คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ๕ ความอ่อนแอ 1/2
๕
ความอ่อนแอ
“ปล่อยฉานนะ ทำไมต้องฉุดต้องลากด้วยฮะ ฉานเดินเองได้น่า”
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นทันทีที่มือแกร่งกระชากประตูรถเปิดออกแล้วลากแขนคนที่นั่งคอพับคออ่อนสะลึมสะลืออยู่บนรถให้ลงมา แรงกระชากทำให้หญิงสาวสะดุ้งตกใจ หลังจากที่แกล้งหลับไม่สนใจคนที่นั่งหน้ายักษ์ข้าง ๆ มาตลอดทางก็เกือบเผลอหลับไปจริง ๆ มารู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านเสียแล้ว
“ดูสภาพตัวเองก่อนเถอะค่อยพูดจาอวดเก่ง ถ้าฉันปล่อยเธอเดินเอง ข้าวของบ้านฉันไม่พังหมดหรือไง มาทางนี้”
ชนวีร์ไม่ยอมปล่อยแถมยังออกแรงกระชากเพิ่มขึ้นจนร่างเล็กซวนเซถลาไปตามแรง เขาอยากให้มารดาเห็นสภาพลูกสะใภ้ในดวงใจตอนนี้เต็มทน อยากรู้นักมารดาจะทำหน้าอย่างไร ยังจะยกย่องเชิดชูกันอยู่อีกไหม
“จะพาฉันไปไหน โอ๊ย! เบา ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวเนื้อตัวอันบอบบางของฉันก็ช้ำหมดหรอก”
ร่างที่ยืนไม่ค่อยมั่นคงออกอาการดิ้นรนขัดขืน แกะมือเขาออกจากลำแขนของตัวเองเป็นพัลวัน ดวงตาที่ตอนแรกเพียงปรือมองน้อย ๆ ตอนนี้เริ่มเบิกโพลงเต็มดวงเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากการฉุดกระชากอย่างอุกอาจ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าทำกับเธอแบบนี้
“บอบบางตายละ เธอรู้ตัวหรือเปล่า เธอทำฉันไว้แสบมากนะม่านไหม คิดอยากทำอะไรก็ทำตามใจอย่างนั้นหรือ ถ้ามีคนรู้เข้าว่าเธอเป็นคู่หมั้นฉัน ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหนฮะ” ชนวีร์พูดพลางใช้สายตากวาดมองทั่วเรือนร่างแน่งน้อยขาวผ่องนั้นอย่างเหยียด ๆ
หากท่าทางที่แสดงออกยามนี้ช่างต่างจากความรู้สึกแปลก ๆ ที่กำลังก่อมวลร้อนรุ่มในกายแกร่งยิ่งนัก ยัยเฉิ่มนี่บทจะร้อนแรงก็เซ็กซี่ได้ไม่ด้อยไปกว่าใคร หลายครั้งที่สายตาของเขาแอบโลมเลียสำรวจร่างนวลงามของหญิงสาวอย่างไม่อาจห้ามใจมาตลอดทาง ในใจก็เฝ้าบอกกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่มีอะไรที่วิเศษเลิศเลอไปกว่าคนอื่นนัก หากนั่นก็เพื่อช่วยหักห้ามใจตัวเองไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างที่กายปรารถนาหนักหน่วงในยามนั้น
“ก็เอาไว้ที่เดิมไง หน้าใครเขาย้ายที่ได้กันฮะ ปล่อยได้แล้ว ฉันจะขึ้นห้อง”
ม่านไหมถือโอกาสที่ชนวีร์นิ่งอึ้งอยู่กับคำตอบของเธอ สลัดมือแกร่งนั้นออกอย่างรังเกียจ แค่ต้องทนอยู่ใกล้แค่นี้ก็รู้สึกพะอืดพะอมเต็มทน หากต้องแต่งงานอยู่ร่วมชายคากับเขา เธอมิต้องกลั้นใจตายวันละสามเวลาหลังอาหารหรอกหรือ
ร่างบางหันหลังให้อย่างไม่สนใจต่อสายตาที่มองเธอด้วยแววเจ็บใจปนระอา พยายามเดินให้มั่นคงตรงเข้าไปในตัวบ้าน
“ทำผิดมาแล้วคิดว่าจะหนีไปนอนเย็นกายสบายใจง่าย ๆ งั้นหรือ เธอคิดผิดแล้วม่านไหม วันนี้ฉันจะทำให้ทุกคนได้เห็นธาตุแท้ของเธอ ม้าจะได้รู้สักทีว่าเธอมันไม่คู่ควรกับลูกชายของท่านสักนิด”
เสียงเข้มของคนข้างหลังทำให้คนที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหันกลับอีกครั้ง หญิงสาวยิ้มมุมปากแล้วปราดมองชนวีร์ด้วยแววตาเหยียดหยัน
“คุณคิดว่าคุณดีเลิศประเสริฐศรีมาจากไหนคุณชนวีร์ คิดว่าฉันอยากจะลดตัวลงไปคู่ควรกับผู้ชายต่ำ ๆ อย่างคุณอย่างนั้นหรือ ไม่จำเป็นต้องให้ม้าคุณมารับรู้ตัวตนอะไรของฉันทั้งนั้น ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไง รับรองได้เลยว่าฉันไม่มีวันยอมแต่งงานกับคุณแน่ พรุ่งนี้ฉันจะบอกให้ม้ายกเลิกงานทั้งหมดและจะกลับกันทันที ให้ตายเถอะ แค่คิดว่าต้องมาอยู่ร่วมชายคากับคุณ ฉันก็ขยะแขยงเต็มทน...” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวพูดพร้อมกับทำท่าทางเหมือนกับกำลังยืนอยู่ท่ามกลางกองขยะเหม็นเน่าก็ไม่ปาน
“นี่เธอ!”
ชนวีร์ทนไม่ไหว กระชากคนปากดีเข้าหาตัวเต็มแรงเพื่อหยุดยั้งถ้อยคำร้าย ๆ ของเธอ หากมือบางก็ยกขึ้นยันอกแกร่งไว้ทัน ไม่ปล่อยให้ความบอบบางปะทะกับความแข็งแกร่งนั้นให้ได้เจ็บตัว สองสายตาราวกับจะเข่นฆ่ากันสบประสานนิ่งนานอย่างไม่มีใครยอมหลบ
“ทำไมฮะ พูดแทงใจอันมืดดำของคุณหรือไง ไอ้ผู้ชายโสโครก...” เมื่อทนไม่ไหว ยิ่งคิดว่าคนตรงหน้าเคยทำอะไรไว้ยิ่งรู้สึกรังเกียจจนแทบไม่อยากมองหน้าให้เป็นเสนียดต่อสายตา คำด่าจึงโพล่งออกไปอย่างที่ใจคิด
“หยุดปากพล่อย ๆ ของเธอเดี๋ยวนี้นะม่านไหม ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ชายหนุ่มตะคอกเสียงดัง ไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ อยากจะบีบคอผู้หญิงปากร้ายตรงหน้าให้ตายคามือ สายตาที่มองเขาราวกับไส้เดือนกิ้งกือนั่นอีก บ่งบอกได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้ามีความรู้สึกต่อเขาอย่างไร
“ก็ปล่อยฉันสิ ไม่ปล่อยใช่ไหมฮะ นี่แน่ะ!” เมื่อดิ้นรนแล้วไม่ยอมปล่อยดี ๆ ม่านไหมจึงยกเท้าขึ้นแล้วกระแทกส้นรองเท้าแหลมคมลงที่รองเท้าของเขาเข้าเต็มแรง
“โอ๊ย!” ชนวีร์ร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกปวดจี๊ดขึ้นที่นิ้วเท้า
คนตัวเล็กในอ้อมแขนได้โอกาสก็รีบผลักร่างแกร่งออกห่างตัวแล้วรีบวิ่งหนีตรงเข้าไปในบ้าน หากก็ไปไม่ทันถึงไหน ร่างบางก็ถึงกับหยุดชะงักลงราวกับโดนมนต์สะกด
“ร่าน!”
“คุณว่าอะไรฉันนะ คุณชนวีร์” หญิงสาวหันมาจับจ้องคนข้างหลังนัยน์ตาแทบจะลุกเป็นไฟ ความมึนเมานั้นแทบวิ่งกระเจิดกระเจิงหายไปหมดสิ้น เขากล้าใช้คำนี้ได้อย่างไร เกิดมายังไม่เคยมีใครด่าเธอได้เจ็บแสบถึงขนาดนี้มาก่อน
“ฉันบอกว่า เธอ มัน ร่าน น่ารังเกียจ เที่ยวเต้นยั่วให้ผู้ชายมันโลมไล้โลมเลียกันทั้งผับ ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน...”
เผียะ!
รวดเร็วทันใจ ความโกรธที่พุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุดสั่งให้ร่างเล็กตรงปรี่เข้าตบหน้าคนปากร้ายจนหันไปตามแรง หยุดคำพูดของเขาได้สนิทในทันที นั่นเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจมากที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงของเธอ
“เธอกล้าตบฉันหรือม่านไหม”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาด่าฉัน ฉันจะร่านไม่ร่านก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณ”
“ใช่ มันจะไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด หากเธอไม่ใช่คนที่จะมาเป็น เมีย ฉันในอีกไม่กี่วัน”
“ไม่มีวัน! จำไว้คุณชนวีร์ ว่าฉันไม่มีวันยอมเป็นเมียคุณเด็ดขาด”
“หึ มั่นใจนักนะ” ชนวีร์ทำเสียงหยันในลำคอ ขายาวก็ก้าวตามร่างบางที่รีบถอยห่าง กลัวแล้วยังปากดีเถียงไม่หยุด เขาจะทำให้ยัยนี่ได้รู้ว่าไม่ควรท้าทายผู้ชายอย่างเขา
ขายาวทำทีเป็นหยุดลง ทำให้คนที่ถอยห่างก่อนหน้าหยุดตามโดยไม่รู้ตัว และนั่นทำให้เสือร้ายได้โอกาส เขาตวัดวงแขนว่องไวรวบรัดเอวบางเข้าหาตัวแนบแน่น
“กรี๊ด! ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ”
“ฮึ เก่งนักก็ดิ้นให้หลุดสิ ดิ้นเข้าไป ยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไร ไอ้...ตรงนี้”
นิ้วชี้แกร่งจี้ลงที่ความตูมเต่งแห่งวัยสาวที่กำลังเบียดชิดอยู่กับแผ่นอกแกร่ง พลางสายตาก็มองความขาวอวบอิ่มที่โผล่พ้นเกาะอกตัวจิ๋วออกมาเกือบครึ่งอย่างหื่นกระหาย
“มันก็ยิ่งเบียดเข้าหาฉันแนบแน่นขึ้น หรือที่จริงคิดอยากจะยั่วฉันอยู่กันแน่ฮะ แหม ต้องการฉัน ทำไมไม่ขอดี ๆ ล่ะ จะทำเป็นเล่นตัวไปทำไม”
คำพูดและสายตาที่มองโลมเลียอย่างบ่งชัดถึงความต้องการ เกิดขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบไล้ไปตามเรือนร่างได้สัดส่วนของหญิงสาวอย่างจาบจ้วงไม่ให้เกียรติ ราวกับเธอเป็นผู้หญิงข้างถนนที่คิดอยากทำอะไรก็ได้ตามใจ นั่นทำให้ม่านไหมถึงกับกัดฟันกรอดข่มความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ลึกสุดใจ
มือบางเลื่อนมาโอบรอบลำคอแกร่ง สัมผัสผะแผ่วเร้าอารมณ์อีกคนราวกับจะยินยอมพร้อมใจ นัยน์ตาหวานชวนซึ้งส่งกลับไปอย่างมีจริต
“อ๋อ หรือที่จริง ร่าน ๆ น่ารังเกียจแบบฉันนี่ คุณเองก็ชอบฮะ ใช่สินะ ไม่อย่างนั้นคุณก็คงไม่ไปที่แบบนั้นหรอก จริงไหมคะ” ม่านไหมเล่นหูเล่นตาประชดประชันย้ำเตือนให้เขาคิดทบทวนคำพูดของตัวเอง จับจ้องดวงตาคมที่ฉายแววกระหายเด่นชัดอย่างไม่มีทีท่าจะหวั่นเกรง
ชนวีร์แสยะยิ้มรู้ทัน ทว่าดวงตาหวานซึ้งของเธอยังดึงดูดเขาให้จับจ้องไม่ยอมแม้แต่กะพริบตา
“อืม ถูกต้อง ฉันชอบ ชอบมากเสียด้วย”
คำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินทำเอาม่านไหมถึงกับอึ้งพูดไม่ออก แรงกอดกระชับและใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้นั้นอีก สัญญาณอันตรายบางอย่างบอกเธอให้รู้ทางแววตาของคนที่จ้องมองมา หญิงสาวเบี่ยงใบหน้าหลบอันตรายที่พุ่งมาทันที ริมฝีปากของเขาจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหูเล็กแทน
“พวกที่มันร่าน ๆ แบบนี้ เท่าที่เคย ๆ มา มันได้ใจทุกคน ฉันอยากรู้แล้วสิว่าเธอมันจะถึงใจแค่ไหน”
เสียงเขากระซิบแผ่วเบา ก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าสัมผัสใบหูเล็ก หญิงสาวถึงกับสั่นสะท้านวูบไหวไปทั้งตัว มันคงเพราะความขยะแขยงเต็มทน เธอคิดอย่างนั้น ร่างบางจึงยิ่งดิ้นรนรุนแรงให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่ง
“ยี้! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ทุเรศที่สุด ปล่อยนะ ปล่อย!”
ความคิดเห็น