คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 1
Chapter 1
ราวห้าไมล์จากที่นั่น รถคันหรูเลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ รั้วสีทองสูงตระหง่านและเสาด้านข้างปรากฏชื่อ Charles Parker ชื่อภาษาอังกฤษของเขาอยู่เหนือกล่องรับจดหมาย ปาร์คชานยอลอยู่ในคราบนักธุรกิจหนุ่มที่บินมาไกลจากฮ่องกงเข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ที่นี่ กวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำจนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว
กฎหมายที่นี่แรงกว่าที่เกาหลีหลายเท่า แต่ด้วยความเป็นปัจเจกในแบบฉบับตะวันตกนั้นเองที่ทำให้ปาร์คชานยอลยังอยู่สบายมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ไม่มีใครสงสัยที่มาของเม็ดเงินเหล่านั้นเพราะไม่มีใครสนใจ ทุกคนวุ่นวายอยู่กับการแข่งขันในชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นยันนอนไม่มีหยุดพัก ถือว่าโชคดีที่ฐานเครือข่ายที่นี่ของเขายังแน่นพอสมควร ปาร์คชานยอลเป็นคนรอบคอบเสมอ
ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา ประวัติทุกอย่างถูกเมคขึ้นมาใหม่ แต่สิ่งเดียวทียังเหมือนเดิมคืองานสกปรกที่เขากำลังทำอยู่ ปาร์คชานยอลเป็นคนลึกลับ หาตัวจับได้ยาก หลายครั้งในขณะที่ตำรวจกำลังออกไล่ล่าสิ่งผิดกฏหมาย เข้ามาใกล้จนแทบจะแตะปลายจมูก แต่เขายังสามารถตีตั๋วไปดูการแข่งขันเบสบอลทีมโปรดในช่วงสุดสัปดาห์ หรือไม่ก็เข้าฟิตเนสในช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านได้อย่างสบาย
ถ้าจะให้ลองเปรียบเทียบกับเรื่องยอดนักสืบโคนันของการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ .. ปาร์คชานยอลก็คงจะได้รับบทเป็น ‘จอมโจรคิดส์’ อย่างไม่ต้องสงสัย
“อือ..”
เสียงครางครื้มในลำคอดังขึ้นจากเบาะหลังในขณะที่ชายหนุ่มกำลังดับเครื่องยนต์ ชานยอลหันกลับไปมองที่ต้นเสียง เห็นร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มปริศนาค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างงัวเงียราวกับเพิ่งตื่นจากฝันดี แต่ฉับพลันที่ม่านกลมสบกับดวงตาไร้แววของคนตรงหน้า ท่าทางหวาดกลัวก็ปรากฏให้เห็นซ้ำอีก
“You wake up ?”(ตื่นแล้วสินะ)
“ผมอยู่ที่ไหน!”
ชานยอลไม่ได้ตอบซะทีเดียว ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย น่าแปลกที่อีกฝ่ายกำลังพูดภาษาบ้านเกิดของเขา ร่างเล็กๆกำลังพาตัวเองไปนั่งขดชิดอยู่ที่ประตูอีกครั้ง ร่างกายเริ่มสั่นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ในขณะที่ปาร์คชานยอลเดินลงจากรถไปเปิดประตูที่เบาะหลัง
“ลงมา”
บอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ในขณะที่คนตัวเล็กเริ่มจะพึมพำไร้ภาษาออกมาอีกครั้ง สองมืออันสั่นเทาจ่ออยู่ทีริมฝีปาก กัดเล็บตัวเองพร้อมกับกลอกตาไปมาเหมือนผู้ป่วยทางจิตยังไงอย่างงั้น ปาร์คชานยอลถอนหายใจ ตบหลังคารถดังลั่นจนร่างเล็กสะดุ้ง
ปึง!!!
“กูบอกให้ลงมาไง! มึงจะนอนในนี้ใช่ไหม! หา!”
ปลายลิ้นดันกระพุงแก้มด้วยความหงุดหงิด กลอกตาขึ้นด้านบนอย่างเหลืออด พอจะเอื้อมมือไปกระชากอีกฝ่ายให้ออกมา ฝ่าเท้าเล็กๆนั่นก็ถีบเขาเข้าให้เต็มๆ ชายหนุ่มสบถในลำคอ แรงถีบนั่นทำให้ข้อมือของเขาซ้น
“ได้ ได้เลย”
หงุดหงิดอีกแล้ว วันนี้ปาร์คชานยอลหงุดหงิดติดกันสองรอบภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ ฝ่ามือกว้างกระแทกประตูรถปิดดังปังจนสะเทือนไปทั้งคัน ก่อนกดรีโมตล็อคมันไว้แล้วเดินจากไป ขังเด็กหนุ่มผู้แสนพยศไว้ข้างใน ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไม่มีแม้แต่อากาศจะหายใจ
เวลาผ่านพ้นไปหนึ่งคืน ปาร์คชานยอลลืมไปแล้วว่าเขาทิ้งอะไรไว้ในรถ ชายหนุ่มกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานชิ้นใหม่เก็บไว้ในออฟฟิศ แดดที่ร้อนระอุในช่วงเที่ยงกำลังจะฆ่าคนในรถทั้งเป็น ร่างเล็กๆกำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ที่เบาะหลัง ไม่ว่าจะพยายามยังไงประตูรถก็ไม่ยอมเปิดออก กระเพาะกำลังร้องประท้วงด้วยความหิวเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เมื่อวาน ริมฝีปากบางที่เริ่มแห้งและซีดเผือดด้วยความกระหายน้ำเผยอออกเพื่อเอาอากาศเข้าปอด เขากำลังจะหายใจไม่ออกตายเพราะอากาศในนี้เหลือน้อยเต็มที
พิษไข้โจมตีเข้าทั้งร่างหลังจากที่ตากแดดอยู่ในรถร้อนๆมาเกือบครึ่งค่อนวัน บ่ายสองโมงแล้ว เด็กหนุ่มแทบไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวไปไหน รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ร้อนไปทั้งหน้า ร้อนจากภายในกาย ปวดหัวไปหมดจนต้องร้องไห้ออกมา ส่งเสียงร้องเรียกเบาหวิวราวกับจะระเหยหายไปในอากาศ ขอให้ใครก็ได้มาพาเขาออกไปที
ครืดดดดด
เสียงเปิดประตูรั้วด้านหน้าดังขึ้นเรียกให้คนที่ถูกทิ้งอยู่ในรถมีความหวังอีกครั้ง ชายแปลกหน้าสวมแจ็คเก็ตและหมวกกันน็อคสีดำกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ตัวถังคันใหญ่เข้ามา เด็กหนุ่มพยายามพยุงตัวเองขึ้นเกาะกระจก ทุบมันด้วยแรงเท่าที่มี ผู้ชายคนนั้นกำลังจะเดินผ่านเขาไปแล้ว
ปึงๆๆๆๆๆๆ
“หืม”
เสียงเคาะกระจกทำให้คริสที่กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านต้องหันกลับมามอง ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออกแล้วเดินเข้าไปดู แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็น ของเล่นใหม่ อยู่ภายในรถ
“โว้ว โว้ว โว้ว so cute huh”
ชายหนุ่มโบกมือบ้ายบายอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่คนที่อยู่ในรถกำลังร้องเรียกให้ช่วย คริสไม่เข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มทุบกระจกแรงขึ้นอีกเมื่อชายร่างสูงคนนั้นเดินจากไป เพียงแค่ทักทายสั้นๆ ม่านกลมมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินหายเข้าไปในบ้านอย่างสิ้นหวัง บางทีเขาอาจจะต้องตายในนี้
เปิดประตูไม้โอ๊คบานใหญ่เข้าไปภายในบ้าน มันเงียบเหมือนทุกครั้ง แต่คริสมักจะคิดว่าตัวเองสร้างสีสันให้บ้านหลังนี้ได้เสมอ เสียงแหบห้าวตะโกนลั่นบ้าน วางหมวกกันน็อคไว้ที่ชั้นวางด้านหน้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ฝ่ามือซุกซนจับข้าวของมาโยนเล่นเหมือนเคย แม้ว่าปาร์คชานยอลจะจริงจังและน่าเกรงขามแค่ไหน แต่คริสกลับไม่กลัวเลยสักนิด
“วันนี้ของเข้าแคลิฟอร์เนียได้อีกหนึ่ง ส่งไปฮ่องกงอีกหนึ่ง”
เอ่ยบอกชานยอลที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ในสมุดเล่มโต เกี่ยวกับ ของ ที่พวกเขามีหน้าที่ส่งป้อนตลาดมืดอยู่ในตอนนี้ คริสเข้ามาในห้องทำงานโดยไม่ได้ขออนุญาตเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเดินไปหยิบรูปปั้นเล็กๆมาดูเล่น โยนไปโยนมาในมือจนปาร์คชานยอลต้องเงยหน้ามอง ส่งสายตาบอกให้วาง
“เราจะไม่ส่งคนมาที่นี้เลยหรอชาร์ลส์ ผมคิดถึงสาวเกาหลีแทบแย่”
“เลี่ยงได้ก็เลี่ยง”
ยังคงพูดน้อยเหมือนเคย ถึงจะเลวแค่ไหน แต่ปาร์คชานยอลก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะเล่นกับชีวิตมนุษย์อีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะมันเสี่ยงกว่า แถมช่วงนี้ก็ราคาตก บางทีเขาควรจะหาลู่ทางหรือยาตัวอื่นมาป้อนตลาดบ้าง
“มีคนหายที่โบร๊คเวย์ ช่วงนี้ตำรวจตามกันให้วุ่น ทำงานลำบาก ไอ้พวกมะกันกลัวจนหัวหด ปากโป้งจนต้องตามเก็บกันเหนื่อย แบบนี้ต้องขึ้นเงินเดือนให้หน่อยซะละมั้ง”
คริสเอ่ยเปรยๆพร้อมกับเดินมานั่งลงบนโต๊ะทำงานเสียอย่างนั้น ถือวิสาสะคว้าแก้วกาแฟเย็นชืดของผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวหมด
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”
“แชลลี่ไม่อยู่แล้วหรอชาร์ลส์ รู้สึกอยากกินคุกกี้เนยจัง”
บุคลิกเด็กๆนั่นทำให้คริสรอดตายมานักต่อนัก หลายคนหลงกลในความเจ้าเล่ห์ภายใต้หน้ากากใสซื่อของเขา ใบหน้าหล่อเหลายื่นไปส่องบานหน้าต่างอีกฝั่ง สังเกตได้ว่าบ้านหลังใหญ่นี้เงียบผิดปกติ น่าแปลกที่วันนี้คนที่คอยดูแลบ้านกลับไม่อยู่ บางทีอาจจะตายไปแล้ว หรือไม่ก็โดนตัดลิ้นปิดปาก
“เธอแค่ลาพักร้อน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็กลับมา”
แชลลี่คือผู้หญิงอายุราวหกสิบปีที่ปาร์คชานยอลจ้างมาทำงานที่บ้าน พวกทำความสะอาด หรือทำอาหารอะไรเทือกๆนั้น ไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องจ้างหล่อน หรืออาจจะเป็นเพราะหล่อนเป็นคนง่ายๆ ใจดี เจียมตัว และหล่อนไม่เคยปริปากพูดเรื่องเกี่ยวกับเขา ชานยอลเจอหล่อนที่สถานีรถไฟใต้ดินในนิวยอร์กเมื่อสองปีก่อน ด้วยความถูกชะตา ชานยอลยื่นข้อเสนอเล็กๆน้อยๆเพื่อให้หล่อนมาทำงานให้เขา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขานึกถึงแม่ซ้อนทับภาพของหล่อน แชลลี่จึงอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้จนถึงทุกวันนี้
แชลลี่เป็นหญิงหม้าย สามีของเธอตายด้วยโรคหัวใจหลังจากแต่งงานยังไม่ทันถึงสิบปีเลยเสียด้วยซ้ำ หล่อนมีลูกสาวที่น่ารักหนึ่งคน ด้วยภาระหนี้สินทางการเงินที่ต้องส่งเสียให้ลูกสาวได้เรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังทำให้หล่อนต้องทำงานนี้อย่างไม่มีทางเลือก และเงินเดือนที่หล่อนก็สูงลิบลิ่วยิ่งกว่าวิศวกรหรือเจ้าพนักงานที่ทำงานภายในตึกเพนตากอนเสียอีก แชลลี่ไม่เคยสงสัยเคลือบแคลงเกี่ยวกับเงินเดือนของตัวเอง หรือแม้แต่ของเจ้านาย เพราะปาร์คชานยอลไม่อนุญาตให้สงสัย หรือถ้าหล่อนจะสงสัย มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่
ปาร์คชานยอลมีเมตตา ถ้าหากว่าผู้นั้นไม่ได้ขัดขวางผลประโยชน์ของเขา ทุกคนภายใต้อำนาจของเขาได้อยู่ดีกินดี สังเกตดูสิ อย่างป้าแชลลี่และลูกสาวของหล่อน หรือแม้แต่คริสผู้ไร้ซึ่งมารยาทที่กำลังปีนขึ้นไปเดินเล่นอย่างสนุกสนานบนโต๊ะตัวยาวที่มุมห้องนั่นด้วย
“ถ้ามึงไม่มีอะไร ก็ออกไป”
“ใจร้ายจังเลยชาร์ลส์ ผมไปก็ได้”
กระโดดตุ้บลงบนพื้นพรมอย่างสวยงาม ดูเหมือนว่าคริสจะเล่นซนเกินไปแล้ว เจ้าของห้องส่งเสียงเอ่ยปรามโดยที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ ชายหนุ่มผู้ซุกซนจึงถือวิสาสะหยิบกล่องคุกกี้ที่แชลลี่ทำไว้ให้จากบนชั้นติดมือมาด้วย ได้กินคุกกี้เนยหอมๆพร้อมกับจิบชาซีลอนในยามบ่ายคงจะเป็นอะไรที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว
“คืนวันเสาร์หน้ามีนัดที่ซานฟรานนะ .. อ้อ คุณลืมของเล่นทิ้งไว้ในรถน่ะ”
เอ่ยเตือนเรื่องที่ต้องทำ ถ้าเปรียบเหมือนองค์กรของเขาคือออฟฟิศขนาดย่อมล่ะก็ คริสคงจะเป็นเลขาของชานยอลในตอนนี้ นิ้วเรียวชี้ไปที่รถที่จอดอยู่ข้างนอกพร้อมกับปิดประตูห้องให้ด้วย หันมาเคาะสองทีเป็นมารยาททั้งๆที่มันควรจะทำตั้งแต่ก่อนเข้ามาในห้องนี้แล้ว ปาร์คชานยอลขมวดคิ้ว ใช่สิ … เขาลืมไปเลยว่าพาใครกลับมาด้วย
กึก
“เฮือก!”
ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กๆที่แทบจะไถลออกมาด้านนอก เด็กหนุ่มสูดเอาอากาศหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ฝ่ามือน้อยกำชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อพยุงตัวเอง
“เมื่อคืนให้ออกไม่ออก คราวนี้อยากจะออกแล้วหรือไง”
ไม่มีคำตอบใดๆจากเด็กหนุ่มปริศนา นอกจากเสียงหอบหายใจถี่ระรัวดังแทรกขึ้นในความเงียบ ปาร์คชานยอลหัวเราะในลำคออย่างนึกสมเพช
“หนีอะไรมา ทำไมไอ้พวกเวรนั่นถึงตามล่ามึง?”
นี่คือสิ่งเดียวที่ปาร์คชานยอลอยากรู้ นั่นเป็นผลว่าทำไมเขาถึงต้องพาไอ้เด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้านั่นเข้ามาถึงในรังโจรของเขา ชายหนุ่มเท้าแขนไว้บนหลังคารถก่อนจะก้มถามด้วยเสียงเรียบ
“ไม่รู้! แฮ่ก แบคฮยอน! .. อี้ชิง พระเจ้ามีแบคฮยอน! แบคฮยอนมีพระเจ้า พวกเขาจะฆ่า พวกเขาจะเอาแบคฮยอน”
ใครคืออี้ชิง แล้วใครคือแบคฮยอน ถ้าคุณเห็นหน้าของปาร์คชานยอลตอนนี้แล้วล่ะก็ คุณจะไม่สงสัยเลยว่าทำไมชายหนุ่มถึงต้องขมวดคิ้วทำหน้าเครียดถึงขนาดนั้น ราวกับมีสองคนในร่างเดียว ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่เป็นไบโพล่าร์หรือเปล่า เสียงแหบห้าวพูดออกมารัวๆราวกับท่องประโยคเหล่านี้มาทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี ร่างเล็กๆโผเข้ากอดเอวเขาไว้เต็มๆ กอดแน่น ทั้งหยิก ทั้งทุบ แต่ด้วยแรงอันเหยาะแหยะนั่นไม่ได้ทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิด กลับรู้สึกรำคาญซะมากกว่า
“อย่าให้เค้าเอาแบคฮยอนไป! อย่าให้เค้าเอาไป อยู่ที่นี่ คุณอยู่ที่นี่กับผม”
ชายหนุ่มถอนหายใจ กลอกตาขึ้นบนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไอ้เด็กนี่กำลังจะทำให้เขาเป็นโรคประสาท เสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังเปียกเป็นดวงๆด้วยน้ำมูกและน้ำตาของอีกฝ่าย ดูเหมือนคนที่ชื่อว่า แบคฮยอน จะโดนเล่นมาหนักเอาการถึงขั้นที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง
“ไอ้พวกนั้นเป็นใครแบคฮยอน”
“ใช่! แบคฮยอนเอง! ผมคือแบคฮยอน ผมยังเป็นแบคฮยอนอยู่.. ผมยังมีชีวิต”
ปาร์คชานยอลขบกรามแน่น เขาอุตส่าห์พูดดีๆ เพื่อที่จะได้คำตอบจากไอ้เด็กสติไม่เต็มเต็งนี่เร็วๆ แต่เหมือนพวกเขาจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ปาร์คชานยอลไม่เคยเข้าใจในจุดนี้ เขาไม่เคยใจเย็น ไม่รู้จักวิธีที่จะเข้าหาคนอื่น เขาอยากจะรู้เดียวนี้ และเขาก็ต้องรู้ให้ได้ตอนนี้
“ช่วยผม .. ฮึก คุณอย่าให้เขาเอาผมไป อย่าให้พวกเขาเอาผมไป”
ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกลงบนหน้าท้องแกร่ง สะอื้นไห้จนตัวโยน ปาร์คชานยอลได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้สองแขนเล็กกอดรัดรอบเอวของตนอย่างหาที่พึ่ง แบคฮยอนนิ่งไปแล้ว ร่างเล็กๆตกลงบนเบาะอย่างไร้สติ เปลือกตาสีมุกปิดสนิทด้วยความเพลีย ทิ้งให้ชายหนุ่มอยู่กับความสงสัยที่มากขึ้นกว่าเก่า ไอ้พวกเวรนั่นเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นกับรอยสักบนต้นแขนนั้นเหลือเกิน
…
“ผู้ป่วยมีอาการช็อกเล็กน้อย ร่างกายขาดน้ำ ผมฉีดยาให้แล้ว อาจจะต้องบำบัดอีกนิดหน่อย ไม่ทราบว่าเขาเจอเหตุการณ์อะไรมาก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ?”
คุณหมอเอ่ยถาม หลังจากที่ทำการตรวจร่างกายของคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว ปาร์คชานยอลที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางส่ายหัว ไม่รู้ทำไมเขาถึงยอมอุ้มเด็กนั่นเข้ามาในบ้าน ถามยังจ้างแพทย์มาดูอาการให้อีกต่างหาก แต่ก็นั่นแหละ ความสงสัยใคร่รู้ช่างมีพลังเหลือร้ายเสียจริงๆ
ไม่ใช่ว่าปาร์คชานยอลไม่อยากบอก อะไรที่พอจะช่วยให้ไอ้เด็กนี่คุยภาษาคนได้รู้เรื่องเร็วๆ ถ้ามันไม่ลำบากเขาก็อยากจะทำทั้งนั้น เพียงแต่ชานยอลไม่รู้ นายแพทย์หนุ่มขอลากลับ และเจ้าของบ้านก็ช่างเอื้อเฟื้อเหลือเกิน ชานยอลไม่แม้แต่จะเดินออกไปส่งเสียด้วยซ้ำ
ในห้องเหลือแค่เขากับไอ้หมอนี่แล้ว ร่างเล็กๆยังคงอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ เพิ่งสังเกตเห็นว่าที่หางคิ้วของหมอนั่นแตกด้วย ใบหน้าสวยๆเต็มไปด้วยรอยถลอก แถมตามลำตัวก็ไม่ต้องพูดถึง นับว่าอึดพอสมควรที่ยังวิ่งทะเล่อทะล่าไปตามถนนได้ขนาดนั้น
แพขนตางอนยาวกระพริบปริบ ก่อนคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงจะลืมตาขึ้นช้าๆ ม่านกลมใสเพียงแค่มองมานิ่งๆ ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจเหมือนก่อนหน้านี้ ปาร์คชานยอลหยุดยืนกอดอกมองอยู่ปลายเตียง ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจ้องกลับไปเฉยๆ หมอบอกว่าเขาควรจะใจเย็นกับคนป่วยให้มากกว่านี้
“ลุกไปอาบน้ำสิ”
รู้สึกตลกตัวเองแปลกๆที่พูดออกไปแบบนั้น ปาร์คชานยอลพยายามคลายแรงตึงตรงหัวคิ้วของตัวเอง ทำหน้าตาให้ดูใจดีแต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ท่ายืนกอดอกเอียงคอของเขากำลังทำให้แบคฮยอนเกร็ง แถมตัวเขาเองก็ยังรู้สึกเกร็งไปด้วย ทั้งๆที่เขาเป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ กลับต้องมาเกรงใจเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนก็ไม่รู้ซะอย่างนั้น
“ผมหิวน้ำ”
“หรอ บอกกูทำไม”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย จ้องตาใสๆนั้นจนต้องเป็นฝ่ายหลบตาไปเอง ชายหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดลำลองที่คิดว่าเล็กที่สุดของตัวเองออกมาโยนให้ กางเกงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วหล่นแหมะลงบนหัวกลมราวกับจับวาง
“อาบน้ำซะ กูจะรออยู่ข้างล่าง”
แบคฮยอนไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนแบบไหน แต่ดูจากคำพูดและท่าทางแล้วคงไม่ใช่คนนิสัยดีเท่าไหร่ เจ้าของแผ่นหลังกว้างก้าวพ้นประตูออกไปแล้ว เด็กหนุ่มมองไปรอบๆห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่เคยเห็นที่ไหนน่าอยู่เท่าที่นี่มาก่อนเลย
ผู้ชายคนนั้นคงจะเป็นคนรักสะอาดแล้วก็เจ้าระเบียบพอสมควร ทุกอย่างภายในห้องถูกจัดวางแบบเป๊ะๆทุกกระเบียดนิ้ว เรียงเฉดสีดำ เทา ขาวและน้ำตาลแยกออกจากกัน แบคฮยอนเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปก็แทบจะอ้าปากค้าง อ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่พอที่คนสองคนจะลงไปพร้อมๆกันได้ตั้งอยู่ตรงกลาง ถัดจากพื้นพรมเป็นพื้นกระเบื้องหินอ่อนอย่างดีปูทอดยาวไปหลายเมตร ฝั่งซ้ายแบ่งโซนเป็นฝักบัวและตู้สำหรับเก็บอุปกรณ์อาบน้ำจำพวกแชมพูและสบู่ ฝั่งขวามีตู้บิ้ลท์อินอีกตู้สำหรับแขวนผ้าขนหนูหลายขนาดและชุดคลุมอาบน้ำ แถมยังมีสวนขนาดย่อมอยู่ที่มุมนั้นด้วย
แบคฮยอนตื่นเต้นไปหมด ขาขาวๆกำลังจุ่มลงไปในอ่างจากุชชี่ที่บัดนี้เติมน้ำอุ่นๆไว้จนเต็ม จำไม่ได้แล้วว่าได้อาบน้ำครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ตลอดช่วงเวลาอันเลวร้ายที่ผ่านมา แบคฮยอนเลือกที่จะเงียบเพื่อปกป้องตัวเอง สมองสั่งการให้ลืมทุกอย่าง แม้ว่าความจริงแล้วเขาอยากจะกลับไปในที่ๆเคยจากมาแทบแย่
จำได้แค่ชื่อของตัวเอง กับชื่อของใครอีกคนที่แน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขาแน่ แบคฮยอนไม่รู้ว่าอี้ชิงคือใคร แต่รู้ตัวอีกที เขาก็มักจะพึมพำชื่อนั้นออกมาพร้อมกับชื่อของตัวเอง แบคฮยอนอยากกลับบ้าน อยากไปให้พ้นจากสิ่งแวดล้อมเลวๆแบบนี้ เพียงแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน .. ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขามีบ้าน หรือมีครอบครัวหรือเปล่า
จำอะไรไม่ได้เลย ..
ชุดที่ชายแปลกหน้าคนนั้นให้เขามาคงจะใหญ่ไปสักหน่อย แบคฮยอนพยายามหาหนังยางมาผูกกางเกงตัวหลวมโคร่งให้สามารถเกาะเอวคอดๆของเขาไว้แต่ก็หาไม่เจอ สุดท้ายก็เลยไม่ได้ใส่ เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวสั้นจิ๋วนั่นก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรนัก
แบคฮยอนใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการเดินสำรวจชั้นบนของบ้าน แม้จะไม่ได้รับอนุญาต แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันก็ห้ามกันไม่ได้ เด็กหนุ่มเดินลงบันไดมาอย่างทุลักทุเล รู้สึกเจ็บท้องแปลกๆ เมื่อตอนที่อาบน้ำเขาแอบเห็นรอยแผลที่ท้องของเขาด้วย
กระเพาะน้อยๆกำลังร้องโครกครากด้วยความหิว เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งๆ มองชายแปลกหน้าที่กำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาชั้นล่าง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นเขาไหม กระทั่งม่านคมตวัดขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า สวยเหลือเกิน เด็กนี่เหมือนผู้หญิงไม่มีผิด
พรึ่บ!
แบคฮยอนสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆร่างสูงโปร่งก็ลุกพรวดขึ้นมาหาเขาก่อนจะเลิกเสื้อตัวใหญ่ขึ้นจนเห็นแผ่นอกขาวเนียนเต็มๆตา ไม่มีหน้าอก แต่ทุกสัดส่วนนวลเนียนและเล็กคอดราวกับผู้หญิง ปาร์คชานยอลเดินวนร่างเล็กๆนั่นหนึ่งรอบ สายตาคมไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าจนแบคฮยอนเกร็งไปหมด
“ทำไมไอ้พวกนั่นถึงไล่ตามมึง?”
“..ผมไม่รู้”
เอาแล้ว พอพูดถึงก็เริ่มจะควบคุมสติไม่อยู่ แบคฮยอนกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง เสียงใสสั่นเครือราวกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ สองมือกำแน่นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้ม
“ร้องไห้ทำไม”
“ผมกลัว..”
ก้านนิ้วยาวช้อนปลายคางมนให้เงยขึ้น สายตาดุดันที่จ้องมองมายิ่งทำให้แบคฮยอนรู้สึกกลัวขึ้นไปอีก ริมฝีปากเล็กๆพยายามจะกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ เขาหนีพวกนั้นมาได้แล้ว แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามาเจอผู้ชายคนนี้แล้วจะรอดหรือเปล่า
“พวกนั้นเป็นใคร”
“ฮึก ..ผมไม่รู้ ผมไม่รู้”
ได้ยินเสียงลมหายใจเป่ารดอยู่เหนือศีรษะ ก็อย่างที่บอก ปาร์คชานยอลไม่ใช่คนที่ใจเย็นสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มยังคงนิ่ง ถึงแม้จะอยากบีบคางเล็กๆนั้นให้แหลกคามือ
“มึงจะไม่พูดจริงๆใช่ไหม”
“ผมไม่รู้จริงๆ ผมสาบาน ผมไม่รู้”
แบคฮยอนพยุงตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว ขาเล็กๆกำลังสั่น ทิ้งตัวลงบนพื้นพรมอย่างหมดแรง เสียงสะอื้นไห้ดังแทรกไม่มีหยุด ร้องไห้หนักขึ้นทุกที ปาร์คชานยอลนั่งยองๆลงบนสันเท้าตัวเองก่อนจะช้อนกรอบหน้าสวยของอีกฝ่ายให้เงยขึ้นอีกครั้ง ก้านนิ้วเรียวบีบแก้มนิ่มๆนั่นอย่างแรง
“พูดออกมามันจะตายใช่ไหม”
“ไม่ตาย! ฮือ แบคฮยอนไม่อยากตาย ขอร้อง ฮือ ผมไม่อยากตาย”
ทั้งน้ำมูกและน้ำตากำลังไหลอาบฝ่ามือกร้าน ปาร์คชานยอลผลักใบหน้าขาวซีดนั่นออกไปอย่างรังเกียจ สบถหยาบคายรุนแรงออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ร่างเล็กๆเสียหลักหงายหลังล้มลงไปบนพื้น สองขาขดเข้ามาหากันพลางพนมมือไหว้ขอชีวิตจากชายร่างสูงตรงหน้าด้วยความกลัวจับใจ
“ร้องอีกสิ”
“ฮึก..”
“ร้องแล้วก็ไปตายซะไป”
ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยสักครั้ง ปาร์คชานยอลกำลังทำตัวไม่ถูก อยู่ดีๆก็รู้สึกหงุดหงิด ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเห็นภาพเด็กคนนี้ซ้อนทับกับเซฮุน ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินถอยหลังไปอีกหน่อย บางทีที่ไอ้เด็กนี่ร้องไห้อาจจะเป็นเพราะกำลังกลัวเขา
“ไปซะ กูไม่อยากรู้อะไรจากมึงแล้ว”
ปาร์คชานยอลกำลังพยายามข่มอารมณ์ตัวเอง เขาไม่ใช่คนที่ชอบย้ำคิดย้ำทำอะไรบ่อยๆ ดังนั้นขจึงเลือกที่จะปล่อยมันไปด้วยความสงสาร แต่แบคฮยอนก็ยังคงนอนร้องไห้อยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มขบกรามแน่น ขืนไอ้เด็กเวรนี่ยังร้องไห้ให้เขาเห็นเกินสามวินาทีล่ะก็ บางทีเขาคงจะยั้งมือตัวเองไม่อยู่
“มึงจะออกไป หรือมึงจะตายอยู่ตรงนี้”
“…”
ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงสะอื้นอันแสนน่ารำคาญ น่าโมโหไปหมด ไอ้เด็กนี่ไม่แม้แต่จะมีค่าพอให้เขาเสียลูกกระสุนปืนเพื่อยิงมันเลยด้วยซ้ำ ปาร์คชานยอลจิ๊ปากอย่างขัดใจ ตรงปรี่เข้าไปกระชากแขนเล็กๆนั้นขึ้นจนร่างทั้งร่างลอยหวือ แบคฮยอนยื้อตัวเองสุดแรง ทั้งยกมือไหว้ ทั้งกอดขาของของชานยอลเพื่อร้องขอความเมตตา
“ฮือ อย่าทำผมเลย อย่าไล่ผมเลย..”
แบคฮยอนเริ่มพึมพำไม่ได้ศัพท์ ทั้งจมูกและตาแดงก่ำจนน่ากลัว ร่างเล็กๆกำลังกระตุกสั่นคล้ายอาการชัก ขวัญผวาอย่างแรงเมื่อถูกอีกฝ่ายจับลากถูลู่ถูกังไปกับพื้น ประตูบ้านถูกกระชากให้เปิดออก แบคฮยอนเจ็บจุกไปหมดเพราะขาของเขากำลังกระแทกกับขั้นบันได
“ฮือ.. ผมขอร้องคุณ ผมขอร้อง..”
“ได้ มึงไปร้องข้างนอก”
ร่างเล็กๆกำลังขูดครืดไปกับพื้นหินหยาบๆ ดิ้นสุดแรงจนอ้อมแขนแกร่งต้องสอดเข้าใต้รักแร้แล้วยกไปทั้งอย่างนั้นด้วยแขนข้างเดียว เสียงครืดคราดของประตูรั้วยิ่งทำให้แบคฮยอนรู้สึกกลัวจับใจ ไม่รู้เลยว่าพ้นจากที่นี่ไปแล้วเขาจะต้องกลับไปที่ขุมนรกนั่นรึเปล่า เขาจะยังมีชีวิตรอดรึเปล่า
“คุณชาร์ลส์ครับ ฮึก ได้โปรด! ..”
แบคฮยอนคงจะอ่านชื่อของเขาจากบนกล่องรับจดหมาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ปาร์คชานยอลใจอ่อนเลยแม้แต่นิด ประตูรั้วถูกเลื่อนปิดพร้อมกับร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอก ฝ่ามือขาวเกาะรั้งลูกกรงเหล็กไว้ ตะโกนร้องขอความเห็นใจจนเสียงหลง
คนใจร้ายเข้าบ้านไปแล้ว ฟ้ากำลังมืดลงทุกที เมฆครึ้มก่อตัวกันอย่างหนาแน่นราวกับพายุกำลังจะมาในไม่ช้า เด็กหนุ่มคุกเข่าลงบนพื้นอย่างหมดแรง คลานหลบเข้าหาร่มเงาเล็กๆใต้กล่องรับจดหมาย กอดร่างอันบอบช้ำของตนไว้แน่น การสวดภาวนาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาพอจะทำได้ แบคฮยอนไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากตัวเอง ไร้ซึ่งศรัทธา ไร้ซึ่งความหวัง แค่นึกถึงโชคชะตาอันน่าอดสูของตัวเอง น้ำตาเจ้ากรรมมันก็พาลไหลออกมาเสียดื้อๆ
“อี้ชิง ช่วยผมด้วย .. ใครก็ได้ ช่วยผมที”
_____________________________________
to be continue
ดีใจจังเลยที่ได้กลับมาเขียนเรื่องนี้อีก ฮือ T_T
คิดถึงพี่ปาร์คคนเลวจังเลย พ่อพระเอกของบ่าว
ค่ะ สำหรับภาคต่อนี้ทำเป็นฟิคยาวเนอะ แต่คงจะไม่ยาวเท่าไหร่ ไม่น่าจะเกิน 20 ตอนแน่ๆ
เรื่องนี้จะยังคงตีมเดิม ดาร์กๆ เกรย์ๆ และเกย์ๆด้วย ในภาคต่อนี้มีตัวละครเพิ่มมาด้วยหลายตัวเลยค่ะ
และตัวละครหลักเดิมอย่างเซฮุนและจงอินจะยังคงมีบทบาทอยู่เช่นเดิม ไม่หายไปไหนแน่นอน แน่นั่ง และแน่ยืน
ก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมนมด้วยนะคะทุกคน เจอกันได้ที่แท็ก #greyชบ เนอะ
ยังส่องเสมอเมื่อเจอตีน สำหรับวันนี้ พี่ต้องลามะลิลา แตกออกมาเป็นมะลิซ้อนไปก่อน
สวัสดีควรัช!(อย่าลืมออกเสียงตามด้วย ละจะพบว่าเมื่อยลิ้นมาก)
ความคิดเห็น