คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บททดสอบที่ 2 : การทดสอบดำน้ำ
ห้องทำงานอันประดับประดาไปด้วยปืนแขวนอยู่อย่างเรียงรายไม่ได้ทำให้ผู้มาใหม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เขาก้าวเข้าไปนั่ยังเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ตรงข้ามกับโต๊ะที่มีตัวหนังสือเขียนบอกสถานะไว้ว่า “ผู้อำนวยการ”
นอกจากนั้นส่วนของมุมห้องยังยังเรียงรายไปด้วยแมกไม้พรรณต่างๆที่มีทั้งแบบกระถางและที่แขวนห้อยอยู่กับเพดานบ่งบอกถึงความชื่นชอบส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี
“อ้าว…มาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง ปรับตัเข้ากับศูนย์ของเราได้แล้วยัง?” คำถามออกมาจากร่างอ้วนที่ออกจะเตี้ยของผู้ที่ก้าวออกมาจากประตูในห้องข้างเคียง
“ครับ…ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ” ศิวะตอบอย่างเฉยชา ขณะที่ดวงตาจับไปยังภาพที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า มันเป็นรูปของชายหนุ่มร่างเล็กที่มีมัดกล้ามที่สมบูรณ์แบบในลักษณะกำลังยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ล้มลงนอนอยู่บนพื้น ในมือถูกคาดด้วยสิ่งที่มีลักษณะคล้ายดังเชือก
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆในลักษณะอบอุ่นก่อนที่ชายคนเดิมจะพาร่างอันตุ้ยนุ้ยมานั่งปุ๊กลงบนเก้าอี้ตรงหน้า
“ที่นี่สนุกนะฉันรับประกันเลย ฉันก็เคยฝึกอยู่ที่นี่เหมือนกัน” ผู้อำนวยการร่างท้วมยังคงพูดต่อไปในขณะที่หยิบเหล้าขี้นรินและส่งมันเข้าปากไปอย่างกระหาย
“ฮ้า…ชื่นใจ จะเอาซักหน่อยมั้ย?”
ศิวะปฎิเสธก่อนจะเอ่ยคำถาม
“ท่านผู้อำนวยการมีเรื่องอะไรครับถึงเรียกผมมาพบ”
ผู้อำนวยการผลักแก้วที่มีน้ำสีอำพันมาทางชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ย
“ศิวะ ฉันรู้ว่านายมีอดีตอย่างไร อาจารย์หยางก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งที่นี่ ฉันอยากจะให้นายปรับความคิดซะใหม่ ที่นี่ไม่มีศัตรูสำหรับนาย ศัตรูเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ที่มีร่วมกันก็คือ ‘ไอ้พวกคนชั่วทั้หลายที่มันบ่อนทำลายชาติเรา’” เสียงที่ดังออกมาหนังแน่นเป็นกังวาลบ่งบอกให้รู้ถึงความตั้งจริง
สายตาของศิวะมีแวววาบขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเลือนหายไป
“เมื่อครู่ที่โรงอาหารผมเห็นคนตีกัน”
ผู้อำนวยการร่างท้วมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะจุดหัวเราะขึ้นมา
“อ้อ…นั่นก็เป็นหนึ่งในนโยบายของเราเกี่ยวกับความปรองดอง”
“งั้น…ผมว่าความปรองดองรวมถึงความสามัคคีของท่านคงจะมความหมายผิดเพี้ยนไปจากตัวผมอย่างมาก”
ผู้อำนวยการยังคงหัวเราะต่อไปเบาๆ ก่อนจะหยุดแล้วเอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“ไม่ผิดหรอก เดี๋ยวอยู่ไปนายก็จะรู้เอง เพียงมุมมองที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยบางทีภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ากลับต่างกันโดยสิ้นเชิง”
ศิวะไม่กล่าวตอบโต้ใดๆมีเพียงแต่แววตาเท่านั้น่ฉายคำตอบ เช่นเดียวกับทางผู้อำนวยการร่างท้วมที่เพียงแต่ยิ้มๆไม่กล่าวใดๆอีก กลับหันไปช่วเขาคุยเรื่องปืนและต้นไม้ ครู่หนึ่งศิวะก็ขอตัวออกจากห้อง
“เป็นไง?” ชายชราเดินออกมาจากที่เดียวกับที่ผู้อำนวยการเพิ่งก้าวผ่าน ยกแก้วเหล้าที่ศิวะไม่แตะกระดกหายไปในลำคอ
“แสบใช่เล่นเลยครับ ท่าทางจะหัวรั้นน่าดู อาจารย์เลี้ยงมายังไงนี่?”
หยางหัวเราะแหบห้าวก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะและ หมุนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับที่ศิวะเพิ่งลุกออกไป
“ฉันไม่ได้เลี้ยงมันหรอก ฉันสอนเพียงแต่ศิลปะการป้องกันตัวและ…การสังหารเท่านั้น ที่เลี้ยงมันมาน่ะคือตัวของมันเอง”
“ถ้าอาจารย์หยางสอนมาเองกับมือคงจะเก่งน่าดูสินะครับ”
หยางเอนตัวพิงไปยัพนักเก้าอี้ มือซ้ายลูบท้ายทอย ส่วนอีกข้างหมุนแก้วเหล้าในมือเล่น
“ถ้าเทียบกับฉันตอนอายุเท่ามันต้องยอมรับว่ามันเก่งกว่าด้วยซ้ำ”
ผู้อำนวยการทำตาโตคล้ายไม่อยากจะเชื่อ ชะโงกหน้ามาถามเพื่อความแน่ใจ
“จริงเหรออาจารย์ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะได้มือดีอีกคนมาช่วยเราแล้วซิ”
“แต่เพราะไออารมณ์ของมันนี่แหละที่ฉันกลัว มันอยู่กับตัวเองอญุ่กับเลือดอยู่กับการเข่นฆ่าสังหารมาตั้งแต่ยังไม่ทำบัตรด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้มันไม่อาจลบเลือนไปจากใจใครซักคนได้ง่ายๆหรอก แม่แต่กับฉัน…ฉันยังจำคนที่ฉันสังหาทั้งหมดได้ทุกคนและเชื่อว่าชั่วชีวิตนี้ก็คงจะไม่มีวันลืม!”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่คราเคล้าไปกับเสียงเพลงสากลที่ดังออกมาจากข้างห้องอย่างแผ่วเบา
อากาศภายนอกเริ่มเย็นตัวลงหลังจากที่อาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเสียงนกดังกังวาลสอดประสานรับกันอื้ออึงไปทั้งป่าช่วยขับให้บรรยากาศรอบศูนย์ดูเปล่าเปลี่ยวมากยิ่งขึ้น
ศิวะออกจากตึกผู้อำนวยการตรงไปยังสระว่ายน้ำเพื่อจะทำการฝึกตามตาราง ซึ่งนักเรียนปีแรกจะต้องมาทำการว่ายน้ำที่เย็นเฉียบปานน้ำแข็งทุกๆวันโดยมีรุ่นพี่ปีสูงขึ้นมาคอยคุมการฝึก
ศิวะเคยผ่านการลอบสังหารโดยที่บางครั้งเขาตั้งซุ่มอยู่ในน้ำเย็นเป็นวันเพื่ออาศัยจังหวะเดียวในการสังหารมาแล้ว การฝึกนี้จึงไม่ยากสำหรับเขานัก ผิดกับเพื่อนอีก 6 คนที่ทำเก่งกล้าสามารถเหลือเกินในวันแรก แต่พอแช่น้ำได้ไม่ถึงชั่วโมงก็สั่นเป็นเจ้าเข้า
เขาไม่เคยได้รับการเรียนจากโรงเรียนที่เด็กปกติธรรมดาเรียนกัน การเรียนของเขาอาศัยการเชิญอาจารย์ที่เก่งทางด้านต่างๆมาสอนภายในบ้านธรรมฤทธิ์ เพื่อนของเขาก็คือเหล่ามือสังหารที่คนในตระกูลเลี้ยงดูมาเพื่อใช้ประโยชน์
“เฮ้! เหม่ออะไรอยู่วะศิวะ?” ศาสตราพาร่างอันใหญ่โตและลูกน้องที่ติดสอยห้อยตามมายังที่ๆเขายืนอยู่ รอบคอยังแสดงให้เห็นถึงรอยนิ้วมือที่รุ่นพี่ฝากไว้
“เปล่ากำลังมองหาพวกแกอยู่พอดี”
“เก่งว่ะ…ไอฉกาจนั่น เก่งสมคำล่ำลือจริงๆ” ศาสตราพูดพร้อมกับเอื้อมมือมากอดคอเขา
ศาสตรานั้นความจริงเป็นคนที่มีความจริงใจกับเหล่าเพื่อนฝูงเป็นอย่างมาก เพียงแต่ติดจะขี้โอ่ตัอยู่สักหน่อย ในวันแรกที่เข้ามายังศูนย์ฝึกนี่พร้อมกับเขาประกาศตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มทันทีและรับคำท้าทุกคนหากมีใครไม่เห็นด้วย
อีก 5 คนที่เหลือต่างคนต่างก็พกดีกรีความถือดีมาจึงได้มีการปะทะกัน เริ่มจากเจ้าแก้วที่หุ่นและอายุพอๆกับศาสตรา ต่อมาเป็นมูฮัมหมัด สร้อย สิงหา และ ปัญญาเป็นคนสุดท้าย
ศาสตราใช้เวลาพอสมควรกว่าจะล้มทุกคนลงได้และทั้งหมดก็ยอมรับให้เขาเป็นหัวหน้าของพวกมัน มีเพียงศิวะเท่านั้นทีไม่ได้แสดงอาการใดๆ แต่กลับกลายเป็นว่าศาสตรามาคบเขาอย่างเพื่อนสนิทแทน
“ไอ้ฉันน่ะมันคนใจร้อน ไอพวกนี้มันก็ร้อนเหมือนกันถ้าไม่เอาให้อยู่เดี๋ยวก็จะมีปัญหา” นั่นคือเหตุผลของมัน
รุ่นพี่ร่างยักษ์ 3 คนเดินมาถึงหลัจากพวกเราไม่นานในมือแบกถังออกซิเจนมาคนละถัง พร้อมด้วยชุดสำหรับการดำน้ำ รวมถึงตีนกบ
“วันนี้เราจะให้พวกแกฝึกดำน้ำกัน เป็นหลักสูตรของหน่วยราชนาวี เพราะฉะนั้นอาจมีการตายเกิดขึ้นได้ทุกนาที ขอให้เข้าใจและระวังตัวตามนั้น”
ศูนย์ฝึกแห่งนี้ให้อำนาจรุ่นพี่ในการฝึกฝนเต็มที่ เรียกว่าทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบปีหนึ่งทั้งหมดตกอยู่ในมือของพวกที่รุ่นสูงขึ้นไป
หากปีหนึ่งคนใดขัดขืนรุ่นพี่ขณะที่ทำการเรียนการสอนจะเสมือนกับไม่เชื่อฟัวอาจารย์และมีโทษหนัก
เด็กใหม่ปีนี้มีอยู่ 7 คนสำหรับการฝึกนี้มีอุปกรณ์อยู่ทั้งหมด 3 ชุดจึงให้อีกคนที่เหลือคู่ไปกับรุ่นพี่ที่ฝึกสอน
ศิวะได้จับคู่กับศาสตราโดยเป้าหมายในการฝึกครั้งนี้คือการฝึกการดำน้ำเป็นคู่ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยให้ทำการดำน้ำไปยังก้นสระซึ่งจะมีลูกกรงเหล็กกั้นอยู่ ทำการสะเดาะกุญแจออกแล้วผ่านไปยังอุโมงค์ไปออกยังสระน้ำใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปกว่า 1 กิโลเมตรโดยให้ไปเปลี่ยนถังอ๊อกซเจนที่นั้นรวมทั้งหิ้วถังใหม่ที่จะต้องนำมาให้คู่ต่อไปที่ต้องฝึก วนอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนครบทุกคน
“เอาล่ะใครจะไปก่อน?” รุ่นพี่ชื่อกาญถามมาไล่สายตาไปยังเด็กใหม่ทุกคนคล้ายอยากหาผู้ที่อาสา
ศิวะลุกขึ้นยืนทันทีทำให้ศาสตราสะดุ้งวาบ
“เฮ้ย! แกจะรีบไปไหนวะ ให้คนอื่นก่อนก็ได้”
“ไม่เอา รีบๆทำจะได้รีบกลับ” ศิวะก้มลงคว้าถังพร้อมกับชุดสูทและตีนกบใส่อย่างชำนาญ ก่อนจะกระโดดตูมลงไปในสระ
“ตกลงตูคิดผิดรึเปล่าวะนี่ที่จับคู่กับมัน” ศาสตราส่ายหน้าและกระโดดตามลงไป
“อ้อ…ฉันลืมบอก ฉันให้เวลาในการไปและกลับครึ่งชั่วโมง ใครมาช้ากว่านั้นจะถูกทำโทษ รับทราบโดยทั่วกันด้วย” รุ่นพี่อีกคนที่ยืนถือนาฬิกาอยู่ขอบสระตระโกนออกมา
“เริ่ม!”
ศิวะกระชากคอศาสตราดิ่งลงก้นสระทันทีก่อนทำสัญญาณให้เขาเป็นผู้สะเดาะกุญแจ ผ่านไป 3 นาที เมื่อเห็นท่าว่าเจ้านักลเงใหญ่ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำได้จึงผลักมันออกล้วงเอาเข็มกลัดขึ้นมาก่อนจะงัดกุญแจเพียง 2 – 3 ครั้งสลักก็คลายออก ศาสตรามองอย่างตะลึกก่อนจะรีบว่ายตามศิวะเข้าไปยังอุโมงค์อันมืดมิด
ไฟฉายในมือถูกเปิดขึ้นพร้อมกันแล้วก็แทบผงะเมื่อพบโครงกระดูกนอนพิงอยู่ข้างอุโมงค์ ศิวะไม่มีท่าทีใดๆกลับนอกจากผงกศีรษะให้ศาสตราว่ายตามเขาไป
ภายในอุโมงค์คดเคี้ยวและมืดแทบจะมองไม่เห็นทางข้างหน้า ไฟฉายสามารถบอกได้เพียงจุดที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้น ความมืดมิดที่โอบล้อมอยู่ทุกขณะอาจจะสามารถทำให้คนจิตไม่แข็งเสียสติไปได้ในไม่ช้าไม่นาน รวมถึงการมองไม่เห็นทางข้างหน้าก็ดูเหมือนกับเราไม่สามารถจะหาจุดหมายให้กับสิ่งที่เรากำลังจะทำต่อไป
แต่เพียงไม่นานทั้งสองก็ผุดขึ้นมากลางสระน้ำใหญ่ท่รายล้อมด้วยป่าทึบ ศิวะขึ้นฝั่งไปหยิบอุปกรณ์ทั้งหมดที่เตรียมสำหรับว่ายกลับไปยังศูนย์ฝึก ศาสตรานั่งหอบหายใจอยู่ริมน้ำ เขารู้แล้วว่าทำไมความรู้สึกแรกที่เขาพบศิวะถึงอยากเป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรู
คนที่เก่งจริงๆเท่านั้นที่จะไม่อวดดีและโอ้อวด
มาถึงตอนนี้เขาเริ่มยอบรับแล้วว่าชายตรงหน้านี้เก่งจริง!
ศิวะเดินลากอุปกรณ์ในส่วนของศาสตราเข้ามาโยนให้เขา ทันใดนั้นศิวะก็กระชากร่างของศาสตราออกมาจากริมน้ำ เงาใหญ่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนน้ำแตกกระจายตรงไปยังที่ๆศาสตรานั่งอยู่เมื่อครู่
“มีใครบอกมั้ยนี่ว่าให้เราเอาหมอนี่กลับไปกับเราด้วย” ศิวะกล่าวขณะที่ดึงมีดปลายแหลมยาวประมาณแขนออกมาพาดขวางไว้เบื้องหน้า
ร่างใหญ่ที่คราคร่ำไปด้วยตระใคร่แสยะเขี้ยวขาวยาว ดวงตาแดงก่ำแสดงถึงสัญชาติญาณของสัตว์กินเนื้อ หางแหวกน้ำและตีอย่างแรงจนน้ำแตกกระจาย
“ทำไมมีจรเข้มาอยู่แถวนี้วะ!” ศาสตราใบหน้าซีดปากสั่นขณะนั่งแหมะอยู่กับที่
“อืม…บางทีอาจมีใครแอบมาเลี้ยงไว้ดูเล่นก็ได้” ศิวะถอยช้าๆ เมื่อร่างใหญ่ยาวค่อยย่างกลายเข้ามา
“เราอาจจะไปสายนะเนี่ย!”
“โถ่…ไอ้คุณศิวะ ฉันว่าเรามีเรื่องใหญ่กว่านั้นให้คิดนะ วิ่งกันเถอะ” ศาสตรากระตกแขนเสื้อศิวะที่อยู่ข้างหน้า
“แล้วเราจัวิ่งไปไหน นี่มันในป่านะ ฉันว่าง่ายสุด จัดการมันซะแล้วกลับไปทางเดิม” ศิวะกล่าวจบก็พุ่งตัวไปยังเจ้าชาระวันที่มันแสยะยิ้มรออยู่
ความคิดเห็น