คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Fall to the woods - CH3 | 50% |
3
ประโยคอารัมภบทตรงหน้านับเป็นที่ยึดสายตาที่ดีทีเดียว ร่างสูงในชุดสบายๆค่อยๆเปิดอ่านหน้าหนังสือไปทีละหน้าจนถึงตอนนี้เขายังคงคาใจไม่หายว่ามันมาได้อย่างไร
แต่หลังจากถูกประโยคเชิญชวนอันน่าดึงดูดใจแบบนั้นถ้าจะโยนทิ้งลงถังขยะไปพร้อมๆกับเผาตรงดงหญ้าประจำเพื่อกำจัดมันก็ไม่ใช่เรื่อง
เพราะอย่างนั้นจึงเลือกเก็บไว้เองคนเดียวเงียบๆ
ใช่..อี้ฟานไม่ได้บอกให้อี้ชิงรู้เรื่อง
มือหนาลูบวนไปมาบนหน้าหนังสืออย่างชั่งใจ สัมผัสบนกระดาษ ทุกๆตัวหนังสือที่ผ่านสายตามันให้ความรู้สึกเหมือนดำดิ่งลงไปในความงมงายมากขึ้น
เขาไม่ใช่คนหูเบาอะไรขนาดนั้นแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆเข้ามันมาในชีวิต
ถ้าหากว่ามันช่วยให้เขาและคู่ชีวิตมีความสุขมากขึ้น อี้ฟานก็พร้อมจะแลกมันมาเช่นเดียวกัน
"ที่รักครับ..."
"หื้ม?" เขาตอบรับเบาๆหลังจากเสียงเอื้อนเอ่ยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มละสายตาจากสิ่งแปลกปลอมตรงหน้าวางหนังสือเล่มนั้นไว้นิ่งๆด้านหลังเพียงเพื่อจะซ่อนมันไว้ให้ไกลจากสายตาคนตรงหน้านี้ที่สุด
"...."
"มีอะไรรึเปล่า"
"..."
"บอกผมมาสิครับ" กลเม็ดละลายหัวใจได้เริ่มขึ้น อี้ฝานลุกมาหาคนที่ตัวเล็กกว่า ยื่นมือที่ไม่ได้ถือหนังสือนั้นเอื้อมไล่ทั่วใบหน้าตั้งแต่เปลือกตาลบงมาถึงริมฝีปาก ใช้นิ้วหัวแม่มือเลื่อนไปประคองใบหน้าหวานที่เขาทั้งรักทั้งหวงก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ
"...."
ลมหายใจอุ่นๆรินรดข้างแก้มขาว ระยะห่างของทั้งคู่ลดระดับลงมาเรื่อยๆเพียงแต่ยังไม่ได้ประกบริมฝีปากร่างสูงกลับต้องชะงักไปเสียก่อน
"ข้างหลังนั่นอะไรครับ"
"หนะ...หนังสือ...เอ่อ...หนังสือเฉยๆ" ไม่รู้ว่าจะพูดตะกุกตะกักทำไมแต่ตอนนี้ในใจมันแทบระเบิดแล้ว อู๋อี้ฟานยืนเหงื่อตกด้วยความประหม่า จะเอามือมาเช็ดเหงื่อก็ดูจะเป็นพิรุศไปจึงทำได้แค่ยืนโง่ๆโชว์หนังสือแกว่งไปมาแล้วรีบเก็บมันไว้อย่างเดิน
คนตรงหน้าขมวดคิ้วจนมันแทบเป็นปมแต่กลับไม่สนใจอะไร
"...."
"...."
"ขอผมดูหน่อยได้ไหมครับ..." ประโยคหยุดโลกได้ออกมาจากปากของอี้ชิงเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มยืนนิ่งเงียบอาจเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกับผู้ซึ่งเป็นยอดดวงใจของเขา ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันท่ามกลางความเย็นที่โรยตัวรอบๆหากแต่กลับเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ
"ได้ไหมครับ"
"อ้า...นี่อาบน้ำหรือยังตัวห้อมหอม" เมื่อไร้ทางออกร่างสูงก็เปลี่ยนเรืองไปเสียดื้อๆ อี้ชิงสายหัวกับท่าทางเปิ่นๆที่หาดูไม่ได้ง่ายๆของสามีตนแล้วยิ้มขำ
"55555คุณนี่ตลกจัง"
"หื้อ?"
"ผมล้อเล่นน่ะ...ไม่คิดว่าคุณจะหน้าซีดขนาดนั้น5555"
พอรู้ตัวว่าถูกหลอก ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ อี้ชิงล้อเล่นกับเขาหนักเกินไปแล้ว สงสัยจะต้องลงโทษให้ยอมรับความผิดสักหน่อย อี้ชิงเดินมาใกล้ๆเขาก่อนจะกอดเบาๆอิงใบหน้าหวานลงกับอกแกร่ง
"ร้ายนะเรา"
"ป่าวซักหน่อย" พูดพลางกระชับอ้อมกอดคนตัวสูง เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ยิ่งกว่าอะไรดี บรรยากาศหนาวๆถูกความอบอุ่นของมันกลบจนไม่เหลือเค้าลาง นอกจากนั้นยังมีผลพลอยได้ภายใต้กางเกงขายาวที่กำลังแข็งขืนอยู่เป็นครั้งที่สองของวัน
ความตื่นตระหนกได้ตกมาอยู่กับเขาเรียบร้อย หลังจากเรียบเรียงเรื่องราวในหัวคร่าวๆก็เผลอยกมือขึ้นจับขมับมันเป็นเรื่องที่ท้าทายสุดๆในชีวิตคนใช้มา
ลู่หานเบิกตากว้างกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า ช่างสวยงาม โอ่อ่า อลังการหาที่เปรียบไม่ได้ ยอดปราสาทที่ถูกสร้างด้วยทองคำมีธงประจำราชอาณาจักรสะบัดพลิ้วไหวอยู่บนนั้น
สวนน้ำพุสวยงามราวสิ่งที่ไหลออกมาเป็นเงินและเพชรพลอยมากกว่าน้ำใสๆทุ่งดอกไม้และสวนไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาเขานั่งมองมันทั้งหมดภายในรถม้าฟังทองยักษ์ซึ่งแม่ทูลหัวของเขาได้เสกสรรค์มันขึ้นมา
ล้อรถเริ่มเคลื่อนที่ช้าลงจนในที่สุดก็หยุดสนิทลงที่หน้าประตูปราสาท ลู่หานก้าวออกมาด้วยความประหม่าโดยมีคุณองครักษ์กิ้งก่า-ที่แม่เขาก็เสกมาให้เหมือนกัน เป็นฐานให้เกาะเพื่อกันเขาจะสะดุดกระโปรงยาวๆที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นของผู้หญิงชัดๆ
เบื้องหน้าคือบันไดที่ทอดไปสู่ตัวปราสาท เขารีบเดินขึ้นไปเพราะเกรงว่าจะเข้าตอนงานเปิดไม่ทัน รองเท้าแก้วซึ่งเป็นส้นสูงนับเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงที่ลู่หานต้องประสบพบเจอชายแท้ๆแมนทั้งแท่ง(ซังนัมจา)อย่างเขาให้ตายก็ไม่เคยได้ลิ้มลองรองเท้าส้นสูงเลยซักครั้ง
แต่ก็นับเป็นความท้าทายใหม่ ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบได้ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวได้มายืนอยู่หน้าประตูปราสาทเรียบร้อยโดยไม่เลือดตกยางออกก่อนดังที่คาดไว้คร่าวๆ ตากวางมองไปตรงหน้าด้วยความมุ่งมั่น ในที่นี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือผู้ชาย ไม่มีใครจำคนใช้ชั้นต่ำอย่างเขาได้อีกแล้ว ณ ตรงนี้มีเพียงหญิงสาววัยแรกแย้มที่มีผิวพรรณผุดผ่องดังใยไหม
แก้มขาวที่มีรอยเลือดฝาดน้อยๆ ผมที่ยาวสละสลวยเกินกว่าจะบรรจงด้วยมือมนุษย์และชุดเต้นรำที่สวยสดจนทหารที่เฝ้าตามทางเดินยังต้องมองเขาเหลียวหลัง
ความมั่นใจในตัวเองได้กลับมาสิงที่ลู่หานอีกครั้ง มือสองข้างกรีดกรายไปรอบๆก่อนจะสาวเท้าไปที่ประตูเปิดตัวซึ่งจะพาเขาไปสู่อีกโลก
“ข้าพเจ้าขอเปิดพิธีเต้นรำ ณ บัดนี้”
เสียงของอาคันตุกะดังขึ้นทันทีกับที่เขาก้าวเข้ามาในห้องโถงที่จัดงานเต้นรำ
หูว
อุทานดังๆในใจเมื่อได้มาเห็นห้องโถงในพระราชวังครั้งแรกในชีวิต ดวงตาใสมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น เชิงเทียนนับพันๆที่ให้แสงสว่างในห้องนี้ สิ่งของแต่ละอย่างอันประดับไปด้วยเพชรพลอย ผนังที่มีรูปวาดลวดลายอันประณีตแสดงให้รู้ว่าต้องเป็นจิตรกรมือเด่นในอาณาจักรเท่านั้นที่สามารถรังสรรค์มันขึ้นมาได้
ดอกไม้นานาชนิดที่ถูกจัดไว้ในแจกันมันช่างดูสดชื่นอยู่ตลอดเวลากลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมที่ถูกฉีดไว้ทั่วๆ มันไม่ได้ฉุดจนปวดจมูกเหมือนที่เขาเคยได้สัมผัสจากพวกแม่ลูกเลี่ยงใจร้ายนั่นเลย บอกลู่หานทีว่านี่โลกมนุษย์จริงๆ
เท้าเรียวก้าวไปข้างหน้าในตอนนี้ลู่หานทำได้เพียงโปรยยิ้มเก้ๆกังๆก่อนที่จะก้มหัวคำนับ อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงงานทุกสายตาถึงจับจ้องมาที่เขาถึงขนาดนั้น
สั่น...สั่นไปหมด
ภายใต้ผ้าลูกฟูกสีสวยของเขาใครจะหยั่งถึงขาเรียวที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำ ลู่หานค่อยเดินไปก้มหัวคำนับต่อพระราชาและเชื้อพระวงศ์ทุกท่านหลังจากนั้นจึงค่อยๆก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง
ถึงตอนนี่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ายิ่งเดินเท่าไหร่มันก็ไม่ถึงซักที ไม่ได้ยากและไม่ได้ง่ายเลยที่จะตองทนต่อสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนแบบนี้เมื่อบันไดขึ้นสุดท้ายมาถึงเขากลับโดนรองเท้าแก้วเล่นงานเข้าจนได้ บอกแล้วไงว่าเขาไม่เคยใส่ส้นสูง
มันเลยทำพิษเขาแบบนี้
“โอ้ย!”
“ไม่เป็นไรนะครับ”
สิ่งเดียวที่สัมผัสได้ในตอนนี้คือแขนแกร่งที่มาพยุงเขาไว้ก่อนที่จะลงไปเทกระจาดบนพื้นหินอ่อนมีระดับ ลู่หานช้อนลายตาขึ้นมองเขาเห็นเพียงริมฝีปากอมชมพูเล็กๆที่อยู่เหนือหัว
น่าสัมผัส...
พอจะดำดิ่งลงไปในห้วงความรู้สึกสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดก็ควบคุมให้เขาทรงตัวให้เป็นเหมือนเดิม คนตัวบางพยายามชินกับรองเท้าส้นสูงนี้ก่อนจะหัวร้างค่างแตกกว่านี้หากไม่มีคนช่วยพยุงดังเช่นเมื่อครู่
ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นชายหนุ่มรูปร่างดีเขาอยู่ในชุดสีขาวสะอาดตามีอาวุธติดไว้ตรงเข้มขัดทางด้านขวา ถ้าให้ลู่หานทายก็คงเป็นเชื้อพระวงศ์จากอาณาจักรที่ไหนซักแห่งเป็นแน่
ร่างบางยิ้มแก้เก้อ ชายหนุ่มในคราบหญิงสาวก้มหัวขอโทษขอโพยคนตรงหน้ายกใหญ่ที่เผลอซุ่มซ่ามไม่ได้เรื่อง ก้มหัวงุดๆด้วยความกระดากอายก่อนที่สัมผัสแผ่วเบาตรงบริเวณคางจะเรียกให้เขาเผชิญหน้ากับปัญหาที่แท้จริง
“สวัสดีครับคุณ...”
“ลู่หาน” ร่างบางตอบเสียงแผ่ว
“คุณลู่หาน...ชื่อเพราะจัง”
บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่คนตรงหน้าที่ชมว่าชื่อเขาเพราะ ตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่พี่น้องวงศาคณาญาติก็เคยมาชมเขาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ไม่รู้ทำไมลู่หานถึงเขินเพียงเพราะคนตรงหน้าชม
“เขินหรอครับแก้มแดงใหญ่เชียว555” แถมยังอ่านใจดวงน้อยๆนี้ออกอีก
คนตัวเล็กไม่ตอบอะไรกลับไปแต่หาลู่ทางที่จะหนีไอผู้ชายตรงหน้าที่ป่วนอัตราการเต้นของหัวใจเขาจนไม่ปกติ
“...”
“เขินก็บอกสิครับ”
“...”
ไม่
ไม่เขินซักหน่อย...ใครเขินกัน...ไม่มี
“หื้ม?ว่ายังไง”
“ไม่ได้เขิน” ร่างบางตอบเสียงเรียบ เรียบจนทำให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนลงไปไม่น้อย ช่วยไม่ได้นะเซ้าซี้เอง คนตัวบางกลับหลังหันเพื่อจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นอีกนั่นแหละ
“ถ้าไม่ได้เขินจริง...ถ้าเช่นนั้นมาเต้นรำกันซักเพลงไหมครับ” หนุ่มในชุดสีขาวดูมีสกุลเอ่ยขึ้นอีกครั้งลู่หานกลอกตาไปมาก่อนจะตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ก็ในเมื่อเอามือเขาไปพรมจูบขนาดนั้นแล้วถ้าจะปฏิเสธมันจะใช้ได้ที่ไหนกัน
พอนึกขึ้นได้ก็ยิ้มขำกับตัวเองถ้าหมอนี่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายจะต้องล้างปากด้วยแอลกอฮอลล์อีท่าไหน นี่ฟ้าไม่ฝ่าลงมากลางพวกเราก็บุญแค่ไหนแล้ว แต่ไม่สิถ้าบอกอย่างนั้นเขาก็มีส่วนเอี่ยวไปด้วย
รอยยิ้มถูกฉาบบนใบหน้าของคนตรงข้ามชายหนุ่มก้มหัวลงอย่างมีมารยาทก่อนจะเอ่ยคำชวนซึ่งดูเป็นพิธีการออกมาให้ลู่หานหายใจติดขัดเล่นๆ
“เต้นรำกับกระหม่อมได้ไหมขอรับ”
“น้อมรับคำขอ...พ....เพคะ”
กระดากปากทุกทีที่ต้องเอ่ยสำนวนของกุลสตรี มันยากมากที่เขาต้องข่มตัวเองเอาไว้ว่าตอนนี้ตัวเองคือผู้หญิงนะๆๆ มันวนอยู่ในหัวซ้ำไปมาแต่ร่างกายกับไม่เคยจำ
ชายหนุ่มอมยิ้มกับคำพูดคำจาเก้ๆกังๆติดจะเกรงไปนิดนี่ถ้าหากว่ารู้ว่าคนที่กำลังเต้นรำด้วยอยู่นั้นคือพระโอรสโอเซฮุนเจ้าตัวจะทำสีหน้าอย่างไหน อาจจะตกใจจนหมดสติไปเลยใครจะรู้
ทวนอีกครั้งก็ได้ เขานั่นเองที่มีนามว่า เจ้าชายโอเซฮุน ผู้เป็นตัวหลักของงานเต้นรำที่ถูกจัดขึ้นในวันนี้และอีก2วันข้างหน้า ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับเข้ากับมืออีกกฝ่ายไว้อีกข้างก็เลื่อนไปกระชับเข้าที่บริเวณเอวคอดๆของคนตรงหน้า ลู่หานมีหุ่นที่ดีกว่าใครที่เขาเคยเจอทำให้การเต้นรำเป็นไปได้อย่างไม่ลำบากนัก
มือเรียวกระตุกเล็กน้อยเมื่อมีมือแกร่งมาสอดสัมผัส ลู่หานไม่กล้าสบตามองชายหนุ่มตรงหน้าเลยแม้ยามนี้เสียงบรรเลงของดนตรีจะดังขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
ลู่หานมีทักษะทางด้านการเต้นรำมาอยู่บ้างซึ่งนับเป็นเรื่องที่โชคดีอีกชั้นซึ่งถ้าหากเขามางานเต้นรำและเต้นไม่เป็นคงจะเป็นเรื่องที่น่าขันและถูกบอกต่อไปเรื่อยๆแน่ๆ
กระโปรงสีฟ้าสะอาดช่างสวยงามยามได้ขยับเขยื้อนมันหมุนไปมาเมื่อคนที่กำลังสวมใส่มันนั้นหมุนตัวรอบๆหรือแม้กระทั่งถูกยกจากชายหนุ่ม ท่วงท่าการเต้นรำของทั้งคู่เป็นที่จับตามองของเหล่าเชื้อพระวงศ์ไปทั่วบ้างหันไปซุบซิบกันว่าเขาเป็นใครถึงได้เต้นรำกับเจ้าชายผู้ซึ่งเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทุกคนที่เข้ามาร่วมงาน
“ดูหล่อนสิเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ครู่เดียวก็ได้มาเต้นรำกับเจ้าชายเสียแล้ว”
เสียงหนึ่งของใครบางคนดังเข้าหูขาวๆของลู่หาน คนตัวเล็กประมวลผลอยู่ไม่นานก็ได้ความว่าคนตรงหน้าที่กำลังเหวี่ยงเขาออกเพื่อที่จะม้วนตัวให้เขามาอยู่ในอ้อมแขนนั้นเป็นพระราชโอรสของพระราชาหรือก็คือเจ้าชาย โอเซฮุน นั่นเอง
“คุณ...คือเจ้าชาย” เอ่ยเสียงกระซิบเมื่อหันมาใกล้กัน
“ว้า...นึกว่าจะหลอกได้ซะแล้วสิ”
“ผมไม่ได้โง่นะ”
“แต่ก็ถูกหลอกมาตั้งนานไม่ใช่หรือ” โอเซฮุนยิ้มกวนๆส่งสายตายียวนเรียกรอยประทับบนหน้าได้ดีในระดับหนึ่ง ลู่หานจ้องตาเขม็งแต่ซักพักก็ต้องหลุบสายตาต่ำลง
เชื้อพระวงศ์จากทั่วทุกสารทิศส่งสายตาอาฆาตมาให้เมื่อเห็นเขาได้เต้นรำกับเจ้าชาย ฮือ ทำไมละ ทำไมเขาถึงรู้สึกหน้าแดงขึ้นมากะทันหัน หรือเป็นเพราะคนตรงหน้ากันแน่ ทันทีที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ธรรมดาสามัญหากแต่เป็นเจ้าชายนั้นลู่หานก็แทบลมจับ
อานุภาพของเจ้าชายตัวแสบร้ายแรงยิ่งขึ้นเพราะทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นไปหวังจะสบตา ดวงตาคู่เรียวรีก็เพ่งกลับจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง นอกจากจะเป็นเจ้าชายตัวแสบแล้วยังทรงแสนเสน่ห์ยิ่งเพคะ
คนตัวเล็กหลุบตาลงตามความเขินอายในกมลสันดาน ได้แต่มองเท้าที่ขยับไปตามจังหวะและท่วงทำนองของเพลงในงานเต้นรำมีองค์ชายที่ช่วยควบคุมพลางพยุงเขาเอาไว้ให้ทรุดลงกับพื้นด้วยสภาพที่หมดแรง
เซฮุนดูดแรงของเขาไปด้วยสายตาที่มองมานั้น
จังหวะของดนตรีที่เร่งขึ้นมันไม่ได้ทำให้เขากลับมามุ่งสมาธิที่มันเพื่อจะได้ไม่เต้นผิดและกลายเป็นตัวตลกในงาน เซฮุนยิ้มขำกับท่าทางของคนในอ้อมแขนเอวของลู่หานเล็กและคอดมาก มันสามารถเป็นที่วางชั้นดีให้มือของเขาโอบเอาไว้
บริเวณรอบๆเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆหรือเป็นเพราะเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังมันเมื่อเสียงเพลงจบลงลู่หานรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เอวได้ลดต่ำลงไปกุมมือเขาไว้ก่อนที่สมองจะได้ทันประมวลผลอะไรเจ้าชายตัวดีก็พาเขาออกมาจากห้องโถงนั่นแล้ว...
50 %
ความคิดเห็น