NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลงเงาลวง (ฉบับพิมพ์เล่ม)

    ลำดับตอนที่ #7 : ๓ เพื่อนสนิท 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 67


    เพื่อนสนิท

     

    ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมา แท็กซี่ก็นำพาเธอมาถึงที่หมาย

    “รอก่อนนะคะลุง พอดีฉันลืมกระเป๋าเงิน เดี๋ยวฉันให้เพื่อนเอาเงินมาจ่ายให้สามเท่าเลย” หญิงสาวเอ่ยบอกคนขับแท็กซี่ รีบก้าวเท้าลงจากรถและพาตัวเองเดินไปกดกริ่งหน้าประตู

    เพียงไม่นาน สาวใช้ในบ้านก็วิ่งหน้าตั้งออกมาให้หญิงสาวได้ยิ้มออก

    “มาหาใครคะ” สาวใช้ถามขึ้นพลางกวาดตามองเธออย่างไม่ไว้ใจ ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง บวกกับสภาพเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อน หากหญิงสาวเด็กกว่านี้สักหน่อยคงดูไม่ต่างจากเด็กขอทานตามสะพานลอยนัก

    “คุณนกจ้ะ คุณนกอยู่ไหม”

    “คุณหนูไม่อยู่หรอกค่ะ ออกไปข้างนอกกับคุณหญิงอรนุช คุณเป็นอะไรกับคุณหนูหรือคะ”

    “เพื่อน ฉันเป็นเพื่อนคุณนก ขอเข้าไปรอข้างในได้ไหม”

    “ไม่ได้หรอกค่ะ คุณหญิงสั่งห้ามไม่ให้เปิดประตูให้คนแปลกหน้า”

    “แต่ฉันเป็นเพื่อนยัย...เอ่อ คุณนกจริง ๆ นะ”

    “อย่าให้ฉันต้องลำบากใจเลยค่ะ สภาพแบบนี้จะให้เชื่อว่าเป็นเพื่อนคุณหนูมันก็ยากอยู่นะคะ” คนใช้สาวที่ถูกอบรมมารยาทมาโดยตรงจากคุณหญิงอรนุชสุดเนี้ยบ พยายามจะสื่อให้หญิงสาวรับทราบถึงสภาพของตัวเองอย่างมีมารยาท เพราะผู้เป็นนายย้ำนักย้ำหนาว่าให้มีมารยาทต่อแขกทุกคนที่มาขอพบ

    ช่อแก้วก้มลงมองสำรวจตัวเองจึงเริ่มเข้าใจคนตรงหน้า

    “อืม ฉันเข้าใจ ถ้าอย่างนั้น ขอฉันรอตรงหน้าบ้านก็ได้ แล้วอีกนานไหมกว่าคุณนกจะกลับมา”

    “ไม่ทราบหรอกค่ะ คุณหญิงไม่ได้บอกไว้ ถ้าคุณอยากรอที่หน้าบ้านก็เชิญเลยค่ะ ตรงนั้นคุณหญิงไม่ได้ห้าม”

    พูดจบคนใช้สาวก็หันหลังกลับเข้าบ้าน ทิ้งคนตัวมอมแมมให้ยืนหน้าเศร้าเกาะประตูบ้านอยู่อย่างนั้น สักพักก็นึกขึ้นได้จึงรีบหันกลับไปทางคนขับแท็กซี่ที่รออยู่

    “รออีกสักครู่นะคะ พอดีเพื่อนฉันยังไม่กลับ ฉันให้ห้าพัน” หญิงสาวกลับมาบอกคนรออย่างเกรงใจ

    “ห้าพัน! โธ่ แม่หนู อย่ามาหลอกลุงเลย หลอกให้ลุงรอว่าจะจ่ายสามเท่า ลุงก็รอ พอตอนนี้บอกจะจ่ายตั้งห้าพัน ถ้าไม่มีก็บอกมาตรง ๆ เถอะ เสียเวลาลุงทำมาหากิน”

    “มีจริง ๆ นะลุง ถ้าเพื่อนฉันกลับมา ฉันสัญญาจะจ่ายลุงห้าพัน”

    “ไม่รอแล้วหนู ถือว่าทำบุญไปก็แล้วกัน ลุงต้องรีบไปส่งรถ” เมื่อพูดจบลุงคนขับแท็กซี่ก็เคลื่อนรถออกไป

    ช่อแก้วนึกเวทนาตัวเองอยู่ในใจ แค่เงินจะจ่ายค่าแท็กซี่ไม่กี่ร้อย เธอยังไม่มีปัญญาจะหามาจ่าย แล้วตอนนี้ยัยเพื่อนตัวดีก็หายไปอีก ไม่ต้องยืนรอจนขาแข็งหรือไง

    หญิงสาวคิดพลางเดินไปนั่งลงพิงรั้วบ้านข้าง ๆ ประตู

    เรื่องอะไรต้องยืนให้เมื่อยเล่า

    ช่อแก้วนั่งรอเพื่อนอยู่กว่าชั่วโมงอย่างไม่นึกเอะใจกับสรรพสิ่งรอบกายแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเพื่อนสาว

    แสงแดดร้อน ๆ ที่เฝ้าโลมเลียตั้งแต่มาถึงส่งผลให้ผิวกายบอบบางเริ่มแสบร้อน เธอมองหาร่มเงาใกล้ ๆ บริเวณที่นั่งอยู่ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปแอบอยู่ตรงพุ่มไม้เล็ก ๆ ข้างรั้วบ้านไม่ห่างจากที่เดิมนัก 

    “ยัยนกนะยัยนก ทำเพื่อนลำบากแล้วไหมล่ะ คอยดูนะ กลับมาแกโดนแน่”

    หญิงสาวบ่นพึมพำต่อว่าเพื่อนพลางก็ลอบมองไปยังถนนซ้ายทีขวาที หวังจะเห็นรถของคนที่รอวิ่งเข้ามาแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว

    แต่เอ๊ะ! นั่นรถใคร?

     

    “นายครับ เหมือนเธอจะเห็นผม” คนที่โทรศัพท์รายงานเจ้านายหนุ่มอยู่ทุกระยะตามคำสั่งนั้นมีทีท่าตกใจ เมื่อเห็นเป้าหมายที่แอบตามตั้งแต่เธอวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านมองมาด้วยความสนใจรถของตนเป็นพิเศษ

    ไม่น่าย้ายที่เลย! อดที่จะบ่นไม่ได้

    “เห็นแล้วทำไรได้วะ...ก็แค่สงสัย แกไม่ต้องกลัว เฝ้าอยู่ตรงนั้นแหละ อีกไม่กี่ชั่วโมงฉันก็จะถึงกรุงเทพฯ แล้ว...”

    “นาย ๆ! เธอเดินตรงมาแล้วนาย”

    “อะไรนะ นี่ไม่คิดจะกลัวอะไรบ้างเลยหรือไงวะ”

    ก๊อก ๆ! 

    เป็นไปตามคาด เพียงไม่ถึงนาที เสียงเคาะกระจกรถก็ดังขึ้น

    “เอาไงดีนาย”

    “แกอย่าโง่หน่อยเลยน่า บอกยัยนั่นไปว่ารถเสีย”

    เมื่อได้รับคำตอบจากเจ้านาย ลูกน้องหนุ่มก็เลื่อนกระจกรถลงต้อนรับใบหน้ามอมแมมของคนที่กำลังมองส่องเข้ามาอย่างสงสัย

    “รถเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ฉันเห็นคุณจอดอยู่ตรงนี้นานแล้ว”

    “รถเสียครับ”

    “อ๋อ! แล้วเรียกช่างหรือยังคะ”

    “เรียบร้อยแล้วครับ อีกสักพักคงมา แล้วคุณเป็นคนแถวนี้หรือครับ”

    “เปล่าค่ะ ฉันมาหาเพื่อน ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วย ฉันขอตัวนะคะ เพื่อนฉันคงกลับมาแล้ว”

    เมื่อคลายความสงสัย ช่อแก้วก็รีบบอกลาชายหนุ่มหน้าเข้มแล้วเดินกลับไปที่เดิม พอดีกับที่มองเห็นรถยนต์คันงามวิ่งหายเข้าไปในตัวบ้าน ก็คิดว่าเจ้าของบ้านคงกลับมาแล้ว ร่างบางรีบวิ่งไปที่ประตู แต่ก็ไม่ทันเพราะประตูบ้านปิดลงเสียก่อน

     

    กริ๊ง ๆ!

    เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นเรียกความสงสัยให้คนที่เพิ่งลงจากรถ

    “ใครกันหญิงนก ไปดูซิเหมียวว่าใครมากดกริ่งอยู่หน้าบ้าน” คุณหญิงอรนุชถามพลางก็ส่องสายตาไปทางประตูบ้าน แต่ก็ไกลเกินกว่าจะมองเห็นชัดว่าเป็นใคร

    “สงสัยผู้หญิงคนนั้นมั้งค่ะ เธอมาได้ร่วมชั่วโมงแล้วละค่ะ บอกว่าเป็นเพื่อนคุณหนูนก” สาวใช้คนเดิมเอ่ยตอบ

    “ใครเหรอเหมียว ยัยไหมหรือเปล่า ทำไมไม่ให้เข้ามารอในบ้าน” กรกนก เอ่ยถาม ใจก็นึกไปถึงเพื่อนสาวที่บอกจะแวะมาหา

    “ไม่ใช่คุณไหมหรอกค่ะ ใครก็ไม่รู้ สงสัยมาแอบอ้างมากกว่าค่ะ...” สาวใช้บอกอย่างมั่นใจ หากเป็น ม่านไหม ซึ่งเคยมาที่บ้านบ่อยครั้ง มีหรือหล่อนจะจำไม่ได้

    “ไหน เดี๋ยวฉันไปดูเอง”

    กรกนกเดินมายังหน้าประตู ในขณะที่คุณหญิงอรนุชซึ่งเคยสนใจในคราแรกกลับตรงเข้าสู่ตัวบ้านอย่างไม่อาจทนกับความร้อนของแสงแดดที่จับต้องผิวกายได้

    “ไอ้นก” ช่อแก้วเรียกชื่อเพื่อนทันทีที่เห็นร่างบางเดินมุ่งมาทางตน แววตานั้นทั้งตื่นเต้นและดีใจที่ได้เจอเพื่อนรักอีกครั้ง

    หากแต่กรกนกนั้นกลับมองคนเรียกด้วยแววสงสัยมาแต่ไกล จ้องแล้วจ้องอีกกว่าจะมั่นใจว่าตาตัวเองไม่ได้ฝาดไปจึงรีบพุ่งเข้าหาเพื่อนสาวอย่างดีใจไม่แพ้กัน แขนเล็กยื่นไปหวังจะกอดเพื่อน ทว่าประตูที่กั้นอยู่ก็เป็นอุปสรรคขวางไว้ ทั้งสองจึงทำได้เพียงเกาะประตูมองหน้ากันผ่านช่องเล็ก ๆ

    “ไอ้ช่อ แก...นี่แกจริงหรือวะ เฮ้ย! แล้วทำไมสภาพแกเหมือนลูกหมาตกท่อแบบนี้วะ เด็กนอกเขามีสไตล์การแต่งตัวแปลกดีนี่หว่า” กรกนกเอ่ยแซวเพื่อนทั้งที่ในใจนั้นพอจะรู้ว่าอีกคนเจอปัญหาอะไรมา 

    ในน้ำเสียงนั้น คนฟังจึงสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่แฝงอยู่ หากแต่ใบหน้าเหนื่อยอ่อนไม่มีอารมณ์จะเล่นในยามนี้ เมื่อประตูเปิดออก ร่างมอมแมมของเธอจึงรีบก้าวเข้ามาข้างในพลางก็เอ่ยอย่างเนือย ๆ กับเพื่อน

    “เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว แกช่วยหาที่ล้างเนื้อล้างตัวให้ฉันที เสื้อผ้าหอม ๆ สไตล์ช่อแก้วสักชุดด้วยนะ”

    กรกนกได้พียงส่ายศีรษะให้คนที่พยายามเก็บความรู้สึกพลางก็เดินนำเพื่อนเข้าไปข้างใน จนเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องนอน ความห่วงใยที่มีต่อเพื่อนก็ทำให้เธออดที่จะถามขึ้นไม่ได้

    “มีปัญหากับที่บ้านมาอีกแล้วใช่ไหม มาถึงวันแรกก็ซวยแล้วหรือวะ”

    “ฉันไม่เป็นไร ปัญหาเดิม ๆ ชินแล้ว ช่อแก้วซะอย่าง”

    “พวกแกนี่ยังไง เฮ้อ! เพื่อนฉันแต่ละคน ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”

    “จริงสินะ ไม่ใช่ฉันที่โชคร้ายอยู่คนเดียวนี่หว่า ไอ้ไหมมันแย่กว่าฉันอีก ฮ่า ๆ คืนนี้สงสัยต้องฉลองใหญ่แล้วมั้ง” เสียงหัวเราะหากแต่นัยน์ตาเศร้านั้นดูเป็นการประชดเสียมากกว่าจะจริงจัง กรกนกเองก็พอรู้ว่าตอนนี้แม่เพื่อนสาวคงรู้สึกย่ำแย่เกินบรรยาย

    “เดี๋ยวมันก็คงมาถึง แกไปอาบน้ำเถอะ เสื้อผ้าในตู้เลือกใส่ตามสบาย สไตล์แกไม่มี ที่มีก็แต่สไตล์คุณหญิงอรนุช ใส่ ๆ ไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพาไปช็อปค่อยเปลี่ยน”

    “โตป่านนี้แกยังให้แม่เลือกชุดให้อีกหรือวะ ฉันจะกลายเป็นคุณป้าไหมนี่”

    ช่อแก้วบ่นให้เพื่อนขณะที่ถอดชุดแสนสกปรกของตัวเองโยนทิ้งลงไปในตะกร้าผ้าที่วางอยู่หน้าห้องน้ำ เหลือเพียงชั้นในสีหวานตัวจิ๋วสองชิ้นเท่านั้นที่ติดกาย ก่อนจะรีบหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่มาพันปกปิดเรือนร่างเย้ายวนไว้แทน

    “ดูอวบขึ้นนะยัยช่อ ป้าแกเลี้ยงดีเหรอวะ”

    เสียงเอ่ยเย้าของคนข้างหลังทำให้เจ้าของร่างอวบต้องหันกลับไปมองคนที่นั่งจ้องอยู่บนเตียง

    “แกแอบดูฉันเหรอ เสียมารยาท”

    “ไม่ได้แอบโว้ย แกถอดโชว์ฉันเอง อยากดูตายละ”

    กรกนกยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ ท่าทางกวน ๆ กระโดกกระเดกที่ดูยังไงก็ไม่เฉียดใกล้ความเป็นกุลสตรีแสนหวานหยาดเยิ้มอย่างที่มักแสดงออกต่อสาธารณชนอยู่เสมอ คงจะมีแค่ตอนอยู่กับเพื่อนสาวทั้งสองเท่านั้นที่กรกนกกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง

    “อ้าว! คุณหญิงแม่หวัดดีค่ะ” อยู่ ๆ ช่อแก้วก็ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×