ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo.] Dark, BigEyes เหลือกมืด I KaiDo

    ลำดับตอนที่ #10 : 08 BE SHY (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 58


      

    08

    BE SHY

      

     
     

    D .O ::

     

                ผมยืนนิ่งค้างเติ่งความรู้สึกเหมือนลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ ใครๆอาจจะหาว่าผม งี่เง่าแต่ไม่ใช่หรอกที่ผมทำไปทั้งหมดมันก็มีเหตุผลของมัน

     

                ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกเพราะตัวผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจกับความรู้สึกนั้นเหมือนกัน...

     

                ขาเล็กเตรียมก้าวเดินออกจากห้อง บรรยากาศภายในมีแต่ความมาคุลอยคุกกรุ่นไปแทบจะทุกตารางนิ้ว เปลือกตาสีสวยร้อนผ่าว ไม่รู้ทำไมผมถึงเจ็บขนาดนี้

     

                “คยองซู...”

     

                ไคเปล่งเสียงออกมาเบาๆผมชะงักนิดหน่อยในทีแรกก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนตัวสูงข้างหลังจะเป็นยังไงบ้าง อย่างน้อยที่สุดไคควรจะกลับไปคิดให้ดีก่อนจริงๆนั่นแหละ...

     

                แต่ผมก็เก่งแต่ปาก...

     

                ทันทีที่ก้าวพ้นธรณีประตูห้องคิมไค ผมก็ทรุดลงกับพื้นขาเล็กหมดแรงโดยไม่มีสาเหตุ ผมใช้หัวแม่มือเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาเรื่อยๆไม่ว่าใครจะผ่านไปมา ณ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์แยแสอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกที่มันตีวนกันภายในจิตใจมันมั่วไปหมด มีทั้งความดีใจ ตกใจ เสียใจนานัปการ

     

                ผมกลัวที่จะต้องเสียเพื่อนไป

     

                ผมกลัวที่จะต้องเสียใจเมื่อรักกันไป

     

                ผมกลัวที่มันจะจบลงเหมือนความรักของหลายๆคู่ที่เคยผ่านตา

     

                ทั้งๆที่ผมต้องการเขาสุดหัวใจ

     

    KAI ::

     

                ผมไม่ได้ตั้งใจ  ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้  ผมแค่เห็นว่าเวลามันควรค่าแก่การบอกความรู้สึกลึกๆในใจ ใช่เรารู้จักกันไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าถ้าความสัมพันธ์เราไปกันรอดและเดินทางไปในทางที่ดีก็ไม่เสียหายอะไร

     

                “เฮ้อ...” ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ยากและเจ็บจริงๆ

     

    “เราว่าไคกลับไปคิดให้ดีกว่านี้เถอะ...”

     

    คำๆนี้วนเวียนอยู่ในโสตประสาทเป็นร้อยๆรอบ เขาคิดแล้วสิถึงได้ขอคบกัน อ่า...อยากพูดออกไปจริงๆแต่คงทำไม่ได้ ผมยอมรับสุดใจขาดดิ้นว่าชอบไอเหลือกจริงๆชอบมากๆด้วย

     

    แต่ก็นะ...

     

    ผมเลิกที่จะยืนสตั้นก่อนจะเดินเข้าห้องนอน ทิ้งตัวลงบนที่นอน เหนื่อยและหมดแรงสุดๆเท่าที่เคยเป็นมาใครจะรู้ว่าความเหนื่อยใจมันล้ามากกว่าทำงานที่ผับเป็นสองเท่าซะอีก...

     

     

    Rrrrrrrrrrr

     

    เสียงโทรศัพท์แผดร้องอยู่บนหัวเตียง ผมสะลืมสะลือเอื้อมมือไปคว้ามันก่อนจะสไลด์หน้าจอรับสายเมื่อมันขึ้นชื่อว่า ไอหยอย

     

    “ฮัลโหล”

     

    (มึงไปทำอะไรคยองซู) ประโยคเดียวปลุกให้ผมตื่นขึ้นจากภวังค์

     

    “ฮะ...กูทำอะไร”

     

    (อ่าวสัส มึงไม่รู้แล้วกูจะรู้ไหม...เนี่ยแบคฮยอนโทรมาบอกกูว่าคยองซูนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องมึงเนี่ย) ผมสตั้นไปในทันทีที่ได้ยิน ไอเหลือกนั่งร้องไห้หน้าห้องผม ทำไมผมโง่อย่างนี้ ไม่ต้องให้เรียกผมลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินไปที่ประตูแต่ก็ถูกชานยอลขัดไว้ทางโทรศัพท์ซะก่อน

     

    (ถ้าจะคิดไปดูตอนนี้หยุดเลยนะมึง...แบคฮยอนพาไปนอนที่คอนโดเขาแล้ว)

     

    “......”

     

    (มึงคิดดูให้ดีละกันกูก็ทำได้แค่นี้แหละเห็นว่าคยองซูจะร้องไห้หนักมากเลยมึงจะทำยังไงต่อจะคบกันไหม ถามใจตัวเองดู บาย)

     

                ทิ้งระเบิดเสร็จก็กดวางสายลงเช่นเดิมผมนั่งลงทบทวนความคิดตัวเองเงียบๆในห้อง เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนผมต้องตั้งสติให้ดีหลังจากนั้นจึงเดินลงลิฟต์ไปหาของกินเอาแรง...

     

                คราวนี้ละถ้าเจอกันจะไม่ปล่อยให้ดู!

     

                ร้านต็อกโบกิตั้งอยู่ตรงหน้า ไม่รอช้าขายาวๆก้าวเข้าไปหาที่นั่งก่อนที่พนักงานจะมารับออเดอร์ ผมสั่งเมนูง่ายๆไปสองสามอย่างหิวแต่กินอะไรไมค่อยจะลง

     

                รออยู่ซักพักต็อกโบกิกับเครื่องเคียงต่างๆก็มาวางอยู่ตรงหน้า มือที่กำลังจะจิ้มอาหารจานโปรดกินค้างอยู่กับที่เมื่อสายตาพลันไปเห็นคนตัวเล็กที่เดินมากับ...

     

                ใครวะ?

     

                ผมหยิบหนังสือพิมพ์ข้างๆมาบังหน้าไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเห็นตัวผมก่อน โดยโพล่ตาแออกมามองเป็นระยะโชคดีที่ผมนั่งแถวๆโซนอับในร้านการที่จะมองมาจึงทำได้ยากกว่าที่ควรความรู้สึกแปลกๆที่น่าจะมอดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกจุดและตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง สายตาผมตอนนี้เห็นเพียงไอเหลือกที่ทำตัวดี๊ด้าออกหน้าออกตา รอยยิ้มที่เคยเห็นบ่อยๆกลับถูกส่งออกมาให้กับคนที่ไม่ใช่ผม คนๆนั้นที่นั่งตรงข้าม ไม่รู้ทำไมผมถึงเจ็บใจได้ขนาดนี้

     

    ไม่รู้เลยสินะว่ามีคนกำลังมองอยู่...

     

    ต็อกโบกิที่สั่งมาทานแก้ขัดชืดลงไปในทันตาผมจิ้มมันขึ้นมากินสองสามชิ้นก่อนจะรินน้ำลงแก้วแล้วกระเดือกลงไปอีก ให้ความเย็นของน้ำมันดับความร้อนในอก หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นเดินออกจากร้าน

     

    สาบานว่าไม่ลืมที่จะหันมามองไอเหลือกอีกรอบเป็นครั้งสุดท้าย...

     

     

    ที่ไหนล่ะ....

     

    “โดคยองซู!” มือแกร่งฟาดลงบนโต๊ะคนในร้านหันมามองเป็นแถวๆ ความคิดที่แล่นเข้ามาฉับพลันบังคับให้ผมต้องเดินไปหยุดที่โต๊ะไอเหลือกอย่างคนหาเรื่อง คนตัวเล็กหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอเตี้ยกลอกตาไปรอบๆก่อนจะก้มหัวขอโทษขอโพยน้อยๆให้พนักงานในร้านกับลูกค้าท่านอื่นอย่างมีมารยาท

     

    “ไค..มีอะไรหรอ”

     

    “มึงสิมีอะไรถึงต้องแจ้นไปฟ้องแบคฮ...”

     

    “คุณคือใครครับ?”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบไอหน้านกพิราบที่เหมือนจะมากับไอเหลือกก็สลอนเข้ามาเผือกด้วย ผมไล่มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยหางตาก่อนจะเมินมันไปซะ

     

    “ไมวันนี้ไม่นอนคอนโด” ยิงคำถามให้คนตัวสั้นออกไปสุดตัวพร้อมสะบัดหน้าหนีอหน้านกพิราบ ชั่วโมงนี้เป็นไงเป็นกันเว่ย กูไฟต์ กูด้าน ยัน!

     

    “ก็เราอยากไปนอนกับแบคฮยอน”

     

    “ไปรบกวนเขาเปล่าๆ”

     

    “ใครจะคิดว่าเรารบกวนเหมือนไคละ”

     

    “กูไม่เคยคิดได้ม้ะ” ผมตอบหน้าตาย คำก็รบกวนสองคำก็รบกวน นี่กูเคยบอกซักคำยัง?

     

    “ไม่รู้ล่ะก็เราอยากนอนกับแบคฮยอน” ไอเหลือกเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วแต่หัวก็ยังคงก้มงุดๆไม่มองหน้าผมอยู่ดี

     

    เห็นทีต้องใช้ไม้แข็ง

     

    ผมขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าไม่ยอมรับความผิดอยู่เพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจฉวยมือเล็กนั่นขึ้นมากุมไว้ในมือ ออกแรงดึงให้อีกฝ่ายตามมา ไอเหลือกสะดุ้งเฮือก แต่สงสัยมันยังคงไม่ทันตั้งตัวเลยเอนตัวมาตามแรงดึง

     

    “ไคย่าอะไรของนายเนี่ย” ทันทีที่ผมยืนหยุดอยู่หน้าร้านต็อกโบกิ คนตัวเล็กก็สะบัดแขนผมออก แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกนะ ไม่รู้จักวิชาปลาหมึกหนึบหนับของคิมไคซะแล้ว

     

    “เอ้...ปล่อยดิไคย่า”

     

    “ไม่ปล่อย...หอมแก้มก่อนแล้วปล่อย”

     

    “อะ...อะไรนะ” ไม่มีละครับความกระดากอายในจิตสำเหนียก หลังจากนั่งทบทวนหัวใจตัวเองจนจะตายในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก็ได้คำตอบไม่ยากว่า คิมจงอินคนนี้ ต้องการไอเหลือกแทบคลั่ง

     

    “ไม่มีอะไรหรอก...”

     

    “แล้วทำไม...”

     

    “แค่จะมาบอกว่าคิดดีแล้ว...”

     

    “...” ไอเหลือกเงียบไปมันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมก่อนจะก้มหัวลงไปอีกครั้ง ใช่ว่าจะมีมันคนเดียวที่อยากจะก้มหน้าหนี ผมก็จะตายอยู่รอมร่อ

     

    “เป็นแฟนกันเถอะ”

     

    “....”

     

    “......”

     

    “...”

     

    “เฮ้ย! พูดไรบ้างสิคุณ” ผมเอ็ดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี หน้าก็ก้มอยู่นั่นแหละใครจะไปตรัสรู้ว่ารู้สึกยังไงกันละครับพ่อ! หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ถ้ามึงไม่พูดอีกละก็พ่อจูบแล้วนะครัช

    “....”

    โอเคพ่อเลือกที่จะเงียบต่อช้ะได้ๆ

     

    จุ้บ!

     

    ผมใช้สมองอะตอมของตัวเองสั่งการให้มือหนาไปประคองหนังหน้าไอเหลือก จับปลายคางให้เงยขึ้นก่อนจะจู่โจมก่อนได้เปรียบดั่งหนังสงคราม ประทับตราจูบเป็นเจ้าข้าวเจ้าของราวกับสุนัขละเลงจิตรกรรมตรงเสาไฟฟ้าริมทาง

     

    “ย่า...อะไรของนาย”

     

    คำพูดของคนตัวไม่สูงมากเท่าผมช่างขัดกับหน้าตาเหลือเกิน น้ำเสียงที่แข็งกร้าวกับมือที่ดันอกอยู่ตอนนี้เทียบไม่ได้กับดวงตาเหลือกที่ผมมองออกอย่างชัดเจนว่าขัดเขิน

     

    ผมเลื่อนมือไปกุมมือมันที่พยามทุบอกแกร่งของผมไว้ ตาที่เหลือกอยู่แล้วขยายขึ้นอย่างสะพรึง นี่ถ้าติดว่ากูไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งกับมันนี่กลายเป็นฟิคHorrorแล้วครัช

     

    “หุบตาหน่อยกลัว”

     

    “ไอบ้า...” <--รัวฝ่ามือลงกลางอกแกร่ง

     

    55555” ผมหัวเราะร่วน อมยิ้มให้กับคนตรงหน้า ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่ามันน่ารักน่าหยิก ไม่ทันไรก็หอมแก้มเข้าไปอีกฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยวที่อัดอั้นมานานนมถมถืด

     

    “งื้อออออ” ไอเหลือกร้องเสียงงุ้งงิ้งในลำคอคิดว่าน่ารักหรอ  ใช่!

     

    5555

     

    ผมควรจะทำอะไรดีในเมื่ออีกฝ่ายน่ารักขนาดนี้  จับกดกลางถนนนี่เลยบ๋ออออออ

     

    มือไม้ที่ค่อยข้างนุ่มนิ่มหยิกเข้าไปที่ต้นแขนของผม ถึงจะน่ารักแต่ทำแบบนี้มันก็ค่อนข้างยั่วยวนอารมณ์คุกกรุ่นของผมเหลือเกิน น่ารักเกินไปแล้วนะครับไอเตี้ย

     

    “สรุปเป็นแฟนกันนะ” กล่าวออกไปพร้อมยิ้มละไมไทยแลนด์เวิร์ล ไอเหลือกหันไปก้มหน้าอีกแล้วผมเลยขอพูดขู่มันไปก่อนอีกรอบ

     

    “ไม่ตอบแปลว่าเป็นนะ นับ...”

     

    “.....”

     

    “หนึ่ง....”

     

    “....”

     

    “สอง...สาม!

     

    “เฮ้ยๆเดี๋ยวดิ” ไอเหลือกทำหน้าเหลือก(ไม่รู้จะพูดว้ายังไงแล้ว)มันเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างช็อกกว่านี้ไม่มีอีกในโลกหน้านภาลัย ผมยกยิ้มมุมปากอย่างคนอารมณ์ดี ยิ่งได้เห็นปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าไม่ได้รังเกียจอะไรผมเหมือนในห้วงความคิดโง่ๆของตัวเองในตอนแรกก็อดที่จะอมยิ้มปริ่มสุขไม่ได้

     

    “สรุปว่างั้นแหละปะ...ไปกินเนื้อย่างกัน” ใช่ หลังจากสมประสงค์ทางใจผมก็ตัดบทและบังคับให้มันไปกับผมจนเสร็จสรรพเนื่องจากท้องที่เริ่มร่ำร้องด้วยความหิวซึ่งก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ผมฉวยโอกาสที่มันเงิบหยิบมือมันขึ้นมาสอดประสานเรียวนิ้วเข้าด้วยกันอีกครั้งพลางออกแรงดีลากให้ไอเหลือกเดินไปตามทางที่ใจผมต้องการ

     

    “ไคย่า...” ไอเหลือทักขึ้นเมื่อเดินมาตามริมถนนได้ซักพัก

     

    “หื้ม”

     

    “นี่จริงจังป่ะ...” ดูเหมือนท่าทีในการริเริ่มความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อนตัวสั้นจะเริงร่าและดูไม่ขัดเขินอย่างที่ควรจะเป็นมันเลยทำให้ ไอเหลือกตั้งข้อสงสัยขึ้นมาให้เปลืองน้ำลายในการตอบคำถาม

     

    “คิดว่าไงล่ะ...”

     

    “กะ...ก็...”

     

    “ความรัก...ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นนะ”

     

    “...”

     

    “...”

     

    “งั้นไคก็ชอบเราจิงๆล่ะสิ...”

     

    “ล้อเล่นมั้งห่า...”พูดพลางยีหัวทุยๆนั่นอย่างเอ็นดู ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะไสยไสย เอ้ย! ใสใส ขนาดนี้ แต่ก็ดีถือเป็นผลประโยชน์พอกรุบกริบที่ผมจะได้กลับมาด้วยเช่นกัน

     

    “นั่นสิ...”

     

     (50%)

     

    เดินผ่ามาซักไม่กี่ช่วงตึก กลิ่นหอมๆของเนื้อที่ย่างบนเตาถ่านก็ลอยมาแตะจมูกผมเข้าอย่างจัง ท้องของผมกับไอเหลือกร้องโครกครากตอบสนองความหิวกระหาย มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมเพิ่งขอมันเป็นแฟนแท้ๆซึ่งอาจจะดูหน้าด้านไปหน่อย

     

    ผมเดินจูงมือมันเข้าไปในร้านที่ว่า เรานั่งกันริมรั้วเพื่อให้ได้เห็นวิวรถที่แล่นไปมาในยามวิกาล พนักงานออกมารับออเดอร์โต๊ะเสร็จสรรพเรานั่งมองหน้ากันอยู่ซักพักก่อนที่ไอเหลือกจะเป็นฝ่ายหลบหน้าผมอีกครั้ง นี่ก็จะเขินกันไปถึงไหน ผมอุตส่าห์เพิ่มสกิลความด้านเข้าไปเยอะแล้วนา

     

    รอไม่นานชุดหมูคุโรบุตะกับเนื้อสันนอกชั้นดีก็ถูกจัดวางบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ความหิวซึ่งถาโถมเข้ามามหาศาลบังคับให้อีกฝ่ายเลิกที่จะหลบสายตาผมก่อนจะจัดแจงคีบเนื้อต่างๆนาๆลงไปย่างจนเต็มที่

     

    “หิวหรอ...”เอ่ยออกไปทันทีเมื่อเห็นไอเหลือกทำท่าพลิกหมูไปมาทั้งๆที่ยังไม่สุกดี

     

    “ป้าว...”

     

    “เสียงสูง...กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วนหรอก”

     

    “ไม่ๆๆ”

     

    คนตาใหญ่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น นางคีบๆๆใส่จานตัวเองทันทีที่เนื้อส่งกลิ่นหอมออกมา ช่างน่ากลัวที่มันลงกระเพาะของไอเหลือกไปอย่างรวดเร็ว นี่ท่าจะหิวจริงจัง

     

    “วู้ว...ไม่คีบให้แฟนตัวเองกินมั่งเลยแย่ๆ”

     

    “เราเคยบอกไคย่าด้วยหรอว่าเราเป็นแฟน”

     

    “ปากดีเดี๋ยวจับจู...อ้ะ” มือเรียวเล็กไม่รอฟังคำขู่หอกอะไรจากปากผมพลางคีบเนื้อย่างสีนวลเข้าไปแน่นจนคับโพรงปากของผม หน่อยแน่

     

    “กินเข้าไป...ไคย่าพูดมาก”

     

    “เออๆๆเอามึงว่าอ่ะ” ผมพูดไปพร้อมเคี่ยวเนื้อย่างไปที่บอกว่าไอเหลือกใส ขอถอนคำพูด ไอเนี่ยนะหรอทำเป็นเขินๆม้วนๆไปงั้นแหละ

     

    กิจกรรมบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างไม่รีบเร่งพรุ่งนี้วันเสาร์คุณจะตื่นกี่โมงก็ได้ฟรีๆดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องรีบกลับคอนโดไปนอนเอาแรงเพื่อพิชิตกับตารางเรียนในวันต่อๆไป

     

    ไอเหลือกยังคงกินหูดับตับไหม้ต่อไป ผมที่นั่งมองมันก็พลอยอิ่มตามไปด้วย

     

    “เหลือให้กูบ้างสิ”

     

    “อะ...อิ่มพอดี”ไอเหลือกเลื่อนจานหมูคุโรบุตะมาให้ตรงหน้า หลังจากนั้นมันจึงเอนตัวเข้ากับเบาะพลางหยิบน้ำเปล่าซดลงกระเพาะ ดูแล้วอืดพิกล

     

    “อ้าว...ไม่คิดจะป้อนแฟนบ้างไรบ้าง?”

     

    “มือไคย่าก็มีจัดไปสิ”

     

    “พูดงี้เดี๋ยวเลิกนะ...”ผมส่งสายตาดราม่าที่สุดในชีวิตไปให้อีกฝ่าย หวังเพียงจะได้รับรอยยิ้มและคำปลอบประโลมประมาณว่า 'โอ๋เอ๋...ไม่งอนนะมาป้อนๆ

     

    BUT!!!

     

    “เลิกก็เลิกเรื่องของไค...”

     

    โอเค ฮ้าบบผมกินเองก็ได้ มือหนาเลื่อนตะเกียบที่ค้างไว้กลางอากาศก่อนจะบรรจงคีบเนื้อที่สุกแล้วเข้าปากที่ละคำ อื้อหืออร่อยจนน้ำตาจิเล็ด ไม่กล้าสวนอะไรออกไปอีกเลย

     

    ชิ้นแล้วชิ้นเล่าอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะป้อนให้ผมเลยซักนิด นี่ผมมีแฟนเพื่ออัลไล ตอบ  แต่ก็ช่างเหอะ เพราะเนื่องจากเวลาที่สั้นสุดๆมันเลยคงทำให้ความรู้สึกของไอเหลือกอาจจะยังงงๆอยู่แต่ไม่ช้าหรอกไอเหลือกจะต้องเป็นของผมทั้งกายและใจ

     

    |_|_|_|_|_|_|_|_|_|_|_|

     

    สามสายของวันเสาร์ไม่ได้ราบรื่นไปอย่างที่คิดหลังจากเมื่อที่ผมโทรไปนัดแนะไอชานยอลว่าให้บอกแบคฮยอนดีๆว่าไม่ต้องเป็นห่วงไอเหลือกก่อนจะพามันเข้าคอนโดเมื่อนั่งแดรกเนื้อย่างเสร็จ

     

    จนเมื่อเช้านี้ที่คนตัวสั้นๆอกคนของห้องแหกหูแหกตามาเคาะประตูห้องผมและเอาตัวไอเหลือกไปอีก ไอนั่นก็ใช่ย่อยพอเห็นบยอนแบคฮยอนมารับไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาหน่อยก็กระแดะลืมแฟนที่นั่งหัวโอยู่ข้างๆไปเสียสนิท

     

    Me / นั่งยิ้มอ่อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     

    ช่างมันก่อน เอาเป็นว่าวันเสาร์แสนสุขของผมกับไอเหลือกก็ถูกพังทลายลงด้วยฝีมือไอ้บยอนเรียบร้อยโรงเรียนลี ดังนั้นเพื่อการหาอะไรทำแก้ขัดไปพลางเลยโทมรเรียกไอชานยอลมานั่งจับเข่าคุยกันที่ร้านกาแฟไม่ไกลนัก

     

    กลิ่นกาแฟอ่อนๆกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูกของผม เอ้อ!ลืมบอกไป ร้านกาแฟที่หย่อนตูดลงไปนี่ไอหยอยมันเป็นเจ้าของมัน เจ๋งมั้ยล่ะคนรวยมีมรดกตกทอดจากรุ่นพ่อมาสู่ลูก นี่ก็แอบอิจฉานะ อ่า แล้วถ้าถามผมว่างั้นทำไมไม่มาทำพาร์ตทามที่ร้านไอหยอยมัน ผมก็พูดเต็มปากเต็มคำเลยว่าถ้าทำกับมันก็เหมือนไม่ได้ฝึกตัวเอง มัวแต่คุยเล่นกับเพื่อนรับเงินไปวันๆ ไม่มีใครกล้าว่าเพราะเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้านอะไรเทือกๆนั้น มันไม่ได้ เสียฟอร์มหมด อีกอย่างเห็นอย่างนี้ผมก็มีหัวคิดนะเออ

     

    ชายหนุ่มหยัดตัวนั่งลงตรงข้ามผมมองมันอย่างพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นอย่าไม่จริงจังนัก “กูมีเรื่องจะปรึกษา”

     

    “ว่ามา”

     

    “กูควรจะทำยังไงให้คนๆนึงมารักกูได้ว่ะ”

     

    “ขั้นแรกมึงต้องบอกกูก่อนว่าคนๆนั้นคือใคร” ผมชั่งใจเมื่อมันเผือกประเด็นตรงๆมาแบบนี้ แต่ก็เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆอุตส่าห์พาสารร่างทุเรศทุรังมาสถิตอยู่นี่แล้วด้วย

     

    “ไอเหลือก...”

     

    ไอหยอยขมวดคิ้วมองหน้าผมก่อนจะถามออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ

     

    “เหลือกไหนของมึง...”

     

    เอ้อ ลืมไปว่ะ ไอเหลือกนี่ มันเป็นราชสามัญนามที่ผมเรียกใช้มันแต่เพียงผู้เดียว  ไอหยอยนี่ไม่มีสิทธิ์จะลึกซึ้งขนาดรู้ไปหมดทุกเรื่องสินะ

     

    “เด็กใหม่อ่ะ”

     

    “คยองซูหรอวะ...ฮั่นแน่กูว่าแล้วไม่ผิด” คนตรงข้ามยิ้มกริ่มหูกางๆแทบจะกระพือเนื่องจากดีใจที่คิดถูกยิ่งกว่าเลขสามหลักท้ายบนสลากกินแบ่งรัฐบาล ผมมองมันอย่างเอือมๆกับท่าทีดี้ด้าเกินเหตุ หลังจากนั้นจึงหันมาจริงจังต่อ

     

    “เออๆๆ...แล้วกูต้องทำยังไง...”

     

    “กับกดแม่ง”

     

    “ถุ้ย! กดพ่อง มึงเอาไปใช้กับไอแบคไป” นี่ก็หื่นลามปามไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนร่วมชั้นเรียนจริงๆ นี่กูคิดผิดคิดถูกมารับคำแนะนำจากมันกัน

     

    “อันนั้นกูก็กดมาแล้ว5555

     

    “เฮ้ยไอห่ามึงจริงจัง” ตกใจสิครับถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าไอหยอยมันคิดไม่ซื่อกับแบคฮยอนเพื่อนสนิทกับไอเหลือกมันอยู่แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าพ่อจะหื่นไม่เลือกหน้าขนาดนั้น นั่นเพื่อนในห้องป้ะครับเพื่อน

     

    “กูล้อเล่น...ทำมาเป็นตื่นตูมซักวันมึงก็ต้องกดไอเหลือกของมึงอยู่ดี”ได้ทีก็แซะกูใหญ่เลยจ้าเพื่อน รักมึงจัดเลยย มาๆให้กูเหยียบหน้าที

     

    “กดพ่อง...กูใสๆเว้ย”

     

    “อ๋อ...ไสยๆๆ”

     

    “ถรุ้ย!” ยังมีหน้ามาเล่นมุขอีกนะ ที่กูกระเหี้ยนกระหืดมาหามึงถึงร้านกาแฟนี่เพื่ออัลไล นอกจากจะได้ความไร้สาระไปป่วนการทำงานของระบบประสาทแล้วได้อัลไลลลลล

     

    55555

     

    “นี่สรุปมึงจะบอกกูไดยังว่าให้ทำยังไง”

     

    ผมยกประเด็นขึ้นมาพูดอีกครั้งก่อนที่มันจะมลายไปพร้อมกับสติและความหื่นของคนตรงหน้า จะบอกอะไรเรื่องนี้ผมจริงจังนะคุณ การจะครอบครองใครแล้วได้แต่ตัวแต่หัวใจไม่ยักกะตามมามันไม่ใช่เรื่องตลกเลยซักนิด

     

    ให้ขึ้นชื่อว่าคิมจงอินแล้วต้องได้ครอบครองทุกสิ่งที่เป็นของนุ้งเหลือก...

     

    ถ้าไม่ได้เอาตีนยันหน้าได้เลย...

     

    |_|_|_|_|_|_|_|_|_|_|_|

     

    วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ขณะนี้ร่างหนาๆของผมก็มาอยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปได้ก็มุ่งตรงเข้าไปยังห้องครัวเปิดตู้เย็นเพื่อเตรียมของที่จะทำสปาเก็ตตี้

     

    อย่าได้ถามว่าความคิดการเข้าครัวพิเรนท์ๆนี่จะเป็นของใคร คุณ ปาร์ค ชานยอลเขาบงการมาผมก็ต้องทำละครับ ด้วยเหตุผลที่ว่า

     

    ขั้นแรกในการครองใจนะ มึงต้องทำตัวมึงให้ดูเป็นเสาหลัก ทำให้รู้ว่าเราดูแลสารทุกสุขดิบของเขาได้  ทำอะไรซักอย่างให้คยองซูประทับใจ ยกตัวอย่างเช่นทำอาหารให้เขากินเวลาเขากลับห้องมาเหนื่อยๆจะได้หายเหนื่อยแล้วมันก็จะรู้สึกว่ามึงเป็นที่พึ่งและทิ้งตัวลงกับมึงได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงสภาพชีวิตตัวเอง  เค๊

     

    ก็ไม่รู้ว่าต้องอธิบายอะไรยืดยาว เอาเป็นแค่ว่าผมจำได้มาเพียงคำว่า ทำอาหารเท่านั้นเอง

     

    คิดดูสิขนาดรามยอนถ้วยเดียวยังทำไม่รอดแบบผม ถ้าจะให้ทำเมนูหรูเลิศอลังการดาวล้านดวงก็เกรงว่าจะไม่เป็นสับปะรดสุนัขแดรก

     

    ไหนๆก็ไหนๆ ไอเหลือกก็เคยอบรมบ่มเพาะเรื่องสปาเก็ตตี้นี่ก็มาพอสมควร จะทำให้กินสักครั้งคงไม่เสียหายนัก คิดได้ดังนั้นผมก็เลยจัดแจงเตรียมของถ้วยชามรามไหซะจนเต็มบาร์วางของ

     

    โชคดีอีกต่อหนึ่งเพราะครั้งที่แล้วตอนไปซื้อของกับไอเหลือกดันตุนมาซะเยอะเลยมีวัตถุดิบเหลือพอจะทำได้อีกครั้งสองครั้ง

     

    เอาล่ะ!เรามาเริ่มกันเถอะ...

     

    เอ...แล้วมันเริ่มจากอะไรก่อนวะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     TBC

     

    ทำให้รู้ว่าเราดูแลเขาได้ เขินอ่อน แล้วนี่คิมไคของเราจะทำอาหารรอดมั้ยเนี่ย โปรดติดตามพลางกดแฟบจะได้รู้ทุกการเคลื่อนไหว(ฮา) ขอบคุณที่เม้นต์และกำลังใจรักทุกคนนะ เริ้บบๆๆๆ

      

     

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×