NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลงเงาลวง (ฉบับพิมพ์เล่ม)

    ลำดับตอนที่ #10 : ๔ สาวน้อยเริงราตรี 2/2

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 67


    สาวน้อยเริงราตรี

     

     

    วันนี้...เพียงวันนี้เท่านั้นช่อแก้ว ที่เธอจะยอมพ่ายแพ้ต่อความอ่อนแอที่มันครอบงำจิตใจให้ต้องเจ็บปวดและมีน้ำตา

    เธอสัญญากับตัวเองว่าหลังจากวันนี้ไปจะกลับมาเข้มแข็งและยืนหยัดอย่างมั่นคงอีกครั้ง น้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าในวันนี้มันจะเป็นหยดสุดท้ายในชีวิต พรุ่งนี้เธอจะเริ่มต้นใหม่ จะพิสูจน์ให้พ่อได้เห็นว่าลูกสาวคนนี้ไม่ใช่เด็กดื้อรั้นไม่เอาไหนอย่างเมื่อก่อน ลูกสาวคนนี้มีค่าพอที่จะแลกเอาความรักของพ่อคืนมา

    “เร่าร้อนมากน้องสาว พี่มาที่นี่แทบทุกคืนเพิ่งเจอน้อง เพิ่งเคยมาครั้งแรกหรือครับ” เมื่อเสียงเพลงเปลี่ยนจังหวะเป็นเชื่องช้าแผ่วเบาลง เสือหนุ่มใจกล้าที่เฝ้ามองโลมเลียเหยื่อสาวอยู่นานแล้วก็ตรงเข้าทักทายทันที มือไม้ที่ไวเป็นนิสัยเลื่อนมาสัมผัสลูบไล้เรียวแขนนวลอย่างถือวิสาสะ

    ร่างบางสะบัดตัวออกห่างพลางนัยน์ตาสวยคมทว่าดุดันตวัดมองคนลวนลามอย่างเอาเรื่อง กล้าดียังไงมาสัมผัสกายเธอ แม้จะถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงาน แต่ก็ใช่จะยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัว เธอยังพอมีสติครบถ้วน มือบางผลักอกชายผู้นั้นให้พ้นทางอย่างนึกรำคาญและขยะแขยงเต็มทน

    “อย่ายุ่ง! หลบไป ฉานจะไปหาเพื่อน”

    ช่อแก้วเดินซวนเซกลับมายังโต๊ะที่มีเพื่อนสาวทั้งสองนั่งดื่มรออยู่ หากแต่สายตากระหายของชายคนนั้นยังมองโลมไล้ตามเรือนร่างงามด้วยแววเจ้าเล่ห์เหมือนมีแผนชั่วร้ายอยู่ในใจ อย่างไรเสีย มันคงไม่ยอมปล่อยนางฟ้าราตรีที่งดงามที่สุดแห่งค่ำคืนนี้ให้หลุดมือ

    อีกมุมหนึ่งของผับมีบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อแน่นกำยำ ในมือประคองแก้วน้ำสีอำพันไว้แน่น สายตาหยามหยันบวกกับริมฝีปากเหยียดยิ้มเหี้ยมราวกับสมเพชและเกลียดชังภาพที่กำลังมองอยู่นักหนา

    หลายชั่วยามแล้วที่ชายหนุ่มจับจ้องโลมเลียอยู่กับเรือนร่างงดงามภายใต้เดรสตัวจิ๋วสีแดงเพลิงที่เต้นส่ายสะบัดได้กระชากใจ เย้ายวนเกินชายใดที่ได้ยลจะหักห้ามความต้องการ และไอ้หนุ่มคนนั้นก็เข้ามาแทรกให้รำคาญตา เขาดูก็รู้ว่ามันบังอาจคิดอะไรอยู่ มันคิดผิดมหันต์ที่กล้าหมายปองในสิ่งที่เขาไม่มีวันให้มันได้ลิ้มลอง 

    หัวใจที่ร้อนรุ่มตั้งแต่เมื่อตอนเย็นที่เห็นร่างนวลงามเยื้องกรายออกจากศูนย์การค้าด้วยชุดบ้าบอนี้ ไม่รู้เป็นอะไรเขาถึงโมโหจนแทบอยากฆ่าเธอให้ตาย ไอ้ชุดเกาะอกสีแดงตัวจิ๋วแนบเนื้อที่ใส่นั้น ผู้ชายคนไหนเห็นคงแทบคลั่งไม่ต่างกัน หรือเธอชอบเร้าอารมณ์สัตว์ร้ายเล่นจนเคยตัว แล้วจะได้รู้...ว่าสัตว์ร้ายที่ขุดหลุมล่อ มันไม่ได้ให้ความสนุกสุดหรรษาอย่างที่เธอเคยชิน! 

    “หึ ที่แท้เธอมันก็แค่เด็กใจแตก คงเคยเจอแต่สวรรค์สินะ แล้วเธอจะรู้ว่านรกมันเป็นยังไง”

    ภูวินท์กล่าวหยามเหยียดพลางกระดกเหล้าลงคอพรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะละสายตาจากเป้าหมายหันไปจ้องเขม้นไอ้หนุ่มผู้แสดงตนเป็นศัตรูเมื่อครู่ หากไม่เพราะต้องคอยจับตามองเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนนั้นไม่ให้คลาดสายตา เขาคงปลีกเวลาไปออกกำลังซัดหน้าไอ้หน้าหื่นนั่นให้หายคันไม้คันมือตามประสาคนอารมณ์ร้อน

    แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่าอะไรสำคัญมากกว่า แน่นอนว่าคืนนี้ไม่มีทางที่จะยอมพลาดในสิ่งที่ต้องการ โอกาสเหมาะแบบนี้ไม่ใช่จะมีมาง่าย ๆ สวรรค์ช่างเป็นใจให้เขาเสียจริง

    ด้านนางฟ้าราตรีที่ไม่รับรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งอันตราย ในยามนี้ยังคงดื่มด่ำอยู่อย่างสนุกสุดเหวี่ยง หลงลืมความทุกข์เศร้าจนหมดสิ้น

    “เต้นกันไอ้หมาย อ้ายนก วันนี้เอาให้มานสุด ๆ ไปเลย อยากเฮงซวยดีนักใช่ไหมชีวิต คอยดูสิ ฉานจะทำให้โชคชะตามันอายไปเลย อยากเล่นงานฉันดีนัก อยากเห็นฉานเศร้าละสิ ม่ายมีวัน”

    เจ้าของเสียงอ้อแอ้กำลังพูดจาเยาะหยันโชคชะตาอย่างคนที่เหนือกว่า เธอลุกขึ้นพร้อมดึงแขนเพื่อนสาวทั้งสองให้ลุกตาม จุดมุ่งหมายคือตรงกลางกลุ่มผู้คนที่ขยับโยกย้ายอยู่กลางฟลอร์

    “ไอ้ช่อ ไอ้ไหม พอแล้ว กลับเถอะ พวกแกเมามากแล้วนะ” กรกนกรีบยื้อเพื่อนเอาไว้เมื่อเห็นว่าม่านไหมเริ่มจะเห็นดีด้วยกับคนชวน ท่าทางทั้งสองดูจะเมามายจนสภาพตอนนี้ไม่เหลือดี

    “มาวที่หนาย พวกฉันกำลังสนุกเลย ไอ้นกแกจาขัดความสุขของเพื่อนทำไมฮะ มาสนุกด้วยกันดีกว่า”

    “ช่าย ไอ้ช่อมันพูดถูกจาย”

    “เมากันหมดแล้วใครจะเป็นคนลากคอพวกแกกลับไปซุกหัวนอนวะ เหลือฉันไว้สักคนก็แล้วกัน” กรกนกส่ายศีรษะให้กับทั้งสอง ปกติก็ใช่จะหลงใหลในของมึนเมากันนัก ออกไปทางเกลียดเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้คงหวังจะให้น้ำเมาเป็นยาช่วยสมานรอยแผลในใจที่เพิ่งได้รับกันมาไม่ถึงวัน 

    มันจะช่วยได้สักแค่ไหนกัน หากสิ้นฤทธิ์น้ำเมา รอยแผลพวกนั้นจะไม่กลับมาเหวอะหวะสร้างความเจ็บปวดให้อีกอย่างนั้นหรือ

    เมื่อไม่อาจยื้อทั้งสองได้ กรกนกจึงได้เพียงส่ายศีรษะให้กับสองสาวร่างระหงที่กำลังโยกย้ายอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้คน ม่านไหมวันนี้ถอดคราบสาวหมวยเชยเฉิ่มกลายเป็นแม่เสือสาวสุดเซ็กซี่ด้วยชุดเกาะอกสีน้ำเงินเข้ม สไตล์เดียวกับชุดสีแดงเพลิงของช่อแก้วไม่มีผิดเพี้ยน เพราะไปกวาดซื้อมาจากร้านเสื้อเดียวกัน ร่างงามส่ายสะบัดเต็มที่ไม่ให้แพ้เพื่อนสาวในชุดสีแดง

     

    อีกมุมหนึ่งของร้านมีกลุ่มเสือหนุ่มสามสี่คนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ และไม่ทันจะได้นั่งลงครบทุกคนด้วยซ้ำ พ่อหนุ่มตาไวคนหนึ่งก็สะกิดเพื่อนนักล่าที่มาด้วยกันให้หันมอง

    “ไอ้ชน แกดูสองสาวนั่นสิวะ แหม ลูกสาวใครหว่า มันน่ากินชะมัด”

    “เฮ้ย! นั่นมัน...โธ่เว้ย! ยัยบ้าเอ๊ย!” ชนวีร์สบถออกมาเสียงดังด้วยความโมโห ยิ่งเห็นสายตาเพื่อนที่มองโลมเลียไปที่เธอก็ยิ่งเดือดหนัก ยัยนั่นไม่เห็นแก่หน้าตาเขาเลยหรือไง กำลังจะแต่งงานกับเขาแท้ ๆ ยังกล้ามาเต้นโยกย้ายให้ผู้ชายอื่นแทะโลมไม่อายฟ้าดิน

    “เฮ้ย! อะไรของแกวะ เดือดยังกับสาวสวยคนนั้นเป็นเมียแกอย่างนั้นแหละ”

    “ไม่ใช่ แต่คงอีกไม่นาน...”

    “ฮ้า! ไหนแกบอก ว่าที่เมียแกเชยสะบัดซะไม่มีไงวะ ฮ่า ๆ”

    ชนวีร์ไม่แม้แต่จะฟังเสียงเย้าแหย่ของเพื่อน ชายหนุ่มขบฟันเข้าหากันดังกรอด จำได้แม่นแม้หล่อนจะแปลงโฉมมาในชุดไหนก็ไม่มีทางพรางตาเขาได้แน่ และไม่มีวันที่จะยอมให้ยัยคู่หมั้นตัวแสบนั้นทำเขาขายหน้าเด็ดขาด

    “อ้าว แล้วนั่นแกจะไปไหน”

    “ลากยัยนั่นกลับบ้านน่ะสิ ม้าจะได้รู้ธาตุแท้ว่าที่สะใภ้คนโปรดสักที ว่าที่จริงมันเป็นยังไง”

    ชนวีร์รีบตรงปรี่เข้าหาคนที่ทำให้เดือดทันที ไม่ทันให้อีกคนได้เห็นหน้าค่าตา มือหนาก็กระชากลำแขนเล็กดึงรั้งออกจากฟลอร์เต็มแรง

    “เฮ้ย! คุณ” ม่านไหมเบิกตากว้างหน้าซีดเผือด ตกใจจนด่าไม่ออกเมื่อเห็นใบหน้าคนไร้มารยาทที่กล้ามากระชากเธออย่างไม่ให้เกียรติ

    “ตกใจมากเหรอที่เห็นฉันที่นี่ กลับบ้าน!” ชนวีร์ไม่ฟังเสียงใด ๆ รีบลากคนร่างเล็กให้ตามตัวเองออกมา

    “ไม่นะ ฉันไม่กลับ ปล่อยนะ ยัยช่อ ช่วยฉันด้วย!” เมื่อได้สติหญิงสาวก็รีบดิ้นรนพลางร้องเรียกเพื่อนสาวที่มัวแต่เต้นไม่ทันเห็น

    เสียงคุ้นหูนั้นไปสะกิดใบหูเล็กจนเอะใจรีบหันมองตาม ด้วยความตกใจ ช่อแก้วรีบวิ่งเข้าไปทุบตีชายหนุ่มที่ฉุดรั้งเพื่อนสาวเต็มแรง ยิ่งเมื่อเห็นว่าเป็นใครยิ่งตีรัวไม่ยั้งมือ

    “ปล่อยเพื่อนฉันนะ ไอ้นกช่วยไอ้ไหมด้วยสิวะ!” ริมฝีปากบางก็ขยับเรียกหาเพื่อนสาวอีกคน

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันฆ่ายัยนี่แน่” เมื่อเริ่มรำคาญ เสียงขู่โหดเหี้ยมก็ดังขึ้นพร้อมกับกระชากร่างบางของม่านไหมเข้าหา และล็อกตัวเอาไว้เหมือนกำลังจับตัวประกัน

    สองสาวร้อนใจอยากช่วยเพื่อนเต็มทน แต่ก็ไม่กล้าแผลงฤทธิ์เพราะกลัวคำขู่มากกว่า ได้เพียงมองคนที่ถูกพันธนาการอยู่อย่างเห็นใจ

    “ยัยนี่เป็นคู่หมั้นฉัน ฉันจะพายัยเด็กใจแตกนี่กลับบ้าน พวกเธออย่ามายุ่ง”

    “ฉันไม่ไปกับคุณนะ ปล่อยยย...” ม่านไหมแทบอยากร้องไห้โฮออกมาเสียตรงนั้น เธอเกลียดผู้ชายคนนี้และขยะแขยงเป็นที่สุด

    “จะยอมกลับกับฉันดี ๆ หรือให้ฉันโทร.บอกม้าเธอ เลือกเอาม่านไหม!”

    “ไม่นะ ไม่ต้องบอกม้า ฉะ ฉันกลับกับคุณก็ได้” ม่านไหมถึงกับลนลานตอบรับแทบไม่ทันเมื่อเจอคำขู่ของคู่หมั้นหนุ่ม เธอไม่อยากให้มารดาต้องไม่สบายใจเพราะเธออีกแล้ว

    “ฉันต้องกลับแล้วละ พวกแกก็รีบกลับนะ ไม่ต้องห่วงฉัน กุญแจห้องอยู่ในกระเป๋านะช่อ” ม่านไหมหันมาบอกเพื่อนอย่างจำยอม ขณะที่ร่างของเธอยังไม่สามารถดิ้นหลุดจากลำแขนแกร่งที่มีทีท่าจะโอบกอดแน่นขึ้นทุกขณะ

     

    เมื่อม่านไหมถูกคู่หมั้นหนุ่มลากตัวกลับบ้านไปก่อน กรกนกได้โอกาสก็รีบชวนช่อแก้วกลับบ้าง คนที่เริ่มหมดสนุกอีกทั้งในใจก็นึกห่วงเพื่อนสาวจนไม่มีอารมณ์จะอยู่ต่อจึงเลือกที่จะกลับตามคำชวน

    ในขณะเดียวกันคนที่นั่งมองเหตุการณ์ชุลมุนของสามสาวกับหนึ่งหนุ่มอยู่อีกมุมของผับก็แสยะยิ้มพอใจ วางแก้วเครื่องดื่มในมือลงก่อนจะเรียกบริกรมา

    เช็กบิล ต้องขอบคุณไอ้หนุ่มคนนั้นที่ทำให้ค่ำคืนที่เขารอคอยมาถึงเร็วขึ้น

    เขาเดินตามร่างซวนเซที่ใช้ร่างเพื่อนสาวเป็นที่แอบอิงพยุงกันออกไปอย่างทุลักทุเล ก่อนจะชนเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งที่เดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน ชายหนุ่มเหลือบขึ้นมองหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก สบเข้ากับสายตาเอาเรื่องไม่ยอมคนของคู่กรณี เขาจำได้ในทันทีว่าไอ้หนุ่มไร้มารยาทตรงหน้าเป็นใคร ทั้งสองจ้องกันไม่มีใครยอมหลบ

    “หลบไป” คู่กรณีสั่งเสียงกระด้างห้วนจัด

    “แกนั่นแหละที่ต้องหลบ” ภูวินท์ตอบกลับเสียงนิ่ง ไม่มีทีท่าจะหวั่นเกรงต่อท่าทางนักเลงผยองอวดเบ่งของอีกคนสักนิด

    “อยากมีเรื่องหรือไงวะ”

    “เปล่า! วันนี้ไม่ว่างว่ะเพื่อน พอดีมาตามเมีย” ภูวินท์ไม่พูดเปล่า หากแต่สายตาก็เหลือบมองไปข้างหน้า ส่งสัญญาณให้คู่กรณีได้รับรู้ว่าหมายถึงใคร

    “ใครวะเมียมึง” คนที่มองตามสายตาเขายังเอ่ยถามเสียงกวน

    “ก็ที่มึงกำลังคิดจะคาบไปกินนั่นแหละ เมียกูว่ะเพื่อน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมึงเลิกคิดซะ!” 

    ชายหนุ่มพูดเสียงเยียบเย็น ก่อนที่น้ำเสียงจะกดเน้นหนักลอดไรฟันในท้ายประโยค มือที่เคยวางอยู่แน่นิ่งข้างตัวไวพอที่จะกระชากคอเสื้อคู่กรณีเข้าหาตัว แล้วผลักออกอย่างแรงโดยที่อีกคนไม่ทันตั้งตัวถึงกับซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว

    “ฮึ” สายตาคมกร้าวมองคนที่ยืนกำหมัดเจ็บใจด้วยแววเยาะหยัน ดูแค่หุ่นก็รู้ว่าแพ้เขาราบคาบ มันดูไม่สมน้ำสมเนื้อนักหากต้องออกกำลังในยามนี้

    ไม่คิดจะเสียเวลามากความกับไอ้หนุ่มนักเลงฝึกหัด ภูวินท์หันหลังให้และก้าวขามุ่งหน้าไปหาเป้าหมายที่ทิ้งห่างออกไปใกล้จะถึงรถคันที่เขาติดตามมาตั้งแต่หัวค่ำ

    แต่แล้ว

    “เชื่อก็โง่แล้ว ไอ้...”

    เสียงจากข้างหลังดังขึ้น แน่นอนว่าคนที่ระวังตัวอยู่แล้วรับรู้ทันทีโดยสัญชาตญาณจึงรีบเบี่ยงตัวหลบ ร่างของคนที่พุ่งมาสุดแรงจากด้านหลังถึงกับเสียหลักหน้าคะมำ หากชายหนุ่มไม่คว้าตัวเอาไว้เสียก่อน ไอ้หนุ่มนั่นคงได้ไปนอนกองอยู่กับพื้น หากกระนั้นก็ไม่ได้หวังจะช่วยแต่อย่างใด

    พลั่ก ๆ

    “โอ๊ย!” เสียงนักเลงฝึกหัดโอดครวญเมื่อโดนหมัดหนัก ๆ ไปเต็มแรงสองหมัดซ้อน ก่อนที่ร่างของมันจะถูกผลักให้ล้มลงไม่เป็นท่า

    อย่ายุ่งกับเมียกู จำไว้” ชายหนุ่มชี้หน้าตะคอกนัยน์ตาเดือด เริ่มจะรำคาญคนตรงหน้าเต็มทน หากไม่เป็นเพราะต้องรีบตามหญิงสาวตัวต้นเหตุของเรื่องไปเขาคงไม่ปล่อยมันไว้แค่นั้น

    ร่างหนาเดินแกมวิ่งตรงดิ่งมาที่รถของตัวเอง ตาคมก็มองตามรถอีกคันที่วิ่งสวนออกไปก่อน

    “หึ เสน่ห์แรงเหลือเกิ๊น เราได้เจอกันแน่ สาวน้อย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×