คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 5th fourteenth
Title ; twelve fourteenths
Paring ; yunhojaejoong & yoochunjunsu
Genre ; ramantic, drama
Author ; hasu
twelve fourteenths
5th fourteenth
**ยังไม่ได้ตรวจทานนะคะ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยค่ะ**
14 May
Rose Day
วันที่คู่รักจะมอบดอกกุหลาบให้แก่กัน
“แจจุง~”
“ไม่”
“แจจุงอ่า...”
“เงียบไปเลยไป”
“นายจะไม่คิดใหม่จริงๆ เหรอ?”
“เสียใจ วันจันทร์ฉันมีเทสท์ เพราะงั้นฉันจะไม่ยอมเสียเวลาเสาร์อาทิตย์ที่แสนล้ำค่าไปกับการเฝ้านายเล่นหูเล่นตากับนางแบบสาวสวยเอ็กซ์ที่กองถ่ายแน่นอน”
เพราะเย็นวันศุกร์แบบนี้ ร้านอาหารที่ไหนก็เต็มไปหมดจนคนขี้เบื่อคร้านจะรอคิว และเจ้าของครัวบิลท์อินตัวจริงนั้นมีความสามารถในการทำอาหารสูงจนน่าใจหาย ไม่แน่ใจว่ายุนโฮแยกระหว่างการจุดเตาแก๊สกับวางเพลิงเผาครัวได้หรือเปล่า ดังนั้น ก่อนที่แจจุงจะเข้ามายึดพื้นที่ในห้องครัวเป็นอาณาเขตของตัวเองอย่างถาวร อุปกรณ์เครื่องครัวครบครันที่ติดมากับห้องชุดหรูเลยแทบไม่เคยถูกแตะต้องยกเว้นไมโครเวฟและเครื่องทำน้ำร้อนสำหรับอุ่นอาหารสำเร็จรูปและชงกาแฟ
หลังจากจบมื้อเย็นหรรษาที่แจจุงเป็นคนเข้าครัวเองตามระเบียบ แจจุงกับยุนโฮสมัครใจจะมานั่งกึ่งนอนบนพื้นพรมนุ่มเพื่อดูหนังด้วยกันในห้องนั่งเล่นเป็นการรอให้พาสต้าไวท์ซอสฝีมือเชฟคิมย่อย ทั้งคู่ดูภาพเคลื่อนไหวในจอไปก็วิจารณ์ไปอย่างเผ็ดร้อน
“นางเอกเรื่องนี้หน้าตาแปลกๆ นะ” แจจุงหมายถึงนางเอกสาวในจอ เธอรับบทเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่ทั้งสวยและเก่ง “แถมยังเชิดซะไม่มี ไม่เมื่อยคอบ้างหรือไงนะ?”
“ฉันเคยถ่ายแบบคู่กับยัยนี่ แตะจมูกไม่ได้เลยล่ะตอนนั้น สงสัยเพิ่งทำมา”
“แล้วนี่นายถ่ายแบบประเภทไหนน่ะหา จะเอาจมูกมาใกล้กันทำไม” คนหน้าสวยพยายามจะเก๊กโหดเต็มที่ แต่ดูยังไงก็เหมือนแมวน้อยขนฟูกำลังพองขนและขู่ฟ่อๆ ชวนให้คนรักแมวเข้าไปเล่นด้วยชะมัด ต่อให้ต้องเป็นที่ลับเล็บของแมวน้อยก็คุ้มล่ะน่า
“หึงหรือไงแมวน้อย~” เคยบอกไหมว่ายุนโฮจะหล่อมากแล้วยังหน้าตากวนประสาทมากๆ อีกด้วย ยิ่งเวลาร่างสูงทำลอยหน้าลอยตาแล้วยิ้มกระหยิ่มแบบนี้นะ รังสีหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จับเลย!
ร่างหนาพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิด ทำเอาสัญญาณอันตรายในหัวแจจุงร้องเตือนพร้อมป้ายอักษรสีแดงเป็นคำว่า -มันไม่หวังดีแน่ๆ- ท่อนแขนแกร่งข้างหนึ่งเลื่อนไปประชิดเอวบาง ในขณะที่แขนอีกข้างก็อ้อมไปประกบเอวอีกข้างของแจจุงเช่นกัน
ล่อแหลมมาก!
ตอนนี้สภาพล่อแหลมมาก โดนกักไว้ในวงแขน แล้วตัวเองยังเลื่อนมานอนราบไปกับพรมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่าแบบนี้มันเสื่ยงต่อการเสียอิสรภาพโดยไม่(สม)ยอมนะเว้ย!
“ห-หึงบ้าหึงบออะไร อย่ามามั่ว” ทั้งที่สั่นไปทั้งตัวแต่แจจุงก็ยังรักษาคอนเซปท์ปากเก่งไว้ไม่หลุด ถึงเสียงหวานๆ จะสั่นไปบ้างก็เถอะนะ
“นายหึง”
“มไม่”
“หึง” แผ่นเสียงตกร่องหรือไง ถึงได้พูดเป็นแต่คำนี้ สงสัยอาชีพนายแบบจะไม่ต้องใช้สมองมาก ไอคิวคุณพระเอกใหญ่เลยลดลงเหลือเท่าๆ กับเด็กหัดพูดแบบนี้
“บอกว่าไม่ได้หึงก็ไม่ได้หึงไง! แล้วนี่เขยิบออกไปเลยนะ อึดอัด”
“จะสารภาพแต่โดยดีมั้ย” มือหนาสองข้างของยุนโฮตะปบลงบนเอวบาง แม่ง มือหรือปลาหมึกวะ? ลื่นจริงๆ หนียังไงก็ไม่พ้น
“ม-ไม่มีอะไรให้สารภาพซักหน่อย” ก็ยังขอให้ได้ค้านเหมือนเดิม
“ปากแข็งแบบนี้ งั้น...ฉันถามจากร่างกายนายแทนแล้วกัน”
“อย่านะ! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!!”
ไมทันแล้ว มือหนาสองข้าวยึดเอวแจจุงไว้แน่น... แน่นขนาดไหนน่ะเหรอ? คุณเคยเล่นรถไฟเหาะแบบโคตรหวาดเสียวมั้ยล่ะ มันจะมีเครื่องป้องกันที่รัดตัวเราแน่นหนาไปกับที่นั่งใช่มั้ยล่ะ อ้อมแขนคุกคามของยุนโฮก็ให้ความรู้สึกประมาณนั้นแหละ แต่ก็มีจุดต่างกันอยู่หน่อยนะ ตรงที่ตัวล็อคของรถไฟเหาะมันไม่มีนิ้วยาวที่ทำหน้าที่ประสานกันได้ดีแบบนี้น่ะสิ!
“อ..โอ๊ย... ฮะๆ ....”
“เป็นไง จะยอมรับมั้ยว่าหึงชั้น” ปากก็เอ่ยคำพูดคุกคามไป ส่วนมือก็จี้เอวคนสวยไม่ยอมหยุด จนแจจุงแทบจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้ว
“ยอมแล้ว... ยอมแล้ว... ปล่อยฉันเถอะ” ณ วินาทีนี้ จะอะไรก็ต้องยอมไว้ก่อนล่ะ คิม แจจุงยังรักและเสียดายชีวิตสวยๆ ของตัวเองนะ ให้มาตายเพราะหัวเราะจนหายใจไม่ทันตาย มันดูจะน่าอนาถเกินไป!!
“ยัง ฉันจะไม่ปล่อยจนกว่านายจะตกลงไปกองถ่ายกับฉันพรุ่งนี้”
แม่ง! ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา ถ้าได้วามันคงเรียกร้องเป็นกิโลเมตร ไอ้หน้าเล็กเอ๊ยย! แย่ที่สุดตรงที่ถึงความคิดในใจจะดุเดือดเพียงไหน นิ้วแกร่งที่โคตรจะช่ำชองมันก็เป็นตัวกระตุ้นชั้นดีให้สติโบยบินไปจากร่างเนี่ยสิ มันเลยไม่เหลือทั้งเรี่ยวแรงและความคิดมากพอจะด่าไอ้เลวหน้าหล่อที่เอาจุดอ่อนของเค้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
“ว่าไงจ๊ะที่รัก ไป... ไม่ไป ?”
“ปไป”
“ดีมาก ว่าง่ายๆ งี้สิจะได้โตไวๆ”
“จะให้โตออกข้างแบบนายรึไงเล่า” คนสวยที่กำลังหงุดหงิดแต่ไม่รู้จะทำยังไงให้คนหน้าด้านรู้สำนึก เลยทุบเอาที่หน้าท้องหนาของอีกฝ่าย “ดูดิ๊เนี่ย เป็นชั้นแล้ว”
“เค้าเรียกว่าซิกแพ็ค คนไม่มีอย่ามาอิจฉา” เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของคิม แจจุงน่ะ มันมีแต่กล้ามฟีบๆ อ่อนปวกเปียกน่ะสิ จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปซะหมด ขนาดพยายามเล่นกีฬาแล้วนะ แต่ต่อให้ฟิตให้ตาย ก็ไม่มีวี่แววว่ากล้ามน้อยๆ จะโผล่ขึ้นมาเลยสักครั้ง
“นี่ ยุนโฮ... ถามจริงๆ เถอะ ถ้าบังเอิญฉันไม่บ้าจี้ นายจะทำยังไง?”
“นายไม่อยากรู้หรอก” สายตาแวววาวที่ส่งมาดูไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุด สังหรณ์ว่าวิธีลับที่คุณชายชองไม่ยอมเปิดเผยคงหนีไม่พ้นการหากำไรจากตัวเขาอีกแน่ คนอะไร มือไวก็เท่านั้น กวนประสาทก็ซะขนาดนี้ ไอดอลประเภทนี้เอาอะไรมาเป็นจุดขายของตัวเองเนี่ย สงสัยจริงๆ ว่าถ้าเอาความหล่อออกไป ชอง ยุนโฮจะยังดังอีกมั้ย!?
“ถามอีกอย่างได้ป่ะ....” ภาพในจอมาถึงจุดไคลแมกซ์ นางเอกสาวกำลังร้องไห้เพราะสภาวะบีบคั้นทางอารมณ์ที่รุมเร้า แต่ก็นั่นแหละ... ไม่มีใครดูเธออยู่ดี
“ว่ามา”
“ทำไมถึงต้องอยากให้ฉันไปขนาดนี้ ก็แค่ทำงานธรรมดานี่”
“หึ... ก็แค่อยากไปเที่ยวกับแฟน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”
เป็นอันจบทุกประเด็น
คนสวยที่แก้มนุ่มเรื่อสีเลือดจนน่าฟัดแต่บ่นงุ้งงิ้งกับตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าหลบตาคมก่อนที่ไอร้อนจากหน้าตัวเองจะแผ่ไปให้คนอื่นรู้สึกและหัวเราะเยาะเอาได้
จำไว้ ทีใครทีมัน
ฮึ่ยยย (ไม่ได้)เขินเว้ย!
.
.
.
“นี่ ยุนโฮ บอกได้มั้ยว่าเรากำลังจะไปไหนกัน?”
“ก็ไปที่ทำงานฉันไงล่ะ”
“แล้วคุณดาราดังจะช่วยอนุเคราะห์ให้คนธรรมดาๆ คนนี้รู้ได้มั้ยล่ะว่าจะไปทำงานที่ไหนกันแน่!”
มันน่าโมโหมั้ยล่ะ ทั้งที่เป็นเช้าวันเสาร์แท้ๆ แจจุงเพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมา คนกำลังเมาขี้ตาเพราะเมื่อคืนมัวแต่อ่านหนังสือจนดึกก็โดนฉวยโอกาสที่สติยังไม่เต็มร้อย ไล่เข้าห้องน้ำแถมโยนเสื้อผ้ามาให้ใส่เสร็จสรรพ ออกมายังไม่ทันตั้งตัวก็โดนอุ้มขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ แถมยังกอดกระเป๋าเสื้อผ้าที่ไม่รู้อีกฝ่ายเอาเวลาที่ไหนไปจัดให้อย่างกับกอดตุ๊กตา กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็นู่น... ตอนที่รอบตัวไม่มีวี่แววของความเจริญแล้วนั่นแหละ
“ไม่พาไปฆ่าหรอกน่า น่ารักขนาดนี้ ใครจะฆ่าลง” ยังมีใจจะหยอกเล่น ไม่ดูเลยว่าคนโดนหยอกแยกเขี้ยวขู่แล้วน่ะ
“ชอง ยุนโฮ!”
“ว่าไงครับ คิม แจจุง”
เว้ยยยยยยยย ถ้าทำนายแบบของวันนี้เสียโฉม เขาจะโดนค่าปรับมั้ยอ่ะ!!
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียซี่ ใกล้ถึงแล้วนี่ไง ดูป้ายบอกทางสิ”
“หืม... ไร่กุหลาบงั้นเหรอ?”
“ใช่ หน้านี้กำลังออกดอกสวยเชียวนะ”
ป้ายไม้ตกแต่งด้วยอักษรศิลป์ดูน่ารักบอกให้รู้ว่าอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงเขตไร่กุหลาบที่จะเป็นโลเกชันของวันนี้ แจจุงที่เพิ่งรู้จุดหมายปลายทางเลยอดจะตื่นเต้นไม่ได้
“แต่ฉันชอบลิลลี่” แจจุงชอบลิลลี่สีขาว เพราะมันทั้งบริสุทธิ์ บอบบาง หากกลับทระนง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างบางจะไม่ชอบกุหลาบนะ ที่พูดไปก็แค่ตั้งใจจะแหย่เล่นเฉยๆ คิดว่าอีกฝ่ายจะกวนประสาทกลับมาอย่างทุกที ไม่ได้เผื่อใจไว้เลย ว่าถ้าไม่ใช่...
---หัวใจจะเต้นแรงขนาดไหน
“ไว้เราไปดูทุ่งลิลลี่ด้วยกันนะ... สองคนก็พอ”
มือหนาข้างนึงละจากพวงมาลัย ยุนโฮกุมมือของแจจุงไว้โดยที่สายตายังไม่ละจากถนนตรงหน้าสักนิด เป็นสัมผัสผิวเผินแต่ก็อุ่นวาบเกินกว่าที่แจจุงจะสะบัดหนีได้
ก็ถ้าเดี๋ยวสะบัดทิ้ง แล้วเจ้าของมือตกใจ กระตุกไปถึงมืออีกข้างที่กำพวงมาลัย มีหวังได้ตายคู่กันพอดี ...
ใช่มั้ยล่ะ?
.
.
.
ที่นี่เป็นไร่กุหลาบส่งออกพร้อมกับทำบ้านพักหลังเล็กไว้รองรับนักท่องเที่ยว
บ้านไม้ชั้นเดียวขนาดหนึ่งห้องนอนตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทั้งยังมีดอกกุหลาบประดับอยู่แทบทุกมุมห้อง ยิ่งในห้องนอนยิ่งขาดไม่ได้ กลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยปรายทั่วเตียงอย่างกับจะรอต้อนรับคู่แต่งงานใหม่ แต่ก็ดูสมกับที่เป็นไร่กุหลาบดี
แจจุงยังไม่ทันเห็นไร่กุหลาบทั้งหมด เพราะมันอยู่โซนด้านหลังบ้านพัก ซึ่งกองถ่ายนิตยสารรายเดือนฉบับนึงได้ปักหลักยึดเอาเป็นสตูดิโอกลางแจ้ง และแน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่คุณนายแบบที่บังคับพาแจจุงมาจะต้องไปโพสท่าท่ามกลางกุหลาบสวยเคียงข้างสาวงาม... นางแบบวัยรุ่นที่กำลังได้รับความนิยม
“อุ๊ย นี่ยุนโฮควงใครมาด้วยคะเนี่ย หน้าตาน่ารักเชียว” เสียงหัวเราะหวานใสของนางแบบสาวที่มาถึงโลเกชันก่อนดังขึ้นก่อนรีเซฟชั่นของบ้านพักจะได้เข้ามาทักทายซะอีก ถ้าจะให้คิดแง่ดีก็คือคุณฮเยจูเค้าเฟรนด์ลี่ แต่ถ้าจะให้คิดแบบคนปากจัดอย่างแจจุงคงบอกได้แค่ว่า แม่นี่ จุ้นจ้านชะมัด
“น่ารักแต่ห้ามรักนะครับ คนนี้ผมหวง” แต่ดูเหมือนอีกคนเค้าจะไม่คิดเหมือนกัน ยุนโฮยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือมาแตะเอวบางเบาๆ เป็นอวัจนภาษาที่แปลความได้ว่าความสนิทสนมของสองคนต้องมากกว่าเพื่อนแน่นอน หญิงสาวหน้าเสียไปชั่ววูบ ก่อนจะเสกรอยยิ้มประดิษฐ์ขึ้นมาฉาบใบหน้าใหม่ได้ทันใจ
“แหม ฉันเพิ่งรู้นะคะว่าคุณยุนโฮขี้เล่นขนาดนี้ พี่ๆ ในกองเค้าขู่กันใหญ่ว่าคุณน่ะดุมากเลย แต่ท่าทางฮเยจูจะโดนอำแล้วแน่ๆ” หล่อนใช้จริตได้อย่างน่ารักและกำลังดี แต่คงไม่ใช่ในสายตาแจจุง ยังดีที่ยุนโฮเพียงยิ้มบางๆ รับ ไม่ได้เล่นไปตามเกมของนางแบบสาวต่อ
ร่างบางถอดแว่นสีชาที่ตัวเองสวมอยู่มาห้อยไว้กับปกเสื้อ แล้วมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง
เธอสวย แน่ล่ะ ไม่งั้นจะเป็นนางแบบได้หรือ? ผิวขาวสะอาด ตัวก็เล็กนิดเดียว เจ้าหล่อนคงจะดูน่ารักน่าทะนุถนอมเป็นที่สุดถ้าไม่ทำแววตาวาวโรจน์ขัดกับหน้าตาบ้องแบ๊วซะขนาดนั้น สัญชาตญานของตัวเองที่แจจุงมั่นใจว่าแม่นยำยิ่งกว่าหมอดูที่ไหนกำลังร้องบอกเจ้าของมันว่า ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้หวังดีกับเขาสักเท่าไหร่
แล้วมันจะมีสักกี่เหตุผลเชียวที่จะมาเคืองเขา ในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกัน เพราะงั้นเหตุผลก็ต้องเป็นตัวกลางที่ยืนหล่อ ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่นี่
“ยุนโฮอ่า... เค้าเมื่อยแล้ว” ถึงจะกระดากปากไปหน่อย แถมยังขัดๆ เขินๆ ที่ตัวเองไปเขย่าแขนแกร่งของยุนโฮด้วยท่าทางโคตรจะตุ๊ด แต่พอเห็นคุณคนสวยเค้าขมวดคิ้วถลึงตาชนิดไม่กลัวเครื่องสำอางจะหลุดร่อนออกมาเป็นแผง มันก็รู้สึกสะใจอยู่เหมือนกันแฮะ
ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าของใครเป็นของใคร
เอ๊ะ!----------- เมื่อตะกี้ผมคิดอะไรลงไปนะ
แย่แล้ว!!!
.
.
.
แจจุงนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านพัก
มันหันหน้าออกไปทางที่กองถ่ายปักหลักกันพอดี เพราะงั้น แค่เงยหน้าขึ้นมอง ก็จะเห็นความวุ่นวายของทีมงานแต่ละคนที่วิ่งวุ่นเพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น
และตรงนั้น... ตรงกลางวงที่มีคนรุมล้อมมากที่สุด คุณนายแบบชื่อดังกำลังส่งสายตาหวานๆ พร้อมกับยื่นช่อกุหลาบให้นางแบบสาวที่ทำท่าเอียงอายได้อย่างเป็นธรรมชาติ กองถ่ายดูจะปกคลุมด้วยบรรยากาศหวานๆ สงสัยเพราะเกสรกุหลาบช่วยมอมเมาจิตใจล่ะมั้ง
“น่าเบื่อชะมัด”
ปากบางย่นยู่เป็นวงกลมยืนยันคำพูดตัวเองว่าเบื่อจริง อันที่จริงยุนโฮก็ชวนให้เขาลงไปดูการถ่ายทำข้างล่างด้วยก็ได้ เพราะยังไงก็มีแค่คนกันเอง แต่แจจุงเลือกที่จะปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า ยังมีชีทเรียนปึกหนารอให้ร่างบางไปทำความเข้าใจและยัดความรู้ใส่สมองก่อนจะทดสอบย่อยวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แล้วสุดท้าย ก็เลยเหลือแค่แจจุงคนเดียวที่ต้องมานั่งเบืออยู่นี่แหละ
“ไม่ได้สิคิมแจจุง ตั้งใจอ่านหนังสือเข้า!”
กว่างานในวันนี้จะเสร็จก็คงบ่ายแก่ๆ และถ้าแจจุงจะยังเอาแต่นั่งถอนหายใจทิ้งไปเรื่อยๆ แบบนี้ ก็เท่ากับว่าเขาขนหนังสือมาเสียเปล่าสิ ไหนๆ ก็เอามาแล้ว ก็ต้องอ่านมันให้เข้าหัวทั้งหมดเลยสิถึงจะถูก!
แจจุงเสียบหูฟังไอพ็อดเข้ากับหูตัวเอง เปิดเพลงให้มันดังเป็นเพื่อนจะได้ไม่ต้องคอยชะเง้อหาใครให้เสียเวลา แล้วร่างบางก็ตตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก สนใจแต่กับตัวหนังสือเรียงรายตรงหน้า
จนกระทั่ง...
“แจจุง... แจจุง”
...หืมม อะไรอ่า...
“ตื่นได้แล้ว เด็กดื้อ มานอนอะไรตรงนี้”
...ใครดื้อ อย่ามากล่าวหานะ...
“อากาศกำลังสบายเลย ไปเดินเล่นกันดีกว่า รีบลุกไปล้างหน้าล้างตาเร็ว”
ทั้งที่ปากบอกให้เขารีบลุก แต่เจ้าของเสียงทุ้มกลับเป็นฝ่ายดึงเอาร่างบอบบางของแจจุงขึ้นมาจากก้าอี้ยาวตรงระเบียงเสียเองโดยไม่ยอมรอให้คนที่หลับอยู่ตื่นเต็มตา ตอนนี้แจจุงเลยมีสภาพคล้ายตุ๊กตาผ้าที่กำลังสะลึมสะลือ โดนจับให้ยืนเอียงซุกซบลงกับแผ่นอกหนา
-ฟอด-
ปลายจมูกโด่งไล้ไปตามผิวเนื้ออ่อนที่ซอกคอ กลิ่นหวานๆ ของน้ำหอมที่ผสมกับกลิ่นกายจนเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของแจจุงยิ่งเร่งเร้าให้ร่างสูงยิ่งฝังใบหน้าลงไปค้นหาต้นตอของกลิ่นเย้ายวนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
...จั๊กจี้...
“ปล่อย ฉันเดินเองได้” แล้วคนขี้เซาก็ตื่นเต็มตาเพราะสัมผัสใกล้ชิดที่โดนขืนเอาไปตอนไม่รู้ตัว แบบนี้จะเข้าข่ายลักหลับปะเนี่ย? ร่างบางขืนตัวออกจากวงแขนแกร่งก่อนจะรีบเด้งตัวออกห่างไปยืนหน้าแดง ส่วนยุนโฮที่ยังแต่งหน้าเซตผมครบจากการทำงาน เพียงแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าจากของสปอนเซอร์เป็นเสื้อยืดสีพื้นและกางเกงลำลองเรียบร้อยแล้วก็แค่ยิ้มๆ อย่างสมใจ
“ล้างหน้าล้างตาเร็วเข้า จะได้ไปเที่ยวกัน ฉันจะรออยู่ข้างล่าง” ยุนโฮพูดก่อนจะชี้ให้ดูว่าเจ้าตัวจะไปยืนรอตรงไหน แล้วจึงค่อยดันแจจุงกลับเข้าไปในห้องพัก ทิ้งให้คนขี้เซารีบจัดการตัวเองก่อนจะลงไปยังจุดนัดพบที่ไม่มีแม้แต่เงาคนนัด
ชอง ยุนโฮหายไปไหน?
กล้าทิ้งให้แจจุงคนนี้ต้องยืนรองั้นเหรอ หนอย... จะเอาคืนตามจริงให้ครบทุกวินาทีเลย คอยดู ตัวเองออกมาก่อนแท้ๆ แต่ดันหายหัวไปแบบนี้เนี่ยนะ ไม่รู้ว่าหมีป่าไปหาน้ำผึ้งกินถึงไหนแล้วเนี่ย แจจุงก็อยากจะกระทืบเท้าด้วยความขัดใจดูสักทีเหมือนกันนะ ถ้าไม่ติดที่ว่าร่างระหงของนางแบบสาวกำลังตรงมาทางที่เขากำลังยืนอยู่นี่สิ
ฮเยจูหยุดยืนนิ่งต่อหน้าแจจุง ดวงตากลมโตกวาดมองขึ้นลงก่อนจะเบ้ปากออกมาอย่างดูถูก เป็นกริยาที่สาวน้อยผู้อ่อนหวานและบอบบางคนนี้ไม่มีทางทำให้ใครคนอื่นเห็นแน่ๆ ผู้หญิงนี่ช่างเป็นสิงมีชีวิตที่น่ากลัวซะจริง หน้าตาสวยๆ ไม่ได้บอกเลยว่าภายในใจเธอจะสวยตามไปด้วย เฮอะ
แล้วนี่ต้องบอกว่าแจจุงโชคดีหรือเปล่า ที่ได้เห็นแม่มดในคราบนางฟ้าแบบนี้เนี่ย?
“แหม... หน้าตาก็พอดูได้ ไม่น่าคิดสั้นจับผู้ชายด้วยกันเองเลยนะ”
ก็ยืนกันอยู่สองคน ถึงอยากจะทำเป็นไม่สนใจแต่เขาก็เพิกเฉยได้ไม่เก่งพอหรอกนะ
“อะไร ทำไมต้องว่ายุนโฮด้วยล่ะครับ”
ไม่ผิดนี่ ในเมื่อฝ่ายที่ยื่นข้อเสนอให้เขาสองคนคบกันคือยุนโฮ เพราะงั้น ระหว่างเขาทั้งคู่ ก็ต้องเป็นยุนโฮที่เป็นฝ่ายจับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“หนอย... แก”
นี่เจ้าหล่อนไม่มีวิธีโกรธได้ครีเอทมากกว่าการพูดติดต่างและยืนตัวสั่นปากสั่นหรือไง? หรือที่จริงแล้วเธอจะเป็นโรคพาร์คินสันกันแน่ แหม น่าสงสารเนอะ
“เลิกยุ่งกับพี่ยุนโฮซะ เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจ”
“ดี”
“แต่ฉันไม่ทำ”
นี่เธอไปขุดมุกมาจากนิยายน้ำเน่าสมัยไหน? โอ้โห ก็อปปี้สีหน้าท่าทางและคำพูดมาได้ทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าอนาคตในวงการนางแบบไม่รุ่ง ลองเบนสายไปทางนักแสดงน่าจะเวิร์คนะ โดยเฉพาะบทตัวร้าย แหม
“มีอะไรรึปล่าว ?”
คุณพระเอกเดินมาแต่ไกลแล้วนี่ไง ... แต่เอ๊ะ งั้นตำแหน่งที่เหลือของผมก็ต้องเป็นนางเอกสิ
“ไปกันเถอะ ... จะไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ” ยังไงผมก็มีความเป็นคนดีในสายเลือดมากพอ และไม่อยากจะไปหาเรื่องให้ถูกว่าได้ว่ารังแกผู้หญิง ถึงแม้เจ้าหล่อนจะดูไม่น่าเป็นฝ่ายที่ถูกรังแกก็เถอะ
“ยุนโฮ... ไปกัน” พูดซ้ำอีกรอบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าจะเดินไปไหน มัวแต่เล่นเกมจ้องตากับนางแบบสาวอยู่นั่นล่ะ เออ ดี จ้องมันให้ท้องกันไปเลย!
“ถ้านายไม่ไป ฉันไปล่ะ!”
โมโหแปลกๆ... ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่รู้ว่าความรู้สึกปั่นป่วนเวลาเห็นสองคนนั้นมองตากันไม่เลิกมันหมายความว่ายังไง ตอนแรกผมคิดแค่ว่าตัวเองคงแค่รำคาญ แต่พอยิ่งเดินห่างออกมาโดยไม่มีคนตัวสูงเดินตามออกมาด้วย ก็เหมือนความมั่นใจตัวเองมันจะหดหาย รู้สึกคล้ายๆ ตัวเองไม่ได้รับความสำคัญอย่างที่เคยเป็น ความรู้สึกที่คล้ายๆ กับคำว่า...
...น้อยใจ
-----หึง----
แย่แล้ว คิมแจจุง
แค่ระยะเวลาไม่นาน นายชินกับการมีอยู่ของคนกวนประสาทนั่นขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่ได้นะไม่ได้ นายจะหลงไปกับความสุขในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เข้าใจมั้ย?
“เข้าใจ”
เฮ้ย!!!
ร่างบางสะดุ้งโหยงราวกับเจอของร้อน เมื่อคนที่อยู่ในความคิดเมื่อครู่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ตากลมโตเบิกกว้างอย่างน่าขัน แถมเสียงอุทานตลกๆ อีก
...น่าอายชะมัด...
“เข้าใจบ้าบออะไรของนาย” พูดอย่างกับได้ยินเสียงในใจของเขา มันน่าตกใจน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ “เข้าใจว่าคิม แจจุง อยากเที่ยวจนพาลแล้วไง... อย่าโกรธเลยนะ”
“โกรธอะไร ทำไมต้องโกรธ” ขอเล่นแง่หน่อยเถอะ
“ดีมาก แปลว่านายไม่โกรธใช่ไหม?”
ยกประโยชน์ให้จำเลย!
“ฉันลืมไปได้ยังไงว่านายหน้าด้านขนาดไหน” ทั้งที่โดนด่าแต่ยุนโฮกลับหัวเราะรับ ดูท่าจะถูกใจน่าดู เพิ่งรู้นะเนี่ยว่านายแบบชื่อดังเค้าชอบให้ชมว่าหน้าด้าน
“นายก็ทำหน้าตัวเองให้ด้านเท่าๆ กับฉันซะสิ ... แต่ดูท่าจะยากแฮะ” มือหนายกขึ้นมาลูบแก้มเนียน ไล่ไปจนจรดปลายคางด้วยความว่องไวชนิดที่ว่าเจ้าของแก้มยังได้แต่ยืนค้าง “...ก็มันนิ่มซะขนาดนี้นี่นา”
“ชอบไหม?” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องโดยหยิบช่อกุหลาบเล็กๆ ที่ถือแอบไว้ขึ้นมาดู
“อะไร...” แจจุงไล้ปลายนิ้วสำรวจไปทีละกลีบบอบบาง คนสวยจุ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ “นี่นายไปเอามาจากไหนเนี่ย ห่อก็ไม่ได้เรื่อง เรียงดอกไม้ไม่ดี ใบไม่ยอมริดออก แล้วยังมือหนักซะจนดอกไม้ช้ำหมดแล้วนี่นะ... ดูสิ ดอกนี้คอหักแล้ว นายไปขุดซากดอกไม้ว่อนี้มาจากไหนเนี่ย”
“จากนี่ไง” มือหนาตบปุลงไปที่หน้าอกตัวเอง “ฉันจัดเองกับมือเลยนะ ช่อนี้... มันคงไม่สวยเท่าไหร่ แต่ห้ามนายบอกว่าไม่สวย เข้าใจไหม? รับไปซะด้วย”
“ใครว่าล่ะ... สวยมากเลย ขอบคุณนะ” รอยยิ้มหวานเผยขึ้นเต็มใบหน้าเนียน แจจุงยกช่อดอกไม้ขึ้นแตะจมูก ให้กลิ่นหอมหวานของมาเรียโรสสีชมพูติดตรึงในความทรงจำ กลายเป็นภาพที่สวยงามในสายตาคนมองเหลือเกิน
ที่หายไป เพราะมัวแต่จัดดอกไม้อยู่นะเหรอ?
ผู้ชายตัวโตคนนึง จะทำอะไรน่ารักๆ ได้ขนาดนี้เลย?
ถ้าเราคบกันตามข้อตกลง มันก็ไม่จำเป็นเลยที่นายต้องทำอะไรให้ฉันขนาดนี้
ความอ่อนโยนของนาย กำลังทำร้ายฉันรู้ไหม... เพราะฉันเป็นเจ้าของมันได้เพียงชั่วคราว... ความอ่อนโยนที่กำลังกัดเซาะกำแพงในใจที่ฉันใช้ปกป้องตัวเองน่ะ
ถ้าวันไหน กำแพงสูงทลายลง
ก็คงจะเหลือแต่แจจุงคนอ่อนแอที่ห้ามตัวเองไม่ให้รักยุนโฮไม่ได้
จะเป็นแจจุงคนเดียวที่รัก... และเป็นแจจุงคนเดียวที่เจ็บ
เจียนตายอีกครั้ง-----
To be continued...
ความคิดเห็น