ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 Miss Karma,Krystal Jung 』#ฟิคคุณบอส

    ลำดับตอนที่ #1 : I l Ola,Greeting from Honolulu

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 59




    Episode : I

    (please click to listen)

     

                “อีกไม่กี่ชั่วโมง มึงก็จะจากกูไปแล้วใช่ป่ะ แม่งน้อยใจฉิบหายว่ะ” ฉันเปรยตามองนัมจุน เพื่อนสนิทของฉันที่มีท่าทีเหมือนจะพึมพำกับตัวเองอยู่ ในระหว่างที่มันเองก็กำลังถือกระป๋องเบียร์พลางซดไปด้วย ฟังไปมันก็เหมือนกับว่านางกำลังพาดพิงถึงฉัน ดูได้จากน้ำเสียงแลดูนอยด์ๆของมันได้เลย

     

                “อย่ามาร่ายอะไรที่ไม่ใช่ตัวมึงดิ ขนลุกฉิบหายเลย”ถึงจะพูดแบบนั้นใส่มันไป แต่ในใจมันก็ห่อเหี่ยวเหมือนกันนะ เพราะครั้งนี้ถูกเรียกกลับไปยาวเลย แถมหมอนี่มันก็เพื่อนฉันคนเดียวที่ทำอะไรด้วยกันตลอด ถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่อยากจากมันไปหรอก

     

                วันนี้เป็นวันสุดท้ายของฉันสำหรับการอยู่ที่นี่ ที่โฮโนลูลู ฉันกับนัมจุนก็คนเกาหลีนี่แหละ แต่สาเหตุที่ฉันมาอยู่ที่นี่ซะนานก็เพราะว่ามีเรื่องจำเป็นที่จะต้องมาอยู่ที่นี่ ฉันกับนัมจุนเรามารู้จักกันตอนซัมเมอร์ ซึ่งตอนนั้นฉันก็มาย้ายอยู่ที่นี่แล้ว ตอนที่ฉันเจอเขาครั้งแรกคือตอนที่เขากำลังเตะบอลชายหาดกับเพื่อนของเขาละมั้ง ตอนนั้นไม่รู้เล่นอีท่าไหน ลูกบอลทีเขาเตะมามันมาโดนหน้าของฉันอย่างจัง ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาที่ฉันกำลังจะทานน้ำแข็งใสพอดี ความเจ็บก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็น แต่สิ่งที่ตามมาคือโลหิตแดงๆที่ไหลออกมาจากจมูกของฉัน

     

                ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเลยไงเพราะมันแบบเป็นช๊อตเดียวอะ แบบ..ฟรึบ เลยงี้ อารมณ์โกรธ โมโห มันแล่นเข้ามาในสมองไม่ทันจริงๆเพราะตอนนั้นมึนมาก เก้าอี้ไม้ที่ไม่ได้หนักมากที่รองรับน้ำหนักฉันอยู่ ทันที่ที่ลูกบอลของเขาสัมผัสกับเบ้าหน้าอย่างจังมันถึงกับเกือบทำให้ฉันเกือบจะพยักหลังตามเก้าอี้ไปด้วย

               

                ตอนนั้นก็วุ่นตกใจกันแน่นอน ไอ้เจ้าตัวที่ทำก็มารับผิด ขอโทษทันที และโดยที่ไม่ลืมสันดานตัวเองว่าตัวเองทำผิดอะไรไป เขาก็รีบปฐมพยาบาลให้ฉันเองโดยที่ฉันยังไม่ได้ตั้งตัวหรือพูดอะไรสักคำหลังจากเหตุการณ์ไปฉันก็ตามเขาไปว่า ตาไม่มีหรืออะไร มองไม่เห็นหรอ แล้วดูนางตอบนะ นี่คือสเต็ปของคนจะจีบสาวให้เพื่อนตอนได้ยินนี่รีบเอามือทาบอกเลย นี่ฉันสร้างกรรมมาเอาอิท่าไหน ถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้

     

                “จะกลับมาหากูเปล่า ถ้าไม่กลับมาแล้วเมื่อไหร่กูจะมีหญิงที่มึงคิดว่าเหมาะกับกูวะ”

     

    “เดี๋ยวกูไป มึงก็หาเองได้ตามที่มึงเองชอบแล้วเพื่อน คิดว่าชอบใครก็ไปจีบเหอะ ฉันคงไม่ขัดนายเหมือนที่ผ่านมาแล้ว”แล้วนี่จะนอยด์ ทำเสียงอ่อยปนเศร้าทำไมเนี่ย ฉันคงคิดมากไปจริงๆกับการกลับโซลครั้งนี้

     

    “กูจะไม่คบใครเว้ย ถ้ามึงไม่เลือกให้” เขาเด้งขึ้นมาหลังจากเมื่อกี้ จากที่นั่งพิงกับเก้าอี้อยู่อยู่ เขาเอามือโอบคอฉันไว้ข้างหนึ่ง ก่อนที่จะพูดปลอบให้ฉันสบายขึ้น “จะไม่มีใครจนกว่าจะมีมึงด้วย” และแน่นอนมันก็ทำให้ฉันยิ้มได้ ฉันทำอะไรฉันก็อยู่กับเขาตลอด และฉันก็คงคิดว่าไม่มีใครจะเข้าใจฉันไปมากกว่าเขาอีกแล้ว

     

                และภายในค่ำคืนนั้น เที่ยงคืนสิบห้านาที เป็นเวลาสุดท้ายที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ไม่รู้เจ้าบ้านั่นจะมาเปิดเพลงร้องให้ฟังทำไมนะ แต่แม่ง ..เก็บอารมณ์ไม่ได้จริงๆ ไปครั้งนี้คิดถึงเขาแน่ๆ แน่ๆ แน่นอนมากๆ ไม่อยากจากหมอนี่ไปเลย

      

                ก่อนที่จะแยกตัวกันกลับบ้านตัวเองไป เขาก็บอกกับฉันก่อนไปอีก

     

                “เดี๋ยวไว้จะตามไปหานะ ..อย่าเพิ่งหนีไปควงหนุ่มที่นั่นซะก่อนละ”

     

     

     . . . . .

     

     

                นัมจุนที่ว่าแน่ หล่อเหลา แสนดีและมาดแมนที่เคยพูดสโลแกนของตัวเองไว้ต่อหน้าฉันก็ต้องปิดฉากลง เพราะทันทีที่ถึงโซล ฉันก็ปรับโหมดโทรศัพท์ตัวเองจากที่เป็นโหมดเครื่องบินก็กดปิดให้กลับมาเป็นปกติ ทันทีที่เปิดมา แจ้งเตือนทุกอย่างในโทรศัพท์ก็ประดังเข้ามาในโทรศัพท์ของฉันอย่างจัง

     

                ส่วนใหญ่ที่รัวเข้ามาจะเป็นเมสเสจจากนัมจุนมันทั้งนั้นแหละ ของแซมเปิลเบาๆให้ทราบกันสักนิดสำหรับข้อความของมันที่ส่งมาหาฉัน “คิดถึงมึงง่ะ” , “จะกลับมาหาได้ยัง” , “เหงาจนหัวเชื้อเน่าแล้ว” ..หัวเชื้อเน่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเนี่ย- - "ถึงโซลแล้ว เปิดแคมมาหาฉันด้วยนะ" และยังไม่ทันได้กดแป้มพิมพ์ตอบเขาไป “อ๋อนี่มึงอ่านแต่ไม่ตอบกูหรอ เสียจุยนะ เสียจุย” อิบ้า ขอเวลาสูดออกซิเจนสสักแปปก่อนได้ไหม?

     

                สองนาทีต่อมาที่ฉันกำลังพิมพ์ตอบเขาอยู่ อยู่ดีๆ Video Call จากนัมจุนก็มามันขัดเรียบร้อย คืออินี่หนิ ฉันไม่อยากยกกล้องคุยกับนายตอนนี้ ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากเลยเว้ย มือที่ว่าจะกดวางสาย อยู่ดีๆข้อความของมันก็ส่งเข้ามาอีกว่า อ๋อ ไม่รับแบบนี้แสดงว่าไม่รักกันงั้นสิความคิดที่ว่าจะอยากวางต้องกดรับทันที รับสายมันตอนนี้ ดีกว่าทำให้เครื่องค้างจนทำอะไรไม่ได้เลยันจะดีกว่าค่ะทุกๆท่าน

     

     

                           [What supp!] เปิดกล้องขึ้นมาก็ผมกับใบหน้าและปากห้อยๆของมันที่กำลังดี๊ด๊าสุด ไม่รู้เพราะอะไร

                “แซ่บซั่บพ่อแกสิ มึงรู้มั้ยว่าเหนื่อยเว้ย เมื่อย ไม่อยากถือกล้อง”ฉันบ่นยาวให้ฟัง ก่อนที่จะเขม่งมองเขาเอาผิด

                [โห่ คือนี่จะไม่ให้คุยเลยช่ะ คือมันเหงาคอลมาไม่ได้ไง๊ เวลาที่เราจะคอลกันได้ มันยากนะเว้ย มาแบบนี้รึจะให้กูออกมาจากโทรศัพท์ เหนี่ยวมึงจนนมแตกดีไหม อะโด่ว]มีพรีวิวท่าเหนี่ยวของมันด้วย

                “ว่างเนอะอิห้อย เอ้า มีอะไรก็รีบๆพูดมา”

                [เออ มาแฮปปี้กับม่อนหน่อยเด๊ะ คือกูจะได้ย้ายงานไปที่โซลเหมือนมึงแล้วเว้ย ขู่บอสเกือบตายกว่าจะยอมตกลงเซ็นต์อนุมัติให้ เห้อ]จากหน้าตาปกติๆของมัน ตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าระรื่น เฮฮาคนเดียวราวกับสิ่งนี่คือการเอาชนะ

                “อิลูกน้องชั่ว ไปขู่เจมส์แบบนั้นได้ไงเนี่ย ฮ่าๆ เฮ้ย ดีใจอ่ะ แล้วจะมาตอนไหนเนี่ย ถ้ามาเนี่ยมาอยู่คอนโดกับกูปะ”เจมส์ที่ว่านี่เพื่อนของฉันเหมือนกันและก็เป็นหัวหน้าของฉันด้วย แต่ไม่ถูกกับนัมจุนสุดๆ เพราะไอนัมจุนนี่ เวลาเจอหน้าเจมส์ที่ไรก็ชอบทำตัวนักเลงทุกทีเลย

                [อือ ก็ได้นะ ได้ไปกลางเดือนหน้าอ่ะ แม่ง นานฉิบหายเลย กูอยู่ไม่ได้นะเนี่ยถ้าไม่มีมึง หัวร้อนโคตร] เขาขวดคิ้วใส่กล้อง

                “ใจเย็นดิๆ ถ้าวันไหนเวลาว่างตรงกันจะคอลไปหาแล้วกัน ตอนนี้ต้องวางก่อน เพราะมีธุระกับที่ Kim Entertainment อีก”

                [อือๆ ก็ได้ เจอบอสดีๆนะเว้ย งั้นเดี๋ยวไปนอนละ]

                “งั้นฝันดีนะไว้เจอกัน”ฉันรีบโบกมือลาเขา ก่อนที่จะกดลางสายไป

     

                วินาทีนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องสอดส่ายกันแล้วยอรอบุล ก่อนหน้านี้เห็นข้อความของพี่แชทมาบอกว่ามีรถมารอรับแล้วเป็นรถตู้สีดำ มีคนมารอรับอยู่ข้างนอกแล้ว ..เออ คือบอกแค่มาแค่นี้หรอ รถตู้มันก็มือกันทุกคน ใครมันจะไปรู้ว่าคันนะ ละนี่คนก็เยอะแยะ จะดูออกไหมเนี่ยคนเรา

     

                แต่สักพักสวรรค์คงเป็นใจมั้ง มีคนหน้าตาดีเดิมมาหาฉันทันที “คุณใช่คุณคริสตัล จอง หรือ คุณซูจองรึเปล่าครับ”

     

                “อ๋อ ใช่ค่ะ พนักงานจาก Kim Ent ใช่ไหมคะ คือฉันกำลังหารถของคุณอยู่พอดีเลยค่ะ”

     

                “เหมือนกันเลยฮะ ผมฮันซลนะครับ”เขายื่นมามาเพื่อที่จะทำความรู้จักกับฉัน ด้วยที่ฉันเองก็ตอบรับเช่นกัน

     

                “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จะเรียกซูจองก็ได้นะคะ”

     

                หลังจากที่ทำความรู้จักกับเขาเสร็จ ก็เพิ่งรู้ว่าเขาเองเป็นญาติกับเจ้าของบริษัท มาเป็นผู้ช่วยให้ วันนี้ก็เลยอาสามารับให้เอง และฉันเองก็เพิ่งรู้อีกว่าเขาก็อายุเท่ากันกับฉันเหมือนกัน นับว่าคือการมีมิตรใหม่เพิ่มอีกคน หลังจากที่แนะตัวกันเรียบร้อย เขาก็ผายมือ เดินนำฉันไปยังรถที่จอดอยู่ข้างไม่ไกลจากที่นี่

     

                ขอโม้หน่อยเถอะ ถามว่าคิดถึงบ้านไหม คือก็คิดถึงดิ ละครอบครัวหละ ก็คิดถึงอยู่แล้ว แต่แบบ แม่กับพ่อคิดอะไรอยู่ถึงอยากให้กลับมาทำงานที่นี่ งานที่นู่นได้ดีแล้วก็บรรยากาศรอบข้างดีกว่าอีกนะ ไหนจะเวลาออกไปไหนก็เจอทะเล ตนเล่นเซิร์ฟ อะไรกันเยอะแยะ มันคืออะไรที่ใช่ที่สุดในชีวิตฉันแล้ว พอมาเจอแบบนี้แล้ว คนรอบข้างก็จะเยอะไปไหนวะ รถก็ติดอีก ก่อนทำงานนี่อยากจะไปกดบัตรคิวหาหมอ แล้วถามหมอว่าฉันเป็นโรค Agoraphobia รึเปล่า

     

                “ไอ้จงอิน เอ้ย..คุณจงอินเขาบอกว่าถ้าถึงที่บริษัทแล้วคุณเข้าไปรอในห้องได้เลยนะครับ เดี๋ยวยังไงจะนำทางไปให้เอง”

     

                “อ๋อ โอเคค่ะ” ..เอ้ยเดี๋ยวๆ คุณจงอินหรอ..คิม เอนเตอร์เทนเม้นท์.. เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ อย่าคงไม่หรอกเพราะหายกันมาเป็นสิบปีแล้วเราคงไม่มีทางได้เจอกันอีกหรอก ถ้าใช่นี่ขอเลยนะ ขอบ่นพ่อกับแม่เลยว่าทำไมถึงบอกให้มาทำงานกับเขา แต่ยังไงก็เถอะ ภาวนาขอให้ไม่ใช่เขาแล้วกัน ฉันไม่เจอเขาอีกแล้ว ทั้งชีวิตจนกว่าจะหาไม่เลย

     

     

     

     

                “เชิญครับ”

     

                “ขอบคุณค่ะ”

     

                ฉันขอบคุณฮันซลไปเมื่อกี้ หลังจากที่เขาแสดงกิริยาสุภาพบุรุษด้วยการเปิดประตูให้ ฉันเดินตามหลังเขาไป โดยที่ไม่ลืมที่จะสังเกตรอบข้างว่ามีอะไรบ้าง ที่นี่เป็นบริษัทที่ปั้นไอดอลนักร้องนี่แหละ ตึกสีดำที่แลดูหรูและใหญ่โตเหลือเกิน ให้ผ่านค่ะแบบนี้ เข้าไปก็สบายเข้าไปอีกชั้นแรกเป็นชั้นติดต่อสอบถามอะไรต่างๆนาๆ ตามที่ฮันซลตอบมา พวกเราทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปชั้นสามอีก เพราะชั้นสาม เป็นชั้นที่มีคนในวงในอยู่กันมากกว่า และซีอีโอของที่นี่ก็เช่นกัน         

     

    ซึ่งชั้นสองเห็นฮันโซลบอกว่าเป็นชั้นของเด็กฝึกเด็กเทรนทั้งหลาย รวมถึงไอดอลที่ต้องมาฝึกกันประจำด้วย เขาบอกว่า ทันทีที่พบคุณจงอินอะไรนี่เสร็จจะพาไปเดินดูด้วย คือเอาตรงๆว่าฉันไม่ต้องการแบบนั้นเลยนะสำหรับตอนนี้ ตอนนี้ขอกลับคอนโดไปนอนแล้วตื่นอีกทีพรุ่งนี้เย็นๆ แต่ก็เอาเถอะ เพราะพ่อบอกให้มาช่วยหรอกนะ ถึงไม่ใช่ว่าเขาต้องการจริงๆฉันก็ไม่มาแน่ๆ

     

    ฮันซลเคาะประตูสองสามที ก่อนที่คนข้างในซึ่งอาจจะเป็นคนที่ชื่อจงอินนี่แหละบอกว่าให้เข้ามาได้ แต่ที่เดาว่าเป็นคนๆนี้คงไม่ใช่อะไรหรอก ห้องซะแปลกกว่าเพื่อนขนาดนี้ ถ้าบอกว่าเป็นห้องพักพนักงานทำความสะอาดไปก็คงจะเวอร์ไปหน่อย

     

    ฮันซลส่งสายตาให้ฉันเข้าไปหลังจากที่เห็นฉันอ้ำอึ้งเพราะงงว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าไปด้วย เขาบอกว่าเขาจะรอข้างนอกนี่แหละ แล้วก็ปล่อยให้ฉันเข้าไปในห้องเองอย่างตั้งตัวไม่ค่อยถูก ..ปกติที่โฮโนลูลูคือ เวลาเข้าพบเจมส์ฉันจะมาแนวไหนก็ได้นะ แต่พอมาเจอคนที่ไม่รู้จัก แล้วต่างจากที่ที่เคยอยู่มาอีก มันโหวงๆเหวงๆยังไงก็ไม่รู้สิ

     

    ฉันเดินเข้าไปในห้องอย่างปกติ โดยที่เดินเข้าไปก็สอดส่ายตามองเจ้าของเสียงที่พูดออกมาเมื่อกี้นี้ด้วย เป็นชายหนุ่มเหมือนวัยพอๆกับฉัน นั่งเอาเท้าของตัวเองทั้งสองข้างพักบนโต๊ะทำงานโดยที่ตัวของเขาเองตอนนี้ก็นั่งหลับตาพร้อมกับเอนตัวเองไปตามเก้าอี้ด้วย

     

    เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงาน ผู้ชายผิวแทนจากที่หลับต่อก็ลืมตาขึ้นมาสบตากับฉัน ..เอาจริงๆหน้าเขาก็คุ้นๆกับเพื่อนของฉันเมื่อตอนมัธยมอยู่นะ แต่หน้าแบบนี้อาจจะหน้าโหลก็ได้มั้งมันก็เลยคล้ายๆ และนั่นก็ต้องหยุดความคิดนั้นไปกะทันหันหลังจากที่ฉันได้ยินคำๆแรกที่ออกมาจากปากของผู้ชายตรงไหน

     

    “ไงซูจอง ไม่เจอกันนานเลยนะ” ผู้ชายคนนั้นปั้นยิ้มโตๆมาให้ฉัน ก่อนที่จะเดินออกมาจากที่ทำงานตัวเอง ก่อนที่จะหยุดเอาตรงหน้าฉันอย่างงงๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือมาทำความรู้จักกับฉันตามปกติ ซึ่งฉันเองก็ยื่นมือไปทำความรู้จักตามปกติและ แต่นั่นกลับมีของแถมมาให้อีก เพราะหลังจากที่จับมือเขาไป ฉันเองก็คิดว่ามันก็ควรที่จะปล่อยมือได้แล้วแต่ผู้ชายตรงหน้านี้นี่แหละที่ไม่ยอมปล่อยมือฉันออกซักที

     

    ฉันส่งสายตาไป คิดว่าเขาน่าจะปล่อยได้แล้ว แต่หลังจากที่ปะทะสายตากับเขาไปเมื่อครู่นั้น เขากลับแสยะยิ้มมาให้ฉัน ก่อนที่จะดึงมือฉันเข้าไปหาเขา ซึ่งตอนนั้นฉันเองก็ไม่ทันตั้งตัวอะไร ตัวของฉันมันก็เลยเซไปชนกับร่างของผู้ชายคนนี้ทันทีไปตามแรงของเขาที่ดึงมือของฉันไป ขอบอกว่าไม่พอใจเท่าไหร่กับการที่ฉันต้องมาจับเอวฉันไว้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการช่วยไม่ให้เซไปฝั่งอื่นอีก

     

    เวลานั้นก็รีบผละออกมาจากตัวของเขาทันที โดยที่ตอนนี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันกับการที่ต้องทำตัวเป็นคนปกติ

     

    “ขอโทษที่ต้องพูดนะ แต่ฉันว่ามันจะเกินไปหน่อยกับการทักทายของนาย แต่ฉันก็มีอะไรติดใจอยู่นิดหน่อย คือไม่ทราบว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรอ ฉันคิดว่าฉันไม่เคยเห็นนายเลยนะ”

     

    “ว๊า แย่จัง อะไรกันเนี่ย สวยขึ้นแต่ลืมรักแรกของเธอไปแล้วไง เอาไงดีละ..เตือนความจำกันแบบไหนดี” เขากระเถิบเข้ามาใกล้ๆกับตัวของฉัน ซึ่งตอนนี้ก็ชิดมากจนจมูกของเราเกือบจะโดนกันแล้วด้วยซ้ำ ไม่ต้องถามว่าทำไมฉันไม่ถอยหนีเขาไป คือถ้าฉันขยับไปมันก็ต้องมาติดกับเก้าอี้อยู่ดี เอาเท้าเขี่ยเข้าไปหลายรอบแล้วก็ไม่ยอมขยับ

     

    แต่ เฮ้ย รักแรกหรอ..เอาจริงๆตอนที่โฮโนลูลูฉันคบกันใครมาหลายคนมากจนคิดว่าอาจจะลืมไปแล้วไอรักแรกอะไรนี่แหละ คือจะจำทำไมกับรักแรก เขาจะมาเป็นซีอีโอแบบไหนกันแน่

     

    “ขออภัยด้วย ฉันจำไม่ได้หรอก แค่พูดชื่อว่านายคือใครแค่นั้นมันก็จบไหม” ถึงจะเป็นเจ้านายฉันก็เถอะ แต่ก็ช่วยรื้อฟื้นความจำหน่อยว่าอะไรนะ อยากให้ใครมาช่วยทำงานที่นี่นะ? เหอะ

     

    ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของฉันนะ เพราะหลังจากที่เขาได้ยินคำตอบของฉันไปมันก็ต่างสีหน้าปกติจากตอนแรกที่เจอกันเลย คืออะไรอะ ฉันไปทำอะไรผิด ทำอะไรให้ไม่พอใจหรอ

     

    “เธอกล้าลืมผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เคยทำให้เธอต้องหน้าแตกหลังจากที่มาสารภาพรักเขายังไงล่ะ! ..แต่ เอ๊ะ ที่ได้เจอกันแบบนี้อีกหรือว่าพรหมลิขิตเขากำหนดมากันแน่นะ”แรกๆที่ขึ้นเสียงทำหน้าไม่พอใจใส่ พอมาประโยคหลังๆนี่รู้สึกจะเปลี่ยนเฉดไวดีเนอะ กลับมาแสยะยิ้มใส่ซะงั้น

     

    อย่าคิดว่าจะมาเรทใส่แล้วฉันจะอ่อนไหวหวั่นไหวตามสิ ฉันเปล่าเป็นผู้หญิงธรรมดาๆที่เคยเจอในนิยายรักใสๆนะ

     

                   “มันจะนอกทะเลเกินไปแล้วนะ ช่วยพูดให้มันเกี่ยวกับงานด้วย และฉันจะลืมหรือไม่มันก็ไม่ใช่เรื่อง

    ของนาย อ่อ.. ไม่ค่อยอยากจะเรียกมันว่าพรหมลิขิตสักเท่าไหร่ คำว่าบังเอิญน่าจะเหมาะมากกว่านะ"

     

           เอาจริงๆก็พอจำได้แล้วแหละหลังจากที่เขาเพิ่งตะคอกใส่ฉันไป โถ่ คิดว่าเรื่องแบบนั้นใครมันจะไปอยากจำกัน ผู้ชายนิสัยแบบนี้นะหรอที่จะจำลง คำว่าบังเอิญยังไม่เหมาะกับตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไปรู้จักกับครอบครัวของหมอนี่เมื่อไหร่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ละก็จะปฏิเสธ ลาตายไม่รับโทรศัพท์สามวันสามคืนเลย เอาสิ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะทำอะไรอีกกับฉันอีกก็ตาม ด้านที่อ่อนแอที่เขาเคยเห็นมาก่อนพร้อมกัยเสียงหัวเราะเยาะนั่น เขาจะไม่มีทางได้เห็นจากฉันอีกแล้ว

     

                “เรียกฉันว่าคริสตัลจะดีกว่า เพราะเราก็ไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว ซูจองนี่เอาไว้ให้เรียกสำหรับคนที่สำคัญกับฉัน”

     

                “ปากดีแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะซูจอง เธอไม่มีทางขัดอะไรฉันได้”นอกจากเขาจะไม่ฟังที่ฉันพูดแล้ว เขายังทิ้งประโยคเอาแต่ใจเอาไว้ต่อหน้าฉันอีก เอาจริงๆมันก็หวั่นนิดหน่อยกับคำที่ว่าฉันไม่มีทางขัดอะไรเขาได้ แต่หลังจากที่ฉันจะพยายามต่อคำกับเขาต่อ โทรศัพท์ของฉันก็ดันดังขึ้นมา ทำให้ต้องหันไปสนใจกับมันทันที

     

                ชานยอล

     

                ฉันกดวางไปก่อนที่จะหันไปหาจงอิน เพราะคิดว่าจะหันไปต่อปากกับเขาต่อ แต่มันก็ต้องหยุดอีกแล้วเพราะไอ้โย่งชานยอลมันก็โทรมาไม่หยุด ทำให้ต้องยอมรับแต่โดยดี โดยที่ไม่ลืมที่จะย้ายตัวไปคุยกับชานยอล โดยที่ต้องเว้นระยะห่างกับจงอินไว้ด้วย ..จะโทรมาตอนเวลานี้ทำคอหมูอย่าอะไร อิบ้า

     

                “ฮัลโหล ว่าไงคะคุณปาร์ค”

                [โหยย คุณจองซูจองครับ จะมาอยู่โซลก็ไม่บอกห่าไรพวกเราเลย ถ้าไอ้นัมจุนมันไม่คอลมาหา แกคงเปล่าให้พวกเรานกคิดถึงแกใช่ปะ ไอ้เตี้ย]

                “ก็เปล่า แค่ไม่มีเวลา ขอโทษแล้วกันนะ ไว้ค่อยคุยกันนะ ตอนนี้ไม่ว่าง เดี๋ยวยังไงจะโทรกลับ”

                [งื้มม ทำไมกันอ่า นี่เห็นพวกเราไม่สำคัญแล้วใช่ปะ นาอึน ซูจี จินริ รอกันจนพวกมันไม่อยากจะไปล่าหาเหยื่อกินละ]

                “เอาน่า แค่นี้ก่อนนะ แล้วจะโทรไปอีกที แค่นี้นะ”

     

                ฉันรีบกดวางสายไปโดยที่ไม่รอชานยอลบ่นอะไรใส่หูฉันอีกแล้ว จากนั้นก็หันกลับไปประจัญหน้ากับจงอินอีกครั้ง

     

                “หน้าที่ของเธอคือผู้ช่วยของฉัน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา เวลามาทำงานต้องมา 06.30 นาฬิกา เลิกงานพร้อมฉัน พ่อแม่ของเธอบอกไว้แล้วว่าทำอะไรกับเธอก็ได้เพราะฉะนั้นฉันถึงบอกแล้วว่าเธอไม่มีทางขัดฉัน และในฐานะที่เป็นเจ้านาย..

     

                “เมื่อกี้คุยกับใคร”เขากอดอกถามฉัน

     

    “เจ้านายแล้วทำไมหรอ? จำเป็นต้องยุ่งเรื่องของลูกน้องหรอคะ”จะว่าฉุนกับไอ้กฎของเขาไหม โคตรมาก ยิ่งหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่ว่าพ่อแม่ยกฉันให้เขาเพื่อที่จะให้เขาทำอะไรก็ได้คือแบบ ฉันติดสินใจผิดชะมัดที่เป็นคนดีมาตอบตกลงอะไรแบบนี้ แล้วเจ้านายมันจำเป็นรู้ลึกขนาดไหนกัน จะเกินไปละ

     

    “ไว้เจอกันวันจันทร์ค่ะ”ฉันไม่รอให้เขาต้องมาพูดอะไรที่ไม่เข้าหูอีก ฉันเลยรีบตั้งท่าเดินหนีเขาออกไปจากห้องนี้ทันที แต่ก็ต้องขออุทานว่าห้ะออกมา หลังจากที่ได้ยินคำนี้

     

    “ใครบอกว่าวันจันทร์เจอกัน พรุ่งนี้เธอก็ต้องมาที่นี่อีกครั้งเพราะต้องมาทำความรู้จักกับที่นี่อีก”

     

    “แต่วันนี้ฉันเหนื่อยมามากแล้วบินจากฮาวายมาถึงที่นี่คุณคิดว่ามันนั่งแค่สองสามชั่วโมงหรอ”

     

    “ก็ไม่ได้บอกว่ามันไปมาแปปเดียวสักหน่อย จะเหนื่อยรึเปล่าก็เรื่องของเธอสิ ถ้าพรุ่งนี้เก้าโมงไม่เจอ จะตามไปถึงที่หลบภัยของเธอแน่”

     

    “ฉันขอเที่ยง”

     

    “ไม่ :D

     

    What the hell” สบถใส่หน้าทีนึงก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องอย่างหัวเสีย ฮันโซลที่บอกจะรอข้างนอก ตอนนี้เขาก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขาอยู่แล้ว ฉันรีบตรงไปยังลิฟต์ทันที ก่อนที่จะกดไปชั้นหนึ่ง

     

    ทันทีที่ประตูลิฟต์ใกล้จะกดปิดโดยฝีมือฉันเอง ฉันก็ต้องชะงักตัวลงหลังจากที่เห็นฮันโซลโผล่เข้ามาในลิฟต์อย่างว่องไว

     

    “เดี๋ยวครับ รอผมก่อน!

     

    “มาช้ากว่านี้ ลิฟต์อาจไม่รอคุณนะคะ”ฉันพูดขำๆไปก่อนที่จะหันไปกดลิฟต์ต่อ

     

    “งั้นคงแย่แน่ ถ้าลิฟต์ไม่รอ เพราะถ้าไม่รอแล้วคุณจะกลับบ้านยังไง”เออ นั่นสินะ ถ้าฉันไม่รอเขา ฉันก็ไม่รู้จะกลับบ้านยังไง เป้ที่พามาก็ฝากไว้ที่ฮันโซลด้วย

     

    “คุณนี่นิสัยดีกว่าเขาเยอะเลยนะ”

     

    “ไอ้จงอินนะหรอ ไม่รู้ว่าคุณไปเจออะไรจากหมอนั่นมาหรอกนะ แต่ตอนแรกที่มันรู้ว่าคุณลุงจะส่งคุณมาช่วยเราทำงานนะ ไอ้บ้านั่นก็แอบอมยิ้ม ยิ้มกับตัวเองทั้งวันกันรูปที่คุณลุงเขาแนบมาให้ด้วยอะ จนบางคนก็นึกว่าดมกาวบ้าง ผมก็ไม่เข้าใจนะว่ามันเป็นแบบนี้ทำไม เพิ่งรู้มาจากเจ๊ของคุณว่าพวกคุณทั้งสองรู้จักกัน”

     

     

    สวัสดีตอนแรกกันการรีไรท์ใหม่ค่ะ 5555 เรื่อง

    Make you love me หากมีใครจำได้จะมาแจ้งว่าอาจจะ

    กลับมาแต่งต่อให้จบนะคะ มีใครยังอยากให้เรามาแต่งให้จบมั้ย

    5555555555 ถึงไม่มีแต่ก็จะเอามาต่อค่ะ T^T รอติดตามได้เร็วๆนี้นะคะ

    พูดถึงเรื่องนี้กันบ้างเนอะ555 ต้องเช็คอะไรเยอะแยะเหลือเกิน

    ผิดพลาดอะไรขออภัยค่า มอม้าตัวไหนตกขอโทษจริงๆ

    คีย์บอร์ดกันดานแรง บางทีพิมพ์ไปมันก็เปลี่ยนให้เองเฉย

    ฮือออ T__T อ่านแล้วช่วยคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

    ขอบคุณมากๆเลย มีอะไรติดแท็ก #fickkarma




    mx-xine
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×