ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ━☏゙EXO/SF▯◦by.HUNDREDPERX!━

    ลำดับตอนที่ #9 : {SOCIAL STORY} CHANBAEK - soundcloud (project by ddr) 2/2 the end

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 57



     



    {THE SOCIAL STORY

     

    CHANBAEK
    soundcloud 
    by dear_dora
     
    ________________________
     
     










     

    ผมเปลี่ยนตัวกับมือกีตาร์อีกหนึ่งคนและแท็กมือกับคยองซูนักร้องนำเพื่อนสนิทของผมก่อนจะเดินลงจากเวทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเด็กชายคนหนึ่งมาทำงานฟรีให้ที่ร้านของผมวันนี้ ผมยังไม่ได้ปล่อยให้เลิกงานและให้ค่าจ้างเขาเลย

     

                ผมเดินหาจนทั่วร้านไม่ว่าจะส่วนไหนก็ไม่เจอแม้แต่เงา กระเป๋านักเรียนที่ควรจะวางอยู่หลังเคาน์เตอร์ก็ไม่อยู่ ใจของผมเริ่มเสีย ความร้อนของร่างกายจากการวิ่งไปทั่วร้านไม่ได้เท่ากับหัวใจของผม หรือว่าแบคฮยอนรู้ความจริงของผมแล้วจะเกลียดผมไปเลยนะ? จะยอมคุยกับผมอีกไหม? ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเวลา แต่แล้วหัวสมองผมก็ว่างเปล่าอีกครั้งเมื่อเห็นภาพล็อคสกรีนที่เป็นรูปแคปเจอร์โปรไฟล์ซาวน์คลาวด์ของแบคฮยอน ย้อนกลับไปตอนที่เพื่อนผมส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ดู หน้าจอแสดงภาพเสียงอัดในซาวน์คลาวด์อันหนึ่ง ผมจำได้ว่าชื่อเสียงอัดนี้เป็นชื่อเดียวกับที่ผมเพิ่งจะอัพโหลดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมคว้าโทรศัพท์มาและเสียบหูฟังเข้ากับตัวเครื่องและกดเล่นเสียงในทันที

     

                ผมจำตัวเองที่หัวเราะเจ้าของคลิปเสียงนี้ในตอนแรกได้เป็นอย่างดี เสียงที่เขาอัดมีแต่เสียงรบกวนเต็มไปหมดแถมยังไอไปร้องไปอีกต่างหาก แต่แล้วเสียงหัวเราะผมก็หยุดลงเพียงเพราะเสียงพูดเจ้าของคลิปเสียงอัดนี้ในตอนท้ายที่ว่า

     

     

    ผมชอบเสียงพี่ชานยอลมากๆเลย ช่วยร้องเพลงบ่อยๆนะครับ

     

     

    พร้อมแฮชแท็กของเสียงอัดนี้ด้วยคำว่า real__pcy ชื่อยูสเซอร์ของผม..

    แต่ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าจริงๆแล้วมันเป็นเสียงของเพื่อนผมต่างหาก..

     

     

                ผมจำได้ดีว่าตอนนั้นผมดึงหูฟังออกจากเครื่องมือสื่อสารและส่งคืนให้เพื่อนด้วยสีหน่าปกติ แล้วแสร้งหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดเล่นเหมือนไม่คิดอะไร แต่จริงๆแล้วผมทำการสมัครสมาชิกใหม่แล้วทำการฟอลโล่วเจ้าของเสียงอัดคนเมื่อครู่ ทุกๆครั้งที่ผมอัพโหลดเพลงที่คัฟเวอร์ลงซาวน์คลาวด์ทีไร ผมก็จะเห็นว่าในชั่วโมงต่อมาเด็กคนนี้ก็จะอัพโหลดคลิปเสียงที่เป็นเพลงเดียวกันพร้อมแฮชแท็กที่เป็นชื่อยูสเซอร์ผมเสมอ

               

                และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งจะมารู้ว่าตัวของผมเองนั้น..

     

                ก็กลายเป็นแฟนคลับของเขาเช่นกัน..





     

    ผมหัวเราะเยาะในความโง่ของตัวเอง ถ้าเลือกได้วันนั้นผมจะไม่เรียกให้น้องเค้ายืนขึ้นเลย ผมน่าจะรอให้โรงเรียนเลิก แล้วแอบเดินไปส่งน้องเขากลับบ้านแบบเงียบๆ นี่อะไรกัน เพิ่งเจอแค่วันแรกน้องก็หนีผมไปซะแล้ว คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน ในหัวมันเอาแต่คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ไปโรงเรียนแล้วเจอแบคฮยอน น้องจะทำหน้ายังไงตอนเห็นผม จะทำเมินกันหรือเปล่านะ?

     

                สิ่งที่ผมกลัวยังคงไม่เกิดขึ้นเพราะวันนี้ผมยังไม่เห็นหน้าแบคฮยอนเลย ผมใช้ความเป็นประธานสีเรียกประชุมรวมกันก็แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นน้องเขาอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปถามไอ้เด็กหน้าจีนที่คราวก่อนผมเป็นคนเรียกให้มันยืนเมื่ขึ้น แล้วก็ได้คำตอบว่าวันนี้แบคฮยอนไม่มาโรงเรียน คำตอบนั้นทำเอาผมคอตกไปเลย แบคฮยอนคงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหลอกแล้วก็คงเกลียดผมไปแล้วแน่ๆ แค่คิดก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว ถ้าเจอหน้ากันแล้วต้องเห็นว่าน้องเขาไม่อยากคุยจะรู้สึกแย่ขนาดไหนนะ มากกว่าตอนนี้มั้ย?

     
     

                ผมโบกแท็กซี่หน้าโรงเรียนไปที่ร้านของพ่อเหมือนที่เคยทำประจำทุกวัน แล้วก็หวนคิดไปถึงเมื่อวานที่มีเด็กที่ไหนไม่รู้โผงผางเปิดประตูเข้ามานั่งข้างๆผม มันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ผมอาจจะดูเป็นคนใจง่ายในสายตาคนอื่นที่ผมเห็นน้องเขาแค่วันเดียวก็รู้สึกชอบน้องเขาขนาดนี้ แต่ความจริงแล้ว ผมรู้จักแบคฮยอนมาได้ซักพักแล้วล่ะ..

     
     

    เรื่องมันมีอยู่ว่าบ้านของผมติดกับหลังบ้านของน้องเขาแหละครับ มันอาจจะฟังดูตลกที่เราไม่เคยเจอกันเลย แบคฮยอนกลับบ้านตรงเวลาตลอด ส่วนผมกว่าจะถึงบ้านก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว และเมื่อไหร่ที่ผมถึงบ้านแล้วเปิดหน้าต่างห้องนอน ผมจะเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่มัดจุกน้ำพุด้วยยางรัดผมสีฟ้ากำลังเต้นและร้องเพลงใส่โทรศัพท์ บางครั้งก็นอนดิ้นไปมาบนเตียงแล้วพูดคนเดียว ส่วนบางครั้งก็นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับกองการบ้านตรงหน้า จนกลายเป็นว่ามันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้วที่ผมต้องมานั่งมองเขาแบบนี้ เหมือนคนโรคจิตเลยว่าไหม?

     

    ผมลงจากแท็กซี่หลังจากที่จ่ายเงินให้คุณลุงคนขับเสร็จแล้ว เดินเข้าไปในร้านอย่างเคยชินทุกวัน แต่วันนี้น่าแปลกที่พี่ยูนาไม่ได้ประจำที่เคาน์เตอร์เหมือนทุกครั้ง เมื่อเดินไปใกล้ๆผมจึงเห็นว่าพี่เขาก้มหาของอยู่ที่ใต้เคาทน์เตอร์อยู่

     
     

    พี่ครับ วันนี้เลิกงานเร็วหน่อยนะผมมีการบ้านที่ต้องทำเยอะ

     
     

    น่าแปลกที่พี่ยูนาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย กลับกันยันคงหาของใต้เคานท์เตอร์ต่อไป ผมเคาะเค้าน์เตอร์เรียกก็ยังไม่ตอบรับ จนตบไม้เค้าน์เตอร์แรงๆ คนที่นั่งหาของอยู่ที่พื้นจึงค่อยๆลุกขึ้นมา

     
     

    แฮ่.... แหะๆ

     
     

    บะ...แบคฮยอน!”


                ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยว่าคนที่ยืนห่างจากผมเพียงแค่เคาน์เตอร์กั้นไว้คือแบคฮยอนที่ผมคิดว่าหลบหน้าผมมาตลอดทั้งวัน ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดพนักงานเตรียมทำงาน ผมรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดที่ยังเห็นหน้าน้องเขาอยู่ที่นี่ ในตอนนี้ ความรู้สึกแย่ทั้งวันเหมือนสามารถสลายไปในช่วงพริบตาเลย

     
     

                “ชู่วววว

     
     

                แบคฮยอนยกนิ้วชี้แตะปากตัวเองก่อนจะถือวิสาสะลากผมไปที่ข้างหลังร้าน ตลอดทางเดินผมเอาแต่มองมือเล็กๆของน้องที่กุมนิ้วชี้ใหญ่ๆของผมไว้ แล้วจู่ๆหัวใจของผมมันก็มีเสียงแปลกๆ มันมีแต่เสียงเรียกแบคฮยอนดังไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

     

     

                ผมขอโทษครับ!!!”

     
     

                ประโยคแรกก็ทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก จู่ๆน้องก็ดันโพล่งขอโทษผมออกมาซะดังลั่น ตาเล็กๆที่หลับปี๋เหมือนกลัวกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับผมเล่นทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาง่ายๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันน่ารักมากๆจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้แปะทั่วห้องไว้ดูตลอดเวลาเลยให้ตาย

     
     

                เมื่อแบคฮยอนค่อยๆลืมตาผมก็ต้องปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ เพิ่งมานึกได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควรจะยิ้มเลยซักนิด แต่ทำยังไงได้ ก็แบคฮยอนน่ารัก

     
     

                ขอโทษกูทำไม

               

                “ก็เมื่อวานผมกับบ้านก่อน ไม่ได้บอกพี่เลย

     
     

                แล้ววันนี้มาทำไม

     
     

                “มะ..มา..มาทำงาน แหะ

     
     

                ผมมองแบคฮยอนที่ยังคงก้มหน้าก้มตามองเท้าของตัวเองไม่ยอมเงยหน้ามาพูดกับผมดีๆซักที เห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาอีกทีไม่ได้ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยที่รู้ว่าน้องไม่ได้เกลียดกัน รู้สึกดีจนเผลอทำตามใจตัวเอง

     

     

                ฟอดดดดด

     
     

                ไรอะพี่!!!!!!!!”

     

     

                เอ่อ...อะ..ค่าจ้างไง!”

     
     

                ผมรีบหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเร่งรีบเมื่อรู้ตัวเองว่าทำอะไรลงไป ขายาวๆก้าวมาหลบหลังกำแพงและแอบยืนมองน้องแบคฮยอนจากตรงนี้ ภาพที่เห็นก็ชวนทำให้หัวใจล้มเหลวได้ง่ายๆเพราะตอนนี้ผมคิดว่าเต้นเร็วเกินไปแล้ว แบคฮยอนเอามือสองข้างทาบแก้มตัวเองแล้วส่ายหน้ากระทืบเท้าไปมา แต่จู่ๆก็ยิ้มออกมาซะดื้อๆ ผมยิ้มกว้างมากจนต้องกัดปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้มีความสุขมากไปกว่านี้ แต่แก้มแบคฮยอนหอมแล้วก็นุ่มมากๆเลย

               

                หลังจากวันนั้นตลอดสามเดือนที่ผ่านมาแบคฮยอนก็ยังคงมาทำงานที่ร้านแทบทุกวันไม่เว้นวันหยุด โดยไม่ยอมรับเงินค่าจ้างจากผมเลยซักบาท พอยัดเยียดให้ก็ปฏิเสธ แต่กลับขอให้ผมสอนเขาเล่นกีตาร์แทน เพราะฉะนั้นวันเสาร์อาทิตย์แบคฮยอนจึงมาที่บ้านผมเพื่อให้ผมสอนกีตาร์ให้ ทีแรกน้องก็ตกใจที่เห็นผมใส่ชุดสบายๆเดินมารับแบคฮยอนจากบ้านไปบ้านผม แต่ตกใจยิ่งกว่านั้นอีกตอนที่รู้ว่าพอเปิดหน้าต่างแล้วผมเห็นห้องนอนแบคฮยอนชัดแค่ไหน

     

                เฮ้ยพี่!! งี้พี่ก็เห็นหมดเลยเหรอ!!!!!!!!”

     
     

                "อะไร กูเห็นอะไร จะเรียนปะเนี่ยเร็วๆ

               


                วันนั้นผมก็แกล้งเฉไฉไปแบบนั้นเพราะว่าเขิน แบคฮยอนเองก็เหมือนกัน วันนั้นเราต่างก็ไม่กล้าที่จะพูดด้วยกันทั้งคู่ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แบคฮยอนเริ่มกล้าแสดงออกมาขึ้น ถึงขั้นกับเดินขึ้นมาที่ห้องนอนของผมเพื่อปลุกผมด้วยตัวเอง กล้าที่จะชวนผมกินข้าวด้วยกัน หรือกล้าที่จะชวนออกไปเที่ยว และกล้าที่จะถามผมในหลายๆเรื่องที่ตัวผมไม่กล้าทำมันซักอย่างเลยด้วยซ้ำ

               


                เมื่อไหร่พี่จะเรียกผมดีๆอะ ทีผมยังเรียกพี่ชานยอลว่าพี่เลย ทำไมไม่เรียกผมดีๆบ้าง

               

                “ที่กูเรียกอยู่นี่ก็ดีมากแล้ว กูไม่เรียกมึงอีเตี้ยก็ดีเท่าไหร่ละ เอ้าไหน คอร์ดเอไมเนอร์จับไง

     
     

                “งั้นกูเรียกพี่ว่ามึงได้ปะ

     
     

                ปีนเกลียวแล้วมึง เอไมเนอร์!!”

     

                ทีตัวเองพูดจาไม่ดีกับคนอื่นเค้ายังไม่เห็นว่าเลย

     
     

                กูได้ยิน มึงเรียนยังไงของมึงเนี่ยจะห้าเดือนแล้วคอร์ดซีมึงยังดีดเพี้ยนอยู่เลย


                ผมทำหน้ายุ่งใส่แบคฮยอนไปหนึ่งทีก่อนจะลงไปนั่งกับพื้นซ้อนหลังแบคฮยอน โอบตัวกีตาร์และลูกศิษย์ไว้ในอ้อมแขนก่อนจะสอนวิธีดีดอย่างถูกต้อง แต่ดูเหมือนว่านักเรียนคนนี้จะไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย


     

                พี่ชอบผมมั้ย

     
     

                “…”

     
     

                “แต่ผมชอบพี่นะ

     
     

                แบคฮยอนหันหน้าเข้ามาใกล้ทั้งๆที่เดิมก็ใกล้กันมาขึ้นอยู่แล้ว ริมฝีปากเล็กๆสัมผัสกับแก้มข้างซ้ายของผมอย่างแผ่วเบาแต่หากสัมผัสนั้นมันกลับชัดเจน ความรู้สึกดีมันตีกันปั่นปวนจนแทบเป็นบ้า แบคฮยอนวิ่งกลับบ้านไปแล้ว เหลือเพียงแค่ผมที่นั่งช็อคอยู่คนเดียวในพื้นห้องนอนของตัวเอง เมื่อสติเริ่มกลับมา ทันทีที่คิดได้ผมก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองกดโทรหาแบคฮยอน แต่ก็โดนตัดสายทิ้งซะงั้น มันลนไม่หมดจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี เอาแบบนี้แล้วกันวะ!








     

    [baekhyun part]

     


     

                ผมวิ่งกลับมาที่บ้านทันทีที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป โอ้ย บ้าเอ้ย แล้วถ้ามองหน้ากันไม่ติดขึ้นมาจะเป็นยังไงวะเนี่ย แรดเลยอะเมื่อกี๊ แรดเลย ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหนวะเนี่ยแบคฮยอน

      

     

              Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr

     

              ‘พี่ชานยอล

     

    แทบหงายหลังทันทีที่รู้ว่ามีสายเรียกเข้าจากพี่ชานยอล แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ผมกดวางสายพี่เขาไป ก็มันยังไม่พร้อมคุยนี่โว้ย ไม่ได้เล่นตัวนะเนี่ยแต่มันยังทำใจไม่ได้เข้าใจไหม  ผมค่อยๆย่องไปที่หน้าต่างห้องนอนตัวเอง ที่เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่เดือนนี้เองว่าสามารถมองไปยังห้องพี่ชานยอลได้ มือสั่นๆค่อยๆแง้มผ้าม่านออกทีละน้อย ผมพยายามจะมองไปที่ห้องของพี่เขาแต่ก็ไม่เห็นแม้กระทั่งปลายเส้นผม หงุดหงิดใจจนต้องกระชากผ้าม่านเปิดออกแรงๆ นี่ผมคาดหวังอะไรอยู่วะ?

               

                รอใครอยู่เหรอ!!!!!”

     

     

                “เฮ้ย!!!”

     
     

    ผมตกใจจนล้มลงบนพื้นห้อง ก็จู่ๆพี่ชานยอลก็โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างห้องโท่งๆแบบไม่บอกไม่กล่าว มือหนาชี้ไปที่โทรศัพท์ของผมที่ถืออยู่ แล้วพี่เขาก็กดอะไรซักอย่างในมือถือของตัวเองพอเงยหน้ามาก็ชี้มาที่มือของผมอีกครั้ง

     

    ข้อความใหม่

     

    ผมไม่กล้าสไลด์หน้าจอเข้าไปดูข้อความทั้งๆที่ยังมองหน้าพี่เขาอยู่แบบนี้ สีหน้าพี่ชานยอลไม่แสดงอาการอะไรเลยจนผมเองยังหวั่นใจ คิดได้ดังนั้นมือของผมก็รีบดึงผ้าม่านปิดหน้าต่างไว้อย่างเดิม ผมมองผ้าม่านห้องตัวเองแทนหน้าพี่ชานยอลที่ตอนนี้อาจจะกลับเข้าไปนั่งในห้องอย่างเดิมแล้ว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตอนกดเปิดข้อความ ลุ้นยิ่งกว่าตอนประกาศผลสอบคัดเลือกเสียอีก ในข้อความไม่มีอะไรนอกจากลิงค์ที่ถูกย่อมาแล้ว ผมกดไปดูอย่างไม่ลังเล ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว

     

    แค่กๆ สะ..สวัสดีครับทุกคน นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมอัดเสียงของตัวเองแบบไม่ได้คัฟเวอร์เพลงหรือเล่นกีตาร์ แต่วันนี้ผม..เอ่อ วันนี้ผมมีบางอย่างที่สำคัญมากๆ หากไม่ได้พูดตอนนี้คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตของผมแน่ๆ..

     
     

                ผมกดหยุดเสียงอัดในซาวน์คลาวด์แล้วเปิดหน้าต่างผ่างออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่มีพี่ชานยอลยืนอยู่ตรงที่เดิมหรือโผล่หัวขึ้นมาจากตรงนั้นเหมือนคราวที่แล้ว ผมมองเข้าไปในห้องนอนของเขา ก่อนจะกดเล่นต่อ

     
     

                แบคฮยอนฟังอยู่สินะ พี่ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีแค่พี่มองตัวเลขที่อัดเสียงพี่อยู่ตอนนี้พี่ยังเขินเลย คือ..เฮ้อ พี่ต้องขอโทษด้วยนะที่พี่หาคำพูดสวยๆเท่ห์มาเรียบเรียงได้ไม่ทันแต่สิ่งที่พี่อยากจะบอกเรามาตลอดตั้งแต่เราเจอกันวันแรกก็คือ..พี่

     

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

     

     

                ผมได้ยินประโยคต่อไปไม่ชัดเพราะเสียงอัดโดนตัดไปก่อน บวกกับที่มีคนมาเคาะประตูห้องพอดีจึงต้องจำใจไปเปิดประตูห้องให้แม่เสียก่อน แต่เวลานี้แม่น่าจะอยู่ที่ห้างกับพ่อไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับมาเร็วจัง

     

     

                ทำไมกลับมาเร็วจังอะ...แม่...

     
     

                “พี่ชอบเรานะ

     
     

                “พี่...

     
     

                “พี่ชอบแบคฮยอนมาก

     
     

                “คือ...

     
     

                พี่ชอบ...

     

     

               จุ๊บ!

     
     

    เฮ้ย/เฮ้ย

     

     

               ปึง!

               

     
     

                ผมปิดประตูใส่หน้าพี่ชานยอลอย่างแรงหลังจากที่หอมแก้มพี่เขาไปครั้งที่สองของวันแล้ว พี่ชานยอลก็ตกใจซะกูตกใจตามเลยโว้ย โอ้ย แรดอีกแล้ว ทำไมทำสันดานงี้อะ แย่มากเลยแบคฮยอน นี่มึงเพิ่งอายุ 16 เองนะ พ่อแม่จะว่ายังไงถ้ารู้ว่าเป็นเด็กแบบนี้หืม ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยพี่ชานยอลก็คิดเหมือนกัน แต่ว่าต่อไปมันจะเป็นยังไงต่อล่ะ แค่นี้ก็จบแล้วเหรอ ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมดไปที่มือที่จับลูกบิดอยู่ แต่แล้วเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นเสียก่อน

     

     

                ข้อความใหม่

     

    ‘อยากลองมาเป็นแฟนกับพี่ไหม?

     

     

     

    ผมว่าสงสัยคงไม่ต้องถามแล้วล่ะมั้ง 


     

    หลังจากอ่านข้อความนี้แล้วทุกคนคิดว่าข้อความที่ผมส่งไปจะเป็นอะไรล่ะครับ? 

     

     

     

     

     

     

    the end♥









    แบร่






    ปล. อยากบอกว่าสนุกกับการแต่งฟิคมากๆตอนที่มีคนมาคอมเม้น
    เข้าใจแล้วว่าทำไมใครเขาถึงมีกำลังใจแต่งฟิคต่อกัน ขอบคุณมากๆเลยนะ
    ที่เข้ามาอ่านฟิคของเรา ทั้งๆที่ตัวเราไม่ใช่มืออาชีพเลย สนุกกับการอ่านนะคะ

    ปล.2 วิจารณ์เราได้ที่ทวิต @dear_dora นะคะ

    ปล.3 ขอบคุณอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×