว่ามิคังกำลังเตรียมตัวหนีออกจากบ้านไปหาโฮตารุในเมือง แถมยังขโมยเงินเก็บของคุณปู่มาอีก!
เธอจับกระดาษในมืออย่างสั่นๆมีรูปผลไม้รูปส้ม ส่งถึงคุณปู่พร้อมข้อความ'ขอโทษ'หนาๆเต็มกระดาษ กับอีกกระดาษแผ่นหนึ่งที่ตัวหนังสือเต็มกระดาษผิดกับจดหมายของคุณปู่เมื่อกี้ลิบลับ(บอกได้ถึงความลำเอียงที่มี)
ถ้าคุณปู่รู้ว่าเงินเก็บกำลังโดนหลานใจแตก(?)ขโมยหนีออกไปหา(คนรัก)เพื่อนวัยเด็ก เขาคงได้เป็นอกแตกตายแหงๆ
"ขอร้องล่ะอย่าบอกคุณปู่นะมิกะ~ ฉันเป็นห่วงโฮตารุจริงๆ ฉันต้องการไปดูว่าโฮตารุปลอดภัยหรือเปล่า!?"
มิคังโวยวายแต่ก็ห้ามมิกะที่เมินใส่อย่างไม่ใยดีไม่ได้ โทษฐานที่บังอาจโกหกเบื้องสูง
ถ้าเกิดฉันดันไม่เอะใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูมีพิธุร มิกะคงได้มารู้ข่าวพร้อมคุณปู่ในวันถัดไปแน่ๆ ถึงตอนนั้นคงจะตามจับกลับมาไม่ทันแล้ว
เหมือนมิคังจะไปได้ยินมาว่าโรงเรียนที่โฮตารุย้ายไปนั้น เหมือนคุกที่ไม่สามารถออกมาพบผู้ปกครองหรือติดต่อจากคนข้างนอกได้เลย จนกว่าจะเรียนจบ....แถมโรงเรียนนั้นมีแผนกอนุบาลจนถึงแผนกม.ปลาย
แปลได้ว่าถ้าจะเรียนจบต้องอยู่จนถึงอายุ18ปีเลย
ฉันก็แอบได้ยินมาจากพวกคุณป้า ที่ชอบนินทาข้างบ้านมาเหมือนกันว่า... โรงเรียนอลิซที่โฮตารุไปเรียนนั้น นักเรียนอลิซเป็นพวกมีค่าตัวสูงมากจึงต้องดูแลกันอย่างเข้มงวด
ถึงขั้นรัฐบาลญี่ปุ่นสร้างโรงเรียนขนาดใหญ่เฉพาะทางขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้ประสบอุบัติเหตุหรือโดนลักพาตัวไป และฉันกับมิคังก็ได้รู้สาเหตุที่โฮตารุย้ายมาเรียนที่นี่ตอนป.4
เพราะพ่อแม่ของโฮตารุรู้ว่าลูกตัวเองพิเศษ จึงพาหลบหนีย้ายบ้านมาหลายครั้งแล้ว เพื่อหนีคำเชิญจากรัฐบาลญี่ปุ่น...
แต่สุดท้าย....
เธอมองออกไปยังดวงดาวนอกหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ ดวงตาสีฟ้าหลุบลงอย่างหม่นหมอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอก็คิดถึงโฮตารุมาก แต่เพราะไม่อยากให้มิคังต้องคิดมากเพิ่มอีก เธอจึงไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้ง...จนกระทั่งมิคังสิ้นคิดจะหนีออกจากบ้านไปคนเดียวนี่แหละโว๊ย!?
ดูเหมือนจะไม่พูดไม่ได้ซะแล้ว!
"มิคัง.. พูดแบบนี้แปลว่าฉันใจร้ายไม่ห่วงโฮตารุงั้นเหรอ?"เสียงสั่น(แสร้งทำ)เอ่ยถามของมิกะทำมิคังตัวแข็ง
"....มิกะ!?" ก่อนจะยิ่งตกใจหน้าซีดเมื่อเงยหน้ามาเห็นมิกะกำลังร้องไห้!
เด็กสาวผมน้ำตาลยาวร้องไห้แบบเงียบๆ ดวงตาสีฟ้ากระพริบเล็กน้อยน้ำตาก็ร่วงเปาะๆ มิคังตกตะลึงเพราะตั้งแต่มิกะสูญเสียความทรงจำไป เธอก็ไม่เคยร้องไห้ให้เห็นอีกเลย
ช่างแตกต่างจากตัวเองที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งซะจริง
น้องสาวที่ร้องไห้ได้สวยงามซะจนมิคังอยากถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วเอาไปแบ่งปันกับโฮตารุ(รายนั้นชอบคนที่หน้าตา) แต่ถ้าได้เผลอทำจริงๆต้องโดนมิกะโบกอีกลูกใหญ่แน่ๆ
"ถ้าเธอคิดจะไปหาโฮตารุล่ะก็ ทำไมไม่บอกฉันด้วยล่ะ ทำไมถึงต้องคิดจะแอบหนีไปคนเดียวอย่างลับๆ" บีบน้ำตาให้ไหลลงมา เพิ่มความรู้สึกผิดจนมิคังไม่กล้าต่อต้าน
เสียงเอ่ยอย่างคับข้องใจพร้อมดวงตาแดงๆที่จ้องเขม็งมา ริมฝีปากฉ่ำแดงมุ่ยลงอยากหงุดหงิด
น่ารักกก~ มิคังกุมหัวใจ ไม่ได้รู้สึกกลัวกับท่าทีขู่ฟ่อของน้องสาวเลยสักนิด
"ฉะ ฉันเป็นห่วงมิกะ ไม่อยากให้เธอออกไปเสี่ยงอันตราย.."
มิกะที่สูญเสียความทรงจำไปแล้วก็เหมือนเด็กบริสุทธิ์ที่ไม่เคยเห็นโลกคนหนึ่ง มิคังไม่อยากให้น้องสาวต้องออกไปข้างนอกเลยจริงๆ!
'ถึงแม้มิกะจะฉลาดกว่าตัวเองก็เถอะ...' มิคังตอบเสียงอ้อมแอ้มในใจ
"แล้วคิดว่าฉันไม่เป็นห่วงเธอบ้างหรือไง ยัยพี่บ้า!" เสียงสุดท้ายกระแทกเสียงใส่ด้วยแรงอารมณ์
เมื่อเห็นว่าน้องสาวที่รักเหมือนลูกในไส้(?)เกิดของขึ้นจริงๆ รีบขอขมาน้องสาวอย่างไว ประดุจหยังกับเมียจับได้ว่าไปมีชู้ลับๆ
"ขอโทษจ๋าา..." พาเด็กหญิงร่างบางกดลงนั่งบนเก้าอี้ เสริฟน้ำ..ถือพัดและคอยนวดไหล่เบาๆ
พร้อมเกลี้ยกล่อมพูดถึงโฮตารุที่ส่งจดหมายมาแค่ฉบับเดียวในครึ่งปี บรรยายว่าตัวเองฝันร้ายเห็นโฮตารุขอความช่วยเหลือ(หลอนไปเอง)นอนหลับไม่ลงกินข้าวไม่ลง(ก็ยังเห็นกินได้ปกตินะ)
พร้อมปล่อยก๊อกน้ำตาแตกเหมือนสั่งได้อีกชุดใหญ่ๆให้น้องสาวใจอ่อน
นี่ก็บีบน้ำตาเสแสร้งเก่งพอๆกัน...
จนสุดท้าย...เพราะทนลูกเล่นใหญ่ของมิคังไม่ไหว(แพ้พ่าย) อีกอย่างเธอก็เป็นห่วงโฮตารุเช่นกัน ทำให้ฉันตัดสินใจจะตามมิคังไปเรียนโรงเรียนอลิซด้วย
ถึงแม้ตอนแรกจะโดนคัดค้านเสียงหนักจากมิคังก็ตาม แต่ฉันก็ตามมิคังมาถึงสถานีรถไฟไปโตเกียวอย่างราบรื่นจนได้ โดยเมินใบหน้าเป็นห่วงกังวลของคนข้างๆไป
เวลาผ่านไปไวอย่างสายน้ำ รถไฟก็มาถึงสถานีที่ต้องการ
ว้าว..
พอมาถึงโตเกียวก็เจอกับประชาชนคนฟรุ่งฟร่านเต็มไปหมด ตึกสูงตระหง่านจนมองแล้วเวียนหัว ฉันรีบลากมิคังขึ้นแท็กชี่ไปโรงเรียนอลิซทันที ก่อนที่มิคังจะใช้จ่ายเงินที่จิ๊กมาจากคุณปู่ เอามาซื้อของฝากจนหมดซะก่อน
[ณ สถาบันวิจัยอลิซแห่งชาติ]
บรืนน...
"ถึงแล้วครับ!"
แกร๊ก ปัง
ตุบ
ใน...ในที่สุดก็ถึงที่หมาย....
สองร่างที่พากันมาถึงจุดหมายปลายทางปุบ ก็ทรุดตัวนั่งคุกเข่าหมดแรงกับพื้นทันที สองแขนก็เต็มไปด้วยของฝากที่เลือกจะเอามาฝากโฮตารุ
แฮ่ก แฮ่ก
สุดท้ายก็แพ้กิเลส.... มิกะที่ยึดมั่นในใจว่าจะคอยบอกห้ามมิคังว่าอย่าใช้จ่ายเงินมาก
แต่พอไปเห็นเสื้อผ้าและชุดชั้นใจสวยๆในตู้กระจก รู้ตัวอีกทีก็เข้าไปลองแล้วยืนถือถุงออกมาแล้วซะงั้น...โตเกียวนี่เมืองแห่งแสงสีจริงๆนะ
เสื้อผ้าก็น่ารักมากๆ และพวกชุดชั้นในลูกไม้น่ารักที่ไม่เคยเห็นอีก จนเผลอควักตังจ่ายแล้วเปลี่ยนใส่ออกมาเลย(พี่พนักงานสาวบอกว่าซักรีดแล้วใส่ได้ทันที)
แต่พอมาเห็นหน้าประตูที่สูงตระหง่านจนเงยปวดคอ มิคังและฉันก็ต้องตกตะลึงช็อคไปอีกรอบ.....
ทำไม...มันใหญ่ขนาดนี้ล่ะเนี่ย! มองไม่เห็นโรงเรียนข้างในเลยเห็นแต่ต้นไม้สูงๆ และถนนเส้นทางวกวนไปวนมายาวๆ
"ที่นี่...ที่โฮตารุอยู่เรอะ???" มิคังอ้าปากเหวอ หัวใจเต้นตึกตักจนเหงื่อแตกพลั่ก
โรงเรียนของพวกหัวกะทิระดับสุดยอดของญี่ปุ่น!
'ไม่ได้นะ!... ไม่ได้! จะมาใจฝ่อเพราะความใหญ่โตมโหฬารไม่ได้!'
มิคังยกมือตบแก้มแปะๆเรียกสติ ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ มิกะในชุดลำลองกระโปร่งสั้นกลีบสีซากุระอ่อน เสื้อสีขาวแบบเปิดไหล่สองข้างปรากฏผิวขาวดูนุ่มนวล และมิคังที่แต่งตัวคล้ายๆกันแต่เป็นเสื้อยืดคอกลมสีชมพูแขนยาว กระโปร่งสั้นสีขาว
"มิกะไปกันเถอะ!" จับมือมิกะแล้วมุ่งไปยังประตูใหญ่โต
มิกะที่ยืนเหม่อได้สติพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะชูมือพร้อมกันตะโกนปลุกขวัญกำลังใจ
"โอ้!/โอ้..!"
......
สองชั่วโมงต่อมา...
"ขอร้องล่ะค่ะ ขอแค่แปบเดียว พวกเรามาพบเพื่อนที่นี่!"
"ไม่ได้ก็คือไม่ได้! คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา!" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวเสียงดัง ก่อนจะปิดกั้นประตูไม่ให้เราเข้าไป หลังจากที่โยนพวกเราออกมาแล้ว
การเจรจาล้มเหลว...
มิคังคอตกเดินออกมา ส่วนฉันก็เดินตามเธอต้อยๆอย่างเชื่องช้า
"ฉันขอโทษนะมิกะ...พาเธอมาลำบากเสียเที่ยวซะแล้ว"
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ความผิดมิคัง" เธอยิ้มอ่อนโยนพลางคิดในใจ 'ฉันกะแล้วล่ะ ว่าต้องเป็นอีกรอบแบบนี้'...
หมับ!
"มิก้าาาา ฉันขอถอนคำพูด! เธอยังเป็นน้องสาวที่น่ารักของฉันเหมือนเดิม!" ก่อนจะโดนแฝดพี่ตัวเองกระโดดกอดน้ำตาไหล
อื้ม....แปลว่าปกติฉันใจอ่อน(ปลง)เธอแบบนี้เองสินะ...
จ๊อก~x2
"...."
"...."
เสียงท้องร้องดังขึ้นพร้อมกันทำให้ฉันและมิคังหน้าแดง
"เงินฉันหมดแล้วด้วยอา..ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน" สิ้นเสียงมิคังเธอเหลือบมองถุงของฝากในมือของมิคังเต็มสองแขน
เธอส่งสายตาหิวโหย 'ทำไมเราไม่กินนั่นแทน..' มิคังส่งสายตาปราบมา 'ไม่ได้นะ นี่ของฝากโฮตารุ!'
'ความรู้สึกเหมือนแพ้เมียน้อย(โฮตารุ)...' มิกะคิดในใจแอบหงุดหงิด
...เราจ้องตากันอย่างไม่ยอมจนเกิดกระแสไฟฟ้าเปรี๊ยงๆ...
จ๊อก~
"......" เสียงท้องร้องของมิคังดังอีกรอบจนตัวเองยิ้มเขินๆ ฉันยิ้มอ่อนส่ายหัวเบาๆ
"ช่างเถอะ ฉันมีเงินเก็บส่วนตัวเอามาด้วย ฉันจะเลี้ยงเธอเอง" ตบกระเป๋าน้องหมาแปะๆ
ยังดีที่เก็บเงินออมไว้ตลอดสองปีทุกเทศกาล ที่คุณปู่ให้มาไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย ถึงจะเพิ่งหยิบเอาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆก็เถอะ
แต่ยังเหลือส่วนเลี้ยงข้าวพวกเราได้สักสองสามวัน...มั้ง
"มิกะ! น้องสาวของฉันน่ารักที่สุดเลย!" มิคังกระโดดหมายจะฟลัดแก้มเธอ แต่ฉันงอนอยู่เลยคว้าได้แต่ลมเมื่อฉันหลบออก เราเลยวิ่งไล่จับกันอยู่พักหนึ่งก็มีคนมาขัดจังหวะ
"เฮ้ พวกเธอ" เสียงเรียกความสนใจจากเด็กฝาแฝดสองคนหันมามอง ชายหนุ่มสองคนท่าทางไม่น่าไว้วางใจเดินเข้ามาพยายามตีสนิท
"โอ้...หนูน้อยน่ารักทั้งสอง"
"พวกเราได้ยินว่าจะมาพบเพื่อนเหรอ"
"ค่ะ!" มิคังตอบเสียงใส ส่วนฉันก็พยักหน้าเบาๆ ยิ่งเรียกรอยยิ้มของชายทั้งสองเข้าไปใหญ่
'ท่าทางดูใสซือจังเลย แบบนี้ลักพาตัวง่ายแน่ๆ' พวกเขาคิดในใจพลางยิ้มกริ่ม
"แย่จังเลยนะ ลำบากมาจากต่างเมืองเลยงั้นเหรอ" ชายหนุ่มแกล้งแสดงสีหน้าเห็นใจก่อนจะยิ้มประจบ "ถ้าไม่รังเกียจ..พวกเราช่วยพวกเธอได้นะ"
"จริงเหรอคะ!" มิคังตาลุกวาว เขย่าแขนน้องสาว "ดูสิมิกะ! พวกเขาจะช่วยเราเข้าไปด้วย สวรรค์เห็นใจเราแล้ว!"
"ไว้ใจได้แน่เหรอ..." ฉันมองพวกเขาอย่างสงสัย
โฮตารุเคยบอกว่าโตกียวเป็นเมืองที่อยู่ลำบากนะ ส่วนมิคังนั้น...
'ดีจังเลย ถึงเคยได้ยินว่าโตเกียวเป็นสถานที่น่ากลัว แต่ก็มีคนใจดีอยู่เหมือนกันแฮะ'
ใบหน้าแป๊ะยิ้มเหราอย่างชัดเจนเลย ใจต้องบินไปถึงโฮตารุแล้วแน่นอน...
"แน่นอนสิพวกเธอไว้ใจพวกเราได้ ฉันเป็นนักเรียนที่นี่นะ! มาเลยรถพวกเราอยู่ทางนี้"
"เดียวก่อน ทางเข้ามันทางนี้นะคะ?" เธอชี้ไปทางด้านหลังอย่างสงสัย ก่อนหันไปมองพวกเขาอย่างไร้เดียงสา ชายหนุ่มสองคนชะงัก...'ยัยเด็กนี้ฉลาด!'
มิคังหยุดกำลังเริ่มเอะใจ
"ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราจะอ้อมโรงเรียนไปทางด้านหลังกันไงล่ะ" รีบแถอย่างสับไวพร้อมพูดข้ออ้างอีกหลายข้อให้น่าเชื่อถือ จนดวงตาฟ้าใสกระพริบเบาๆลังเล
"อ้อ...มีทางด้านหลังด้วยงั้นเรอะ แต่ก็ยังแปลกอยู่ดี..."
"ไม่ต้องกังวลน่ามิกะ ฉันจะปกป้องเธอเอง!"
มิกะที่ลังเลเมื่อเห็นรอยยิ้มมั่นใจของมิคัง เธอก็ค่อยๆถอนหายใจอย่างยอมแพ้... พร้อมชายทั้งสองที่เกลี้ยกล่อมโดยเอาขนมปังเมลอนมาล่อ เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนกำลังหิว
มิกะที่หิวตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ปฏิเสธรับมางับ ขณะที่กำลังโดนต้อนหลอกให้เข้ารถ และมิคังที่เสนอตัวขึ้นรถด้วยตัวเอง..
ถ้าโฮตารุมาอยู่ตรงนี้คงจะตบหน้าผากตัวเองอย่างกลุ้มใจ เพราะสาเหตุนี้ไงที่เธอไม่อยากเข้าใกล้มิคังมาก เพราะกลัวโรค(โง่)จะติดต่อได้
แล้วตอนนี้...เหมือนโรค(โง่)มันกำลังจะติดต่อน้องสาวฝาแฝดเข้าซะแล้ว
ควับ
"เอ๋ เหมือนจะเจอลูกแกะหลงทางสองตัวนะ <3" กับไฮฮีน่าสองตัว
ระหว่างที่สองฝาแฝดกำลังโดนหลอกให้ขึ้นรถ สายตาของชายปริศนาที่เดินทางผ่านมาพอดียิ้มก่อนจะถอนหายใจ
"มีอยู่จริงๆด้วยสินะ พวกหลอกเด็กที่จะสมัครเข้าโรงเรียนอลิซด้วยคำพูดหวานๆ แล้วฮุบเงินค่าสมัครพาไปโรงเรียนแปลกๆ"
สองเท้าก้าวยาวๆตรงไปทางกลุ่มลักพาตัวเด็ก ก่อนจะเอ่ยขัดด้วยรอยยิ้มหวาน
"รอเดียวก่อนสิ"
กึก
"ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะ..แต่ไม่ทราบว่าจะพาลูกแมวตัวน้อยผู้งดงามทั้งสองไปไหนกันหรือ"
เส้นผมสีบลอนด์ทองเป็นประกายระยิบระยับ ดวงตาสีม่วงเข้มพร้อมไฝเสน่ห์เย้ายวนใต้ตาสองจุด เพิ่มความหวานให้นัยน์ตาอีกเท่าตัว
ชายหนุ่มรูปงามร่างสูงยิ้มหวานหยดย้อยที่พวกเขาทั้งสี่คน จนเผลออดห้ามไม่ให้ขนลุกไม่ได้
วิ้ง วิ้ง วิ้ง
ออร่าเอฟเฟกดอกกุหลาบเป็นประกาย กระจายว่อนจากฉากหลังของชายหนุ่มเบื้องหน้า
"....." มิกะยกมือบังตาแล้วหรี่ลงเล็กน้อย...ยิ้มทีสว่างจนแสบตา...
"กะ แกเป็นใครกันน่ะ" เสียงของใครสักคนหนึ่งถาม
ชายหนุ่มหน้าสวยยิ้มหัวเราะเบาๆ ยิ่งหลอนเห็นกลีบกุหลาบโปรยลงมาจากฟากฟ้า สะบัดปลายผมที่ปรกตาเบาๆ เผยให้เห็นต่างหูสองข้างเป็นต่างหูสีเงินจุดเล็กๆ
"ใครน่ะเหรอ? ก็อาจารย์ของโรงเรียนอลิซนี้น่ะสิครับ-..."
"โกหก!?"
กึก
"เอ๋ ทำไมละ? "
ชายหนุ่มชะงักกึกหน้าเหลอหลา ไม่คิดว่าจะพร้อมใจกันชี้หน้าประณามทันทีอย่างพร้อมเพรียง ทั้งๆที่เข้ามาช่วยแท้ๆ
มิกะที่เผลอตัวชี้หน้าตะโกนด้วยได้สติ ทำไมฉันถึงต้องคล้อยตามพวกบ้านี้กันได้ล่ะเนี่ย!
"หนีกันเถอะ!"
"เฮ้ หยุดนะ!?"
ตัดสินใจจะพามิคังหลบหนีจากพวกประหลาดทั้งหลาย ก่อนจะถูกหยุดโดยชายสองคนที่จะพาจับขึ้นรถ ชายหนุ่มหน้าสวยเห็นแบบนั้นรีบเดินเข้ามา
"โกหกน่ะ ไม่ดีเลยนะ" ปลายนิ้วที่ห่ออุ้มออร่าสีม่วง ยื่นมือออกไปเชยคางชายฉกรรจ์ให้หยุดชะงักทุกอย่าง ใบหน้าที่ต่อต้านเริ่มเคลิ้มฝันตามรอยยิ้มของชายหนุ่มผมบลอนด์
"พวกเราแค่...วางแผนจะลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่.."
มิกะประหลาดใจ ท่าทางอาการงุนงงของชายทั้งคู่ทำให้เธอรู้สึกมันแปลกๆ
ชายแปลกหน้าทั้งสองหน้าแดงเหมือนเจอรักแรกรุ่น สรภาพความจริงออกมาหมดเปลือก เอ่ยเสร็จสักพักก็พากันขึ้นรถขับหนีทันที ทิ้งมิคังและฉันมองตามทะเบียนรถ
"เกือบไปแล้วนะ" รอยยิ้มใจดีของชายรูปงามยิ้มตาหยี่ให้เบาๆ ก่อนจะยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ปล่อยออร่าสีม่วงออกมาอีกครั้ง
"พวกเธอเองก็กลับบ้านกันได้แล้วนะ"
"......."
พวกเราสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง...ฉันทำหน้าเข้าใจทำท่าตบมือดังปุ พร้อมมิคังที่ตะโกนออกมา "เข้าใจแล้ว!" มิคังยิ้มกว้าง
"พี่ชายเป็นกระเทยเองสินะ!?"
เพล้ง...!
ชายหนุ่มยิ้มค้างคิ้วกระตุกยิกๆ หัวเข่าเกือบจะทรุดทั้งยืน กะ กระเทย...?
"มิคัง กระเทยคืออะไรเหรอ?" หันไปกระซิบถาม เมื่อกี้ทำหน้าเข้าใจไปงั้นเองแหละ
"เอ๋ ไม่รู้เรอะ" ฉันพยักหน้า มิคังก็ลืมไปว่ามิกะจำอะไรหลายๆอย่างไม่ได้ จึงได้อธิบายว่ากระเทยคืออะไรกันแน่
"......" ชายปริศนาที่เหมือนโดนนินทาระยะเผาขน...
"ว้าว...คุณเป็นกระเทยเหรอ?"
คำถามใสซือของเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อน ทำเขาอยากจะดุด่าเด็กพวกนี้สักอย่าง แต่พอเห็นประกายตาปิ้งๆของคู่แฝดก็กล่าวไม่ลง
สายตาแบบว่า...'เพิ่งเคยเจอครั้งแรก' นั้นมันทำเอาพูดไม่ออกเลยจริงๆ
"ไม่ใช่หรอก ฉันแค่หน้าสวยเกินไปน่ะ" เขาอธิบายตอบอ้อมแอ้ม
"แล้วทำไมถึงใส่เครื่องประดับต่างหูและแหวนละคะ?" มิคังชี้
"นี่มัน...ทุกคนใส่เพื่อควบคุมพลังของตัวเองน่ะนะ"
"พลัง???" ฉันและมิคังทำหน้างง ชายหนุ่มจึงทำหน้าลำบากใจอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย
"มันช่วยทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นน่ะ" ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จึงเอ่ยถามชื่อและสาเหตุที่มาที่นี่
"งั้นเหรอๆ ตามเพื่อนที่มาเรียนที่นี่สินะ..ว่าแต่ มิคังจังกับมิกะจังได้รู้สึกอะไรหรือเปล่า? อย่างเช่นรู้สึกแปลกๆน่ะ"
ฉันและมิคังส่ายหัวพร้อมกัน
"เอ๋~งั้นเรอะ" แสดงสีหน้าแปลกใจสุดๆ ...ก็ใช้พลังไปแล้วนี่นา...
"จะให้ไปพบเพื่อนน่ะไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นนักเรียนของอลิซล่ะก็คงจะไปพบเพื่อนได้อยู่หรอก จะลองสอบเข้าดูมั้ยล่ะ?"
อาจารย์นารุมิ(รู้ชื่อหลังจากที่แนะนำตัวไปเมื่อกี้) ได้เริ่มเล่าเรื่องโรงเรียนอลิซให้ฟัง ทำให้พวกเราเริ่มเชื่อใจขึ้น แถมยังใจดีจะแนะนำพาเราไปลองทดสอบก่อนเรียนด้วย
มิคังได้ยินดังนั้นก็เริ่มกังวล "แต่หนูไม่ใช่อัจฉริยะนะ! ถ้าเป็นมิกะว่าไปอย่าง..."
ฉันที่ได้ยินความกังวลของมิคังยื่นมือไปกุมเพื่อให้กำลังใจ
"ไม่จริงหรอกมิคัง ฉันไม่ได้เก่งอย่างที่เธอเข้าใจ..."
"...แต่ว่า..."
"เธอน่ะมีความสามารถนะ แค่ยังไม่ค้นพบมัน..ฉันเชื่ออย่างนั้น" แสดงสีหน้าจริงจังพร้อมยิ้มหวาน
"มิกะ.." มิคังหน้าแดงมองตาน้องสาวฝาแฝดด้วยสายตาลึกซึ้ง
น้องสาวฉันน่ารักจริงโว๊ยยย อยากตะโกนก่องให้โลกรู้!
"...." ยัยนี่ต้องบ้าแน่ๆ
ฉันยืนมองคนบ้าที่กำลังกู่ร้องความคิดในใจออกมาข้างนอก แถมยังตะโกนใส่คลืนทะเลในภาพจินตนาการของมิคัง
"มิคังจังเข้าใจผิดแล้วล่ะ แต่มิกะจังพูดถูกครึ่งหนึ่งนะ" นารุมิยกมือห้ามเบรค ก่อนที่สองแฝดจะเริ่มแสดงละครน้ำเศร้าขึ้นมา
"ในสายตาคนทั่วไปอาจจะมองว่าเป็นโรงเรียนของอัจฉริยะ แต่ในความหมายแท้จริงของ'อลิซ'ไม่ใช่'อัจฉริยะ' ความหมายที่แท้จริงคือ'พรสวรรค์'ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดต่างหาก...ความสามารถพิเศษไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
"เรียกได้ว่าฉันเองก็มีเหมือนกัน" นารุมิพูดยิ้มๆ ทำให้มิคังตื่นเต้นมาก พยักพเยิดให้รีบบอกมาเร็วๆ
แต่ก่อนที่นารุมิจะได้บอกใบ้อะไรไป กำแพงข้างๆที่พวกเรานั่งประชุมกันอยู่ๆก็ระเบิดขึ้นมา
ตู้มมม!!?
เสียงดังสนั่นกึกก้องพร้อมเศษหินปลิวว่อน มิคังกระเด็นกระดอนตามแรงลม ขณะที่ฉันหมอบลงกับพื้นหลบแรงระเบิด
"ข่าวลือเรื่องหลบหนีเป็นความจริงเหรอเนี่ย... ดีนะ ที่มาเฝ้าไว้" นารุมิลุกขึ้นมายิ้มอ่อนอกอ่อนใจ ฉันรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะมองฝ่าควันจากข้างกำแพง ที่กลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่จากแรงระเบิด
'ใครน่ะ?'
เหนือต้นไม้ใหญ่ข้างรั่วสีดำบนกำแพง มีร่างเล็กๆในเงามืดคนหนึ่งกระโดดลงมา เด็กผู้ชายวัยอายุเท่ากับฉันและมิคัง เรือนผมรัติกาลสีดำทมิฬราวกับสีขนอีกา
ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากรูปแมวดำ กำลังยืนมือซุกกระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น..
ตึกตึกตึกตึก
อยู่ๆหัวใจก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น มิกะรู้สึกประหลาดใจ...
ฉันเป็นอะไรไป?
"ดูสิ มิกะ..มิคัง" นารุมิเห็นมิกะกำลังดูเด็กผู้ชายสวมหน้ากากแมวดำบนต้นไม้อยู่ก็อธิบายยิ้มๆ "นั่นเป็นหนุ่มน้อยอัจฉริยะระดับท็อปคลาสของโรงเรียนที่อายุน้อยที่สุด...."
"ฮิวงะ นัทซึเมะคุง อลิซของเขาคือ'ไฟ'"
อลิซ... นัทซึเมะ..?
แปล๊บ!
อึก
กุมขมับตัวเองอย่างเจ็บปวด ภาพเด็กผู้หญิงวัยสิบห้ากำลังถือหนังสือมังงะและร้องไห้คร่ำครวณ...
[นัทซึเมะ..อย่าตายนะ!]
ใครน่ะ?
"มิกะ!? เป็นอะไรน่ะมิกะ!" มิงคังรีบมาพยุงน้องสาวที่ดูเหมือนจะเป็นลมไว้ ใบหน้าขาวเริ่มดูซีดเล็กน้อย ฉันส่ายหัวเบาๆ ไม่อยากเอ่ยเรื่องภาพในหัวให้มิคังรู้...
"ปวดหัวนิดหน่อย..ไม่เป็นไรหรอกมิคัง สงสัยนอนไม่พอ"
มิคังทำหน้าเป็นห่วงเหมือนอยากจะเค้นถาม ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องหันไปดูอาจารย์นารุมิและเด็กผู้ชายที่ดูอันตรายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... ทำตัวเกินวัยไปหน่อยมั้ง" ถั่วสีเขียวในมือของชายหนุ่มเปล่งแสงเป็นประกาย ก่อนจะงอกออกมาเป็นแส้ยาวเถาวัลย์ในมือ
"!?"
เติบโตเร็วมาก!
'เรียนคุณปู่คะ... เรื่องที่คุณปู่ว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริงนั้น หนูเชื่อแล้วค่ะ!'
มิคังเหม่อลอยคิดในใจถึงคุณปู่ที่ชนบท ในขณะนั้นมิกะที่มองทั้งคู่อยู่ก็อ้าปากเหวอตกใจ เมื่อนารุมิใช้แส้เถาวัลย์ฟาดไปยังเด็กชายที่กระโดดลงมาจากกำแพง
"นัทซึเมะคุง สวรรค์ลงโทษ!"
ควับ เปรี๊ยะ!
ตึง
หน้ากากแมวดำกระเด็นกระดอนออกไป พร้อมๆกับร่างเด็กหนุ่มที่ร่วงลงจากกำแพงแล้วกระแทกลงพื้นเสียงดัง
ตุบ!
"เฮ้อ.. สงสัยว่าใบหน้าที่น่ารักจะเป็นริ้วรอยซะแล้ว..." นารุมิแสร้งยิ้มเจ็บปวด พลางคิดในใจ จะว่าไป'ถั่วแส้'ที่ขอยืม(ขโมย)มาจากอาจารย์มิซากิ ก็ใช้ได้ผลไม่เลวแฮะ...
'หวา...ดะ เดียวก่อนสิ นี้คือสิ่งที่อาจารย์ทำกับนักเรียนงั้นเรอะ!? แล้วแบบนี้โฮตารุจะเป็นยังไงกันเนี่ย!?'
มิคังจินตนาการถึงโฮตารุที่โดนอาจารย์ที่นั้นฟาดใส่ด้วยแส้อย่างสยองขวัญ ส่วนมิกะเธอได้สติก็รีบวิ่งเข้าไปหาคนเจ็บ ยื่นมือจะพยายามช่วยให้คนบนพื้นจับมือลุกขึ้น
"นี่เธอน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า?"
เด็กชายเงยหน้าขึ้นมามอง มิกะชะงักไป...
แววตาที่นิ่งสงบเหมือนคนกักเก็บอารมณ์ไว้ทุกอย่าง
เปรียบเหมือนเกลียวคลืนทะเลที่รอวันปั่นป่วน
แก้มขึ้นสีแดงช้ำจากการโดนตวัดแส้ฟาดใส่หน้า ใบหน้าที่หล่อกึ่งติดสวยนิดๆอาจเพราะยังเด็กอยู่ ดวงตาสีแดงทับทิบงดงามกำลังดูดุดันจากนิสัยเจ้าของร่าง จมูกโด่งน้อยๆได้รูปเข้ากับเรียวคิ้วเข้ม เรียกได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มหล่อเหลางดงามที่หาตัวจับยากคนหนึ่งเลย
ทว่าใบหน้านี้มัน ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
ตึกตึกตึก
หัวใจของฉันเต้นเร็วขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมร่างกายถึงได้มีปฏิกิริยากับเด็กคนนี้...?
ตุบ!
"อ๊ะ"
ฉันตื่นตระหนกเมื่อนารุมิซังเหยียบมือบนพื้นของเด็กผู้ชายที่ชื่อนัทซึเมะอย่างเจ็บปวด มือข้างซ้ายที่กำลังจะปะทุแสงสีส้มก็ดับลงไป
ฮึ
"ถ้าจะใช้อลิซเพื่อจะหนีไปอีกครั้งก็เปล่าประโยชน์...ก่อนที่เธอจะได้ใช้อลิซฉันจะทำให้อยู่ในสภาพน่าอับอายเหมือนคราวก่อนด้วยอลิซของฉันดีมั้ย?"
"เจ้าอาจารย์โรคจิต!.."
ใบหน้าขี้เล่นของนารุมิยิ้มสนุก ทำนัทซึเมะกัดฟันกรอดอย่างโกรธเคือง แต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลยรู้สึกเจ็บใจ ก่อนจะโดนชายหนุ่มรูปงามดึงไปเป่าลมใส่หูพร้อมกระซิบ
"รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับคำชม"
หลับไปก่อนนะ
เด็กหนุ่มหน้าแดง ดวงตาสีเพลิงดูเหม่อลอย ก่อนจะสลบไปในวินาทีต่อมา
"ตายแล้วเหรอ!?" มิคังกรี๊ดร้องพร้อมมาดึงมิกะออกไปหลบข้างหลัง ...นารุมิยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นท่าทางของแฝดพี่กำลังระแวง
ไม่ระแวงใส่สิแปลก...
"เอาล่ะนะมิคังจัง มิกะจัง... ขอโทษที่ต้องให้มาเห็นเรื่องวุ่นวาย ฮึบ" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมอุ้มเด็กชายที่สลบพาดบ่าถือเหมือนกระสอบทราย
"จะไปกันเลยมั้ย?" มือใหญ่ยื่นออกไปตรงหน้าของมิคัง มิคังลังเลหันมามองมิกะที่พยักหน้าให้ ก่อนจะมั่นใจจับมือข้างนั้น และอีกข้างที่กุมมือแฝดน้องตัวเองไว้แน่น
"ทั้งสองคน..ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนอลิซ"
แอ๊ด...
ประตูใหญ่โตเปิดออกเบื้องหน้าของพวกเขาทั้งสามคน(และหนึ่งคนที่สลบ)
มิคังและมิกะตกตะลึงกับความหรูหราทันทีที่ประตูเปิดออก
'เรียนคุณปู่ค่ะ...ดูเหมือนว่าหนูจะพามิกะมาเสี่ยงอันตราย ในสถานที่แปลกๆแล้วล่ะคะ...'
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เย้! เจอพระเอกแล้ว!? ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าพระเอกไม่ได้มีนิสัยน่ารักๆอย่างที่เข้าใจกันหรอกนะ!
ฮิวงะ นัทซึเมะ อายุ10ปี อัจฉริยะอายุน้อยที่สุดในโรงเรียนอลิซ เป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแผนกประถม ทุกคนขนามว่าเป็นเด็กอันตราย(เด็กนิสัยไม่ดี) มีเพื่อนสนิทมากชื่อ'รูกะ' เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก สนิทและปกป้องเหมือนครอบครัว
อาจารย์ นารุมิ มีอลิซฟีโรโมน หว่านเสน่ห์ใส่ได้ไม่เลือกชายหรือหญิง ทำให้อีกฝ่ายตกเป็นทาส ถ้าเด็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเรื่องความรัก โดนไปจะอ่อนยวบหรือสลบไปเลยก็มี ใส่ต่างหูและแหวนกับเครื่องประดับ เพื่อนควบคุมพลังตัวเองจนโดนมิคังเข้าใจผิดว่าเป็นกระเทยในตอนแรก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น