คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ๖ โจรสกปรก 3/4
๖
โจรสกปรก
“ไอ้คำว่าขอโทษของคุณหนู มันเคยใช้ได้ผลกับโจรสกปรกอย่างผมหรือไงครับ” เสียงทุ้มลึกยังคงดังคลอเคลียอยู่ชิดใบหูสาว
เขาขบเม้มหยอกล้อเล่นอย่างไม่เกรงใจ ก่อนที่จมูกโด่งคมจะลากไล้สัมผัสแผ่วเบาลงมาตามลำคอขาวผ่อง เผลอเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นหอมเย้ายวนจากกายสาวจนหลงลืมจุดประสงค์การมาของตัวเองเสียสนิท
ผู้ถูกกระทำยิ่งสั่นสะท้านหนัก มือบางเกาะไหล่หนาเอาไว้แน่น หากก็ไม่กล้าขัดขืนรุนแรง ได้เพียงเบี่ยงศีรษะหลบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ต่างจากการสมยอมให้อีกคนฝากรอยสัมผัสตามใจนัก น่าแปลกทั้งที่เธอรังเกียจผู้ชายไว้หนวดเคราเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทำไมถึงไม่นึกรังเกียจหรือขยะแขยงเขาเหมือนที่รู้สึกกับชายอื่นสักนิด
“หยุดพูดจาประชดประชันสักทีเถอะนะ ค่อย ๆ พูดกันดี ๆ ได้ไหม เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว คุณจะให้ฉันทำยังไงถึงจะหายโกรธแค้นฉันสักที” หญิงสาวพยายามดึงสติให้กลับมา อ้อนวอนด้วยความหวัง อย่างน้อยอารมณ์เขาวันนี้ก็ไม่ได้โมโหร้ายจาบจ้วงรุนแรงขาดสติเหมือนอย่างวันนั้น
เขาเงยหน้าขึ้นจากการคลอเคลียลำคอระหง จับจ้องไปยังดวงตาไหวระริกที่ยังคงความคมสวยไม่จืดจาง มือหนาเคลื่อนมาสัมผัสลูบไล้นวลหน้างามอย่างเผลอไผล
“พูดดี ๆ กับเขาก็เป็นด้วย แล้วถ้าผมให้ทำจริง ๆ จะยอมหรือไงครับคุณหนู”
“ถ้าทำแล้วคุณจะยอมอภัยให้ และเลิกแล้วต่อกัน...ฉันยอม”
“ดี๊ เธอยอมฉันเองนะ อย่ามาปฏิเสธทีหลังว่าไม่ได้พูดก็แล้วกัน”
“คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ” หญิงสาวตาเบิกโพลงอย่างตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเขาจนตามไม่ทัน น้ำเสียงที่ได้ฟังนั้นโหดเหี้ยม ดวงตาคู่นั้นกลับมีเปลวเพลิงแผดร้อนส่งมาหาอีกครั้ง บวกกับแรงบีบเน้นที่ต้นแขนเหมือนอยากจะบดขยี้กระดูกให้แหลกละเอียด ทำราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องทำร้ายเธอเสียอย่างนั้น ความหวาดกลัวพุ่งเข้าหาเธอสุดแรงจนตั้งรับไม่ทัน
“ทำให้เธอเป็นทาสฉันไง เป็นทาสฉันจนกว่าฉันจะพอใจ”
“กรี๊ด!”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวร่างบางก็ถูกเหวี่ยงลอยหวือไปตกที่โซฟาตัวยาว ตามด้วยร่างหนาฉกาจฉกรรจ์ที่ตามมาทาบทับเข้าเต็มแรงจนคนตัวเล็กเจ็บจุก นัยน์ตาปวดร้าวหลั่งหยาดน้ำล้นทะลักออกมาให้กับโชคชะตาที่แสนรันทดหดหู่ กลับมาวันแรก ชีวิตก็ต้องเจอกับความโหดร้ายมากมายขนาดนี้เชียวหรือ ขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้เป็นเพียงความฝันที อย่าให้ความอัปยศอดสูนี้เกิดกับชีวิตเธอจริง ๆ เลย
“คุณไหวไหมปัทม์ ผมบอกให้รอในรถก็ไม่เชื่อ” อภิชาติหันไปถามภรรยาที่ยังยืนกุมท้องตัวงออยู่ข้างกาย ขณะที่ทั้งสองยืนรอลิฟต์ด้วยกัน ก่อนหน้านั้นระหว่างที่เดินทาง ปัทมาปวดท้องหนักจนต้องเสียเวลาแวะหาร้านยาข้างทาง สาเหตุคงมาจากที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารกันตั้งแต่เที่ยงวัน
“ปัทม์เป็นห่วงคุณนี่คะ”
“ผมสิต้องห่วงคุณ ทานยาแล้วคุณรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า” คำพูดนั้นบอกว่าห่วงภรรยา หากแต่ใจกลับจดจ่อและนึกถึงแต่บุตรสาว แทบจะไม่ให้ความสนใจคนข้าง ๆ ด้วยซ้ำ จนปัทมาต้องเรียกร้องความสนใจจากสามีอยู่หลายครั้ง
“ยังปวด ๆ อยู่นิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวก็คงหาย แล้วคุณล่ะคะ ข้าวปลายังไม่ได้กินตั้งแต่เที่ยง หิวไหมคะ ปวดท้องหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร รีบเถอะ ผมเป็นห่วงลูกยังไงบอกไม่ถูก”
อภิชาติรีบดึงแขนภรรยาเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่รีรอ ภายในใจคนเป็นพ่อรู้สึกกระวนกระวายแปลก ๆ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ยังไม่ออกจากบ้านด้วยซ้ำ
ในที่สุดสองสามีภรรยาก็มาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องที่ต่างก็รู้ดีว่าคนที่ต้องการพบตัวอยู่ข้างใน แต่พอจะกดกริ่ง อภิชาติกลับลังเลใจ มือชักเข้าชักออก ไม่ยอมกดสักที
คนที่ยืนลุ้นอยู่ข้าง ๆ รีบดึงมือสามีไว้ก่อนที่อีกคนจะตัดสินใจกดลงไปจริง ๆ
“คุณคะ เอ่อ นี่ก็ดึกมากแล้วนะคะ ปัทม์ว่าคุณคิดมากเกินไปหรือเปล่าคะ หนูช่ออาจจะหลับปุ๋ยไปแล้วก็ได้ เรามารับแกพรุ่งนี้แต่เช้าไม่ดีหรือคะ ปัทม์เกรงว่าเราจะไปรบกวนแกเข้า แทนที่แกจะอารมณ์เย็นลง มันจะยิ่งไปกันใหญ่นะคะ”
“แต่ผม...” อภิชาติเริ่มอึกอัก ห่วงบุตรสาวก็ห่วง หากดูเวลาที่ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งจึงเป็นเหตุผลให้เกิดความลังเลใจ
“โรงแรมระดับนี้ เขามีระบบป้องกันความปลอดภัยแน่นหนา คุณอย่ากังวลเลยนะคะ พรุ่งนี้เช้า อารมณ์แกเย็นลง เราค่อยมาใหม่นะคะ”
ปัทมาให้ความเห็นยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง คนที่ลังเลอยู่ก่อนนั้นก็เหมือนจะเริ่มคล้อยตาม หรือเขาจะคิดมากไปจริง ๆ เป็นห่วงลูกจนเกินเหตุ ดึกดื่นป่านนี้คนที่นึกห่วงคงหลับพักผ่อนไปแล้วกระมัง ยิ่งเพิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อย ๆ คงรอให้หัวถึงหมอนแทบไม่ไหว
“อืม ผมคงเป็นห่วงแกเกินไป ถ้างั้นเรากลับเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมารับแกแต่เช้า”
อภิชาติตัดสินใจเด็ดขาดในที่สุด สร้างรอยแสยะยิ้มพอใจตรงมุมปากให้กับคนที่มาด้วยจนดูน่าเกลียด หากคนเป็นสามีก็ไม่มีโอกาสได้เห็น หันกลับมามองอีกที ใบหน้าภรรยาก็กลับมาอ่อนโยนและส่งแววตาให้กำลังใจเช่นเดิม
คนเป็นพ่อก้าวห่างออกไปไกลเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เลยว่าบุตรสาวที่ตัวเองคิดว่าหลับปุ๋ยอยู่ข้างใน ตอนนี้กำลังร่ำร้องเรียกหาให้ช่วยจนเสียงแหบแห้งแทบจะขาดใจ
“พ่อออ...ช่วยช่อด้วย”
“อะไรนะเด็กน้อย นี่เธอคิดว่าพ่อเธอจะช่วยได้อย่างนั้นหรือ หึ ๆ ตื่นจากความฝันได้แล้วครับคุณหนู” ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่พยายามดิ้นรนให้หลุดรอดจากพันธนาการของเขาด้วยความสะใจ
แววตาที่เคยเย่อหยิ่งถือดีตอนนี้ทั้งตื่นตระหนกและร้าวรานราวกับแววตาลูกกวางน้อยที่กำลังติดอยู่ในกรงเล็บของเสือร้าย เขากำลังมีความสุขกับการได้ข่มเหงรังแกคนไร้ทางสู้ แม้จะผิดวิสัยตัวเองแค่ไหน แต่ผู้หญิงคนนี้สมควรแล้วไม่ใช่หรือที่จะได้รับมัน
ข้อมือเล็กถูกเขากดแนบสนิทไปกับโซฟา ร่างสูงใหญ่ขึ้นคร่อมอยู่เหนือร่างเล็กกระจิริดเมื่อเทียบกัน เธอพยายามดิ้นรนสุดแรงหากก็ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนสักนิด สายตาของเสือร้ายกำลังลากไล้โลมเลียไปตามเรือนร่างเย้ายวนของลูกกวางน้อยอย่างกระหายหิว ผิวเนื้อนวลเนียนขาวผ่องอมชมพูช่างน่ากลืนกินลงไปทั้งตัว รสชาติคงหอมหวานติดตรึงไปถึงใจ
ภายในกายเสือหนุ่มรุ่มร้อนรุนแรงจนไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป ริมฝีปากภายใต้หนวดเคราแข็ง ๆ ฉกเข้าครอบครองริมฝีปากบอบบางทันที หญิงสาวที่อ้าปากร่ำร้องหาคนช่วยอยู่นั้นไม่ทันระวังภัย เสียงของเธอก็ถูกอีกคนกลืนกินจนเงียบหาย เรียวลิ้นแสนร้ายซอกซอนล่วงล้ำได้รวดเร็ว อีกครั้งที่หัวใจของหญิงสาวเต้นระส่ำระสายไม่มั่นคง เหมือนมันกำลังจะขาดอยู่รอน ๆ เขากำลังใช้วิธีแสนรัญจวนนี้เข่นฆ่าเธออีกแล้ว ร่างบางค่อย ๆ อ่อนกำลังลงจนสิ้นแรงต่อต้าน ยอมจำนนให้เขากระทำย่ำยีอย่างไร้ทางสู้
แม่พิมพ์จ๋าช่วยช่อแก้วด้วย ช่อแก้วกลัว
แม้จะร่ำร้องคร่ำครวญหาแค่ไหนก็ไม่มีวี่แววแห่งความหวัง เพราะคนที่เธอต้องการนั้น ตอนนี้แม้เพียงร่างยังไม่เหลือให้ได้กอดให้อุ่นใจ คงมีเพียงน้ำใส ๆ ที่หลั่งไหลออกจากดวงตาสิ้นหวังที่แสดงให้รู้ว่าเธอเหนื่อยล้าเต็มทน
เนิ่นนานที่เขาครอบครองริมฝีปากเธอไว้ ตักตวงเอาความหวานล้ำให้สมกับที่เฝ้าโหยหามานาน แม้จะรับรู้ถึงอาการหอบโหยหายใจขาดห้วงของคนใต้ร่าง แต่ก็ยังฝืนเคล้าคลึงอยู่อย่างนั้นไม่ยอมถอดถอน จนเมื่ออีกคนโรยราเหมือนจะขาดใจขึ้นมาจริง ๆ ถึงยอมเปิดทางให้เธอได้สูดเอาอากาศจากภายนอกเข้าปอดอย่างเพียงพอ หากก็ยังเฝ้ารอเพื่อจะกลับเข้าไปไล้เลียรอบริมฝีปากฉ่ำบางอย่างไม่คลายหลงใหล
เขาดูดดึงขบเม้มเล่นอยู่อย่างนั้นจนพอใจ จึงเคลื่อนใบหน้าห่างออกมาน้อย ๆ ให้ยังพอสัมผัสลมหายใจหนักหน่วงและสบสายตาของอีกคนได้
“ยอมดี ๆ แต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัว กลัวอะไรนักหนา ฉันไม่ทำให้ผิดหวังหรอกน่า เห็นไหมว่าแค่รสจูบของฉัน ก็ทำเธอถึงกับหมดเรี่ยวแรง มันถึงใจกว่าที่เคย ๆ มาใช่ไหมล่ะ เชื่อใจฉันหรือยัง ฮึ” ชายหนุ่มถามเสียงพร่าแผ่ว จับจ้องดวงตาหวาด ๆ ของคนใต้ร่างอย่างไม่สิ้นความกระหาย
ผู้หญิงคนนี้เพียงแค่มองตาก็สามารถดึงดูดให้เขาหลงใหลได้อย่างไม่เคยเป็น ความต้องการคับแน่นอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว มันสะสมมาตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรกเมื่อตอนเย็นด้วยซ้ำ เขามองสำรวจดวงหน้าเปรอะเปื้อนราวกับเด็กด้วยความพึงพอใจ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้อย่างเผลอไผล จุมพิตผะแผ่วไปทั่วใบหน้าแดงก่ำไม่ให้เหลือพื้นที่ว่างจากสัมผัสแม้เพียงเศษเสี้ยวเดียว
ไม่ได้ยินเสียงใดตอบกลับจากหญิงสาว มีเพียงเสียงหอบหายใจถี่รัวที่ยังไม่มีทีท่าจะกลับมาเป็นปกติง่าย ๆ ดวงตาที่ยังเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาก็ยังไม่ทิ้งแววหวาดหวั่นพรั่นพรึง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มคิดเปลี่ยนใจ ความต้องการที่มีตอนนี้มันมากเกินกว่าจะมีสิ่งใดมาหยุดเขาได้ จึงหันมาซุกไซ้ลงตรงซอกคอระหงอย่างไม่ใส่ใจต่อแววตาหวั่นกลัวของเธอ
คนที่ถูกเล้าโลมอีกครั้งเริ่มรับรู้ถึงความรุ่มร้อนที่วิ่งพล่านผลาญเผาไปทั่วกาย เขาคิดจะทำอะไรเธอ มันทั้งทรมานทั้งรัญจวนผสมปนเปจนแยกไม่ออก ร่างบางทั้งผลักไสเขาออกห่างทั้งเบียดกายเข้าหาอย่างเริ่มสับสนหนัก
“คะ คุณภูวินท์ หยุดเถอะ ฉะ ฉัน...” เสียงของเธอขาดหาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่มีตอนนี้จะบรรยายให้เขาฟังอย่างไร
ผู้ชายคนนี้กำลังเล่นกลอะไรอยู่กันแน่ เธอกำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขาอย่างนั้นหรือ
ความคิดเห็น