คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 06 NOT BAD (100%)
06
NOT BAD
D.O. ::
เมื่อชั่วโมงก่อน...
มือเรียวจับราวรถเมล์ก่อนจะกระโดลงมาอย่างช่ำชอง ผมเร่งฝีเท้าเร็วๆเพื่อให้ทันรถอีกคันที่จงอินจะนั่งไปทำงานที่ผับ ก็แหมวันนี้ผมว่างนี่นาการบ้านผมก็เสร็จไปเป็นชาติละ จะให้กลับไปนอนแห้งอยู่หอก็ใช่ที่เลยขอเผือกหน่อยละกัน
อ้ะ นั่นไง คิมจงอินคนดำ -..- นั่งเอ๋ออยู่คนเดียวตรงเบาะรถข้างหน้าต่างฝั่งซ้าย เห็นดังนั้นผมเลยพยายามหลบและหาที่มุมอับทางด้านหลังซึ่งลับสายตาจากหมีตัวใหญ่ ลมพัดแรงไม่ได้ทำให้สมาธิที่ดวงตาของผมจับจ้องไคหลุดไปได้เลย นี่ก็แอบลุ้นนะว่าแผนจะแตกรึเปล่า^^
รถแล่นไปเรื่อยๆผ่านทั้งตึกสูงใหญ่มากมายผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อยทีเดียว
อันเนื่องมาจากสภาพโดยรอบที่แปลกหูแปลกตาไปเพราะปกติพอเลิกเรียนผมก็จะรีบกลับคอนโดอย่างไม่ต้องสงสัย พอย้ายโรงเรียนอะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนดำที่ผมนั่งมองอยู่แทบจะตลอดเวลา
จงอินทำให้ชีวิตผม เปลี่ยนไป
รถเมล์หยุดรับผู้โดยสารหลายป้ายจนผมเห็นคนตัวสูงกำลังจะเตรียมตัวลงที่ป้ายข้างหน้ามันก็ทำให้ผมกำมือด้วยความตื่นเต้น
เมื่อรถเมล์เทียบท่า ผมรอให้ไคเดินลงไปก่อนที่ผมจะเดินตามไปอย่างห่างๆเพื่อไม่ให้คิมไครู้ตัว
สองขาหยุดตรงที่หน้าอาคารใหญ่ ชื่อมันเขียนว่า bar อ่านี่สินะที่ทำงานของเพือนร่วมห้องตัวใหญ่ ผมแหงนมองมันป้ายพลางยิ้มเล็กก่อนจะหันหน้าลงมามองไค
ที่หายไปแล้ว
ย่าาาาาา เผลอแปปเดียวหายไปไหนแล้วเนี่ย ผมรีบเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูร้านแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของคนตัวดำเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าเราจะตาฝาด ไคอาจจะไม่ได้มาที่ร้านนี้ก็ได้ หรือเราอาจจะจำคนผิดกัน
ก็บ้าแล้ว
ผมเชื่อโดยสัญชาตญาณว่าไม่มีทางจำคนผิดแน่ๆทั้งรูปร่าง ทรงผม รวมถึงสีผิวนั่น(?)มันไม่มีทางเป็นคนอื่นนอกจากไคไปได้หรอก
ผมไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เข้าไปให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยละกัน
ซึ่งกว่าผมจะรู้ตัวว่าคิดผิดก็สายไปแล้ว...
“ย่าๆๆๆเด็กไม่ถึงยี่สิบนี่เข้าร้านมาได้ยังไงกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการให้”
“พี่ด้วย คืนนี้พี่จะจัดให้สาสมใจเลย”
“อะเอ่อ คือ...”
หลังจากผมทะเล่อทะล่าเข้ามาในที่แห่งนี้ก็ดูเหมือนกับหลุดมาในดงเสือร้ายก็ไม่ปาน กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งกรูเข้ามาเมื่อเห็นผมที่ยืนชะเง้อมองไคและบังทัศนวิสัยผมจนมิด
“ ไม่ต้องตกใจนะครับ พวกพี่สัญญาว่าน้องจะไม่เจ็บ “
“ จริงดิ น้องเขาบอกครั้งแรกว่ะ”
เห้ยยยเดี๋ยวๆ นี่ผมยังไม่พูดอะไรซักคำ จะเรียกให้คนช่วยก็คงไม่มีทางแน่ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าทั้งร้านนี้ก็คงมีแต่พวกนี้อะ เวรละสิ คิดสิคยอง คิดสิ
“ กูว่าอย่างงี้ แม่งต้องมีนิ้วแน่ๆ”
“55555”
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบๆทำเอาผมรู้สึกกลัวขึ้นมามากกว่าเดิม มือของผมเริ่มเย็นเฉียบ เหงื่อกาฬไหลออกจากผิวหนัง ผมหอบหายใจถี่ๆพยายามควบคุมสติและหาวิธีการที่จะหลุดออกไปจากที่นี่ ไม่น่าเลยคยองซู นายน่าจะกลับไปคอนโดนอนตากแอร์สบายๆแล้วแท้ๆ
ยิ่งคิดยิ่งสมเพสตัวเอง อ่า ละนี่ผมจะทำยังไงดีละเนี่ย อ้ากกกกกกกก
“เห้ย ทำไรกันน่ะ!”
จู่ๆก็มีเสียงสวรรค์แหกขึ้นกลางดงเสือร้าย ผมรีบหันขวับไปทางต้นเสียงก่อนจะต้องตกใจและดีใจสุดขีด
“คะ...ไค”
“ไรวะน้อง พูด’งี้อยากมีเรื่องหรอห้ะ” หวาๆๆ ดูเหมือนฮีโร่หมีตัวใหญ่ของผมจะทำให้พวกเสือป่านี่โมโหซะแล้วสิ ย่า ผมไม่อยากจะคิดภาพอนาคตเลยอ่ะ
“ป่าวครับ ผมแค่สงสัยว่า....เอ่อ.. “
“สงสัยไรมึง...”
“ คือ....เอ่อ”
“อะไรของมึงเนี่ย เสียเวลาชะมัดยาด”
ไคยังคงอ้ำอึ้งต่อไปผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะพูดแก้ต่างว่าอะไรแต่เห็นแบบนี้ผมคงต้องช่วยเขาแล้วล่ะ
“คะ...คือ”
“คือคนนี้เค้าเป็นแฟนผมเองครับ...”
“ ห้ะ ! “
ย๊า นี่ผมพูดออกไปได้หยั่งรายย พวกหมาหมู่หน้าเจื่อนไปนิดๆก่อนจะโพล่งเสียงขำขันออกมาพร้อมกัน นี่กูตลกกับมึงมั้ยสืดดด
“55555555กูชอบมุขนี้ว่ะไอน้อง”
“ อ่าไม่ใช่มุขครับ นั่นไคแฟนผมจริงๆ เนอะไคเนอะๆๆ”
ผมหันไปส่งซิกส์ให้พี่หมีตัวดำเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ดูเหมือนไคกำลังช็อกค้างที่ผมแอบอ้างว่าเป็นแฟนเขาอยู่ ไคย่าเอ้ยย เร็วสิคร้าบอย่าเพิ่งเอ๋อตอนเน้
“อะ เอ่อใช่ครับ นี่คยองซูแฟนผมเอง”
ฮ้า ในที่สุดไคก็รู้สึกตัวซักที แล้วนี้จะให้ทำไงต่อดีเนี่ย
“จริงหรอวะกูว่าไม่เห็นเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย”
นั่นไงล่ะ ปัญหาโลกแตกที่มักจะเกิดขึ้นในนิยายกุ๊กกิ๊กพระเอกนางเอกใสๆแอ๊บแกล้งเป็นแฟนกันได้เกิดขึ้นมาแล้ว ไคขบริมฝีปากเหมือนกับครุ่นคิดอะไรซักพักเขาก็เรียกผมเสียงหวานก่อนจึงดึงมือผมไปตามแรง
“ไคย่านายจะทำ...”
จุ๊บ -3-
เฮือก! จู่ๆไคก็เอาปากหยาบๆมาแตะลงบนปากของผมเสียงดังจุ๊บ ผมเบิกตากว้างสุดขีดด้วยความตกใจแต่ไม่น่าตกใจเท่ากับเสียงกริ้ดที่ดังเป็นวงกว้าง
ของพวกเสือป่าเมื่อตะกี้...
“กริ้ดดดด ฟินอ่ะแกร้ ชั้นอยากมีบ้างอ่า”
“มากะชั้นมั้ยล้ะ มวฟฟฟฟฟฟ”
“อิ้....ไม่เบี้ยนสิคะเพิ่ลลล”
อย่าถามกูว่ารู้สึกยังไง
สตั้นท์!
เมื่อเห็นพวกเก้งป่าที่กำลังแชร์ประสบการณ์กันอย่างสนุกสนานจนลืมเราสองคนไปจากเฟรม ไคก็ลากตัวผมออกไปที่หน้าประตู
“โอ๊ย เจ็บ”
ไคออกแรงบีบที่ต้นแขนผมและดูเหมือนมันจะมากเกินไปเลยทำให้ผมเจ็บและมีรอยแดงๆ ไคพาผมมาหลบที่ซอกอับข้างร้านก่อนจะรีบปล่อยแขนผมออก ผมลูบแขนตนเองป้อยๆก่อนที่เจ้าของผิวสีแทนจะกุมข้อมือผมชูขึ้นเพื่อให้ละสายตาไปสนใจเขา
“อ้ะ...”
“โทด....”
“....”
“นี่มึงมาไง...”
“เราก็ตามไค...”
“โอเคกูรุ้ล้ะ....แล้วมึงรู้มั้ยว่ามันอันตรายขนาดไหนที่โผล่ร้านเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า”
ผมเริ่มหลุบตาลงต่ำมองพื้นรอบๆโดยไม่กล้าหันไปสบตาดุๆนั่นแต่ไม่ทันไรไคก็จับคางผมให้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง
“ขะ...ขอโทษนะ”
“นี่ถ้ากูมาช่วยไม่ทันมึงจะเป็นไง...”
“ ....”
“ทำอะไรคิดถึงหัวอกกูด้วย”
“...”
“ว่ามันจะเป็นห่วงมึง....อ้ะ”
ไม่รู้อะไรมาดลใจ ผมไม่รอให้ไคบ่นอะไรอีกแต่ตัวเองกลับกอดเขาไปเต็มจนทำให้เขาอึ้งไปไม่น้อย ซึ่งไคดูปรับตัวง่ายเหลือเกินจึงกอดตอบผมได้ไม่ยากนัก
“ขอโทษนะครับ....”
“....”
“ทีหลังเราจะไม่ทำให้ไคเป็นห่วง อุ้บ!”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคมือหน้าก็เลื่อนมาปิดปากผมซะงั้น ก่อนที่ทั้งผมและไคจะเงียบ ไม่มีใครเปล่งเสียงใดๆออกมาอีก เงียบจนได้ยินเสียงของลมหายใจที่รดบ่าของกันและกันเบาๆไว้เท่านั้น
เป็นเวลาอันเนิ่นนานที่เราทั้งสองต่างอยู่กันในท่ากอดกัน จนเวลาผ่านไปมากเกินไคจึงผละตัวออกไปทำงานต่อก่อน พลางสั่งกับผมว่าให้รีบกลับคอนโดโดยเร็วที่สุด
ถ้าพูดถึงขนาดนั้นแล้วให้ทำไงได้ล่ะ...
สองขาเล็กพาผมมาหยุดรอรถที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง กลิ่นบุหรี่ที่มาจากชายซึ่งยืนเยื้องผมไปนิดหน่อยเล่นเอาแสบจมูกไปหมด นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าแหล่งอบายมุข ผมยืนรอรถอยู่ซักพักก็ยังไม่มีรถเมล์ผ่านมาซักที่ อีกใจก็อยากเฝ้าไคจนทำงานเสร็จแล้วกลับด้วยกันแต่เจ้าตัวดันโพล่งขึ้นมาซะก่อนว่าถ้าจะรอผมคงรอไม่ไหว เนื่องว่าตัวเขาเองทำงานเลิกดึกอยู่
“ช่วยด้วยค่ะ โจรขโมยกระเป๋าคะ ช่วยด้วยค่ะ”
ฉับพลันทันใดก็มีเสียงผู้หญิงร้องผมรีบหันมองไปทางต้นเสียงนั่นและพบชายที่สูบบุหรี่นั้นกำลังวิ่งหนีไปอีกทาง หรือทางไปผับนั่นเอง ผมเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอย่างไม่รอช้าโดยไม่คำนึงถึงพละกำลังและสังขารตัวเองเลย
“หยุดนะเว้ยยยยย” ผมแหกปากลั่นเป็นพิธีก่อนจะรีบวิ่งตามไปติดๆ ไม่รู้ว่าชายคนนั้นวิ่งเร็วหรือผมวิ่งช้ากันแน่ ยิ่งผมรู้สึกใกล้มากเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งไกลไปเรื่อยๆ จนผมซักจะรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา
“แฮ่กๆๆ” ลมเย็นเข้ามาปะทะหน้าจนผมต้องหยุดวิ่งและยืนจับเข่าตัวเองอยู่ตรงหัวมุมถนน ข้างหน้าเป็นทางม้าลายในซอยที่ลึกเข้าไป เสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือยังแว่วมาทางสายลมที่พัดมาไม่หยุด เสียงใบไม้ครูดกับพื้นถนนในเวลานี้มันเงียบซะจนได้ยืนแม้กระทั่ง เสียงลมหายใจที่ดังมาทาง
ข้างหลังของผม...
“อั๊ก....ตุบ!”
ผมรีบหันหลังไปก็ชนเข้ากับร่างสูงที่ตนคุ้นเคย ไคยืนอยู่หลังผมในท่าที่กุมหมัดอยู่ พอมองลงไปที่พื้นก็เห็นเพียงชายคนนั้นที่นอนแอ๋อยู่บนพื้นแล้ว
“คะ...ไคย่า”
“ไหนนายบอกกลับแล้วไง”
“ เอ่อก็...” เป็นอย่างงี้ทุกทีเลยน้าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน พอเห็นสายตาคาดโทษที่มาจากคนหน้าเอ๋ออย่างไคนั่นมันก็ทำให้ผมต้องหลบหน้าลงทุกที
“จะมาช่วยเขาจับโจร?”
“ก็ใช่อะสิ....แค่นั้นเอง”
“งั้นก็...ไม่ต้องแล้วแหละ”
“อือ...” ผมตอบอย่างหงอยๆแล้วก้าวเดินตามไคไปเงียบๆ ไคบอกว่าวันนี้เขาขอออกงานก่อนเวลาเนื่องจากจะรีบพาผมกลับคอนโดเพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่กลับคอนโดง่ายๆแน่ ระหว่างทางไปรอรถเมล์ที่ป้ายอีกครั้งไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทำให้เกิดความวังเวงที่โรยตัวโดยรอบ
ผมยืนก้มหน้าอยู่ได้ไม่นานนัก มือแกร่งเอื้อมมาจับแขนผมก่อนจะลากขึ้นรถเมล์ ร่างของไคบังผมจนมิดทำให้คนขับต้องหันมาดูว่ามีคนขึ้นกี่คนกันแน่
ภายในรถในยามดึกช่างเงียบไม่ต่างจากภายนอกซักเท่าไหร่ ผมทนความเงียบได้ไม่นานจึงเอ่ยปากพูดขึ้น “จะดีหรอไคย่า”
“หือ...”
ดูเหมือนไคจะไม่เข้าใจคำถามผมเท่าไหร่จากที่เขาหันหน้าออกไปทางหน้าต่างจึงหันกลับมามองผมพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ก็...ไคไม่โดนหักเงินอ่อ”
“อ๋อ...ก็นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
“อือ...” บทสนทาของผมจบลงแค่นั้น ถ้าจะพูดให้เข้าใจผมอาจกำลังรู้สึกผิดก็ได้นะ ถ้าผมไม่มาหาไคที่ทำงานไคก็จะไม่ต้องโดนหักเงินแล้วแท้ๆ อ่ายิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิดแฮะ
“ทำไม...รู้สึกผิดหรอ”
เห้ย เขารู้ได้ไงอ่า ผมผงกหัวขึ้นถลึงตามองคนข้างๆที่ปั้นหน้าอมยิ้มเล็กออยู่
“ระ...รู้ได้ไง”
“หน้ามึงไง...”
“หะ...หน้าเรา?”
ผมขมวดคิ้วมอง พลางเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง
“เออเดะ...หน้ามึงมันฟ้อง”
“หน้ามันฟ้อง?...” เอาหละครับยิ่งไคพูดผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่เลยเนี่ย
75%
“สมมุตินะ...ถ้ากูตายมึงจะรู้สึกยังไง”
“เห้ย...กะ....ก็ต้องเสียใจเดะ” ไอ่บ้าสมมติบ้าบออะไรเนี่ย
“เห็นมั้ยล้ะ นายคงจะตกใจมากกว่าสินะ”
“ห้ะ! รู้ได้ไงอ่ะ” ผมไม่ยักกะเชื่อหูตัวเอง ไคส่งสายตายิ้มๆมาเหมือนคนรู้ทันก่อนที่เขาจะหันหน้าออกไปรับลมข้างหน้าต่างอีกครั้ง
“เอากูมาใกล้ๆสิแล้วจะบอก...”
เสียงเอื้อนเอ่ยเบาๆพอได้ยินกันเพียงแค่สองคนดังขึ้น ไคยังคงหันหน้าไปทางเดิม ผมใช้เวลาคิดเพียงครึ่งนาทีก่อนจะยื่นหน้าของตัวเองไปใกล้ๆ หมีตัวใหญ่
“ อ้ะ...บอกมาสิ” ไหล่หนากระตุกนิดหน่อยก่อนที่ไคจะเอี้ยวตัวหันมาทางผม
โดยที่ไม่คาดคิด สันจมูกโด่งๆ กระทบเข้ากับแก้มของผม...
“ย้า อะไรของไคเนี่ย....” ผมร้องขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังโดนล่วงเกินครั้งใหญ่ ปากรูปหัวใจเบะลงตามสัญชาตญาณ
“5555555 เห็นมั้ยล่ะหน้านายบอกว่ากำลังตกใจและก็เขิน....ด้วย?”คำพูดของอีกฝ่ายถูกกลืนลงไปในลำคอดูเหมือนไคจะจับหลักคำพูดของตัวเองไว้ได้จึงหยุดและยับยั้งมันไว้ก่อน
“ไอ่เอ๋อเอ้ย...” ผมพึมพำเงียบๆอยู่คนเดียวโดยไม่ให้คุณคิมไครู้ ไคเงียบไปทันทีโดยไม่ต้องสั่ง คงกำลังนั่งคิดกับสิ่งที่ผลอพูดมาแน่ๆ
เอ๋อนี่ก็เอ๋อจริงเลย...
KAI ::
แกร๊ก...
เสียงกลอนประตูห้องลั่นขึ้นเมื่อผมออกแรงบิดมัน ผมรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูอีกครั้ง...
วันนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ...
ไม่ใช่ว่าผมทำงานหนักหรืออะไรนะแต่เป็นเพราะ...ไอ่เหลือกต่างหาก
ตั้งแต่การดั้นด้นตามผมไปที่ผับจนผมต้องจูบปิดปากไปครั้งนั้น...ใจก็สั่งให้ไปกอดมันไว้อีก แถมยังรีบวิ่งไม่เป็นอันทำงานเมื่อเห็นมันตามโจรไปทั้งอย่างนั้นอีก
เหนื่อยกว่าการทำงาน...
ก็คือเหนื่อยที่ต้องกุมหัวใจตนเองอาไว้ไม่ให้เต้นแรงจนดูน่าประหลาด...
“เห้ออออ” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางโยนกระเป๋าเรียนไว้บนโซฟาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวบนเตียงแรงๆ ขอใช้เวลานี้ปล่อยใจให้สบายๆบ้างเถอะ
ทุกวันของผมจะต้องทนกับหัวใจตัวเองไปถึงไหนกันเนี่ย นี่ก็ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าถ้าเกิดวันดีคืนดีมันย้ายมาอยู่กับผมโดยสมบูรณ์ผมจะอยู่บนโลกนี้ได้อยู่มั้ย
ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกว่าหน้ามันฟ้องหนะ นั่นก็อีกเรื่อง โด คยองซู เป็นคนที่ผมสังเกตว่าถ้ารู้สึกยังไงมันจะสะท้อนออกมาทางแววตาและสีหน้านั้น แม้ว่าหลายครั้งที่คนตัวเล็กจะพยายยามปกปิดไว้แต่ก็ไม่เคยมิด
โดยเฉพาะดวงตากลมๆ...
ไม่ว่าจะเศร้าหรือทุกข์หรือสุขยังไงก็แล้วแต่...
ดวงตานั้นไม่เคยจะโกหก...
เรื่องที่เขินตอนโดนหอมแก้มนั่นก็ด้วย...
มันทำให้ผมคิดว่า...
ดูออกง่ายก็ไม่เลวเหมือนกัน....
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นผมหยัดตัวเต็มความสูงพลางลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู ระหว่างทางผมก็หันไปผมองนาฬิกาที่ห้อยอยู่บนผนัง อ่า นี่ก็สามทุ่มครึ่งแล้วสินะ
ผมสะบัดหัวไล่ความง่วงสองสามทีก่อนจะหมุนลูกบิดและดึงประตูเปิด จนทำให้ผมต้องตื่นเต็มที่
“โหยนี่ไคยังไม่อาบน้ำอีกหรอเนี่ย”
“เออ...ทำ...”
“รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ...”
“คือกูเพิ่ง....”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละวันนี้เราจะมานอนด้วยอ่ะพอดีแอร์ห้องเราเสีย เรารู้ว่าไคไม่ว่าอะไรหรอก....ใช่มั้ย”
พูดซะขนาดนี้ยังต้องถามอีกหรอ มึงเห็นกูมีทางเลือกมากขนาดนั้นเลยหรอครับพี่เหลือก
“เออ...จะนอนก็นอน”
“ดีเลยนั้นไครีบไปอาบน้ำแล้วก็...การบ้านยังไม่ได้ทำใช่มั้ยงั้นเราช่วยสอนนะถือเป็นค่านอน...”
“คร้าบบบ คู๊ณแม่...”
“ดีเชื่อฟังดีมาก55555”
ไอ่เหลือกหัวเราะอย่างเอร็ดอร่อยผมส่ายหัวน้อยๆกับตัวเองพลางแทรกตัวเข้าห้องน้ำไป
ไม่เลวเลย...ไม่เลวเลยจริงๆ...
100%
อันเนื่องมาจากห่างหายไปนาน ลืมเรื่องนี้กันยางงง นิวต้องขอโทดทุกคนรัวๆเลยที่ห่างหายจากการอัพฟิคเรื่องนี้ไปช้านาน และจะมาแถลงว่าต่อไปนิวจะมาอัพบ่อยขึ้นเนื่องจากปิดเทอมแล้วเนาะทั้งนี้นิวก็ขอขอบคุณคนที่กดแฟบฟิคบ้านๆเรื่องนี้ไว้นะค้าบบแค่นี้นิวก็หายเหนื่อยละ แล้วจะรีบมาอัพต่ออย่างด่วนๆเลยนะค้าบขอบคุณค้าบบ
สกรีมกับเม้นได้น้า อยากรู้ว่ารู้สึกยังไงกับฟิคเรา
เย้! ครบร้อยเปอร์ด้วยความเหน็ดเหนื่อย สำหรับแชปนี้ต้องขอขอบคุณไรต์ ฮโยมี รัวๆที่ช่วยเกลาภาษากับจัดหน้าให้เราง่ะ
อ่านฟิคสนุกๆของไรต์ฮโยมีเพื่อนเราลิงค์นี้โลยยย จิ้มๆ
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1282911
แล้วเจอกันตอนหน้าเด้อออออ รักทุกคลลลล
ความคิดเห็น