คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : {SOCIAL STORY} CHANBAEK - soundcloud (project by ddr) 1/2 update:08/12/14
soundcloud
by dear_dora
________________________
“รายชื่อนักเรียนผู้มีสิทธิ์ศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายประจำปีการศึกษา...”
ผมนั่งอ่านออกเสียงตามเว็บไซต์ของโรงเรียนที่ไปทำการสอบเข้ามาเมื่อเดือนที่แล้ว เลื่อนเมาส์ลง
มาตรงหน้ารายชื่อในเว็บไซต์ มือที่จับเมาส์สั่นและชื้นไปด้วยเหงื่อเพราะความตื่นเต้น สายตาไล่อ่านรายชื่ออย่างตั้งใจ
หน้าจอคอมที่ถูกปรับให้สว่างจ้าแสดงรายชื่อเพื่อนที่เด็กหนุ่มจำได้ดีว่าวันนั้นสอบห้องเดียวกันมาเป็นระยะสายตาเหลือบไปมองแถบข้างหน้าจอ พบว่าเหลืออีกนิดเดียวก็จะสิ้นสุดหน้าเว็บแล้ว แบคฮยอนถอนหายใจ ละมือออกจากคอมพิวเตอร์แล้วจับใหม่ ทำแบบนั้นซ้ำๆอยู่หลายครั้ง เมื่อเรียกความมั่นใจได้มากพอแล้ว มือเรียวค่อยๆเลื่อนหน้าต่างเว็บไซต์ลงมาทีละน้อย ทีละน้อย
367 บยอน แบคฮยอน B2 12/05/15
“แม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ผมรีบวิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน สวมกอดเอวผู้เป็นแม่ที่ทำกับข้าวอยู่ในห้องครัวจนทัพทีที่คนซุปอยู่ร่วงลงพื้น เกิดเสียงดังเคร้งสนั่นห้อง น้ำซุปที่อยู่ในทัพพีกระจายเต็มพื้น แม่ดุผมแล้วก้มลงไปเก็บทัพพีที่ตกพร้อมสั่งให้ผมไปหาผ้ามาเช็ดพื้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ติดแล้วแม่!!!!!!!!!! ติดแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เคร้ง!
“ไรนะไอหมา!!!!!!!!!”
แม่โยนทัพพีที่เก็บขึ้นมาเมื่อกี๊ทิ้งลงกับพื้นแล้วสวมกอดผมอย่างเต็มรัก ผมดีใจจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลย โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนศิลป์ทีสอบเข้ายากสุดๆเลย เด็กมากมายที่เป็นเด็กหัวศิลป์จากทั่วทั้งเกาหลีจะแห่กันมาสอบที่นี่ทุกๆปี ในแต่ละปีนั้นรับแค่800คนเท่านั้น ม.ปลาย400คน และม.ต้น400คน ส่วนเด็กเก่าที่เรียนอยู่แล้วตั้งแต่ม.ต้นจะได้รับการยกเว้นจากการสอบหากเกรดเฉลี่ยนไม่แย่จนเกินไป และตอนม.ต้นผมก็สอบไม่ติด ก่อนสอบเข้าครั้งนี้เลยอ่านหนังสืออย่างหนักและความขยันไม่ทรยศผมจริงๆด้วย
หลังจากที่แสดงความดีใจกับพ่อแม่จนพอแล้ว เด็กหนุ่มก็ขึ้นไปบนห้อง หยิบกระเป๋าตังค์ลายวันพีชที่เพื่อนสนิทของเขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว ขาเพรียวก้าวไปตามทางเดินของหมูจัดสรรถัดไปอีกสองซอย ในที่สุดสองเท้าก็มาหยุดที่หน้าบ้านเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของกระเป๋าตังค์ที่เขาใช้อยู่ ยังไม่ทันที่จะได้เคาะประตูบ้าน ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกจากข้างใน ปรากฏร่างเพื่อนตัวสูงที่อยู่ในชุดอยู่บ้านคีบรองเท้าแตะพร้อมวิ่ง
“เหี้ย!!! ”
เซฮุนตกใจจนเข่าอ่อนมือสองข้างจับขอบประตูไว้แล้วมองหน้าเพื่อนตัวเองที่กำลังจะวิ่งไปหาพอดี เขาเห็นชื่อของแบคฮยอนในเว็บไซต์โรงเรียนที่เขาเรียนอยู่แล้ว
“มึงเห็นชื่อกูยังวะ”
“เออเห็นแล้ว มึงอยู่ห้องข้างๆกูเนี่ย”
มันรีบสะบัดแตะขาคู่แบบทีเดียวแล้วลากผมเข้าไปในบ้าน พาขึ้นไปบนห้องของมันที่โคตรพ่อโคตรแม่จะสะอาดทั้งๆที่ปกติเป็นคนซกมกแบบโคตรๆ ชนิดเป็นมิตรและเป็นเพื่อนกับแมลงสาบทุกสายพันธุ์ทั่วโลก มันหยิบโน๊ตบุคขึ้นมาแล้วกดเปิดเว็บเพจจัดอันดับคนหน้าตาดีที่มันสร้างเอง คลิกเข้าไประดับชั้นม.4 แล้วคลิกอีกสองสามครั้ง ภาพเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเป็นอัลบั้มก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจอ เป็นรูปที่ถ่ายทุกอิริยาบถของเธอ ไม่ว่าจะกิน เดินไปเรียน หรือหัวเราะกับเพื่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน่ารักมากจริงๆ
“เนี่ยมึงกูชอบคนนี้มาก กูเลยมีอะไรจะให้มึงช่วย”
เซฮุนนั่งขัดสมาธิหันหน้ามาทางเพื่อนรัก สองมือจับหมับเข้าที่ต้นแขนเพื่อนของตน คิ้วขมวดจนพันกันเป็นปมสีหน้ากำลังบ่งบอกว่าซีเรียสอย่างแรง แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกเฟลแบบสุดๆ
“มึงเห็นกูมีค่าแค่นี้ใช่ปะเนี่ย”
“เปล่า กูเห็นมึงมีค่าเท่ากับโมเดลวันพีซครบเซ็ทลิมิเต็ดอิดิชั่นจากญี่ปุ่น”
“เดี๋ยวกูช่วยมึงเองเพื่อน!!!!!!!!!!!!!!”
หลังจากที่ฟังข้อตกลงและเรื่องราวของเพื่อนรักแล้ว แบคฮยอนก็ตัดใจจากข้าวฟรีที่บ้านเซฮุนและตัดสินใจเดินกลับไปที่บ้านตัวเอง เปิดประตูบ้านไปก็พบว่าพ่อแม่ตัดสินใจว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวนอกบ้านเป็นการฉลอง พ่อไล่ให้ขึ้นไปเปลี่ยนชุดข้างบนห้องทั้งๆที่เสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่มันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดดูไม่ได้ แต่พ่อก็ยังคะยั้นคะยอให้ขึ้นไปเปลี่ยนอยู่ดี เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง ไฟในห้องถูกปิดมืดสนิท
Rrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แต่ผมมันใจว่าไม่ใช่ของผมแน่ๆ ในเมื่อเครื่องเก่าที่ใช้อยู่พังไปได้สองเดือนแล้ว ผมค่อยๆคลำมือไปตามกำแพงเพื่อหาสวิทซ์และกดเปิดมันอย่างทันที ภาพตรงหน้าคือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่ผมอยากได้แต่ก็ไม่คิดจะซื้อ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าสายที่โทรเข้ามาถูกเมมไว้ว่า คุณพ่อสุดหล่อ
ผมหลุดขำเล็กน้อย ก่อนกระโดดคว้าโทรศัพท์เครื่องใหม่เจี๊ยบๆมากดรับสาย
“ทำไมไม่เอามุกนี้ไปบอกรักคุณนายบยอนล่ะครับคุณ”
"(คนแก่เขินมันน่าดูที่ไหนกัน)"
พ่อหัวเราะดังลั่นเมื่อโดนแม่ตีเพราะดันมาได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับพ่อ เสียงงี้ดังมาถึงชั้นสอง
"(เอามานี่ฉันจะคุยกับลูกฉัน แบคฮยอนลูก)"
“ครับแม่ แม่ทะเลาะกับพ่อให้เสร็จก่อนไหม ผมรอได้”
"(โถ่ อย่าขำแม่แบบนั้นสิ แม่แค่อยากจะบอกว่าตั้งใจเรียนนะลูกนะ แม่ภูมิใจในตัวเรามากๆ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ตลอดไปเลยนะครับ?)"
ผมพยักหน้ากับสายโทรศัพท์ ริมฝีปากกลั้นยิ้มไม่อยู่จริงๆตอนนึงถึงหน้าของคนปลายสายตอนพูดประโยคเมื่อกี๊ ผมวิ่งลงไปที่ชั้นล่างแล้วสวมกอดบุพการีทั้งสองที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต หลังจากนั้นเราสามคนพ่อแม่ลูกก็ออกไปกินข้าวกันนอกบ้าน มื้ออาหารนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผมและพ่อกับแม่ เป็นวันที่ดีจริงๆเลยครับ
ปัจจุบัน วันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2015
21:45 SEHUN อิแบค
21:46 SEHUN พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว
21:46 SEHUN มึงรอกูหน้าบ้านนะ
read 21:46 real__bbh เหี้ยละ
read 21:46 real__bbh กูยังไม่ได้ซื้อปากกาน้ำเงินด้วยซ้ำเพื่อนฮุน พอมีให้กูยืมไหม
21:46 SEHUN
ผมกดปิดแชทเซฮุนหลังจากที่มันส่งสติ๊กเกอร์มาเป็นอันว่ารับรู้แล้ว ลุกขึ้นไปเตรียมชุดนักเรียนสำหรับวันพรุ่งนี้ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับเน็คไทด์สีน้ำเงินเข้มที่มีตราสัญลักษณ์โรงเรียน และเข็มกลัดติดหน้าอกสีทองแดงรูปตราสัญลักษณ์โรงเรียนเป็นสีประจำของนักเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง ทั้งหมดนี้ถูกแขวนและวางอย่างดีที่ตู้เสื้อผ้าสีครีมของผมเพื่อให้พร้อมสำหรับการสวมใส่ในวันพรุ่งนี้
ล้มตัวนอนบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น นิ้วเรียวทัชไปที่แอพที่ถูกนำมาตั้งไว้หน้าแรกเพื่อเข้าดูความเคลื่อนไหวของfollowingของเขาที่มีอยู่แค่คนเดียว
real__pcy
Call it magic #my #own #song
974
เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้นนั่งเมื่อเห็นว่าวันนี้คุณเรียลพีซีวายอัพโหลดซาวน์คลาวด์แถมแฮชแท็กยังบอกว่าเป็นเพลงของเขาเองอีก แบคฮยอนกดเล่นเพลงนั้นซ้ำๆถึงแม้จะถูกอัดไว้แค่ 16 วินาที และมีท่อนร้องแค่สองประโยค แบคฮยอนก็ยังคิดว่ามันเป็นเสียงที่น่าหลงไหลมากๆ หมายถึงเสียงเพลงน่ะนะ
หลังจากที่ฟังเสียงของคุณเรียลพีซีวายจนพอใจแล้ว แบคฮยอนจึงกดอัดเสียงของตัวเองบ้าง วันนี้เพลงที่แบคฮยอนเลือกจะคัฟเวอร์ไม่ใช่เพลงเดียวกับคุณเรียลพีซีวายเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเลือกเพลง call you mine ของ jeff bernat เพื่อที่จะได้เข้ากับเพลง call it magic ของคุณเรียลพีซีวายแทน
เมื่ออัดเสียงเสร็จแบคฮยอนก็กดอัพโหลดซาวด์อันที่19ของตัวเอง พร้อมกับติดแฮชแท็ก #real__pcy แค่อันเดียวเท่านั้น และทุกๆซาวด์ในโปรไฟล์ของเขาก็จะเป็นเช่นนี้
เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มให้กับภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ในมือของตัวเอง ..
เสียงของเขา เพลงของเขา .. เพื่อปาร์คชานยอลคนเดียวเท่านั้น
_____update ♥_____
08/12/14
สนุกกับการอ่านโนะ
และแล้ววันเปิดเทอมที่สดใสที่สุดสำหรับผมก็มาถึง ผมนั่งคุยกับเซฮุนไปเรื่อยเปื่อยพร้อมมองเด็กนักเรียนมากหน้าหลายตากำลังเดินเข้าโรงเรียนด้วยหลายอิริยาบถที่แตกต่างกันจากมุมหน้าต่างห้องเรียน ขณะนี้ใกล้เวลาประตูโรงเรียนปิดเต็มที แต่บางคนก็ยังเดินหัวเราะมากับเพื่อน บางคนก็ดูท่าทางอ่อนเพลียทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกแท้ๆ
เมื่อออดเข้าเรียนดังเซฮุนก็กลับไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ช่วงเช้าของการมาเรียรวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และผมก็ได้เพื่อนใหม่ชาวจีนที่นั่งข้างๆเพิ่มมาหนึ่งคน ภาษาเกาหลีของมันยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เรียกได้ว่าอ่อนแอมากๆเลยก็ได้ รวมๆแล้วการเปิดเทอมวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก ตอนกลางวันไปกินข้าวกับเซฮุนและเทาเพื่อนใหม่ชาวจีนของผม พอครึ่งบ่ายก็แยกย้ายกับเซฮุนไปประชุมคณะสี แต่สีชมพูของผมไม่ได้ทำส้งติงไรเลย เนื่องจากประธานและรองประธานสีที่เขาบอกว่าหล่อที่สุดในชั้นปีเกิดมาป่วยพร้อมกันตอนวันเปิดเทอมวันแรก วันนี้สีชมพูก็เลยร่าเริงไปทั่วโรงเรียนกันตามระเบียบ
ตกค่ำวันนี้กิจกรรมที่ผมทำก็เหมือนเคยเฉกเช่นทุกวัน คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คความเคลื่อนไหวของคุณเรียลพีซีวาย แล้วมุมปากของผมก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อพบว่ามีการอัพเดทใหม่ขึ้นมา นิ้วชี้ของผมทัชไปที่ปุ่มเพลย์ คราวนี้เสียงอัดของพี่ชานยอลเป็นเพียงการเกากีตาร์ธรรมดาๆและฮัมเพลงไปด้วย ถึงแม้ว่าใครหลายคนจะฟังว่าธรรมดา แต่เพลงธรรมดาๆนี้มันสามารถทำให้หัวใจของผมรู้สึกอบอุ่นได้อย่างประหลาด
แล้วคืนนั้นผมก็ฝันดี
ผมฝันว่าผมได้เจอพี่ชานยอลแหละ..
การมาเรียนในสัปดาห์ที่สองเริ่มน่าเบื่อขึ้น และคาบบ่ายวันนี้ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นการประชุมคณะสีอย่างเคย กิจกรรมที่ได้ทำก็เป็นกิจกรรมเดิมๆซึ่งตัวผมเองก็ไม่สนใจที่จะทำมันตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว
จริงๆต้องขอบคุณกิจกรรมดีๆของที่นี่ที่ทำให้ผมและเทาสนิทกันมากขึ้น ตั้งแต่มีการประชุมสีมาสิ่งที่ผมทำคือการนั่งคุยกับเทาแบบออกรสออกชาติ ตกเย็นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน และวันนี้มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แต่จู่ๆทุกคนที่นั่งปรบมือร้องเพลงเชียร์สีกันอยู่ก็เงียบกริบ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของมดหรือแมลงสาบในโรงยิมเลยแม้แต่น้อย ผมหันซ้ายหันขวาแล้วก็พบว่าพวกที่นั่งข้างผมนั้น หันมามองที่ผมกันเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าหน่ายๆแล้วผมก็เห็นอีกคนนึงมันลอบถอนหายใจด้วย!!!
“ไอ้เตี้ยกับไอ้หน้าเขียวๆที่คุยกัน ที่อยู่ห้องบีสองยืนขึ้นดิ้!!!!”
แล้วผมก็ถึงบางอ้อ ผมลุกขึ้นยืนแบบชิวๆพร้อมเทาที่ตัวเกร็งจนฉี่จะราด โถ หน้ามึงก็ดุซะเปล่า ไม่หัดใช้ให้เป็นประโยชน์วะ
“มึงฟังที่กูพูดมั้ย!!!!”
ผมเงยหน้ามองอีรุ่นพี่บ้าที่มันบังอาจมาแหกปากคำรามเสียงแหบๆกับน้องแบคลูกปะป๊า เมื่อเห็นหน้าคนที่ถือโทรโข่ง ผมรู้สึกได้ถึงดวงตาของผมที่เบิกกว้าง อวัยวะบนหน้าอกข้างซ้ายเหมือนสูบฉีดเลือดเร็วกว่าปกติ สมองสั่งการอะไรไม่ถูก แทบไม่เชื่อสายตา คนที่ยืนอยู่ตรงข้างหน้าห่างจากผมไปไม่กี่เมตร คือพี่ชานยอล!!! เสียงพี่เขาไม่เหมือนจากที่ฟังในซาวน์คลาวด์เลยสักนิดเวลาตะโกน แต่ผมก็มั่นใจว่านี่คือพี่ชานยอลแน่ๆ
“กูถามว่ามึงได้ฟังที่กูพูดมั้ย!!!!!!!!!”
“มะ..ไม่ได้ฟังครับ!!!” ผมยิ้มกว้างพร้อมตอบเสียงดังฟังชัด
“ไม่ได้ฟัง? ดี! ไอ้เขียวนั่งลงส่วนไอ้เตี้ยมึงมานี่ วันนี้ใครร้องเพลงไม่ดังไม่ต้องกลับบ้าน!”
“ครับ!!!”
ผมเริ่มร้องเพลงและปรบมือตามจังหวะท่ามกลางเสียงโหยหวนของสมาชิกในคณะสี ระหว่างที่ร้องเพลงผมก็มองหน้าพี่ชานยอลพร้อมคิดเรื่องพี่เขาไปด้วย ที่เสียงพี่เขาไม่เหมือนจากที่ฟังในซาวน์คลาวด์นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้พี่เขาเป็นหวัดอยู่ก็ได้ แต่ที่สำคัญคือหน้าของพี่เขาหล่อกว่าในรูปเสียอีก ตัวก็สูง มือก็ใหญ่ ไหล่ก็กว้าง ถ้าผมได้หุ่นแบบพี่เขาสาวๆคงเข้าหากันสะบึมฮึมแน่ๆ พี่ชานยอลนี่เกิดมาเพื่อเป็นไอดอลของผมจริงๆด้วย
เมื่อพี่เขาเริ่มรู้ตัวว่าผมจ้องเขานานเกินไปแล้ว เขาจึงปล่อยให้พวกเราทุกคนกลับบ้านได้ ระหว่างทางเดินออกจากตึกเรียนผมก็เห็นหลังไวๆของคนที่ผมรู้ดีเลยว่าเป็นใครสะพายกีตาร์เดินลงไปชั้นล่าง ขาที่ไม่ยาวมากของผมรีบสับขาลงบันไดไปให้ทันพี่ชานยอลที่ตอนนี้กำลังจะเดินออกนอกประตูไปแล้ว!!!
“พี่ครับ!!!!!!!!!!!!”
เย่ส! พี่เขาเบรกตัวเองแล้วหันหลังกลับมามองผมที่กำลังวิ่งลิ้นห้อยลงมาจากตึกเรียน ผมพยายามวิ่งสุดชีวิตเพื่อที่จะไปยืนตรงหน้าพี่ชานยอล แต่ยังไม่ทันจะได้พูดผมก็หอบแดกซะก่อน ไม่นะ พี่ชานยอลกำลังจะหันหลังเดินไปแล้ว!! ไวกว่าความคิด มือผมคว้าชายเสื้อของพี่ชานยอลไว้ได้ทัน ทำให้พี่เขายอมหันหน้ากลับมามองผมอีกครั้ง
พี่ชาน....ยอล แฮ่ก”
“ไรมึง มีไร”
“ผม แฮ่ก ผมชอบพี่มากเลย!! พี่โคตรเป็นไอดอลผมเลยอะ!!ผมติดตามพี่มานานแล้วร้องเพลงให้ฟังหน่อยครับ!!!!”
ผมสูดอากาศหลังจากพูดจบดังเฮือก ตายังคงจ้องหน้าพี่ชานยอลเพื่อรอคำตอบ พี่ชานยอลมองหน้าผมแบบงงๆปนไม่เข้าใจ ก่อนจะปัดมือผมที่จับอยู่ตรงชายเสื้อของตนออก
“ร้องเพลงไร กูร้องไม่เป็น”
“พี่ร้องหน่อยนะพี่ ร้องเพลงหน่อย”
เมื่อพี่เค้าทำท่าจะเดินหนีมือสองข้างผมก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือข้างขวาของพี่ชานยอลแล้วแกว่งไปแกว่งไปมา ครูแอ๊วอนุบาล3/1 เคยสอนไว้ว่าถ้าอยากได้อะไรจากพ่อ ให้ลองทำให้พ่ออายให้ถึงที่สุด แต่ครั้งนี้แลจะยังไม่ค่อยได้ผลเพราะพี่ชานยอลจะสะบัดมือออกท่าเดียว ผมสูดหายใจเข้าลึกๆรวมพลังความหน้าด้านที่มีอยู่ในสายเลือด เบะริมฝีปากล่าง ส่ายหัวส่ายตูดแล้วกระทืบเท้าไปมา จนคนที่เดินผ่านไปมาหัวเราะและหันมามองเป็นตาเดียวจนพี่ชานยอลยกมือยอมแพ้
“ไอสัดหยุดๆ กูยอมแล้วๆ”
“ร้องเร็วพี่เร็วๆๆๆๆ”
“แค่กๆ กูจะร้องแล้วนะ.. ร้ากช้านทำไม ร้ากชั้นทำไม ธะ...”
“พอๆๆ หยุดๆ พี่แกล้งทำปะเนี่ย”
“กูบอกแล้วว่ากูร้องไม่เป็น เกะกะว่ะ หลบไปดิ้กูรีบ”
พี่เขาเดินไปโบกแท็กซี่หน้าโรงเรียนแล้วพูดอะไรกับคนขับสักสองสามอย่าง บางทีแบคก็คิดนะ ว่าแบคควรปล่อยพี่เค้าไปแบบนี้เหรอ ความหน้าด้านที่สั่งสมมาแรมปีได้เบิกใช้อีกครั้ง ผมแทรกตัวเองเข้าไปในรถคันเดียวกับพี่ชานยอลพร้อมสั่งคนขับให้ออกรถแบบหน้าตาเฉย
“เฮ้ย มึงเข้ามาทำไมเนี่ย”
“ผมลงที่เดียวกะพี่อะแหละ”
“มึงรู้เหรอว่ากูจะไปไหน”
ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าโหมดกล้องถ่ายรูป เพื่อถ่ายรูปขาของผมกับพี่ชานยอลที่นั่งติดกันในรถแล้วตั้งเป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์
“ทำอะไร”
“ก็ถ่ายรูปไงพี่ เห็นเป็นไรวะ”
“อ้าวกวนตีนเหรอมึง”
ผมหันไปยิ้มให้พี่เขาอีกครั้งแต่กลับโดนหน้าผากดันออกมา หากแต่ว่ามันกลับทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะมือของพี่เขาทั้งใหญ่และอุ่นมากๆ ตลอดทางจนมาถึงจุดหมาย ผมนั่งจับหน้าผากตัวเองแล้วยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตลอดทาง กระทั่งพี่ชานยอลจ่ายค่าแท็กซี่แล้วเดินลงไปจากรถนั่นแหละผมถึงได้กระโดดลงตามไปด้วย
ปลายทางที่มาถึงเป็นร้านอาหารกึ่งคอฟฟี่ชอปหรูแนวอาร์ทๆ แต่ตอนนี้ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไหร่ พี่ชานยอลเดินเข้าไปหลังเคาท์เตอร์พอเดินออกมาอีกทีผมก็เห็นชุดนักเรียนที่พี่เขาใส่ถูกเปลี่ยนชุดเป็นยูนิฟอร์มพนักงานในร้านแล้ว เขาโยนก้อนผ้าอะไรซักอย่างมาให้ผม พอดูดีๆมันคือชุดพนักงานของร้านแบบเดียวกับที่พี่ชานยอลใส่อยู่
“จะมานั่งเฉยๆหรือไง”
แค่ประโยคเดียวจากปากพี่ชานยอลก็ทำให้ผมรีบวิ่งไปหลังเค้าท์เตอร์เพื่อเปลี่ยนชุดเป็นชุดพนักงานแทบจะในทันที พอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้อาจจะต้องกลับบ้านดึก แถมยังไม่ได้โทรบอกเซฮุนด้วยว่าวันนี้ไม่ได้กลับด้วยกัน โทรศัพท์เครื่องใหม่ของผมก็ถูกใช้อีกครั้ง หน้าจอแสดงการแจ้งเตือนที่ผมยังไม่ได้เปิดดูล้วนเป็นมิสคอลจากเซฮุนทั้งสิ้น ผมจึงตัดสินใจที่จะโทรหามันก่อน
“แบคฮยอน?”
ยังไม่ทันจะได้กดโทรออกก็มีคนเรียกซะก่อน ผมเงยหน้าไปตามเสียงนั้น เมื่อเห็นหน้าบุคคลที่เรียกผมแล้วก็เกิดความแปลกใจปนสงสัยเอามากๆ ทำไมเซฮุนถึงมาอยู่ที่นี่ ในชุดพนักงานร้านนี้ และทำไมคนข้างๆเซฮุนถึงเป็นพี่จงอินที่ผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทพี่ชานยอล แล้วทำไมสองคนนี้ถึงเดินจับมือกันมาด้วยอะ!!!!!
“มึง...อย่าบอกนะว่า”
“เฮ้ย!!! มึงคนเต็มร้านเล้ย ไปช่วยเค้าทำงานกั๊น!!!!!!!!!!!”
ผมเหร่ตามองเซฮุนที่มีน้ำเสียงผิดปกติสลับกับหันหน้าไปมองพี่จงอินที่ทำท่ากวนๆใส่ เมื่อเซฮุนลากผมมาถึงหน้าร้านแล้วก็ป๊ะกับพี่ชานยอลที่กำลังรับออเดอร์ลูกค้าสาวมหาลัยอยู่พอดี ท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของลูกค้าสาวและของพี่ชานยอลเองก็ด้วยทำให้ผมรู้สึกแปลกๆแบบอธิบายไม่ถูก ผมเลือกที่จะสบัดความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อมองไปรอบๆเห็นทุกคนทำงานกันหมดก็ไม่อยากจะอยู่เฉยๆ คว้าสมุดโน้ตกับปากกาไปที่โต๊ะเด็กนักเรียนม.ปลายกลุ่มหนึ่งที่ผมเห็นว่าเพิ่งเดินเข้ามาเมื่อครู่
“รับอะไรดีครับ”
“น้องเอาใบออเดอร์มาเลยก็ได้ครับเดี๋ยวพี่เขียนเอง”
ผมพยักหน้าให้แล้วยื่นกระดาษกับปากกาให้พี่คนที่หล่อที่สุดในกลุ่ม ท่าทางจะเป็นลูกคนรวยกันทั้งกลุ่มเลยนะเนี่ย การแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าสะอาดสะอ้านขนาดอยู่ในยูนิฟอร์มนักเรียนยังดูแพงเลย ผมรับกระดาษออเดอร์มาแล้วเดินตรงไปที่เค้าน์เตอร์เพื่อสั่งเมนูอาหาร แต่พี่สาวคนสวยที่เป็นผู้ช่วยแม่ครัวกลับยื่นกระดาษออเดอร์คืนมาให้ผมด้วยสีหน้าล้อเลียน
‘ เอาอะไรก็ได้ที่น้องชอบที่สุดในร้านสามที่ครับ ♥ ‘
ผมหันหลังกลับไปมองพี่ที่โต๊ะนั้นอย่างงงๆ คือมึงจะมาหาอะไรแดกนี่เกี่ยวไรกับกูด้วยเหรอวะ ผมทำหน้างงเข้าไปใหญ่เมื่อพี่คนที่ส่งออเดอร์ให้ผมโบกมือบ๊ายบายมาทางที่ผมยืนอยู่ แต่แล้วหน้าอกกว้างๆของใครสักคนก็มายืนบังตรงหน้าผม ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองผู้มาใหม่ที่ดูสีหน้าจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก มือใหญ่ฉวยกระดาษออเดอร์ไปจากมือแล้วส่งให้พี่สาวคนเดิมพร้อมสั่งออเดอร์เสร็จสรรพ
“เอาอันที่แพงที่สุดมาเลย”
“ได้ไงอะพี่ เค้าให้ผมเลือกนะเว้ย”
“กลับไปทำงานของมึงได้ละ”
มืออุ่นของพี่ชานยอลจับที่ไหล่ผมและหมุนตัวผมผลักไปข้างหน้า ผมยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่อถูกพี่ชานยอลสัมผัส หันมาโบกมือบ้ายบายให้พี่ชานยอลพร้อมพูดแบบไม่มีเสียงว่าจะตั้งใจทำงาน มันจะเรียกว่าคิดไปเองหรือเปล่า ถ้าผมบอกว่าผมเห็นพี่เขากลั้นยิ้มน่ะ ..
เมื่อฟ้าเริ่มมืดผมก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้มันเลยเวลากลับบ้านมานานมากแล้ว ถึงจะโทรบอกพ่อแม่ให้รับทราบแล้วแต่ก็ยังอดกระวนกระวายใจไม่ได้ ผมเดินหาพี่ชานยอลไปทั่วร้านเพื่อจะบอกลาแต่กลับไม่เจอแม้แต่เงา พลันเสียงกีตาร์คลอเบาๆจากเวทีเล็กๆที่ข้างหน้าร้านก็ดังขึ้น เสียงฮัมเพลงเบาๆคุ้นหูที่ผมฟังอยู่ทุกวันค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นเนื้อเพลงขับร้อง ไฟที่ประดับประดาอยู่บริเวณโซนร้านด้านนอกถูกเปิดจนครบทุกดวง เสริมให้บรรยากาศดูโรแมนติกและผ่อนคลาย ผมยิ้มให้กับตัวเองและเดินตามเสียงนั้นเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ ..
ผมเห็นขายาวๆของคนๆนั้นไขว้กันเพื่อวางกีตาร์ได้ถนัด
ผมเห็นแขนยาวๆกำลังโอบตัวกีตาร์โปร่งไว้
ผมเห็นมือใหญ่ๆคู่นั้นกำลังดีดสายกีตาร์
ผมเห็นปากอิ่มๆคลี่ยิ้มละลายใจให้สาวๆ
และผมเห็น..
เห็นว่าเสียงทุ้มที่ผมชื่นชมมาตลอดนั้น...
ไม่ใช่ของพี่ชานยอล
สกรีมแท็ก
#ชบliveinsocial
ความคิดเห็น