คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : {SOCIAL STORY} CHANBAEK - soundcloud (project by ddr) 2/2 the end
{THE SOCIAL STORY}
soundcloud
by dear_dora
ผมเปลี่ยนตัวกับมือกีตาร์อีกหนึ่งคนและแท็กมือกับคยองซูนักร้องนำเพื่อนสนิทของผมก่อนจะเดินลงจากเวทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเด็กชายคนหนึ่งมาทำงานฟรีให้ที่ร้านของผมวันนี้ ผมยังไม่ได้ปล่อยให้เลิกงานและให้ค่าจ้างเขาเลย
ผมเดินหาจนทั่วร้านไม่ว่าจะส่วนไหนก็ไม่เจอแม้แต่เงา กระเป๋านักเรียนที่ควรจะวางอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็ไม่อยู่ ใจของผมเริ่มเสีย ความร้อนของร่างกายจากการวิ่งไปทั่วร้านไม่ได้เท่ากับหัวใจของผม หรือว่าแบคฮยอนรู้ความจริงของผมแล้วจะเกลียดผมไปเลยนะ? จะยอมคุยกับผมอีกไหม? ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเวลา แต่แล้วหัวสมองผมก็ว่างเปล่าอีกครั้งเมื่อเห็นภาพล็อคสกรีนที่เป็นรูปแคปเจอร์โปรไฟล์ซาวน์คลาวด์ของแบคฮยอน ย้อนกลับไปตอนที่เพื่อนผมส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ดู หน้าจอแสดงภาพเสียงอัดในซาวน์คลาวด์อันหนึ่ง ผมจำได้ว่าชื่อเสียงอัดนี้เป็นชื่อเดียวกับที่ผมเพิ่งจะอัพโหลดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมคว้าโทรศัพท์มาและเสียบหูฟังเข้ากับตัวเครื่องและกดเล่นเสียงในทันที
ผมจำตัวเองที่หัวเราะเจ้าของคลิปเสียงนี้ในตอนแรกได้เป็นอย่างดี เสียงที่เขาอัดมีแต่เสียงรบกวนเต็มไปหมดแถมยังไอไปร้องไปอีกต่างหาก แต่แล้วเสียงหัวเราะผมก็หยุดลงเพียงเพราะเสียงพูดเจ้าของคลิปเสียงอัดนี้ในตอนท้ายที่ว่า
‘ผมชอบเสียงพี่ชานยอลมากๆเลย ช่วยร้องเพลงบ่อยๆนะครับ’
พร้อมแฮชแท็กของเสียงอัดนี้ด้วยคำว่า real__pcy ชื่อยูสเซอร์ของผม..
แต่ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าจริงๆแล้วมันเป็นเสียงของเพื่อนผมต่างหาก..
ผมจำได้ดีว่าตอนนั้นผมดึงหูฟังออกจากเครื่องมือสื่อสารและส่งคืนให้เพื่อนด้วยสีหน่าปกติ แล้วแสร้งหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดเล่นเหมือนไม่คิดอะไร แต่จริงๆแล้วผมทำการสมัครสมาชิกใหม่แล้วทำการฟอลโล่วเจ้าของเสียงอัดคนเมื่อครู่ ทุกๆครั้งที่ผมอัพโหลดเพลงที่คัฟเวอร์ลงซาวน์คลาวด์ทีไร ผมก็จะเห็นว่าในชั่วโมงต่อมาเด็กคนนี้ก็จะอัพโหลดคลิปเสียงที่เป็นเพลงเดียวกันพร้อมแฮชแท็กที่เป็นชื่อยูสเซอร์ผมเสมอ
และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งจะมารู้ว่าตัวของผมเองนั้น..
ก็กลายเป็นแฟนคลับของเขาเช่นกัน..
ผมหัวเราะเยาะในความโง่ของตัวเอง ถ้าเลือกได้วันนั้นผมจะไม่เรียกให้น้องเค้ายืนขึ้นเลย ผมน่าจะรอให้โรงเรียนเลิก แล้วแอบเดินไปส่งน้องเขากลับบ้านแบบเงียบๆ นี่อะไรกัน เพิ่งเจอแค่วันแรกน้องก็หนีผมไปซะแล้ว คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน ในหัวมันเอาแต่คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ไปโรงเรียนแล้วเจอแบคฮยอน น้องจะทำหน้ายังไงตอนเห็นผม จะทำเมินกันหรือเปล่านะ?
สิ่งที่ผมกลัวยังคงไม่เกิดขึ้นเพราะวันนี้ผมยังไม่เห็นหน้าแบคฮยอนเลย ผมใช้ความเป็นประธานสีเรียกประชุมรวมกันก็แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นน้องเขาอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปถามไอ้เด็กหน้าจีนที่คราวก่อนผมเป็นคนเรียกให้มันยืนเมื่ขึ้น แล้วก็ได้คำตอบว่าวันนี้แบคฮยอนไม่มาโรงเรียน คำตอบนั้นทำเอาผมคอตกไปเลย แบคฮยอนคงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหลอกแล้วก็คงเกลียดผมไปแล้วแน่ๆ แค่คิดก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว ถ้าเจอหน้ากันแล้วต้องเห็นว่าน้องเขาไม่อยากคุยจะรู้สึกแย่ขนาดไหนนะ มากกว่าตอนนี้มั้ย?
ผมโบกแท็กซี่หน้าโรงเรียนไปที่ร้านของพ่อเหมือนที่เคยทำประจำทุกวัน แล้วก็หวนคิดไปถึงเมื่อวานที่มีเด็กที่ไหนไม่รู้โผงผางเปิดประตูเข้ามานั่งข้างๆผม มันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ผมอาจจะดูเป็นคนใจง่ายในสายตาคนอื่นที่ผมเห็นน้องเขาแค่วันเดียวก็รู้สึกชอบน้องเขาขนาดนี้ แต่ความจริงแล้ว ผมรู้จักแบคฮยอนมาได้ซักพักแล้วล่ะ..
เรื่องมันมีอยู่ว่าบ้านของผมติดกับหลังบ้านของน้องเขาแหละครับ มันอาจจะฟังดูตลกที่เราไม่เคยเจอกันเลย แบคฮยอนกลับบ้านตรงเวลาตลอด ส่วนผมกว่าจะถึงบ้านก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว และเมื่อไหร่ที่ผมถึงบ้านแล้วเปิดหน้าต่างห้องนอน ผมจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่มัดจุกน้ำพุด้วยยางรัดผมสีฟ้ากำลังเต้นและร้องเพลงใส่โทรศัพท์ บางครั้งก็นอนดิ้นไปมาบนเตียงแล้วพูดคนเดียว ส่วนบางครั้งก็นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับกองการบ้านตรงหน้า จนกลายเป็นว่ามันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วที่ผมต้องมานั่งมองเขาแบบนี้ เหมือนคนโรคจิตเลยว่าไหม?
ผมลงจากแท็กซี่หลังจากที่จ่ายเงินให้คุณลุงคนขับเสร็จแล้ว เดินเข้าไปในร้านอย่างเคยชินทุกวัน แต่วันนี้น่าแปลกที่พี่ยูนาไม่ได้ประจำที่เคาน์เตอร์เหมือนทุกครั้ง เมื่อเดินไปใกล้ๆผมจึงเห็นว่าพี่เขาก้มหาของอยู่ที่ใต้เคาทน์เตอร์อยู่
“พี่ครับ วันนี้เลิกงานเร็วหน่อยนะผมมีการบ้านที่ต้องทำเยอะ”
น่าแปลกที่พี่ยูนาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย กลับกันยันคงหาของใต้เคานท์เตอร์ต่อไป ผมเคาะเค้าน์เตอร์เรียกก็ยังไม่ตอบรับ จนตบไม้เค้าน์เตอร์แรงๆ คนที่นั่งหาของอยู่ที่พื้นจึงค่อยๆลุกขึ้นมา
“แฮ่.... แหะๆ”
“บะ...แบคฮยอน!”
ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าคนที่ยืนห่างจากผมเพียงแค่เคาน์เตอร์กั้นไว้คือแบคฮยอนที่ผมคิดว่าหลบหน้าผมมาตลอดทั้งวัน ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดพนักงานเตรียมทำงาน ผมรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดที่ยังเห็นหน้าน้องเขาอยู่ที่นี่ ในตอนนี้ ความรู้สึกแย่ทั้งวันเหมือนสามารถสลายไปในช่วงพริบตาเลย
“ชู่วววว”
แบคฮยอนยกนิ้วชี้แตะปากตัวเองก่อนจะถือวิสาสะลากผมไปที่ข้างหลังร้าน ตลอดทางเดินผมเอาแต่มองมือเล็กๆของน้องที่กุมนิ้วชี้ใหญ่ๆของผมไว้ แล้วจู่ๆหัวใจของผมมันก็มีเสียงแปลกๆ มันมีแต่เสียงเรียกแบคฮยอนดังไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
“ผมขอโทษครับ!!!”
ประโยคแรกก็ทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก จู่ๆน้องก็ดันโพล่งขอโทษผมออกมาซะดังลั่น ตาเล็กๆที่หลับปี๋เหมือนกลัวกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับผมเล่นทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาง่ายๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันน่ารักมากๆจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้แปะทั่วห้องไว้ดูตลอดเวลาเลยให้ตาย
เมื่อแบคฮยอนค่อยๆลืมตาผมก็ต้องปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ เพิ่งมานึกได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควรจะยิ้มเลยซักนิด แต่ทำยังไงได้ ก็แบคฮยอนน่ารัก
“ขอโทษกูทำไม”
“ก็เมื่อวานผมกับบ้านก่อน ไม่ได้บอกพี่เลย”
“แล้ววันนี้มาทำไม”
“มะ..มา..มาทำงาน แหะ”
ผมมองแบคฮยอนที่ยังคงก้มหน้าก้มตามองเท้าของตัวเองไม่ยอมเงยหน้ามาพูดกับผมดีๆซักที เห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาอีกทีไม่ได้ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยที่รู้ว่าน้องไม่ได้เกลียดกัน รู้สึกดีจนเผลอทำตามใจตัวเอง
ฟอดดดดด
“ไรอะพี่!!!!!!!!”
“เอ่อ...อะ..ค่าจ้างไง!”
ผมรีบหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเร่งรีบเมื่อรู้ตัวเองว่าทำอะไรลงไป ขายาวๆก้าวมาหลบหลังกำแพงและแอบยืนมองน้องแบคฮยอนจากตรงนี้ ภาพที่เห็นก็ชวนทำให้หัวใจล้มเหลวได้ง่ายๆเพราะตอนนี้ผมคิดว่าเต้นเร็วเกินไปแล้ว แบคฮยอนเอามือสองข้างทาบแก้มตัวเองแล้วส่ายหน้ากระทืบเท้าไปมา แต่จู่ๆก็ยิ้มออกมาซะดื้อๆ ผมยิ้มกว้างมากจนต้องกัดปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้มีความสุขมากไปกว่านี้ แต่แก้มแบคฮยอนหอมแล้วก็นุ่มมากๆเลย
หลังจากวันนั้นตลอดสามเดือนที่ผ่านมาแบคฮยอนก็ยังคงมาทำงานที่ร้านแทบทุกวันไม่เว้นวันหยุด โดยไม่ยอมรับเงินค่าจ้างจากผมเลยซักบาท พอยัดเยียดให้ก็ปฏิเสธ แต่กลับขอให้ผมสอนเขาเล่นกีตาร์แทน เพราะฉะนั้นวันเสาร์อาทิตย์แบคฮยอนจึงมาที่บ้านผมเพื่อให้ผมสอนกีตาร์ให้ ทีแรกน้องก็ตกใจที่เห็นผมใส่ชุดสบายๆเดินมารับแบคฮยอนจากบ้านไปบ้านผม แต่ตกใจยิ่งกว่านั้นอีกตอนที่รู้ว่าพอเปิดหน้าต่างแล้วผมเห็นห้องนอนแบคฮยอนชัดแค่ไหน
“เฮ้ยพี่!! งี้พี่ก็เห็นหมดเลยเหรอ!!!!!!!!”
"อะไร กูเห็นอะไร จะเรียนปะเนี่ยเร็วๆ”
วันนั้นผมก็แกล้งเฉไฉไปแบบนั้นเพราะว่าเขิน แบคฮยอนเองก็เหมือนกัน วันนั้นเราต่างก็ไม่กล้าที่จะพูดด้วยกันทั้งคู่ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แบคฮยอนเริ่มกล้าแสดงออกมาขึ้น ถึงขั้นกับเดินขึ้นมาที่ห้องนอนของผมเพื่อปลุกผมด้วยตัวเอง กล้าที่จะชวนผมกินข้าวด้วยกัน หรือกล้าที่จะชวนออกไปเที่ยว และกล้าที่จะถามผมในหลายๆเรื่องที่ตัวผมไม่กล้าทำมันซักอย่างเลยด้วยซ้ำ
“เมื่อไหร่พี่จะเรียกผมดีๆอะ ทีผมยังเรียกพี่ชานยอลว่าพี่เลย ทำไมไม่เรียกผมดีๆบ้าง”
“ที่กูเรียกอยู่นี่ก็ดีมากแล้ว กูไม่เรียกมึงอีเตี้ยก็ดีเท่าไหร่ละ เอ้าไหน คอร์ดเอไมเนอร์จับไง”
“งั้นกูเรียกพี่ว่ามึงได้ปะ”
“ปีนเกลียวแล้วมึง เอไมเนอร์!!”
“ทีตัวเองพูดจาไม่ดีกับคนอื่นเค้ายังไม่เห็นว่าเลย”
“กูได้ยิน มึงเรียนยังไงของมึงเนี่ยจะห้าเดือนแล้วคอร์ดซีมึงยังดีดเพี้ยนอยู่เลย”
ผมทำหน้ายุ่งใส่แบคฮยอนไปหนึ่งทีก่อนจะลงไปนั่งกับพื้นซ้อนหลังแบคฮยอน โอบตัวกีตาร์และลูกศิษย์ไว้ในอ้อมแขนก่อนจะสอนวิธีดีดอย่างถูกต้อง แต่ดูเหมือนว่านักเรียนคนนี้จะไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย
“พี่ชอบผมมั้ย”
“…”
“แต่ผมชอบพี่นะ”
แบคฮยอนหันหน้าเข้ามาใกล้ทั้งๆที่เดิมก็ใกล้กันมาขึ้นอยู่แล้ว ริมฝีปากเล็กๆสัมผัสกับแก้มข้างซ้ายของผมอย่างแผ่วเบาแต่หากสัมผัสนั้นมันกลับชัดเจน ความรู้สึกดีมันตีกันปั่นปวนจนแทบเป็นบ้า แบคฮยอนวิ่งกลับบ้านไปแล้ว เหลือเพียงแค่ผมที่นั่งช็อคอยู่คนเดียวในพื้นห้องนอนของตัวเอง เมื่อสติเริ่มกลับมา ทันทีที่คิดได้ผมก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองกดโทรหาแบคฮยอน แต่ก็โดนตัดสายทิ้งซะงั้น มันลนไม่หมดจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี เอาแบบนี้แล้วกันวะ!
[baekhyun part]
ผมวิ่งกลับมาที่บ้านทันทีที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป โอ้ย บ้าเอ้ย แล้วถ้ามองหน้ากันไม่ติดขึ้นมาจะเป็นยังไงวะเนี่ย แรดเลยอะเมื่อกี๊ แรดเลย ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหนวะเนี่ยแบคฮยอน
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr
‘พี่ชานยอล’
แทบหงายหลังทันทีที่รู้ว่ามีสายเรียกเข้าจากพี่ชานยอล แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมกดวางสายพี่เขาไป ก็มันยังไม่พร้อมคุยนี่โว้ย ไม่ได้เล่นตัวนะเนี่ยแต่มันยังทำใจไม่ได้เข้าใจไหม ผมค่อยๆย่องไปที่หน้าต่างห้องนอนตัวเอง ที่เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่เดือนนี้เองว่าสามารถมองไปยังห้องพี่ชานยอลได้ มือสั่นๆค่อยๆแง้มผ้าม่านออกทีละน้อย ผมพยายามจะมองไปที่ห้องของพี่เขาแต่ก็ไม่เห็นแม้กระทั่งปลายเส้นผม หงุดหงิดใจจนต้องกระชากผ้าม่านเปิดออกแรงๆ นี่ผมคาดหวังอะไรอยู่วะ?
“รอใครอยู่เหรอ!!!!!”
“เฮ้ย!!!”
ผมตกใจจนล้มลงบนพื้นห้อง ก็จู่ๆพี่ชานยอลก็โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างห้องโท่งๆแบบไม่บอกไม่กล่าว มือหนาชี้ไปที่โทรศัพท์ของผมที่ถืออยู่ แล้วพี่เขาก็กดอะไรซักอย่างในมือถือของตัวเองพอเงยหน้ามาก็ชี้มาที่มือของผมอีกครั้ง
ข้อความใหม่
ผมไม่กล้าสไลด์หน้าจอเข้าไปดูข้อความทั้งๆที่ยังมองหน้าพี่เขาอยู่แบบนี้ สีหน้าพี่ชานยอลไม่แสดงอาการอะไรเลยจนผมเองยังหวั่นใจ คิดได้ดังนั้นมือของผมก็รีบดึงผ้าม่านปิดหน้าต่างไว้อย่างเดิม ผมมองผ้าม่านห้องตัวเองแทนหน้าพี่ชานยอลที่ตอนนี้อาจจะกลับเข้าไปนั่งในห้องอย่างเดิมแล้ว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตอนกดเปิดข้อความ ลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศผลสอบคัดเลือกเสียอีก ในข้อความไม่มีอะไรนอกจากลิงค์ที่ถูกย่อมาแล้ว ผมกดไปดูอย่างไม่ลังเล ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
“แค่กๆ สะ..สวัสดีครับทุกคน นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมอัดเสียงของตัวเองแบบไม่ได้คัฟเวอร์เพลงหรือเล่นกีตาร์ แต่วันนี้ผม..เอ่อ วันนี้ผมมีบางอย่างที่สำคัญมากๆ หากไม่ได้พูดตอนนี้คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตของผมแน่ๆ..”
ผมกดหยุดเสียงอัดในซาวน์คลาวด์แล้วเปิดหน้าต่างผ่างออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่มีพี่ชานยอลยืนอยู่ตรงที่เดิมหรือโผล่หัวขึ้นมาจากตรงนั้นเหมือนคราวที่แล้ว ผมมองเข้าไปในห้องนอนของเขา ก่อนจะกดเล่นต่อ
“แบคฮยอนฟังอยู่สินะ พี่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีแค่พี่มองตัวเลขที่อัดเสียงพี่อยู่ตอนนี้พี่ยังเขินเลย คือ..เฮ้อ พี่ต้องขอโทษด้วยนะที่พี่หาคำพูดสวยๆเท่ห์มาเรียบเรียงได้ไม่ทันแต่สิ่งที่พี่อยากจะบอกเรามาตลอดตั้งแต่เราเจอกันวันแรกก็คือ..พี่”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมได้ยินประโยคต่อไปไม่ชัดเพราะเสียงอัดโดนตัดไปก่อน บวกกับที่มีคนมาเคาะประตูห้องพอดีจึงต้องจำใจไปเปิดประตูห้องให้แม่เสียก่อน แต่เวลานี้แม่น่าจะอยู่ที่ห้างกับพ่อไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับมาเร็วจัง
“ทำไมกลับมาเร็วจังอะ...แม่...”
“พี่ชอบเรานะ”
“พี่...”
“พี่ชอบแบคฮยอนมาก”
“คือ...”
“พี่ชอบ...”
จุ๊บ!
“เฮ้ย/เฮ้ย”
ปึง!
ผมปิดประตูใส่หน้าพี่ชานยอลอย่างแรงหลังจากที่หอมแก้มพี่เขาไปครั้งที่สองของวันแล้ว พี่ชานยอลก็ตกใจซะกูตกใจตามเลยโว้ย โอ้ย แรดอีกแล้ว ทำไมทำสันดานงี้อะ แย่มากเลยแบคฮยอน นี่มึงเพิ่งอายุ 16 เองนะ พ่อแม่จะว่ายังไงถ้ารู้ว่าเป็นเด็กแบบนี้หืม ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยพี่ชานยอลก็คิดเหมือนกัน แต่ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไงต่อล่ะ แค่นี้ก็จบแล้วเหรอ ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดไปที่มือที่จับลูกบิดอยู่ แต่แล้วเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นเสียก่อน
ข้อความใหม่
‘อยากลองมาเป็นแฟนกับพี่ไหม?’
ผมว่าสงสัยคงไม่ต้องถามแล้วล่ะมั้ง
หลังจากอ่านข้อความนี้แล้วทุกคนคิดว่าข้อความที่ผมส่งไปจะเป็นอะไรล่ะครับ?
the end♥
แบร่
ปล. อยากบอกว่าสนุกกับการแต่งฟิคมากๆตอนที่มีคนมาคอมเม้น
เข้าใจแล้วว่าทำไมใครเขาถึงมีกำลังใจแต่งฟิคต่อกัน ขอบคุณมากๆเลยนะ
ที่เข้ามาอ่านฟิคของเรา ทั้งๆที่ตัวเราไม่ใช่มืออาชีพเลย สนุกกับการอ่านนะคะ
ปล.2 วิจารณ์เราได้ที่ทวิต @dear_dora นะคะ
ปล.3 ขอบคุณอีกครั้ง
ความคิดเห็น