ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SF] CHANYEOL x SEHUN - The Series (chanhun)

    ลำดับตอนที่ #2 : [SF] CHANHUN THE SERIES - 02green (part1)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 57



     



    "พี่ชานยอล .. " 




    "หืม ? "


          

              
              ผมขานรับ แต่ก็ไม่ได้ละสายตาไปจากตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ ผมเท้าคางสบายๆกับหมอนที่ถูกวางไว้บนตัก มือหนึ่งพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ 






    "พี่ชอบใครอยู่วะ " 





                เซฮุนถามก่อนจะย้ายสำมะโนครัวหอบเอาหมอนใบโตและผ้าห่มมาไว้ที่ปลายเตียงของผม จนผมต้องเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนาด้วยความรู้สึกกดดัน .. เด็กนั่นจ้องผมไม่วางตาเลย 



    อยู่ดีๆมาถามนี่มันอะไรวะ ? 




    คิดอะไรอยู่ .. 
          





               ผมเลิกคิ้วน้อยๆเป็นเชิงถามกลับ ก่อนจะพับหน้าหนังสือที่อ่านทิ้งไว้แล้วโยนมันไว้ที่หัวเตียง คว้าหมอนข้างมากอดแล้วจ้องกลับไปที่ดวงตาสวยคู่นั้น พวงแก้มใสของเพื่อนร่วมห้องแดงระเีรื่อนิดๆ เขาเอียงคอมองผมอย่างสงสัย น่าแปลกที่วันนี้เซฮุนทำตัวน่าคบหากว่าทุกวัน ปกติแล้วเขาแทบจะไม่เคยชวนผมคุยก่อนเลยด้วยซ้ำ ท่าทางน่ารักนั่นทำให้ผมใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก 






    ชอบกูแหงเลยแบบนี้ ..






    "ไม่รู้ว่ะ แถวเนี้ยอะ " 





            ผมพูดเป็นการหยั่งเชิงไปก่อนพลางเสมองไปทางหน้าต่างห้องที่เปิดม่านเอาไว้ ใจเต้นรัวจนรู้สึกหายใจลำบาก มือเท้าชาไปหมด รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหงื่อตก .. ไม่รู้ดิ ผมก็ชอบแม่งมาสักพักแล้วเหมือนกัน 





    "เธอล่ะ ? " 





           ผมถามออกไปอีกรอบหลังจากไม่มีคำตอบอะไรจากคนตรงหน้า แม่งเอาแต่นั่งอมยิ้ม 




    "ไม่รู้ดิ " 





           และคำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มให้จุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของผมได้ไม่ยากเลย .. เซฮุนเอนตัวนอนลงบนเตียงผมแล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นเกม ผมได้แต่มองเขาด้วยใจที่เต้นรัว .. ก่อนจะสูดหายใจลึกๆแล้วพูดออกไปตามสัญชาติญาณ 





    "ถ้ายังไม่มี .. ชอบพี่ดิ"





    "..."





    "ที่จริงแล้วพี่ชอบเธอว่ะ .. "




            พูดออกไปพลางหยิบหนังสือมาอ่านแก้เก้อ อดที่จะกลั้นหายใจรอคำตอบไม่ได้ นี่สาบานได้เลยว่าสายตาของผมไม่ได้สนใจตัวหนังสือเลยแม้แต่น้อย ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นรัวและบีบรัดแน่น บางทีผมอาจจะหัวใจวายตายก่อนจะได้คำตอบจากไอเด็กกะโปโลนี่ก็ได้ 





    "อ่อ .. " 





           ไม่มีคำตอบอะไรจากริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นเลย เซฮุนยังคงนอนเล่นเกมอยู่อย่างนั้นไม่ได้สนใจอะไรผมอีก เล่นทำเอาผมงงเต๊กเข้าไปใหญ่ ปกติมันก็เป็นคนแบบเนี้ย กวนส้นตีน พูดด้วยก็ไม่ค่อยพูดด้วยหรอกครับ ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วลูบหน้าตัวเองด้วยความเอือมระอา  




    "พี่บอกไปแล้ว ตาเธอบอกมั่งดิ "





    "พี่รู้จัก พี่ลู่หานปะวะ ที่อยู่ปีสาม คณะเดียวกับผมอะ ที่วันนั้นพี่ไปรับผมละเจอกันที่หน้าร้านน้ำ " 





              อยู่ๆร่างขาวที่นอนเล่นไอโฟนอยู่ตรงตีนผมก็ลุกขึ้นมานอนคว่ำพลางถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหลังจากที่เงียบมานาน คิ้วผมขมวดจนยุ่งไปหมด ถ้าตอนนี้ส่องกระจกคงเห็นรอยตีนกาบาน 





    "เออ ทำไมวะ " 




    "อืม นั่นแหละ ผมชอบเขา จีบอยู่ " 





    อ้าว..



    เอ้าไอเชี่ย .. แล้วคือที่ถามว่ากูชอบใครนี่ไม่ได้ชอบกูหรอกหรอวะ ..  



    อ้าว .. 




    "อ่าว .. " 



    "หึ .."




             เซฮุนหัวเราะในลำคอก่อนจะพลิกตัวนอนหงายแล้วเล่นเกมต่อ ทิ้งให้ผมนั่งอ้าปากค้างงงเป็นควายเอ๋ออยู่่บนเตียงกับหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มหนาเตอะ งงชิบหายเลย แล้วไอที่ถามผมเมื่อกี้นี่คือไรวะ ? ผมว่าผมไม่น่าจะเดาผิดนะดูจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม แม่งต้องล้อผมเล่นแน่ๆอะ 





    "อ่าวเธอไม่ได้ชอบพี่หรอวะ ? "  




    "บ้าไง ผมเมะ เออแล้วเลิกเรียกเธอสักที บอกกี่ทีแล้ววะว่าไม่ใช่ตุ้ด " 





    "อ่าวมันก็ .. ก็ .. อ่าวแล้วที่ถามพี่นี่ถามไปทำไมวะ " 







              ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเอ๋อแดก  เหมือนมีคนเอาถุงเท้าที่ใส่แล้วมาม้วนๆแล้วยัดเข้ามาในปากของผม มันรู้สึกพูดไม่ออก รู้สึกจุกๆในอกแปลกๆ มึนงงไปหมด เหมือนมีคนเอากะละมังเหล็กใบใหญ่ๆฟาดเข้ามาแรงๆที่หัวของผม งงจนไม่รู้จะถามอะไรก่อนดี ตอนนี้ในหัวผมมีแต่คำถามมากมายไปหมดเลยครับ เดาได้เลยว่าเซฮุนคงจะเห็นเครื่องหมายคำถามบนหน้าผากของผมประมาณร้อยตัวได้ ตอนนี้รู้สึกงง แล้วก็อยากลุกขึ้นถีบหน้าไอเด็กเชี่ยนี่มากๆ 







    "ถามไปงั้นอะ พี่เป็นพี่ชายผม ผมก็อยากรู้ " 








              มันตอบก่อนจะเขยิบขึ้นมาหาผม ผมไ้ด้ยินชัดว่าแม่งจงใจเน้นคำว่าพี่ชายให้ผมเจ็บจิ๊ดเล่นๆ ขาเรียวยกขึ้นก่อนจะประเคนฝ่าเท้าถีบสีข้างผมเบาๆให้ขยับหนี ผมเขยิบออกจากหมอนพลางมองไปยังโอเซฮุนที่ตอนนี้มานอนที่ของผมเรียบร้อยแล้ว มือเรียวคว้าเอาหมอนข้างจากมือของผมไปกอดเอาไว้แล้วห่มผ้าคลุมโปงไปซะอย่างนั้น ทำให้ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่







    "เฮ้ยเดี๋ยวดิวะ  "





             ยังไม่ได้จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงหายใจสม่ำเสมอที่ดังออกมากจากผ้าห่มผืนหนาทำให้ผมรับรู้ได้ว่าหมดเวลาสำหรับคืนนี้แล้ว โอเซฮุนหลับไปแล้วด้วยความไวแสงอีกเช่นเคย ทิ้งให้ผมงงแบบชิบหายอยู่คนเดียว ฝ่ามือชื้นเหงื่อของผมตบเข้ากลางหน้าผากตัวเองอย่างแรงพลางยกขึ้นนวดขมับหนักๆด้วยความหนักใจ ชีวิตผมวุ่นวายและน่าปวดหัวมากตั้งแต่มีมันเป็นรูมเมท..







    ตั้งแต่รู้จักมัน หัวใจของผมก็ไม่ได้อยู่ที่ผมอีกเลย ..











    .
    .








    "วันหลังตื่นให้มันไวไวหน่อยไม่ได้หรือไงวะ "




               เสียงของเด็กหนุ่มนามว่าโอเซฮุนหันมาแขวะผมแต่เช้าในขณะที่เรากำลังจำอ้าวเดินเข้าคณะกันหลังจากที่ช่วยมันหาของที่เบาะหลังรถ ยังดีที่รถไม่ติดมากเลยพอจะทันเวลา ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินฟังมันบ่นไปพลางยกมือขยี้ตาด้วยความง่วงนอน จะมาโทษผมได้ไงวะ ก็มันเองเป็นคนที่ทำให้ผมนอนไม่หลับอะ เสือกมาด่าอีก นี่ผมก็ไปรับไปส่งมันนะ รถก็รถผม ห้องก็ห้องผม แล้วผมยังเดินอ้อมไปส่งมันที่คณะด้วย โถ่ เด็กอะไร นอกจากไม่มีใจจะขอบคุณละยังปากดีอีก






    "คร้าบ แม่ทูนหัว วันหลังจะตื่นไวไวคร้าบ  " 





             ปิดปากที่กำลังหาววอดๆอยู่เพื่อรักษามารยาท อันที่จริงผมก็ไม่มีนักหรอก แต่เซฮุนมักจะด่าผมเหมือนกับว่าผมไม่ฆ่าแม่มันทุกครั้งที่ผมทำอะไรทุเรศๆเวลาอยู่กับมัน ผมพยายามลืมตาอย่างสุดความสามารถ มือหนึ่งกระชับสายสะพายเป้ไว้ให้แน่นๆ รู้สึกไม่มีแรงเลยไอห่า เหนื่อยมากๆ เหนื่อยที่สุด เหนื่อยที่สุดในโลก 





    "วันหลังอะไรที่ไม่ควรพูดก็หุบปากไปบ้างก็ได้ครับ ..อ้าว  พี่ลู่ สวัสดีครับ "





           และเหมือนน้ำเสียงของคนที่เดินนำหน้าผมจะเปลี่ยนไปทันทีที่พูดประโยคหลัง เดาได้เลยว่ามันกำลังด่าผมในประโยคแรก ผมเดินมาขนาบข้างมันพลางหันไปมองผู้มาใหม่สลับกับรูมเมทของตัวเอง เซฮุนกำลังปั้นหน้ายิ้มจนจมูกมันบานออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผมอยากจะขำให้ลั่นคณะ แต่ติดอยู่ที่ว่ามันไม่ค่อยขำเท่าไหร่ เพราะศัตรูหัวใจของผมกำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา ผมพยายามปั้นหน้าให้ดูหล่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ 




    "สวัสครับเซฮุน สวัสดีครับน้อง .. เอ่อ  ? "





    "นี่พี่ชานยอล พี่ชายผมเอง " 





            รู้สึกเจ็บจิ๊ดที่อกข้างซ้ายมากๆครับ เซฮุนพูดได้แสบมาก ผมพยายามกล่อมตัวเองให้ใจเย็น เพราะความฮามีมากกว่าความโมโหครับ ผมพยายามจะไม่หลุดขำกับใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยรอยตีนกาของพี่ลู่หานเวลาที่เขายิ้ม แม่งตลกว่ะ เออจะว่าไปสองคนนี้ก็เหมาะกันปะ อีกคนยิ้มแล้วจมูกบาน กับอีกคนยิ้มแล้วหน้าย่น เออผมว่าลูกออกมาคงหน้าเหี้ยน่าดูอะ 





            แต่แม่งไม่ได้ว่ะ เซฮุนต้องเป็นของผมในสักวันอะ มันจะต้องชอบผมในสักวัน ถึงแม้มันจะหลุดคอนเซปวิธีจีบสาวของผมไปสักหน่อยก็เถอะ ปกติแล้วผมจะไม่บอกชอบใครก่อนหรอกนะ เวลาที่ผมชอบใคร ผมจะเก็บเงียบไว้แล้วทำให้คนนั้นมาบอกชอบผมเอง ทีนี้ก็จะไม่เสียเซลฟ์ไงละ แถมยังได้ผลชะงัดอีกด้วย 





    แต่นี่มันอะไร .. ถ้าไม่ติดว่าผมยืนอยู่สองคนนี้อาจจะรวมร่างกันแล้วก็ได้มั้งครับ 
    ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ






    "พี่ไปเข้าเรียนเหอะ ได้ข่าวว่ามีเรียนเก้าครึ่งไม่ใช่หรอครับ






            เซฮุนหันมาทำหน้าตุ้ดใส่ผมพลางเหยียบเท้าผมซะเต็มแรง เก้าครึ่งเหี้ยไรอะกูเรียนบ่าย ผมได้ยินเลยนะว่ามันเน้นคำว่าเก้าครึ่งให้ดังๆจนพี่ลู่ได้ยินอะ ผมกัดฟันแน่นจนกรามนูนขึ้นเป็นสันเลยครับ ไม่รู้ว่าเจ็บตีนหรือโมโหนะ นี่มันจงใจจะสลัดผมออกชัวร์ๆอะ 




    "เออว่ะ งั้นไปละ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับน้องฮุนฮุนกลับบ้านเรานะครับ"



           
            ผมกัดฟันพูดออกไปพลางปั้นยิ้มหล่อโลกละลายส่งไปให้พี่ลู่หานที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า พยายามเน้นคำว่าน้องฮุนเพื่อเอาคืนที่มันทำกับผมเอาไว้อย่างเจ็บแสบ เอาดิครับพี่ลู่ อย่างน้อยถ้าพี่ได้มันไป ผัวพี่ก็ตุ้ดสัสอะ อิอิ





            ไม่รอให้เซฮุนเหยียบตีนผมซ้ำสอง ผมรีบหันหลังเิดินออกมาจากตรงนั้น เดินล้วงกระเป๋าชิวๆกลับคณะอย่างไม่รีบร้อนอะไรเท่าไหร่นัก ก็อย่างที่บอกอะ ผมมีเรียนตอนบ่าย นี่อีกตั้งนานกว่าจะบ่าย ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นี่เพิ่งจะสิบโมงเอง พี่ลู่มาก็ดีอะ จะได้มีคนเดินเป็นเพื่อนเซฮุนขึ้นตึก เพราะตอนนี้ผมโคตรล้าเลย .. 






    .
    .
    .
    .







    "โถ่เว้ย " 




                ตอนนี้ผมกำลังวิ่งครับ วิ่งเลย หลังจากที่เข้าไปนั่งในเซ็กชั่นเรียบร้อยแล้วเห็นสมุดสเก็ตภาพเล่มบางของเซฮุนอยู่ในกระเป๋าของผม ตอนนี้สมุดเส็งเคร็งนั่นอยู่ในมือผม แล้วผมก็ำกำลังวิ่งจ้ำอ้าวไปคณะของมันที่อยู่ห่างจากคณะของผมหลายช่วงตึก จะไม่รีบก็ไม่ได้ เพราะว่าคาบเรียนของมันที่ต้องใช้สมุดเล่มนี้ตรงกับเวลาเรียนของผมพอดี จะไม่เอาไปให้ตอนนี้ก็ไม่ไ้ด้ เพราะมันก็จำเป็นต้องใช้เหมือนกัน รู้สึกตัวเองโง่ยังไงไม่รู้ที่วางไอโฟนไว้บนโต๊ะ แล้วผมก็เสือกจำไม่ได้ด้วยว่ามันเรียนห้องไหน 



    "เฮ้ยพี่ลู่! "




            เหมือนจะเห็นหลังพี่ลู่ไวๆตรงบันได ผมจำกระเ้ป๋าหนังสีเขียวแสบตานั้นได้ดี ผมเรียกเขาไว้ก่อนจะรรีบวิ่งเข้าไปหา พี่ลู่เลิกคิ้วมองผมก่อนจะเดินถอยหลังกลับมาหา ในมือเขาถือชาไข่มุกแก้วโต พร้อมกับหูฟังที่ใส่ไว้ข้างหนึ่ง 




    "เซฮุนเรียนห้องไหนรู้ไหมครับ คือผมจะเอาของไปให้มัน "




             รู้สึกเสียเซลฟ์นิดหน่อยครับที่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากศัตรูหัวใจ แต่พี่ลู่ไม่รู้ก็ถือว่าไม่เป็นไร ผมชูสมุดสเก็ตภาพในมือให้พี่เขาดูพลางย่อตัวเท้าฝ่ามือลงกับหัวเขาแล้วหอบหายใจให้หายเหนื่อย แต่จะว่าไปนี่ถามไปก็เท่าันั้นอะ ผมรู้จักเซฮุนมาปีกว่า แถมยังเป็นรูมเมทมันอีก ผมยังลืมเลยว่ามันเรียนห้องไหน พี่ลู่นี่เพิ่งรู้จักไม่นาน จะไปรู้ได้ไง 



    "อ่อ เอามาให้พี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง นายไปเรียนต่อเถอะ "




           เหมือนเสียงหวานนั้นที่พูดตอบราวกับเป็นสายฟ้าฟาดลงกลางใจ เหมือนคำพูดที่ดูมีน้ำใจของเขาจะฉีกหน้าผมเต็มๆ ผมรู้สึกเหมือนพี่เขาเอาแก้วชาไข่มุกยักษ์ในมือฟาดหัวผม รู้สึกเจ็บจิ๊ดที่ใจอีกละ 




    "ไม่อะครับคือผมจะเอาไปให้มัน "  ผมปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เจ็บล่ะิสิ อิอิ 




    "ห้องข้างบนน่ะครับ เนี่ยพี่เพิ่งลงมา กำลังจะเข้าเรียนแล้ว รีบไปเถอะครับ " 




    "อ่อ แต้งกิ้วครับพี่ เออแล้วอย่ายิ้มบ่อยละ หน้ามันจะย่น ไปละนะ บายครับ " 





            ผมตอบเท่านั้นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไป บางทีพี่ลู่อาจจะยังยืนอยู่ตรงนั้นแล้วด่าพ่อผมเป็นชุด แต่่ผมไม่สนใจหรอก อย่างน้อยให้ได้แขวะศัตรูหัวใจให้เจ็บเล่นก็ถือเป็นความสะใจอย่างนึงของผม 







    "โอ้ย ! "




           เซฮุนร้องลั่นหลังจากที่ผมเอาสมุดสเก็ตฟาดหัวมันไปทีนึง มันกุมหัวตัวเองไว้ก่อนจะส่งมืออีกข้างมาแย่งสมุดไปจากผม ดวงตากลมหันมาค้อนขวับเข้าเต็มวง ผมแค่นหัวเราะใส่มันก่อนจะยีหัวมันแรงๆจนยุ่งไปทีหนึ่ง 





    "กินข้าวยัง " 





    "เรื่องของผม "




    "เออ ตั้งใจเรียนล่ะ " 




               ผมตอบเท่าันั้นก่อนจะยีหัวมันอีกทีแล้วเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงด่าไล่หลังนั้นเลยแม้แต่น้อย ผมเองก็ต้องรีบไปเข้าเรียนเหมือนกัน จะให้มาอยู่กัดกะเด็กปัญญาอ่อนแบบมันก็ยังไงๆอยู่ ผมชินแล้วล่ะครับกับคำพูดไม่ถนอมน้ำใจใึครของมันแบบนี้ .. แต่เหมือนมันจะพูดแบบนี้กับผมคนเดียวเลยเท่าที่ดูมา แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่คิดมากเลยไม่อะไรมั้ง ทั้งแม้บางทีมันจะจิ๊ดๆที่ใจก็เถอะ แต่ผมไม่เอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาคิดให้ปวดหัวหรอกครับ มันมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ 









    .
    .






    "เซฮุน " 



    "ไร" 



             ผมเรียกพลางหันหน้าไปมองเพื่อนร่วมหอที่กำลังนั่งสเก็ตภาพอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ เป็นธรรมดาเหมือนทุกวันที่เรามักจะคุยอะไรกันเล็กน้อยๆก่อนนอนเหมือนทุกครั้ง ผมย้ายตัวเองที่นั่งจากขอบหน้าต่างเปลีี่ยนตำแหน่งมาเป็นโต๊ะเขียนหนังสือแทน ก่อนจะแย่งเอาดินสอที่เซฮุนใช้สเก็ตภาพอยู่มาควงเล่น มันถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยใบหน้าที่แสนจะหมดอารมณ์ ผมได้แต่ยักคิ้วกวนตีนกลับไป 





    "ไม่ได้ชอบพี่บ้างเลยหรอวะ "




    "พี่คิดว่าตัวเองน่าชอบมากงั้นดิ "  มันตอบพลางหันไปหยิบดินสอแท่งใหม่มานั่งวาดต่อ




    "อย่างน้อยคนชอบพี่ก็เยอะล่ะวะ "




    "อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็ไม่มีผมอะ " มันพูด ผมแย่งเอาดินสอแท่งที่สองออกมาจากมือมัน




    "ชอบพี่ไม่ได้หรอวะ " 



            

               ผมพูดออกไปตามที่ใจคิด ไม่รู้ดิ ผมไม่เคยชอบใครแล้วต้องมานั่งผิดหวังอะ ถึงแม้ผมจะยังไม่หมดหวังก็เถอะ แต่ผมไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับใครเลยนะ มันเหมือนอ้อนวอนปะวะ ผมกำลังอ้อนวอนมันอยู่ ผมกำลังสูญเสียความเป็นตัวเองอะ ผมรู้สึกเหมือนผมด้อยกว่ามันยังไงไม่รู้ แต่ผมก็อยากพูดไปตามที่ผมคิดอะ ผมอยากให้มันชอบผม 



    "ไม่ได้ว่ะ "




    "ไม่ได้จริงๆิดิ ? " 




     ผมถามย้ำ ในคำตอบทุกคำของมันเจือด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนน่าใจหาย มันไม่ลังเลเลยที่จะตอบคำถามเหล่านี้ของผม 




    "อืม " มันตอบ หยิบดินสอแท่งใหม่มาลงมือวาดส่วนดวงตาของคนในรูป 




    "ชอบพี่ลู่มากเลยหรอวะ ? "




    "อืม .. ไม่ดิ ผมรักพี่ลู่




             
               คำตอบของมันทำเอาผมที่กำลังจะแย่งดินสอแท่งที่สามไปจากมือมันต้องชะงักไป ความรู้สึกบีบรัดที่ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายรุนแรงเหลือเกิน ผมวางดินสอทั้งสองแท่งคืนมันไป ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เซฮุนไม่ได้พูดอะไรอีกต่อจากนั้น ผมเดินไปเปิดตู้เย็นที่มุมห้องแล้วรินนมสดแก้วพอดีมือแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะให้มันเหมือนทุกวัน เดินขึ้นเตียงตัวเองแล้วปิดโคมไฟในส่วนของตัวเองพลางยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง 



    "อย่าลืมกินนมก่อนนอนด้วยละกันครับ " 







    ________________________



     


              หลายวันผ่านไปแล้วที่ผมกับเซฮุนไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักคำนับตั้งแต่วันนั้น ต่างคนต่างไม่มีเวลาว่าง ผมเรียนหนักขึ้นกว่าทุกวัน ตารางเรียนของผมเปลี่ยนไปไม่ตรงกับเซฮุน ผมมีเรียนเช้่าสี่วัน และเรียนบ่ายเลิกเย็นในวันศุกร์ ในขณะที่คณะของเซฮุนก็ไม่ได้เรียนหนักอะไรมาก มันมีเรียนเช้าแค่สองวัน ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์ผมมีโอกาสที่จะได้ไปมหาลัยพร้อมกับมันแค่วันเดียวเท่านั้นเอง




    ".... " 




            ถอนหายใจแล้วนั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ผมเพิ่งกลัีบมาจากเรียนตอนเช้าของวันพฤหัส ซึ่งตอนบ่ายไม่มีคาบเรียน โดยปกติแล้วผมกับเซฮุนจะไปหาอะไรกินกันหลังเลิกเรียนเสมอ แต่ดูเหมือนหลังจากวันนั้นมันพยายามจะตีตัวออกห่างผมจนน่าใจหาย ผมเลือกที่จะกลับมารอมันที่ห้องมากกว่าออกไปเดินเที่ยวข้างนอก .. บางทีวันนี้เซฮุนอาจจะไม่ไปไหน ผมว่าเราสองคนมีเรื่องจะต้องคุยกันสักหน่อย

             
     
     
    กลับดึกนะครับ กินข้าวเลย ไม่ต้องรอ




     
             ก้มมองข้อความสั้นๆในไลน์ที่เซฮุนส่งมา ก่อนจะกดล็อคไอโฟนแล้วโยนมันไว้ที่เตียงอย่างไม่ใส่ใจ ผมถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน งานการมีแต่ไม่ทำ ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรสักเท่าไหร่ ตอนนี้กระวนกระวายใจมากๆเลยครับ จากที่ผมเป็นเพื่อน เป็นพี่มัน จนตอนนี้เหมือนกลายเป็นคนอื่นไปซะแล้ว ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้เลยให้ตายดิ 





            ผมถอนหายใจอีกรอบที่ล้านแล้วกระแทกชามใบโตที่ส่งควันหอมฉุยลงบนโต๊ะเขียนหนังสือมุมห้อง นี่ผมก็ไม่ได้จนขนาดต้องมานั่งต้มมาม่ากินคนเดียวในหอหรอก แต่อารมณ์มันเซ็งจนไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากจะไปไหน ก็นั่งรอแม่งอยู่เนี่ยละกัน ผมแกะซองตะเกียบอนามัย ตากวาดมองไปตามของบนชั้นที่วางอยู่เหนือโต๊ะเขียนหนังสือ แต่แล้วก็ไปสะดุดกับกระดาษแผ่นหนึ่งเข้า ผมเอื้อมหยิบมันมาดู มือหนึ่งคีบเส้นมาม่าชัดเข้าเต็มปาก จะว่าไปมาม่ารสนี้ก็อร่อยไม่ใช่เล่น แต่พอมองเห็นรูปชัดๆแล้วอยากจะบ้วนทิ้ง.. 





    รูปสเก็ตเมื่อวันนั้นที่เซฮุนวาดเป็นรูปใบหน้าของพี่ลู่หาน ..




    "ไม่แดกแม่งละไอสัด " 



             
            เห็นแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดจนคิ้วขมวดกันเป็นโบว์ เจอกันที่มหาลัยไม่พอยังจะตามมาหลอกหลอนถึงที่หออีกนะแหม ผมจัดการขยำรูปนั้นทิ้งซะแล้วโยนข้ามหัวไปข้างหลังอย่างไม่สนใจใยดีมันอีก ลุกหยิบเอาชามมาม่าออกไปสาดทิ้งข้างนอกระเบียงห้อง เดินผ่านห้องน้ำก็เตะประตูด้วยความพาลไปอีกหนึ่งที นี่ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว 




    บ้าเพราะไอเด็กเวรนั่นคนเดียว 








    "กลับบ้านดิวะ " 




               กว่าหกชั่วโมงแล้วที่ผมเดินวนไปวนมาภายในห้องสี่เหลี่ยมอย่างกระวนกระวาย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าเกือบจะตีหนึ่งแล้ว เซฮุนยังไม่กลับเข้ามาในห้อง ผมขยับตัวไปมาอย่างอยู่ไม่สุข ในหัวมีแต่คำถามและคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับเซฮุนเต็มไปหมด คอยดูถ้าแม่งกลับมาผมจะรัวใส่แม่งเป็นชุดเลย คือก็เข้าใจที่บอกว่าจะกลับดึก แต่ผมว่าแบบนี้มันก็ดึกมากเกินไปหน่อยมั้ง อย่างน้อยมันก็ยังเด็ก ทำอะไรน่าจะมีขอบเขตบ้าง 




               มองนาฬิกาบนผนังห้องสลับกับแก้วนมที่ผมรินไว้ให้มันบนโต๊ะเหมือนทุกวัน ป่านนี้นมบูดแล้วมั้งไอห่า กลับมาเร็วๆสักที ผมมองไอโฟนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงตัวเองอย่างชั่งใจ หรือบางทีผมควรจะโทรตามแล้วด่ามันสักยกสองยกแล้วไปตามมันกลับห้อง แต่จะว่าไปผมเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำถึงขนาดนั้น ผมไม่ใช่พ่อมัน .. 





    แต่ผมก็แค่เป็นห่วงมันเท่านั้นเอง..





    "แกร๊ก "



            เสียงเปิดประตูเรียกให้ผมหันขวับไปตามต้นเสียงทันที มองเห็นมือขาวที่จับลูกบิดอยู่พร้อมกับร่างของเจ้าตัวที่โผล่ตามเข้ามา ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงเรื่อ ตาปรือปรอยที่มองผมทำเอาต้องกุมขมับ ขาเรียวก้าวผ่านประตูเข้ามาก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่ง ผมปราดเข้าไปรับมันไว้แทบจะทันที กลิ่นเหล้าฉุนกึกที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ผมหัวเสียไม่ใช่น้อย 




    "ไปกินเหล้ากับใครมา "




    "เรื่องของผมน่า .. " 




               นี่ผมอุตส่าห์ถามมันดีๆ ตอบแบบนี้เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน ผมพยุงมันไปที่โซฟา เซฮุนกึ่งนั่งกึ่งนอนแบบหมดสภาพ เสื้อนักศึกษาที่ถูกปลดกระดุมสามเม็ดบนมีสภาพยับเยินและหลุดรุ่ย ดวงตาปรือปรอยที่ฉ่ำเยิ้มช้อนขึ้นมองผม แก้มใสแดงปลั่งทั้งสองข้าง ริมฝีปากอิ่มเผยอออกน้อยๆเพื่อควานหาอากาศหายใจ เสียงหายใจที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอของเซฮุนทำเอาก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นรัว ผมลอบกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างลำบาก 




    "เหอะ อย่าแม้แต่จะคิด " 


              

              ถึงจะเมาแต่ฤทธิ์ก็ยังเยอะใช่เล่น มือบางยกขึ้นมาดันหน้าผมออกอย่างแรงจนผมต้องเบ้หน้าหนีไปทางอื่นด้วยความเจ็บ เซฮุนหัวเราะน้อยๆพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากสีชมพูสดของตัวเอง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย มันรู้ได้ไงว่าผมคิดอะไรอยู่ 




    "ผมรู้หรอกว่าพี่ต้องการอะไร "




    "ต้องการไร "



            
               ผมถามกลับแทบจะัทันที ทำไมเซฮุนถึงได้ปากร้ายขนาดนี้นะ ผมไม่เข้าใจเลย มันเหยียดสายตามองผมพลางบิดยิ้มน่าเกลียดให้กับผม ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเซฮุนจะเมาจนคุยกันไม่รู้เรื่อง 




    "ต้องการจะเอาผมงั้นดิ  "




              ประโยคเมื่อกี้ที่มันพูดออกมาเล่นเอาผมตอบไม่ถูก เออจริงๆมันก็ใช่่ส่วนหนึ่ง ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ เป็นผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างปะวะ ผมมองหน้าเซฮุนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าดูถูกผมแบบสุดๆ ถอนหายใจใส่เด็กไม่รู้จักโตอย่างมันไปหนึ่งที ก่อนจะเดินหนีไปห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังเดินไปหามัน 




    "ปากแบบนี้มันก็ไม่น่าจะรอดหรอกครับ " 




             พูดไปเท่านั้นก่่อนจะชุบน้ำแล้วบิดให้หมาด เช็ดไปตามลำคอของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ผมคุกเข่าลงกับพื้นห้อง เพื่อที่จะได้เช็ดตัวให้กับอีกคนได้ถนัดมากขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบตากับมัน ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก นอกจากจะไม่รับความห่วงใยจากผมแล้ว เซฮุนยังดูถูกความรักของผมด้วย




    "เออ ผมมันปากดี แล้วพี่เสือกอะไรด้วย " 



            
             เสียงแหบที่ค่อนข้างเบาแต่กลับดังก้องในโสตประสาทของผม ประโยคพวกนี้เหมือนเข็มเล่มเล็กๆทิ่มแทงใจผมจนมันเจ็บไปหมด ผมทำเป็นหูทวนลมไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดเหล่านั้น ยกท่อนแขนกลมกลึงขึ้นเช็ดใต้ข้อพับ .. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนอย่างผมต้องมาทนอะไรแบบนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องมานั่งใส่ใจกับคนๆเดียวทั้งๆที่มีแต่คนเข้าหาผม ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทนได้ยังไง แต่ผมรักมันมากจริงๆ 





    ผมรักเซฮุนมาก .. รักแบบที่ไม่หวังอะไร


    ไม่ได้หวังอยากได้ร่างกายแบบที่มันคิดเลย ..






    "ทีหลังอย่าไปพูดแบบนี้ใส่ใคร มันไม่ดีนะครับ ไม่คิดว่าคนฟังเขาจะรู้สึกแย่หรือไง" 



    "อย่ามาสอน พี่ไม่ใช่พ่อผม " 




    !!!!!





              และเหมือนว่าเซฮุนจะปากดีเกินไปหน่อย สติของผมขาดผึง ความอดทนของผมสิ้นสุดลงทันทีหลังจากจบประโยคนั้น เรือนร่างบอบบางของเขาถูกผมกระชากขึ้นจนลอยหวือมาติดอก  เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วผลักผมออกแทบจะทันที แต่ผมจะไม่ใจเย็นกับมันอีกแล้ว




    "โอ้ย สัส "



                       
             เด็กปากดีออกฤทธิ์อีกคราหลังจากที่ผมเหวี่ยงมันลงไปที่เตียง เสียงแหบพร่าที่เริ่มจะแตกหนุ่มของเซฮุนสบถหยาบคาย ฝ่าเท้าเล็กยกขึ้นถีบเข้าที่กลางท้องผมอย่างแรงจนจุกไปหมด ผมโถมตัวเข้าหาก่อนจะกดหัวเข่าทับกับขาเรียวของคนด้านใต้ไว้ด้วยความโมโห มือหนึ่งรวบข้อแขนเล็กทั้งสองข้างไว้พลางบีบมันแน่นจนเส้นเลือดปูนโปน ผมขบกรามแน่นระงับอารมณ์และความเจ็บที่ช่องท้อง 




    "ออกไป สัส อย่ามายุ่ง อื้อ! " 




            กดจูบปิดริมฝีปากอิ่มที่พ่นคำหยาบคายให้เงียบไป เอียงคอบดขยี้ริมฝีปากสวยนั้นจนแดงช้ำ ผมกำลังโมโหจนยั้งตัวเองไม่อยู่ ทั้งๆที่ผมคิดเอาไว้แล้วแท้ๆว่าจะถนอมมันอย่างดีและจะไม่แตะต้อง แต่วันนี้และตอนนี้ คนปากดีควรจะโดนสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้าง ..




    "เล่นแรงไปหน่อยมั้ง " 




           ผมรีบผละออกก่อนที่ฟันคมจะทันงับเข้าที่เรียวลิ้นของผม เซฮุนฤทธิ์เยอะไม่ใช่น้อย ร่างเล็กๆกำลังดิ้นพล่านอยู่ภายใต้พันธนาการจากผม ใบหน้าหวานที่แดงซ่านนั้นกำลังแสดงสีหน้าไม่พอใจและหวาดกลัว มือเล็กพยายามสะบัดให้หลุดออกจากการจับกุม 



    "แล้วพี่ไม่เล่นแรงเลยดิ เหี้ย ปล่อย" 




            ผมไม่ตอบอะไร แค่นหัวเราะกลับไป กลับบีบข้อมืออีกคนแน่นขึ้นตามอารมณ์ที่คุกรุ่น เซฮุนเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่ดวงตากลมยังคงจ้องตอบกลับมาอย่างแข็งกร้าว ม่านใสฉ่ำหวานสั่นระริก หอบหายใจแรงพลางดิ้นฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ท่าทางต่อต้านเหล่านั้นของมันทำให้ผมต้องหัวเราะเยาะตัวเองอีกครั้ง เข้าใจแล้วว่ามันรังเกียจผมมากแค่ไหน



    "ใครว่าพี่เล่น พี่ไม่เคยเล่น "



    "พี่แม่งก็แบบนี้แหละ อยู่กันมาเป็นปีๆผมรู้ " 
              


                 ผมจูบปิดปากมันทันทีหลังจากที่ได้ยินประโยคยั่วโมโหจากริมฝีปากเล็กนั่นเป็นครั้งที่สอง เอาดิ ไหนๆผมมันก็ไม่ดีอย่างที่มันคิดละนี่ มันก็คงไม่เสียหาย จะทำแบบที่มันพูดก็ไม่เห็นจะเป็นไร ใบหน้าของผมเลื่อนต่ำลง เปลี่ยนตำแหน่งจากซอกคอขาวเป็นแผ่นอกบางที่สั่นกระเพื่อมเพราะแรงหอบ จัดการขบเม้มสร้างรอยจูบไว้อย่างแรงด้วยโทสะจนมันแดงช้ำไปทั้งตัว เซฮุนร้องเสียงหลง ด่าทอผมสารพัด ข้อเข่าเล็กยกขึ้นกระทุ้งท้องผมจนเจ็บจุก มือเล็กที่ตอนนี้เป็นอิสระแล้วกลับใช้ทุบตีผมอย่างแรงโดยไม่มีอ่อนข้อแม้แต่น้อย 




    "ถ้าทำผม ผมเกลียดพี่แน่ " 




              มันตะโกนลั่นหลัีงจากที่ผมกระชากเอากางเกงสแลคสีดำออกจากเรียวขาสวยแล้วจัดการเกี่ยวมันเข้ากับเอวสอบขอตัวเอง เซฮุนจ้องผมไม่วางตา ม่านใสที่รื้นไำปด้วยน้ำตาไม่สามารถปกปิดดวงตาแข็งกร้าวที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองที่ส่งมาให้ผมได้ ผมชะงักไปพักหนึ่งกับคำพูดนั้น ก่อนรอยยิ้มน่ารังเกียจของผมจะถูกจุดขึ้นที่มุมปาก 





    ไหนๆมันก็เกลียดผมอยู่ละนี่ 



    ไม่ได้หัวใจ อย่างน้อยได้ตัวก็ยังดีล่ะ่วะ..




         
        ถึงแม้ฤทธิ์เหล้าจะทำให้เมาและมึนไปบ้าง แต่เซฮุนยังคงต่อต้านผมทุกทาง มันไม่เผลอไหลไปกับสัมผัสใดๆจากผมเลย ฝ่ามือขาวฟาดลงบนไหล่ของผมอีกครั้งในขณะที่ผมค้อมตัวลงจูบมัน ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ มือมันหนักมากจริงๆ .. แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ เอียงใบหน้าป้อนจูบให้แน่นขึ้นก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้าไปไล่ต้อนอีกคนให้จนมุม จนเมืิ่อไร้การตอบสนอง โอเซฮุนนิ่งไป ผมผละจูบออก .. 




    เขาหลับไปซะแล้ว.. 

    คงจะเพลียเพราะฤทธิ์เหล้า





    "โถ่เว้ย! " 



               ผมสบถอย่างหัวเสียก่อนจะลุกออกมาจากตัวเขา เดินเข้าห้องน้ำพลางจิกทึ้งผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก้มเปิดก๊อก สองมือวักน้ำขึ้นล้างหน้าหวังเรียกสติตัวเองกลับมา เกือบไปแล้ว .. นี่ผมเกือบจะทำลายคนที่ผมอุตส่าห์ถนอมไว้อย่างดีไปแล้วด้วยน้ำมือของผมเอง




             หลังจากที่ทำใจให้เย็นลงได้ ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ยืนกอดอกมองเซฮุนที่ตอนนี้สิ้นฤทธิ์หลับอยู่บนเตียงของผม ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนหน้าที่เราจะมีปัญหากัน ปกติทุกวันมันจะมานอนเตียงของผม แล้วไล่ให้ผมไปนอนแทนที่เตียงของมันด้วยข้ออ้างที่ว่าเตียงผมน่านอนกว่า ผมยิ้มน้อยๆพลางส่ายหัวอย่างระอา จัดการติดกระดุมเสื้อให้มัน ห่มผ้าให้ขึ้นมาถึงอกเพื่อกันปอดบวม หยิบกางเกงของมันที่ผมถอดแล้วโยนทิ้งไว้ที่พื้นไปใส่ตะกร้าแล้วกลับมานั่งอยู่ที่ปลายเตียง .. ผมได้แต่จ้องมันอยู่อย่างนั้น 




    เซฮุนเป็นเด็ก เขาบริสุทธิ์ .. ผมเกือบทำเลวไปแล้ว 




           เพียงแค่มองใบหน้าขาวที่บัดนี้ขึ้นสีแดงจัดกำลังหลับพริ้ม มันพาลทำให้ผมน้ำตาไหลเอาเสียดื้อๆ ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆพลางยกมือปาดน้ำตาลวกๆ นี่ถ้ามันตื่นขึ้นมาเห็นผมร้องไห้นี่ต้องสมเพชผมแน่ๆ เสียฟอร์มสุดๆ .. 




    "พี่รักเธอจริงๆนะเว้ยแม่ง รักเธอมากจริงๆ มองเห็นความรักของพี่หน่อยไม่ได้รึไงวะ " 



    ....



    "เมะแล้วทำไมวะ จะชอบพี่ไม่ได้เลยหรือไง " 



    "ไม่หวั่นไหวบ้างรึไงวะ ที่ทำไปนี่ไม่ได้รู้สึกไรเลยดิ เป็นคนอื่นพี่คงไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้อะ " 




    "เปลี่ยนจากพี่ลู่มาเป็นพี่ไม่ได้หรอวะ  " 




    "ชอบพี่เถอะ รักพี่เถอะนะ " 



              ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นบ้า ผมเพ้อเจ้อ เอาแต่พูดไม่หยุด ปกเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกยกขึ้นเช็ดน้ำตาเนื่องจากมือทั้งสองทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ผมร้องไห้จนตัวสั่น ริมฝีปากถูกเม้มแน่นจนรู้สึกเจ็บเพราะกลั้นปิดเสียงสะอื้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองอกหัก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ผมกำลังอกหัก กำลังร้องไห้ให้เด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่งที่ผมรัก .. และบางที ..




    เด็กไม่รู้จักโตนั้นอาจจะเป็นผมเอง.. 




     
    _____________________________




     
             แสงแดดที่แยงตาทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าหวังให้หายง่วง แสบตาชิบหาย เมื่อคืนผมอาจจะร้องไห้หนักเกินไป ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตาช่วยอีกแรง ทันทีที่ดวงตาของผมปรับโฟกัสได้ ผมรีบมองกวาดไปรอบห้อง  คนที่ผมมองหายังคงนอนอยู่บนเตียง ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก 




             มองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนัง สิบโมงกว่าแล้ว เลยเวลาเรียนของเซฮุนไปแล้ว วันนี้ทั้งผมและเขาคงจะไม่ได้ไปเรียน ผมลุกยืนขึ้น ปีนข้ามช่องว่างระหว่างเตียงไปหาอีกคนที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ ผ้าห่มผืนหนาถูกถีบหล่นลงไปที่พื้น เซฮุนนอนดิ้น .. 




    "อือ .. " 




    เสียงครางในลำคอแผ่วเบาบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวคงรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก ผมยกหลังมือขึ้นอังหน้าผาก ตัวเขาร้อนจี๋ ..




             ผมถอนหายใจก่อนจะรีบไปจัดการตัวเอง ก่อนจะคว้ากระเป๋าตังวิ่งแจ้นลงไปข้างล่างเพื่อซื้อยาและอาหารเช้าให้เขา ให้ตายดิ เหนื่อยชิบหาย และผมก็รู้สึกว่าช่วงนี้ผมจะถอนหายใจบ่อยเสียเหลือเกิน เขาว่ากันว่าถ้าถอนหายใจแล้วชีวิตเราจะสั้นลงหนึ่งวันใช่ไหมครับ บางที ผมอาจจะเหลือเวลาอยู่อีกแค่อาทิตย์เดียวแล้วก็ได้ ถถถถถถถถถถถถถ 




    "เห่นโล้ว อิอิ" 



              ไขกุญแจห้องเข้ามาพลางตะโกนอย่างอารมณ์ดีด้วยความสำนึกผิดในเรื่องเมื่อวาน ไม่มีเสียงตอบกลับจากเซฮุนที่ท่านเรียก ผมเดินเข้าไปในห้อง เตียงกลับว่างเปล่า เซฮุนไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้น ผมวางของทั้งหมดที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ เพื่อจะเดินหาเด็กตัวแสบ แต่ก็ต้องเดินกลับมาที่เดิมเพราะเห็นว่าประตูห้องน้ำปิดอยู่ 




    "ปวดหัวไหม มากินข้าวดิ กินเสร็จจะได้กินยา " 



              ผมเริ่มบทสนทนาแรกของวันทันทีที่เห็นอีกคนเปิดประตูห้องน้ำออกมา เซฮุนอยู่ในสภาพที่ดูไม่จืดเท่าไหร่นัก รอยที่ผมฝากไว้เมื่อคืนยังเด่นชัดอยู่บนแผ่นอกขาวและหน้าท้องแบนราบของมัน นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ไม่ใช่น้อย ถึงแม้ว่าผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ที่บ่าจะพาดปิดไว้เกือบครึ่งตัวก็ตาม ผมเทโจ๊กใส่ชามก่อนจะยกไปวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ผมเป็นคนเอาออกมาตั้งไว้กลางห้อง ผมนั่งลง .. รอให้มันนั่งลงอีกฝั่งตรงข้ามกับผม 




    "... " 




            ไม่มีคำพูดใดๆตอบกลับมา เซฮุนไม่แม้แต่จะปรายตามองผมเลย ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจเบาๆ เจ้าตัวเดินผ่านหน้าผมไปเพื่อตากผ้าเช็ดตัวตรงระเบียง ก่อนจะเดินไปที่เตียงของผมแล้วล้มตัวลงนอน ยกหมอนขึ้นปิดหน้า 




    นี่ขนาดโกรธผมมันยังไปนอนเตียงผมเลยคิดดู 




    "เป็นไรวะ " 




    ถามพลางลุกเดินไปหา แย่งหมอนออกมาจากมือมันแล้วโยนข้ามไปไว้อีกฝั่้ง เซฮุนซบหน้าลงกับเตียง มันไม่ยอมมองหน้าผม
            




    "เอ่าเฮ้ยตอบดิ "




    "ตัวผมพี่ก็ได้แล้วไง จะเอาไรอีกวะ !"





              เซฮุนหันกลับมาตวาดใส่ผมก่อนจะสะบัดข้อมือให้หลุดจากการจับกุม ดวงตาแข็งกร้าวจ้องกลับมาอย่างเย็นชา ผมมองหน้ามัน พยายามนึกทุกคำพูดมาพูดกับมัน แต่นึุกไม่ออกสักคำ .. ผมรู้สึกจุก พูดไม่ออก 



    เมื่อคืนผมไม่ได้ทำอะไรมันเลย 




    " ไปไกลๆปะ ผมเบื่อขี้หน้าพี่เต็มทนละ "





    "ทำไมพูดงี้วะ "




    ผมได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ตรงปลายเตียง แม้แต่แขนมันผมก็ยังไม่กล้ายื่นมือเข้าไปจับ ใบหน้าขาวหันกลับมามองผมนิ่งๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ดวงตากลมที่มักจะมีแววตานิ่งเฉยกลับเย็นชาขึ้นกว่าเก่า 




    "ทำไม ก็ปากผมอะ ผมจะพูดไรก็ได้ "




    "เซฮุน!" 




          ผมเรียกชื่อมัน กำมือแน่น เด็กคนนี้ก้าวร้าวเกินกว่าที่ใครๆจะรับมือได้ ผมเม้มปากแน่น คว้าข้อมือเล็กไว้แล้วกระชากมันเข้ามาอย่างแรงจนร่างเล็กๆนั้นเซลงมาที่ตักของผม เอาจริงๆผมไม่อยากจะใช้กำลังเลย 




    "ทำไม จะจูบผมอีกดิ เอาเลย ละครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะได้คุยกับผม"



    "... " 



         ผมนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก เพียงแค่คิดว่าจะไม่ไดุ้คุยกับมันอีกก็รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ผมกลืนน้ำลายลงไปอย่างหนืดคอ ความอึดอัดและเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วอก 



    "ปล่อยผม ออกไป "



        คนตัวเล็กที่นั่งอยู่่บนตักขืนตัว เสียงที่เริ่มแหบพร่านั้นบอกผม ถึงจะเจ็บคอและไม่ค่อยสบาย แต่ในน้ำเสียงนั้นยังคงแข็งกร้าวไม่มีอ่อนข้อ ผมขมวดคิ้วมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา ภาพตรงหน้าเบลอเพราะหยาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาจนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นผมยังจับข้อมือเล็กไว้แน่น เกรงว่าถ้าปล่อยไป .. บางที เจ้าของมืออาจจะไปจากชีวิตของผมด้วย




    "ถ้าพี่ไม่ไป ผมไปเอง " 




         แต่แล้วข้อมือเล็กที่ผมจับอยู่ก็สะบัดออกอย่างแรงจนหลุดออกจากการจับกุม ก่อนเจ้าตัวจะลุกออกไปจากเตียง คว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วหุนหันออกจากห้องไป




    ปึง!!



        ประตูห้องถูกปิดลงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว ผมอยากจะลุกไปตาม แต่กลับไม่มีแรงเอาเสียเลย .. ภาพตรงหน้าเบลอหนักกว่าเดิมจนมันชัดขึ้นเพราะหยาดน้ำตาได้หยดลงไปแล้ว ผมสูดหายใจลึกๆ .. 




    ห่าเอ้ย ..




     
    ______________________________________


    ตรึ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 100เปอร์จ้า 
    หลังจากที่ดองมาตั้งแต่ยุคสมัยเรเนซอง ไม่ลืมๆจ้า กูแค่ดองเฉยๆ

    มีเรื่องจะแจ้ง หลายคนคิดว่า ตอนนี้ กับตอนที่แล้วแม่งเป็นเรื่องเดียวกัน
    กูจะบอกว่า มันคนละเรื่องกันนะว้อย อันนี้มันช้อตฟิค กูก็บอกละไง=_=
    ตอนที่แล้วคือชานยอลตายใช่ปะ ก็จบแล้วว้อย ไม่มีแล้ว 
    นะๆเข้าใจทั่วกัน ตอนนี้กับตอนที่แล้วมันคนละเรื่องกันฟาย
    ส่วนเรื่องนี้มันยาวอะ กูเลยทำเป็นตอนย่อยแทน โอเคนะมึง 
    เข้าใจนะ 
     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×