ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo.] Dark, BigEyes เหลือกมืด I KaiDo

    ลำดับตอนที่ #8 : 06 NOT BAD (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 58


     

    06

                                NOT BAD                             

    D.O. ::

     

    เมื่อชั่วโมงก่อน...

     

     

    มือเรียวจับราวรถเมล์ก่อนจะกระโดลงมาอย่างช่ำชอง ผมเร่งฝีเท้าเร็วๆเพื่อให้ทันรถอีกคันที่จงอินจะนั่งไปทำงานที่ผับ ก็แหมวันนี้ผมว่างนี่นาการบ้านผมก็เสร็จไปเป็นชาติละ จะให้กลับไปนอนแห้งอยู่หอก็ใช่ที่เลยขอเผือกหน่อยละกัน

     

     

    อ้ะ นั่นไง คิมจงอินคนดำ -..- นั่งเอ๋ออยู่คนเดียวตรงเบาะรถข้างหน้าต่างฝั่งซ้าย เห็นดังนั้นผมเลยพยายามหลบและหาที่มุมอับทางด้านหลังซึ่งลับสายตาจากหมีตัวใหญ่ ลมพัดแรงไม่ได้ทำให้สมาธิที่ดวงตาของผมจับจ้องไคหลุดไปได้เลย  นี่ก็แอบลุ้นนะว่าแผนจะแตกรึเปล่า^^

     

     

    รถแล่นไปเรื่อยๆผ่านทั้งตึกสูงใหญ่มากมายผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อยทีเดียว

    อันเนื่องมาจากสภาพโดยรอบที่แปลกหูแปลกตาไปเพราะปกติพอเลิกเรียนผมก็จะรีบกลับคอนโดอย่างไม่ต้องสงสัย พอย้ายโรงเรียนอะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนดำที่ผมนั่งมองอยู่แทบจะตลอดเวลา

     

     

                    จงอินทำให้ชีวิตผม เปลี่ยนไป   

     

     

    รถเมล์หยุดรับผู้โดยสารหลายป้ายจนผมเห็นคนตัวสูงกำลังจะเตรียมตัวลงที่ป้ายข้างหน้ามันก็ทำให้ผมกำมือด้วยความตื่นเต้น

     

     

    เมื่อรถเมล์เทียบท่า ผมรอให้ไคเดินลงไปก่อนที่ผมจะเดินตามไปอย่างห่างๆเพื่อไม่ให้คิมไครู้ตัว

     

     

    สองขาหยุดตรงที่หน้าอาคารใหญ่ ชื่อมันเขียนว่า bar  อ่านี่สินะที่ทำงานของเพือนร่วมห้องตัวใหญ่ ผมแหงนมองมันป้ายพลางยิ้มเล็กก่อนจะหันหน้าลงมามองไค

     

     

     ที่หายไปแล้ว

               

     

    ย่าาาาาา เผลอแปปเดียวหายไปไหนแล้วเนี่ย ผมรีบเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูร้านแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของคนตัวดำเลยแม้แต่น้อย

     

     

    หรือว่าเราจะตาฝาด ไคอาจจะไม่ได้มาที่ร้านนี้ก็ได้ หรือเราอาจจะจำคนผิดกัน

     

     

    ก็บ้าแล้ว

     

     

    ผมเชื่อโดยสัญชาตญาณว่าไม่มีทางจำคนผิดแน่ๆทั้งรูปร่าง ทรงผม รวมถึงสีผิวนั่น(?)มันไม่มีทางเป็นคนอื่นนอกจากไคไปได้หรอก

     

     

    ผมไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เข้าไปให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยละกัน

     

     

     ซึ่งกว่าผมจะรู้ตัวว่าคิดผิดก็สายไปแล้ว...

     

     

    “ย่าๆๆๆเด็กไม่ถึงยี่สิบนี่เข้าร้านมาได้ยังไงกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการให้”

     

     

    “พี่ด้วย คืนนี้พี่จะจัดให้สาสมใจเลย”

     

     

    “อะเอ่อ  คือ...”

     

     

    หลังจากผมทะเล่อทะล่าเข้ามาในที่แห่งนี้ก็ดูเหมือนกับหลุดมาในดงเสือร้ายก็ไม่ปาน กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งกรูเข้ามาเมื่อเห็นผมที่ยืนชะเง้อมองไคและบังทัศนวิสัยผมจนมิด

     

     

    “ ไม่ต้องตกใจนะครับ พวกพี่สัญญาว่าน้องจะไม่เจ็บ “

     

     

    “ จริงดิ น้องเขาบอกครั้งแรกว่ะ”

     

     

    เห้ยยยเดี๋ยวๆ นี่ผมยังไม่พูดอะไรซักคำ  จะเรียกให้คนช่วยก็คงไม่มีทางแน่ๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าทั้งร้านนี้ก็คงมีแต่พวกนี้อะ เวรละสิ คิดสิคยอง คิดสิ

     

     

    “ กูว่าอย่างงี้ แม่งต้องมีนิ้วแน่ๆ”

     

     

    55555

     

     

    เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบๆทำเอาผมรู้สึกกลัวขึ้นมามากกว่าเดิม มือของผมเริ่มเย็นเฉียบ เหงื่อกาฬไหลออกจากผิวหนัง ผมหอบหายใจถี่ๆพยายามควบคุมสติและหาวิธีการที่จะหลุดออกไปจากที่นี่  ไม่น่าเลยคยองซู นายน่าจะกลับไปคอนโดนอนตากแอร์สบายๆแล้วแท้ๆ

     

     

    ยิ่งคิดยิ่งสมเพสตัวเอง อ่า ละนี่ผมจะทำยังไงดีละเนี่ย อ้ากกกกกกกก

     

     

    “เห้ย  ทำไรกันน่ะ!

     

     

    จู่ๆก็มีเสียงสวรรค์แหกขึ้นกลางดงเสือร้าย  ผมรีบหันขวับไปทางต้นเสียงก่อนจะต้องตกใจและดีใจสุดขีด

     

     

    “คะ...ไค”

     

     

    “ไรวะน้อง พูดงี้อยากมีเรื่องหรอห้ะ”  หวาๆๆ ดูเหมือนฮีโร่หมีตัวใหญ่ของผมจะทำให้พวกเสือป่านี่โมโหซะแล้วสิ ย่า ผมไม่อยากจะคิดภาพอนาคตเลยอ่ะ

     

     

    “ป่าวครับ ผมแค่สงสัยว่า....เอ่อ.. “

     

     

    “สงสัยไรมึง...”

     

         

    “  คือ....เอ่อ”

     

     

    “อะไรของมึงเนี่ย เสียเวลาชะมัดยาด”

     

     

    ไคยังคงอ้ำอึ้งต่อไปผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะพูดแก้ต่างว่าอะไรแต่เห็นแบบนี้ผมคงต้องช่วยเขาแล้วล่ะ

     

     

    “คะ...คือ”

     

     

    “คือคนนี้เค้าเป็นแฟนผมเองครับ...”

     

     

    “ ห้ะ !

     

     

    ย๊า นี่ผมพูดออกไปได้หยั่งรายย พวกหมาหมู่หน้าเจื่อนไปนิดๆก่อนจะโพล่งเสียงขำขันออกมาพร้อมกัน นี่กูตลกกับมึงมั้ยสืดดด

     

     

    55555555กูชอบมุขนี้ว่ะไอน้อง”

     

     

    “ อ่าไม่ใช่มุขครับ นั่นไคแฟนผมจริงๆ เนอะไคเนอะๆๆ”

     

     

    ผมหันไปส่งซิกส์ให้พี่หมีตัวดำเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ดูเหมือนไคกำลังช็อกค้างที่ผมแอบอ้างว่าเป็นแฟนเขาอยู่ ไคย่าเอ้ยย เร็วสิคร้าบอย่าเพิ่งเอ๋อตอนเน้

     

     

                “อะ  เอ่อใช่ครับ นี่คยองซูแฟนผมเอง”

     

     

    ฮ้า ในที่สุดไคก็รู้สึกตัวซักที แล้วนี้จะให้ทำไงต่อดีเนี่ย

     

             

    “จริงหรอวะกูว่าไม่เห็นเหมือนคนเป็นแฟนกันเลย”

     

     

    นั่นไงล่ะ ปัญหาโลกแตกที่มักจะเกิดขึ้นในนิยายกุ๊กกิ๊กพระเอกนางเอกใสๆแอ๊บแกล้งเป็นแฟนกันได้เกิดขึ้นมาแล้ว ไคขบริมฝีปากเหมือนกับครุ่นคิดอะไรซักพักเขาก็เรียกผมเสียงหวานก่อนจึงดึงมือผมไปตามแรง

     

     

    “ไคย่านายจะทำ...”

     

     

    จุ๊บ -3-

     

     

    เฮือก! จู่ๆไคก็เอาปากหยาบๆมาแตะลงบนปากของผมเสียงดังจุ๊บ ผมเบิกตากว้างสุดขีดด้วยความตกใจแต่ไม่น่าตกใจเท่ากับเสียงกริ้ดที่ดังเป็นวงกว้าง

     

     

    ของพวกเสือป่าเมื่อตะกี้...

     

     

                   “กริ้ดดดด ฟินอ่ะแกร้ ชั้นอยากมีบ้างอ่า”

     

     

                   “มากะชั้นมั้ยล้ะ มวฟฟฟฟฟฟ”

     

     

                     “อิ้....ไม่เบี้ยนสิคะเพิ่ลลล”

     

                               

                        อย่าถามกูว่ารู้สึกยังไง

     

     

     

     

    สตั้นท์!

     

                เมื่อเห็นพวกเก้งป่าที่กำลังแชร์ประสบการณ์กันอย่างสนุกสนานจนลืมเราสองคนไปจากเฟรม ไคก็ลากตัวผมออกไปที่หน้าประตู

     

     

     “โอ๊ย เจ็บ”

     

     

    ไคออกแรงบีบที่ต้นแขนผมและดูเหมือนมันจะมากเกินไปเลยทำให้ผมเจ็บและมีรอยแดงๆ  ไคพาผมมาหลบที่ซอกอับข้างร้านก่อนจะรีบปล่อยแขนผมออก ผมลูบแขนตนเองป้อยๆก่อนที่เจ้าของผิวสีแทนจะกุมข้อมือผมชูขึ้นเพื่อให้ละสายตาไปสนใจเขา

     

     

                  “อ้ะ...”

     

     

                 “โทด....”

     

     

                 “....”

     

     

                 “นี่มึงมาไง...”

     

     

                “เราก็ตามไค...”

     

     

                 “โอเคกูรุ้ล้ะ....แล้วมึงรู้มั้ยว่ามันอันตรายขนาดไหนที่โผล่ร้านเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า”

     

     

                 ผมเริ่มหลุบตาลงต่ำมองพื้นรอบๆโดยไม่กล้าหันไปสบตาดุๆนั่นแต่ไม่ทันไรไคก็จับคางผมให้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง

     

     

                 “ขะ...ขอโทษนะ”

     

     

                “นี่ถ้ากูมาช่วยไม่ทันมึงจะเป็นไง...”

     

     

    “ ....”

     

     

    “ทำอะไรคิดถึงหัวอกกูด้วย”

     

     

    “...” 

     

     

    “ว่ามันจะเป็นห่วงมึง....อ้ะ”

     

     

    ไม่รู้อะไรมาดลใจ ผมไม่รอให้ไคบ่นอะไรอีกแต่ตัวเองกลับกอดเขาไปเต็มจนทำให้เขาอึ้งไปไม่น้อย ซึ่งไคดูปรับตัวง่ายเหลือเกินจึงกอดตอบผมได้ไม่ยากนัก

     

     

                  “ขอโทษนะครับ....”

     

     

                 “....”

     

     

                  “ทีหลังเราจะไม่ทำให้ไคเป็นห่วง อุ้บ!

     

     

                       ยังไม่ทันพูดจบประโยคมือหน้าก็เลื่อนมาปิดปากผมซะงั้น ก่อนที่ทั้งผมและไคจะเงียบ ไม่มีใครเปล่งเสียงใดๆออกมาอีก เงียบจนได้ยินเสียงของลมหายใจที่รดบ่าของกันและกันเบาๆไว้เท่านั้น

     

     

                   เป็นเวลาอันเนิ่นนานที่เราทั้งสองต่างอยู่กันในท่ากอดกัน จนเวลาผ่านไปมากเกินไคจึงผละตัวออกไปทำงานต่อก่อน พลางสั่งกับผมว่าให้รีบกลับคอนโดโดยเร็วที่สุด

     

                  

                            ถ้าพูดถึงขนาดนั้นแล้วให้ทำไงได้ล่ะ...

     

     

                สองขาเล็กพาผมมาหยุดรอรถที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง กลิ่นบุหรี่ที่มาจากชายซึ่งยืนเยื้องผมไปนิดหน่อยเล่นเอาแสบจมูกไปหมด  นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าแหล่งอบายมุข ผมยืนรอรถอยู่ซักพักก็ยังไม่มีรถเมล์ผ่านมาซักที่ อีกใจก็อยากเฝ้าไคจนทำงานเสร็จแล้วกลับด้วยกันแต่เจ้าตัวดันโพล่งขึ้นมาซะก่อนว่าถ้าจะรอผมคงรอไม่ไหว เนื่องว่าตัวเขาเองทำงานเลิกดึกอยู่

     

                

    “ช่วยด้วยค่ะ โจรขโมยกระเป๋าคะ ช่วยด้วยค่ะ”

     

     

     ฉับพลันทันใดก็มีเสียงผู้หญิงร้องผมรีบหันมองไปทางต้นเสียงนั่นและพบชายที่สูบบุหรี่นั้นกำลังวิ่งหนีไปอีกทาง หรือทางไปผับนั่นเอง  ผมเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอย่างไม่รอช้าโดยไม่คำนึงถึงพละกำลังและสังขารตัวเองเลย

     

     

    “หยุดนะเว้ยยยยย” ผมแหกปากลั่นเป็นพิธีก่อนจะรีบวิ่งตามไปติดๆ  ไม่รู้ว่าชายคนนั้นวิ่งเร็วหรือผมวิ่งช้ากันแน่ ยิ่งผมรู้สึกใกล้มากเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งไกลไปเรื่อยๆ จนผมซักจะรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา    

     

     

                        “แฮ่กๆๆ” ลมเย็นเข้ามาปะทะหน้าจนผมต้องหยุดวิ่งและยืนจับเข่าตัวเองอยู่ตรงหัวมุมถนน ข้างหน้าเป็นทางม้าลายในซอยที่ลึกเข้าไป เสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือยังแว่วมาทางสายลมที่พัดมาไม่หยุด เสียงใบไม้ครูดกับพื้นถนนในเวลานี้มันเงียบซะจนได้ยืนแม้กระทั่ง เสียงลมหายใจที่ดังมาทาง

     

     

    ข้างหลังของผม...

     

     

    “อั๊ก....ตุบ!

     

     

    ผมรีบหันหลังไปก็ชนเข้ากับร่างสูงที่ตนคุ้นเคย ไคยืนอยู่หลังผมในท่าที่กุมหมัดอยู่ พอมองลงไปที่พื้นก็เห็นเพียงชายคนนั้นที่นอนแอ๋อยู่บนพื้นแล้ว

     

     

    “คะ...ไคย่า”

     

     

    “ไหนนายบอกกลับแล้วไง”

     

     

    “ เอ่อก็...” เป็นอย่างงี้ทุกทีเลยน้าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน พอเห็นสายตาคาดโทษที่มาจากคนหน้าเอ๋ออย่างไคนั่นมันก็ทำให้ผมต้องหลบหน้าลงทุกที

     

     

    “จะมาช่วยเขาจับโจร?”

     

     

    “ก็ใช่อะสิ....แค่นั้นเอง”

     

     

    “งั้นก็...ไม่ต้องแล้วแหละ”

     

     

    “อือ...” ผมตอบอย่างหงอยๆแล้วก้าวเดินตามไคไปเงียบๆ ไคบอกว่าวันนี้เขาขอออกงานก่อนเวลาเนื่องจากจะรีบพาผมกลับคอนโดเพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่กลับคอนโดง่ายๆแน่ ระหว่างทางไปรอรถเมล์ที่ป้ายอีกครั้งไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทำให้เกิดความวังเวงที่โรยตัวโดยรอบ

     

     

    ผมยืนก้มหน้าอยู่ได้ไม่นานนัก มือแกร่งเอื้อมมาจับแขนผมก่อนจะลากขึ้นรถเมล์ ร่างของไคบังผมจนมิดทำให้คนขับต้องหันมาดูว่ามีคนขึ้นกี่คนกันแน่

     

     

    ภายในรถในยามดึกช่างเงียบไม่ต่างจากภายนอกซักเท่าไหร่ ผมทนความเงียบได้ไม่นานจึงเอ่ยปากพูดขึ้น “จะดีหรอไคย่า”

     

     

    “หือ...”

     

     

    ดูเหมือนไคจะไม่เข้าใจคำถามผมเท่าไหร่จากที่เขาหันหน้าออกไปทางหน้าต่างจึงหันกลับมามองผมพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัย

     

     

    “ก็...ไคไม่โดนหักเงินอ่อ”

     

     

    “อ๋อ...ก็นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

     

     

    “อือ...”  บทสนทาของผมจบลงแค่นั้น ถ้าจะพูดให้เข้าใจผมอาจกำลังรู้สึกผิดก็ได้นะ ถ้าผมไม่มาหาไคที่ทำงานไคก็จะไม่ต้องโดนหักเงินแล้วแท้ๆ อ่ายิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิดแฮะ

     

     

    “ทำไม...รู้สึกผิดหรอ”

     

     

    เห้ย เขารู้ได้ไงอ่า ผมผงกหัวขึ้นถลึงตามองคนข้างๆที่ปั้นหน้าอมยิ้มเล็กออยู่

     

     

    “ระ...รู้ได้ไง”

     

     

     “หน้ามึงไง...”

     

     

    “หะ...หน้าเรา?”

     

     

    ผมขมวดคิ้วมอง พลางเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง

     

     

    “เออเดะ...หน้ามึงมันฟ้อง”

     

     

    “หน้ามันฟ้อง?...” เอาหละครับยิ่งไคพูดผมก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่เลยเนี่ย

     

    75%

     

    “สมมุตินะ...ถ้ากูตายมึงจะรู้สึกยังไง”

     

     

    “เห้ย...กะ....ก็ต้องเสียใจเดะ” ไอ่บ้าสมมติบ้าบออะไรเนี่ย

     

     

    “เห็นมั้ยล้ะ นายคงจะตกใจมากกว่าสินะ”

     

     

    “ห้ะ! รู้ได้ไงอ่ะ” ผมไม่ยักกะเชื่อหูตัวเอง ไคส่งสายตายิ้มๆมาเหมือนคนรู้ทันก่อนที่เขาจะหันหน้าออกไปรับลมข้างหน้าต่างอีกครั้ง

     

    “เอากูมาใกล้ๆสิแล้วจะบอก...”

     

    เสียงเอื้อนเอ่ยเบาๆพอได้ยินกันเพียงแค่สองคนดังขึ้น ไคยังคงหันหน้าไปทางเดิม ผมใช้เวลาคิดเพียงครึ่งนาทีก่อนจะยื่นหน้าของตัวเองไปใกล้ๆ หมีตัวใหญ่

     

    “ อ้ะ...บอกมาสิ” ไหล่หนากระตุกนิดหน่อยก่อนที่ไคจะเอี้ยวตัวหันมาทางผม

     

     

    โดยที่ไม่คาดคิด สันจมูกโด่งๆ กระทบเข้ากับแก้มของผม...

     

     

    “ย้า อะไรของไคเนี่ย....” ผมร้องขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ากำลังโดนล่วงเกินครั้งใหญ่ ปากรูปหัวใจเบะลงตามสัญชาตญาณ

     

    5555555 เห็นมั้ยล่ะหน้านายบอกว่ากำลังตกใจและก็เขิน....ด้วย?”คำพูดของอีกฝ่ายถูกกลืนลงไปในลำคอดูเหมือนไคจะจับหลักคำพูดของตัวเองไว้ได้จึงหยุดและยับยั้งมันไว้ก่อน

     

    “ไอ่เอ๋อเอ้ย...” ผมพึมพำเงียบๆอยู่คนเดียวโดยไม่ให้คุณคิมไครู้ ไคเงียบไปทันทีโดยไม่ต้องสั่ง คงกำลังนั่งคิดกับสิ่งที่ผลอพูดมาแน่ๆ

     

     

    เอ๋อนี่ก็เอ๋อจริงเลย...

     

     

     

    KAI ::

     

           แกร๊ก...

    เสียงกลอนประตูห้องลั่นขึ้นเมื่อผมออกแรงบิดมัน ผมรีบแทรกตัวเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูอีกครั้ง...

     

    วันนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ...

     

    ไม่ใช่ว่าผมทำงานหนักหรืออะไรนะแต่เป็นเพราะ...ไอ่เหลือกต่างหาก

     

    ตั้งแต่การดั้นด้นตามผมไปที่ผับจนผมต้องจูบปิดปากไปครั้งนั้น...ใจก็สั่งให้ไปกอดมันไว้อีก แถมยังรีบวิ่งไม่เป็นอันทำงานเมื่อเห็นมันตามโจรไปทั้งอย่างนั้นอีก

     

    เหนื่อยกว่าการทำงาน...

     

    ก็คือเหนื่อยที่ต้องกุมหัวใจตนเองอาไว้ไม่ให้เต้นแรงจนดูน่าประหลาด...

     

    “เห้ออออ” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พลางโยนกระเป๋าเรียนไว้บนโซฟาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวบนเตียงแรงๆ ขอใช้เวลานี้ปล่อยใจให้สบายๆบ้างเถอะ

     

    ทุกวันของผมจะต้องทนกับหัวใจตัวเองไปถึงไหนกันเนี่ย นี่ก็ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าถ้าเกิดวันดีคืนดีมันย้ายมาอยู่กับผมโดยสมบูรณ์ผมจะอยู่บนโลกนี้ได้อยู่มั้ย

     

    ก่อนหน้านี้ที่ผมบอกว่าหน้ามันฟ้องหนะ นั่นก็อีกเรื่อง โด คยองซู เป็นคนที่ผมสังเกตว่าถ้ารู้สึกยังไงมันจะสะท้อนออกมาทางแววตาและสีหน้านั้น แม้ว่าหลายครั้งที่คนตัวเล็กจะพยายยามปกปิดไว้แต่ก็ไม่เคยมิด

     

    โดยเฉพาะดวงตากลมๆ...

     

    ไม่ว่าจะเศร้าหรือทุกข์หรือสุขยังไงก็แล้วแต่...

     

    ดวงตานั้นไม่เคยจะโกหก...

     

    เรื่องที่เขินตอนโดนหอมแก้มนั่นก็ด้วย...

     

    มันทำให้ผมคิดว่า...

     

    ดูออกง่ายก็ไม่เลวเหมือนกัน....

                

               ก๊อกๆๆ

              เสียงเคาะประตูดังขึ้นผมหยัดตัวเต็มความสูงพลางลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู ระหว่างทางผมก็หันไปผมองนาฬิกาที่ห้อยอยู่บนผนัง อ่า นี่ก็สามทุ่มครึ่งแล้วสินะ

     

             ผมสะบัดหัวไล่ความง่วงสองสามทีก่อนจะหมุนลูกบิดและดึงประตูเปิด จนทำให้ผมต้องตื่นเต็มที่

     

            “โหยนี่ไคยังไม่อาบน้ำอีกหรอเนี่ย”

              

             “เออ...ทำ...”

     

            “รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ...”

     

           “คือกูเพิ่ง....”

     

           “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละวันนี้เราจะมานอนด้วยอ่ะพอดีแอร์ห้องเราเสีย เรารู้ว่าไคไม่ว่าอะไรหรอก....ใช่มั้ย”

           พูดซะขนาดนี้ยังต้องถามอีกหรอ มึงเห็นกูมีทางเลือกมากขนาดนั้นเลยหรอครับพี่เหลือก

     

           “เออ...จะนอนก็นอน”

     

            “ดีเลยนั้นไครีบไปอาบน้ำแล้วก็...การบ้านยังไม่ได้ทำใช่มั้ยงั้นเราช่วยสอนนะถือเป็นค่านอน...”

     

           “คร้าบบบ คู๊ณแม่...”

     

           “ดีเชื่อฟังดีมาก55555

     

           ไอ่เหลือกหัวเราะอย่างเอร็ดอร่อยผมส่ายหัวน้อยๆกับตัวเองพลางแทรกตัวเข้าห้องน้ำไป

     

         

     

     

     

          ไม่เลวเลย...ไม่เลวเลยจริงๆ...

     

     

     

     100%
     

     

                        

     

     

                  

     

          

     

     

             



       อันเนื่องมาจากห่างหายไปนาน  ลืมเรื่องนี้กันยางงง นิวต้องขอโทดทุกคนรัวๆเลยที่ห่างหายจากการอัพฟิคเรื่องนี้ไปช้านาน และจะมาแถลงว่าต่อไปนิวจะมาอัพบ่อยขึ้นเนื่องจากปิดเทอมแล้วเนาะทั้งนี้นิวก็ขอขอบคุณคนที่กดแฟบฟิคบ้านๆเรื่องนี้ไว้นะค้าบบแค่นี้นิวก็หายเหนื่อยละ แล้วจะรีบมาอัพต่ออย่างด่วนๆเลยนะค้าบขอบคุณค้าบบ

               สกรีมกับเม้นได้น้า อยากรู้ว่ารู้สึกยังไงกับฟิคเรา

         เย้! ครบร้อยเปอร์ด้วยความเหน็ดเหนื่อย สำหรับแชปนี้ต้องขอขอบคุณไรต์ ฮโยมี รัวๆที่ช่วยเกลาภาษากับจัดหน้าให้เราง่ะ


            อ่านฟิคสนุกๆของไรต์ฮโยมีเพื่อนเราลิงค์นี้โลยยย จิ้มๆ
       
    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1282911

         
           แล้วเจอกันตอนหน้าเด้อออออ รักทุกคลลลล

             © themy  butter
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×