NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลงเงาลวง (ฉบับพิมพ์เล่ม)

    ลำดับตอนที่ #3 : ๑ คืนรัง 2/2

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 67


    คืนรัง

     

    ภูมิไทยเหลืออดกับคำพูดแสนร้ายของบุตรชาย ฝ่ามือหนาจึงวาดเข้าปะทะใบหน้าคมสุดแรงเพื่อหยุดเสียงบริภาษนั้น แม้จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ภูวินท์ซึ่งเป็นบุรุษเพศก็ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์เด็กสาวเสีย ๆ หาย ๆ แบบนั้น

    “กลับบ้าน เลิกทำตัวเหมือนไม่เคยได้รับการสั่งสอนซะที ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แค่นั้น ถ้าแกทำร้ายลง แกก็คงถูกมองไม่ต่างจากสัตว์นักหรอก แกเป็นผู้ชาย หัดให้เกียรติเพศเดียวกับแม่แกบ้าง!”

    “พ่อ!” เสียงเรียกแผ่วในลำคอ ไม่คาดคิดว่าบิดาจะกล้าตบเขา เพราะเด็กนั่น! ใบหน้าที่หันไปตามแรงตบค่อย ๆ หันกลับมา

    “แล้วน่าให้เกียรติไหมล่ะ ผมไม่เอาปืนมายิงหัวทิ้งก็บุญเท่าไรแล้ว”

    โดยที่ทุกคนไม่ทันระวัง ร่างที่กำลังถูกครอบงำด้วยโทสะก็ปรี่เข้าเหวี่ยงอภิชาติจนล้มคะมำลงกับพื้น แล้วกระชากคนตัวสั่นเข้ามาหาตัวสุดแรง

    “กรี๊ดดด! ช่วยช่อด้วย...พ่อ ช่อกลัวแล้ว ช่อขอโทษ ฮือ ๆ”

    ช่อแก้วกลัวแทบคลั่ง หลับตาปี๋ไม่กล้ามองหน้าอสูรที่อารมณ์กำลังเดือด แต่กระนั้นร่างเล็กก็มิวายดิ้นรนปกป้องตัวเองให้พ้นภัย เธอไม่เคยหวาดกลัวต่ออะไรมากมายถึงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

    อภิชาติรีบพยุงกายลุกขึ้นวิ่งเข้ามาเพื่อหวังช่วยบุตรสาว หากแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้นัก ด้วยกลัวคนขาดสติจะทำอะไรรุนแรงจึงใช้วิธีเจรจาร้องขอ

    “คุณภูวินท์ ผมขอละ อย่าทำลูกสาวผมเลย แกยังเด็ก ยังไม่รู้จักคิดไตร่ตรอง ให้อภัยแกเถอะ”

    “ให้อภัย ฮึ พูดง่ายนะคุณอภิชาติ ถ้าอย่างนั้นขอผมฆ่าลูกสาวคุณ แล้วขอให้คุณอภัยให้ คุณจะยอมไหม” อสูรร้ายไม่มีทีท่าจะยินยอม เสียงตวาดยังดังลั่นบ้าน ลำแขนแกร่งล็อกลำคอเล็กเอาไว้แน่น ลมหายใจของเธอถูกกักกั้นจนส่งไปไม่ถึงปอด

    หญิงสาวที่หายใจพะงาบ ๆ พยายามไขว่คว้าเอาอากาศกำลังจะถูกฉุดลากไปยังรถของเขา ภูมิไทยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหันไปตะคอกเสียงสั่งเด็กหนุ่มที่ตามมาด้วยในทันที

    “ไอ้นพ! ยืนเซ่ออยู่นั่นแหละ มาช่วยฉันจับตัวไอ้หมาบ้านี่กลับสิวะ จะปล่อยให้มันกัดคนตายก่อนหรือไง”

    พินัยยืนหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มมีอาการแบบนี้มาก่อน แม้ภูวินท์จะเป็นคนเจ้าอารมณ์และมีเรื่องชกต่อยบ่อยครั้งตามประสาหนุ่มเลือดร้อน แต่ไม่เคยเดือดถึงขนาดนี้ 

    ที่สำคัญ เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิง!

    “เอ่อ ๆ ครับนาย”

    ชายร่างสูงใหญ่ทั้งสองรีบตรงเข้าล็อกตัวคนบ้าดีเดือด แย่งชิงตัวเด็กสาวร่างอ่อนแรงกันไปมา สุดท้ายภูมิไทยก็คว้าร่างเล็กออกมาและส่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดของอภิชาติได้สำเร็จ

    “ปล่อยผมนะพ่อ ปล่อยฉันไอ้นพ ฉันจะฆ่ามัน ปล่อย” คนตัวใหญ่ยังคงดิ้นรนไม่ยอมหยุด พินัยที่ตัวเล็กกว่าผู้เป็นนายแทบรั้งเอาไว้ไม่อยู่ ยังดีที่ภูมิไทยรีบตรงเข้ามาช่วยฉุดรั้งไว้อีกแรง

    “หยุดซะที แกอยากให้พ่อประสาทกินตายไปอีกคนหรือไง”

    ร่างแกร่งนั้นหยุดลงทันทีเมื่อคนเป็นพ่อใช้คำพูดตัดพ้ออย่างอ่อนใจราวกับคนหมดแรงจะสู้ แต่มันกลับเสียดแทงหัวใจเขายิ่งนัก เขาเพิ่งเสียมารดาไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ก็เสียภูวิชญ์น้องชายฝาแฝดไปแล้วอีกคน หากต้องเสียบิดาไปอีกมิต้องสิ้นใจตามอย่างนั้นหรือ ครอบครัวที่เหลืออยู่ตอนนี้ เขาสัญญาจะถนอมไว้ตราบนานเท่านาน เขาไม่มีทางยอมสูญเสียบิดาไปอีกคนแน่ ๆ

    เมื่อเห็นบุตรชายมีทีท่าสงบลง ภูมิไทยที่หอบหายใจอยู่นั้นก็เริ่มใจชื้นขึ้นมา รีบรั้งคนดื้อรั้นให้กลับเข้าไปในรถ หากแต่บุตรชายก็มิวายหันไปข่มขู่หญิงสาว

    “ไม่ได้ตายดีแน่ ฉันนี่แหละจะทำให้เธออยู่อย่างไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต จนกว่าจะตาย จำไว้”

    คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอา รีบสั่งพินัยให้เอาตัวบุตรชายกลับ

    “พามันกลับไประงับสติอารมณ์ที่บ้านก่อนไป เดี๋ยวฉันจะรีบตามกลับ”

    เมื่อรถบุตรชายวิ่งหายออกไป ภูมิไทยก็ตรงมาทางสองพ่อลูกที่ยังยืนโอบกอดปลอบโยนกันอยู่

    “ผมต้องขอโทษแทนภูวินท์มันด้วย เสร็จงานภูวิชญ์ ผมจะรีบพามันกลับ แต่พูดก็พูดเถอะ ลูกคนนี้มันดื้อ เลือดร้อน เจ้าอารมณ์ จะให้วิ่งตามอารมณ์มันคงไม่ทัน ถ้าเป็นลักษณะนี้ผมเกรงว่าจะห้ามมันไม่อยู่ มันคงไม่ยอมหยุดราวีหนูคนนี้ง่าย ๆ พวกคุณก็ช่วยระวังตัวด้วยแล้วกัน”

    “ผมเข้าใจ ลูกชายคุณคงอยู่ในช่วงที่เสียใจมาก สักพักเขาคงดีขึ้น”

    อภิชาติได้แต่อ่อนข้อให้อีกฝ่าย หากไม่ใช่เพราะบุตรสาวสร้างเรื่องไว้ก่อน เขาคงไม่ยอมให้ใครมาหยามและข่มขู่ถึงบ้าน ป่านนี้เขาคงเอาเรื่องชายหนุ่มคนนั้นให้ได้ตายกันไปข้าง

    “แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ถ้าให้ดี ผมแนะนำให้คุณพาลูกสาวหลบไปอยู่ที่อื่นสักพักเถอะ ถือว่าช่วยผมและช่วยชีวิตลูกสาวคุณด้วย”

     

    หลังจากแขกไม่ได้รับเชิญกลับกันหมด การตัดสินใจของบิดาในวันนั้นทำให้เธอต้องพลัดถิ่นฐานบ้านเกิดไปใช้ชีวิตอยู่ไกลถึงฝรั่งเศส

    “ได้ยินแล้วใช่ไหม แกคงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ พ่อจะส่งแกไปอยู่ที่อื่น”

    “พ่อจะส่งช่อไปไหน ช่อไม่อยากไป ช่ออยากอยู่กับพ่อ ถ้าจะไป พ่อไปกับช่อนะ”

    “ไม่ได้ ฉันมีงานมีการต้องทำ ต้องรับผิดชอบ จะให้ทิ้งงานไปนั่งเฝ้าแกทั้งวันทั้งคืนอย่างนั้นเหรอ”

    “พ่อจะให้ช่อไปอยู่ไหน ถ้าพ่อไม่ไป ช่อไม่ไปนะ”

    “อย่าเรื่องมาก ก่อเรื่องแล้วก็ต้องรับผิดชอบ แกอยากให้ไอ้หมาบ้านั่นฆ่าเอาหรือไง มันไม่ปล่อยแกง่าย ๆ หรอก ก่อเรื่องให้ฉันปวดหัวได้ไม่เว้นวัน เป็นไงล่ะ ฉันสั่งฉันสอนไม่เคยฟัง วุ่นวายจนทำคนตาย ทีนี้กลัวละสิ ถ้ากลัว แกก็ต้องไป”

    “ไปไหน”

    “ไปอยู่ฝรั่งเศสกับป้าแก เรียนต่อมันที่นั่น จบแล้วค่อยกลับ”

     

    “คุณช่อครับ คุณช่อ ถึงบ้านแล้วครับ”

    “อ้อ! จ้ะ” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของนายก้าน คนเหม่อลอยก็ถึงกับสะดุ้งตื่นจากวังวนแห่งฝันร้าย เธอรีบสลัดภาพเหตุการณ์ชวนจิตตกนั้นออกจากสมองทั้งที่ใจยังสั่นสะท้านไม่หาย

    ทันทีที่ร่างบางก้าวเท้าลงจากรถก็รีบกวาดสายตามองรอบ ๆ เพื่อสำรวจสถานที่ที่เฝ้าคิดถึงด้วยรอยยิ้ม พลางก็สูดเอาอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด ความอบอุ่นพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มันแผ่ซ่านเข้าห่มหัวใจที่เคยเหน็บหนาวราวกับมีเกราะแข็งแรงมาห่อหุ้มและปกป้องเธอจากพายุร้ายที่เฝ้าแต่จะโหมเข้าทำลาย

    ห้าปีที่จากไป ที่ที่เคยมอบความรักความอบอุ่นแห่งนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ที่ดูแปลกตาก็คงเป็นไม้ต้นเพียงไม่กี่ต้นในบริเวณบ้านที่แผ่กิ่งก้านสาขาและเติบโตขึ้นมาก ส่วนไม้พุ่มยังถูกตัดแต่งให้มีขนาดสวยงามดังเดิม บ้านหลังนี้มารดารักปานดวงใจ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ ท่านจะดูแลงานบ้านทุกอย่างด้วยตัวเอง และมักมีเด็กหญิงช่อแก้วเข้าไปช่วย (ก่อความวุ่นวาย) อยู่เสมอ

    แต่เมื่อท่านจากไป ทุกสิ่งก็เหมือนจะเลวร้ายลงสำหรับเธอ ความสุขและรอยยิ้มที่เคยได้รับเหมือนจะจบลงตั้งแต่วินาทีนั้น

    เด็กหญิงที่เคยสดใสร่าเริงกลับหมองหม่นราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน กลายเป็นเด็กมีปัญหา ก้าวร้าว และมีอารมณ์รุนแรง แต่นั่นก็เพราะต้องการประชดบิดามากกว่าจะใช่นิสัยที่มาจากส่วนลึกจริง ๆ มารู้สึกตัวในสิ่งที่ทำว่าผิดเอาก็เมื่อผลจากการกระทำนั้นก่อให้เกิดความสูญเสียจนไม่อาจเหนี่ยวรั้งหรือร้องขอให้หวนกลับ

    การสูญเสียหนึ่งชีวิตของคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความเคียดแค้นชิงชังของเธอ ทำให้หญิงสาวสำนึกรู้ตั้งแต่บัดนั้นว่าการประชดประชันไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำสักนิด มันรังแต่จะนำพาความหายนะมาสู่ตัวและทำลายจิตใจให้มัวหมอง

    ตั้งแต่เธออาฆาตพยาบาทสองแม่ลูกนั้น ไม่เคยมีแม้สักเสี้ยววินาทีที่มีความสุข หัวใจของเธอในยามนั้นร้อนรนราวกับถูกเพลิงเผา ต่างจากยามที่ปลดปล่อยความเลวร้ายเหล่านั้นให้ล่องลอยลับหายออกไปจากหัวใจ

    วินาทีนั้นต่างหากที่หัวใจเธอเริ่มกลับมาผ่องใสฉ่ำเย็นและสงบลงอีกครั้ง

    “คุณช่อครับ กระเป๋าให้ผมยกขึ้นไปเก็บเลยไหมครับ”

    “ได้จ้ะ ฉันก็เพลีย ๆ จะขึ้นไปอาบน้ำให้สดชื่นเสียหน่อย คุณพ่อจะกลับก็คงอีกสักพัก น่าจะทัน ฉันกะจะโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้คุณพ่อชิมด้วยละก้าน รับรองว่าคุณพ่อต้องเซอร์ไพรส์...”

    “โอ้โฮ! คุณช่อทำกับข้าวเป็นด้วยหรือครับ”

    “ไม่ใช่แค่เป็นนะก้าน แต่อร่อยสุด ๆ ป้าพิณสอนมา”

    “ถ้าอย่างนั้นขอไอ้ก้านได้ลิ้มลองเป็นบุญปากสักครั้งนะครับคุณช่อ”

    “ได้สิ เดี๋ยวฉันทำเผื่อก้านด้วยเยอะ ๆ เลย”

    เสียงสนทนาของนายสาวกับลูกน้องหนุ่มเป็นไปด้วยความสนิทสนมเช่นแต่ก่อน แม้นายก้านจะอายุห่างจากเธออยู่หลายปี แต่สรรพนามที่ใช้เรียกเขากลับไม่ต่างจากเพื่อน นั่นคงเป็นเพราะความชินปากที่เคยเรียกนายก้านแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก และเธอเองก็มองนายก้านไม่ต่างจากเพื่อนเสมอมา

    หญิงสาวเดินตามนายก้านที่ลากกระเป๋าเดินนำขึ้นไปก่อน และรู้สึกเอะใจขึ้นมาเมื่อเห็นนายก้านเดินเลี้ยวไปฝั่งขวา

    เอ๊ะ!...

    “ทำไมไปทางนั้นล่ะก้าน ห้องฉันอยู่ทางนี้นะ” เธอชี้นิ้วไปอีกฝั่งบวกกับสีหน้างุนงง ทำให้นายก้านเริ่มมีความหนักใจที่จะเอ่ยตอบ

    “เอ่อ คือ...ห้องนั้นคุณท่านยกให้คุณปรายไปนานแล้วครับ ท่านสั่งให้จัดห้องนี้ให้คุณช่อแทน”

    “แล้วข้าวของของฉันล่ะ”

    “ย้ายมาหมดแล้วครับ”

    นายก้านมีท่าทีแปลกใจไม่น้อยเมื่อนายสาวไม่ได้โวยวายอย่างที่ควรจะเป็น หากเป็นเมื่อก่อน ช่อแก้วคงอาละวาดบ้านแตกถ้ามีใครบังอาจยุ่มย่ามกับสิ่งใดที่เป็นของเธอ โดยเฉพาะสองแม่ลูกที่เข้ามาเป็นส่วนเกิน อย่าว่าแต่ยุ่มย่ามเลย แม้ไม่ได้ทำความผิด เธอยังหาเรื่องจนทั้งสองไม่เคยได้อยู่สุข

    แต่ในยามนี้หญิงสาวกลับเพียงพยักหน้ารับรู้และเดินตามเขาไปอย่างไม่มีบ่นให้ได้ยินสักคำ หญิงสาวจะยอมอยู่ห้องเล็กกว่าแทนได้จริงหรือ?

    “แล้วพี่ตุ๊กตาไปไหน ทำไมไม่เห็นออกมาต้อนรับฉันเลยล่ะ”

    หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นพี่เลี้ยงสาวออกมายืนยิ้มแป้นต้อนรับอย่างที่คิดไว้เลย ในน้ำเสียงนั้นจึงเจือไปด้วยความน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด เธอหายไปจากบ้านนี้ตั้งห้าปี ทำไมกลับมาแล้วไม่มีใครอยู่บ้านต้อนรับเลย แม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทก็ไร้วี่แวว

    “เอ่อ ตุ๊กตาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วครับ”

    “พี่ตุ๊กตาไปไหน”

    “ลาออกไปได้สามปีแล้วครับ”

    “อะไรนะก้าน! พี่ตุ๊กตาลาออกแล้วเหรอ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมพ่อไม่บอกให้ฉันรู้เลย ทำไมพี่ตุ๊กตาไม่รอฉัน ไหนบอกจะรอฉันกลับมาไง แล้วรู้ไหมว่าพี่ตุ๊กตาไปอยู่ที่ไหน”

    “ไม่รู้ครับ แต่ก่อนไป ตุ๊กตาฝากจดหมายนี้ไว้ให้ด้วยครับ ให้ก้านส่งถึงมือคุณช่อให้ได้”

    “ขอบคุณนะก้าน”

    ข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รับจากนายก้านสร้างความตกใจให้หญิงสาวไม่น้อย อดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้เมื่อคนใกล้ชิดและคอยเคียงข้างไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ได้หายจากชีวิตไปอีกคน หวังว่าตุ๊กตาจะมีเหตุผลที่ดีพอในการจากไป และจดหมายฉบับนี้คงจะให้ความกระจ่างชัดแก่เธอในไม่ช้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×