คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2 - the era shall begin (40%)
KING HEART
CHAPTER2
when the era
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“สวบ “
กระโดดลงบนพงหญ้าอย่างเงียบเชียบและแยบยลราวกับเงา ร่างบางย่อตัวลงจนแทบจะนอนลงไปกับพื้นเมื่อเห็นเงาอะไรบางอย่างตะคุ่มๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล โผล่หน้าขึ้นมาพ้นกอหญ้าเพียงแค่ดวงตา ก่อนจะกวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างช้าๆ
ถึงแม้บริเวณนี้แทบจะไม่มีสิ่งใดให้อาพรางตัวเลยก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคสำหรับจอมหัวขโมยที่มีค่าล่าหัวแพงที่สุดในธารันเทอเรียอย่างโลฮานเลยสักนิด เด็กหนุ่มค้อมตัวลงต่ำ กึ่งคลานกึ่งวิ่งไปตามพื้นทรายโล่งเตียนก่อนจะเข้าไปซ่อนตัวอยู่หลังรถม้าเก่าคร่ำครึที่ถูกจอดทิ้งร่างอยู่ริมกำแพง หลบพ้นสายตาแหลมคมของพวกทหารไปได้อย่างหวุดหวิด
ไม่ต้องรอให้สายตาปรับโฟกัสในความมืด ขาเรียวอาศัยความเคยชินก้าวฉับไปตามทางอย่างรวดเร็ว เมื่อหันซ้ายกันขวาไม่เห็นใครอยู่บริเวณนั้นจึงค่อยๆปืนขึ้นไปบนกำแพงสูง ทรงตัวเดินอยู่เพียงครู่ก่อนจะกระโดดลงบนหลังคาอีกฝั่งใกล้ๆกัน หัวเล็กก้มลงต่ำทันทีเมื่อทหารยามที่เดินตรวจตราไปมาบริเวณป้อมด้านบนหันมาทางนี้
อาศัยความชำนาญค่อยๆปีนหลังคาข้ามไปเรื่อยๆในความเงียบ จนในที่สุดก็มาหยุดยืนตรงช่องว่างระหว่างตัวปราสาทกับป้อมปราการได้สำเร็จ เรือนกายปราดเปรียวค่อยๆสอดตัวผ่านช่องแคบนั้นไปยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างแกะสลักลายวิจิตร เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว รู้สึกเกินคาดไปเสียหน่อยหลังจากพบว่าบานหน้าต่างไม่สามารถเปิดออกได้จากด้านนอก
มองขึ้นไปไม่ไกลเกินกว่าสามวา ช่องลมเล็กๆไร้ซึ่งลูกกรงและกระจกเด่นหราทักทายเขาอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอคอย ริมฝีปากบางระบายยิ้ม ก่อนค่อยๆปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกลิง มือเรียวคว้าหมับเข้าที่ขอบปูนนั้นแล้วรั้งตัวเองขึ้นไปด้านบน สอดตัวเข้าไปในช่องแคบๆได้อย่างพอดิบพอดี
“โอ๊ะโอ ..“
เสียงเล็กร้องเบา เขาเจอปัญหาเข้าแล้ว เมื่อครึ่งตัวบนโผล่พ้นเข้าไปในช่องลม ดวงตากลมหลุบลงต่ำ มองพื้นที่บัดนี้อยู่ห่างกับจุดที่เขาค้างอยู่เป็นโยชน์ มันสูงเสียจนน่าหวาดเสียว เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะสอดตัวกลับไปเช่นเดิม แก้เชือกเส้นหนาที่ผูกคาเอวตัวเองออกแล้วมัดมันไว้กับแท่นปูนของรูปปั้น โดยไม่ลืมเอาท่อนไม้ชิ้นเล็กที่พกมาด้วยสอดไว้ระหว่างปมเชือก ก่อนจะสอดตัวเองกลับเข้าไปด้านในอีกครั้งแล้วค่อยๆไต่ลงไปตามเชือกเส้นยาว
“ตุ่บ “
จนในที่สุดฝ่าเท้าเล็กก็เหยียบลงบนพื้นอย่างสวัสดิภาพ มองกวาดไปโดยรอบช้าๆ คบไฟตามจุดต่างๆในปราสาทเป็นตัวช่วยให้เขามองเห็นอะไรๆได้ชัดยิ่งขึ้น โลฮานหันไปกระตุกเชือกจนมันหลุดออก ท่อนไม้เล็กที่คั่นระหว่างปมเชือกร่วงลงไปตามแรงดึง เหลือเพียงเชือกเส้นหนาที่เขากำลังสาวลงมา ก่อนจะผูกเก็บมันไว้กับเอวตามเดิม
ดวงตากลมใสดั่งลูกกวางกลอกไปตามความมืด การเดินไปทุกย่างก้าวนั้นเป็นไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ นับว่าครั้งนี้เขากล้ามากที่มาบุกถึงปราสาทของเทาโดยที่ไม่มีการวางแผนและเข้ามาสำรวจด้านในก่อน แต่ในชีวิตของเขาไม่มีคำว่าพลาด ยังไงวันนี้ก็ต้องได้ของมีค่าสักชิ้นสองชิ้นกลับไป
กวาดมองไปตามโถงทางเดินที่ประดับประดาไปด้วยทรัพย์สมบัติเลอค่ามากมายที่ตั้งวางเกลื่อนกลาด ทั้งแจกัน ไห แก้วแหวนเงินทองวางทิ้งอยู่รายทาง แต่สิ่งของเหล่านั้นก็ยังไม่ถูกตาต้องใจเด็กหนุ่มเลยสักชิ้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมธารันเทอเรียถึงได้แร้นแค้นยิ่งนัก ชาวบ้านอยู่กินอย่างยากลำบากบนผืนทราย พื้นดินแห้งแล้งจนทำการเกษตรได้ยาก อุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาพอมีกินใช้ได้โดยไม่อดตาย ทั้งรถม้าและเกวียนขาดแคลนจนต้องใช้แรงงานคนมาทดแทน ในขณะที่กษัตริย์และข้าราชบริพารอยู่อย่างสุขสบายในปราสาทอันใหญ่โต
โลฮานแค่นหัวเราะ อาจจะเป็นเพราะเฉกเช่นนี้เองที่ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นหัวขโมยไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างไม่มีทางเลือก ทั้งบิดาและมารดาของเขาถูกกวาดต้อนไปเป็นแรงงานและทหารในสงครามครั้งใหญ่เมื่อครั้งที่เขายังวัยเยาว์ บิดาของเขาตายอย่างมีคุณค่าในสนามรบ ในขณะที่มารดาของเขาป่วยหนักด้วยโรคระบาดจนต้องตายจากโลกนี้ไป ไร้ซึ่งเงินตราและหนทางรักษา ไร้ซึ่งความช่วยเหลือและความเมตตาใดๆจากผู้ปกครอง
ชีวิตของเขามันช่างน่าสมเพชอะไรเยี่ยงนี้ ..
เห็นประตูไม้ขอบเหล็กบานใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า สะดุดตาเสียจนต้องเดินเข้าไปดู กุญแจเหล็กอันยักษ์ถูกลั่นกลอนปิดตายเอาไว้อย่างแน่นหนา นิ้วเรียวปาดลงบนแท่นเหล็กที่กั้นประตูไว้อีกชั้นแล้วยกขึ้นดู มันสะอาด ราวกับมีใครคอยทำความสะอาดและเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง ปลายจมูกรั้นพรูลมหายใจออกเล็กน้อยก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหลังวางลงบนพื้น ก้มๆเงยๆอยู่เพียงครู่ก็ได้ตัวช่วยออกมา
ลวดเส้นหนาที่ถูกสนิมขึ้นส่วนหนึ่งถูกนำไปจ่อไว้ที่แม่กุญแจยักษ์ก่อนจะเสียบเข้าไปแล้วหมุนเข้าหมุนออกอยู่พักใหญ่ มันไม่ง่ายเลยที่จะไขเข้าไปได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ทั้งยังมีแท่นเหล็กกั้นประตูเอาไว้อีกชั้น ลู่หานถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหันกลับไปกวาดตามองด้านหลัง ไม่ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังประตูบานนี้ แน่นอนว่ามันจะต้องมีค่ามากพอให้เขาเสี่ยง
หันขวับกลับไปทันทีที่ได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาทางนี้ เสียงครืดคราดของอะไรบางอย่างที่ลากไปกับพื้นทำให้เขาต้องมองซ้ายมองขวาหาทางหนีทีไล่ เงาของกลุ่มคนสะท้อนแสงจากคบเพลิงที่ผนัง ไม่ทันแล้ว ทหารสามสี่นายที่กำลังเข็นเครื่องเรือนใหญ่หันมาทางเขาเต็มๆ
“นั่น! “
เสียงฝีเท้าก้าวฉับตรงมาทางนี้ เหล่าทหารชักดาบขึ้นมาแล้วพุ่งเข้ามาหาโลฮานอย่างไว เด็กหนุ่มก้าวถอยหลังเล็กน้อย ก่อนสร้อยคริสตัลสีฟ้าใสที่เจ้าตัวสวมอยู่ภายใต้เสื้อกระสอบจะเรืองแสงสว่างวาบขึ้นชั่วครู่ ราวกับต้องมนต์สะกด เหล่าทหารสามนายตรงหน้าหยุดฝีดาบที่กำลังง้างขึ้นกะทันหัน
“เปิดประตูงี่เง่านี่ให้ข้าทีดิ๊ “
“ขะ .. ขอรับ “
ยืนกอดอกกระดิกเท้าสั่ง เหล่าทหารรีบทำตามคำบัญชาอย่างไว บุรุษผู้ต้องมนต์วิ่งหากุญแจกันวุ่น เด็กหนุ่มยืนรอพลางเอ่ยเร่ง นึกขอบคุณสร้อยเส้นนี้ที่เคยขโมยมาจากชายแก่ขี้เมาในร้านเหล้าแถบชานเมือง ความวิเศษของมันช่วยชีวิตเขามานับครั้งไม่ถ้วน พลังของมันสามารถสะกดจิตใครต่อใครให้ทำตามที่ตนต้องการได้อย่างเหลือเชื่อ นับว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มจริงๆ
“ขอบใจเจ้ามาก สหาย “
ตบบ่าปุๆคนละสองสามทีแล้วหายเข้าไปหลังบานประตู ชะโงกหน้าดูให้แน่ใจว่าพวกทหารเหล่านั้นหายลับไปจากตรงนี้แล้ว ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง แท่นหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ด้านบนปรากฏราชมงกุฏเพชรประดับด้วยทับทิมเม็ดสีแดงสดรายล้อมอยู่โดยรอบวางตั้งอยู่ที่ใจกลาง เรียกให้ดวงตากลมสุกใสลุกวาว ไม่รอช้า ขาเรียวก้าวเข้าไปหามันในทันที
ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเดินเข้าไปใกล้รัศมี ความงดงามวิจิตราของมงกุฏอันเลอค่านั้นเปล่งประกายสะท้อนในดวงตาคู่ใส มือขาวที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้นเอื้อมไปสัมผัสมันแผ่วเบา ถ้าเขาได้ของชิ้นนี้กลับไปล่ะก็ คงจะสบายไปตลอดชีวิต บางทีเขาอาจจะไม่ต้องมาเที่ยวขโมยข้าวของชาวบ้านแบบนี้อีก
“ข้าเองก็หล่อไม่เบานะเนี่ย”
ลองหยิบมันขึ้นสวมแล้วหันไปมองโล่โลหะมันวับที่สะท้อนเงาของเขา ใบหน้ามนเชิดขึ้นพลางหันข้างไปมาอย่างชอบอกชอบใจ
“!!! “
ไม่ทันได้มองว่ามีใครยืนประชิดอยู่ทางด้านหลัง ความเย็นของโลหะสัมผัสผะแผ่วที่หลังคอจนขนลุกซู่ โลหะคมที่กำลังวางทาบกับหลังคอของเขาถูกกดน้ำหนักลงมาจนทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆ เลือดสีสดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวใดๆ ทำได้แค่เพียงมองผ่านเงาสะท้อนของโล่โลหะตรงหน้าเท่านั้น โลฮานเกร็งตัวแข็งทื่อ ขืนถ้าเขาหันกลับไปล่ะก็ มีหวังได้หัวหลุดจากบ่าเป็นแน่
“กล้ามากที่เข้ามากระตุกหนวดข้าถึงที่นี่ แถมยังเอาเครื่องประดับชิ้นโปรดของข้าไปสวมประหนึ่งของเด็กเล่น “
เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ดวงตากลมทันได้สบกับดวงตาคู่คมที่จ้องมองมาผ่านทางเงาสะท้อนจากโล่โลหะ เพียงเท่านั้นก็ทำให้ใจหายวาบ ดวงตาคู่นั้นดุดันเหลือเกิน รอยคล้ำบริเวณใต้ตาขับให้ใบหน้าคมดูน่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่า
ไม่ผิดแน่ๆ เจ้าของคมดาบที่จ่อคอรอปลิดชีวิตเขาอยู่คือเทา กษัตริย์แห่งธารันเทอเรีย
△ △
“เห็นทีว่าชื่อเสียงเรียงนามของโจรกระจอกอย่างเจ้าคงจะสิ้นแล้ววันนี้ โลฮานแห่งซีกราส“
สองฝีเท้าเดินวนอยู่โดยรอบ เสียงคมดาบกวัดไกวอยู่ข้างใบหูได้ยินชัดไปทั่วทั้งโสตประสาท กลิ่นคาวเลือดจากริมฝีปากของตนคละคลุ้งอบอวลไปทั่วในความรู้สึก สองแขนจากหนึ่งร่างถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนเขรอะสนิม แม้แต่สร้อยแห่งจันทราที่สวมใส่อยู่ก็ไม่สามารถสะกดราชาผู้เหี้ยมโหดแห่งเมืองอันแร้นแค้นได้ โลฮานตวัดตามอง ใบหน้ามนยังเชิดขึ้นท้าทายแม้นัยน์ตาคู่ใสจะมีแววหวั่นเกรงอยู่ในที
“ จุ๊ๆ สหายข้า อย่าเพิ่งใจร้อนไป เจ้าจะฆ่าคนฝีมือดีเช่นนี้ให้ตายเปล่าหรืออย่างไร “
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มีบุรุษแปลกหน้าไม่ได้รับเชิญเข้ามาในวงสนทนา เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามีใครคนอื่นอยู่ในนี้นอกจากตัวเองและเทา โลฮานขยับตัวหนี ใบหน้าขาวสะบัดเชิดหลบให้พ้นสัมผัสน่ารังเกียจจากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ผะแผ่วอยู่ข้างแก้มเนียนใส ขนอ่อนลุกชันยามมือหยาบกร้านเกลี่ยสัมผัสลงมาที่ลำคอระหง แม้ว่าจะเคยสัมผัสเล้าโลมอิสตรีมามากมายเท่าไร แต่กลับรู้สึกรังเกียจสัมผัสแผ่วเบาจากบุรุษด้วยกัน
“อย่ามาแตะข้า!! “
“ ข้าเสียดาย ใบหน้าของเจ้างดงามเกินชายเสียจริงๆ ถ้าหากว่าเจ้าเป็นสตรีล่ะก็.. คืนนี้เจ้าคงแหลกลาญไม่พ้นน้ำมือข้า “
โน้มใบหน้าลงกระซิบแผ่วเบาในประโยคหลังจนเด็กหนุ่มรู้สึกขนลุก จมูกโด่งคมไล้แผ่วเบาที่ข้างแก้มขาว ก่อนจะกดจูบเบาๆลงบนใบหูเล็ก โลฮานเขยิบหนี
“เจ้ามันวิปริต!!.. อึก!“
“ชู่ว .. คนดี เชื่อข้านะ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า “
สิ้นคำด่าจากริมฝีปากสีสด เวทย์มนต์ดำปะทุเดือดราวกับจะกราดเกรี้ยวไปตามอารมณ์ของชายหนุ่มปริศนา ไอสีหม่นกวาดล้อมร่างเล็กๆของลู่หานเอาไว้ เพียงเท่านั้นร่างเล็กๆก็งอตัวลงราวกับถูกเข็มเป็นพันๆเล่มทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่าง ร่างสูงโปร่งส่งฝ่ามือหนาลูบหัวเล็กเบาๆ เอ่ยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขัดกับการกระทำเมื่อครู่
“แฮ่ก! .. “
ไอหม่นค่อยๆจางหายไป โลฮานนอนตัวงอหอบเอาอากาศหายใจเข้าปอด เด็กหนุ่มตัวสั่นเป็นลูกนก หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ ชายปริศนาย่อตัวลง ยัดสร้อยทองคำขาวเส้นเล็กใส่มืออีกคนเอาไว้ก่อนจะค่อยๆรั้งร่างของเด็กหนุ่มเข้ามากอดไว้แนบอก
“เก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ ทำงานให้ข้า .. ถ้าเจ้าไม่ทำ เจ้าตาย .. ถ้าเจ้าพลาด เจ้าตาย “
△ △
ค่อยๆก้าวย่ำไปตามบันไดหอคอยทางทิศตะวันออกของปราสาท ฝีเท้าปราดเปรียวย่ำลงบนพื้นหินอย่างแผ่วเบาและเงียบเชียบ โลฮานขมวดคิ้วน้อยๆพลางกวาดตามองไปโดยรอบ วิเศษณ์เหลือเกิน ไม่เคยเห็นที่ใดอัศจรรย์เท่าดินแดนแห่งนี้มาก่อน เขาเคยออกเที่ยวตระเวนไปทั่วทุกหมู่เมืองมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรที่น่าแปลกตาและน่าสนใจเท่ากับเมืองนี้มาก่อนเลย
ค่อยๆเดินเลาะจนถึงชั้นบนสุดของหอคอย ในมือยังกำสร้อยทองคำขาวที่ได้รับมาจากชายแปลกหน้าคนนั้นไว้แน่น ใจนึงนึกอยากจะหนีไปพร้อมกับสร้อยเส้นนี้แต่ติดอยู่ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามูลค่าของมันมีมากน้อยแค่ไหน หรือต่อให้คุ้มมากเท่าไหร่เขาก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง
ถ้าเจ้าไม่ทำ เจ้าตาย .. ถ้าเจ้าพลาด เจ้าตาย
โลฮานถอนหายใจ จะทางไหนก็ตายอยู่ดี เขาไม่มีทางเลือก เก็บสร้อยเส้นเล็กใส่กระเป๋าหนังข้างเอวไว้แล้วออกเดินต่อ เขารู้เพียงแค่ว่าเพราะสร้อยเส้นนี้ทำให้เขาเข้ามาอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้ เพราะข้อเสนอของชายแปลกหน้าคนนั้นทำให้เขายังมีชีวิตอยู่
เขาจะนับว่ามันเป็นโชคแล้วกันที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีโอกาสเข้ามาในเซนทิเวเนีย เมืองลึกลับอันเลอค่าที่เขาร่ำลือกันมา แต่นั่นจะเป็นโชคร้ายสำหรับเขารึเปล่าถ้าไม่ได้มีชีวิตรอดกลับออกไป รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกที่ถูกปล่อยให้โผบินออกไปแต่ทว่ากลับถูกผูกเชือกไว้ที่ข้อเท้า
รู้อย่างนี้ปล้นอยู่แค่แถวแถบชานเมืองก็น่าจะดี ..
“ครืดด เคร้ง!! “
รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องชั้นบนสุดทันทีที่ได้ยินเสียงโลหะเชือดเฉือนกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จนกระทั่งถึงบันไดขึ้นสุดท้าย ทหารนายหนึ่งถูกคมดาบตวัดเข้าที่บ่าจนล้มลงตรงหน้า บุรุษชุดดำร่างกำยำพุ่งตรงมาที่เขาในทันที โลฮานเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว มือขวาปัดป้องข้อแขนแกร่งที่ฟาดลงมา ยกฝ่าเท้าถีบเข้าที่กลางอกให้เสียหลักก่อนจะใช้มีดพกเสียบเข้าที่ใต้รักแร้จนศัตรูล้มตึงลงไป
“พลั่ก!! “
สัญชาตญาณสั่งให้ผลักประตูพรวดเข้าไปในทันที ปรากฏให้เห็นร่างเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ ท่าทางจะเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์เมื่อดูจากเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สวมใส่อยู่ ร่างสูงโปร่งขององค์ชายเล็กถูกพลิกตัวหันหลัง ข้อแขนหยาบโลนเข้ารัดคออย่างแรงจนแทบสิ้นลม โลฮานรีบปราดตัวเข้าไปพร้อมกับใช้มีดพกคู่ใจเสียบแทงเข้าที่ท้ายทอยของบุรุษร่างยักษ์จนล้มตึงไปในทันที
△ △
“ฉึบ!! “
ตวัดดาบเข้าฟาดฟันคอศัตรูจนหลุดจากบ่าในทันทีที่มาถึง สองบุรุษบนหลังม้ามุ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุ ลูกไฟขนาดใหญ่ยังลุกโชนอยู่เบื้องหน้าป้อมปราการ ชาร์ลเอนเดลทหารราชองครักษ์กวาดตามองไปโดยรอบเพื่อหาที่ปลอดภัยให้แก่องค์ชายใหญ่ คงไม่ดีแน่หากจะพาผู้ไม่รู้การศึกไปกับเขาด้วยในตอนนี้ ลำพังแค่ตัวเองก็ลำบากแล้ว ยังต้องมาคอยพะวงห่วงคนตัวเล็กอีกคงจะยิ่งลำบากกว่าเดิมแน่
“ลงไป”
“แต่ข้า.. “
“ข้าบอกให้ลง “
เอ่ยเสียงเรียบเมื่อเลี้ยวมาถึงโรงนาสำหรับเก็บพืชผลของชาวบ้าน สองแขนที่กอดร่างเล็กๆอยู่เมื่อครู่คลายออก บายอนลังเล เขาควรจะไปกับชานยอลด้วย ในเมื่อเขากำลังจะเป็นราชาในอีกไม่ช้านี้ เหตุใดต้องขี้ขลาดมัวแต่หลบอยู่แต่ในที่กำบังด้วยเล่า
“รออยู่ในนี้ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาดจนกว่าข้าจะมารับ เข้าใจไหม “
ถือวิสาสะรวบเอวบางแล้วจับอุ้มให้ลงไปยืนด้านล่างเมื่ออีกคนไม่ยอมลงไปจากอานม้าเสียที เสียงทุ้มเอ่ยกำชับพลางจับท้ายทอยเล็กไว้แล้วลูบปลอบประโลมมันแผ่วเบา บายอนพยักหน้า แม้จะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่คนตัวเล็กก็ยอมเปิดประตูโรงนาเข้าไปแต่โดยดี ประตูไม้เก่าๆปิดลงพร้อมกับภาพแผ่นหลังกว้างขององครักษ์บนอานม้า เสียงระเบิดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ร่างเล็กๆขององค์ชายใหญ่ต้องนั่งลงแล้วปิดหูหลับตาแน่นด้วยความกลัว
“!!!”
ตกใจจนแทบจะคุมม้าไว้ไม่อยู่เมื่อมาถึงหน้าป้อมปราการ ดวงตาคมเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง สัตว์ใหญ่คล้ายมังกรยักษ์กำลังอาละวาดทำร้ายเหล่านายทหารของเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เสียงแสบแก้วหูของมันแผดร้องดังก้องไปทั่วจนต้องยกมือขึ้นอุดหู หางใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนามยกฟาดฟันสะเปะสะปะสร้างความเสียหายไปทั่วทั้งกำแพงเมือง ปากของมันอ้าออก ปรากฏให้เห็นฟันชิ้นใหญ่ที่แหลมคมดูน่าเกลียดน่ากลัว คราบน้ำลายเหนียวหนืดหยดลงบนพื้น เสียงร้องคำรามกึกก้องดังสะท้อนเข้าไปในผืนป่า กลิ่นลมหายใจอันน่าสะอิดสะเอียนชวนให้รู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมาเสียให้ได้
“มังกร ... เข้ามาได้ยังไง “
พูดกับตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา อย่าว่าแม้แต่มังกรเลย เพียงแค่แมลงเล็กๆสักตัวยังผ่านเข้ามาในกำแพงเมืองไม่ได้ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ชาร์ลรีบควบม้าเข้าใส่ในทันที ชักดาบขึ้นตวัดกรีดลงไปบนผิวหนังที่เคลือบด้วยเกล็ดมันเงาน่าขนลุกนั่นเต็มแรง เจ้ามังกรแผดเสียงร้อง ดูเหมือนว่าคมดาบของราชองครักษ์จะทำให้มันบาดเจ็บไม่น้อย ลำตัวใหญ่ยักษ์ถอยกรูดกลับไปทันทีที่บุรุษบนหลังม้าพุ่งเข้าหา ปีกขนาดใหญ่ที่ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดสีม่วงคล้ำขยายออกพลางสะบัดเพียงนิดให้ร่างของมันบินพ้นจากพื้นดิน ฝ่าเท้าที่ฉาบด้วยกรงเล็บปีนป่ายขึ้นไปบนป้อมปราการ อ้าปากพ่นลูกไฟขนาดยักษ์ไปทั่วบริเวณ
“ชู่ว .. ผ่านคราม “
เอ่ยปลอบประโลมเจ้าม้าคู่ใจที่บัดนี้พยศขึ้นเมื่อเห็นลูกไฟจนเจ้าของร่างสูงโปร่งแทบจะร่วงลงจากอานม้า มือหน้าลูบเบาๆที่ข้างแก้มพลางคว้าขนบนแผงคอมันไว้เพื่อกันตก ควบเจ้าอาชาถอยหลังไปตั้งหลักก่อนจะตัดสินใจลงจากหลังม้าแล้วคว้าโล่ห์เหล็กมาเป็นที่กำบัง เหล่าพลธนูยังยิงสู้เจ้ามังกรทมิฬไม่หยุดหย่อน แต่ดูเหมือนลูกธนูจะมีความคมไม่พอที่จะเจาะเกล็ดหนังของมันเข้าไปได้
อาศัยจังหวะช่วงชุลมุนอ้อมไปทางด้านข้างของป้อมปราการ เจ้ามังกรยังคงสนใจเหล่าทหารที่กำลังโจมตีอยู่ทางเบื้องหน้า หางหนามแกว่งไกวสะเปะสะปะไปทั่วจนยากที่จะเข้าถึงตัวมันได้ ร่างสูงโปร่งรีบก้าวประชิดกำแพง เขาไม่โง่พ่อที่จะวิ่งเข้าไปโต้งๆให้มันเอาหางมาฟาดเล่น ค่อยๆไต่ไปตามบันไดของป้อมปราการช้าๆไม่ให้เจ้ามังกรยักษ์รู้ตัว มือชื้นเหงื่อกระชับดาบแน่น ถึงเขาจะเคยเผชิญหน้ากับสัตว์จำพวกนี้มาแล้วก็ตาม แต่มันก็นับว่ายากที่จะปลิดชีพมันได้โดยไม่ต้องเสียหยาดเหงื่อและแรงกายใดๆ
“กึก .. ตุ้บ เคร้ง!! “
ในช่วงจังหวะที่ฝ่าเท้าหนาก้าวเหยียบลงบนบันไดขึ้นบนสุด อิฐก้อนใหญ่ล่วงหล่นลงบนพื้นจนเกิดเสียง ร่างสูงโปร่งเสียหลักพลาดหล่นลงจากที่สูง มือหนาคว้าราวเหล็กเอาไว้ได้ทัน โล่โลหะหล่นกระแทกลงบนพื้น
“กรรร .. กร๊าซ!!!!!!!!!!! “
เจ้ามังกรได้ยินเขาเข้าแล้ว มันส่งเสียงขู่คำรามในลำคอก่อนจะแผดเสียงร้องดังกึกก้องไปทั่วเมื่อมือหนาตวัดดาบฟันฉับเข้าที่หางของมันอย่างแรงจนขาดวิ่น ชาร์ลปักดาบลงบนร่างของมันแล้วใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวเหวี่ยงตัวเองขึ้นมายืนข้างบนยอดของป้อมปราการอีกครั้ง เจ้าร่างยักษ์ดิ้นทุรนทุรายเมื่อถูกเล่นงานเข้าที่จุดอ่อน ท่อนเนื้อที่ถูกฟันทิ้งยังดิ้นสะบัดอยู่บนพื้นดิน พิษสีดำแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณจนเกิดฟองฟู่น่าขนลุก ผืนหญ้าแห้งตายในทันทีที่สัมผัสพิษจากเจ้ามังกร
“แกร๊ชชชชชชชชชชช!!!!!!!! “
ร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายก่อนร่างยักษ์จะสลายไปกลายเป็นควันสีหม่น ชาร์ลเบิกตากว้าง .. มันไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น ไอหมอกสีคล้ำค่อยๆจางหายไปกลายเป็นบุรุษร่างทะมึนเข้ามาแทนที่ นัยน์ตาสีแดงหันขวับจ้องกลับมาราวกับจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ .. มันไม่น่าจะเรียกได้ว่าบุรุษด้วยซ้ำ ทุกส่วนของร่างกายถูกเย็บต่อกันด้วยชิ้นส่วนจากศพที่เริ่มจะเน่าเปื่อย อาศัยมนต์ดำในการควบคุมการเคลื่อนที่ กลิ่นไอแห่งความชั่วร้ายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หนึ่งศพ .. สองศพ .. สามศพ ..
นับแทบหวาดไม่ไหว เจ้าตัวประหลาดนั่นพุ่งเข้าสังหารทหารของเขาทีละนายอย่างไม่รอช้า ชาร์ลยืนกะระยะที่จะกระโดดลงไปด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่ทว่าในใจกำลังร้อนรน จะทำยังไงให้ช่วยคนได้มากที่สุด จะทำยังไงให้ปกป้องเมืองไว้ได้มากที่สุด
“บายอน! .. “
ไม่เคยฟังที่เขาพูดเลยสักครั้ง จากตรงยอดชั้นบนสุดของป้อมปราการ มองลงไปข้างล่างมองเห็นทุกอย่าง ตรงโรงนาห่างไปจากที่นี่เพียงไม่กี่หลา ปรากฏร่างเล็กๆของเจ้าชายพระองค์โตค่อยๆโผล่พ้นออกมาจากประตูไม้อย่างกล้าๆกลัวๆ เสียงระเบิดดังขึ้นที่จุดนั้นอีกครา บุรุษแห่งความตายหันขวับไปตามเสียง มันเห็นเจ้าชายเข้าแล้ว
ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไปอย่างไม่คิดชีวิต บุรุษร่างทมิฬกำลังตรงไปที่โรงนานั่นแล้ว ผิวปากเรียกเจ้าผ่านครามม้าคู่ใจให้เข้ามาใกล้แล้วกระโดดขึ้นขี่หลังพลางควบมันออกไปในทันที ในใจได้แต่ภาวนาอย่างร้อนรน
ขอให้ทันทีเถอะ ..
△ △
ความคิดเห็น