ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อเล็กซานเดอร์มหาราช

    ลำดับตอนที่ #3 : ใครลอบปลงพระชนม์?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 279
      0
      3 ก.พ. 50

    ใครปลงพระชนม์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
    อเล็กซานเดอร์มหาราช จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ (ประสูติพ.ศ.187) นั้น ทรงเป็นนักรบผู้เกรียงไกร ไม่เคยแพ้ผู้ใดในการศึก สามารถพิชิตปราบปรามเมืองต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์ และมีความเป็นไปได้ ที่จะปกครองโลก แต่แล้วพระองค์ ก็มาด่วนสิ้นพระชนม์เสียก่อน ในวัยเพียง33พรรษา ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าพระองค์เสด็จสวรรคต ด้วยสาเหตุประชวร หากทว่าเหตุผลนี้เป็นที่น่าสงสัย เพราะไม่เคยมีกษัตริย์มาซิโดเนียพระองค์ใด สวรรคตจากการประชวร  บัดนี้ ได้มีการใช้ วิทยาการทันสมัยพิสูจน์ ได้แล้วว่า การที่อเล็กซานเดอร์สิ้น พระชนม์ก่อนวัยอันสมควรนั้นเกิดจากการลอบปลงพระชนม์   ผู้สนใจในการสิ้นพระชนม์ของอเล็กซานเดอร์ มหาราช จนทุ่มเทศึกษาหาสาเหตุนี้ ก็คือ จอห์น กรีฟ (John Grieve) นักสืบแห่งสกอตแลนด์ยาร์ด สำนักสืบสวนของอังกฤษ ที่เคยโด่งดังในอดีต   กรีฟมีความเห็นว่า ในช่วงหลังๆ ของอเล็กซานเดอร์นั้น พระองค์ทรงเปลี่ยนไปจากเดิมคือ มีพระโทสจริตรุนแรง อาจเนื่องมาจาก การดื่มสุราอย่างหนักตามวิสัยของทหาร ทำให้ขาดพระสติได้ง่ายๆ กระทั่งครั้งหนึ่ง ได้เคยชักดาบออกสังหารทหารคนสนิท ด้วยสาเหตุขัดพระทัยเพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าพระอารมณ์ อันแปรปรวนโหดร้าย ได้ก่อให้เกิด ศัตรูผู้เป็นบริพารใกล้ชิด กอปรกับพระอาการประชวรก่อนสิ้น พระชนม์นั้น มีลักษณะคล้ายถูกวางยาพิษ กรีฟจึงฟันธงลงไปว่า ทรงถูกลอบปลงพระชนม์! เมื่อกรีฟค้นคว้าจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่มีอยู่ อาทิ จารึกอักษรโบราณ บนแผ่นดินเหนียวที่ได้จากพิพิธภัณฑ์ในอิรัก เขาพบว่า วันสวรรคตที่น่าถูกต้อง คือวันที่10หรือ11มิถุนายนพ.ศ.220ซึ่งก่อนหน้านั้น 12 วัน พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ได้ทรงเลี้ยงฉลองและดื่มน้ำจัณฑ์อย่างหนัก วันรุ่งขึ้นพระองค์ทรงล้มป่วยและพระอาการไม่ดีขึ้นจนสิ้นพระชนม์  ทีนี้มาพิจารณาถึงสภาพพระวรกาย โดยทั่วไปขององค์ จักรพรรดิดูบ้าง กรีฟพบว่าแทบจะทั่วพระวรกาย เต็มไปด้วยบาดแผล  จากการศึก พระองค์เคยถูกฟัน ด้วยดาบที่พระเศียร เคยถูก ลูกธนูปักที่อกทะลุปอด มีรอยแผลที่ขาและข้อเท้า นอกจากนี้ การดื่มหนักยังทำให้พระวรกาย ทรุดโทรม ตับโต เหล่านี้เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ทรงอ่อนแอ จนถึงกับสิ้นพระชนม์ได้หรือไม่  ก่อนหน้านี้ อเล็กซานเดอร์ ได้ทรงเยือนบาบิโลน เมโสโปเตเมีย และอิรัก หลายคนเชื่อว่า ทรงติดไข้มาลาเรียจากยุงที่นั่น ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าเชื้อมาลาเรีย ได้กินเม็ดเลือดแดงและ ถ้าเชื้อขึ้นสมองจะเกิดไข้สูงปัสสาวะเป็นสีดำ หากทว่าแม้พระองค์มีไข้สูงก็จริง แต่ปัสสาวะไม่ดำ ดังนั้น จึงตัดแง่คิดในเรื่องมาลาเรียทิ้งไป    ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งสันนิษฐานว่า อเล็กซานเดอร์เป็นโรค เวสต์ไนล์ (West-Nile) คือติดเชื้อโรคนี้มาจากนกและยุง (ไข้หวัดนก?) คนที่เป็นจะมีไข้สูงหลายวัน คล้ายกับอาการของอเล็กซานเดอร์ และในวันท้ายๆ พระองค์เคลื่อนไหว ท่อนล่างของพระองค์ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นอาการหนึ่งของโรคเวสต์ไนล์   แล้วก็ถึงข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดตามที่กรีฟคิด นั่นคือการวางยาพิษ เพราะในสมัยนั้นการใช้ยาพิษมีอยู่อย่างกว้างขวาง และการปลงพระชนม์ กษัตริย์มาซิโดเนียก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนมิใช่สิ่งแปลก  แล้วใครเล่าคือผู้ลอบปลงพระชนม์อเล็กซานเดอร์?   เขาผู้นั้นจะต้องมีความแค้นส่วนตัว กับพระองค์และจะต้องมีความใกล้ชิด เข้าถึงพระองค์ ได้ผู้ที่ถูกสงสัยมากที่สุด มีนามว่าอาดีวิเดอร์ซึ่งเป็นอดีต ผู้ปกครอง มาซิโดเนียที่ถูก อเล็กซานเดอร์ปลดจากตำแหน่ง เขามีบุตรชาย2คนที่ติดตามทัพ ไปอยู่ที่บาบิโลนกับอเล็กซานเดอร์ ยาพิษที่มีอยู่มากมายในมาซิโดเนีย ได้ถูกจัดส่งไปที่นั่น และถูกลอบ ใส่ลงในน้ำจัณฑ์ที่อเล็กซานเดอร์เสวย ทำไมอาดีวิเดอร์จึงมุ่งสังหารอเล็กซานเดอร์?  นอกจากความแค้นที่ต้องถูกลดฐานแล้ว ความกลัวที่จะถูกอเล็กซานเดอร์ ประหารก็เป็นอีกประการหนึ่ง เพราะในระยะหลังพระองค์ทรงโหดเหี้ยม สั่งฆ่าใครต่อใครได้ง่ายๆ ด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อย แม้กระทั่ง อริสโตเติล พระอาจารย์ของอเล็กซานเดอร์ ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าจัดหายาพิษ มาปลงพระชนม์ ทั้งนี้ เพื่อแก้แค้นที่หลานคนหนึ่งถูกอเล็กซานเดอร์สังหาร และทำไมจึงมุ่งประเด็นยาพิษ? ทั้งนี้ เพราะอาการผิดปกติ ของอเล็กซานเดอร์ เกิดขึ้นรวดเร็ว หลังจากพระองค์ดื่มไวน์ ได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง นั่นเป็นอาการ ของผู้ที่กินสารพิษเข้าไป   สารพิษนั้นคืออะไร  พืชที่เรียกว่า เฮลเลบอร์ (Hellebore) ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในมาซิโดเนีย และ มีรากอันเป็นสารพิษ ที่ให้ผลต่อเนื่อง นานหลายวันได้ถูกนำมาวิจัย กรีฟกับคณะได้เก็บเอารากต้นเฮลเลบอร์ มาบดตำละลายน้ำ แล้วเอาเข้าเครื่อง วิเคราะห์เส้นกราฟที่ได้แสดงถึง ความเป็นพิษอันร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์  นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากสงครามเกาหลีว่า ครั้งนั้นทหารได้นำเอาต้นเฮลเลบอร์ มาปรุงเป็นอาหาร แล้วเกิดการล้มป่วยไปตามๆกัน อาเจียน และหัวใจเต้นช้าลง ง่วงซึมคล้ายอาการของ อเล็กซานเดอร์   ความจริงสารเฮลเลบอร์จะถูกขับออกจากร่างกายได้ภายใน 1 วัน ดังนั้น อเล็กซานเดอร์จึงอาจถูกวางยาพิษเพิ่มเติมอีก   ประวัติศาสตร์ ระบุว่า หลังจากที่พระองค์เสวยไวน์ แล้วเกิดอาการผิดปกติ ก็ได้รับสั่ง ให้บริพารคนหนึ่งนำก้านขนนกมาแยงเข้าไปในพระศอของพระองค์ เพื่อให้อาเจียน เป็นไปได้ว่าขนนกนั้นมียาพิษติดอยู่ ซึ่งยาพิษนี้ ถ้าได้รับเข้าไปโดยตรงเพียงหนึ่งกรัม ก็ทำให้เสียชีวิตได้   เมื่ออเล็กซานเดอร์ซึ่งมีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เสวยยาพิษเข้าไปก็ทรงทรุด จนถึงขั้นขยับพระวรกายไม่ได้ ต้องนอนแบ็บอยู่กับแท่นบรรทม แล้วยาพิษ ก็ถูกนำมาให้เสวยซ้ำอีกในวันสุดท้าย ทำให้พระองค์ สิ้นพระชนม์ในที่สุด แนวคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เฮลเลบอร์ นั้นแพทย์สมัยโบราณรู้จักกันดีในฐานะ ของยาระบายชนิดหนึ่งและได้นำมาใช้สำหรับ รักษาคนไข้โดยเจือในปริมาณน้อย แต่ถ้าหากใส่ลงไปมากมันก็คือยาพิษนั่นเอง เป็นไปได้ไหมว่า หมอที่รักษาพระอาการของ อเล็กซานเดอร์ได้นำเอาเฮลเลบอร์มารักษาพระองค์ แต่ด้วยพระวรกายที่อ่อนแอทรุดโทรม อเล็กซานเดอร์ จึงไม่สามารถทนทานต่อฤทธิ์ของเฮลเลบอร์ได้ หากทว่าข้อสันนิษฐานนี้ยังอ่อน เมื่อเทียบกับการที่ทรงถูกวางยา อย่างแรงจากผู้ใกล้ชิดที่เกลียดชังพระองค์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×