ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ] ,,, twelve fourteenth ,,, [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #3 : 3rd fourteenth

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 54


     
    Title ; twelve fourteenths
    Paring ; yunhojaejoong & yoochunjunsu
    Genre ; ramantic, drama
    Author ; hasu




    twelve fourteenths

    3rd fourteenth


     

    14 Mar
    White Day


    วันนี้ ฝ่ายชายจะมอบมาชแมลโล่คืนให้แก่ฝ่ายหญิงบ้าง

     


    ชีวิตคนเรามันจะน่าเบื่อได้ขนาดไหนกันเชียว?


    แจจุงนึกหาคำตอบของคำถามข้อนี้อยู่นาน แต่ก็จนใจจะตอบ ไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าทำไมมันถึงน่าเบื่อ แต่มันเป็นเพราะไม่อยากจะยอมรับต่างหาก... ชีวิตมันน่าเบื่อตั้งแต่เขาเดินหันหลังให้กับคุณนายแบบโคตรจะหล่อ โคตรจะดัง และโคตรจะหยิ่งคนนั้นนั่นแหละ


    ชอง ยุนโฮ เป็นเหมือนสีสันแปลกตาที่พาดผ่านชีวิตของเขา


    มันคงจะแปลกกว่าสีธรรมดาอยู่โข อย่างถ้าเป็นสีแดง ยุนโฮก็คงเทียบได้กับแดงโกเมนประกายระยับพรับพราว... เข้าใจกันมั้ย? ตัวแจจุงเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกัน เอาเป็นว่ามันไม่ใช่แดงธรรมดาก็แล้วกัน แล้วพอพื้นสีขาว ถูกปาดสีแดงประหลาดนี่ทับลง แม้จะเป็นเวลาแค่แป๊บเดียว แต่มันก็ทิ้งรอยเปื้อนที่อยากจะลบเลือน อารมณ์นั้นแหละ



    อันที่จริงมันก็แค่กลับเข้าสู่ภาวะปกติสินะ เด็กมหาลัยที่ไม่เคยมีชีวิตเฉียดเข้าใกล้วงการมายาแบบแจจุง จะไปข้องเกี่ยวกับนายแบบแนวหน้าอย่างยุนโฮได้ยังไง? ไอ้ช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมานั่นแหละที่แปลกประหลาด เหมือนช่วงที่อลิซหลงทางในแดนมหัศจรรย์สวนหลังบ้านนั่นไง!


    ที่ร่ายมายาวเหยียดนี่... ก็แค่จะบอกว่า การที่ผู้ชายตัวโตหน้าหมีคนนึงหายไปจากชีวิตของแจจุงอย่างไร้ร่องรอยเนี่ย มันไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ กับชีวิตของเขาได้เลย จริงไหม


    ตั้งแต่วันที่เขาหันหลังให้ยุนโฮพร้อมน้ำตาที่ไม่รู้จะแย่งกันไหลไปถึงไหน สาบานได้ว่ามีแค่เสียงทุ้มลอยตามลมมาเท่านั้นที่เป็นเพื่อนไปส่งเขาถึงบ้าน แจจุงต้องเดินเกือบกิโลแถมต่อรถไฟเกือบสุดสถานีเพื่อกลับบ้านอยู่คนเดียว! หมีตัวไหนมันบอกว่าจะไปปล่อยมือวะ แล้วทำไม ทำไม



    ... ทำไมมือเขาถึงว่างเปล่ามาจนถึงตอนนี้



    ยิ่งคิดยิ่งเหมือนคนบ้า เหมือนสาวน้อยที่หวั่นไหวไปกับทุกการกระทำของรักครั้งแรก และแจจุงไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย มันน่าสมเพชชะมัดยาด การที่หัวใจตัวเองมันล้าแรงเพราะการกระทำของคนที่ไม่เคยให้ค่า ให้ความสำคัญกับหัวใจคนอื่นเนี่ย ก็เหมือนกับการที่เอานิ้วไปจิ้มคมมีดทั้งที่รู้ว่ามันคม และจะบาดปลายนิ้วให้เลือดไหลนั่นแหละ



    และน่าสมเพชที่สุดคือ พอเลือดมันไหลแล้ว เสี้ยวหนึ่งของความคิดโง่ๆ มันก็ดันรอให้คนๆ นั้นกลับมาทำแผลให้เนี่ยสิ 



    แม่งเอ๊ย...



    อ๊ะ 

    ...ชิบหาย ก้อนหินที่เตะไปมั่วๆ นั่นกระเด็นไปโดนหัวใครรึปล่าววะ? 




    ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่--าทั้งที่ตั้งใจว่าจะขอโทษไปก่อนให้จบๆ เรื่อง แต่พอผู้เคราะห์ร้ายหันหน้ามาให้ดูเท่านั้นล่ะ คำพูดที่ตั้งใจจะเอ่ยก็กลืนหายไปกับลำคอ เสียงหวานครางแผ่วออกมาเป็นคำเพียงคำเดียวที่นึกออกในตอนนี้



    ถ้อยคำที่คุ้นเคย มันหลุดออกมาจากปาก โดยไม่ผ่านสมองแม้แต่น้อย



    ชางมิน...



    .



    .



    .




    การไม่พูดถึง ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นจะหายไป




    เหมือนเรื่องของเขากับชางมิน...




    ไม่ได้พูดถึง ไม่ได้หมายความว่าจะไม่นึกถึง 
    และไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราได้พบกันโดยบังเอิญแบบนี้ รอยแผลในหัวใจที่โดนบังคับให้ลงมีดด้วยตัวเองจะปวดปร่าน้อยลง



    หวัดดี แจจุงอีกฝ่ายเอ่ยทักอย่างขลาดๆ แล้วแจจุงจะทำอะไรได้... นอกเสียจากสูดลมหายใจลึกยาว ให้ความรู้สึกที่ตีกันในอกมันสงบลง


    อืมทั้งที่อยากจะตอกกลับแรงๆ ให้สมกับที่ต้องเจ็บปวด แต่แปลกนะ เสียงลอดออกมาจากริมฝีปากบางกลับมีแค่คำตอบรับสั้นๆ ที่สั่นไหวเท่านั้น



    นาย... เป็นไงบ้าง?” ท่าทีเกรงใจที่แทบไม่เคยพบเห็นระหว่างที่เราเป็นมากกว่าคนคุ้นเคย ยิ่งทำให้ความรู้สึกในใจเขามันร่ำร้อง... ชางมินคนที่ถือดี ปากเสีย แต่ก็ดูแลแจจุงดียิ่งกว่าใคร คงไม่มีอีกแล้วสินะ



    ก็ไม่เป็นไงนี่อีกฝ่ายทำหน้าเก้อไปเมื่อแจจุงไม่ได้ยิ้มตอบอย่างที่เคยทำตลอดมา ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจกันแล้วไงล่ะ



    คือว่า... ฉันได้ข่าวมาว่านายสนิทกับผู้ชายคนนึง... 



    คนตัวสูงๆ ที่เป็นนายแบบดังใช่มั้ยล่ะแจจุงผิดไหมที่รู้สึกสะใจ ยามที่เห็นสีหน้าที่จืดเจื่อนลงทันทีของร่างสูงตรงหน้า นั่นน่ะ ยุนโฮ... แฟนใหม่ฉันเอง



    พูดไม่ผิดใช่ไหม...



    ถึงเขากับยุนโฮจะ... อืม มีปัญหากัน ?

    แต่เรายังไม่ได้เลิกกัน ยังไม่ได้ยกเลิกข้อตกลงระหว่างกัน ดังนั้น แจจุงก็คงจะยังเรียกยุนโฮว่าแฟนได้อยู่ใช่ไหม



    นั่นสินะ... แจจุงน่ารักขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่จะมีใครมาชอบน่ะ 

    ...จะใครสักกี่คนก็สู้คนเดียวที่อยากให้ชอบไม่ได้หรอก รู้ไหม




    แล้ว... แจจุงมีความสุขดีหรือเปล่า ?”



    ฉันมีความสุขดีกว่าแต่ก่อนเยอะเลยล่ะ




    นั่นสินะ เขาคงดูแลนายดีสินะเวรเอ๊ย ... ช่วยทำท่าโกรธบ้างเถอะ อย่าทำท่ายอมจำนน เป็นแฟนเก่าที่แสนดีแบบนี้เลย มันทำให้เขา... รู้สึกผิด



    แน่นอน ถึงเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะตารางงานหมอนั่นยุ่งมาก แต่ฉันก็มีความสุขดีจริงแค่ครึ่งเดียว... แน่นอนว่าแค่ครึ่งแรก 



    แล้วนี่นายมีอะไร อย่าบอกนะว่าอุตส่าห์มาถึงคณะฉันแค่ถามอะไรไร้สาระแบบนี้น่ะ 



    ฉันก็แค่เป็นห---



    ไม่ต้องเป็นเป็นห่วงหรอกแย่งพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะทันจบประโยค ชีวิตที่ไม่มีนาย ฉันก็มีความสุขดี ไม่จำเป็นต้องมารู้สึกผิดให้เสียเวลาหรอก ไปดูแลเด็กของนายดีกว่าน่าเก่งไหมล่ะ คิมแจจุง ที่พูดไอ้ประโยคชวนปวดใจที่ออกไปรวดเดียวจบได้



    แจจุงเงยหน้าขึ้น หวังจะสบตาอีกฝ่ายเพื่อยืนยันให้รู้แน่ว่าเขาไม่เป็นอะไร ถึงอยากจะบอกให้ชางมินรู้สักแค่ไหนว่าในใจเขากำลังร้องไห้ แต่คำว่ารักที่เคยมีให้ มันกลับบีบบังคับให้เข้าทำได้เพียงฉีกยิ้มแกนๆ ให้อีกฝ่ายแทนคำว่าไม่เป็นไร



    ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับแรงกดหนักๆ ที่จู่ๆ ก็วางพาดลงมาตรงไหล่ทำให้แจจุงเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองยังยืนอยู่บนพื้นโลก ไม่ได้หลุดลอยละล่องไปตามห้วงอารมณ์สั่นไหวแต่อย่างใด




    ย...ยุนโฮ...

    ปากมันไม่ขยับ แต่พอหันหน้าไปเห็นเสี้ยวหน้าคม เสียงในอกมันก็ร่ำร้องขึ้นมาทันที... คล้ายจะตอบรับ วงแขนแกร่งยิ่งโอบเขาแน่นขึ้นจนรู้สึกเจ็บ แต่เขากลับไม่กล้าร้องขอให้ปล่อยเลยสักคำ



    ผมดูแลคนของผมดีเสมอล่ะ ไม่จำเป็นต้องให้คนเก่าๆ มาเป็นกังวลหรอกเสียงทุ้มประกาศอย่างถือสิทธิ์ ... น่าหัวเราะ ถ้าการทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวนี่ถือเป็นการดูแล หมอนี่ก็คงดูแลเขาได้ดีพิลึกล่ะ 



    งั้นเหรอ... ก็ดีแล้วล่ะแต่ร่างสูงโย่งนี่ดูท่าจะเชื่อเอาจริงๆ ไม่แปลกหรอก ขนาดเขาเอง พอเหลือบตาไปมองเห็นแววตาที่จริงจังของคนตรงหน้านี่ยังเกือบจะเคลิ้มเลย ... จนต้องเบรกตัวเองไว้ว่า ยังไงซะ ยุนโฮก็เป็นนักแสดงชั้นยอดอยูแล้วนี่นะ



    ขอโทษนะ รอนานหรือเปล่าแจจุงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ยุนโฮก็ละความสนใจในตัวชางมินอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อก้มลงมาหาเขาในระยะประชิดก็ตกใจพออยู่ แล้วไอ้คำถามนี่มันอะไรกัน เขาไปนัดอะไรกับมันตอนไหน? อย่ามาเนียนนะเว้ย



    อย่างอนเลยน่า... ฉันติดงานอยู่เลยมาช้า ไม่ได้หนีไปเที่ยวไหนมาแน่นอนส่งเสียงอ้อนๆ แบบที่ฟังแล้วขนอ่อนทั่วร่างกายมันลุกชันยังไม่พอ ชอง ยุนโฮคนดียังยกสามนิ้วทำท่าวันทยหัตถ์ พร้อมบีบเสียงให้เล็กๆ น่ารัก (น่าชัง) อีกแหนะ สาบานเลยว่าไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหน อย่าโกรธเลยนะ... คนดี



    จะโกรธก็เพราะคำว่าคนดีของมันนี่แหละเว้ย!

    .



    .



    .




    เขาไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย 


    เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผิดก็คือหมอนั่นต่างหากล่ะที่ผิด ผู้ชายที่ไหนมันจะคิดมากกับเรื่องแบบนี้วะ ก็กะอีแค่จูบจะอะไรนักหนาเชียว มาทำน้ำตาไหลยังกับนางเอกโดนพรากความบริสุทธิ์ไปได้ แล้วกล้าดียังไง มาหันหลังให้กับซูเปอร์สตาร์อย่างเขา ชองยุนโฮน่ะ มีแต่สาวๆ วิ่งเข้าหาจนหลบไม่ทัน รู้ไว้ซะด้วย!



    ถึงแม้จะพร่ำบอกตัวเองแบบนี้ แต่ตัวรู้มันก็คอยกระซิบบอกว่าไม่ใช่ แจจุงไม่ได้ทำอะไรผิดซักนิด เขาต่างหากที่เอาแต่ใจตัวเองเกินควร ถึงแม้เราสองคนจะได้ชื่อว่าเป็นแฟน แต่ก็เป็นเพราะแจจุงโดนเขารวบรัดให้ตกลงต่างหาก




    เรื่องของเรา เริ่มต้นด้วยความพึงใจเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งลวงตาเช่นความรัก

    แล้วคนที่อยากพบกับความรักที่แสนโรแมนติกอย่างหมอนั่น






    ... จะรู้สึกยังไงนะ


    แม่งเอ๊ย! ไม่สมกับเป็นชอง ยุนโฮเลยสักนิด




    แล้วนายแบบหนุ่มก็ต้องกลายมาเป็นสโตล์กเกอร์จำเป็น... ไม่ อย่าคิดว่ายุนโฮจะใส่หมวกไหมพรมกับแว่นดำปิดบังหน้าตา ใส่เสื้อโค้ทตัวโคร่งสีสันไร้รสนิยม แล้วเดินตามแจจุงไปทุกที่อย่างกับคนโรคจิตเชียว ก็รู้กันอยู่ว่ายุนโฮน่ะเป็นคนของประชาชน ขืนออกมาทำลับๆ ล่อๆ ล่ะก็ ไม่ต้องลุ้นเลยว่าจะมีประชาชนของยุนโฮสังเกตเห็นไหม เพราะฉะนั้น ยุนโฮก็เลยแก้ปัญหาโดยการใช้ความเป็นพี่ชายให้เกิดประโยชน์!




    พูดง่ายๆ ก็คือใช้ยัยจีเฮย น้องสาวตัวแสบที่ยินดีเสมอเมื่อได้เจอเรื่องสนุกๆ เป็นฝ่ายแอบตามดูแจจุงแทน และน่าใจหายตรงที่แผนนี้สำเร็จอย่างงดงาม ร่างบางๆ นั่นไม่รู้ตัวสักนิดว่าโดนคอยตามดูพฤติกรรมอยู่แทบจะทุกฝีก้าวเป็นเวลานานสองนาน เป็นกระต่ายขาวขนปุยตัวน้อยที่สัญชาตญาณระวังภัยต่ำเสียจริง ไม่รู้อยู่รอดปากเหยี่ยวปากกามาถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน ? 



    และเมล์ฉบับสั้นๆ แนบไฟล์รูปที่ลงวันที่ถ่ายวันนี้ รายงานล่าสุดจากจีเฮยก็ทำเอาชอง ยุนโฮถึงกับนั่งไม่ติดที่




    โถ่เว้ย...




    ไม่เคยได้ยินกฎข้อนี้หรือไงกัน

    ในความสัมพันธ์ครั้งใหม่น่ะ แฟนเก่าก็มีค่าไม่ต่างไปจากเศษขยะไร้ค่า ไม่ใช่แค่ขยะเปียกที่ส่งกลิ่นกวนใจธรรมดาๆ นะ แต่เป็นขยะมีพิษที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพเลยเหอะ!



    แล้วใครล่ะจะปล่อย-ขยะ-เอาไว้กวนใจตัวเอง







    พอแอบมองไปมองมาก็ต้องยอมรับว่าขยะนี่หน้าตาดีกว่าที่คิด


    เฮอะ โคตรน่าหมั่นไส้... ยิ่งมาทำตัวโคตรพระเอกนิยายยิ่งแล้วใหญ่ ไปเป็นคนดีไกลๆ เถอะไป ไม่เห็นเหรอว่าแฟนเก่าตัวเองนั่งเม้มปากตาแดงแล้วนั่น ยิ่งเห็นยิ่งน่ารำคาญใจ อะไรจะร้องไห้ง่ายขนาดนี้วะ ทีกับเขานะปากจัด ด่าได้ด่าดี ทีแบบนี้นะมาทำปากสั่น



    หงุดหงิดชะมัด!


    หงุดหงิดที่ต้องยอมรับว่าว่าตัวเองไม่พอใจที่เห็นว่าแจจุงยังหวั่นไหวกับคนเก่าๆ มากขนาดไหน แล้วก็หงุดหงิดตัวเองมากกว่าที่ทนดูต่อไม่ได้ และหงุดหงิดที่สุดคือการที่สองขามันไปไวกว่าใจ ถึงได้ก้าวออกจากมุมมืดแล้วไปขัดการสนทนาของทั้งคู่ซะอย่างนั้น 




    ผมดูแลคนของผมดีเสมอล่ะ ไม่จำเป็นต้องให้คนเก่าๆ มาเป็นกังวลหรอก…”

    ขอบคุณหน้ากากของนักแสดง วิชาชีพหากินประจำตัวที่ทำให้เขาเอ่ยประโยคข้างบนนั้นพร้อมรอยยิ้มได้




    แจจุงดูจะมึนงงไม่น้อยเลยทีเดียว ตากลมๆ เบิกกว้างขึ้นแต่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย สาเหตุน่าจะมาจากคำว่าคนดีที่เขาแกล้งหยอดให้หน้าขาวๆ เรื่อสี... ไม่ค่อยแน่ใจแฮะว่าอายหรือโกรธกันแน่ ถึงอย่างนั้น แจจุงก็ยังทำตัวเป็นตุ๊กตาที่ดี ยอมโดนลากมานั่งบนเล็กซัสรุ่นท็อปคันนี้โดยไม่มีอาการโวยวายให้รำคาญ




    ยุนโฮปรายตามองสิ่งมีชีวิตหน้าขาวปากแดงที่นั่งยุกยิกแล้วก็หันไปสนใจทางตรงหน้าต่อ จนตุ๊กตาหน้ารถต้องเป็นฝ่ายเปิดปากก่อนเอง



    ไปไหน--?”


    บ่นอะไรเล่นกระชากเสียงจนฟังแทบไม่รู้เรื่องขนาดนั้น



    ก็ถามว่าจะพาฉันไปไหน



    จำทางกลับคอนโดแฟนแค่นี้ก็ไม่ได้ ความจำสั้นนะนายน่ะเหมือนจะได้ยินเสียงนับ หนึ่ง... สอง... สาม... ดังมาจากคนข้างตัว ยุนโฮหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นแจจุงทำตาโตจนแทบทะลุออกมาจากเบ้า มือหนายกไปขยี้กลุ่มผมนิ่มที่อีกฝ่ายเพิ่งไปเปลี่ยนเป็นสีทองประกายอย่างจะแกล้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับอย่างทันท่วงที




    หัวคนนะไม่ใช่กระปุกเกียร์ ตั้งใจขับรถไปเลยไป๊ ฉันยังไม่อยากลงข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าพรุ่งนี้แจจุงปัดมือเขาออกแล้วเขยิบไปพิงกระจกพร้อมกับกอดอกทำหน้ามุ่ย



    หน้าหนึ่งอะไรของนาย?” 



    อ้าว ก็ดาราดังขับรถแหกโค้งดับอนาถพร้อมเพื่อนชายสนิท ไม่เอาด้วยหรอกนะ หัวสมองระดับคิมแจจุงนี่ถือว่าเป็นอนาคตของชาติ ตายไปเสียดายแย่ 




    นึกว่าข่าวดาราดังกับคู่ขาหนุ่มเล่นหนังสดบนรถท้าสายตาประชาชีซะอีก 



    อ.. อ... ไอ้บ้า!!



    ยังต้องฝึกอีกไกลนะ เด็กน้อย

    ระดับมันยังผิดกัน




    หึหึ




    .



    .



    .





    นี่... ยุนโฮ

    เสียงหวานดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน 




    ตอนนี้แจจุงกำลังนอนพาดขวางเตียงคิงไซส์ในห้องนอนของยุนโฮ และเจ้าของห้องก็นั่งจิบเบียร์กระป๋องอยู่บนพื้นพรมไม่ไกลกัน 



    หลังจากมาถึงคอนโดนายแบบหนุ่ม ทั้งคู่ก็ทะเลาะแกล้งกันจนเหนื่อยหอบ แจจุงคว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อนอนที่รื้อๆ เอามาจากตู้เสื้อผ้าของอีกฝ่ายก่อนจะเป็นฝ่ายยุติสงครามย่อมๆ ของคนทั้งสองโดยการก้าวเท้าเข้าห้องน้ำไปคลายอารมณ์ร้อนของตัวเอง และพอออกมา ก็เห็นคุณนายแบบชื่อดังมานั่งทำเอ็มวีอยู่นี่แหละ




    ก็แหม... เสื้อเชิ้ตปล่อยชาย ปลดกระดุมโชว์แผงอกรำไร นั่งพิงผนัง ใบหน้านิ่งๆ ตาเหม่อมองไปไม่จับโฟกัสที่จุดไหน แต่มือก็ยังคว้ากระป๋องเบียร์ยกขึ้นดื่มเป็นจังหวะ ... เออ รู้แล้วว่าหล่อ ชิ!




    ยุนโฮ... ฟังฉันอยู่มั้ยเนี่ย?” แจจุงผุดลุกขึ้นนั่ง คว้าเอาหมอนใบโตมากอด พอมองหน้าหล่อๆ แล้วก็คิดถึงตอนที่ตัวเองโดนขืนจูบ ทั้งช็อค ทั้งเสียใจ แต่หมอนี่ก็ไม่มาเคลียร์กันสักนิด หายหัวไปตั้งนาน พอโผล่มาอีกทีก็มาเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้เนี่ยนะ มันจะมากเกินไปแล้ว




    อะไรอีกในที่สุดร่างสูงก็หันมาให้ความสนใจคนสวยที่เริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้ง ยุนโฮเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ



    ชั้นโกรธอยู่นะ โกรธตั้งนานแล้วด้วย ไม่ยอมมาง้อกันเลยนะไอ้บ้า หายเงียบไปซะอย่างงั้น... รู้มั้ย เห็นหน้านายในทีวีทีไร ชั้นอยากเอาไม้กอล์ฟของพ่อมาหวดใส่ทุกที 



    แต่นายก็ไม่ได้ทำ 



    แหงดิ หรือนายจะซื้อทีวีคืนให้ชั้นเล่า!คราวนี้ยุนโฮกลั้นขำไม่ได้จริงๆ พูดจาหาเรื่องเสร็จก็มาทำหน้าแดงแบบนี้ ใครมันจะกลัวเล่า แจจุง




    ชั้นต้องขอโทษใช่มั้ย หืม...?” 


    เออดิ-- 




    งั้นก็ตั้งใจฟังนะ... แจจุง ชั้นขอโทษที่ขืนจูบนาย จะไม่ทำอีกแล้ว คราวหน้าจะขอความสมัครใจนายก่อน ดีไหม?”






    ไม่ดีเว้ย! คราวหน้งคราวหน้าอะไร ไม่มีแล้วเหอะ 

    ถึงปากจะโวยวาย



    แต่ลึกๆ ในหัวใจ... แปลกไหม... ถ้าจะบอกว่าความโกรธที่อุตส่าห์เก็บไว้ตั้งนาน มันปลิวหายไปหมดตั้งแต่ได้ยินคำว่าขอโทษพร้อมรอยยิ้มบางๆ จากอีกฝ่าย



    คิมแจจุง อย่ามาใจง่ายแถวนี้นะ!




    ส่วนเรืองวันนี้.. พูดแล้วก็ซุกซบลงกับหมอนใบใหญ่ในอ้อมแขน ประโยคที่ดังต่อมาจึงอู้อี้แทบจะจับใจความไม่ได้ 



    ขอบคุณนะ…”


    ขอบคุณที่โผล่มาทันเวลา ถึงแม้จะชวนให้นึกถึงภูติพรายที่ออกมาได้จังหวะพอดีขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับ ว่าเพราะยุนโฮจริงๆ ทีทำให้การเผชิญหน้าที่แสนกระอักกระอ่วนเมื่อครู่จบลงได้โดยที่เขายังไม่ทันได้ทำตัวน่าสมเพชจนเกินไป




    ขอบคุณ

    ...อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียน้ำตาต่อหน้าใครทีไม่เห็นค่า



    ถ้าจะมัวแต่ขอบคุณ นายช่วยเปิดลิ้นชักตรงหัวเตียงจะดีกว่าร่างเล็กเบิกตาอย่างงุนงง หน้าเอ๋อๆ มึนๆ แบบนี้ น่ารักแบบไม่น่าให้อภัยเลยล่ะ



    ยุนโฮลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเคียงข้างคนตัวเล็ก ก่อนจะบุ้ยใบ้ให้ให้เปิดลิ้นชักทางขวา 

    ...มาร์ชเมลโลว์ถุงเบ้อเริ่มอัดแน่นอยู่ในนั้นตั้งหลายถุง




    ให้ตาย... ไวท์เดย์สินะ เกือบลืมเลย




    ตอบแทนความรักรสช็อกโกแล็ตที่นายให้มา... สไตลิสท์นูน่าแนะนำมาเลยนะว่าของยี่ห้อนี้อร่อยที่สุดแขนแกร่งทั้งสองข้างสอดผ่านเอวคอด เอื้อมไปแกะหนึ่งในถุงขนมสีหวานแล้วหยิบมาจ่อถึงปากบาง 



    ชอบไหม?” เสียงทุ้มกระซิบชิดติดริมใบหู




    “...ไม่เห็นจะชอบเลยซักนิด 




    แต่ปากก็ยังเคี้ยว มือก็ยังหยิบมาร์ชเมลโลว์นุ่มๆ เข้าปากไม่หยุด 

    ไม่ชอบเลยซักนิด ไม่ชอบเลย... เด็กปากแข็งเอ๊ย








    To be continued...






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×