NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลงเงาลวง (ฉบับพิมพ์เล่ม)

    ลำดับตอนที่ #6 : ๒ ไร้รังพักพิง 3/3

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 67


    ไร้รังพักพิง

     

    ร่างสั่นสะอื้นจ้องไปยังดวงหน้าเมินเฉยของบิดาอย่างผิดหวังระคนปวดร้าว พยายามเปล่งถ้อยคำแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจออกมาจนจบความ แล้ววิ่งผ่านหน้าบิดาหายออกจากครัวตรงไปยังประตูหน้าบ้านอย่างไม่คิดจะหันกลับ

    “คุณช่อ!” นายก้านที่ยังไม่คลายตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อคิดได้ก็ทำท่าจะวิ่งตามนายสาวออกไปด้วยความเป็นห่วง

    “หยุด! ไอ้ก้าน แกไม่ต้องไปตามมัน ฉันก็อยากรู้นักว่าไอ้ลูกอวดดีมันจะไปได้สักกี่น้ำ ไม่ทันข้ามวันเดี๋ยวมันก็ซมซานกลับมาเองนั่นแหละ”

    “แต่...คุณผู้ชายครับ...”

    “ไป ๆ แกจะไปทำอะไรก็ไป งานการก็มีไม่ใช่หรือไง”

    “คุณคะ เอายาแก้ปวดหน่อยไหม” ปัทมารีบตรงเข้าหาสามีเมื่อเห็นท่าทางของอีกคนไม่ค่อยดีนัก

    “ผมไม่เป็นไรมากหรอกคุณปัทม์ หนูปรายเป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม เฮ้อ! เพิ่งจะไปหาหมอมาแท้ ๆ ท้องไส้ก็ยังไม่หายดี กลับมาก็เจอยัยตัวดีเล่นงานเอาอีก รู้จักสู้บ้างก็ดีนะเรา เล่นยอมแบบนี้ ยัยช่อก็ยิ่งได้ใจ”

    “ปรายไม่เป็นไรมากหรอกค่ะคุณลุง”

    อภิชาติส่ายศีรษะให้กับคำปฏิเสธของหญิงสาวคราวลูก หลายครั้งที่ปวิตรา

    โดนช่อแก้วทำร้าย หากแต่ทุกครั้งก็ยินยอมตลอด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ปวิตราถึงไม่เคยเอาเรื่องอีกฝ่ายคืนสักครั้ง

    “ไปหาหยูกหายามาทาก่อนไป เดี๋ยวก็ได้บวมไปทั้งหน้าหรอก ลุงต้องขอโทษแทนยัยช่อมันด้วย คิดแล้วก็กลุ้ม ไม่รู้เมื่อไรมันจะโต มีความคิดความอ่านกับเขาสักที อุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา หวังจะให้เป็นผู้เป็นคนกับเขาขึ้นมาบ้าง ก็ไม่เลย”

    “อย่าคิดมากเลยค่ะ ปัทม์เชื่อว่าสักวันหนูช่อจะคิดได้”

    “ขอให้มีวันนั้นเถอะปัทม์ ผมเองก็ผิดมาก จะโทษลูกคนเดียวก็ไม่ได้ แกคงโกรธผมมาก ผม...”

    อภิชาติกลั่นคำพูดออกมาได้แค่นั้นก็จุกแน่นขึ้นในอก ความรู้สึกผิดกัดกร่อนหัวใจจนปวดร้าวเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้บุตรสาวที่เคยสดใสร่าเริงกลายเป็นเด็กอมทุกข์ ไร้ซึ่งแววแห่งความสุขที่ครั้งหนึ่งเคยมี

    “ถ้าอย่างนั้นเราไปตามหนูช่อกลับมากันนะคะ หนีออกจากบ้านไปแบบนี้น่าเป็นห่วง เดี๋ยวก็ได้เตลิดไปกันใหญ่ ยิ่งผู้หญิงตัวคนเดียว อันตรายรอบตัวนะคะ”

    “เดี๋ยวก็กลับมาเอง คุณเคยเห็นแกหายไปไหนได้ถึงวันหรือไง ยิ่งไปแต่ตัวแบบนั้น คงเดินเล่นอยู่แถวนี้ละมั้ง ไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” อภิชาติได้แต่หวังว่าจะเป็นเช่นที่พูด ทั้งที่ในใจมีแต่ความกังวล

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่ บุตรสาวรักบ้านหลังนี้มาก ความกลัวว่าคนอื่นจะฉกชิงไปครอบครองทำให้เธอไม่ยอมห่างบ้านไปไหน แม้จะประชดประชันว่าจะหนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง แต่ไม่ถึงวัน เด็กสาวก็เดินหน้าบูดบึ้งกลับเข้ามาในบ้านจนทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติ

    หากแต่ในเวลานี้ไม่รู้ทำไมเขาถึงเป็นกังวลใจนัก แววตาปวดร้าวคู่นั้นทำให้เขาอดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าเธอไม่ยอมกลับมาเหมือนเมื่อก่อน เขาจะไปตามบุตรสาวที่ไหน หากต้องเสียยอดดวงใจไปอีกคน เขาคงทนอยู่ไม่ได้แน่นอน

    “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรารอแกที่บ้านก่อน ถ้าใกล้ค่ำแล้วแกยังไม่กลับมา คุณต้องรีบไปตามลูกนะคะ”

    “อืม ผมขอขึ้นไปพักผ่อนสักครู่นะ”

    อภิชาติปลีกตัวหนีขึ้นมาอยู่ลำพังในห้องนอนด้วยความเหนื่อยหน่ายในหัวใจ แม้จะด่าทอต่อว่าบุตรสาวรุนแรงแค่ไหนแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่หวังดี ไม่เคยสักครั้งที่จะไม่เสียใจเมื่อเห็นใบหน้าละมุนต้องแปดเปื้อนไปด้วยน้ำตา และไม่เคยเลยที่จะไม่เป็นห่วงในยามที่เธออยู่ไกลตา

     

    ร่างหนาเดินมาหยุดอยู่มุมหัวเตียง ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบของขวัญชิ้นงามที่เตรียมไว้สำหรับบุตรสาวขึ้นมาพินิจมองด้วยแววตาเศร้า  เครื่องเพชรน้ำงามชุดนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นของพิมพกานต์ ผู้หญิงอันเป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียว เขากะจะมอบให้ช่อแก้วเป็นผู้ดูแลแทนมารดาของเธอเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่กลับไม่เป็นดั่งหวัง

    “ผมจะทำยังไงดีพิมพ์ ผมขอโทษที่รัก ที่ทำให้คุณกับลูกต้องเสียใจ”

    น้ำเสียงโศกเศร้าอาดูรดั่งคนที่มีชีวิตจมอยู่แต่กับความรู้สึกผิด คิดถึงภรรยาที่รักยิ่งสุดหัวใจ ร่างหนาหย่อนกายลงนอนแน่นิ่งบนเตียง หากไม่นึกห่วงบุตรสาวอยู่ในยามนี้ เขาคงเลือกตามไปอยู่กับคนรักให้จบสิ้นความทรมานเสียที

     

    เมื่ออภิชาติปลีกตัวหายขึ้นไปบนห้อง ปัทมาก็รีบพาบุตรสาวมาประคบรอยบวมช้ำบนใบหน้าในห้องรับแขก

    “สมน้ำหน้ามัน นังเด็กเหลือขอ ปรายเกลียดมัน เกลียด ๆ ๆ เพราะมันคนเดียว มันพรากพี่วิชญ์ไปจากปราย ฮือ ๆ ขอให้มันไม่ตายดี”

    ปวิตรากรีดเสียงอาฆาตแค้นลอดไรฟันด้วยความอัดอั้นในอก เมื่อไม่อาจปลดปล่อยออกมาได้เต็มที่อย่างที่ใจต้องการ สิ่งที่อัดอั้นอยู่จึงแปรเปลี่ยนเป็นหยาดน้ำตาไหลร่วงลงมาแทน ถึงจะสามารถทำให้อีกฝ่ายหนีเตลิดออกจากบ้านได้สำเร็จ แต่นั่นกลับยังไม่สาแก่ใจ

    ดวงตาคู่สวยที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนโยน ทว่าบัดนี้กลับถูกแทนที่ไว้ด้วยรอยอาฆาตที่ฉายชัดจนดูน่ากลัว รอยแผลที่เกิดจากการกระทำของช่อแก้วมันลึกและเจ็บปวดจนไม่อาจเยียวยาด้วยสิ่งใด นอกจากการได้เห็นผู้เป็นต้นเหตุตายตก ย่อยยับไปกับตา

    “คนอย่างมันไม่ต้องสาปแช่งให้เสียปากหรอกลูก ยังไงมันก็ไม่มีทางได้ตายดี มันต้องชดใช้สิ่งที่มันทำกับหนู กับพ่อวิชญ์”

    “ปรายคิดถึงพี่วิชญ์จังเลยค่ะแม่ ถ้าพี่วิชญ์ยังอยู่ ตอนนี้เราสองคนคงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานแต่ง อีกเพียงแค่สามเดือนก็จะถึงวันเกิดพี่วิชญ์แล้ว พี่วิชญ์สัญญาว่าในปีที่เขาอายุครบสามสิบ เราจะแต่งงาน สร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน” ปวิตราพร่ำอาวรณ์ถึงชายคนรัก ตั้งแต่เขาจากไป ไม่มีวันใดที่เธอจะมีความสุขเลยสักเสี้ยววินาที ความคิดถึง ความโหยหามันทำให้เธอทรมานแทบขาดใจ

    ปัทมาเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวดี อิทธิพลของความรักมันมหาศาลยิ่งนัก แต่ก็ไม่อยากเห็นปวิตราเจ็บปวดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เธอคิดว่าการตัดใจคงเป็นทางออกเดียวจึงอยากให้อีกคนลองพยายาม 

    “โธ่ลูก ยังไงพ่อวิชญ์ก็จากไปแล้ว ตัดใจซะเถอะ ปรายจะมาจมปลักอยู่กับพ่อวิชญ์คนเดียวตลอดไปอย่างนี้เหรอ ถ้าหนูจะยอมเปิดใจให้คนอื่นบ้าง...”

    “แม่อย่าพยายามเลยค่ะ ปรายรักใครไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีใครแทนพี่วิชญ์ได้ แม่ก็น่าจะรู้ดีนี่คะ ความรักของปรายที่มีต่อพี่วิชญ์ก็เหมือนความรักของแม่ที่มีต่อลุงชาตินั่นแหละ เหมือนกับที่แม่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับลุงชาติ”

    “ปราย...” ปัทมาถึงกับครางเสียงแผ่วเบา ไม่คิดว่าจะได้ยินถ้อยคำที่เสียดแทงใจหลุดมาจากปากของบุตรสาว

    ที่ผ่านมา น้อยครั้งที่ปวิตราจะต่อว่าหรือแสดงความไม่พอใจกับเรื่องราวในอดีตของเธอ แม้ตลอดเวลาจะทำเหมือนไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของบุตรสาว หากแต่ความจริง เธอรู้ดีว่าปวิตราเจ็บปวดแค่ไหนกับสิ่งที่กระทำลงไป ความรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้าจึงมีไม่น้อย

    “ปรายขอโทษค่ะแม่” เมื่อหันมาเห็นสีหน้าสลดลงของมารดา คนที่พลั้งปากพูดสิ่งที่ไม่ควรออกไปก็รีบเอ่ยขอโทษ

    ไม่ว่าปัทมาจะเคยทำผิดกับบิดาของเธอมากแค่ไหน แต่นางก็ไม่เคยคิดจะทิ้งลูกสาวให้เดียวดาย ปัทมายังทำหน้าที่ของมารดาได้ดีในแง่ของความรักความเอาใจใส่ ปวิตราเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ใดรักลูกได้มากเท่าผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว

    “ปรายแค่อยากให้แม่รู้ความรู้สึกที่ปรายมีต่อพี่วิชญ์”

    ปัทมาไม่ได้ต่อว่าหรือพูดสิ่งใดออกมา เมื่อเห็นน้ำที่คลออยู่ในดวงตาของบุตรสาวก็อดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางเข้ามาโอบกอด ไม่มีคำปลอบโยน หากแต่นางก็ได้แต่หวังว่าร่างบางในอ้อมกอดจะสัมผัสได้ถึงคำขอโทษที่ต้องการสื่อ เรื่องราวที่ผ่านมา แม้รู้ว่าทำให้บุตรสาวเสียใจมากแค่ไหน แต่ไม่มีสักครั้งที่จะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษให้อีกคนได้ยิน เคยคิดจะเอ่ยหลายครั้งแต่ก็ปากหนักเกินจะพูดมันออกไป

     

    คนที่หอบความเสียใจหนีออกจากบ้านมาไม่ได้สนใจสิ่งรอบกายใด ๆ นอกจากคำพูดของบิดาเท่านั้นที่ยังดังย้ำชัดในหู หยาดน้ำตาแห่งความน้อยใจยังคงไหลรินไม่หยุด ตลอดเวลาที่จากไป พ่อไม่เคยคิดถึงเธอเลย สุดท้ายสิ่งที่พยายามคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดก็กระจ่างชัดแล้วในวันนี้ว่ามันไม่ใช่ แท้จริงแล้วบิดาไม่เคยต้องการเธอ บิดามีครอบครัวใหม่ที่เพียบพร้อมและอบอุ่นจนหลงลืมลูกสาวที่คอยแต่นำปัญหามาให้ไม่หยุดหย่อนไปเสียแล้ว

    ร่างบางเดินแกมวิ่งมาเรื่อย ๆ ตามหนทางที่อ้างว้างและเดียวดายอย่างคนไร้จุดหมาย จนมาโผล่ที่ถนนใหญ่ เธอก็เริ่มเคว้งไม่รู้จะก้าวไปทางไหนต่อ ของมีค่าชิ้นเดียวให้ติดกายก็ไม่มี ที่พึ่งเดียวที่คิดออกในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเพื่อนสาว

    มือบางจึงกวักเรียกแท็กซี่ที่กำลังวิ่งตรงมาพอดีพลางก็รีบปาดน้ำตา น้ำตาที่เธอหวงแหนและตั้งใจไว้ดิบดีว่าชาตินี้จะไม่ให้ผู้ใดได้เห็นมันอีก หากแต่วันนี้กลับทำความมุ่งมั่นนั้นพังลงเพราะไม่อาจทนต่อคำด่าทอของผู้เป็นพ่อได้ แต่หลังจากวันนี้มันจะไม่ไหลออกมาให้ใครได้เห็นอีกแล้ว

    จำไว้ช่อแก้ว เธอต้องเข้มแข็ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×