[SF] TaoKacha ทำนองรัก - [SF] TaoKacha ทำนองรัก นิยาย [SF] TaoKacha ทำนองรัก : Dek-D.com - Writer

    [SF] TaoKacha ทำนองรัก

    เรื่องนี้เป็น ชายXชาย ใครรับไม่ได้ปิดด่วน!!! ฟิคสั้นเรื่องที่สอง มือใหม่ ฝากด้วยน้าาาาาา ปล.อ่านแล้วช่วยคอมเม้นหน่อยนะ จะได้รู้ว่าจะมีเรื่องต่อไป หรือจะกลับไปนอนกินนมที่บ้าน T^T

    ผู้เข้าชมรวม

    869

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    869

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 เม.ย. 57 / 09:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เต๋ากระชากคอเสื้อคนที่หน้ายับพอๆกับเข้ามาหมายจะชกอีกทีให้สะใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่าว่ามีคนมาตบบ่าเบาๆ ก่อนที่จะได้ถามหรือทำอะไร ก็โดนหมัดหนักๆเสยเข้าปลายคางอย่างจัง น็อค..ในหมัดเดียว.. ท่ามกลางหมู่ดาวที่วิบวับ ท่ามกลางเลียงลั่นเปรี๊ยะในหัวและความเจ็บที่ปลายคาง สติที่มีน้อยนิดสั่งให้เขามองหน้าคนที่ชกซึ่งยังจับคอเสื้อไว้ พร้อมเงื้อหมัดหราเตรียมซัดอีกรอบถ้าอีกคนยังไม่หยุดอาละวาด

    ใบหน้าเรียวสวย คิ้วเข้ม ตาคม ริมฝีบากบางกระชับได้รูปเข้ากันราวกับภาพวาด เต๋าตะโกนก้องในหัวก่อนสติจะดับวูบ

    นี่เขาโดนผู้หญิงชกจนน็อคในหมัดเดียวเหรอนี่ บ้าน่า….’

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ShortFic  TaoKacha : ทำนองรัก

      โครม.....

      กล่องกระดาษหลายสิบใบกระจัดกระจายในตรอกแคบๆ พร้อมชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวตัดกับชุดหนังสีดำ ที่กลืนเข้ากับบรรยากาศยามดึกของค่ำคืนนี้ กองหมดสภาพอยู่ภายใต้ลังเหล่านั้น...

      เต๋า ค่อยๆชันตัวเองให้ลุกขึ้น แรงหมัดที่ปะทะที่ใบหน้าไม่อาจไล่อาการมึนเมาที่สะสมมาตั้งแต่หัวค่ำได้เลย มองไปยัง กลุ่มชายหนุ่มสี่ห้าคนที่รายล้อมรอบตัว หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาใกล้...

      “นี่นะเหรอหัวหน้าวง ‘Six-Weather.’ เมายำเปหมดสภาพแล้วหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว ไม่เห็นเก่งอย่างที่เขาลือ ไหนว่ากันว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีนัก..ว่าไหม? จอย”

      เต๋า เช็ดเลือดที่มุมปากลวกๆ มองหญิงสาวรูปร่างสันทัด หน้าตาคมคาย ผมสั้นประบ่าแต่ลอนไว้พองาม ในอ้อมแขนของ อ้นหัวหน้าวง ‘BLADE’ คนที่เป็นคู่แข่งเขามาตลอด ซึ่งจอยมองเขาเหยียดๆ

      “ช่วยไม่ได้นะ SW Band (Six-Weather Band) กำลังตกต่ำนี่ หล่อนก็ต้องบินมาซบอกฉันเป็นธรรมดา เพราะนายมันไม่ได้เรื่องเอง เสียใจด้วยหว่ะ....ไปกันเถอะ...ฮ่าๆๆๆ”

      นักเลงในคราบนักดนตรีพากันเดินออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น จบแล้วสินะ...ชายหนุ่มเดินออกจากตรอกไปมองหาร้านเหล้าที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าชื่อร้านอะไร เดินเข้าไปนั่งสั่งออนเดอะร็อคมาซัดแบบไม่ยั้ง และก็เหลือบเห็นหญิงสาวคนนึงคล้ายจอย นักร้องนำวงเขา และควบตำแหน่งคนรักด้วย  จึงเข้าไปกระชากแขนเธออย่างแรง ผลคือโดนหมัดหนักๆซัดที่หน้าจนล้มลงไปนอนกับพื้นข้อหาเมาแล้วมั่ว ก่อนที่เต๋าจะตอบกลับแลกหมัดกันนัวเนีย

      “เฮ้อ...เอาอีกแล้ว ไม่ไหวเลยเดือนนี้ครั้งที่สามแล้วนะ” เสียงมาสเตอร์เจ้าของร้านวัยกลางคนบ่น

      “เดี๋ยวผมเคลียร์ให้ครับมาสเตอร์” ชายหนุ่มร่างบางที่อายุน้อยกว่าอาสา

      “อืม...ฝากด้วยนะ แต่อย่ารุนแรงหล่ะ” มาสเตอร์มองหน้าคนที่อาสา แล้วยิ้มบางๆ

      เต๋ากระชากคอเสื้อคนที่หน้ายับพอๆกับเข้ามาหมายจะชกอีกทีให้สะใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่าว่ามีคนมาตบบ่าเบาๆ ก่อนที่จะได้ถามหรือทำอะไร ก็โดนหมัดหนักๆเสยเข้าปลายคางอย่างจัง น็อค..ในหมัดเดียว.. ท่ามกลางหมู่ดาวที่วิบวับ ท่ามกลางเลียงลั่นเปรี๊ยะในหัวและความเจ็บที่ปลายคาง สติที่มีน้อยนิดสั่งให้เขามองหน้าคนที่ชกซึ่งยังจับคอเสื้อไว้ พร้อมเงื้อหมัดหราเตรียมซัดอีกรอบถ้าอีกคนยังไม่หยุดอาละวาด

      ใบหน้าเรียวสวย คิ้วเข้ม ตาคม ริมฝีบากบางกระชับได้รูปเข้ากันราวกับภาพวาด เต๋าตะโกนก้องในหัวก่อนสติจะดับวูบ

      นี่เขาโดนผู้หญิงชกจนน็อคในหมัดเดียวเหรอนี่ บ้าน่า….’

      ...............................................................................................

      ผมลืมตาขึ้นมาในห้องของตัวเอง รู้สึกหนักอึ้งที่หัว และ...ความเจ็บที่ปลายคาง เด็กคนนั้น...

      “ตื่นแล้วเหรอพ่อนักเลง” เสียงต้นดังขึ้นเรียกสติผมให้กลับมา

      “เมาหัวราน้ำ ดูไม่ได้เลยนะครับคุณหัวหน้าวง” เจมส์เริม  เออ..ซ้ำกันเข้าไป

      “ดีนะที่มึงเอาโทรศัพท์ไปด้วย เขาเลยโทรหาพวกกูให้ไปลากมึงกลับมาได้” ไทด์ยังบ่น

      “อ่ะ กินยาก่อนมึง จะได้หายป่วน เอ้ย..ปวด” เฟรมยื่นยาให้ไม่วายแขวะให้ด้วย

      “...........................”

      “เรื่องเป็นไงอธิบายให้พวกกูฟังได้มะ?”ไทด์ซัก

      “กู...ยังไม่พร้อม ขอเวลาหน่อยนะ” ผมตอบเลี่ยงๆ

      “เออ จะรอนะ ถ้างั้นพวกกูกลับก่อนนะ เรื่องไลฟ์การแสดงพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”ต้นว่าและพวกมันก็พากันออกไป การแสดงเหรอ? ยังจะมีอยู่ไหมนะ.... แล้วผมก็หลับไป ตื่นอีกทีก็เย็นแล้ว

      “จริงด้วย เรื่องเมื่อคืน...ต้องไปขอโทษก่อน” ถึงจะเมาแต่ก็ไม่บ่อยที่จะทำเรื่องจึงรู้สึกผิดไม่น้อย ผมคิดได้ดังนั้นก็อาบน้ำแต่งตัว มุ่งหน้าไปยังคลับที่ก่อเรื่องไว้เมื่อคืน ต้องขอบใจไอ้เฟรมมันที่อุตส่าห์จดชื่อร้านและที่อยู่ไว้ให้ ไม่นานก็มาถึงคาเฟ่เล็กๆชื่อ ‘Terasu’ ยังไม่ทันเข้าไปในร้านก็เจอชายวัยกลางคนที่พนักงานเรียกว่ามาสเตอร์ออกมา จึงเรียกไว้

      “มาสเตอร์ครับ ต้องขอโทษด้วยเรื่องเมื่อคืน ผมยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายนะครับ” ผมรีบออกตัว

      “ไม่ต้องหรอกคุณ ไม่ได้เสียหายอะไร แค่แก้วแตกสองสามใบ แต่ถ้าจะขอบคุณละก็ ผมแนะนำให้คุณไปขอบคุณคนที่เรียกเพื่อนคุณมารับนะ” มาสเตอร์พูดยิ้มๆ

      “ใครเหรอครับ” ผมรีบถาม

      “เด็กๆน่ะ คุณรอได้รึป่าว?”

      “ครับผมจะรอ”

      ราวๆเที่ยงคืนผมก็เห็นคนที่คล้ายๆในความทรงจำว่าต่อยผมเมื่อคืนเดินออกมาจากร้านพร้อมเป้ เลิกงานเล้วสินะ..

      “คุณครับ ขอเวลาคุยด้วยหน่อย...” ผมทักออกไป ทำไมเห่ยอย่างนี้นะ.... ว่าแต่ เด็กผู้ชายนี่...

      “อ่อ คุณนั่นเอง ร้านปิดแล้ว ถ้าคุณอยากเมาเหมือนเมื่อคืน ต้องไปที่อื่นแล้วหล่ะ” เขาทักตอบ

      “เปล่า แค่จะมาขอโทษที่อาละวาดเมื่อวาน และก็ขอบคุณด้วยที่เรียกเพื่อนผมมารับ”

      “ไม่เป็นไรครับ คุณก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ผมคิดว่าคุณคงมีเรื่องกลุ้มใจ แค่รู้สึกผิดก็ดีแล้ว”

      เต๋าจ้องหน้าคนพูดที่ตอนนี้กำลังยิ้มหวาน หมอนี่ยิ้มให้คนที่ไม่รู้จักได้หวานขนาดนี้เลยเหรอ เด็กคนนี้พระเจ้าช่างสรรสร้างได้ราวกับเด็กผู้หญิงเชียวหล่ะ

      “มารอนานแล้วเหรอ?” อีกคนถามขึ้นเรียกสติผมให้กลับมาอีกครั้ง

      “รู้ได้ไง ผมอาจจะเพิ่งมาก็ได้” ผมถามกลับ

      แทนคำตอบอีกฝ่ายก็ยกมือจับที่แก้มของผม ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า จนผมแอบคิดว่าไม่อยากให้ละมือออกเลย

      “ก็หน้าคุณเย็นเฉียบเลย” เด็กหนุ่มยังยิ้ม

      “ถูกเผง” ผมยิ้มจางๆ ทำให้อีกคนเหมือนจะเก้อเขินที่ทำราวกับรู้จักกันมานาน และถอยออกห่าง

      “ผมรับคำขอบคุณแล้วไว้กัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนละกันนะครับ”

      “เอ่อ...เดี๋ยวสิ ทานไรก่อนไหม ผมเลี้ยงเอง” ผมอยากจะคุยด้วยอีกหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลย...

      “อืม...เอาสิ กำลังหิวเลย” อีกคนตอบเรียบๆ แต่ทำให้ผมแอบดีใจที่จะได้คุยกันต่อ

      “ยินดีที่ได้รูจักนะผมชื่อ เต๋า คุณหล่ะ?” ผมถามระหว่างที่เรารอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ

      “..คชา..”

      “เพราะดีนะ คชา..”

      การพูดคุยเริ่มด้วยเรื่องทั่วๆไปและดำเนินไปเรื่อยๆ คชาค่อนข้างพูดน้อย ผมก็ไม่ได้พูดมากอะไร ถามบางเรื่องและกินก๋วยเตี๋ยวกันไป กินเสร็จก็ไปส่งคชาขึ้นแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน

      “เต๋าไปส่งที่บ้านก็ได้นะ ดึกแล้ว”

      “ก็เพราะดึกแล้วไง คุณก็ต้องกลับไปพัก พรุ่งนี้มีงานไม่ใช่เหรอ ผมขึ้นแท็กซี่กลับได้ ไม่ไกลหรอก”

      “อืม...งั้นพรุ่งนี้แวะมาหาอีกได้ไม๊”

      “อะ..อืม...ได้สิ ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

      “ราตรีสวัสดิ์..”

      จากนั้นผมก็กลับคอนโดมาอาบน้ำ เข้านอน และตื่นขึ้นมาคุยกับเพื่อนๆเรื่องไลฟ์การแสดงของเราที่จะเกิดขึ้น ในเช้าวันใหม่  วันนี้ผมดีขึ้นมากเลย(พวกนั้นบอกน่ะ) เพราะเมื่อคืนไม่เมา และก็ไม่ได้ฟูมฟายเรื่องจอยแล้วด้วย จนกระทั่งดึก...ผมก็ไปหาคชา

      ...............................................................................................

      ผมแวะเวียนไปหาคชาที่ร้านทุกวันเป็นเวลาแรมเดือน เพื่อนๆก็ชักอยากจะให้พาไปเจอบ้าง จริงๆไม่อยากให้ไปเจอพวกมันเท่าไหร่หรอก แต่ทนมันตื้อกันไม่ไหว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมาหาคชา แต่ไม่ใช่ที่ร้านเพราะคชาบอกว่าเป็นวันหยุดเราเลยนัดกันที่หน้าห้างฯแห่งหนึ่งเพื่อจะพาคชามาปาร์ตี้กับเพื่อนๆที่คอนโดผม

      “รกหน่อยนะ” พอไปรับคชามาถึงผมก็เปิดประตูออกให้คนที่ตามมาเข้าไปก่อน และตามเข้าไป

      “แต่งห้องเรียบๆแต่ดูดีนะครับ มีของที่ต้องใช้ครบด้วย” อีกคนพูดยิ้มแย้ม

      “ดื่มอะไรดีหล่ะ?”

      “เบียร์หรือเหล้าก็ได้ครับ”

      “.....................”ผมเปิดตู้เย็นค้าง

      “ทำไมหล่ะ..อย่าบอกนะว่าแม้แต่เบียร์ก็ไม่มี..”

      “เปล่า แค่ไม่คิดว่าหน้าอ่อนๆอย่างนายจะเรียกหาเหล้าหาเบียร์”

      “ฮ่าๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคำพูดของคุณ อย่างกับตาแก่แหน่ะ คุณก็ซดเหล้าอย่างกับน้ำเปล่าไม่ใช่เหรอ ทั้งที่หน้าก็อ่อนเหมือนกัน..”

      ผมมองหน้าคชาที่ตัวเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย นึกในใจว่าหน้าอ่อนแต่ก็ไม่เท่านายหรอก สวย...ใช่สวยราวกับเด็กสาวคนนึง ปาก คอ คิ้ว คาง ที่ราวกับว่าพระเจ้าลำเอียงปั้นแต่งสิ่งสวยงามมาให้เด็กหนุ่มโดยเฉพาะริมฝีปากอมชมพู ตัวรึก็บาง นิสัยที่บางครั้งดูเหมือนเด็ก...แต่ท่าทางเจ้าเล่ห์แถมยังพูดจากวนโอ้ย แต่ก็น่ารักดี...

      “วงพวกคุณก็ดังนะ ผมก็ติดตาม...” จู่ๆคนตัวเล็กก็พูดขึ้น

      “ขอบคุณนะ แต่ไม่รูว่าจะอยู่ได้อีกนานไหม....”

      “ทำไมพูดอย่างนั้น พวกคุณเก่ง มีพรสวรรค์ และก็หน้าตาดีกันทุกคน ผมว่าดังนาน....”

      “วันนี้พูดเยอะกว่าทุกวันเลยนะ ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจ”

      “เพื่อนก็ต้องให้กำลังใจเพื่อนสิ”

      “.....ไม่คิดเลื่อนขั้นเป็นอย่างอื่นมั่งเหรอ?” เฮ้ย...พูดไรออกไปเนียะ นั่นมันแค่คิดนะ...

      “..........................”

      ก่อนที่จะได้ยินคำตอบต้น เจมส์ เฟรม ไทด์ ก็เข้ามาพร้อมเหล้า เบียร์ และขนมอีกกองโต ก็โผล่มา

      “เฮ้..............มาแล้ว รอนานไม๊”ต้นนำขบวนมา

      “เอ่อ........ทุกคน นี่คชา คนที่โทรตามพวกมึงให้ไปลากกูมาวันนั้น” ผมรีบแนะนำคชาเมื่อทุกคนมาครบ

      “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” คชาทักทาย

      “คชา นี่ต้นเป็นคนดูแลคิวของวง เล่นคีย์บอร์ด ติดกันนั่นเจมส์ตีกลอง และคอยช่วยแต่งทำนอง ออ..อีกข้อเป็นแฟนต้นด้วย55...ถัดมาชื่อ เฟรม เล่นกีตาร์และแต่งทำนอง คนตัวเล็กนั่นชื่อ ไทด์ เล่นกีตาร์เหมือนกัน และเป็นคนดูแลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของวง สุดท้ายผมชื่อเต๋า เป็นหัวหน้าวง เล่นเบส แต่งเนื้อร้อง ตอนนี้ควบร้องนำด้วย..”

      “ฮ่าๆ มากไปแล้วเต๋า....” คนตัวเล็กหัวเราะคิกคัก เรียกให้คนอื่นๆหัวเราะตามไปหมด

      “จริงๆ เรามีนักร้องนำอีกคนนะ และก็แต่งเนื้อร้อง ชื่อจอย แต่เธอไปแล้วหล่ะ” เจมส์เอ่ยหงอยๆก่อนจะหน้าเปลี่ยนสีเพราะโดนศอกต้นกระทุ้งเข้าให้

      “นี่ๆ อยากรู้มะว่าที่มาของชื่อวงเรามาจากไหน?”ต้นถามขึ้นเมื่อเริ่มดื่มกัน

      “อยากรู้สิ มาจากไหนเหรอ?” คนตัวเล็กสนใจ และพูดคุยกับทุกคนสนุกสนาน

      SW Band มาจากคำว่า Six-Weather Band. Six ก็คือพวกเราหกคน Weather คือการเปรียบสภาพอากาศกับแต่ละคน ต้นเหมือน Rain(ฝน,หน้าฝน) เพราทุกคนบอกว่าต้นมักจะทำให้ทุกคนชุ่มชื่นและเย็นเหมือนเวลาฝนตก เพราะคอยดูแลทุกคน” ต้นเริ่มเล่า

      “เจมส์เหมือน Spring (ฤดูใบไม้ผลิ) เพราะเจมส์เหมือนกล้าไม้ที่พี่ๆเขาเพาะขึ้นมา ตั้งแต่เล่นดนตรีไม่เป็นเลย จนถึงทุกวันนี้ เหมือนต้นไม้ที่ผลิใบงอกงาม โดยเฉพาะเวลาฝนตก ฮ่าๆ” เจมส์เล่าบ้าง

      “ส่วนผมทุกคนลงความเห็นว่าไทด์เหมือน Wind (ลม) เพราทุกทีเวลามีเรื่อง(เดือด)ร้อน ไทด์ก็จะตามไปแก้ มีอารมณ์ร้อนก็คอยเป่าให้หายกัน” ไทด์เล่าปลงๆ

      “ส่วนเราเปรียบกับ Summer (ฤดูร้อน) พี่ต้นบอกว่าเฟรมเหมาะกับหน้าร้อนเพราะดูสดใส สนุกสนาน เล่นกีตาร์งี้พระอาทิตย์ยังยอมแพ้เลย ฮ่าๆ”เฟรมเล่าขำๆ

      “ส่วนไอ้เต๋าน่ะ Winter (ฤดูหนาว)เพราะนอกจาจะผิวขาวอย่างกะหิมะแล้ว ยังเย็นชาน้ำแข็งเรียกพี่เลย แต่ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นแล้วละม้างงงงง เนอะ...ฮ่าๆๆๆๆ” อันนี้ไอ้ต้นว่านะ...

      เวลาผ่านไปเรานั่งดื่มกันจนหมด หมดสภาพกันทุกคนยกเว้นผมและคชา เพราะผมเอาแต่จ้องหน้าอีกคน ส่วนคชาต้องกลับบ้านเลยดื่มไม่มาก ผมลงมาส่งคชาขึ้นแท็กซี่หน้าตอนโด เมื่อเห็นว่าเที่ยงคืนละ

      “เต๋า.....เรื่องเลื่อนขั้นน่ะ ขึ้นอยู่กับผมหรือคุณหล่ะ?”

      คนตัวเล็กเอ่ยยิ้มๆก่อนขึ้นแท็กซี่กลับไป ทำเอาผมนอนไม่ได้เลยทีเดียวคืนนั้น เพาระคำพูดของคชาดังอยู่ในหัวตลอดเวลา เรื่องเลื่อนขั้นน่ะ ขึ้นอยู่กับผมหรือคุณหล่ะ

      วันต่อมาผมก็ไปหาคชาอีก ที่เดิมเวลาเดิม แต่ไม่เจอ...

      วันถัดมาผมก็ไปหาคชาอีก แต่เปลี่ยนเวลาให้เร็วขึ้นเป็นทุ่มนึง แต่ก็ไม่เจอ...

      และอีกวันถัดมาผมก็ไปหาคชาอีก คราวนี้ตั้งแต่สี่โมงเย็นเลยเอ้า... แต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี...

      “มีอะไรโน้ตไว้ก็ได้ เดี๋ยวคชามาผมจะบอกให้” มาสเตอร์บอก

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่อยากเจอเฉยๆ” ผมตอบเรียบๆ

      “งั้นลองไปที่ MNL สิ ไปตอนนี้อาจจะทัน”

      MNL? โรงเรียนไฮสคูลชื่อดังน่ะเหรอครับ?”

      “ก็ใช่น่ะสิ รีบๆไปนะ เดี๋ยวไม่ทัน”

      พอคุยกับมาสเตอร์เสร็จผมก็รีบมุ่งหน้าไปตามที่มาสเตอร์บอกทันที...

      ...............................................................................................

      ผมตกใจไม่น้อยที่เดินออกมาจากประตูโรงเรียนแล้วเห็นเต๋าสะพายกีตาร์ยืนอยู่หน้าประตูรายล้อมด้วยนักเรียนหญิงนับไม่ถ้วน ไม่คิดจะปิดบังตัวหน่อยเหรอ? ผมเลยต้องใช้อำนาจของประธานนักเรียนให้พวกหล่อนรีบสลายตัว และพาเต๋าเดินคุยกันไปในทางเดินที่ค่อนข้างเงียบ

      “นาย...ยังเรียนอยู่เหรอ?” คำทักทายแรกจากอีกคนเป็นคำถามที่น่าขำ จนผมเผลอหัวเราะออกมา

      “ฮ่าๆ ผมแปลกมากเหรอ?”

      “เปล่าหรอก นายเหมาะกับชุดนี้มาก แค่ตกใจที่นายยังเรียนอยู่..เท่านั้นเอง”

      “เหรอ.....แค่นั้นเองเหรอ....” ผมลากเสียงยาวกวนๆ จริงสินะ เต๋าอายุ 25 แล้ว พอนับๆดูอายุเราห่างกันเกือบสิบปี เต๋าก็ต้องตกใจบ้าง (Tao : โอ้ย...อะไรกันเนียะ แอบชอบเด็กยังพอว่า แต่นี่ดันต้องมาขอกำลังใจจากเด็ก ผู้ชายเต็มตัวที่ไหนเขาทำกัน เฮ้อ...)

      “ผมเห็นบัตรคอนฯแล้วนะ สวยดี แต่สีแสบตาไปหน่อย” ผมบอกหลังจากนิ่งไปสักพัก

      “ยัยนั่นออกแบบน่ะ.....” อีกคนตอบพร้อมยิ้มเจื่อนๆ

      “ไลฟ์ครั้งหน้าให้ผมช่วยออกแบบไม๊หล่ะ ถ้าไม่กลัวขายไม่ได้นะ...”

      “กลัวสิ...กลัวว่าพอถึงเวลาจะอ้างนู่อ้างนี่ไม่ทำให้น่ะสิ”

      “สัญญาลูกผู้ชาย” ผมว่าพลางยื่นนิ้วก้อยออกมา เต๋าก็ยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวแต่โดยดี

      “จริงสิ..งั้นช่วยอะไรหน่อย ถ้าว่างตอนกลางคืนไปดูซ้อมนะ เราซ้อมที่ห้องใต้ดินของคอนโดเต๋านะ”

      “ครับ..แล้วจะไป..”

      แล้วผมก็มาดูซ้อมในเย็นวันนั้นเป็นวันแรก (วันนี้ใส่ชุดนัดเรียนมาเลย ทุกคนในวงพากันอ้าปากค้างเป็นแถว) ผมพักงานที่ร้านเพราะใกล้สอบเลยขอตัวมาอ่านหนังสือ การซ้อมดำเนินไปเรื่อยๆจนสี่ทุ่มทุกคนก็เก็บของ แยกย้ายกันกลับ

      “เฮ้ยกลับก่อนนะเต๋า เอ่อ....”พี่ต้นมองหน้าผม ผมจึงยื่นโค้กกระป๋องไปให้ยิ้มๆ คงรู้ว่าผมอ่อนกว่าหลายปีล่ะมั้ง เรียกกันไม่ถูกเลย

      “ก็เรียกคชาเฉยๆแหละครับ”

      “เอ่อ...ขอบใจนะคชา กลับละนะเต๋า บาย” พี่ต้นบอกกับผมและเต๋า แล้วทุกคนก็พากันออกไป

      “เต๋า..เอาเบียร์มะ เมื่อก็ผมไปซื้อมาสองกระป๋อง” ผมพูดพร้อมยื่นเบียร์ให้ แต่อีกคนกลับมานั่งลงข้างๆบนโซฟาตัวยาวที่ผมนั่งอยู่ ล้มตัวลงนอน หัวกลมๆหนุนที่ตักผมพอดีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

      “ขออยู่แบบนี้สักแป๊บนะ...” อีกคนพูดแล้วหลับตาลง คงนอนไม่ค่อยหลับสินะ เห็นที่ห้องมียานอนหลับอย่างแรงหลายขวด คงกินทุกวัน ถ้าได้หลับทั้งๆที่ไม่ได้กินยาบ้างก็คงดี.. ใบหน้าขาวซีด ตัวเย็นเฉียบ มีเพียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเท่านั้นที่ทำให้รู้ถึงการมีชีวิต ผมไม่กล้าขยับตัวกลัวว่าอีกคนจะตื่น เพราะคงหลับลึก หลับสนิทเลยทีเดียว ได้แต่ลูบผมเล่นเบาๆ จนเวลาล่วงเลยไปชั่วโมงกว่าๆ

      “คชา ทำไมไม่เรียก ดึกเลยนะนี่ ขอโทษที่...”อีกคนที่เพิ่งตื่นพูดสาวยาวเหยียด

      “ไม่เป็นไร ผมดีใจซะอีก เห็นเต๋าหลับสบายดีน่ะ คงจะเพลียมาก” ผมรีบบอก

      “งั้นเต๋าขับรถไปส่งนะ” ผมเห็นเต๋าเขินด้วย ตาฝาดรึป่าว?

      “อืม...เอางั้นก็ได้” วันนี้จะให้ไปส่งที่บ้านก็ได้ เห็นแก่แววตาอ้อนๆนั่นหรอกนะ

      แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกๆวันมามากกว่าสัปดาห์แล้ว หลังซ้อมเมื่อทุกคนกลับหมดเต๋าจะมานอนหนุนตักผม หลังๆมายังมีการยกมือมาโอบเอวผมไว้ตอนนอนด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เริ่มชินแล้วด้วย...นั่งมองตอนที่เต๋าหลับก็น่ารักดีเหมือนกัน

      ...............................................................................................

      หลายวันมานี่ผมแทบไม่ต้องกินยานอนหลับเลย อาศัยตักเล็กของคชาหนุนนอน ทำให้หลับสบายเลยทีเดียว ทั้งยังมีกลิ่นตัวหอมๆกับฝ่ามือเล็กๆที่ลูบผมไปมาคอยขับกล่อมอีกด้วย ผมก็เกรงใจคชานะ แต่คชาไม่ได้ว่าอะไรทำให้ผมได้ใจ วันนี้คชามาบอกว่าเลิกเรียนช้าจะมาค่ำๆหน่อย พวกผมจึงมาซ้อมกันก่อน ระหว่างพักผมก็นั่งยิ้มไปเมื่อนึกถึงอีกคน...

      “เต๋า...ช่วงนี้ดูแกมีความสุขเนอะ เพราะคนนั้นรึเปล่าว?” ไทด์เริ่มแซวผม

      “คนไหน? อะไร?”ผมแถ

      “อ้าว...ก็คนที่มาดูซ้อมทุกวัน แล้วยังให้นอนหนุนตักด้วย” เฟรมเสริม

       “ชอบเค้าก็บอกเค้าไปดิ กลัวอะไร พวกกูเอาใจช่วย”ไทด์บอกยิ้มๆ

       “เออใช่...ไอ้การที่ไปหนุนตักคนอื่นหลับ ตั้งแต่คบกันมาฉันก็เพิ่งเคยเห็น” ต้นเกทับ

       “นั้นสิ พี่เป็นโฮโมฯ เอ้ย! ชอบเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”เจมส์ถามกวน

      “.....ไม่รู้.....”ผมตอบเลี่ยงสั้นๆ

       “อ้าวเฮ้ย...” ก่อนที่ต้นจะได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น คนที่เรากำลังพูดถึงก็ปรากฏตัว

      “พูดถึงผมอยู่เหรอครับ?” คชาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มหวาน ทำเอาชายหนุ่มทุกคนมองค้าง

      “เอ้า...พักนานละซ้อมกันต่อ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนเอาแต่จ้องคชา ไม่เว้นแม้แต่ ต้น!!

      การซ้อมดำเนินไปเรื่อยๆจนมาถึงเพลงที่ต้องร้องสองคน...

      “นี่เต๋า ให้คชามาช่วยร้องดิ คชาหน้าหวาน เสียงต้องหวานแน่ๆ”อยู่ๆต้นก็พูดขึ้นมา ทุกคนเห็นด้วย

      “ใช่ๆ คชามาดูซ้อมหลายวันน่าจะจำได้บ้าง”เฟรมเชียร์เต็มที่ทำอาผมงง

      “ได้เหรอครับ ยินดีมากๆเลย^^” คชาตอบรับทันที ทำให้ผมงงยิ่งกว่า

      เมื่อเราร้องกันไปได้สักพักผมก็รู้ว่าคชาเสียงเพราะมากและก็หวานมาก เพลงรักก็ชวนเคลิ้ม เพลงอกหักก็ชวนน้ำตาไหล เราจึงชวนคชามาร่วมวงและร่วงแสดงไลฟ์ครังนี้ด้วย คชาตอบรับอย่างยินดี และดูท่าทางตื่นเต้นสุดๆด้วย เมื่อเวลาพักอีกรอบมาถึงผมก็ได้รู้อีกว่าคนตัวเล็กยังเล่นเปียโนและตีกลองได้อีกด้วย ความสามารถเยอะจริงๆ ค่ำคืนจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว...

      ###และแล้วการแสดงไลฟ์คอนเสิร์ตก็มาถึง เราระเบิดความมันส์ ความโรเมนติกและสนุกสนานสองชั่วโมงเต็ม พร้อมเปิดตัวคชาสมาชิกคนใหม่ของวงในตำแหน่งนักร้องนำอย่างเป็นทางการ แม้จะรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะคชายังเรียนอยู่แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งที่โรงเรียน และที่บ้านคชาก็สนับสนุน เราให้นิยามกับคชาว่าเป็น ‘Find’(อากาสแจ่มใส)เพราะเปรียบเสมือนความอบอุ่นสดใส และเหมือนกันกับแสงอาทิตย์ที่ฉายแสงสว่างมาให้วงเราได้เจิดจรัสอีกครั้ง การแทนที่จอยของคชาไม่ทำให้แฟนเพลงต่อต้านแต่อย่างใด กลับทำให้เรามีกลุ่มแฟนคลับมากขึ้น เพราะกลายเป็นวงดนตรีชายล้วนไปแล้ว

      หลังจบไลฟ์ เราเหนื่อยกันมาก แต่อย่าคิดว่าพวกเราจะกลับไปพักผ่อน งานผ่านไปด้วยดีอย่างนี้ต้อง ฉลอง!!!!!  ว่าแล้วเราก็จัดแจงซื้อเหล้าเบียร์ กับแกล้มสามสี่อย่างเข้าไปดื่นที่คอนโดผมเหมือนเคยโอกาสดีๆอย่างนี้ไม่ปล่อยให้ผ่านไป ผมขอความเห็นกับเพื่อนๆและก็ได้กำลังใจมาเพียบ ทำอะไร?...ก็ต้องทำตามที่หัวใจเรียกร้องน่ะสิ ไม่รอช้าก่อนที่จะเริ่มดื่มกันผมก็เดินเข้าไปหาคชา กุมมือทั้งสองของเขาไว้ มองด้วยสายตาที่แน่วแน่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆ และเอ่ยออกไปอย่างมั่นคง จริงใจ

      “ชา จะรังเกียจผมไม๊ถ้าผมจะขอ..เอ่อ...คบกับคุณ” ผมพูดออกไปแล้ว รอลุ้นคำตอบกับทุกคน

      “เต๋าแน่ใจแล้วเหรอ?” คชาหน้าเริ่มขึ้นสีนะผมว่า

      “ยิ่งกว่าแน่...เพราะผมรักคุณ คบกับผมนะ?”

      “เราอายุห่างกันตั้งเยอะ อีกอย่างผมกับคุณก็เป็นผู้ชาย คุณไม่กลัวเหรอ”

      “ไม่หรอก ผมรักก็คือรัก ผมไม่สนว่าใครจะว่ายังไงแคร์แค่คุณนะ คุณกลัวเหรอ?”

      “มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะผมก็รักคุณ >//< ตะ..แต่แค่อยากให้คุณคิดดีๆก่อน”

      “ผมคิดดีแล้ว ไม่เปลี่ยนใจด้วย คบกับผมนะชา...”ผมถามย้ำอีกครั้ง

      “อะ..อืม ตะ..ตกลง >///<” คชาตอบทั้งที่หน้าแดงแป๊ด... หลบหน้าผมด้วย ผมยิ้มแก้มแทบแตก

       “เอ้า ฉลอง!!!!!  วันนี้วันดีจริงๆ”เฟรมยกแก้วขึ้น ทุกคนก็ยกตาม เราดื่มกันพอเมามายก็แยกย้ายกันกลับ(กลับแท็กซี่กันนะ) หลังจากที่ทุกคนกลับไปหมดคชาก็ช่วยผมเก็บห้อง จู่ๆก็เปิดประตูออกไป ผมใจหายวาบ

      “ชา...จะกลับแล้วเหรอ?”

      “จะเอาขยะไปทิ้งน่ะ...ป่านนี้แล้วจะให้กลับยังไง ตีสองแล้วม๊าคงจะให้เข้าบ้านนะ คืนนี้คงต้อขอค้างที่นี่แหละ”

      “อืม...”ผมดีใจบอกไม่ถูก ยืนนิ่งค้างจนคชากลับเข้ามา

      “เอ้า..ยังไม่อาบน้ำอีกจะได้นอนไม๊ครับคืนนี้?”

      “เอ่อ..ได้ๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผมเพิ่งรู้ว่าการที่คนที่รักสั่งจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้

      เมื่อผมอาบนน้ำเสร็จคชาก็ไปอาบบ้าง ผมเดินมาเช็ดผมอยู่หน้ากระจก เมื่อคชาอาบน้ำเสร็จจู่ๆผมก็จามขึ้นมาดังลั่น คชาเดินเข้ามาประชิดตัวยกมือขึ้นแตะหน้าผาก...

      “มีไข้นี่ครับ เป็นหวัดซะแล้ว แล้วยังจะสระผมอีก”

      “คือว่า...”ผมจะว่าไงดี แต่อีกคนกลับฉุดผมให้ลงไปนอนที่เตียง เปิดตู้เย็นสักพัก แล้วกลับมา..

      “ไม่มีน้ำแข็งเลย ผมไปซื้อเจลลดไข้ให้ดีกว่า”

      “ไม่ต้องหรอก ดึกแล้ว กินยาแล้วนอน พรุ่งนี้ก็หาย” คชาเดินไปหยิบยาและน้ำมาส่งให้ผมกิน

      “ทำน้ำแข็งไว้แล้วนะครับ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงได้น้ำแข็งเย็นๆมาประคบหัวดื้อๆ”

      “มือชาก็เย็นดีนี่ วางไว้บนหน้าผากเต๋าสักพัก ไม่ว่าโรคหวัดโรคดื้อก็คงหาย”

      คนตัวเล็กหัวเราะเบาๆก่อนจะโถมตัวลงมานอนข้างๆคนป่วย มือก็กอดอีกคนไว้หลวมๆราวกับปีกใหญ่ที่คอบปกป้อง ทำเอาอีกคนเหวอเลยทีเดียว

      “เฮ้ย..ทำอะไรน่ะคชา เดี๋ยวก็ติดหวัดหรอก” ผมโวยวาย

      “ก็ดีสิ คุณจะได้หายไง^^” อีกคนตอบหน้าระรื่น

      “ชา...อย่าทำตัวเป็นเด็กๆสิ”

      “จุ๊ๆๆ ต๋าวววววว...ก็ผมยังเด็กอยู่นี่นา ลืมไปแล้วเหรอว่าเราอายุห่างกันเกือบสิบปีแน่ะ ตาแก่...” คนตัวเล็กยกหัวขึ้นมาพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์

      “แสบนักนะ...”

      ...............................................................................................

      คนตัวขาวกดหัวเล็กลงมา กดจูบด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นมานานผสมผสานความเสน่หาในรสจูบที่เลิศรสกว่าที่คิดไว้ มือก็ไขว่คว้าร่างบางมากอดแนบชิดกลิ่นตัวหอมๆของคนตัวเล็กที่ได้สัมผัสยามหลับที่ทำให้ผ่อนคลาย แต่ตอนนี้กลับทำให้เกิดอารมณ์วาบหวามอย่างที่ยากจะห้ามใจ

      คชาก็เหมือนจะตกใจที่อยู่ๆก็มานอนอยู่ใต้ร่างใหญ่ที่กำลังกอดกระชับเขาไว้แน่นราวกับว่ากลัวจะหลุดหนีหาย ตาทั้งสองมองสบกันแต่ต่างกัน คนตัวขาวมองเชิงขออนุญาต ส่วนคนตัวเล็กกำลังมองอย่างเด็กน้อยที่ขอความรักความอบอุ่นจากคนที่รัก หมดหัวใจ ทั้งคู่รับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้

      หัวใจของคชาสั่นสะท้าน เขารู้จักเต๋าได้ไม่นาน แต่กลับต้องการอีกฝ่าย ร่างกายสั่นไหวหายใจหอบเมื่อถูกสัมผัสไปทั่วร่างกาย ราวกับว่าร่างนี้ไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป หากเจ้านายคนใหม่คือเจ้าของมือที่ลูบไล้และบีบคลึงปลายถันสีอ่อน ก่อนก้มลงมาลิ้มชิรสจนเด็กหนุ่มต้องบิดกายไปมาเพื่อถ่ายเทอารมณ์รัญจวน ร่างสูงกระซิบรักรำพันก่อนรุกล้ำเข้าไปหาความอบอุ่นภายในร่างบอกบาง สองร่างโอบกรกระชับ ไขว่คว้าหาความสุขจากกันและกัน ริมฝีปากต่อริมผีปากแนบชิดหาความหวานพร้อมเอ่ยถ้อยคำรัก  อกต่ออกหลอมรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียว กายต่อกายแนบชิดไร้ช่องว่าง ฝ่ามือใหญ่บีบมือเล็กแน่นหนานำพาสู่โลกใบใหม่ที่สุดทางคือเกล็ดเพชรพร่างพราย... และได้ยินคำบอกรักแสนหวาน

      “รักนะ คชา...”

      “ชาก็รักเต๋านะ..”

      วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรมิอาจรู้ได้ วันนี้ทั้งสองคนยังคงรักกันจึงเป็นเรื่องที่ดี ในวันพรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาเจอกับอุปสรรคมากมายรอให้พิสูจน์ว่าเราจะก้าวข้ามไปได้หรือเปล่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เมื่อชีวิตเจอมรสุมพระเจ้าจะประทานรางวัลแสนยิ่งใหญ่ให้สำหรับผู้ที่แข็งแกร่งที่ผ่านไปได้

      END!!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×