คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1
Chapter 1
บรื้นนนนนนนนนนนนนนน แม๊นแหมนนนนนนนนนนนนนนน
เสียงท่อรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าดังลั่นไปทั่วทั้งโรงเรียน นั่นเป็นสัญญาณว่าสองพี่น้องในตำนาน(เรียกงี้แล้วมันเท่ห์ดี คุณครูชอบเรียกแบบนี้ครับ)มาถึงโรงเรียนแล้ว ภาพปรับโหมดเป็นแบบสโลวโมชั่น ผมวาดขาลงจากเบาะอย่างคูลๆ ถอดหมวกกันน็อคกรังๆคืนให้พี่ชายก่อนจะรีบจ้ำไปเข้าแถว เป็นอันรู้กันว่าผมและอิเฮียไม่เคยมาโรงเรียนได้ทันเวลาเลยสักวัน พวกผมต้องช่วยลุงเตรียมของขายหมูปิ้งหน้าปากซอยทุกเช้า เพราะว่าเราสองคนไม่มีพ่อแม่มาคอยเลี้ยงดูเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีใครเข้าใจหรอกครับ แม้แต่คุณครูเองก็ยังไม่เข้าใจ ใจคนสมัยนี้มันแคบ แคบยิ่งกว่าร่องตูดเฮียอีก
“อิอ้วน มึงลืมเอาตัง!”
หันไปที่ต้นเสียงก็เห็นไอเฮียนั่งตัวดำอยู่บนเบาะมอไซค์ ที่หัวยังสวมหมวกกันน็อคไว้อยู่เลย หน้าดำๆของมันโผล่มาทักทายเล็กน้อย ก่อนจะโบกแบงก์ห้าสิบบาทในมือไปมา เห็นอย่างนั้นผมก็วิ่งสิครับ หูตั้งหางกระดิกยิ่งกว่าหมา ลืมไปซะสนิท ไม่มีตังแล้วกูจะเอาที่ไหนซื้อข้าว
“เย็นนี้สี่โมงเจอตรงนี้ ห้ามเลท ห้ามหนีเที่ยวนะมึง จะได้รีบกลับไปเตรียมของ”
“เคจ้า ไม่หนีจ้า สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือหมู่กระทิงเลยจ้า”
“ดีมาก ปัญญาอ่อนเหมือนหน้ามึง ไป ตั้งใจเรียน”
เพราะผมไม่มีมือถือก็เลยต้องนัดกันไว้ก่อน ผมทำท่าต๊ะเบ๊ะที่คิดว่าเท่ห์ที่สุดพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้อิเฮีย แต่แทนที่มันจะชมผมว่าน่ารัก เป็นเด็กดี มือดำๆของมันกลับเลื่อนมาผลักหัวผมจนแทบจะกระเด็นไปแปดหลา ไม่รู้แม่งจะแรงเยอะไปไหน สงสัยแบกกระสอบข้าวสารเยอะไปแน่ๆ ผมโบกมือลาพี่ชายแบบขอไปทีก่อนจะวิ่งแจ้นไปที่แถว โดนไม้หวายแช่เยี่ยวในตำนานหวดตูดหน้าเสาธงเหมือนเคย แต่ตอนนี้หนังบริเวณตูดผมน่าจะด้านแล้วแหละครับ คลำดูคงจะแข็งๆเป็นไต ไม่เนียนนุ่มมือเหมือนนายเอกฟิคเรื่องอื่นอีกต่อไปแล้ว เจ้เล่นเหนี่ยวมาเต็มแรงแต่ไม่ยักกะเจ็บเท่าไหร่ มันคงสร้างเกราะป้องกันความเจ็บปวดไว้มากพอสมควร ฟาดกูทุกวัน ไม่เบื่อมั่งไง๊ วันหลังผลัดกันฟาดบ้างนะ ครูฟาดผม ผมฟาดครู ชีวิตจะได้ไม่จำเจ
ตลอดครึ่งวันเช้าผ่านไปอย่างทรมานสาหัสสากันมาก ขอสารภาพเลยว่าทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีวันไหนที่คนอย่างผมรู้สึกอยากจะมาโรงเรียนเลยสักวันเดียว ไม่ใช่ผมไม่มีเพื่อนคบหรืออะไร ไอ้มีมันก็มี เพียงแต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันถึงขนาดนั้น ไม่มีใครอยากจะฟังผมพร่ำเพ้อถึงเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไอ้พวกนี้เล่นแต่เกม เตะฟุตบอล แต่จะให้ผมไปนั่งวิ๊ดว้ายกับพวกผู้หญิงมันก็ไม่ใช่อีก
ผมนั่งเท้าคาง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง วันทั้งวันเอาแต่คิดเรื่องฝันเมื่อคืน ปล่อยให้การสอบพูดเรื่อง ไอดอลของฉัน ของเพื่อนๆผ่านหูควายทะลุหูหมาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“สวัสดีครับเพื่อนๆที่น่ารักและหน้าง่วงทุกคน วันนี้ผม บยอนแบคฮยอน เลขที่21 จะมาพูดเรื่องที่เหมือนๆกับทุกคน ซึ่งนั่นก็คือเรื่อง ไอดอลของผม”
พอถึงตาผมพูดบ้าง มันไม่ได้น่าอายอะไรที่จะออกมายืนหน้าห้อง แต่มันมักจะบัดซบตรงที่เวลายืนพูดอยู่หน้าชั้นแล้วไม่มีใครฟัง ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้มากๆ สงสัยกูเตี้ยเกินเพื่อนๆก็เลยมองข้ามไป แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือ หยิบรูปของปาร์คชานยอลที่แปะอยู่บนกล่องเหล็กชูให้เพื่อนๆดู
“ไอดอลของหลายๆคนอาจจะเป็นพ่อแม่ หรือซุปเปอร์ฮีโร่ หรืออะไรทำนองนั้น แต่สำหรับผม ไอดอลของผมคือนักร้องนำวง the bed เจ้าของซิงเกิ้ลใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในตอนนี้ .. ปาร์คชานยอลครับ”
มีรูปสมาชิกอีกสามคนที่เหลือด้วย แน่นอนว่าผมต้องเป็นแฟนคลับตัวยงของพวกเขาอยู่แล้ว ผมเอาแต่ยิ้มไม่หยุดในขณะที่กำลังพูดถึงสิ่งที่ตัวเองชอบ เสียงพื่อนๆเริ่มคุยกันดังขึ้นเรื่อยๆ บ้างก็กินขนม บ้างก็เอายางลบปาหัวกัน ผมกระแอมไอเล็กน้อย อยากตบโต๊ะดังๆแล้วขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ ผมอยากให้ทุกคนฟังผม แล้วพวกเขาจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวงนี้ถึงได้โด่งดังไปไกลถึงระดับโลก
“หลายคนอาจจะชอบเพราะว่าพวกเขาหล่อ บวกกับรูปร่างและบุคลิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ผมชอบเขาเพราะเขามีความสามารถหลายอย่างมากๆ มากเกินกว่าที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะมีได้ ปาร์คชานยอลขวนขวายพยายามทุกอย่างเพื่อพัฒนาตัวเองจนกระทั่งได้รวมตัวกับเพื่อนๆและเดบิวต์ในชื่อเดอะเบ้ด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเปล่าๆ ปาร์คชานยอลสร้างฐานะให้ตัวเอง เป็นลูกกตัญญูที่รักคุณแม่มากๆ และที่สำคัญเขาก็เป็นคนอบอุ่นมากๆเลยครับ”
อิข้างหลังเริ่มล้อมวงเล่นไพ่กันแล้ว นี่แม่งไม่มีใครตื่นเต้นอะไรกับกูเลยหรอเนี่ย อาจารย์ก็มองแต่ผม ไม่ได้มองพวกเพื่อนๆเลย ปากกาในมือยังจดยิกอยู่เรื่อยๆ สงสัยกำลังหักคะแนนกูอยู่ ผมแกล้งไอบ่อยขึ้นเพื่อตักเตือนเพื่อนๆ แต่เหมือนอิเด็กเรียนข้างหน้ามันคงคิดว่าผมเป็นมะเร็งกล่องเสียงถึงได้แสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนั้น ผมได้แต่ทำปางห้ามญาติบอกมันว่าผมไม่เป็นไร ผมโอเค ก่อนจะตะเบ็งเสียงให้ดังขึ้นอีกจนเริ่มจะแสบคอ อยากได้สเตร็ปซิลมาอมแก้กระหาย นี่กลัวลิ้นไก่จะกระเด็นออกมามาก
“เขาเป็นไอดอลของผมในทุกๆเรื่อง ปาร์คชานยอลเป็นศิลปินที่เทคแคร์แฟนคลับมากๆ เขามีภาวะผู้นำและเอนเตอร์เทนคนเก่ง ไหวพริบดี คารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน ชอบเป็นอาสมัครช่วยเหลือคนอื่น บริจาคเงินและออกงานการกุศลบ่อยๆ ตั้งแต่เดบิวต์มาเขาแต่งเพลงเองทั้งหมดสามเพลงด้วยกัน ผมใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งผมอาจจะได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับเขา ร้องเพลงร่วมกับเขา ผมก็เลยพยายามฝึกปรือตัวเองอยู่ตลอด และผมหวังว่าโอกาสนั้นจะมาถึง ไม่ว่ามันจะช้าหรือเร็ว ผมก็ยินดีที่จะรอครับ..”
ป๊อกเก้าแล้ว อิข้างหลังเฮกันใหญ่ แม่งมุดลงไปนั่งขัดสมาธิกันที่พื้น ผมซึ่งยืนอยู่ตรงนี้มองเห็นทุกอย่าง ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ ท่องนโมพุธโธสังโฆปลอบใจตัวเองว่าอีกนิดนึงก็จะจบแล้ว ผมจะได้กลับไปนั่งที่ แดกมาม่าดิบที่ตัวเองขยำทิ้งไว้ใต้โต๊ะเสียที
“และสุดท้ายนี้ผมขอบอกอาจารย์ว่า อิข้างหลังเล่นอิแก่กินน้ำกันสนุกมากเลยครับ ขอบคุณครับ”
ว่าแล้วก็โค้งสี่สิบแปดองศาจนหัวทิ่มพื้น เสียงปรบมือดังขึ้นประปราย ผมได้แต่อ้าแขน โค้งให้และเอ่ยขอบคุณอย่างซึ้งน้ำใจ พอพูดจบอาจารย์ก็หันขวับไปหลังห้องในทันที แปรงลบกระดานแหวกอากาศหล่นลงไปกลางวงทันที ทั้งวงแตกตื่น อิข้างหลังห้องโหวกเหวกชุลมุนกันไปหมด ส่วนผมเดินกลับไปนั่งที่แล้วจกมาม่ากินเงียบๆ ชีวิตของติ่งนี่มันช่างสุขุมและเยือกเย็นอะไรเช่นนี้นะ อาห์
ครืดดดดด
เสียงเซ็งแซ่ของเหล่ามวลมนุษย์ในโรงอาหารช่างน่ารำคาญหูยิ่งนัก ทุกคนต้องการอาหาร หลังจากที่รับศึกจากครึ่งวันเช้ากันมาอย่างหนักหน่วง ผมยืนนิ่งๆ(อย่างหน้าตาดี)อยู่ในมุมหนึ่ง เท้าชิดกันสองข้าง แขนแนบลำตัวเหมือนพวกฮิปสเตอร์เวลาจะถ่ายรูปลงไอจี ใบหน้ามองตรงไปยังร้านขายลูกชิ้นปิ้งตรงหน้า ทั้งๆที่เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงแล้วแท้ๆ แต่ผมกลับทำได้แค่ยืนกลืนน้ำลายเงียบๆอย่างเจียมตัว มองแบงก์ห้าสิบบาทยับๆในมือตัวเองอย่างเศร้าสร้อย หลายคนคงจะสงสัยว่าอิเสียงครืดข้างบนคืออะไร หล่อจะเฉลยให้ว่า เสียงท้องหล่อเอง
เงินห้าสิบบาทไม่ใช่ว่าจะซื้อข้าวกลางวัน หรือแม้กระทั่งลูกชิ้นปิ้งสักไม้สองไม้ไม่ได้ โรงเรียนผมไม่ได้มีค่าครองชีพแพงอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ว่าผมต้องเก็บเงินไว้ซื้ออย่างอื่นที่มีคุณค่าต่อจิตใจ หลายคนอาจจะว่าผมบ้า ผมมันปัญญาอ่อน และผมมันติ่ง แต่ ณ จุดนี้ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าผมจะอดข้าวกลางวันและเก็บเงินไปคอนเสิร์ตของเดอะเบ้ดให้ได้ และที่สำคัญ กูตัดรองทรง แน่นอนว่ามันเลยติ่งขึ้นมาเยอะเลยล่ะครับ
“ลาก่อน ลูกชิ้นปิ้ง สักวันเราคงจะได้พบกันใหม่”
เรื่องนี้เฮียกับลุงจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด ผมตัดใจเก็บแบงก์ห้าสิบบาทใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะโบกมือให้ป้าคนขายอย่างอาลัยอาวรณ์ แม้จะรู้ตัวว่าซื้อไม่ได้ แต่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม กลิ่นลูกชิ้นหมูย่างเกรียมๆ หอมๆ ราดน้ำจิ้มแซ่บๆมันกำลังทำให้ท้องผมร้องดังขึ้นอีก ดังขึ้นอีกจนสามารถบรรเลงเป็นเพลง แสงสุดท้าย ของพี่ตูน บอดี้แสลมได้
“บ้ารึเปล่าเนี่ย”
ยังไม่ทันจะสั่งเสีย จู่ๆเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นข้างๆ ผมหันหน้าไปหาต้นเสียง ก่อนจะพบกับต้นแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ขนรักแร้แพลมออกมาเล็กน้อยพอเซ็กซี่ ลำบากกูต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามันอีก วันหลังจะใส่ส้นสูงมาโรงเรียนแล้ว
“บ้าอะไร”
“ลูกชิ้น”
ผมเลิกคิ้ว เงยหน้าจนท้ายทอยติดหลัง หมอนี่สูงเหมือนตอนเด็กๆแม่มันต้มเสาไฟฟ้าให้กินเป็น ใต้ตาดำเหมือนคนไม่ได้นอนมาสิบแปดปี แถมยังแต่งตัวประหลาดกว่าชาวบ้านเขาอีกต่างหาก เสื้อบาสสีเขียวส้มชุ่มเหงื่อนั้นไม่ได้ทำให้มันดูเท่ห์ขึ้นเลย กลับให้ความรู้สึกซกมกมากกว่า
“ก็ลูกชิ้นเซ่! เห็นเป็นอะไร พะแนงไข่ดาวไง๊“ คนยิ่งหิวๆอยู่ วู้ว!”
ลูบท้องตัวเองป้อยๆก่อนจะหันไปตวาดไอ้หมอนั่นจนคอขึ้นเอ็น คนยิ่งหิวๆอยู่ยังจะมากวนส้นตีน เดี๋ยวพ่อซัดด้วยนันยางเบอร์สี่สิบ ไอ้คนหน้าแปลกไม่ตอบอะไร พยักหน้าสองสามทีก่อนจะเดินหนีไป ทิ้งให้ผมได้แต่ยืนงงอยู่ที่เดิม เจ้าของแผ่นหลังกว้างเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายลูกชิ้น ร่างควายๆของหมอนั่นบังป้าคนขายซะมิด ก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม ในมือถือถุงลูกชิ้นที่ราดน้ำจิ้มหอมฉุยมาแล้วถุงใหญ่ กวนส้นตีนไม่พอ ยังซื้อมาเย้ยกูอีกด้วย ใจบาปมาก ขอให้ชีวิตนี้มึงไม่ได้เกรดสี่ สาธุ
“กินไหม”
“อะไร”
“ลูกชิ้นสิ เห็นเป็นพะแนงไข่ดาวรึไง”
“!!!”
ไอ้หมอนั่นว่าก่อนจะชูถุงลูกชิ้นให้ดู ผมได้แต่ทำหน้าซึนถามมันไปทั้งๆที่ตาก็โฟกัสตามแบบวินาทีต่อวินาทีเพราะโคตรหิว นี่น้ำลายไหล หูตั้งหางกระดิกแล้ว เจอแม่งกวนตีนถามย้อนกลับมาอีกแล้วอยากพุ่งเข้าไปยอดหน้ามาก แต่คำว่ามารยาทมันกำลังดึงเสื้อผมไว้อยู่ บอกให้แบคใจเย็นๆ แบคใจเย็นๆ
“เอ่าเงียบ อยากกินก็ตามมา เห็นยืนจ้องอยู่นานไม่ซื้อสักที ดูเหล่าเต๊งก็พอจะรู้ละว่าไม่มีตัง”
อื้อหือ เข้าหน้า เข้าเต็มๆ ไอ้หมอนั่นว่าก่อนจะเดินนำไปเลย ทิ้งให้ผมยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นอยู่ที่เก่า มันชักจะดูถูกกันเกินไปแล้ว ดูถูกมากๆ ดูไม่ผิดเลย นอกจากฐานะกูจะจนแล้ว หน้ากูยังจนด้วย นักเลงอย่างผมก็เลยถกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะวิ่งดุ๊กๆตามมันไป ไม่ใช่จะเข้าไปตีนะ ไปกินลูกชิ้น
“ใจเย็นๆ ไม่มีใครแย่งหรอก ชีวิตนี้ไม่เคยกินลูกชิ้นหรอ”
“แค่กๆ!”
ผมไอโขลกด้วยความสำลัก ยื่นมือไปรับขวดน้ำมาจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม สรุปลูกชิ้นหกไม้ผมกินคนเดียวเลย ไอ้หมอนี่เอาแต่นั่งดูเฉยๆ ผมกระดกขวดน้ำอึ้กๆก่อนจะปิดฝาคืนให้ เรออัดกลางโต๊ะดังๆแทนคำขอบคุณสำหรับความอิ่มในมื้อนี้
“นายคือบยอน แบคฮยอน ห้องห้าใช่ไหม“”
“เอ้ยรู้ได้ไง”
“รู้ดิ เห็นโดนตีหน้าเสาธงทุกวัน”
ประวัติด่างพร้อยมาก ผมไม่รู้จะตอบอะไรเลยนอกจากนั่งเอาลิ้นดุนเศษลูกชิ้นที่ติดอยู่ในซอกฟันอย่างเงิบๆ ชื่อเสียงของผมคงจะดังกระฉ่อนเลยสินะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาสาย เรียนห่วย คะแนนแย่ แถมยังชอบโดดเรียนเป็นประจำ ไอ้หมอนั่นหลุดขำ เอาซะผมอยากหยิบไม้ลูกชิ้นเสียบตามันมาก
“ฉันรู้ว่าทำไมนายถึงเป็นแบบนี้ ฉันเข้าใจ ฉันก็เคยเป็นแบบนายมาก่อนเหมือนกัน”
“จริงอ่อวะ แล้วมีตังซื้อลูกชิ้นเลี้ยงคนอื่นได้ไง”
“โควตานักกีฬาไง”
คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามยืดอกเต็มตัว ชี้เสื้อบาสของตัวเองให้ดู แถมยังหันหน้าหันหลังให้เห็นชื่อทีมโรงเรียนอีกต่างหาก ผมพยักหน้าหงึกหงัก ไม่คิดว่าจะมีใครที่อับจนเหมือนๆกับผมด้วย เอาจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ไม่มีเพื่อนหรืออะไรหรอก แต่ผมเลือกที่จะห่างออกมาเอง ไม่รู้เพราะสังคม ฐานะมันต่างกัน ผมก็เลยสะดวกใจที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าละมั้ง แต่พอเจอหมอนี่พูดแบบนี้แล้ว รู้สึกว่ากำลังมีเพื่อนเลยแฮะ
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนหมาหงอยขนาดนั้นก็ได้”
“อะไรเล่า!”
“เรอเหม็นขนาดนี้นี่คืออิ่มละช้ะ งั้นเดี๋ยวจะไปซ้อมละ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเพื่อนกินข้าวอีก มานั่งกินด้วยกันก็ได้”
“เฮ้ยๆๆๆๆเดี๋ยวๆๆๆๆ”
พูดยังไม่ทันจบแม่งก็ลุกแล้ว ผมได้แต่เงยหน้ามองตามด้วยความงงงวย ไม่เคยเห็นใครอินดี้เท่านี้มาก่อน อยู่ดีๆก็มากวนตีน เสียตังจ่ายค่าลูกชิ้นให้ชาวบ้าน หลอกด่าสองสามคำแล้วก็ไป ผมคว้าชายเสื้อมันไว้ แอบเห็นไรขนอ่อนๆตรงหน้าท้องด้วย
“ว่า“”
“นายชื่อไรอะ”
“หวงจื่อเทา เรียกสั้นๆว่าเทา เรียกยาวๆทาววววววววววววววว ก็ได้นะ”
คำตอบที่ได้ทำให้ผมอยากเอาน้ำจิ้มในถุงมาสาดมันมาก ใบหน้าเหมือนผีจีนของหมอนั่นยิ้มตลก จับมือผมให้ปล่อยชายเสื้อมันก่อนจะวาดขาออกจากเก้าอี้ยาวๆนั้นอย่างคล่องแคล่ว
“เออๆ กวนตีนและ แต่ก็ขอบคุณสำหรับลูกชิ้นนะ”
“ไม่ต้องห่วง เอาคืนแน่นอน แต่ไม่ใช่วันนี้ ไปละ”
ไอ้หมอนั่นโบกมือหยอยๆแบบขอไปทีก่อนจะเดินตูดบิดจากไป จริงใจมาก นี่ถ้ามันไม่ได้เลี้ยงลูกชิ้นผมเมื่อกี้ผมก็คงจะเกลียดมันมากๆแน่ๆ ผมได้แต่โบกมือให้เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินออกไปไกลขึ้นทุกที มืออีกข้างลูบพุงตัวเองพลางยิ้มอย่างมีความสุข ทวนชื่อมันซ้ำๆเพื่อกันลืม หวงจื่อเทา หวงจื่อเทา ขอบคุณสำหรับลูกชิ้นแสนอร่อยในวันนี้นะ บุญคุณนี้พี่จะไม่ลืมเลย
✞
“เอ้า เข้ามาๆ จับจองที่นั่งกันเลย ว่างทั้งศาลา ไม่ต้องเบียดกัน ไม่ต้องแย่งกัน อย่าไปนั่งทับบุญคนอื่น”
เสียงของลุงเฉิน ญาติคนเดียวที่ผมเหลืออยู่เอ่ยแห้งๆ กระแอมไอเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกบรรดาแขกเหรื่อที่หลงผิดเข้ามาละลายเงินในอาศรมแห่งนี้ ผมได้แต่ยืนถอนหายใจด้วยความสงสารพวกเขาอยู่ที่มุมห้อง ในขณะที่ลุงกำลังนั่งอยู่บนเบาะสี่เหลี่ยมเก่าๆขนาดพอดีตูด ทั้งตัวสวมชุดขาว ห่มผ้าแพรบางๆสีเทามันเลื่อม ภายในศาลาประดับตกแต่งด้วยข้าวของนำโชคต่างๆนาๆละลานตาไปหมด ผมไม่เคยรู้สึกชอบบรรยากาศอึมครึมของที่นี่เลย
“เอาล่ะ วันนี้จะให้ช่วยอะไรรึ”
“พอดีว่าจะให้คุณท่านช่วยดูดวงให้ลูกสาวหน่อยน่ะค่ะ”
หญิงวัยกลางคนดูท่าทางมีกะตังหน่อยเอ่ยตอบก่อนจะใช้มือดันข้อศอกลูกสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มให้เขยิบเข้าไปหาลุงมากขึ้น อิเจ๊หน้าแน่นมากเหมือนจะไปเล่นงิ้วต่อที่เยาวราช บนหัวนี่ตีกระบังลมมาอย่างใหญ่ ท่าทางทรงนี้จะใช้สเปรย์ทั้งขวด ออกจากบ้านบ่ายสอง นี่ไม่รู้ตื่นมาทำผมตั้งแต่ตีสี่เลยรึเปล่า นั่นเป็นความคิดที่โง่เง่าเต่าตุ่นเอามากๆที่อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่ ผมเคยเตือนให้ลุงเลิกหลอกชาวบ้านแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่ลุงก็ยังไม่หยุด ใบหน้าเหลี่ยมจัดยิ้มกริ่มก่อนจ้องใบหน้าสวยๆด้วยตาเป็นประกาย สงสารน้องผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินที่ต้องมาตกเป็นเหยื่อแห่งความขี้หลีขี้เต๊าะของลุง สงสารคุณป้าที่ต้องมาเสียเงินกับอะไรไร้สาระที่ลุงกำลังทำอยู่ จะให้ทำยังไงได้ละวะ เงินทำบุญของป้าก็คือค่าเทอมของผมนั่นแหละ
นอกจากจะขายหมูปิ้งตอนเช้า ขายข้าวต้มโต้รุ่งตอนดึกแล้ว ยังมีอีกรายได้หนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือการดูดวง เข้าทรงของลุง ลุงขุดกลเม็ดหลอกตาแพรวพราวออกมาหลายมุกจนคนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ลุงเป็นคนมีไหวพริบดี พูดจาหว่านล้อมเก่ง อาจจะด้วยเพราะเคยขายเครื่องกรองน้ำมาก่อน แต่พอรายได้ไม่ดี บวกกับบริษัทกำลังจะเจ๊งลุงก็เลยถูกไล่ออกมาตามระเบียบ ใบหน้าที่ดูถูกต้องตามหลักโหงวเฮ้งของจีนทำให้พวกเขาเชื่อที่ลุงพูดแบบสนิทใจ แต่มีผมคนนึงล่ะที่ไม่คิดจะเชื่ออะไรลุงเลย
“อยากจะดูเรื่องอะไรล่ะหืม การเรียน การเงิน การงาน ความรักหรือเซ็กส์”
“อะ ..เอ่อ .. ทั่วไปน่ะค่ะ”
“ฮึ่มมมม .. ไหนดูซิ”
น้องคนสวยแบมือตามคำสั่ง เสียงใคร่ครวญคาดคะเนของลุงดังคลอไปทั้งศาลา ผมได้แต่นั่งเบื่ออยู่หน้าประตูด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร สีหน้าเคร่งเครียดของลุงเกือบจะทำให้ผมเชื่ออยู่หลายครั้ง แต่เชื่อเถอะครับ ว่าถ้าลุงได้อ้าปากพูดอะไรออกมาแล้ว คุณจะปักใจเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ
“อืม จะมีเลือดตกยางออกทุกเดือนเลยนะหนู”
“ว้ายตายแล้ว! จริงรึเปล่าคะคุณท่าน”
“อืม ต้องระวัง เตรียมรับมือให้ดี มิเช่นนั้นอาจจะถึงฆาตได้”
“แล้วต้องทำยังไงบ้างคะคุณท่าน!”
อิแม่เอามือทาบอกพร้อมกับตะโกนลั่นอย่างตกใจ เสียงคุณป้าดังสะเทือนหลังคาศาลาจนผมสะดุ้ง ทั้งคุณป้าและทั้งน้องคนสวยกำลังช็อค ผมเบือนหน้าหนี มาดูกี่เจ้าลุงก็ทายแบบนี้ทุกที
“ไม่ต้องกังวลไปคุณนาย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ตอนนี้คงต้องทนไปก่อน เดี๋ยวซักช่วงหลังเบญจเพสจนถึงอายุ30 จะพ้นกรรมนี้ไปหนึ่งปี และหลังจากอายุ50ขึ้นไป กรรมนี้จะหมดสิ้น ชีวิตจะพบแต่ความสุขสบาย”
“แล้วคุณท่านมีอะไรพอจะช่วยบรรเทากรรมนี้ของลูกอิชั้นได้บ้างไหมเจ้าคะ“”
“ไอแบค เอ็งไปเอายันต์กันเลือดมาซิ”
นั่นไง กูอีกแล้ว ผมยกตูดตัวเองขึ้นจากพื้นไม้กระดานเก่าๆก่อนจะเดินอ้อมไปที่ห้องเก็บของหลังม่านสีทึม กะแล้วว่าลุงต้องเล่นมุกเดิม พักนี้คนมาดูดวงเยอะจนคิดมุกไม่ทันก็เลยต้องใช้ซ้ำๆแทนกันไปก่อน หวังว่าตอนนี้คงจะยังไม่มีใครจับไต๋ได้ ผมหยิบผ้าอนามัยที่ถูกบรรจุใส่ซองสีแดงออกมาวางบนถาดข้างนอก ดูท่าทางคุณป้าจะตื่นเต้นกับ ยันต์กันเลือด ของลุงเหลือเกิน
“แต่อันนี้ต้องมีค่าขึ้นครูกันหน่อยนึง สะดวกรึเปล่าคุณหญิง”
“สะดวกค่ะคุณท่าน ไม่อั้นเลยค่ะคุณท่าน”
คุณป้ารับยันต์กันเลือดมาด้วยมืออันสั่นเทา ผมไม่สามารถกลั้นขำได้แล้วจริงๆ ป้าเริ่มโง่ขึ้นเรื่อยๆ ควักเงินจ่ายจนลุงยิ้มหน้าบานอย่างไม่ปิดบัง ดูท่าทางจะศรัทธาและเลื่อมใสเอามากๆ ในขณะที่น้องคนสวยนั่งหน้าซีดไปแล้ว มึงจะตกใจทำไมวะ ผู้หญิงเค้าก็เป็นกันทุกคนไม่ใช่เรอะ นี่ก็ประสาททั้งแม่ทั้งลูกเลย
ตอนนี้ผมอยากได้โทรศัพท์มือถือที่เล่นเน็ตได้สักเครื่อง นั่งดูยูทูปแก้เบื่อ อยากให้อิเฮียมาเฝ้าที่นี่บ้างจัง แล้วจะรู้ว่าไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่านี้อีกแล้ว บางทีผมอาจจะหัดซ่อมรถแล้วก็ไปทำงานพาร์ทไทม์กับเฮียที่อู่ จะได้ไม่ต้องมาดูลุงหลอกชาวบ้านอยู่แบบนี้ ผมไม่สบายใจเลยจริงๆ
“เอ้อ แล้วช่วงนี้จะมีเคราะห์แน่นอน เตรียมตัวไว้ได้เลย”
“ว้ายตายแล้ว! มีเคราะห์เลยหรอคะคุณท่าน!”
“อืม อาจจะเคราะห์ไม่กี่ครั้ง แล้วแต่ความแรงของเคราะห์ แต่ไม่เป็นไร ไม่หนักหนา วางใจได้”
ทนฟังลุงโม้ต่อไปไม่ได้แล้ว ความรู้สึกผิดแม่งตีขึ้นมาถึงคอหอย อยากจะตะโกนดังๆออกไปว่าอิโง่ แต่ด้วยมารยาทที่สั่งสมมาตลอดสิบเจ็ดปีนั้นไม่สามารถให้ผมทำแบบนั้นได้ เห็นลุงกับคุณป้าคุยอะไรกันอยู่ไม่กี่ประโยค แลกเปลี่ยนเงินตรากับโชคและความสบายใจกันเรียบร้อย คุณหญิงก็ลากลับ หล่อนโค้งสวยๆ หัวติดพื้นตามแบบฉบับเกาหลีโบราณ ลุงกวักมือเรียก ชี้ตังในตะกร้าให้ดูพร้อมกับหน้าฟินๆแบบที่ทำประจำ
“ไปไอลูกหมา ส่งแขก”
คุณป้าและลูกสาวลุกขึ้นจากเสื่อน้ำมันเก่าๆก่อนจะเดินออกมาที่หน้าประตูด้วยสีหน้าอิ่มบุญอิ่มโชคสุดขีด ส่วนลุงก็อิ่มตังด้วยเช่นกัน ผมได้แต่ส่ายหัวไล่ความรู้สึกผิดบาปเหล่านั้นออกไป พยายามจะยินดีกับค่าขนมที่กำลังจะเพิ่มขึ้นของตัวเอง บางทีเราอาจจะมีแอร์ใช้ หรือได้ซื้อตู้เย็นใหม่ เพราะของเก่าแม่งแช่ทุกสรรพสิ่งบนโลกจนแทบจะไม่มีความเย็นหลงเหลืออยู่แล้ว ผมอยากกินไอติมบ้าง อยากกินน้ำเย็นๆ อยากซื้อน้ำแข็งหลอดมาแช่เก็บไว้กินกับน้ำอัดลมในฤดูร้อน แค่คิดก็ฟินจนแทบจะลอยแล้ว
ผมเอื้อมมือเปิดประตูให้คุณป้ากระเป๋าหนักและน้องคนสวยผู้เคราะห์ร้ายเดินออกไปจากอาศรม รถเบ๊นซ์คันหรูที่จอดรออยู่แล้วกำลังติดเครื่องยนต์พร้อมกับคนขับรถที่แอบงีบหลับอยู่ในนั้น ฉับพลันผมนึกถึงคำที่ลุงพูดไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เดี๋ยวอีกไม่กี่วินาทีต่อมา คุณป้าจะต้องมีเคราะห์แน่ๆ
ก๊อกๆๆ
นั่นไง เคราะห์จริงๆด้วย ถุ้ย นั่นมันเคาะ
แดดร้อนเหลือเกิน ยืนรออยู่นานแล้วคนขับก็ไม่ยอมตื่นมาเปิดประตูรถให้สักที จนกระทั่งคุณป้ากระบังลมต้องออกแรงเคาะกระจกนั้นเบาๆ ก่อนจะเคาะแรงขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะกลายเป็นทุบ พี่คนขับสะดุ้งตื่น รีบกุลีกุจอลงมาเปิดรถให้อย่างรวดเร็ว
อาจจะเคราะห์ไม่กี่ครั้ง แล้วแต่ความแรงของเคราะห์ แต่ไม่เป็นไร ไม่หนักหนา วางใจได้
ประตูปิดลงแล้ว พร้อมกับรถคันหรูที่เคลื่อนตัวออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ผมโค้งน้อยๆอย่างมีมารยาท โบกมือลาให้กับคุณป้าและลูกสาว ยิ้มกว้างแม้แดดจะร้อนจนแขนแทบสุก ตะโกนประโยคที่คิดว่าคุณป้าคงจะไม่มีวันได้ยินออกไปดังๆ
“ขอบคุณสำหรับเงินนะคร้าบ!!”
สวัสดีตู้เย็นใหม่ แล้วเจอกันนะ
ความคิดเห็น