คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ๒ ไร้รังพักพิง 1/3
๒
ไร้รังพักพิง
เมื่อเข้ามาอยู่ลำพังในห้องใหม่ที่ไม่เคยคุ้น หญิงสาวก็อดน้อยใจบิดาขึ้นมาไม่ได้ เหตุผลใดพ่อจึงยกห้องที่เคยเป็นของเธอให้คนอื่น ห้องเก่าที่อีกคนเคยอยู่แม้จะเล็กกว่าแต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ทำไมต้องอยากครอบครองห้องที่เธอผูกพันมาแต่เล็กจนโตด้วย
แม้อยากกลับไปอยู่ที่ห้องเดิมมากแค่ไหน แต่ความต้องการนี้เป็นอันต้องพับเก็บลงไว้เพียงในใจ หญิงสาวไม่อยากให้เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้กลายเป็นปัญหาให้ต้องทะเลาะกับบิดาอีก อะไรที่ยอมได้ก็จะยอมเพื่อให้อยู่ที่นี่ได้อย่างสงบ
หญิงสาวรีบสลัดความคิดที่บั่นทอนกำลังใจออกไปจากสมอง หลายครั้งที่เธอพยายามและทำสำเร็จ ในครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน สายตาเหม่อลอยเมื่อสักครู่หันมาใส่ใจกับจดหมายในมือ แต่ก็เลือกที่จะวางลงไม่ยอมเปิดอ่าน เอาไว้อ่านคืนนี้ดีกว่า เพราะตอนนี้ต้องรีบอาบน้ำและลงไปทำกับข้าวไว้รอบิดากลับมา เที่ยงนี้ บิดาต้องได้ลิ้มรสกับข้าวฝีมือเธอ
หญิงสาวนึกไปถึงใบหน้าประหลาดใจของคนเป็นพ่อด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าท่านต้องไม่อยากเชื่อว่าเธอทำได้
การอาบน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว ช่อแก้วแปลงร่างจากสาวสวยนักเรียนนอกกลายเป็นแม่ครัวสาวมาดคล่อง โชว์ลีลาการทำกับข้าวจนทำเอานายก้านถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคุณหนูที่ไม่เคยสนใจเรื่องงานบ้านงานเรือนจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ไม่มีผู้ช่วยสักคน หญิงสาวหยิบจับเองทุกอย่างหากก็คล่องแคล่วว่องไวราวกับเชฟมืออาชีพ กลิ่นอาหารหอมฟุ้งชวนให้น้ำลายไหลได้ไม่น้อย
“ก้าน แล้วจุ๊บแจงคนเดียวดูแลงานบ้านทุกอย่างทั้งหมดเลยหรือเปล่า หรือว่า...เอ่อ...คุณปัทม์กับคุณปรายช่วยดูแล”
หญิงสาวถามไปพลางทำกับข้าวไปพลางอย่างนึกแปลกใจ บ้านหลังใหญ่โต ทำไมปัทมาถึงรับคนใช้เข้ามาเพียงคนเดียว คนเก่าที่มารดาเธอรับไว้ก็เหมือนจะลาออกไปกันหมด คงเหลือก็แต่นายก้านที่ยังไม่ไปไหน เห็นนายก้านบอกว่าปัทมารับแม่บ้านสาวที่ชื่อจุ๊บแจงเข้ามาก่อนที่ตุ๊กตาจะลาออกเสียอีก หรือมันจะเกี่ยวข้องกับการจากไปของพี่เลี้ยงสาว
“มีป้าผ่องอีกคนครับ และก็ลุงขวานที่คุณท่านรับมาเป็นคนขับรถแทนลุงเกิด ป้าผ่องกับลุงขวานเป็นสามีภรรยากัน อยู่ที่นี่มาก็กว่าสามปีแล้วครับ”
นายก้านอธิบายความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในบ้านให้เจ้านายสาวฟัง ส่วนตัวเขาเองมีหน้าที่ดูแลสวนในบริเวณบ้าน และขับรถให้อภิชาติบ้างในยามที่ลุงขวานถูกคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านเรียกใช้
แม้จะถูกแรงกดดันเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ลาออกไป แต่เขาก็ยังอดทนที่จะอยู่ที่นี่เรื่อยมา เหตุผลสำคัญคงเพราะหนีไม่พ้นหญิงสาวตรงหน้า เขาเฝ้ารอวันนี้ที่เธอกลับมา เฝ้ารอที่จะคอยรับใช้และดูแลเจ้านายตัวน้อยของเขา
นั่นเพราะช่อแก้วเป็นลูกสาวคนเดียวของพิมพกานต์ ผู้หญิงที่มีพระคุณกับเขามากล้น เมื่อไม่มีโอกาสได้ตอบแทนโดยตรงก็ขอให้เขาได้ตอบแทนลูกสาวของเธอบ้าง
“อ้าว! แล้วหายไปไหนกันหมดล่ะ ทำไมบ้านเงียบจัง”
“ลุงขวานขับรถให้คุณท่าน ส่วนป้าผ่อง คุณปัทม์ใช้ให้ไปซื้ออะไรไม่ทราบครับ ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นกลับเลย จุ๊บแจงก็เห็นบอกจะตามไปดูคุณปรายที่โรงพยาบาล คงกลับมาพร้อมคุณ ๆ” นายก้านอธิบายพลางในใจก็นึกสงสารหญิงสาว คนที่บ้านนี้ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน ทั้งที่วันนี้เป็นวันสำคัญที่ทุกคนควรจะอยู่บ้านพร้อมหน้ารอต้อนรับการกลับมาของเธอ แต่กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน
เสียงรถยนต์วิ่งเข้าสู่ตัวบ้านแทรกการสนทนาของทั้งสอง ช่อแก้วทั้งตื่นเต้นและดีใจเมื่อคิดว่าเป็นบิดา ริมฝีปากฉ่ำบางแย้มยิ้มหวาน นัยน์ตาสวยคมเปล่งประกายความสุขออกมาล้นเอ่อ
ท่านจะตื่นเต้นเหมือนกันหรือเปล่านะ
แววตาเปี่ยมสุขมองไปยังกับข้าวมากมายที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ เสร็จพอดีกับที่คาดคะเนเวลาเอาไว้ อีกไม่ถึงสามสิบนาทีก็จะถึงเวลาอาหารเที่ยง หญิงสาวรีบวางมือจากงานที่แสนภาคภูมิใจ แล้วรีบวิ่งออกจากครัวไปต้อนรับผู้มาใหม่อย่างทนรอไม่ไหว แต่เมื่อวิ่งมาเห็นคนที่กำลังเดินเข้าสู่ตัวบ้านไม่ใช่บิดาอย่างที่คิด รอยยิ้มสดใสกลับพลันหายไป...
ความเย็นชาระคนเกลียดชังในแววตาสองคู่สาดส่งมายังเธออย่างไร้การปกปิด คนที่เป็นฝ่ายโดนรุมก็นิ่งสงบไร้แววหวาดกลัว ทำเอานายก้านที่แอบลอบมองคนนั้นทีคนนี้ทีถึงกับใจสั่น หากมีเรื่องกันขึ้นมา ความลำบากใจคงหนีไม่พ้นตัวเขา การแยกทัพใช่เรื่องง่ายเสียที่ไหน เขาเคยเผชิญเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายหน แต่จำได้ว่าไม่เคยหยุดความโมโหร้ายของนายสาวได้สักครั้ง จะมีก็แต่อภิชาติเท่านั้นที่จะปรามหญิงสาวได้
“คุณปัทม์ คุณปราย สวัสดีค่ะ” ช่อแก้วเป็นฝ่ายทลายความเงียบลง ยกมือหนัก ๆ ของตัวเองขึ้นไหว้สองแม่ลูกที่อาวุโสกว่าตามมารยาท เมื่อเลือกแล้วที่จะไม่ทำความลำบากใจให้บิดา ก็จำเป็นต้องญาติดีกับทั้งสองคน
หากแต่การกระทำที่คาดไม่ถึงทำให้นายก้านถึงกับอ้าปากค้าง ตกลงผู้หญิงตรงหน้าใช่คุณหนูช่อของเขาหรือเปล่า ปกติเธอไม่เคยเสียเวลาพูดคุยกับสองคนนี้ด้วยซ้ำ วิ่งเข้าซัดทั้งสองสถานเดียว
“มาถึงนานแล้วหรือคะ คุณหนูช่อแก้ว”
ปัทมาแม้จะแปลกใจหากแต่ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของลูกเลี้ยงสาว ไม่มีการรับไหว้ มีเพียงคำถามที่ออกไปทางประชดประชันมากกว่าจะสนใจใคร่รู้จริง ๆ ซึ่งคนถูกถามก็ใช่จะโง่จนมองไม่ออก
หญิงสาวถอนหายใจพยายามที่จะใช้สติมากกว่าอารมณ์ เพราะหากเป็นเมื่อก่อน ป่านนี้สองแม่ลูกได้น่วมไปนานแล้ว อาจตั้งแต่ที่เผชิญหน้ากันในวินาทีแรกด้วยซ้ำ
“กว่าสองชั่วโมงแล้วค่ะ เอ่อ แล้วคุณพ่อล่ะคะ” ช่อแก้วให้คำตอบและถามต่อด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมให้อยู่ในระดับปกติ พลางก็ปรับแววตาให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น
“คุณหนูช่อหมายถึงลุงชาติน่ะเหรอคะ” หญิงสาวร่างงามที่ยืนนิ่งอยู่ข้างปัทมาเอ่ยออกมาเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากจนคนถูกถามสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ก่อนผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพูดจาแข็งกระด้างไม่ชวนฟังเช่นนี้ สายตาที่มองมาก็ไม่ได้เป็นมิตรและอ่อนโยนอีกแล้ว หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนอันตรายอะไรบางอย่าง
แต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือที่ปวิตราจะเกลียดเธอขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นสายตาของสองแม่ลูก คนที่หวังจะกลับมาอยู่อย่างสงบเริ่มไม่มั่นใจว่าจะเป็นเช่นที่หวังหรือเปล่า แต่อย่างไร ช่อแก้วก็จะพยายามให้ถึงที่สุด
“ทำไมคุณปรายถามอย่างนั้นคะ พ่อของฉันก็มีอยู่คนเดียว ถ้าไม่หมายถึงท่าน ฉันจะหมายถึงใคร”
“อ๋อ ขอโทษด้วย เวลาผ่านไปนาน เธอไม่อยู่ อะไร ๆ ที่นี่ก็ค่อนข้างเปลี่ยนไป บ้านหลังนี้ดูจะเป็นบ้านเป็นเรือนมากขึ้น ไม่เป็นตลาดสดเหมือนเมื่อก่อน เราอยู่กันแบบสงบ มีความสุขและอบอุ่นจนลืมอะไรที่มันเคยเป็นปัญหาของบ้านไปเสียนาน พอดีลุงชาติเองก็ไม่ค่อยพูดถึงลูกสาวเขาเท่าไร มันก็เลยดูแปลก ๆ ที่อยู่ ๆ ก็มีคนมาถามหาพ่อในบ้านหลังนี้”
ความคิดเห็น