คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] CHANBAEK - BASKETBALL LOVER (END)
BASKETBALL LOVER
chanyeol x baekhyun
“ปิ๊ดดดด!!”
เสียงนกหวีดบอกเวลาหมดควอเตอร์แรกพร้อมกับเสียงเชียร์ดังลั่นสนาม เหล่านักกีฬาวิ่งกลับมาที่ข้างสนามพร้อมกับกอดคอประชุมกันภายในทีม เสียงกู่ร้องเป็นชื่อทีมของพวกเขายังคงดังลั่นแม้จะไม่ได้กำลังทำการแข่งขัน และบยอนแบคฮยอนก็เช่นกัน เด็กหนุ่มแหกปากส่งเสียงเชียร์อยู่ที่ชั้นบนสุดของอัฒจันทร์
“ยอนเซ! แดบัก! ยอนเซ! แดบัก!”
ยกกำปั้นชูขึ้นเหนืออากาศ ตะโกนกึกก้องจนดังลั่นไปทั้งฮอล์ เสียงเชียร์ของเหล่านักศึกษาที่นี่กำลังข่มขวัญคู่ต่อสู้ให้กระเจิง ทั้งยังเป็นการเพิ่มพลังให้แก่ทีมตัวเองอีกด้วย การประชุมทีมสิ้นสุด นักกีฬาทั้งห้าคนกลับเข้ามาในสนามอีกครั้ง เสียงกรีดร้องดังกระหึ่มเมื่อสมาชิกคนหนึ่งในทีมหันมาโบกมือให้กับคนบนอัฒจันทร์ .. คริสมักจะฮอตในหมู่สาวๆเสมอ
“แก! เค้าโบกมือให้ฉัน!”
“เค้าโบกมือให้ฉันต่างหาก”
และอีกมากมายที่มโนกันไปเองทั้งสิ้น เสียงบรรดาสาวๆกรีดร้องตีไปกับเสียงตะโกนเชียร์ของเหล่านักศึกษาชายด้านล่าง แบคฮยอนเลือกจะเมินเสียงหนวกหูน่ารำคาญเหล่านั้นแล้วให้ความสนใจกับสนามด้านล่าง
หากแต่ไม่ใช่คริสที่เขากำลังมองอยู่ ทันทีที่ลูกกลมๆสีส้มจากมือกรรมการถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า ฝ่ามือกว้างของใครอีกคนตวัดคว้ามันลงมาแล้วเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว สลับเลี้ยงลอดใต้หว่างขาเพื่อหลอกให้ศัตรูงงเล่น สองขาเรียวยาววิ่งพาตัวเองไปใต้ห่วงก่อนจะกระโดดดังก์ขึ้นไป
สวบ!
ลูกบาสลงห่วงไปอย่างสวยงามเหมือนจับวาง ฝ่ามือกว้างทันแตะสัมผัสเบาๆที่ห่วงเหล็กสีแดงด้านบน ม่านกลมกระพริบถี่ด้วยความทึ่ง ช่วงเวลาเมื่อครู่เหมือนมันผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ แต้มของทีมเยนเซนำไปไกลขึ้นเรื่อยๆทั้งๆที่ยังไม่ถึงห้านาที ไม่แปลกที่ปาร์คชานยอลจะได้รับทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์และกัปตันทีม .. เขามักจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนได้อึ้งอยู่เสมอ
ปิ๊ด!!
หมดเวลาการแข่งขัน ทีมเหย้าชนะอย่างขาดรอยไม่ต้องสงสัย เสียงโห่ร้องดังกึกก้อง ส่งเป็นทำนองเพลงของมหาวิทยาลัยด้วยความภาคภูมิใจ คริสและสมาชิกคนอื่นๆโค้งไปรอบๆฮอล์ แม้ทั้งตัวจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อแต่ก็ยังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้า ต่างจากปาร์คชานยอลที่เดินดุ่มๆไปที่ข้างสนาม ถอดเสื้อสีอ่อนที่ชุ่มเหงื่อโยนพาดกับอัฒจันทร์แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวยาว ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดจริงจังอยู่แทบจะตลอดเวลา แผ่นอกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงรัวเร็ว แสดงความเหนื่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แขนเปลือยๆที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่ข้างขมับ นั่งพักอยู่คนเดียวเงียบๆ เขาไม่ใช่คนที่ชอบสุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ แม้จะไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับคริสหรือคนอื่นๆในทีม แต่ปาร์คชานยอลก็มีสเน่ห์ล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ภายใน ยากที่ใครจะมองเห็น ..
และบยอนแบคฮยอนคือคนเดียวที่สัมผัสได้ถึงสเน่ห์อันล้ำลึกนั้น ..
“เอาวะ!”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากชั้นบนสุดของอัฒจันทร์ ฝ่ามือขาวกำขวดน้ำกับผ้าเย็นไว้แน่น เดินตัวสั่นลงไปด้านล่างอย่างกล้าๆกลัวๆ หยุดยืนมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของกัปตันทีมอยู่นานกว่าห้านาที ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง
ทำใจกล้าเดินเข้าไปหาแม้ขาจะสั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อจู่ๆโค้ชก็เดินเข้าไปถึงตัวปาร์คชานยอลก่อนเขา เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน โค้งน้อยๆให้ด้วยความเคารพก่อนจะพูดอะไรสักอย่างที่เขาเองก็ไม่ได้ยิน แบคฮยอนแต่ยืนอ้ำๆอึ้งๆอยู่ข้างหลัง กำลังใจเริ่มเสีย จะเข้าไปหาก็ไม่กล้า
“ไง ให้พี่หรอครับ?”
“คะ .. ครับ ?”
ไม่รู้ว่าคริสมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าของเสียงทุ้มห้าวโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้มากกว่าที่ควรจะเป็น ฝ่ามือใหญ่หยิบฉวยขวดน้ำกับผ้าเย็นไปจากมือเขาซะดื้อๆ
“ขอบคุณนะ หิวน้ำพอดีเลย”
เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเปิดฝ่าขวดน้ำแล้วกระดกดื่มในทันที ถ้าเป็นคนอื่นคงสติแตกให้กับความน่ารักไปแล้ว แต่แบคฮยอนไม่ใช่อย่างนั้น เด็กหนุ่มได้แต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก คริสไม่ได้ถามเขาเลยด้วยซ้ำว่าเขาตั้งใจจะให้รึเปล่า
“เกมนี้สนุกไหม”
“เอ่อ .. สนุกดีครับ พวกพี่เล่นเก่งมากๆเลย”
ตอบไปอย่างนั้น พูดติดๆขัดๆด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก ม่านกลมมองคริสสลับกับชานยอลไปมาด้วยความสับสน เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว
“ถ้าชอบ พฤหัสนี้อย่าลืมมาที่ชมรมนะ เรากำลังจะคัดคนเข้าทีมใหม่”
“เอ่อ .. ครับ ?”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ แต่แล้วก็ต้องเกร็งตัวแข็งทื่อเพราะจู่ๆคริสก็เข้ามากอดคอเขาซะอย่างนั้น แขนแกร่งเหนี่ยวลำคอเขาเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงมาพูดที่ข้างหู นิ้วเรียวชี้ไปที่สมาชิกในทีมอีกคนที่กำลังชู้ตลูกบาสเข้าห่วงแม้ในฮอล์ตอนนี้จะแทบไม่มีคนแล้วก็ตาม
“พี่คนนั้นน่ะ.. ปีสี่ นัดนี้เกมสุดท้ายของเขาแล้ว”
สัมผัสเปียกชื้นจากลำแขนแกร่งที่โอบล้อมรอบลำคอ หากแต่ไม่ได้ชวนให้รู้สึกน่าขยะแขยงสักเท่าไหร่ กลิ่นน้ำหอมแบบสปอร์ตจางๆลอยแตะจมูก เส้นผมชื้นเหงื่อสัมผัสเข้าที่แก้มขาวแผ่วเบา ยิ่งทำให้แบคฮยอนรู้สึกเกร็งเข้าไปใหญ่ กระทั่งลำคอสวยถูกปล่อยให้เป็นอิสระถึงได้หายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย
โค้ชเดินออกจากยิมไปแล้ว เหลือแต่ปาร์คชานยอลที่ยืนกระดกน้ำอยู่ที่ริมอัฒจันทร์ ใบหน้าเคร่งเครียดนั้นกำลังเงยมองไปที่จอใหญ่ คะแนนการแข่งขันนัดเมื่อครู่ยังคงเด่นหราอยู่บนจอ แบคฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น เขาควรจะเข้าไปทักรึเปล่า
“เฮ้! ฟังอยู่รึเปล่า”
“เอ่อ .. ฟังอยู่ครับๆ”
“วันพฤหัสนี้มาด้วยนะ หวังว่าพี่จะเห็นเราที่ชมรมก่อนห้าโมงเย็น โอเค๊?”
แทบจะไม่ได้ฟังเลยด้วยซ้ำ ม่านกลมๆมองผ่านคนตรงหน้าไปยังปาร์คชานยอลที่ยืนอยู่ไกลๆ เสียงทุ้มห้าวที่เอ่ยพูดอยู่ตรงหน้าดังผ่านหูไปโดยไม่ได้จับใจความสำคัญใดๆ ฝ่ามือกว้างยกขึ้นยีหัวของเขาเบาๆ พอดีกับที่ปาร์คชานยอลหันกลับมามองเขา สายตาเย็นชาและใบหน้าเรียบนิ่งเพียงแค่มองผ่านไปเท่านั้น
“ขอบคุณสำหรับน้ำกับผ้าเย็นนะ”
พี่คริสครับ .. ขวดน้ำกับผ้าเย็นผืนนั้นน่ะ ..
ผมไม่ได้จะให้พี่โว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
✞
ตึก ตึก ตึก สวบ!
“แฮ่ก!”
เสียงลูกบาสเด้งไปตามพื้นอย่างเป็นจังหวะ พื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นสนามดังเอี๊ยดอ๊าดชวนให้เสียวฟัน สองขาวเรียวก้าววิ่งอย่างกระฉับกระเฉงแม้ส่วนสูงจะไม่ได้มากสักเท่าไหร่ ฝ่ามือขาวหนึบพอที่จะคุมลูกไว้ได้ด้วยนิ้วเรียวยาวตนมีอยู่ เหน็บลูกเข้าข้างตัว ถีบตัวเองลอยขึ้นสูงจากพื้น ส่งลูกบาสโยนเข้าห่วงไปอย่างสวยงาม
“นี่มึงจะไม่หยุดจริงๆใช่ไหม จะสามทุ่มแล้ว เพื่อนหิวข้าวครับ”
เสียงที่ยังไม่แตกหนุ่มดีตะโกนถามเป็นรอบที่ร้อยของวัน เดินขึ้นเดินลงบนอัฒจันทร์ด้วยความเบื่อหน่าย เพื่อนตัวเล็กของเขามักจะมาซ้อมบาสที่นี่ทุกวันตั้งแต่เลิกเรียนจนถึงมืดค่ำ คนบนสนามส่ายหัวเล็กน้อย เหน็บลูกบาสไว้ข้างเอว ฝ่ามือเรียวยาวนั้นยกค้างกลางอากาศ
“ขออีกห้านาที”
ว่าแล้วก็วิ่งต่อ เลี้ยงลูกบาสหลบไปมาแม้จะไม่มีใครเล่นด้วยก็ตาม ทั้งยิมมีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น เด็กหนุ่มหอบฮักแต่ก็ยังวิ่งต่อ กระโดดชู้ตลูกบาสลงห่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากเมื่อก่อนที่เล่นกีฬาอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง ปาร์คชานยอลเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเริ่มเล่นบาสเก็ตบอลอย่างจริงจังเมื่อปีก่อน จากที่ชู้ตไม่เคยลง บัดนี้กลับแม่นทุกลูกแม้จะเลยเส้นสามแต้มมาเกือบเมตร ถึงตัวของเขาจะเล็ก แต่แรงเยอะมากเลยเชียวล่ะ
ทุกคำสบประมาทจากเพื่อนร่วมคณะ แบคฮยอนเก็บมันมาลงกับกีฬาชนิดนี้จนหมดสิ้น เขาพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆจนฝีมือสามารถเทียบเท่ากับทีมมหาลัยอื่นๆได้ในหลายทีม เว้นก็แต่ยอนเซ ทีมประจำมหาวิทยาลัยที่เทียบไม่ติด ทุกคนในทีมต่างใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างลงตัว
แบคฮยอนพยายามจะฝืนความเหนื่อยของตัวเอง กล้ามเนื้อขาที่เริ่มจะล้าทำให้เขาวิ่งต่อไปแทบไม่ไหว เด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นก้าวในระยะสั้นๆใต้แป้น วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น เขาไม่รู้ว่าการที่สมาชิกคนเก่าออกไปนั้นจะเป็นช่องโหว่ให้ทีมมากเท่าไหร่ และเขาต้องพยายามเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ถึงจะได้จะเป็นหนึ่งในนั้น โอกาสของเขามีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
..
ตึก ตึก ตึก สวบ!
สี่ทุ่มตรง ข้างในยิมยังคงได้ยินเสียงลูกบาสเด้งกระทบพื้นดังแว่วมาอย่างต่อเนื่อง คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ ทั้งๆที่เวลานี้มันควรจะไม่มีใครแล้วแท้ๆ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปเปิดประตูออกก่อนจะเดินนำเข้าไปในนั้น เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กกำลังวิ่งเวียนอยู่ใต้แป้นบาส ม่านคมหันกลับไปมองเพื่อนอีกสามคนที่เหลือ
“เดี๋ยวกูจัดการเอง”
มันมักจะมีเด็กปีหนึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่เสร่อมาเล่นในยิมนี้บ่อยๆ คริสอาสาจะเดินไปไล่ที่เด็กนั่นเอง ร่างสูงโปร่งถอนหายใจด้วยความระอา ก่อนจะก้าวพรวดพราดเข้าไปในสนาม
“กีฬาแม่บ้านกับกีฬาระดับจังหวัดมันไม่เหมือ.. เฮ้ เจอกันอีกแล้ว!”
“ครับ ?”
แบคฮยอนหันไปตามต้นเสียงในระหว่างที่กำลังกระโดดชู้ตพอดิบพอดี ลูกบาสจึงเปลี่ยนทิศไปโดนห่วงแทนที่จะลงตาข่าย เจ้าลูกกลมๆสีส้มกระเด้งกระดอนออกนอกทิศทางไปในทันที
“ขะ .. ขอโทษครับ”
รีบวิ่งตามลูกบอลไป แต่แล้วม่านกลมก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเจ้าลูกกลมๆนั้นอยู่ในมือของปาร์คชานยอล ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดบาสเก็ตบอลแขนกุดสีเข้มต่างจากเมื่อวันนั้น สวมรองเท้าบาสสีเขียวเรืองแสงพื้นยางสีส้ม เลขสี่ตัวเบ้อเร่อเด่นหราอยู่ที่กลางเสื้อทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บนไหล่กว้างสะพายลูกบาสที่ถูกห้อยอยู่ในตาข่าย สายตาคมมองนิ่ง ไม่ฉายแววใดๆ และท่าทางนั้นของเขากำลังทำให้แบคฮยอนประหม่า
“ไปเล่นที่บ้านไป”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนหยิบลูกบาสจากเขาแล้วเดินเข้าไปเล่นในสนาม แบคฮยอนได้แต่ยืนอ้ำๆอึ้งๆอยู่อย่างนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยเห็นปาร์คชานยอลใกล้เกินกว่าสองเมตรมาก่อน
“แต่ .. แต่ผมมาก่อนนะครับ”
“กูดูเหมือนคนตาบอดหรือไง”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มยังคงเป็นโทนเดิม นั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนงงยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างรุ่นพี่ปาร์คชานยอลจะเป็นคนกวนตีนหน้านิ่งได้ถึงขนาดนี้ เขารับมือไม่ถูก
“ไงตัวเล็ก ซ้อมบาสหรอเรา”
และมันคงจะเป็นเดธแอร์ไปอีกนานหากไม่มีคริสเข้ามาแทรก น้ำเสียงห้าวตะโกนดังมาแต่ไกล ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวกระแทกร่างเล็กๆของแบคฮยอนเข้าเต็มๆ แขนแกร่งเหนี่ยวคอคนตัวเล็กอย่างสนิทสนมแม้จะไม่เคยรู้จักชื่อกันมาก่อน แบคฮยอนหันไปยิ้มแห้งๆ
“เอ่อ ..ครับผม”
“แต่พี่ว่า ตอนนี้มันดึกแล้วน้า เพื่อนเราก็รอนานแล้วด้วยเห็นปะ แทบจะเหี่ยวคาอัฒจันทร์ละนั่น พี่ว่าเรากับเพื่อนออกไปหาไรกินแล้วกลับหอไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้เรียนเช้าใช่มั้ยล่ะ”
นับว่าพูดโน้มน้าวได้ดีทีเดียว คริสสามารถแก้สถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ฝ่ามือกว้างขอลูกบาสจากปาร์คชานยอลคืนให้เขา แถมยังมีน้ำใจดันหลังเขาให้ออกไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้กลายๆด้วย แบคฮยอนพยักหน้าอย่างจำยอม ก่อนจะหันไปกวักมือเรียกเซฮุนให้ลงมาข้างล่าง
“วันพฤหัสอย่าลืมนะโว้ย!”
หันมาโบกมือบ้ายบายให้เขาอีกต่างหาก เด็กหนุ่มขานตอบ ก่อนจะรับกระเป๋าเป้มาจากเพื่อนสนิทพลางถอนหายใจ ปาร์คชานยอลไม่แม้แต่จะชายตาแลเขาเลยสักนิด
✞
“โอ้ยยยยยยย เร่เข้ามา เร่เข้ามาครับพี่น้อง ชมรมเราเปิดรับสมัครอยู่นะคร้าบ นานๆรับถี่ โอกาสแบบนี้มีไม่มากนะโว้ย”
บ่ายวันพฤหัส ทั้งลู่หานและจงอิน สมาชิกในทีมของมหาวิทยาลัยลงทุนมายืนแหกปากตะโกนเรียกคนเข้าชมรมด้วยตัวเอง นักศึกษาปีหนึ่งและปีสองมากมายเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมดในวันเปิดโลกกิจกรรม ส่วนพวกชั้นปีสูงก็ยืนแหกปากเย้วๆประจำอยู่ในแต่ละชมรม บยอนแบคฮยอนเลือกที่จะเมินคำชวนชวนเหล่านั้นทั้งหมดแล้วตรงดิ่งไปที่เมนสเตเดียมอย่างไม่ลังเล
“หวัดดีลูก ชมรมชงชาอยู่ข้างบนขึ้นบันไดซ้ายมือเลยนะครับ”
จงอินผายมือไปทางซ้ายอย่างสุภาพ คิดว่าตัวแค่นี้คงจะไม่ได้มาสมัครเข้าชมรมของเขา เล่นเอาแบคฮยอนถึงกับหน้าเสีย แต่แล้วเจ้าของใบหน้าทะเล้นก็ยังไม่ทันจะได้ยิ้มกวนส้นตีนไปมากกว่านั้น ฝ่ามือใหญ่ตบเพี้ยะเข้าที่หนังหัวอย่างแรง หันกลับไปก็เห็นคริสยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง
“นี่แน่ะมึง พูดงี้กับตัวเก็งได้ไง .. ไปเร็วตัวเล็ก เค้าจะคัดคนกันแล้ว”
ว่าแล้วก็กอดคอเขาอีกเหมือนเคย แบคฮยอนก็ยังอดเกร็งไม่ได้สักที ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยหน้ามองรุ่นพี่ก่อนจะเดินไปตามที่อีกคนพาไป ที่ริมอัฒจันทร์มีโต๊ะตัวยาว ปาร์คชานยอลนั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ตรงนั้น ในสนามมีคนเกือบๆประมาณสี่สิบคนได้ ทุกคนประจำอยู่ใต้แป้น วิ่งวุ่นแย่งลูกบาสเพียงลูกเดียว เล่นเอาแบคฮยอนถึงกับหวั่นใจไม่น้อย
“ชื่อ คณะ..”
“บยอน แบคฮยอน วิศวะเครื่องกลปีสองครับ”
เสียงเรียบเอ่ยถามทั้งๆที่ก็ให้เขากรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์ม เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาเขียน เอ่ยตอบโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา
“ส่วนสูง”
“ร้อยเจ็ดสิบสี่เซ็นต์ครับ”
“ไม่ผ่าน”
“!!!”
ยังกรอกข้อมูลไม่ทันเสร็จดีก็ไม่ผ่านซะแล้ว ดวงตากลมเบิกกว้าง เงยหน้ามองรุ่นพี่ด้วยความไม่เข้าใจ เป็นเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะในคณะหรือแม้กระทั่งประธานชมรม ทุกคนตัดสินเขาจากสภาพร่างกายทั้งๆที่ไม่เคยให้โอกาสเขาได้แสดงฝีมือเลยด้วยซ้ำ
“แต่พี่ครับ! .. ผม..”
“กูไม่รับ”
“เฮ้ย ไอห่า .. มึงก็ให้น้องมันลองหน่อยดิวะ แค่เซ็นต์เดียวเองมึงจะเคี่ยวไปไหน เดี๋ยวใส่รองเท้ามันก็เกินร้อยเจ็ดห้าแล้ว ให้โอกาสมันหน่อย”
เป็นปาร์คชานยอลเพียงคนเดียวในชมรมที่คริสไม่เคยเล่นหัวด้วย ไม่ใช่ไม่กล้า หากแต่กัปตันทีมไม่เคยมีอารมณ์ร่วมกับการเล่นตลกแบบถึงเนื้อถึงตัว ม่านคมปรายตามองเด็กหนุ่มผู้มาใหม่แบบหัวจรดเท้าอย่างพิจารณา ก่อนจะลุกออกไปจากเก้าอี้ ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น
“ลุยเลยไอตัวเล็ก สู้!”
ตบบ่าคนตัวเล็กไปหนึ่งที ก่อนจะดันหลังรุ่นน้องที่เพิ่งจะรู้จักชื่อไม่นานให้เข้าไปในสนาม เสียงนกหวีดดังขึ้น ทุกคนหยุดเล่นแล้ววิ่งมารวมกันที่หน้าอัฒจันทร์ ประตูยิมถูกเลื่อนปิดรอบด้านไม่ให้ใครเข้าออก หลังจากนี้คือการคัดเลือกอันแสนหฤโหด
แบคฮยอนยืนต่อหลังอยู่ที่ท้ายสุดของแถว เงยหน้ามองปาร์คชานยอลที่กำลังอธิบายเรื่องกฎกติกาอยู่บนอัฒจันทร์ ฉับพลันดวงตากลมทันได้สบกับม่านคมที่มองมาทางนี้พอดิบพอดี ฝ่ามือชื้นเหงื่อกำแน่น ค่อยๆผ่อนลมหายใจช้าๆแม้ใจจะเต้นรัว..
เขาจะต้องเป็นหนึ่งในทีมให้ได้(เลยโว้ย) !
✞
“เราจะให้เวลาวอร์มสิบนาทีนะครับน้องๆ การคัดเลือกจะมีด้วยกันทั้งหมดสี่รอบ และจะมีการคัดออกในแต่ละรอบหากทำไม่ได้ตามที่กำหนดไว้ ทุกคนมีโอกาสหนึ่งครั้งนะครับ ในรอบแรก เราจะทดสอบความเร็วกับสมรรถภาพร่างกายก่อน ในนี้มีกี่คนวะไอลู่ ..”
เป็นคริสที่พูดชี้แจงเรื่องการคัดเลือก เสียงทุ้มห้าวตะโกนลั่นฮอล์แบบไม่ต้องพึ่งโทรโข่งทุกคนก็ได้ยินชัดแจ๋ว ร่างสูงโปร่งพูดในประโยคสุดท้ายก่อนจะหันไปหาเพื่อนร่วมทีมที่กำลังยืนอ่านใบรายชื่ออยู่ข้างหลัง
“สี่สิบสอง”
“โอเค สี่สิบสองคนนะครับ หกห้าสามสิบ หกหกสามหก หกเจ็ดสี่สอง .. โอเค น้องๆซอยแถวเป็นแถวละหกคนนะครับ จะได้เจ็ดแถวพอดี ส่วนสูงไม่เกี่ยว หน้าตาไม่เกี่ยว น้ำหนักไม่เกี่ยว แบ่งเดี๋ยวนี้เลยครับ”
แสดงออกทุกอย่างที่คิด นิ้วเรียวยกขึ้นมาท่องสูตรคูณแบบออกเสียง พอคริสพูดจบก็เริ่มเกิดเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นภายในฮอล์ พวกที่มาด้วยกันพากันเกาะกลุ่มกันทั้งหมด เว้นเสียแต่แบคฮยอน ร่างเล็กเดินไปรวมๆกับคนที่เหลือ ทุกคนอยู่กระจายกันเป็นหย่อมๆ ยืนรอฟังกติกาข้อต่อไปที่รุ่นพี่กำลังจะพูด
“ไม่ต้องกระจายครับทุกกลุ่ม แต่ละกลุ่มไปยืนตรงพี่ลู่หานเลยนะครับ คนที่แข้งใหญ่ๆ ยืนคาบนกหวีดอยู่ตรงนั้นแหละ เรียงแถวหน้ากระดานเลย คนที่วิ่งข้ามฝั่งมาเป็นคนสุดท้าย พี่ขอคัดออกนะครับ กลับบ้านได้เลย”
แค่กติกาข้อแรกก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์กันแล้ว แบคฮยอนถอนหายใจก่อนจะเดินไปหาพี่ที่ชื่อลู่หานที่ยืนอยู่ใต้แป้นบาส ฝ่ามือขาวของรุ่นพี่ชูขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะเป่านกหวีดดังปิ๊ด กลุ่มแรกยังไม่ทันได้เตรียมตัวก็ต้องวิ่งซะอย่างนั้น เสียงฝ่าเท้าหลายสิบคู่กระทบพื้นดังตึงๆๆๆลั่นไปทั่วทั้งยิม แบคฮยอนยืดเส้นยืดสาย หันมองคนในแถวเดียวกันด้วยความตื่นเต้น ขนาดตัวยังพอสูสีกับคนอื่นได้อยู่
ปิ๊ดดดด!
ถึงตาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อยู่ๆคนในแถวก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนหลุดจากภวังค์ ละสายตาออกจากแผ่นหลังของปาร์คชานยอลแล้วออกวิ่งตามไป สองมือกำแน่น สองขาก้าวฉับสลับกันอย่างว่องไว ในใจได้แต่ภาวนาขอให้เขาไม่ใช่คนสุดท้ายที่เข้าถึงเส้นชัยอีกฝั่ง
“โครม!”
ผ่านไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด อยู่ๆคนข้างๆเขาก็เสียหลักล้มลงเสียอย่างนั้น แบคฮยอนเหลียวหลังหันกลับไปมอง เหมือนครั้งนี้พระเจ้าจะช่วยเขาเข้าเต็มๆ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องตกรอบตั้งแต่รอบแรก
“สี่สิบสอง คัดออกไปเจ็ด เหลือสามสิบห้ารึเปล่าวะ?”
“สามห้าๆ ทุกคนมารวมกันตรงนี้เลยครับลูกกะจ้อกๆ”
ตบมือเรียกร้องความสนใจ เสียงแหบห้าวของจงอินตะโกนเรียกให้บรรดาน้องๆวิ่งข้ามฝั่งมาทางนี้ เก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่งถูกวางไว้ใต้แป้น ในมือถือนาฬิกาจับเวลาอยู่ด้วย หลายคนค่อยๆเดินกันมาอย่างกระฉับกระเฉงแม้จะยังหอบไม่เสร็จดี และแบคฮยอนก็เช่นกัน ทุกคนถูกจัดให้ยืนต่อแถวเป็นสองแถวในแต่ละด้านของแป้นเหล็ก โดยที่หัวแถวหนึ่งมีจงอินและปาร์คชานยอลยืนคุมอยู่ ส่วนอีกแถวเป็นลู่หานและคริส
ปีนเก้าอี้แล้วโหนราวเหล็กตรงแป้นให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดคงยังไม่โหดพอ พวกเขาต้องดันตัวเองขึ้นให้คางพ้นขึ้นมาเหนือแท่งเหล็กไว้ตลอดเวลาด้วย บางคนไม่สามารถดันตัวเองให้คางพ้นขึ้นมาเหนือราวเหล็กได้ หลายคนร่วงลงไปกองกับพื้นทั้งๆที่ยังไม่ถึงสิบวินาทีเสียด้วยซ้ำ แบคฮยอนยืนอยู่กลางแถว ชะเง้อมองคนที่ตกรอบไปคนแล้วคนเล่า สองแขนวาดไปมาบนอากาศ สร้างความชินให้กับกล้ามเนื้อให้มากพอก่อนที่จะถึงตาของเขา
“จะถึงไหมเนี่ย”
“ถึงดิพี่ ผมไม่ได้เตี้ยขนาดนั้น”
ถึงตาของแบคฮยอนแล้ว เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้า หันไปตอบคริสที่เอ่ยแซวเขากลายๆ สองขาอันสั่นเทาค่อยๆก้าวขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ ทั้งมือทั้งขาสั่นไปหมด ตัวเขาเองก็สั่นด้วย ฝ่ามือเปียกเหงื่อไปหมดจนแทบจะหยิบจับอะไรไว้ไม่อยู่ มันจะไม่เป็นขนาดนี้เลยถ้าไม่ได้รู้สึกว่าปาร์คชานยอลที่ยืนกอดอกอยู่ฝั่งนู้นกำลังมองมาที่เขา แบคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกๆ รุ่นพี่ชานยอลคงไม่ได้กำลังมองเขาอยู่หรอก จริงๆแล้วอาจจะแค่เหม่อก็ได้
“นั่นไง กะแล้วว่าไม่ถึง”
สองแขนชูขึ้นไปในอากาศ แม้จะเขย่งแล้วก็ยังคว้าราวเหล็กไว้ไม่ได้ แบคฮยอนเริ่มใจเสีย แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆคริสก็เดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่จับเอวเขาไว้แน่นแล้วยกตัวเขาให้สูงขึ้น มือขาวรีบคว้าราวเหล็กไว้ในทันที ออกแรงดันตัวเองให้สูงขึ้น สองแขนเกร็งจนสั่นเมื่อปลายคางโผล่พ้นแท่นเหล็กขึ้นมา พี่ลู่หานเริ่มจับเวลาแล้ว แบคฮยอนหลับตาปี๋ พยายามรั้งตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด แค่ดันตัวเองขึ้นมาได้ก็แรงแทบจะหมดอยู่รอมร่อ เขาจะไม่ไหวอยู่แล้ว ในใจได้แต่ภาวนาขอให้เวลาหมดไวๆ
“ไม่ไหวแล้ว เชี่ย กูไม่ไหวแล้ว”
ขยับปากไปอย่างนั้น ไม่สนใจว่าใครจะได้ยินเสียงที่เขาพูดออกมาหรือไม่ เวลายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆแบบวินาทีต่อวินาที ฝ่ามือเรียวกำแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด เส้นเลือดปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อผุดพราวข้างขมับและใบหน้า สั่นเทิ้มไปทั้งตัว แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ ยังไงเขาจะต้องเข้าชมรมนี้ให้ได้เลย
“สาม .. สอง .. หนึ่ง .. ผ่าน!”
ฟึ่บ!
พอได้ยินคำว่าผ่านก็เหมือนกล้ามเนื้อจะหมดแรงเอาดื้อๆ ฝ่ามือขาวปล่อยจากราวเหล็กพาให้ร่างร่วงลงสู่พื้นในทันใด หากแต่ไม่ได้ยินเสียงร่างกระแทกพื้นอย่างที่ควรจะเป็น คริสรับเขาไว้ได้ทัน
“ขอบ .. ขอบคุณครับพี่”
“เฮ้ยไหวปะเนี่ย”
“ไหวครับๆ”
หอบแฮ่กจนตัวโยน ในช่วงจังหวะที่คริสกำลังจะปล่อยให้เขายืนบนพื้น ม่านกลมเลื่อนไปสบกับดวงตาคู่คมของปาร์คชานยอลที่กำลังมองมาอยู่พอดี ใบหน้าหล่อเหลายังคงมองนิ่ง แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ตัวสูง ถอยออกมาหนึ่งก้าวให้พอมีระยะห่าง
เขาไม่ได้คิดไปเอง .. ปาร์คชานยอลกำลังมองเขาอยู่จริงๆ
เหมือนด่านนี้จะเป็นด่านคัดคนออกเสียจริงๆ จากที่มีสี่สิบกว่าคน ตอนนี้เหลือไม่ถึงยี่สิบเสียด้วยซ้ำ แบคฮยอนมองไปรอบๆ เกือบทุกคนสภาพไม่ต่างจากเขา เหงื่อโทรมกาย ยืนหอบ บ้างก็นั่งลงไปกับพื้น แต่มีหนึ่งคนที่สะดุดตาเขาเสียเหลือเกิน หวงจื่อเทา คณะวิศวะโยธาปีสองที่เรียนเซคเดียวกับเขา กำลังยืนเท้าเอวเช็ดเหงื่ออยู่กลางสนาม หมอนั่นดูท่าทางจะฟิตเอามากๆเลยล่ะ
เหมือนเป็นการให้พักร่างกายไปในตัว รอบต่อไปนี้อาจจะง่ายสำหรับใครหลายๆคน เพียงแค่ชู้ตลูกบาสหลังเส้นสามแต้มให้ลงห่วงก็ถือว่าเป็นอันผ่าน แบคฮยอนได้ทดสอบคนท้ายๆเหมือนเคย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเท่าไหร่นักสำหรับเขา เด็กหนุ่มโยนลูกลงห่วงได้อย่างสบายๆ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พลาด ต้องเดินคอตกออกไปจากยิมตามระเบียบ
ประตูกระจกถูกดันเข้ามาจากด้านนอก อาจารย์ที่ดูเหมือนจะเป็นโค้ชของทีมเดินเข้ามา เพียงแค่เข้ามานั่งอยู่ที่ชั้นล่างสุดของอัฒจันทร์ ทุกคนหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยความกดดันที่เพิ่มขึ้น พักได้ไม่นานก็โดนเรียกให้ไปยืนกลางสนามอีกแล้ว กรงใส่ลูกบาสกรงใหญ่ที่เริ่มเกรอะสนิมถูกเลื่อนมาที่ริมสนาม ผู้ทดสอบยืนห่างจากเขตกะโหลกไปสองเมตร ลูกบาสหนังเบอร์เจ็ดขนาดไม่ชินมือถูกโยนให้ทีละคน คนที่มือเหนียวพอจะรับลูกลื่นๆนั้นได้ต้องเลี้ยงหลบคนที่เหลือไปเรย์อัพใต้แป้น หากลูกลงห่วงภายในหนึ่งนาที ถือว่าผ่าน
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแบคฮยอนเลยสักนิด ดูจากสภาพกายแล้ว ทุกคนตัวสูงและดูแข็งแรงกว่าเขาหมด อาจมีบางคนที่ดูผอมแห้งแรงน้อยกว่าเขา แต่ก็ดูเก่งกว่าอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะพอมีหน่วยกล้ามอยู่บ้าง แต่ถึงยังไงส่วนสูงที่ด้อยกว่าก็ทำให้เขาเสียเปรียบเต็มๆ
เพราะแบบนี้ประธานชมรมถึงไม่ให้เขาผ่านตั้งแต่แรก ..
แบคฮยอนผ่อนลมหายใจช้าๆ ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น สายตาจับจ้องอยู่ที่ลูกบอลในมือของรุ่นพี่จงอิน เขาจะต้องผ่านด้านนี้ไปให้ได้ เขาจะทำให้ชานยอลเห็นว่าเขาทำได้จริงๆ จะไม่มีใครมาตัดสินเขาจากส่วนสูงหรือสภาพร่างกายได้อีก .. เขาจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของทีมให้ได้
ปั้ก!
ลูกถูกโยนเข้ามาในสนามแล้ว ไม่มีการลำเอียงใดๆเพราะจงอินหันหลังอยู่ สิบกว่าคนกรูเข้าไปหาลูก ได้ยินเสียงร่างปะทะกันจนล้มลงไป แบคฮยอนเข้าไม่ถึงวงในด้วยซ้ำ เสียงนกหวีดดังลั่นยิม หนึ่งคนที่เป็นคนผลักถูกลากออกจากสนาม ตกรอบไปเพราะเล่นไม่ซื่อ
“โอ้ย!”
ทั้งจงอินและลู่หานรีบเข้าไปพยุงคนเจ็บ บัดนี้นอนงอกอดเข่าตัวเองแล้วร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แบคฮยอนเบ้หน้า นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเมื่อกี้เขาเข้าไปในวงนั้นเร็วกว่านี้ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงนั้นก็ได้
“แบบนี้กูไม่ชอบ มึงลูกผู้ชายรึเปล่า”
การคัดเลือกหยุดลงชั่วคราว ทุกคนต่างให้ความสนใจกับคนที่กำลังเจ็บ โค้ชหายไปแล้ว กลับมาอีกทีพร้อมกับเปลพยาบาลและอาจารย์อีกสองสามคน คนเจ็บถูกหามออกไป เหลือแต่คนกระทำที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่ต่อหน้าปาร์คชานยอล ประธานชมรมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัย
“ผมไม่ได้ตั้งใจพี่ คนมันกรูเข้ามา”
ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเหงื่อที่เปียกชุ่มไปทั้งเสื้อนั่นเป็นเพราะเหนื่อยหรือกลัวกันแน่ ปาร์คชานยอลเพียงแค่กอดอกยืนมองนิ่งๆ ไม่ได้ขึ้นเสียงหรือมีท่าทีว่าจะทำอะไร
“กูเห็นมึงผลักมัน”
“เฮ้ยพี่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“อย่าเล่นเลยกีฬา ชมรมกูเล่นบอล ไม่ได้ให้เล่นคน”
เพิ่งเห็นว่าปาร์คชานยอลจริงจังแค่ไหนก็วันนี้ คำพูดเรียบๆ แต่สื่อความหมายได้ชัดเจนและแจ่มแจ้ง ไอ้หมอนั่นคอตก ถูกคนอื่นๆพาออกไปนอกยิม การแข่งขันคัดเลือกดำเนินต่อในอีกห้านาทีถัดมา ทุกเกมเล่นอย่างขาวสะอาด ม่านคมคอยจับตามองทุกคนอย่างทั่วถึง
“แฮ่ก!”
“เจ๋งเหมือนกันนี่หว่าไอตัวเล็ก”
ตบเข้าที่ไหล่ของเขาแรงๆจนแบคฮยอนหัวทิ่มไปข้างหน้า เด็กหนุ่มหอบฮักอยู่ที่ริมสนาม ใบหน้าชื้นเหงื่อหันไปยิ้มให้รุ่นพี่แม้จะเหนื่อยจนแทบขาดใจ เอ่ยขอบคุณพร้อมกับรับขวดน้ำเย็นๆมากระดกดื่มแก้กระหาย .. ในที่สุดเขาก็ได้เป็นหนึ่งในหกคนที่ผ่านเข้ารอบ
“จบแล้ววันนี้ เหลืออีกอย่างสุดท้าย จะเป็นการดูผลในระยะยาว พี่อยากให้ทุกคนฟิตร่างกาย เตรียมตัวเองให้พร้อม เราจะเจอกันแบบนี้ทุกวันอังคารถึงเสาร์ ส่วนพวกเด็กๆที่เหลือที่นอนตายอยู่ตรงนี้ ชื่อพวกเอ็งยังอยู่ในชมรม เจอกันทุกวันอังคารกับพฤหัส ส่วนไอหกคนที่ผ่านมาตรงนี้หน่อย”
ร่ายยาวจนฟังแทบไม่ได้ใจความ แบคฮยอนลากสังขารตัวเองไปที่โต๊ะเดิมที่ใช้กรอกใบสมัครตอนเข้ามา ทุกคนยืนล้อมโต๊ะฟังที่ลู่หานกับชานยอลพูด ส่วนเขาได้แต่เขย่งเท้าจะเง้อเข้าไปในวงสนทนา ไม่มีที่ให้เขาแทรก ส่วนสูงเพียงร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตรไม่สามารถเอื้อให้เขาชะโงกหน้าเกยไหล่เพื่อนๆเขาไปฟังได้
“หกคนนี้ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันหมด ในช่วงนี้ให้ฝึกภายในมหาลัยกับกีฬาเยาวชนไปก่อน อีกสามเดือนเราจะไปแข่งชิงนัดใหญ่กับโซล เค้าทีมเหย้า เราทีมเยือน เค้าได้เปรียบ แต่ถ้าเราชนะ เรามีสิทธิได้ไประดับประเทศ ทุกคนต้องการสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย พวกพี่ๆก็ด้วย แล้วพี่หวังว่าพวกเราทั้งหกคนจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง โอเค๊?”
ในที่สุดก็แทรกเข้าไปได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือของรุ่นพี่ลู่หาน ใบหน้าจิ้มลิ้มแทรกอยู่ระหว่างใต้รักแร้ของรุ่นพี่ คนอายุมากกว่าวาดแขนมาเหนี่ยวคอของเขาไว้ให้เข้าไปในวงสนทนา เด็กหนุ่มพยักหน้า อย่างน้อยถึงเขาจะไม่ติดเป็นตัวเล่นจริงในทีม แต่เขาอาจมีเวลาอยู่กับปาร์คชานยอลได้นานถึงสามเดือน
“เราฝึกหนักแน่ ทุกวันที่ซ้อมจะเริ่มตั้งแต่ห้าโมงถึงสี่ทุ่ม เวลากินข้าวคือหกโมงครึ่งถึงทุ่มครึ่ง ทุกคนต้องมีวินัยในตัวเอง หนึ่งอาทิตย์ก่อนไปแข่งกับโซลเราจะเก็บตัวที่นี่ จะไม่มีการกลับบ้านหรือไปไหนทั้งนั้น โค้ชจะเข้ามาดูวันอังคารหน้า ใครไม่พอใจมึงจะออกไปตอนนี้กูไม่ว่า”
“…”
ทุกคนเงียบ ได้แต่มองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งสิ้นเมื่อปาร์คชานยอลเอ่ยปาก ลู่หานพยักหน้าตามรัวๆอย่างสนับสนุน แบคฮยอนหลุบตาลงต่ำ .. รู้ตัวว่าชานยอลกำลังมองมาที่เขา
“ดี .. ตำแหน่งที่เราขาดคือ small forward ซึ่งรุ่นพี่คนก่อนทำไว้ดีมาก และหวังว่าหนึ่งในนี้จะสามารถทำได้เทียบเท่ากับเขา จะไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งกันในนี้ ยกเว้นว่าจะมีใครทำหน้าที่ได้ดีกว่าเจ้าของตำแหน่งเดิม ส่วนใหญ่เราเล่นสาม บล็อกอีกสอง เน้นเกมรุกมากกว่าตั้งรับ มีใครมีคำถามไหม?”
ทุกคนมองหน้ากันเงียบๆ ไม่มีใครคิดคำถามที่สร้างสรรค์ออกเลยสักคน หรืออาจจะเป็นเพราะกัปตันทีมอธิบายทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว แบคฮยอนขมวดคิ้ว สบตากับหวงจื่อเทาที่ยืนกอดอกอยู่ฝั่งตรงข้ามเพียงครู่
“ดี งั้นวันนี้พอแค่นี้ แล้วพรุ่งนี้ห้าโมงเราจะเจอกันที่ยิมหนึ่ง”
“คร้าบบบบบ”
ขานตอบอย่างขยันขันแข็ง ทุกคนแยกย้ายกันกลับ แบคฮยอนโค้งให้กับรุ่นพี่ในทีมก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับ แต่แล้วก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นปาร์คชานยอลกำลังนั่งอยู่ใกล้กับกระเป๋าเป้ของเขา
“เอ่อ รุ่นพี่ครับ .. ขอผมหยิบกระเป๋าผม .. คือ พี่นั่งทับมันอยู่”
เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่ใช่เพราะว่าเขากลัว แต่เพราะเขินมากต่างหาก ฝ่ามือขาวเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายไหล่ ประกอบกับช่วงจังหวะที่ปาร์คชานยอลยืนขึ้นเต็มความสูงพอดิบพอดี ฝ่ามือหนาคว้าต้นแขนของเขาไว้
“บยอน แบคฮยอนใช่ไหม”
“เอ่อ .. ใช่ครับ”
“พรุ่งนี้ห้าโมงตรง ไม่มีเลท”
“รับทราบครับ”
“ดี อยากรู้ว่าจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ”
พูดเท่านั้นก่อนที่ฝ่ามือกว้างจะคลายออกจากแขน ปาร์คชานยอลเดินออกไปอีกทาง ทิ้งให้แบคฮยอนยืนงงอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ดูเหมือนประธานชมรมจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาสักเท่าไหร่
โดนคนที่ชอบเกลียดขี้หน้านี่มันแย่จริงๆเลย ..
“กลับแล้วหรอ”
“ครับพี่ เพื่อนรออยู่ข้างนอก”
เดินมาจนจะถึงทางออกก็เห็นคริสยืนพิงประตูดักเขาอยู่ อันที่จริงคริสกำลังยืนคุยกับลู่หาน แต่พอเขาเดินมา รุ่นพี่ลู่หานก็เดินออกไปซะอย่างนั้น ฝ่ามือกว้างตบบ่าเขาเป็นการให้กำลังใจทิ้งท้าย ขยิบตาเป็นเชิงว่ารู้กัน แบคฮยอนโค้งให้กับลู่หาน ก่อนจะหันมาคุยกับคริสต่อ
“ว้า แย่เลย ว่าจะไปส่งว่าที่เพื่อนร่วมทีมที่หอสักหน่อย”
“โหพี่ ผมสู้เขาไม่ได้หรอก”
พูดแบบติดตลก แต่ในใจหวังลึกๆว่าเขาจะได้เป็นหนึ่งในทีม อย่างน้อยก็ตอนนี้ แบคฮยอนอยากลบคำสบประมาทของปาร์คชานยอลออกไป ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่เลย
“โอเค กลับดีๆ เอ้อ .. น้ำนั่นน่ะ จะกินอีกไหม” ชี้มาที่ขวดน้ำที่เขาถืออยู่ มันพร่องลงไปเกินกว่าครึ่งขวด แบคฮยอนเลิกคิ้ว
“อ่อ ..ผมกระดกปากไปแล้วอะพี่”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ”
ว่าแล้วก็ฉวยขวดน้ำไปจากมือเล็กทันที คริสเปิดฝาแล้วกระดกมันรวดเดียวหมด แบคฮยอนได้แต่ยืนมองนิ่งๆ ท่าทางรุ่นพี่คนนี้ของเขาคงจะหิวน้ำมากจริงๆ
“เดี๋ยวขวดพี่ทิ้งให้ละกัน เรากลับหอไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้หนักแน่ๆ”
“โอเค งั้นผมไปแล้วนะครับ ขอบคุณสำหรับวันนี้มากๆนะพี่”
“บ้ายบายไอ้ตัวเล็ก”
ไม่รู้ว่าคนเฟรนลี่เขาเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยรึเปล่า คริสยีหัวเขาไปหนึ่งที ก่อนที่ฝ่ามือเรียวยาวจะยกขึ้นโบกบ้ายบาย รอยยิ้มมีสเน่ห์แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา แบคฮยอนโค้งให้แทนที่จะเป็นการโบกมือตามแบบฉบับคนตะวันตก เด็กหนุ่มถอนหายใจพรืด อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้คุยกับปาร์คชานยอลตั้งสามประโยคแน่ะ
✞
ม่านใสเคลื่อนปรับโฟกัสตามภาพในจอมือถือขนาดเล็ก สองหูยัดหูฟังใส่เอาไว้เป็นการตัดขาดจากโลกภายนอก เรือนกายผอมนอนหงายทอดตัวไปตามความยาวของโซฟา มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้ให้พอดีกับสายตา ส่วนมืออีกข้างรองศีรษะตัวเองเอาไว้
ลีกเอ็นบีเอดูไม่ยากสักเท่าไหร่ สนามไม่ได้จัดว่ากว้างเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดตัวของผู้เล่น แถมเกมส์พวกนี้ยังไวและมันส์กว่าเกมส์ทั่วไปแม้จะไม่ได้ดูแบบสดๆ ม่านกลมจ้องมองลูกสีส้มที่ถูกผู้เล่นผิวคล้ำชาวอเมริกันแย่งกันไปมาภายในสนาม แบคฮยอนเก็บเทคนิคต่างๆจากคลิปเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ลุ้นตามผู้เล่นในทีม
“ตัวเอง .. ไปดูหนังกับกูหน่อย”
อยู่ๆร่างหนักๆของใครคนหนึ่งก็ทิ้งตัวนั่งลงบนหน้าท้องแบนราบ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเซฮุนรูมเมทของเขา แบคฮยอนเบ้หน้า รู้สึกจุกนิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ละความสนใจไปจากหน้าจอโทรศัพท์
“ไม่ไป มึงเห็นไหมกูกำลังศึกษายุทธวิธีในการรบอยู่”
“มึงไม่ไปแล้วกูจะไปกับคราย กูไม่มีเพื่อนคบแล้วนอกจากมึงนะ ไปดูกับกูเถอะ ไม่งั้นกูจะนั่งอยู่อย่างงี้”
“ไอสัดฮุน ลุกไปเลย ตัวมึงเล็กกว่ากูซะที่ไหน”
ว่าแล้วก็ตีก้นเพื่อนสนิทตัวเองแรงๆสองสามที ตอนนี้เขาชักจะหายใจไม่ออกซะแล้วสิ
“พี่แบคสนใจแต่บาส ไม่สนใจน้องฮุนเลย”
ทำเสียงงอแงงุ้งงิ้งไม่เข้ากับขนาดตัว โอเซฮุนกำลังดิ้นไปมาบนท้องของเขา แบคฮยอนถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นนั่ง หัวทุยๆของเขายังสูงไม่ถึงอกของเซฮุนเลยด้วยซ้ำ
“เออ ไปก็ได้ค่า”
“กู้ด ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยไวๆ ชุดมึงทุเรศมากๆ”
ต้องตอบตกลงถึงจะยอมลุกออกไป รูมเมทตัวขาวหันมามองเขาหัวจรดเท้าพร้อมกับใบหน้าเหยเก แบคฮยอนขมวดคิ้ว .. ไม่เห็นว่าเสื้อทีมบาสแอลเอเลเกอร์สสีม่วงเหลืองกับกางเกงบ็อกเซอร์มันจะทุเรศตรงไหน
“ถ้ามึงสงสารกู ช่วยไปเปลี่ยนเสื้อหน่อยได้ไหม”
หันไปถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ วันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัยคนเยอะเป็นพิเศษ โอเซฮุนกวาดตามองไปโดยรอบด้วยสีหน้าประหลาด ในขณะที่แบคฮยอนกำลังก้มลงมองชุดตัวเองด้วยความสงสัย .. นี่เขาก็อุตส่าห์เปลี่ยนใส่กางเกงยีนส์มาแล้วนะ
“เอาหน่า เดี๋ยวห้าโมงกูต้องกลับไปซ้อมแล้ว ขี้เกียจถอดๆใส่ๆ”
ถ้าความสูงไล่เลี่ยกันเขาคงกอดคอเซฮุนไปแล้ว ทั้งคู่เดินเถียงกันไปตลอดทางระหว่างเดินไปซื้อตั๋วหนัง มองเผินๆเหมือนคุณพ่อพาลูกมาเดินเที่ยวห้างยังไงอย่างงั้น เซฮุนอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสามส่วนและกางเกงยีนส์ขาดๆตามสไตล์ ในขณะที่แบคฮยอนสวมเพียงเสื้อบาสตัวหลวมโคร่งตัวเดิมกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆเท่านั้น ในกระเป๋าสะพายบรรจุขวดน้ำ ผ้าเช็ดหน้าและกางเกงผ้าไนล่อนสำหรับเปลี่ยนตอนซ้อมกีฬา
โปรแกรมหนังวันนี้ค่อนข้างน่าสนใจ แบคฮยอนยืนกอดอกดูโปสเตอร์หนังที่กำลังจะเข้าฉายในขณะที่รอเพื่อนไปซื้อตั๋ว คนมากมายเดินกันขวักไขว่ ร่างเล็กๆกลายเป็นส่วนหนึ่งในหมู่ผู้คน แต่กลับกลายเป็นจุดสนใจของใครคนหนึ่ง
หนังเรื่องนี้กินเวลาไปเกือบสามชั่วโมงถ้านับรวมตัวอย่างหนัง แบคฮยอนเดินตามเซฮุนออกมาจากโรง ทั้งคู่เดินคุยเรื่องหนังอย่างออกรสไปตลอดทาง กระทั่งเดินออกมาด้านนอก กระเป๋าสะพายของคนตัวเล็กจะถูกส่งให้เพื่อนตัวขาว ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
จัดการทำธุระส่วนตัวแล้วเดินมาล้างมือที่อ่างล้างหน้า ฝ่ามือขาวสะบัดน้ำเล็กน้อย ก่อนก้มดูเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา ฉับพลันม่านกลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ .. ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็น มันเลยเวลาซ้อมมาเกือบชั่วโมงแล้ว
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เด็กหนุ่มรีบคว้ามือเพื่อนสนิทแล้วรุดออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว โบกแท็กซี่ซึ่งราคาแพงแสนแพงแต่ก็ต้องยอมจ่าย การจราจรในช่วงเย็นติดขัดเสียจนน่าหงุดหงิด แบคฮยอนนั่งหน้าเครียดอยู่ที่เบาะหลัง ฝ่ามือชื้นเหงื่อบีบเข้าหากันแน่นด้วยความกังวลใจ วันแรกเขาก็สายซะแล้ว
รถติดอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัย เสียงบีบแตรลั่นไปทั่วทั้งถนน ตัดสินใจกำเงินจำนวนหนึ่งยัดใส่มือเพื่อนสนิท แบคฮยอนเลือกที่จะลงแล้ววิ่งไปแทนที่จะรอให้รถเข้าไปจอดด้านใน ลัดเข้าไปทางสนามกีฬาทั้งๆที่ฝนกำลังตก เสียงหอบหายใจแรงเคล้าไปกับเสียงฝีเท้าย่ำไปตามพื้น กลัวเหลือเกิน กลัวว่าความผิดพลาดครั้งนี้จะตัดโอกาสที่สำคัญที่สุดของเขา
“แฮ่ก!”
โผล่พรวดเข้าไปในยิมด้วยสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว ฝ่ามือขาวเกาะขอบประตูไว้พลางหอบฮักจนตัวโยน สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขา คริส ลู่หาน จงอิน เทา ไม่เว้นแม้แต่ปาร์คชานยอล
“ขอโทษครับ ผมสาย”
โค้งเก้าสิบองศาค้างไว้ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตาที่มองมาอย่างแปลกประหลาด การไม่ตรงเวลาคือสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ ทุกคนฝึกกันต่อ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ชู้ตลูกบาสหรือเคลื่อนที่ใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าจะเก่งมาจากไหนก็ตาม ทุกคนต้องเริ่มใหม่หมด แบคฮยอนยืนมองเพื่อนๆที่เหลือยืนอยู่กับที่และโยนรับลูกไปมา เด็กหนุ่มค่อยๆก้มหน้าก้มตาเดินเอากระเป๋าไปวางแล้วเปลี่ยนกางเกงมันตรงนั้น ตอนนี้เขารู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เห็นปาร์คชานยอลยืนกอดอกอยู่ตรงใต้แป้น แบคฮยอนไม่รู้ว่าควรจะหลบหน้าหรือเข้าไปหาตรงๆ เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ฝ่ามือชื้นเหงื่อและเย็นไปหมด กลัวว่าจะต้องถูกไล่ออกจากชมรมทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ฝึก
“ขอโทษครับรุ่นพี่! ผมจะไม่สายอีก”
แม้ว่าจะรู้สึกหวั่นใจแค่ไหนก็ตาม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากเล็กกลับเสียงดังฟังชัดด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง เด็กหนุ่มก้มค้างไว้อย่างนั้นจนกว่ากัปตันทีมจะตอบอะไรกลับมาบ้าง แผ่นอกบางยังคงกระเพื่อมด้วยแรงหอบ
“นัดซ้อมวันแรกก็สายแล้ว มีข้อแก้ตัวไหม?”
“ไม่มีครับ”
“ดี ไปดูหนังไม่น่าจะใช่ข้ออ้างที่ดีเท่าไหร่”
“!!!”
เงยหน้าขึ้นมาในทันที ม่านกลมกระตุกเล็กน้อยด้วยความตกใจ ปาร์คชานยอลมองมายังเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง หากแต่แฝงอารมณ์บางอย่างไว้ในนั้น และแน่นอนว่าแบคฮยอนไม่มีทางเดาออก ลำคอขาวลอบกลืนน้ำลายหนืดลงไปอย่างฝืดคอ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ารุ่นพี่ชานยอลต้องอยู่ที่นั่นด้วย
“รุ่นพี่อย่าให้ผมออกเลยนะครับ ผมจะไม่สายอีก”
โค้งตัวลงไปอีกครั้ง และหวังว่าจะมีคำตอบอะไรออกมาจากคนตรงหน้านอกจากสายตานิ่งงันที่มองกลับมา ฝ่ามือขาวที่ชื้นเหงื่อกำแน่นด้วยความกังวลใจ ในใจได้แต่ภาวนาขอให้ปาร์คชานยอลให้โอกาสเขา เงียบอยู่นานหลายนาที กระทั่งเสียงทุ้มห้าวยอมเอ่ยออกมา
“วันนี้มึงจะไม่ได้จับบอลเหมือนคนอื่นๆ ไปวิ่งขึ้นลงอัฒจันทร์ รอบยิมนี้ทั้งยิม”
“รับทราบครับ! กี่รอบครับกัปตัน”
เอ่ยตอบด้วยเสียงดังฟังชัดอย่างขยันขันแข็ง รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้รับโอกาส ใบหน้าหวานกวาดมองไปรอบๆยิมขนาดใหญ่เพื่อประเมินแรงตัวเองก่อนจะหันกลับมาถาม อัฒจันทร์มีทั้งหมดสองบล็อกใหญ่ๆ บล็อกละสิบห้าขั้น เท่ากับว่าเขาต้องวิ่งขึ้นลงบันไดทั้งหมดสามสิบขั้น แถมยิมนี้ยังมีคอร์ดบาสอีกสองสนาม .. ใหญ่ไม่ใช่เล่นๆเลย
“จนกว่ากูจะบอกให้พอ”
“รับทราบครับกัปตัน!”
ปาร์คชานยอลเดินเข้าสนามไปแล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ แบคฮยอนถอนหายใจแรงๆเฮือกใหญ่ สะบัดแขนขาและข้อมือเพื่อวอร์มร่างกายก่อนจะออกวิ่ง .. เขาไม่ถูกไล่ออกจากชมรมก็บุญเท่าไหร่
แบคฮยอนวิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ตามองไปที่กลุ่มเพื่อนอีกห้าคนที่กำลังเลี้ยงลูกบอลอยู่ในสนาม
ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่ อย่างน้อยเขาก็มีสิทธิได้เป็นหนึ่งในทีม
วิ่งไปได้แค่สามรอบเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนหยุดการซ้อมชั่วคราว พี่ลู่หานเดินมาตะโกนกลางสนาม ในมือถือกระดาษกับปากกา ก่อนที่ทุกคนจะเดินไปล้อมรุ่นพี่ตัวเล็กไว้ แบคฮยอนที่กำลังวิ่งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอัฒจันทร์หันไปมอง เขาไม่รู้ว่าทุกคนกำลังทำอะไร แต่ตอนนี้เขาจะยังหยุดวิ่งไม่ได้ จนกว่าปาร์คชานยอลจะอนุญาต
สิ้นสุดรอบที่สี่ และกำลังจะขึ้นรอบที่ห้า เหงื่อเม็ดพราวผุดขึ้นตามขมับและลำคอ สองมือกำไว้หลวมๆและแกว่งไปมาบริเวณหน้าอก สองเท้ายังคงวิ่งต่ออย่างไม่รู้จักเหนื่อย เสียงหอบหายใจยังคงดังเป็นจังหวะ ฝ่าเท้าเล็กก้าวสลับซ้ายขวาลงบันไดอย่างคล่องแคล่วและระมัดระวัง มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องวิ่งขึ้นๆลงๆในแต่ละรอบทั้งๆที่มีเก้าอี้บนอัฒจันทร์ขวางไว้อยู่ เด็กหนุ่มเอี้ยวหลบคานเหล็กที่ยื่นออกมาเป็นระยะ ไหนจะสายไฟระโยงรยางค์ที่เชื่อมกับสปอร์ตไลท์อีก อันที่จริงพวกเขาสามารถใช้ไฟของมหาวิทยาลัยจากคัทเอาท์ใหญ่ที่ห้องเครื่องได้ถึงหกโมงเย็น แต่เพราะพวกเขาซ้อมดึกกว่านั้นเลยต้องพึ่งแสงไฟจากสปอร์ตไลท์ที่เชื่อมกับสะพานไฟด้านนอก เสียงขวับ ขวับของลมในขณะที่เอี้ยวตัวไปมาให้อารมณ์น่าหวาดเสียว จากฝ่ามือที่กำอยู่ถูกปล่อยให้เป็นไปอย่างอิสระ แบคฮยอนใช้ข้อมือ ฝ่ามือและลำแขนของตัวเองในการพยุงร่างกายให้ขยับหลบไปมาได้อย่างชำนาญ
สิ้นสุดรอบที่ห้า ทุกคนล้อมวงกินข้าวกล่องที่พี่ลู่หานซื้อมาให้อยู่ริมสนามด้วยความหิวและเหนื่อย หากแต่บยอนแบคฮยอนไม่ใช่หนึ่งในนั้น คริสยืนอยู่หน้าอัฒจันทร์อีกฟาก ป้องปากตะโกนมายังเขา แบคฮยอนส่ายหัว เขายังต้องวิ่งต่อ
ปาร์คชานยอลกำลังมองมาทางนี้ ตอนนี้เองที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกประหม่า ย่างเข้ารอบทีเจ็ด เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาบ้างแล้ว กล้ามเนื้อขาเริ่มจะล้า ม่านกลมทันได้สบกับดวงตาคู่คมเพียงครู่ ก่อนกัปตันทีมจะเป็นคนละสายตาและเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ
สิ้นสุดรอบที่สิบสี่ เวลาทานอาหารหมดลงแล้วนาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งไม่ขาดไม่เกิน สมาชิกลงสนามด้วยความคึกครื้น การซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ทุกคนผ่อนคลายเมื่อรุ่นพี่ลงมาอยู่ในสนามด้วย พวกเขาได้จับลูกแล้ว ในขณะที่แบคฮยอนยังคงวิ่งอยู่บนอัฒจันทร์บล็อกที่สอง ปาร์คชานยอลไม่ได้สนใจเขาแล้ว
เหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงบนพื้นปูน แบคฮยอนเห็นมัน ใช้เพียงแขนอันเปียกชุ่มของตัวเองเช็ดไปตามขมับแม้จะช่วยอะไรไม่ได้มาก ตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะไม่ไหว หัวใจเต้นเร็วแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก หอบหนักจนแทบจะหายใจไม่ทัน ปลายจมูกรั้นสูดเอาอากาศเข้าปอดให้ลึกขึ้นอีก ริมฝีปากที่เริ่มซีดเผยอออกเพื่อช่วยรับเอาออกซิเจนเข้าไป เสียงฝีเท้าของเขาดังไปพร้อมๆกับเสียงลูกบาสที่เด้งกระทบพื้นสนามเบื้องล่าง
“พลั่ก!!”
เขาพลาดแล้ว ขาเท้าเล็กสะดุดเข้ากับสายไฟที่ยื่นออกมาจนเสียหลักล้มคะมำลงไปกับพื้น ฝ่ามือขาวยันไว้กับเก้าอี้บนอัฒจันทร์เพื่อไม่ให้หน้ากระแทกลงไปกับขั้นบันได ไฟทั้งฮอล์ดับพรึ่บ เสียงฝีเท้าและเสียงลูกบาสเด้งกระทบพื้นหยุดลง ทั้งยิมเงียบสนิท .. ได้ยินแต่เสียงหอบหายใจของตัวเอง
“เฮ้! ไอ้ตัวเล็ก! นายโอเคไหม”
“มะ .. ไม่เป็นไรครับ ผมแค่สะดุด”
ได้ยินเสียงคริสตะโกนก้องลั่นไปทั้งฮอล เสียงเล็กตะโกนตอบกลับไปในความมืด เด็กหนุ่มหันรีหันขวางด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าปลั๊กอยู่ตรงไหน แถมตรงนี้มันก็มืดไปหมดจนมองไม่เห็นอะไรเลยแม้กระทั่งเท้าของตัวเอง สองมือบางยันตัวเองขึ้นจากพื้น ร้องซิ๊ดออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บที่หัวเข่า ได้กลิ่นคาวเลือดจางๆลอยแตะจมูก .. รู้สึกว่าเขาจะได้แผลซะแล้ว
ม่านกลมกลอกไปมาท่ามกลางความมืด สองมือคลำไปตามราวเหล็กบนอัฒจันทร์ เขาควรจะกลับไปที่ปลั๊กไฟแล้วเปิดมันซะ หากแต่ตอนนี้เขามองไม่เห็นอะไรเลย ฉับพลันได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ของใครคนหนึ่งช่วยดึงแขนเขาให้ลุกขึ้นยืน ก่อนไฟทั้งฮอล์จะสว่างขึ้น แบคฮยอนรีบหยีตาลงหลบแสงจ้าที่สว่างขึ้นกระทันหัน..
ก่อนจะพบว่าปาร์คชานยอลเป็นคนเปิดแผงไฟที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงห้าเมตร
“ขอบ .. ขอบคุณครับ”
ไม่มีใครอื่นแล้วตรงนี้ นอกจากปาร์คชานยอลกับเขา ทุกคนอยู่ในสนาม แบคฮยอนเอ่ยขอบคุณ ไม่กล้าแม้แต่จะก้มปัดฝุ่นที่หัวเข่าของตัวเอง ไม่มีคำตอบรับใดๆให้กับคำขอบคุณนั้น กัปตันทีมเพียงแค่มองมาตรงนี้ ก่อนจะเดินลงจากอัฒจันทร์ไป
นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มตรง การซ้อมอันทรหดสิ้นสุดลง หากแต่นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น คริสกับลู่หานวิ่งแย่งลูกกันไปมาในสนาม ในขณะที่รุ่นพี่จงอินและเด็กฝึกอีกสี่คนกำลังทยอยกลับ แบคฮยอนยังคงวิ่งอยู่ที่บล็อคแรกของอัฒจันทร์ ปฏิเสธคำเชิญชวนของรุ่นพี่ขี้เล่นทั้งสองที่เอ่ยชวนให้เขาลงมาเล่นด้วยกัน ย่างเข้ารอบที่สามสิบ ท้องของเขาเริ่มร้องประท้วงด้วยความหิวบวกกับความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ เด็กหนุ่มวิ่งช้าลง แต่ยังคงไม่หยุดวิ่ง
“เฮ้ย! พอได้แล้ว กลับบ้านไปนอนได้แล้วไอ้ตัวเล็ก”
เล่นกันจนเหนื่อย คริสรับกระเป๋าเป้ที่ลู่หานโยนมาให้ก่อนจะเหวี่ยงมันขึ้นสะพายไหล่แล้วตะโกนขึ้นมาหา รุ่นพี่ลู่หานยืนอยู่ที่หน้าประตู คล้ายกับว่าจะรอเพื่อนตัวสูงให้กลับหอด้วยกัน ปาร์คชานยอลนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่ที่ริมสนาม ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บใส่กระเป๋า เขาเองก็กำลังจะกลับเช่นกัน
“อีกนิดครับพี่ กลับก่อนเลย ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ!”
ตะโกนบอกรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงขยันขันแข็งทั้งๆที่หอบแฮ่ก อีกนิดเขาคงลงไปกองกับพื้นแน่ แต่ก็ยังอยากจะฝืนวิ่งให้ถึงที่สุด คริสพูดกับเขาอีกสองสามประโยคก่อนโบกมือลาแล้วเดินออกจากยิมไป แบคฮยอนวิ่งลงไปด้านล่าง .. สิ้นสุดรอบที่สามสิบเอ็ด
“วันนี้พอแค่นี้”
“แฮ่ก!”
เหมือนขามันจะหมดแรงไปดื้อๆซะอย่างนั้น สิ้นสุดประโยคคำสั่ง ฝ่าเท้าเล็กเหยียบลงบนพื้นสนาม ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนหงายกับพื้นในทันที สองแขนแผ่ออกพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อย ปวดล้าแขนขาไปหมดจนแทบจะชา ใบหน้าขาวแดงจัด ริมฝีปากสวยแห้งและซีดจนน่ากลัว แผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงหอบ ปาร์คชานยอลลุกขึ้นมามองเขา ร่างสูงโปร่งทอดเงาบังแสงสีส้มจากสปอร์ตไลท์ ใบหน้าหล่อเหลาจ้องกลับมายังร่างเล็กๆที่กำลังนอนแผ่แบบหมดสภาพ
คิ้วเรียวขมวดมุ่น เหมือนเขาจะเหนื่อยจนเห็นภาพหลอน ปาร์คชานยอลกำลังหลุดหัวเราะ..
“ผม.. แฮ่ก! จับ..ลูกบาสได้แล้วใช่มั้ย ..ครับ”
เอ่ยถามออกไปทั้งๆที่ยังคงหอบ จ้องกลับไปที่อีกคนด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าแม้จะรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ การได้เห็นรอยยิ้มจากกัปตันทีมเหมือนกับเป็นรางวัลชิ้นใหญ่ที่ยากเหลือเกินกว่าจะได้มา
“ได้ แต่ไม่ใช่วันนี้”
ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนออกไปจากกรอบสายตาของเขาแล้ว เหลือแต่หลังคายิมอันกว้างใหญ่และแสงสปอร์ตไลท์สีส้มสว่างตา กระเป๋าเป้สีขาวถูกโยนลงบนร่าง เด็กหนุ่มจับมันไว้ ก่อนจะหันไปมองรุ่นพี่ตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“จะกลับได้รึยัง”
“กลับครับ!!”
ยิ้มกว้างจนเห็นริมฝีปากเป็นรูปสี่เหลี่ยม ดวงตาเรียวรีเล็กหยีจนแทบจะปิด เอ่ยตอบเสียงดังฟังชัดลั่นไปทั้งยืม ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนดีดตัวขึ้นมายืนบนพื้นก่อนจะวิ่งตามกัปตันทีมไปอย่างรวดเร็ว
ม่านกลมจับจ้องไปยังแผ่นหลังกว้างตรงหน้าพร้อมกับกำลังใจที่เปี่ยมล้น สองขาเล็กก้าวฉับตามไปอย่างรวดเร็ว มือเรียวกำสายสะพายเป้ไว้แน่น ..
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังยืนอยู่ข้างหลัง
แต่สักวันเขาจะก้าวไปยืนข้างๆปาร์คชานยอลให้ได้!!!
...
“เอ่อ .. พี่ครับ ส่งแค่นี้ก็ได้”
เอ่ยรั้งร่างสูงโปร่งที่เดินนำหน้าเขาเข้าไปในตัวตึก แบคฮยอนเกาคอแก้เก้อ ไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่แสนโหดจะใจดีได้ถึงขนาดนี้ ปาร์คชานยอลหันกลับมามองเขา คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย
“คือ ..ไม่ต้องเข้าไปส่งผมข้างในหรอกครับ ดึกแล้ว พี่ควรจะรีบกลับไปพักผ่อน”
“…”
ไม่มีคำตอบสำหรับประโยคที่บ่งบอกถึงความเกรงใจนั้น ม่านคมจ้องนิ่ง เงียบอยู่นานกว่านาที เล่นเอาแบคฮยอนถึงกับทำหน้าลำบาก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุ่นพี่คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่อยากให้รุ่นพี่ชานยอลต้องมาลำบากเพราะเขาเลย
“ไม่ได้มาส่งมึง นี่หอกู”
พูดเท่านั้นก่อนจะหันหลังกลับและเดินเข้าไปเลย ทิ้งให้แบคฮยอนได้แต่ยืนเอ๋ออยู่อย่างนั้น เหมือนได้ยินเสียงเพล้งดังๆที่ใบหน้า รู้สึกชาไปทั้งแถบเหมือนมีใครเอาถาดมาฟาดแรงๆที่สองข้างแก้ม เด็กหนุ่มจับสายสะพายกระเป๋ายืนนิ่งค้างกลางอากาศ กระพริบตาปริบๆ มองแผ่นหลังกว้างนั้นหายเข้าไปหลังบานประตู
“โอ้ย ไอห่า กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย!”
กายสูงโปร่งก้าวเข้าไปในลิฟต์ หมุนตัวหันกลับแล้วกดชั้นที่ต้องการจะไป เห็นภาพรุ่นน้องตัวเล็กกำลังยืนเขกหัวตัวเองอยู่ไกลๆในมุมมืด ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง เป็นรอบที่สองของวันแล้วที่แบคฮยอนทำให้ริมฝีปากคู่นี้ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
✞
ในช่วงเย็นของวันรุ่งขึ้น แน่นอนว่าต้องเป็นแบคฮยอนที่มาถึงยิมคนแรก เขาถึงก่อนเวลานัดตั้งหนึ่งชั่วโมง เด็กหนุ่มเหวี่ยงเป้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเริ่มยืดเส้นยืดสาย วอร์มร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง เมื่อคืนเขาล้าจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ ปวดขา ปวดหลังไปหมด แถมเมื่อเช้าก็เกือบจะลุกไม่ไหว แต่แค่คิดถึงสีหน้าของปาร์คชานยอลที่มองเขาเมื่อวานก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยล่ะ
เสียงลูกหนังเด้งกระทบพื้นดังก้องไปทั่วทั้งยิม ร่างโปร่งกำลังวิ่งเลี้ยงลูกจากอีกฟากสนามไปที่ใต้แป้น ฉวัดเฉวียนรวดเร็วราวกับสายลม ถึงแม้ว่าอาการปวดตัวจะทำให้เขาช้ามากกว่าเดิมก็ตาม แต่เขาจำเป็นต้องซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อตำแหน่งที่ว่างที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวในทีม เขาจะพลาดไม่ได้
ถึงแม้ปาร์คชานยอลจะเป็นเป้าหมายหลักของเขาก็ตาม
แต่แบคฮยอนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็หลงรักกีฬาบาสเก็ตบอลเข้าเต็มเปา
ก้าวผ่านประตูเข้ามาในยิม ปาร์คชานยอลเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังแว่วออกมาข้างนอก เดาไม่ผิดจริงๆที่เห็นแบคฮยอนอยู่ในนั้น ใบหน้าหล่อเหลาหันมองไปโดยรอบ ไม่มีใครอื่นนอกจากไอ้เด็กเตี้ยนี่คนเดียว แน่นอนว่าทุกคนตรงเวลา แต่หาคนที่มาก่อนเวลาแทบไม่มี
“อ้าว กัปตัน สวัสดียามเย็นครับ!”
ตะโกนข้ามฟากสนามมาทางนี้ มือเรียวเหน็บลูกไว้ข้างเอวแล้วโค้งเก้าสิบองศาให้เขา ปาร์คชานยอลเพียงแค่ปรายตามองแล้วปล่อยให้มันผ่านไป ไม่มีคำทักทายหรือแม้แต่การพยักหน้าตอบรับ ทิ้งให้แบคฮยอนยืนเก้ออยู่อย่างนั้น เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง หรือรุ่นพี่ชานยอลจะโกรธที่เขาแตะบอลโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตกันนะ
“เอ่อ คือ รุ่นพี่ครับ ผม .. จับบอลได้แล้วใช่ไหม”
เห็นปาร์คชานยอลกำลังทำอะไรสักอย่างกับรองเท้าของตัวเองอยู่ ด้วยความที่ไม่ใช่คนชอบหนีปัญหาสักเท่าไหร่ แบคฮยอนจึงเลี่ยงการกดดันโดยการเข้าไปหาในทันที ฝ่ามือขาวถือลูกบอลไว้ในมือ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“กูอนุญาตรึยังล่ะ?”
“ยะ ..ยังครับ”
ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของคนตรงหน้า ปาร์คชานยอลเพียงแค่เงยหน้ามองเขานิ่งๆก่อนจะลุกออกไป แบคฮยอนขมวดคิ้ว งงจนไม่รู้จะงงยังไงแล้ว ทำไมคนๆนี้ถึงได้เข้าถึงยากขนาดนี้กันนะ
“เดี๋ยวก่อน รุ่นพี่ครับ!”
ด้วยความข้องใจทำให้เขาต้องเดินตามกัปตันทีมไปอย่างรวดเร็ว เสียงห้าวตะโกนเรียก ไม่รู้ว่าเขาขาสั้นหรือเพราะชานยอลเดินเร็วเกินไปกันแน่ เห็นหลังไวๆเลี้ยวออกทางประตูกระจกไปแล้ว ไม่รอช้า เด็กหนุ่มรีบวิ่งตามไปในทันที
“รุ่นพี่!”
“อะไร”
“แล้วเมื่อไหร่ผมจะจับบอลได้หรอครับ”
กว่าจะวิ่งตามมาได้ก็เล่นเอาหอบ เด็กหนุ่มเอ่ยถามกับแผ่นหลังกว้างที่กำลังยืนหันหน้าเข้าล็อคเกอร์ มือหนาเปิดตู้ล็อคเกอร์ออกแล้วหยิบของจำนวนหนึ่งออกมา ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาก่อนจะถอดมันออก แบคฮยอนได้แต่ยืนงงในขณะที่รุ่นพี่ของเขากำลังถอดเสื้อผ้าออกจนเกือบหมด
“จนกว่ากูจะอนุญาต”
“แล้ว! .. เอ่อ เมื่อไหร่รุ่นพี่จะอนุญาตครับ”
ตื่นเต้นไปหน่อยก็เลยเสียงดังจนจะกลายเป็นตะคอก อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่ชานยอลเลยสักนิด ฝ่ามือขาวกำแน่น ห้ามตัวเองให้ถอยกลับไปยืนที่เก่า รู้สึกว่ารุ่นพี่กำลังกวนประสาทเขายังไงอย่างงั้น ม่านใสยังคงจ้องไปที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าด้วยความแคลงใจ
“มึงจะดูกูแก้ผ้ามั้ยล่ะ”
“ห๊ะ?”
“ออกไป”
“อะ .. อะไรนะครับ ?”
งงไปหมดแล้ว ปาร์คชานยอลหันกลับมาหาเขาพร้อมกับค่อยๆปลดเข็มขัดออก นั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนงงเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มเริ่มสั่นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวเข้ามาในขณะที่กำลังปลดกระดุมและรูดซิปกางเกงของตัวเอง แบคฮยอนถอยตามเหมือนถูกต้อน กระทั่งจนมุม ร่างเล็กๆเกร็งแน่น ลำคอตั้งตรง พร้อมกับตากลมๆที่เบิกกว้าง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับตู้ล็อคเกอร์อีกด้าน .. ไม่มีทางให้หนีแล้ว
“กูบอกให้ออกไป หรือจะดูกูแก้ผ้าตรงนี้”
“คะ ..ครับ! ออก!.. ออกครับ!”
รีบมุดลอดลำแขนแกร่งที่วางเท้ากับตู้ล็อคเกอร์ออกไปจากห้องในทันที ใบหน้าขาวเริ่มเห่อร้อนและเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อนึกถึงภาพเมื่อกี้ก่อนที่เขาจะออกมา หน้าท้องสีแทนเป็นลอนแน่นและกล้ามอกพอสมน้ำสมเนื้อ แถมกางเกงที่ปลดซิปออกจนเกือบสุดเผยให้เห็นกระดูกเชิงกรานที่โค้งสวยได้รูป ฝ่ามือขาวตีหน้าตัวเองแรงๆหลายๆทีพร้อมกับหลับตาปี๋ .. เขาทำอะไรลงไปเนี่ย
การฝึกซ้อมผ่านไปอย่างรวดเร็วและทรหดตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้เป็นวันแรกที่แบคฮยอนได้จับบอลแบบเคลื่อนที่อย่างจริงๆจังๆหลังจากที่กัปตันทีมอนุญาต ซึ่งมันก็สร้างความกดดันให้แก่เขาไม่น้อย เพราะเพื่อนๆอีกห้าคนซ้อมนำหน้าเขาไปค่อนข้างจะไกลแล้ว มีแต่ก็แต่การฝึกซ้อมงูๆปลาๆของตัวเอง อาศัยเลียนแบบจากคลิปวีดิโอและเทคนิคต่างๆจากในอินเตอร์เน็ต ไม่มีรุ่นพี่คอยฝึกซ้อมให้เหมือนห้าคนนั้น
เสียงปรบมือของพี่ลู่หานเรียกทุกคนมารวมกันที่กลางสนาม บ่งบอกว่าเวลาวอร์มอัพได้หมดลงแล้ว พวกเขาทั้งหกคน รวมทั้งรุ่นพี่ตัวจริงในทีมอีกสี่ถูกแบ่งคละกันออกเป็นสองทีม ทีมละห้าคน นี่จะเป็นการฝึกซ้อมจริงก่อนกีฬาเยาวชนในวันพรุ่งนี้ แบคฮยอนตกใจไม่น้อยที่เห็นชานยอลหงายมือเหมือนกับเขา ทันทีแบ่งทีมกันเสร็จ สมาชิกของทั้งสองทีมก็แยกย้ายไปประจำที่ เหลือแต่ปาร์คชานยอลที่อยู่ทีมของเขา และคริสที่อยู่อีกทีมรอปัดลูกอยู่กลางสนาม แบคฮยอนได้แต่ยืนหันรีหันขวางด้วยความลังเลใจ ไม่รู้ว่าตำแหน่งที่เขายืนมันดีแล้วรึเปล่า
ปิ๊ด!!
สัญญาณนกหวีดดังลั่นสนาม ก่อนลูกหนังสีส้มลูกใหญ่จะถูกโยนขึ้นฟ้า สองร่างกระโดดขึ้นรับ หากแต่ปาร์คชานยอลไวกว่า ฝ่ามือหนาคว้าเอาลูกกลมๆกดลงไปข้างหน้าในทันที แบคฮยอนยืนนิ่งค้างด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าทำไมต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ลูกบอลกำลังมาทางเขา และอีกสองคนของทีมฝั่งตรงข้ามกำลังวิ่งเข้ามา
พรึ่บ!
เลี้ยงลูกไปยังไม่เข้าถึงเขตกะโหลกก็ถูกเทาแย่งไปต่อหน้าต่อตา พวกนั้นไวยิ่งกว่าจรวด มันเร็วจนเขาแทบมองไม่ทัน ปาร์คชานยอลดูจะหัวเสียไม่น้อยที่ทีมของคริสโยนลูกลงห่วงได้ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที การแข่งขันจบไปอย่างรวดเร็วด้วยคะแนนสูสี ทีมของชานยอลเป็นฝ่ายชนะทั้งๆที่แบคฮยอนแทบไม่ได้แตะลูกเลยด้วยซ้ำ ดูก็รู้ว่าปาร์คชานยอลไม่เชื่อในฝีมือของเขา
สี่ทุ่มสิบนาที สมาชิกทุกคนเริ่มทยอยเก็บของกลับด้วยความเหนื่อยล้า ยังเหลือก็แต่แบคฮยอนที่ยังวิ่งเลี้ยงลูกไปมาอยู่ในสนาม ใครเห็นก็คงจะคิดว่าคนอย่างบยอนแบคฮยอนไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย หากแต่ที่จริงแล้วเขาเหนื่อยแทบขาดใจ ลำพังส่วนสูงที่ด้อยกว่าก็เป็นข้อเสียเปรียบพออยู่แล้ว มิหนำซ้ำเขายังฝึกน้อยกว่า แทนที่เขาจะได้มีเวลาฝึกซ้อมเหมือนคนอื่นๆ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขากลับทำได้แค่วอร์มอัพร่างกาย วิ่งไปวิ่งมาเหมือนลูกลิง จับบอลโยนไปมาเหมือนเด็กเล่นขายของ ข้อนี้แบคฮยอนรู้ตัวว่าเขากำลังแย่ ถ้าไม่พิสูจน์ตัวเองหลังจากวันนี้ บางทีเขาอาจจะเป็นคนแรกที่โดนถีบออกไปจากชมรม
“รุ่นพี่ไม่กลับบ้านหรอครับ”
ตะโกนถามคนตัวสูงในขณะที่กำลังกระโดดชู้ตลูกบาสลงห่วง เห็นคริสกำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่ริมสนามอยู่หลายนาทีแล้ว เจ้าของใบหน้าทะเล้นส่ายหัว ก่อนจะเอ่ยปากขอเข้าไปเล่นด้วย ฝ่ามือขาวโยนลูกบาสส่งให้คริสรับในระดับอก จนรุ่นพี่ตัวสูงต้องร้องออกมาด้วยความทึ่ง
“โห นี่จุกเลยนะเนี่ย ตัวแค่นี้แต่แรงเยอะเหมือนกันนะเรา”
“อ่า ถึกล่ะมั้งครับ ฮ่าๆ”
ตอบอีกคนพลางถูจมูกตัวเองเล็กน้อยเป็นการแก้เขิน เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่ทำให้เขามีกำลังใจในการฝึกมากขึ้น แบคฮยอนรับลูกที่คริสโยนกลับมาให้อีกครั้งก่อนจะเลี้ยงลอดขาไปมาอยู่กับที่ คริสตัวสูงกว่าเขามากจนเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆโดยไม่ถูกแย่งลูกไปเสียก่อน
เอี๊ยด!
เสียงยางรองเท้าเสียดสีกับพื้นสนาม แบคฮยอนออกวิ่ง เลี้ยงลูกเข้าทางด้านขวา หมุนตัวหลบด้วยท่าเบสิก นั่นทำให้คนชำนาญเกมอย่างคริสจับทางออกได้ไม่ยาก รุ่นพี่ตัวสูงกางแขนบล็อก แต่กลับผิดคาด แบคฮยอนส่งลูกลอดใต้หว่างขาของเขา เลี้ยงลูกชู้ตลงห่วงไปได้อย่างสวยงาม
ห้าทุ่มเศษ คริสเดินมาส่งแบคฮยอนที่หอพัก ระหว่างทางพวกเขาคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน คริสสอนเทคนิคต่างๆให้เด็กหนุ่มมากขึ้น เทคนิคที่แบคฮยอนเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน พวกเขาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมองคนตัวสูงที่กำลังยิ้มขำ อยากให้กัปตันทีมยิ้มบ่อยๆแบบนี้บ้างจังเลย
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“ครับรุ่นพี่ บ้ายบายครับ”
คริสเล่นหัวเขาอีกแล้ว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่มีหยุดจนแบคฮยอนเริ่มจะแปลกใจ เด็กหนุ่มเพียงแค่โบกมือลาเพียงเท่านั้น คริสโบกมือบ้ายบายเขาไม่หยุด แถมยังเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ รอยยิ้มกว้างนั้นกำลังจะทำให้แบคฮยอนรู้สึกหลอน เขากลัวฟันจังเลย
เที่ยงคืนครึ่ง แบคฮยอนเอาผ้าลงมาซัก แต่แล้วก็ต้องตกใจจนตะกร้าผ้าแทบร่วงลงพื้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ชานยอลอยู่ในห้องซักผ้า ทั้งๆที่เวลานี้มันควรจะไม่มีใครแล้วแท้ๆ เด็กหนุ่มโค้งเล็กน้อย กล่าวทักทายคนที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่บนขอบหน้าต่างก่อนจะเดินเอาผ้าไปใส่ที่เครื่อง ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น วินาทีนี้เขาอยากมีตาหลังอีกสักคู่ จะได้รู้ว่าปาร์คชานยอลกำลังมองเขาอยู่รึเปล่า
“เดี๋ยวขึ้นไปที่ห้องกู”
“ครับ?”
อยู่ดีๆเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แบคฮยอนเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปก่อนจะหันไปหารุ่นพี่ด้วยความสงสัย ปาร์คชานยอลพ่นควันออกช้าๆ ก่อนจะบี้ก้นบุหรี่ลงกับขอบหน้าต่างแล้วกระโดดลงมายืนที่พื้น ร่างสูงเดินไปเอาผ้าของตัวเองที่ซักเสร็จแล้วใส่ตะกร้า ก่อนจะพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง
“ไปทำไมหรอครับ?”
“ไปเอาเสื้อทีม หรือมึงจะแก้ผ้าเล่นก็ได้นะ”
“ผมได้ลงตัวจริงหรอครับ!!”
แทบจะตะโกนลั่นห้องซักผ้าด้วยความดีใจ ม่านกลมเบิกกว้าง หุบยิ้มไม่อยู่ ปาร์คชานยอลเบ้หน้า ใช้ปลายนิ้วก้อยแคะหูอย่างกวนอารมณ์ ดูเหมือนรุ่นพี่คนนี้จะไม่ชอบเสียงดังเอามากๆเลยล่ะ
“ไม่ต้องดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้นหรอก ตัวสำรองก็ต้องใส่”
กัปตันทีมพูดเท่านั้น แบกตะกร้าแล้วเดินออกไปเลย ทิ้งให้แบคฮยอนอยู่กับความผิดหวัง เด็กหนุ่มก้มหน้ามองถุงเท้าหนึ่งข้างที่ตกอยู่ที่พื้น ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแล้ววิ่งตามรุ่นพี่ตัวสูงไป
“โว้ว! เบอร์ห้าหรอครับ ผมชอบเลขห้ามากๆเลย”
แบคฮยอนตาเป็นประกาย หลังจากที่ปาร์คชานยอลส่งเสื้อบาสเกตบอลสีอ่อนให้กับเขา เด็กหนุ่มรับมันมาด้วยมืออันสั่นเทา ตื่นเต้นจนต้องใส่ทับเสื้อนักศึกษามันซะเดี๋ยวนั้น ดูเหมือนว่าเสื้อตัวนี้จะหลวมไปสักหน่อย แบคฮยอนเหมือนเด็กผู้หญิงที่กำลังดีใจเวลาแม่ซื้อชุดกระโปรงให้ใส่ไม่มีผิด
“พรุ่งนี้ผมจะทำให้เต็มที่เลยครับ สัญญาเลย!”
กำปั้นเล็กชูขึ้นระดับศีรษะ ก่อนจะมองหน้ารุ่นพี่ด้วยสายตามุ่งมั่น ปาร์คชานยอลยืนกอดอกพิงประตูห้องของตัวเอง มองแบคฮยอนแบบหัวจรดเท้า กระทั่งเด็กหนุ่มเอ่ยลา โค้งให้เขาอีกทีก่อนจะเดินลากตะกร้าผ้าใบใหญ่กลับไปที่ห้องของตัวเอง แบคฮยอนเหมือนเพนกวิ้นที่กำลังกลิ้งไข่ของตัวเองไปมา เสื้อบาสตัวนั้นยาวแทบจะถึงเข่า ชายหนุ่มหลุดขำ ส่ายหัวไปมาให้กับความตลกนั้น
“เตี้ยเอ้ย”
✞
เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าผู้คนดังลั่นไปทั่วทั้งฮอล ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ ยอมเสียเวลาเข้ามาดูการแข่งขันของว่าที่สมาชิกทีมมหาวิทยาลัยทั้งหกคน ข้างคอร์ดสนามปรากฏร่างของแบคฮยอนและเพื่อนๆกำลังยืนล้อมวงวางแผนกันอยู่ โดยมีชานยอลและคริสคอยทำหน้าที่โค้ชให้ ทุกคนมีใบหน้าที่เคร่งเครียด ด้วยกิตติศัพท์ของทีมเยือนที่อยู่อีกฟากสนามทำให้พวกเขาคิดหนัก นี่เป็นครั้งแรกของการลงสนามจริงในระดับกีฬาเยาวชน ไม่ใช่เกมส์เด็กเล่นเหมือนที่ผ่านมา
“นายอยู่นี่”
ทุกคนประชุมเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องลงสนาม แบคฮยอนเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ลงแข่ง เด็กหนุ่มได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ยืนมองเพื่อนๆตัวสูงอีกห้าคนที่กำลังกระจายตัวกันยืนในแต่ละจุด เขาก็พอจะรู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่าต้องเป็นตัวสำรอง ปาร์คชานยอลไม่อนุญาตให้เขาลงแข่งในนัดนี้ และทุกคนก็ลงความเห็นแล้วว่าเขาคงไม่ได้ช่วยเพิ่มคะแนนให้แก่ทีมเท่าไหร่
ปาร์คชานยอลยืนกอดอกดูเกมอยู่ข้างคอร์ดสนาม ในขณะที่แบคฮยอนกลายเป็นเด็กเสิร์ฟน้ำกับผ้าเย็นไปแล้ว ควอเตอร์แรกหมดลง เด็กหนุ่มวิ่งวุ่นเสิร์ฟน้ำแก้วเล็กๆให้เพื่อนๆ ทุกคนดูเหนื่อยกันมาก คะแนนสูสีจนน่าหวาดเสียว ขืนถ้าไม่เร่งทำคะแนนภายในควอเตอร์ที่สอง บางทีพวกเขาอาจจะพลาดท่า
ตึง ตึง ตึง เอี้ยด พลั่ก!
ทีมเยือนนำพวกเขาอยู่สิบกว่าแต้ม เสียงลูกบาสเด้งกระทบพื้นและเสียงฝีเท้ากว่าสิบคู่ดังอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเสียงพากษ์อันเมามันส์ แต่แล้วจู่ๆหนึ่งในทีมก็พลาดท่าหน้าคะมำลงไป ไม่มีเสียงนกหวีด ไม่มีการหยุดการแข่งขัน ไม่มีการจับฟาวใดๆเพราะไม่มีใครเข้าใกล้จุดนั้นเลย คนเจ็บไม่ยอมลุก ได้แต่นอนกุมเข่าคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น กระทั่งปาร์คชานยอลยกมือขอเวลานอก เพื่อนๆพากันหามคนเจ็บกลับมาพักที่ข้างสนาม พวกเขามีเวลาเพียงหนึ่งนาทีที่จะวางแผนว่าควรจะทำอะไรต่อไป
“โอกาสของมึงแล้ว”
แถบจะเรียกได้ว่าโดนกระชากคอเสื้อ แบคฮยอนเซมาข้างหน้าด้วยแรงดึงจากฝ่ามือหนา ปาร์คชานยอลดูจะหัวเสียไม่น้อยที่เด็กฝึกของเขาทำได้ไม่ดีพอ พวกเขาไม่มีเวลาจะตกลงกันแล้ว สัญญาณเตือนปรากฏขึ้นบนจอ แบคฮยอนวิ่งเข้าไปในสนามอย่างงงๆ เลือกยืนตรงจุดใกล้กับกะโหลกในฝั่งขวาถึงแม้ว่าทีมนั้นจะเล่นเก่งแค่ไหน แต่ด้วยความที่เขาได้แต่นั่งดูอยู่ข้างสนามมาตลอดสองควอเตอร์ แบคฮยอนพอจะจับทางพวกนั้นได้แล้ว
“แฮ่ก!”
เดาทางไม่มีผิด กะอยู่แล้วว่าคนตัวสูงคนนั้นต้องเลี้ยงบอลมาทางขวา คนถนัดซ้ายมักจะมีจุดอ่อนเหมือนๆกันคือใช้มือซ้ายในการส่งบอล ก้าวขวาก่อนเพื่อเลี้ยงบอลสลับกับจังหวะของข้อมือ ในขณะที่ทุกคนถนัดขวาและมักจะเข้าทางปีกซ้าย แบคฮยอนวิ่งสวนไปอีกฝั่ง ตัดบอลจากผู้เล่นคนนั้นได้ภายในชั่วพริบตา เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นจากข้างบนอัฒจันทร์ แบคฮยอนอาศัยความที่ตัวเล็กกว่าและความคล่องแคล่วที่มากกว่าเข้าไปเรย์อัพใต้แป้นได้อย่างสวยงาม ทั้งๆที่ครึ่งเกมก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถเลี้ยงบอลเข้าถึงเขตกระโหลกเลยด้วยซ้ำ
ควับ!
“เฮ!”
เสียงเฮของเหล่านักศึกษาดังลั่นสนาม ตะโกนกู่ร้องออกมาเป็นชื่อมหาวิทยาลัยทั้งๆที่พวกเขายังไม่ได้ถูกฟอร์มขึ้นเป็นทีมอย่างเป็นทางการ อีกฝ่ายส่งลูกที่นอกสนาม แบคฮยอนวิ่งไปตัดบอลมาได้อีกครั้งก่อนจะส่งต่อให้หวงจื่อเทา เกมส์พลิกจากตั้งรับกลายเป็นรุกในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา คะแนนตีตื้นขึ้นเรื่อยๆจนนำไปแบบสูสี แบคฮยอนวิ่งวุ่นไปทั้งสนาม เหนื่อยแทบขาดใจ
ปาร์คชานยอลมองออกไปในสนาม จากที่มัวแต่จ้องอยู่แต่ลูกสีน้ำตาลเข้มนั้นกลับเปลี่ยนโฟกัสไปที่เด็กหนุ่มตัวเล็กที่เพิ่งจะเปลี่ยนตัวลงไปเล่นแทน คิ้วเรียวขมวดมุ่น แอบกำมือด้วยความลุ้น ถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะไม่ค่อยได้ทำคะแนนให้ทีมเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าไม่มีไอ้เด็กนั่น บางทีทีมของเขาอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ก็ได้
ปี๊ด!
เสียงสัญญาณนกหวีดบอกหมดเวลา เสียงเฮดังลั่นสนาม ทีมเหย้าชนะไป76ต่อ71ถึงแม้ชนะมาแบบจะเฉียดฉิว แบคฮยอนร้องลั่น ทรุดลงบนพื้นอย่างหมดแรง เหงื่อเม็ดพราวหยดลงบนพื้น เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าทั้งๆที่ยังหอบหนัก จ้องมองผู้คนที่ลุกปรบมือแสดงความยินดีอยู่บนอัฒจันทร์
“เราทำได้ ไอ้ตัวเล็ก เก่งเหมือนกันนี่หว่า”
เป็นคริสที่วิ่งเข้ามากลางสนาม ฝ่ามือกว้างเอื้อมมาผลักหัวแบคฮยอนจนเซไปข้างหน้า โถมกอดไว้ทั้งตัวแล้วขยี้หัวรุ่นน้องด้วยความดีใจ ร่างเล็กๆสั่นคลอนไปตามแรงเขย่า ทุกคนในทีมเข้ามารุมกันผลักหัวเขาด้วยความเอ็นดู ก่อนพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน กอดคอกันร้องเฮ กระโดดโลดเต้นกันด้วยความยินดี แบคฮยอนยิ้มกว้าง หันกลับไปที่ข้างสนาม เขาต้องตาฝาดแน่ๆเลยที่เห็นกัปตันทีมกำลังมองมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กำลังยิ้ม แต่ถ้าแบคฮยอนไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เขาสัมผัสได้ว่าปาร์คชานยอลกำลังยินดีให้กับชัยชนะของเขา ในที่สุดแบคฮยอนก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้สักที
เช้าวันอาทิตย์ แบคฮยอนเดินถือจานข้าวกับถ้วยน้ำซุปมองหาที่นั่งว่างในโรงอาหาร กระทั่งหันไปป๊ะเข้ากับปาร์คชานยอลที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่ง เด็กหนุ่มไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามในทันที
“ขออนุญาตครับ”
เอ่ยเท่านั้นก่อนจะวางจานข้าวลงบนโต๊ะแล้วสอดตัวเข้าไปนั่ง ใบหน้าหล่อคมเงยขึ้นจากกระดาษปึกหนาในมือ ก่อนจะพบว่าเป็นไอ้เด็กเตี้ยที่ชมรมนั่นเองที่มานั่งกับเขา
“ข้อนี้คำตอบคือ 25 ใช่มั้ยครับ”
นั่งเงียบอยู่นาน กระทั่งเสียงเล็กเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆอยู่เต็มสองข้างแก้ม หลังจากที่เห็นอีกคนเอาแต่ถือปากกาจ้องมันอยู่นานแล้ว ข้าวในจานพร่องไปเพียงครึ่ง ชานยอลเลิกคิ้ว มองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความสงสัย
“นี่ไง พี่เอานี่ดิพนี่ จบ”
นิ้วเล็กๆชี้ไปบนแผ่นกระดาษ แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงงงอยู่ ม่านคมจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นนิ่งๆ ในขณะที่แบคฮยอนก็พยายามรีบเคี้ยวข้าวในปากให้หมด เพื่อที่จะได้อธิบายให้รุ่นพี่ฟัง
“มึงคิดว่ากูฉลาดขนาดนั้นหรอ?”
“โถ่พี่ ไม่ต้องมาถ่อมตัว นี่แคลพื้นฐานนะ”
“…”
ชานยอลเพียงแค่กระพริบตาปริบๆ หน้านิ่งยังไงก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น แบคฮยอนลำสักน้ำซุป แอบเห็นว่ารุ่นพี่ลอบถอนหายใจนิดนึงด้วย
“รุ่นพี่เรียนคณะอะไรหรอครับ”
“วิทย์กีฬา”
“….” แบคฮยอนนิ่ง จริงๆพวกเรียนสายสุขภาพก็น่าจะพอคำนวณได้อยู่นี่นา
“คิดว่าคนอย่างกูจะสอบเข้ามาหรือไง กูยื่นโควต้า ทีนี้จะสอนกูได้หรือยัง”
เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นปาร์คชานยอลทำหน้าโง่เหมือนคนอื่นเขาบ้าง ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ายอมแพ้ แบคฮยอนหัวเราะ ตักข้าวเข้าปากอีกคำก่อนจะรับดินสอจากมือหนามาเขียนวิธีทำลงบนกระดาษ เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าปาร์คชานยอลคนที่สุดแสนจะเพอร์เฟคในสายตาของทุกคนมีอะไรที่ด้อยกว่าเขา ก็แหงล่ะ ไม่มีใครเก่งไปหมดซะทุกเรื่องนี่นา
…
“กูขี้เกียจจะเรียนกับมึงแล้ว”
เสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้น ก่อนจะโยนดินสอในมือทิ้งด้วยความหงุดหงิด กระดาษแผ่นใหญ่เต็มไปด้วยรอยดินสอ ตัวเลขมากมายล้านแปดในชีทมันกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า ไหนจะตัวอักษรภาษาอังกฤษนั่นอีก สรุปว่ามึงใช่วิชาคำนวณแน่หรือเปล่า ทำไมถึงมีตัวอักษรเต็มไปหมดเลย
“อีกสองข้อครับ เสร็จแล้วผมอนุญาตให้พักยาวเลย สู้หน่อยน่า”
“กูจะพักกูต้องขออนุญาตมึงด้วยหรือไง”
เอนหลังพิงเก้าอี้ก่อนจะมองใบหน้าจิ้มลิ้มของรุ่นน้องด้วยท่าทางหาเรื่อง หากแต่แบคฮยอนยังทำใจดีสู้เสือ ฝ่ามือขาวยัดดินสอใส่มือรุ่นพี่อีกครั้ง เอ่ยให้กำลังใจ กว่าอาทิตย์แล้วที่เขามาติวให้ชานยอล กัปตันทีมคงจะเก่งแต่บาสเกตบอล ความรู้ ความสามารถและความอดทนในวิชาเรียนแทบจะไม่มี
“ไม่ต้องหรอกครับ แต่รุ่นพี่จะยอมแพ้ไม่ได้นะ!”
“เออ กูยอม กูเลิก”
“เอ้า!”
ชานยอลตอบเท่านั้น โบกมือแบบขอไปทีก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปเลย ทิ้งให้แบคฮยอนนั่งงงอยู่กับกองชีทที่ห้องล๊อบบี้ใต้หอพัก เด็กหนุ่มก้มลงมองลายมือหวัดๆของอีกคนบนกระดาษ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างปาร์คชานยอลจะไม่มีความอดทนถึงขนาดนี้ แต่แบคฮยอนก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะสอน เด็กหนุ่มหอบชีทไว้เต็มสองแขนแล้วรีบตามขึ้นไปชั้นบนในทันที
ก๊อกๆๆ
“กูไม่เรียน!”
เคาะประตูอยู่นานเจ้าของห้องก็ไม่ยอมมาเปิด ได้ยินเสียงทุ้มห้าวตะโกนตอบกลับมาเพียงเท่านั้น แบคฮยอนวางกองชีทหนักๆลงบนพื้น ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าประตู เขียนวิธีทำกับเฉลยสรุปสั้นๆใส่กระดาษแล้วสอดเข้าไปที่ช่องใต้ประตู กำปั้นเล็กเคาะบานประตูไม้ตรงหน้าอีกครั้ง
ยังไม่อยากเรียนก็ไม่เป็นไรครับ อันนี้คือวิธีทำคร่าวๆกับสรุปเนื้อหาที่ผมทำไว้ให้ ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้นะครับ ถึงรุ่นพี่จะไม่ค่อยฉลาด แต่รุ่นพี่เป็นกัปตันทีมที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยนะครับ ไฟท์ติ้ง!
ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางนี้ พร้อมกับกระดาษที่ถูกอีกฝ่ายหยิบขึ้นไปอ่าน ปาร์คชานยอลขมวดคิ้วให้กับกระดาษแผ่นนั้น ก่อนจะเดินไปหยิบกระดาษกับดินสออันใหม่มาเขียนอะไรยึกยือๆแล้วสอดผ่านช่องใต้ประตูกลับไป
มึงหลอกด่ากู กูไล่มึงออก
แบคฮยอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับลายมือหวัดๆนั้นถึงแม้จะอ่านไม่ค่อยออกก็ตาม ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องยิ้มทั้งๆที่รุ่นพี่ชานยอลอาจจะไล่เขาออกจากชมรมจริงๆก็ได้ เด็กหนุ่มพลิกกระดาษกลับด้าน ก่อนจะเขียนข้อความลงไปแล้วสอดผ่านช่องประตูกลับไปอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมถึงต้องมาเขียนให้มันเปลืองกระดาษเล่นทั้งๆที่จะตะโกนคุยกันก็ได้
ผมไม่ยอมออกหรอกครับ หวังว่าชีทพวกนี้จะช่วยพี่ได้บ้าง พยายามเข้านะครับรุ่นพี่
ส่องตาแมวออกไปด้านนอก แบคฮยอนไม่ได้อยู่หน้าประตูแล้ว ปาร์คชานยอลก้มลงมองกระดาษโน้ตในมืออีกครั้งก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ พักนี้ชักจะยิ้มบ่อยเกินไปแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้มหยิบชีทสรุปบนพื้นขึ้นมาอ่าน เขาจะไม่ยอมให้ไอ้เด็กนั่นมาหัวเราะเขาอีกแน่ๆ
…
“จื่อเทาเตียงล่างซ้ายมือ แบคฮยอนเตียงบน”
ไฟสว่างเหนือเพดานถูกเอื้อมเปิดโดยคริส พร้อมกับเพื่อนๆอีกสี่ห้าคนที่เดินแบกกระเป๋าใบโตเข้ามาจับจองที่นอนภายในห้อง ข้างในเป็นห้องนอนกว้างๆที่มีเตียงสองชั้นวางติดกันอยู่หลายเตียง แบคฮยอนเหวี่ยงเป้ขึ้นไปบนฟูกชั้นบน ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นถูจมูกเล็กน้อยพลางเบ้หน้า ห้องนี้มีแต่กลิ่นอับและฝุ่นเนื่องจากไม่ได้ใช้งานนาน
ไม่มีการแบ่งแยกตัวจริงตัวสำรองใดๆ รุ่นพี่ทั้งสี่คนก็อาศัยอยู่กับพวกเขาในห้องนี้ด้วย ปาร์คชานยอลเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มเดินไปที่เตียงชั้นล่างข้างในสุด เยื้องฝั่งตรงข้ามกับแบคฮยอน เด็กหนุ่มได้แต่นั่งห้อยขาอยู่ข้างบน กัดแอปเปิ้ลเขียวลูกโตในมือพร้อมกับแอบมองรุ่นพี่กำลังจัดข้าวของที่โต๊ะข้างเตียง
การเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมแข่งขันเริ่มขึ้นในวันที่สามของช่วงปิดเทอม พวกเขาต้องอยู่ที่นี่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน โดยในหนึ่งถึงสองอาทิตย์แรกจะเป็นการคัดเลือกตัวจริงเพียงหนึ่งคนเข้าทีม และหนึ่งอาทิตย์สุดท้ายคือการฝึกซ้อมจริงก่อนไปแข่งกับโซลในภาคการศึกษาหน้า แบคฮยอนถอนหายใจ บางทีในหนึ่งอาทิตย์นี้ เขาอาจจะเป็นคนแรกที่ถูกไล่ออก
“เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปเจอกันข้างนอกนะครับน้องๆ”
คริสยังสุภาพเสมอ ชายหนุ่มมักจะพูดจาดีกับทุกคนแม้มันจะดูขนลุกที่ต้องมาพูดคงครับกับรุ่นน้องก็ตาม ฝ่ามือกว้างยกขึ้นโบกทักทายเขา แบคฮยอนยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ทุกคนทยอยออกไป เหลือแต่เขาที่ยังกัดแกนแอปเปิ้ลคาปาก พยายามจะเปลี่ยนเสื้อทั้งๆที่ยังกินไม่เสร็จดีเสียด้วยซ้ำ
“ช้าแบบนี้คงไม่ทันคนอื่นซะละม้าง”
“รุ่นพี่ก็ยังอยู่นี่ครับ”
ได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากคนที่ยืนเปลี่ยนเสื้ออยู่ข้างล่าง ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จ แบคฮยอนกระโดดตุ้บลงมาบนพื้น พอดีกับที่กัปตันตัวสูงเดินผ่านมาที่เตียงของเขา เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงล้อเลียน แต่แล้วก็ต้องร้องโอ้ยออกมาดังลั่นเมื่อฝ่ามือกว้างของปาร์คชานยอลตอกเข้าให้เต็มๆที่แกนแอปเปิ้ลที่เขายังคาบไว้อยู่ด้วยความหมั่นไส้
“โอ้ะ!”
“สมน้ำหน้ามึง”
คนตัวสูงหลุดหัวเราะ เห็นหยดเลือดเล็กๆไหลซิบที่มุมปากรุ่นน้องแล้วก็นึกสะใจ แบคฮยอนคายแกนแอปเปิ้ลที่ชุ่มไปด้วยเลือดออกมาขว้างใส่แผ่นหลังกว้างนั้นเต็มๆ ได้แต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่อย่างนั้นด้วยความที่ตอบโต้อะไรไม่ได้ โทษของการพูดจากวนตีนคนอย่างปาร์คชานยอลนี่ถึงกับปากแตกเลยหรือไงกัน
“เก็บไปทิ้งด้วยล่ะ”
ไม่แม้แต่จะร้องเจ็บหรือสะทกสะท้านใดๆ ปาร์คชานยอลเพียงหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยบอกเรียบๆแล้วเดินจากไป แบคฮยอนจิ๊ปาก เดินย้อนกลับไปที่เตียงของรุ่นพี่แล้วต่อยลงบนหมอนใบโตอย่างแรงจนฝุ่นฟุ้งไปหมด ลงกับเจ้าตัวไม่ได้ ก็มาลงกับหมอนมันละกัน ฮึ่ย!
“แปดสิบเก้า เก้าสิบ เก้าสิบเอ็ด เก้าสิบ.. แฮ่ก”
“เร็วๆจ้าเด็กๆ จะได้ลงมาเล่นน้ำกันน้า”
ม่านกลมเห็นภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆสีขาว สลับกับพวกรุ่นพี่ที่กำลังโยนบอลเล่นไปมาในสระว่ายน้ำอย่างสนุกสนานในขณะที่เขากำลังนับเลข เด็กหนุ่มอยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้น กล้ามท้องที่มีอยู่น้อยนิดกำลังแข็งเกร็งเพราะกำลังเข้าสู่การซิทอัพเป็นครั้งที่ร้อย ริมฝีปากเล็กหอบแฮ่ก เจ็บหลังจะตายห่าอยู่แล้ว แผ่นหลังเปลือยๆของเขากำลังนาบลงไปกับปูนร้อนๆทุกครั้งที่นอนราบ
“หนึ่งร้อย!”
ถึงหนึ่งร้อยครั้งแล้ว แบคฮยอนรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วโดดลงสระว่ายน้ำทันทีด้วยความร้อน น้ำเย็นๆในสระกำลังทำให้เขาฟินแบบสุดยอด เด็กหนุ่มเอาแต่ดำผุดดำว่ายไปมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถูกรุ่นพี่คริสลากคอกลับไปรวมอยู่กับกลุ่ม
“แปดสิบห้า .. แฮ่ก .. ทำไม ต้องให้มา .. ซิดอัพ ก่อนว่ายน้ำ .. ด้วยครับ”
“จะเล่นกีฬาให้เก่ง ก็ต้องหัดฝึกด้วยวิธีอื่นด้วย”
คนที่ยังซิดอัพไม่ถึงร้อยครั้งก็หน้าดำหน้าแดงกันไป ทั้งร้อนทั้งเจ็บหลัง แบคฮยอนสงสารเพื่อนเหลือเกิน ร่างเล็กจมหายลงไปในน้ำจนโผล่เหลือแค่ตา ได้แต่มองปาร์คชานยอลที่กำลังยืนพิงขอบสระเสยผมอยู่ฝั่งตรงข้าม เซ็กซี่เหลือเกิน กล้ามอกฟิตๆที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมา แถมตอนเปียกก็เท่ห์สุดๆ ผู้ชายคนนี้ชักจะเพอร์เฟคเกินไปแล้ว
“เอาล่ะ ซิทอัพครบทุกคนแล้ว หลังแดงกันเป็นแถบๆเลยดิ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“เหนื่อยครับ!!!!!!!!!!”
“ในสถานการณ์ที่เราขยับร่างกายได้ยาก เคลื่อนไหวไม่คล่องตัว พี่ๆอยากรู้ว่าเราทุกคนจะแก้ปัญหานี้ยังไงบ้าง มีใครว่ายน้ำไม่เป็นรึเปล่า?”
ตะโกนตอบด้วยเสียงอันอ่อนแรง และแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในน้ำเสียงอิดโรยนั้นด้วย เด็กหนุ่มฟังพี่ลู่หานอธิบายกติกาอย่างตั้งใจ แม้ภาพของปาร์คชานยอลที่ลอยตัวอยู่ที่ขอบสระจะคอยดึงสมาธิเขาไปบ้าง แต่ก็ถือว่าแบคฮยอนมีสติพอสมควร ไม่อย่างนั้นน้ำในสระก็คงแดงฉานไปด้วยเลือดกำเดาของเขาแล้วล่ะ
“เกมนี้จะเอาไปพิจารณาการรับเข้าทีมด้วย ขอให้ทุกคนทำให้เต็มที่ กติกาเหมือนเดิม ห้ามเล่นคน ห้ามฆ่ากัน ห้ามกดน้ำ ห้ามเยี่ยวในน้ำ ห้าม .. เออๆ ไอ่เตี้ย ยืนถึงรึเปล่าวะ?”
เป็นรุ่นพี่จงอินที่มาอธิบายขยายความต่อ นิ้วเรียวชูขึ้นไปบนอากาศ บอกกฎทีละข้อ แต่แล้วก็ต้องชะงักไปชั่วคราวเมื่อปาร์คชานยอลเดินเข้ามากระซิบใกล้ๆ ร่างโปร่งพยักหน้า ก่อนจะตะโกนถามเขา
“พยายามอยู่พี่”
แบคฮยอนเขย่งสุดตีน ยืดตัวจนตะคริวจะแดกนิ้วโป้งอยู่แล้ว ถ้ามุดลงไปดูใต้น้ำก็คงจะรู้เลยว่าตอนนี้ท่ายืนเขาเหมือนนักบัลเล่ต์แค่ไหน เด็กหนุ่มตะโกนตอบ ชูนิ้วโป้งขึ้นสุดแขนให้พวกพี่ๆสบายใจ กะอิแค่สระน้ำตื้นๆแค่นี้ ทำอะไรคนเตี้ยอย่างกูไม่ได้หรอกโว้ย!
“โอเค งั้นทุกคนเข้าประจำที่ได้.. เอ้อ แต่ลืมบอกไปอย่างนึง ..”
กัปตันทีมเอ่ย เว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มกริ่มให้เขา
“..พื้นใต้ก้นสระมันระดับสูงต่ำไม่เท่ากันน่ะนะ”
กว่าจะตะเกียกตะกายขึ้นจากสระได้ก็เล่นเอาแทบหมดอากาศหายใจ ถือว่าแบคฮยอนอึดมากที่ไม่เป็นตะคริวไปเสียก่อน เด็กหนุ่มต้องอดทนมากกว่าเพื่อนๆเป็นสองเท่าเพราะไม่รู้เลยว่าตรงไหนที่ว่ายไปแล้วจะยืนไม่ถึง แบคฮยอนหอบร่างไร้สังขารเดินตามเพื่อนๆไปที่โรงอาบน้ำ ฝักบัวติดผนังตั้งเรียงราย ไม่มีแม้แต่ประตูหรือผ้าม่านกั้น ทุกคนยืนหันหน้าเข้าผนัง เงยหน้ารับเอาน้ำสะอาดไร้กลิ่นคลอรีน สบู่และยาสระผมเพียงขวดเดียวถูกใช้เวียนจนครบ
“ไง”
เป็นปาร์คชานยอลที่เดินเข้ามาทีหลังสุด ร่างสูงเปิดฝักบัวอาบน้ำข้างๆคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยถามกลั้วหัวเราะ ผิดคาดที่เห็นว่าไอ้เด็กนี่มีสปิริตมากกว่าที่เขาคิด แบคฮยอนส่งยาสระผมให้รุ่นพี่ทั้งๆที่ไม่ได้หันกลับมามอง เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เหนื่อยครับ”
“ลาออกได้นะ”
“ผมไม่ออกหรอก”
ถูสบู่เสร็จก็โยนให้แบบลวกๆจนปาร์คชานยอลแทบจะรับมันไว้ไม่ทัน นี่ชักจะดูถูกกันมากเกินไปแล้ว แบคฮยอนหันมาแยกเขี้ยวยีฟันใส่รุ่นพี่ตัวสูงก่อนจะเดินห่อไหล่ตัวสั่นออกไปจากห้องอาบน้ำด้วยความหนาว ปาร์คชานยอลหลุดยิ้มพลางส่ายหัวน้อยๆอย่างนึกขัน แอบเห็นริมฝีปากเล็กๆนั่นเขียวซีด แถมตัวก็สั่นเหมือนลูกหมายังไงอย่างงั้น มันน่าแกล้งซะให้เข็ด
สามทุ่มตรง หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นและอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็กลับไปที่ห้องพักด้วยความเพลียกับกิจกรรมที่มีมาตลอดวัน ต่างจากแบคฮยอนที่คว้าลูกบาสคู่ใจวิ่งออกไปที่สนามกลางแจ้งด้านนอก เด็กหนุ่มวอร์มร่างกายแล้วออกวิ่งวนเวียนอยู่ใต้แป้นบาสอันใหญ่อีกครั้ง เสียงลูกหนังกระทบพื้นดังเป็นจังหวะ แบคฮยอนไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในสนาม
“ฟิตตลอดเลยนะ”
“มันไม่ชินน่ะครับ ปกติสี่ทุ่มก็ยังซ้อมกันอยู่เลย”
ในมือของคริสมีเครื่องดื่มชูกำลังสองขวด ขวดนึงถูกเปิดฝาแล้วยื่นให้คนอายุน้อยกว่า แบคฮยอนค้อมตัวรับมันมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ในขณะที่ลูกหนังสีเข้มถูกคนตัวสูงกว่าแย่งไปถือ
“พี่สอนผมได้ไหม ไอ้ท่านั้นน่ะ เท่ห์มากๆเลย”
แบคฮยอนเอ่ย ยืนเท้าเอวมองรุ่นพี่ตัวสูงที่บัดนี้เลี้ยงลูกบาสไปชู้ตลงห่วงได้อย่างสวยงามแม้อีกมือจะกำลังถือขวดน้ำไว้อยู่ คริสหันกลับมายักไหล่ ยักคิ้วน้อยๆ ท่านั้นของเขามักจะใช้เป็นท่าเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาผู้ชม แถมยังใช้หลอกล่อฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชะงัด
“ได้สิ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย”
“อะไรหรอครับ?”
แบคฮยอนปิดฝาขวดน้ำแล้ววางมันไว้บนพื้น ในขณะที่คริสเหน็บลูกบาสไว้ข้างเอว เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ก่อนกระดิกนิ้วเรียกรุ่นน้องคนน่ารักให้เข้าไปใกล้ ใบหน้าหล่อคมก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็ก แบคฮยอนถึงกับขมวดคิ้วให้กับข้อตกลงนั้นเมื่อฟังจบ
“ได้หรือเปล่า?”
“ผมเอ่อ ..ไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่ผมสัญญาว่าจะพยายามให้เต็มที่เลยครับ!”
“ดีมาก งั้นเรามาเริ่มกันเลย”
…
“เอ้าเร็วเข้า ไวหน่อย!”
เป็นรุ่นพี่จงอินที่ยืนโบกมือเหมือนตำรวจจราจรอยู่ข้างสนามบาส ตะโกนเร่งคนที่เหลือให้รีบวอร์มให้เสร็จ วันนี้คนที่เคยผ่านการคัดเลือกรอบหกคนถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อช่วยรุ่นพี่ในทีมฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันในวันมะรืนนี้ โดยจื่อเทาจะได้เล่นแทนตำแหน่งของรุ่นพี่คนก่อนที่เพิ่งจะออกไป แบคฮยอนวิ่งกลับเข้ามาในสนาม เขารู้ดีว่ายังไงเขาก็คงไม่ถูกเลือก
ทุกคนวอร์มร่างกายกันหมดแล้ว ยกเว้นปาร์คชานยอลที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในสนาม แบคฮยอนรู้สึกแปลกใจที่เห็นกัปตันทีมทำอะไรผิดแปลกไปจากคนอื่น ทุกคนแบ่งทีมกันหมดแล้ว ในขณะที่ชานยอลกำลังเดินไปกลางสนามเพื่อรอปัดลูกเหมือนเคยโดยที่ยังไม่ทันจะได้วอร์มเสียด้วยซ้ำ
ทีมหลักของพวกเขาฝีมือดร็อปลงไปมาก อาจจะเป็นเพราะสมาชิกคนเก่าไม่อยู่แล้ว ปาร์คชานยอลดูจะหัวเสียไม่น้อย เสียงทุ้มคอยตะโกนบอกทิศทางให้กับคนอื่นๆตลอด วิ่งวุ่นไปทั่วทั้งสนาม นิ้วเรียวชี้สั่งราวกับจะดำเนินเกมทั้งหมดด้วยตัวเอง
“แฮ่ก!”
คริสได้ลูกไปแล้ว ขายาวๆกำลังก้าวพาลูกเข้าเขตกะโหลก ในขณะที่ชานยอลได้แต่หยุดยืนเท้าฝ่ามือไว้กับเข่าของตัวเอง ก้มหน้าหอบหนักทั้งๆที่ยังไม่หมดควอเตอร์แรกเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าซีดเซียวคล้ายว่าจะหมดแรงได้ทุกเมื่อ แบคฮยอนขมวดคิ้ว หยุดมองด้วยความเป็นห่วงจนไม่ทันได้สังเกตเลยว่าลู่หานกำลังส่งลูกมาให้เขา
ปั้ก!!
ลูกหนังสีเข้มกระแทกเข้าที่ข้างแก้มใสอย่างจังจนถึงกับเซ แบคฮยอนเสียหลักจนเกือบจะล้ม ดีที่คริสเข้ามาพยุงเขาไว้ก่อน เด็กหนุ่มสะบัดหัวเล็กน้อยด้วยความมึน แสบชาไปทั้งหน้าพร้อมกับความรู้สึกคาวเลือดบนริมฝีปาก .. ปากเขาแตกอีกแล้ว
“เฮ้! มีสมาธิหน่อยสิ”
“ขอโทษครับ!”
เสียงตะโกนของลู่หานดังข้ามฟากสนามมาแต่ไกล แบคฮยอนโค้งน้อยๆพลางเอ่ยขอโทษ ยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่ริมฝีปากเล็กน้อยในขณะที่ชานยอลวิ่งเข้ามาแย่งลูกบาสนั้นไปจากมือของเขาแล้ววิ่งตัดไปอีกฝั่ง แบคฮยอนรีบไล่ตามไป ดึงสติตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง
ตึง ตึง ตึง
เสียงลูกบาสกระทบพื้นเป็นจังหวะ สูงเหลือเกิน แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะตัดลูกจากอีกฝ่ายกลับมาได้ยังไงทั้งๆที่เขาเองก็สูงไม่ถึงไหล่ของชานยอลเสียด้วยซ้ำ ม่านคมปรายตามองเขาเพียงเล็กน้อยก่อนจะแกล้งโยนลูกหลอกแล้วเลี้ยงบอลหลบไปทางด้านข้าง แบคฮยอนติดกับเข้าเต็มๆ เด็กหนุ่มก้าวพรวดตามบอลไปทั้งตัว ข้อเท้าเล็กถูกฟาดด้วยแข้งของอีกฝ่ายที่ปราดตัวมาอย่างเร็วจนเสียหลักหงายหลังล้มลงไป
พลั่ก!!
ไม่คิดเหมือนกันว่าแบคฮยอนจะวิ่งเข้าใส่ทั้งตัวแบบนี้ ร่างสูงโปร่งล้มคะมำไปข้างหน้า ฝ่ามือกว้างค้ำยันกับพื้นจนขึ้นข้อเกร็งไปหมดด้วยกลัวว่าจะล้มลงไปทับแบคฮยอนเละไปเสียก่อน หัวกลมๆกระแทกพื้นอย่างแรงจนปวดตื้อไปหมด แบคฮยอนหลับตาปี๋ แค่สิบห้านาทีก็เจ็บหนักไปหมดทั้งตัวแล้ว
“ไหวรึเปล่า!”
ปาร์คชานยอลดูท่าจะตกใจไม่น้อย ไม่รู้ทำไมกัปตันต้องตะคอกเขาด้วย ลมหายใจหอบถี่ของคนด้านบนเป่ารดซอกคอจนมันร้อนวูบไปหมด แบคฮยอนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาถูกชานยอลฉุดให้ลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไหวพี่ ผมไหว”
“ออกไป กูไม่ให้มึงเล่นแล้ว”
แบคฮยอนพยายามพยุงร่างอันโงนเงนของตัวเองให้ยืนได้อย่างปกติ เอ่ยบอกรุ่นพี่ทั้งๆที่ฝ่ามือขาวยังกุมหัวตัวเองไว้อยู่ด้วยความเจ็บ รู้สึกข้องใจไม่น้อยที่จู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายผลักออกนอกสนามไปทั้งๆที่การฝึกซ้อมยังไม่ทันจะจบ เขาอยากจะเอ่ยขอโทษที่ไม่ทันระวัง แต่ชานยอลก็ไม่อยู่รอฟังเขาแล้ว
“แบคฮยอนโว้ย!”
ทุกคนยังอยู่ในเกม ในขณะที่เขาก้าวพ้นสนามออกมาแล้ว แบคฮยอนหันกลับไปตามต้นเสียง เห็นเซฮุนเพื่อนสนิทของเขากำลังยืนโบกมืออยู่ไกลๆ ไม่รอช้า แบคฮยอนรีบเดินไปหาเพื่อนในทันที
“กูชอบพี่เขาว่ะ”
“กูรู้”
“มึงรู้หรอ!”
แทบจะปราดตัวเข้าไปบีบคอเพื่อนสนิททันทีที่พูดจบ แบคฮยอนเหลือกตากว้างก่อนจะหันรีหันขวางด้วยความระแวง โอเซฮุนเพียงแค่ถอนหายใจ นิ้วเรียวแต้มยากดลงบนริมฝีปากเพื่อนตัวเล็กหนักๆให้มันหยุดเสียงดัง
“โอ๊ย! เบาเซ่!”
“ชอบเขามึงก็บอกเขาไปเถอะ ลูกผู้ตุ้ดตัวจริง กระทิงแดง”
แบคฮยอนนอนก่ายหน้าผาก คำนั้นของเพื่อนสนิทยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทุกคนหลับกันหมดแล้ว เสียงกรนแข่งกันดังลั่นไปทั้งห้องจนเขาเองก็ข่มตาหลับไม่ลง เด็กหนุ่มได้แต่พลิกตัวไปมาบนเตียงจนมันลั่นเอี๊ยดอ๊าดเสียงดัง ขืนถ้าคืนนี้เขาไม่ได้นอนล่ะก็ พรุ่งนี้ต้องน็อคคาสนามแน่ๆ
“เย้ย!”
ตะแคงหันไปอีกข้างก็สะดุ้งตกใจจนแทบจะกลิ้งหล่นจากเตียงชั้นบนลงไปกระแทกที่พื้น เด็กหนุ่มคว้าราวเหล็กไว้แน่น เหลือกตากว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้าเมื่อสายตาคู่คมของปาร์คชานยอลมองมานิ่งๆท่ามกลางความมืด ใบหน้าหล่อเหลาแทบจะเสมอกับหน้าเขาเลย แถมเขาเองก็นอนริมอีก ถัดจากตรงนี้ไปก็เป็นกำแพงแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครมายืนมองเขาอยู่แบบนี้ เป็นใครใครจะไม่ตกใจบ้างเล่า!
“อยากจะดิ้นมึงไปดิ้นข้างนอก คนอื่นเขานอนไม่หลับ”
นิ้วเรียวชี้ไปที่ประตู หากแต่เป็นเจ้าตัวเองที่เดินออกไปข้างนอกทั้งๆที่เพิ่งจะไล่เขาเมื่อกี้ แบคฮยอนรีบลุกพรวดขึ้นนั่งอย่างเร็ว มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินออกไปจนหน้าผากกระแทกเข้ากับโคมไฟที่โน้มลงมาจากผนังเต็มๆ แบคฮยอนร้องซิ้ด ลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บก่อนจะรีบปีนลงจากเตียงชั้นบนแล้ววิ่งตามรุ่นพี่ไปในทันที
ไม่รู้ว่าช่วงเวลาตีหนึ่งกว่าๆนี่มันน่าว่ายน้ำตรงไหน ปาร์คชานยอลถึงได้มาแก้ผ้าเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวแล้ววิ่งวอร์มรอบสระว่ายน้ำอยู่แบบนี้ เสียงหอบแฮ่กท่ามกลางความเงียบสนิทชวนให้แบคฮยอนรู้สึกสงสัยแปลกๆ เด็กหนุ่มยืนหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ บางทีถ้าเขาออกไปทักทาย มันจะดูโรคจิตไปหน่อยรึเปล่านะ?
“แฮ่ก!”
นี่มันผิดปกติแล้ว ไม่ใช่แค่หอบ แต่ปาร์คชานยอลกำลังทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับคุ้ยกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่เจ้าตัวสะพายติดมาด้วยอย่างร้อนรน เสียงฮืดฮาดฟึดฟัดจากลำคอหนาทำให้แบคฮยอนตกใจจนลนลานทำอะไรไม่ถูก รีบออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งเข้ามาหาอย่างไวด้วยความเป็นห่วง
“รุ่นพี่! เป็นอะไรครับ! เป็นอะไร!”
ถึงจะวิ่งออกมาแล้ว แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองควรจะทำอะไร แบคฮยอนได้แต่ย่ำเท้าวิ่งวนไปมารอบๆตัวอีกคน นั่นไม่ได้ทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกดีขึ้นมาเลยนอกจากรู้สึกเวียนหัวขึ้นกว่าเก่า จนสุดท้ายก็หาของที่ต้องการในกระเป๋าเจอ ชานยอลรีบฉีดยาพ่นใส่ปาก หายใจลึกจนแทบสำลัก ก่อนจะค่อยๆหายใจออกช้าๆ จนในที่สุดจังหวะการหายใจก็กลับมาเป็นปกติ
“ระ .. รุ่นพี่เป็นหอบหรอครับ!?”
ถามเสียงดังด้วยความตกใจ แบคฮยอนถือวิสาสะเอื้อมมือไปคว้ายาพ่นของอีกฝ่ายมาดูด้วยความสงสัย กะแล้วว่ารุ่นพี่ต้องเป็นอะไรซักอย่างแน่ๆ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าชานยอลที่เป็นถึงกัปตันทีมบาสเก็ตบอลของมหาวิทยาลัยจะเป็นโรคหอบ ถึงว่าเขาไม่เคยเห็นรุ่นพี่วอร์มหนักเหมือนคนอื่นๆเลย แถมพักหลังๆมานี้ยังแสดงอาการแปลกๆ เหนื่อยง่ายทั้งๆที่วิ่งไปไม่กี่รอบสนามเสียด้วยซ้ำ
“ยุ่งน่า”
ฝ่ามือกว้างฉวยเอายาพ่นนั้นคืนจากมือเล็ก ส่งเสียงยานคางด้วยความรำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกแย่เลยซักนิด กลับกันกลับรู้สึกเป็นห่วงรุ่นพี่เสียมากกว่า
“แต่ถ้าผมไม่ตามออกมาแล้วรุ่นพี่เกิดนึกคึกลงไปว่ายน้ำ หายใจไม่ออกตายห่าคาสระขึ้นมาจะทำยังไงล่ะครับ!”
“มึงแช่งกูหรอ”
“ใช่ครับ! เอ้ย! เปล่าครับ คือผมต้องการจะสื่อว่าให้รุ่นพี่ดูแลตัวเอง ไม่หักโหมมากไปกว่านี้ต่างหากเล่า!”
สายตาคมนั้นมองนิ่งอยู่นาน ไม่มีคำตอบใดๆนอกจากเสียงหัวเราะในลำคอ เล่นเอาคนตัวเล็กใจกระตุกเมื่อเห็นรอยยิ้มมีสเน่ห์นั้น ปาร์คชานยอลไม่ได้ว่าอะไร ทั้งคู่ก็เลยไปนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำอยู่ที่ริมขอบสระ คุยกันอย่างสันติอย่างที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำบ่อยเท่าไหร่นัก
“รุ่นพี่เป็นหอบตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ”
“ตั้งแต่เกิดมั้ง ตอนนั้นห้าขวบ แข่งวิ่งที่โรงเรียน หมอบอกว่าถ้าฝึกเยอะๆแล้วก็หมั่นดูแลตัวเองจะหาย แต่มาจนถึงตอนนี้แล้ว มันไม่หายว่ะ”
ม่านคมเหม่อมองไปที่แสงไฟสีส้มจากใต้สระ เล่าเรื่องราวต่างๆที่เขาเองก็ไม่ค่อยได้เล่าให้ใครฟังบ่อยนัก ในขณะที่แบคฮยอนกำลังแกว่งเท้าตีน้ำพลางนั่งฟังไปเงียบๆ รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“มีครั้งนึงที่แข่งเสร็จ กูชักหนักจนต้องหามเข้าโรงบาลเลย เพื่อนสองคนหามตีนกูซ้ายขวา คนนึงหิ้วปีก อีกคนด่าพ่อกูไปตลอดทาง ตอนนั้นกูไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหน้าพ่อแก้วแม่แก้วลอยมาเลย มึงรู้ปะ กูคิดว่าตอนนั้นกูคงจะตายห่าไปแล้ว”
กัปตันทีมพูดไปก็หัวเราะไป ตอนนั้นเขายังจำได้อยู่เลยว่าไอ้ลู่หานเข้ามาเขย่าตัวเขาแรงแค่ไหน ทุกคนยืนมุงกันอย่างสติแตกทั้งๆที่ควรจะแหวกทางออกให้เขาได้พอมีอากาศหายใจบ้าง เขาจะตายเร็วขึ้นก็เพราะพวกมันนี่แหละ
“แต่พี่เป็นหนักถึงขนาดนี้ แล้วทำไมพี่ถึงยังเล่นบาสอยู่ล่ะครับ?”
“ไม่รู้ว่ะ นอกจากบาสแล้วก็ไม่มีอะไรที่คนอย่างกูทำได้ดีอีกเลย มึงก็เห็น บาสเป็นทุกอย่างของกู เป็นสิ่งที่กูชอบ แล้วกูก็มาได้ถึงจุดนี้แล้ว มันมีค่ากับกูมากเลยว่ะ แล้วกูก็คิดว่าถ้ากูตายมันคงไม่รู้สึกเสียดายถ้ากูจะตายเพราะสิ่งที่กูชอบ”
มาจนถึงตอนนี้ จากที่รู้สึกกังวล แบคฮยอนก็ต้องเป็นฝ่ายหัวเราะออกมาบ้าง สองสามเดือนที่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ใกล้ๆ แบคฮยอนรู้เลยว่าบาสเก็ตบอลคือชีวิตของชานยอลจริงๆ เด็กหนุ่มพยักหน้ารัวๆ เห็นด้วยกับทุกคำพูดของรุ่นพี่เมื่อนึกถึงตอนที่เขาสอนแคลคูลัสให้รุ่นพี่ชานยอล แม้กระทั่งต้มมาม่าใส่ไข่ง่ายๆ ปาร์คชานยอลยังทำไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ
“มึงกำลังด่าในใจว่ากูโง่ล่ะสิ”
เป็นครั้งแรกที่ปาร์คชานยอลหันมามองเขาตรงๆด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ยิ้มกว้างโลกสดใสเหมือนใครๆ แต่เพียงมุมปากยักยกน้อยๆ กับแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมก็ทำให้แบคฮยอนใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว ใบหน้าจิ้มลิ้มหลบสายตามีสเน่ห์คู่นั้นก่อนจะก้มลงมองที่เท้าตัวเองอีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวของเขาแล้ว
“จริงๆแล้วผมไม่ได้สนใจบาสเก็ตบอลขนาดนั้นหรอกครับ”
“…”
“มีวันนึง ผมกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารคณะ แล้วก็มีจอทีวีที่ฉายห่าอะไรก็ไม่รู้ซ้ำไปซ้ำมาน่ารำคาญ มันเป็นรายการสัมภาษณ์นักกีฬาของมหาวิทยาลัย มีผู้ชายคนนึง ตัวสูงๆ ใส่เสื้อบาสเก็ตบอลเบอร์สี่ เขาไม่พูดอะไรเลยทั้งๆที่พิธีกรจ่อไมค์ไว้ที่ปาก รายการเริ่มเจื่อนจนสมาชิกคนอื่นๆต้องมาพูดแทน ถึงแม้ว่าเขาจะพูดน้อย แต่เขาเล่นบาสเก่งมากๆเลยล่ะครับ ผมชอบท่านึงของเขามาก ท่าหมุนตัวหลบแล้วสอดลูกใต้หว่างขาไปดั๊งก์ใต้แป้นน่ะ มันเท่ห์มากๆเลย ผมเรียกท่านั้นว่าท่าไฮเออร์ฟอล ประมาณว่าขึ้นไปสูงๆ แล้วก็ตกลงมาอย่างสง่างามน่ะครับ ..”
แปลให้ด้วยเผื่ออีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ เขาไม่ได้คิดว่าปาร์คชานยอลโง่หรอก แต่ถึงจะโง่จริง หน้าโง่ๆนั่นที่อีกฝ่ายกำลังทำก็น่ารักน่าหยิกเสียเหลือเกิน แบคฮยอนแทบจะหุบยิ้มไม่อยู่ในขณะที่กำลังพูด ให้เดาว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลก็คงยังไม่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังหมายถึงตัวเอง ทั้งๆที่เจ้าตัวก็สวมเสื้อทีมเบอร์สี่ไว้อยู่ตลอด สีหน้างงๆที่มองมายังเขาทำให้แบคฮยอนแทบจะหลุดขำออกมา
“เหมือนในการ์ตูนเลย จากนั้นผมก็เริ่มเล่นบาสจริงๆจังๆกับเขาบ้าง หัดดูจากคัทในยูทูปบ้าง ดูถ่ายทอดสดจากในทีวีบ้าง ผมเคยคิดจะเก็บเงินไปดูลีคเอ็นบีเอแบบติดขอบสนามเลยนะ แต่บัตรมันแพงไปหน่อย ผมก็เลยคิดว่าถ้าผมทำงานแล้ว จนถึงตอนนั้นถ้าผมยังชอบบาสเก็ตบอลอยู่ ผมอาจจะบินไปดูถึงที่เลย”
“หมายความว่ามึงไม่ได้สนใจบาสตั้งแต่แรก?”
“ครับ ผมสนใจรุ่นพี่ต่างหาก ที่ผมพยายามทุกอย่างจนถึงจุดนี้เพื่อรุ่นพี่นะครับ!”
พูดออกไปแล้ว ไม่มีติดขัดเลยด้วยซ้ำ แถมสียงยังดังฟังชัดจนแบคฮยอนก็รู้สึกหนวกหูตัวเองชอบกล ใบหน้าจิ้มลิ้มหงอลงเล็กน้อย ส่งสีหน้าแหยๆไปให้อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด รออีกฝ่ายพูดตอบกลับมาด้วยใจระทึก รู้อยู่แล้วว่าต้องถูกปฏิเสธ โอกาสของเขามันน้อยมากเสียจนแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
“เพราะมึงชอบกู มึงเลยทำแบบนี้หรอ มึงเห็นทีมเป็นอะไรวะ!”
แทบจะหน้าคะมำลงไปกับพื้นเมื่อจู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้นยืน สีหน้าของปาร์คชานยอลดูเดือดดาลมากขึ้นเรื่อยๆขัดกับรอยยิ้มอารมณ์ดีเมื่อครู่ เหมือนแบคฮยอนจะเลือกใช้ประโยคอธิบายที่กำกวมไปซักหน่อยจนอีกฝ่ายเข้าใจเขาผิด
“มึงไม่นึกถึงคนอื่นที่เขาอยากจะเล่นจริงๆเลยหรือไง! มึงคิดว่ามึงเก่งแล้วมึงจะทำเหี้ยอะไรก็ได้หรอ! สันดาน!”
“รุ่นพี่ครับ! ฟังผมก่อน มันไม่ใช่แบบนั้น”
“มึงเห็นทีมเป็นอะไร คิดว่าพวกกูเล่นขายของหรอ ทุกคนกำลังจะเลือกมึง ทุกคนไว้ใจมึง มึงเห็นพวกเขาเป็นตัวอะไร มึงเห็นกูเป็นตัวอะไรไอ้แบค!”
ตะคอกใส่หน้าเสียงดังจนคอขึ้นเอ็น แบคฮยอนไม่เคยเห็นปาร์คชานยอลโมโหขนาดนี้มาก่อนเลย เด็กหนุ่มได้แต่ยืนเกร็งทื่ออยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดเพื่ออธิบายให้อีกคนฟังว่าอะไร รุ่นพี่ไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย
“ผมไม่ได้หมายความว่า..”
“มึงไปเลยนะไอห่า! ไปหาทีมเด็กเล่นที่อื่นเล่นเลยไป กูไล่มึงออก คราวนี้กูพูดจริง อย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก”
ยังพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ คนใจร้อนก็ตะคอกกลับมาอีก ฝ่ามือกว้างปล่อยคอเสื้อนั้นให้เป็นอิสระ แต่เหมือนจะผลักแรงไปหน่อยจนแบคฮยอนที่ยืนอยู่ริมขอบสระถึงกับหงายหลังหล่นตู้มลงไปในน้ำ
“แค่ก! โว้ย! ไอ้บ้า!”
แทบจะสำลักน้ำจนหายใจไม่ออก ยังดีที่ตรงนี้เขายังพอยืนถึง ปาร์คชานยอลเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดบ่าก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้แบคฮยอนยืนตัวเปียกอยู่ในสระด้วยความรู้สึกแย่ๆที่ปนเปกันมั่วไปหมด เสียใจก็เสียใจ โกรธก็โกรธ นอกจากโง่แล้วยังจะชอบใช้กำลังอีก นี่เขาชอบคนแบบนี้ไปได้ยังไงวะเนี่ย โอ้ย!
เสียงกร๊องแกร๊งของพวงกุญแจดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ก่อนโอเซฮุนจะเปิดพรวดเข้าไปพร้อมกับร้องว้ากออกมาดังลั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้น่าจะเก็บตัวอยู่ที่หอพักนักกีฬากำลังนั่งโซ้ยมาม่าอยู่กลางห้อง ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นมองทั้งๆที่ยังมีเจ้าเส้นสีเหลืองคาอยู่เต็มปาก
“อะไย”
“ไอห่า ตกใจหมด นึกว่ามึงไม่อยู่ห้องอะดิ ไหงกลับมาเร็วจังวะ”
เซฮุนตอบ วางกระเป๋าเป้และเสื้อคลุมลงบนโต๊ะแล้วลงมานั่งแย่งมาม่าเพื่อนกินที่พื้น แบคฮยอนทำปางห้ามญาติ เคี้ยวเส้นอืดๆในปากแล้วรีบกลืนมันลงไป ยกแขนเสื้อเช็ดคราบน้ำซุปที่เลอะอยู่เต็มปากอย่างลวกๆ
“อย่าถามได้ไหม รู้สึกยังไง อย่าถามว่าชั้น จะคิดยังไงจะอยู่ยังไง ก็โดนเค้าไล่ จะถามกันทำไม ไม่ว่าเธอคิดสงสารหรือเกิดเกรงใจ จะเป็นอะไร ก็เหมือนว่าทำให้ชั้นยิ่งช้ำ.. แดกให้หมดเลยก็ได้ค่ะ ”
และแล้วก็บรรเลงบทเพลงของETCออกมาด้วยเสียงอันไพเราะ แต่โอเซฮุนหาได้ฟังเพื่อนไม่ เด็กหนุ่มเอาช้อนตักน้ำซุปขึ้นมาซดดังซรู้ด แทรกเสียงร่ำไห้ของเพื่อนสนิท กะอยู่แล้วว่าตัวแค่นี้คงเข้าทีมไม่ได้หรอก ไปได้ไกลถึงขนาดนั้นก็บุญเท่าไหร่แล้ว
“แล้วไปสารภาพรักกับกัปตันสุดโหดคนนั้นรึยังวะ”
“สัด! กูเพิ่งบอกว่าอย่าถาม แม่ง ไม่กินแม่งและ มึงกินไปให้หมดเลยนะ แล้วล้างชามมาคว่ำที่เดิมด้วย!”
โครมม!!!
พอจบประโยค คนถูกถามก็แสดงอาการกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจออกมาเสียอย่างนั้น อยู่ดีๆก็ลุกพรวดพราดออกไป แถมก่อนไปยังถีบเก้าอี้จนมันกระเด็นไปติดผนังอีก เล่นเอาเซฮุนถึงกับงงเต๊กไปพักใหญ่ เห็นด้วยนะว่ามันแอบซิ้ดปากเบาๆด้วยความเจ็บ ไอ้นี่มันซึนเดเระจริงๆ
ไม่รู้ว่าพาตัวเองกลับมาที่ยิมที่เคยซ้อมประจำได้ยังไง รู้ตัวอีกทีเขาก็กำลังเข็นกรงลูกบาสหนักๆอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว เสียงเอี๊ยดอ๊าดของล้อขึ้นสนิมที่ถูกลากให้ไปอยู่กลางสนามกำลังดังลั่นไปทั้งยิม แบคฮยอนหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย ปาดเหงื่อตัวเองหนึ่งทีแล้วเขยิบปีนเอาก้นกลมๆขึ้นไปนั่งบนนั้นได้สำเร็จ
“ฮึ่ย! ไอโง่เอ้ย! โง่แล้วยังหูกางอีก!”
สวบ!
ลูกบาสลูกที่หนึ่งลงห่วงไปอย่างสวยงามราวกับจับวางทั้งๆที่อยู่ห่างแป้นเลยเส้นสามแต้มไปอีกด้วยซ้ำ แถมแบคฮยอนก็กำลังนั่งอยู่บนกรง ไม่มีแรงกระโดดนอกจากแรงส่งจากข้อมือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เป็นการระบายอารมณ์ที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่เสียเหลือเกิน
“ใครว่าผมไม่สนใจบาสเก็ตบอลเล่า! ผมแค่สนพี่มากกว่าต่างหาก!”
สวบ!
เอี้ยวตัวหยิบลูกบาสในกรงขึ้นมาชู้ตอีกหนึ่ง ลูกที่สองลงห่วงไปได้แบบพอดิบพอดี ถ้าเขาทำเป็นเล่นเขาจะมาได้ถึงขนาดนี้หรือไงเล่า ไม่งั้นคงตกรอบไปตั้งแต่คัดคนด่านแรกแล้วไม่ใช่หรือไง ซ้อมก็ซ้อมหนักแทบตาย แต่ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นกลับมองไม่เห็นความพยายามของเขาเลย
“ฮึ่ย!”
สวบ!
และอีกหลายสิบลูกที่ชู้ตออกไปรัวๆด้วยความโมโห แต่มันก็ลงห่วงทุกลูกจนแบคฮยอนก็ยังรู้สึกทึ่งในตัวเอง เด็กหนุ่มก้มลงไปหยิบลูกบาสอีกลูกก่อนจะนึกพิเรนทร์พยุงตัวเองให้ยืนบนกรงเหล็กขึ้นสนิม กำลังจะกระโดดชู้ตอยู่แล้วเชียวถ้าไม่เห็นว่าใครกำลังเข้ามาในยิม
“เฮ้ยๆๆๆๆ ไอ้ตัวเล็ก เดี๋ยวก็ล้มเอาหรอก”
เป็นคริสที่ตะโกนห้ามเมื่อเห็นรุ่นน้องยืนกระหืดกระหอบอยู่บนกรงเหล็กอันใหญ่ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน พอตื่นมาอีกวัน แบคฮยอนก็ไม่ได้อยู่ในหอพักแล้ว แถมปาร์คชานยอลหรือคนอื่นๆก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย ให้เดาว่าไอ้กัปตันคงจะเขี่ยไอ้ตัวเล็กของเขาออกแน่ๆ ก็ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะอยู่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
แบคฮยอนไม่ตอบคำ นอกจากส่งยิ้มแหยๆไปให้รุ่นพี่คนขี้เล่น ก่อนจะหันไปโฟกัสกัปตันทีมที่กำลังเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาในสนาม ด้วยความคับแค้นใจ แบคฮยอนก็เลยโยนลูกบาสใส่ปาร์คชานยอลในทันที
ปั้ก!
เสียงลูกหนังกระทบอย่างแรงกับแผ่นอกกว้าง ก่อนจะตามด้วยลูกที่สอง สาม สี่ หากแต่ปาร์คชานยอลก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำอะไร ใบหน้านิ่งเรียบเซ็งกะตายเพียงมองมายังเขา ก่อนจะเดินตรงมาที่กรงเรื่อยๆ หลบลูกบาสที่อีกคนปามาไปได้อย่างเฉียดฉิว
ครืดดดดด
กระทั่งเข้ามาถึงกรง พอดีกับที่ลูกบาสในกรงหมดไม่เหลือให้ปาแล้ว ปาร์คชานยอลลากกรงเหล็กนั้นให้ออกไปนอกสนาม จนแบคฮยอนที่กำลังยืนอยู่ถึงกับต้องนั่งยองๆเกาะลูกกรงแน่นเพราะกลัวจะหงายหลังตก
“กลับไปซะไป”
“ไม่!”
“ตามใจ”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกเรียบๆ เมื่อลากกรงหนักๆนั่นออกจากสนามแล้วก็เดินกลับเข้าไปในสนามเหมือนเดิม ไม่สนใจเสียงของแบคฮยอนที่ตะโกนไล่หลังมาเลยสักนิด คนตัวเล็กเม้มปากแน่น เขากำลังโมโห โมโหความไม่มีเหตุผลและท่าทีที่เฉยชาของปาร์คชานยอล แถมที่ผลักเขาตกน้ำวันนั้นก็ยังไม่ขอโทษเขาเลยซักคำ
คนในทีมเริ่มซ้อมกันแล้ว เสียงลูกบาสกระทบพื้นพร้อมกับพื้นยางรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นสนามไปมา แบคฮยอนได้แต่นั่งหน้าบูดมองพวกนั้นเล่นกันด้วยความเซ็ง มันยุติธรรมแล้วหรือไงที่เตะเขาออกมาเพียงเพราะเรื่องแค่นั้น ก็เขาชอบแล้วมันเกี่ยวอะไรกันเล่า! ทำไมปาร์คชานยอลถึงได้ทำตัวไม่มีเหตุผลขนาดนี้กันนะ
คิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กก็กระโดดตุ้บลงจากกรงเหล็กก่อนจะเดินดุ่มๆเข้าไปในสนาม นั่งลงที่พื้นตรงกลางทั้งๆที่ทุกคนก็กำลังเดินเกมกันอยู่ เสียงควับของลูกบาสที่ถูกปาเฉียดหน้า พร้อมกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆที่วิ่งข้ามหัวเขาไปมานั่นชวนให้รู้สึกหวาดเสียว ถ้าโดนหัวเข่าใครสักคนกระแทกเบ้าก็คงจะน็อคเห็นดาวแน่ๆ แต่แบคฮยอนก็ยังนิ่งกอดอกหน้าบึ้งอยู่อย่างนั้น เขาต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ตัวเอง!
ปั้ก!
“โอ้ะ”
หัวแทบทิ่มเมื่อจู่ๆลูกบาสจากในมือของปาร์คชานยอลก็แหวกอากาศมาโดนหัวของเขาเต็มๆ เล่นเอารุ่นพี่จงอินที่กำลังวิ่งมารับบอลถึงกับหน้าเหวอ ร่างเล็กๆเซจนแทบจะกลิ้งไปกับพื้น ฝ่ามือน้อยยกขึ้นมาลูบหัวตัวเองป้อยๆพร้อมกับหันไปค้อนอีกฝ่ายด้วยความแค้น ปามาขนาดนี้มันกะเอาตายเลยนี่หว่า
ยังไม่ทันจะได้โวยวายอะไร จู่ๆเกมก็หยุดลง ปาร์คชานยอลเดินตรงปรี่มาที่เขา ก่อนจะกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นแล้วออกแรงลากถูลู่กูกังออกไปจากสนามอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนตัวแทบลอยไปตามแรงฉุดกระชากนั้น สองมือทุบลำแขนแกร่งไม่หยุด
“ปล่อยนะโว้ย!”
ลากเข้ามาถึงในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กัปตันขี้หงุดหงิดก็เหวี่ยงตัวเขาปลิวไปติดตู้ล็อคเกอร์ในทันที ฝ่าเท้าหน้าก้าวย่ำเข้ามาเรื่อยๆจนแทบประชิดตัว แบคฮยอนเชิดหน้าอย่างท้าทายแม้จะเกร็งจนตัวแทบหดเหลือสองนิ้วอยู่แล้ว อยากท้าต่อยกันตัวต่อตัวเดี๋ยวนี้ ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะแพ้ก็เถอะ แต่แบคฮยอนอยากเหวี่ยงหมัดใส่หน้าโง่ๆนั้นสักครั้งให้หายหงุดหงิดเหลือเกิน
“ใครสอนให้มึงดื้อแบบนี้”
“ไม่มี! ผมดื้อก็เพราะรุ่นพี่นั่นแหละ!”
ฝ่ามือกว้างวางทาบกับตู้ล็อคเกอร์ก่อนจะก้มลงมาถาม น้ำเสียงเย็นเยียบที่เอื้อนเอ่ยไม่ได้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกหวั่นใจเหมือนครั้งแรกๆที่เจอ กลับกันกลับกล้าที่จะท้าทายอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นเถียงฉอดๆ สองมือกำแน่นด้วยความโมโห
“ดี งั้นเดี๋ยวกูจะสอนมึงเอง”
“เอ๋.. ฮะ เฮ้ย!”
เอ่ยตอบสั้นๆ ก่อนคนตัวสูงกว่าจะเปิดประตูตู้ล็อคเกอร์ออกแล้วจับร่างเล็กๆของรุ่นน้องยัดเข้าไปในนั้นแล้วปิดประตูล็อคไว้จากข้างนอก ความมืดเข้าครอบงำสายตาในทันที แบคฮยอนได้ยินแต่เสียงก๊อกแก๊กของกุญแจในขณะที่สมองยังประมวลผลไม่เสร็จเสียด้วยซ้ำ
“เป็นเด็กดี แล้วเดี๋ยวซ้อมเสร็จจะมาปล่อยละกัน”
“ย้าก! ปล่อยนะโว้ย!”
ปึงๆๆๆ!
ฉับพลันแบคฮยอนได้ทันสบตากับดวงตาคู่คมผ่านทางช่องว่างเล็กๆในตู้ล็อคเกอร์ ปาร์คชานยอลยักคิ้วหลิ่วตาอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะชูกุญแจล็อคเกอร์ในมือให้เขาดู กำปั้นเล็กทุบรัวๆที่ประตูจนมันดังลั่นห้องไปหมด ถ้าขืนชานยอลทิ้งเขาไว้ในนี้ล่ะก็แย่แน่ๆเลย
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เกือบถึงเย็นเลยทีเดียวกว่าการซักซ้อมในวันนี้จะเป็นที่น่าพอใจ ทุกคนแยกย้ายกันกลับหอทีละคนสองคน ในขณะที่ปาร์คชานยอลเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมอะไรบางอย่างไว้ในตู้ล็อคเกอร์ ชายหนุ่มเดินเดาะลูกบาสไปตามทางเดินจนกระทั่งถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูตู้ก่อนจะเปิดออก
ผั้วะ!
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร จู่ๆกำปั้นเล็กก็สวนเข้าหน้าจนมึนไปข้าง ปาร์คชานยอลเซไปด้านหลังด้วยความที่ยังไม่ทันได้ตังตัว หันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่เดินออกมาจากตู้ล็อคเกอร์ แบคฮยอนดูท่าจะหัวเสียไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่ทิ้งให้ผมยืนเกือบสองชั่วโมงเลย! มันเมื่อยนะโว้ย!”
“เออ ขอโทษ ลืม”
เป็นคำขอโทษที่พูดง่ายมากๆ หากแต่ปาร์คชานยอลรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขากะว่าจะขังไว้แค่สิบห้านาทีแล้วเดินมาไขกุญแจให้แต่ก็ลืมซะงั้น ชานยอลยกหลังมือเช็ดปากตัวเองลวกๆ ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วริมฝีปากบวกกับความแสบที่ข้างกระพุงแก้มแถมมาด้วย ไอ้เด็กนี่หมัดหนักไม่เบาเลยจริงๆ
“คิดว่าขอโทษแล้วจะหายหรือไง! เออ หาย! ผมแม่งไม่น่ามาชอบคนแบบรุ่นพี่เลยจริงๆ”
แบคฮยอนตวาดเสียงดังใส่คนตัวสูงกว่าจนคอขึ้นเอ็น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนโง่อย่างกัปตันปาร์คแสดงกริยาใดๆออกมาได้เลย คนตัวเล็กทิ้งใบหน้าบึ้งตึงกับแก้มกลมป่องพองลมอันน่ามันเขี้ยวนั้นไว้ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะปึงปังออกไปในทันที
“เอ่า .. อะไรของมันวะ”
คิ้วเรียวขมวดมุ่น จ้องมองเจ้าของแผ่นหลังบอบบางนั้นเดินพ้นจากประตูห้องไปด้วยความงุนงง ก้มหยิบกระเป๋าสตางค์ของเจ้าตัวที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาเปิดดู หน้าเด๋อๆบนบัตรนักศึกษาของไอ้เด็กนั่นช่างตลกจริงๆ
…
“มึงแน่ใจหรอวะว่าจะไม่ให้ไอ้ตัวเล็กลง”
“อืม”
คริสหย่อนตัวลงนั่งบนอัฒจันทร์ข้างๆ ก่อนจะยื่นขวดน้ำที่ดื่มไปแล้วครึ่งหนึ่งให้อีกฝ่าย ปาร์คชานยอลรับขวดน้ำมาจากเพื่อนสนิท ขานรับในลำคอในขณะที่ทั้งคู่กำลังมองไปที่สนาม เทา ลู่หานและจงอินกำลังเตรียมวอร์มเพื่อลงแข่งรอบก่อนชิงชนะเลิศ
“ทำไมวะ”
“จื่อเทาก็ไม่เลว”
“กูหมายถึงตัวเล็ก ไม่ได้หมายถึงไอ้หน้าเจ๊กนั่น”
คริสเองก็เสียดายแบคฮยอนไม่น้อย แน่นอนว่าทุกคนเห็นตรงกันกับเขาว่าแบคฮยอนเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าจื่อเทาเป็นไหนๆ ถึงไอ้เจ๊กตัวสูงนั่นจะระดับฝีมือเทียบเคียงกันกับพวกเขา แต่สไตล์การเดินเกมก็คนละแบบกันโดยสิ้นเชิง แถมหลายครั้งก็ไม่ยอมเล่นตามเกมที่วางกันไว้ตั้งแต่แรก คริสรู้สึกเหมือนตำแหน่งหนึ่งในทีมขาดหายไป และมีอีกสองคนแย่งกันเล่นในตำแหน่งเดียวกันเพิ่มมาเสียอย่างนั้น
“มึงมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าวะ?”
ไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างเขากับแบคฮยอนในคืนนั้น แม้ปาร์คชานยอลจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทีมบาสอันสุดแสนจะเพอร์เฟคของพวกเขาเริ่มมีช่องโหว่ แต่ในฐานะกัปตันทีม เขาได้ตัดสินใจลงไปแล้วและจะไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด เขาจะไม่ยอมให้ชื่อทีมของเขาต้องมาเสียเพราะความโลเลของไอ้เด็กนั่นแน่ๆ
มีเวลาห้านาทีสำหรับการทวนแผนการเล่นที่วางไว้อีกรอบก่อนลงแข่งขันจริง ปาร์คชานยอลยืนยืดเส้นยืดสายอยู่นอกวง ในขณะที่ลู่หานเป็นคนพูดทวนทั้งหมด ก่อนเสียงสัญญาณจะดังขึ้นเรียกให้ผู้เข้าแข่งขันประจำที่ในสนาม
เป็นเหมือนเช่นเคย ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทีมยอนเซลงแข่งแล้วแบคฮยอนไม่ได้ไปเชียร์เกาะขอบสนาม เด็กหนุ่มนั่งตัวลีบติดผนังอยู่ที่ชั้นบนสุดของอัฒจรรย์ หอบหน้าเซ็งๆของตัวเองและผ้าเชียร์เน่าๆมาตะโกนเย้วๆกับนักศึกษาคนอื่นๆอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก ที่จริงเขาไม่อยากเห็นหน้าปาร์คชานยอลเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงยังไง เขาก็ยังอยากดูการแข่งขันอยู่ดี
เสียงออดดังเป็นสัญญาณประกาศศึก ทันทีที่ลูกแรกจากทีมยอนเซถูกชู้ตลงห่วง เสียงเฮดังก้องลั่นสนามตามมาอีกเช่นเคย คะแนนทีมเหย้านำขึ้นไปในควอเตอร์แรก ก่อนอีกทีมจะตีตื้นขึ้นมาในควอเตอร์ที่สอง ปาร์คชานยอลกำลังนำลูกไปที่เส้นสามแต้ม สองคนในทีมฝั่งตรงข้ามวิ่งตามประกบ ในขณะที่คริสวิ่งไปรอรีบาวด์ใต้แป้น อีกหนึ่งคนกำลังวิ่งมารอตัดลูกเมื่อชานยอลแกล้งทำเป็นจะโยนลูกให้คริส แต่แล้วร่างสูงก็กระโดดก็ชู้ตลูกบาสจากนอกเขตกระโหลกลงห่วงไปได้อย่างสวยงาม
สวบ!
ยอนเซนำอยู่แค่สามแต้ม แต่ดูเหมือนว่าปาร์คชานยอลจะเป็นคนเดียวที่ทำแต้มให้ทีมได้ในช่วงหลัง ในขณะที่จื่อเทา สมาชิกคนล่าสุดที่ทุกคนในทีมคาดหวังไว้ว่าจะเล่นได้ดีตามแผนที่วางไว้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เหลืออีกเพียงสิบนาทีในควอเตอร์สุดท้าย เวลาสองนาทีอันคุ้มค่าถูกใช้ไปกับการรวมหัววางแผนกันใหม่อีกรอบ ปาร์คชานยอลยังยืนยันจะเล่นแผนเดิมแม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะกำลังหอบหนักจนแทบจะวิ่งต่อไม่ไหว เจ้าของเสียงแหบห้าวแหวกวงล้อมเข้ามาสั่งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงบนเก้าอี้ตัวยาว ได้พักไม่ทันไรเสียงนกหวีดเรียกก็ดังขึ้นอีกครั้ง ปาร์คชานยอลลุกขึ้นตาม แต่แล้วก็เซไปด้านข้างจนแทบจะล้ม หัวใจเต้นแรงเหลือเกิน
“!!”
แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าเขาพาตัวเองลงมาจากอัฒจันทร์ชั้นบนสุดตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ลงมายืนเกาะราวเหล็กติดขอบสนามนั่นแล้ว ม่านกลมใสสะท้อนภาพของปาร์คชานยอลที่กำลังยืนหอบรอจ่ายบอลอยู่ริมสนาม ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองไม่หยุด สองมือจับราวเหล็กแน่น คิ้วขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ เขาได้แต่หวังว่าปาร์คชานยอลจะไหวสำหรับศึกนี้
เสียงนกหวีดดังเตือนอีกรอบ ชานยอลเอาแต่เหม่อจนเลยเวลาส่งลูก จื่อเทาก็เลยต้องเป็นคนออกมาส่งแทน ดูท่าทางกัปตันจะหัวเสียไม่น้อยที่อะไรๆก็ไม่เป็นแบบที่ตั้งใจไว้ ร่างสูงรับบอลมาอีกครั้ง เบี่ยงตัวหลบผู้เล่นในทีมฝ่ายตรงข้ามที่วิ่งสวนมา แต่แล้วก็ต้องล้มหน้าคะมำลงไปเมื่ออีกคนก็วิ่งสวนมาอีกด้านเช่นกัน
พลั่ก!
“!!!”
กัปตันทีมยอนเซล้มลงไปนอนงออยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่ถูกเตะเข้าอย่างแรงที่หน้าแข้ง แถมร่างที่ถูกวิ่งกระแทกเข้าใส่ก็ล้มฟาดกับพื้นลงไปอย่างแรงจนระบมไปหมด ม่านคมปิดแน่น หลับตาปี๋พร้อมกับอ้าปากร้องออกมาอย่างไร้เสียง เสียงนกหวีดเป่ายาวดังลั่นสนาม บอลตายในทันที จนถึงตอนนี้ทุกคนเพิ่งเห็นว่าปาร์คชานยอลโดนเล่นเข้าให้แล้ว
แม้ว่าจะโดนฟาวล์ แต่ปาร์คชานยอลก็ไม่สามารถลงเล่นต่อได้แล้ว ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้พวกนั้นคิดจะเล่นสกปรกแบบนี้ ลู่หานพยายามยกมือท้วงในขณะที่กัปตันทีมของเขาถูกหามออกจากสนามไป แต่คริสก็เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน เห็นๆกันอยู่ว่าทีมนั้นตั้งใจจะเล่นคน แต่กลับโดนปรับแค่ฟาวล์ธรรมดา นั่นยิ่งทำให้สมาชิกในทีมโมโหเข้าไปใหญ่
แบคฮยอนกระโดดข้ามราวเหล็กลงมาที่ขอบสนามแล้ว เด็กหนุ่มไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะอ้อมไปลงตรงบันไดเลยด้วยซ้ำ ฝ่ามือขาวหยิบเสื้อบาสเบอร์ห้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเป้ ก่อนจะถอดเสื้อยืดวางสุมไว้แถวๆนั้น เรือนร่างขาวเนียนที่มีมัดกล้ามเล็กๆถูกฉายขึ้นบนจอมอนิเตอร์จอใหญ่ เสียงฮือฮาของคนดูดังลั่นไปทั้งฮอลในขณะที่เจ้าตัวกำลังยืนก้มๆเงยๆเปลี่ยนเสื้อทีมตัวเก่ง
“ถึงจะไม่ได้อยู่ในทีม แต่ผมขอลงแทนได้มั้ยพี่”
เป็นห่วงรุ่นพี่ชานยอลก็เป็นห่วง แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากสิ่งนี้ ไม่รู้ว่าผู้ชายหน้าโง่คนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ปาร์คชานยอลคงถูกหามไปไว้ที่ห้องพยาบาลหรือไม่ก็โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่งใกล้ๆนี้ แล้ว แบคฮยอนโค้งเก้าสิบองศาให้โค้ชก่อนจะเอ่ยถามคริสที่ตอนนี้ทำหน้าที่กัปตันทีมชั่วคราว เขารู้ดีว่ายอนเซไม่มีตัวสำรองแม้แต่คนเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางเสียเวลาคัดคนเข้ามาใหม่แน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็..ช่วยหน่อยละกันนะตัวเล็ก”
“ครับ! ผมจะพยายามให้เต็มที่เลยครับ!”
“โอ้ย ไอห่า เร็วเร้ว! เค้าจะเป่าฟาวล์อีกรอบเพราะมึงเนี่ย!”
เด็กหนุ่มหันไปยิ้มแหยๆให้รุ่นพี่จงอินที่กำลังตะโกนเร่งเขาอยู่กลางสนามก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในสนามทันทีที่คริสอนุญาต เทาถูกเปลี่ยนตัวไปเป็นเซ็นเตอร์ ส่วนแบคฮยอนได้รับหน้าที่ ‘สมอลฟอร์เวิร์ด’ ตำแหน่งเดียวกับที่คัดเข้ามาในตอนแรก
ถึงจะไม่สูงเท่าใครๆ แต่แบคฮยอนตัวเล็ก และแบคฮยอนก็วิ่งเร็ว หลายครั้งที่คนตัวเล็กซึ่งดูไร้ฝีมือในสายตาคนอื่นวิ่งเข้าวิ่งออกตัดลูกแล้วส่งบอลให้คนอื่นๆไปมาทั่วทั้งสนาม อาศัยความอดทนจากการฝึกหนักที่ทำให้เขาไม่รู้สึกเหนื่อยง่ายเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีใครเดาทางของเด็กคนนี้ออกเลยด้วยซ้ำ
สวบ!
ลูกแรกของแบคฮยอนในสนามแข่งขันจริงลงห่วงไปได้อย่างสวยงาม กับท่าเท่ห์ๆที่คริสช่วยฝึกให้เขาเมื่อวันนั้น บวกกับการพลิกแพลงของตัวเองกับท่าที่ดูจากคลิปในยูทูปอีกนิดหน่อย เรียกเสียงกริ๊ดระงมจากสาวๆบนอัฒจันทร์ดังลั่นไปทั้งฮอล แบคฮยอนวิ่งแหกปากไปทั่วสนามราวกับนักบอลพรีเมียร์ลีคที่ทำประตูแรกของฝ่ายตรงข้ามได้ ฝ่ามือขาวกำลังสั่น ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มกว้างจนตาหยี โบกมือบ้ายบายให้เพื่อนๆพี่ๆที่เขาเองก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ ไม่เคยภูมิใจขนาดนี้มาก่อนเลย
พวกเขาไม่มีเวลาวางแผนกันใหม่เลยด้วยซ้ำ คนอื่นๆวิ่งวุ่นไปทั่ว โค้ชก็คอยตามอยู่ข้างสนามติดๆ เวลาการแข่งขันเหลือน้อยลงทุกที รุ่นพี่จงอินกำลังโดนรุมเอาลูกอยู่ที่มุมหนึ่ง แบคฮยอนก็เลยอาศัยร่างเล็กๆของตัวเองวิ่งฝ่าเข้าไปในวงล้อมนั้นด้วย รับลูกจากจงอินแล้วส่งให้พี่ลู่หานวิ่งไปต่อ ในขณะที่คริสกับจื่อเทาก็วิ่งไปรอรีบาวด์ ตั้งแต่นาทีแรกจนถึงตอนนี้สมาชิกในทีมเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงคำว่า ‘ทีมเวิร์ค’ อย่างแท้จริง
ปิ๊ดดดดดดดดดดด
“เฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงสัญญาณดังบอกหมดเวลาการแข่งขัน พอดีกับลูกเรย์อัพของแบคฮยอนที่ลงห่วงไปอย่างเฉียดฉิว เสียงเฮดังลั่นสนามหลังจากที่พบว่ายอนเซชนะการแข่งขันไปด้วยคะแนนที่มากกว่าเพียงห้าคะแนนเท่านั้น แบคฮยอนแหกปากร้องเฮดังลั่นเหมือนกับคนอื่นๆ ดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ภาพที่ทุกคนในทีมกำลังวิ่งเข้ามากอดเขาคงจะเป็นหนึ่งในภาพอันน่าประทับใจที่แบคฮยอนจะเก็บไว้ในอัลบั้มแห่งความทรงจำเลยล่ะ
“เก่งมากๆ ไอเหี้ย! เก่งมากๆ!”
สี่ห้ามือรุมกันทั้งผลักทั้งยีหัวจนหัวกลมๆโยกไปมาไม่หยุด แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิด เซฮุนก็วิ่งลงมาหาเขาด้วย ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบจะครบทุกซี่ ได้แต่ก้มหน้ามองรองเท้าผ้าใบเก่าๆของตัวเองด้วยความดีใจ แค่นึกถึงหน้าเห่ยๆของกัปตันทีมตอนรู้ข่าวว่าทีมตัวเองชนะก็ตื่นเต้นจะแย่แล้ว
ขอบคุณตัวเองที่อดทน ขอบคุณที่พยายามตลอดมาเลยนะ ..
…
ครืดดด
เสียงเปิดประตูห้องเรียกให้คนป่วยที่นอนขาเดี้ยงดูรายการโทรทัศน์อยู่หันกลับไปมองที่ต้นเสียง แบคฮยอนแทรกตัวเข้ามาในห้องพร้อมกับนมถั่วเหลืองขวดใหญ่ในมือ อันที่จริงเขาอยากจะซื้อของเยี่ยมเป็นกระเช้าดีๆมาให้ เพียงแต่เดือนนี้ค่าขนมเขาก็จะหมดแล้ว แถมคนโง่ๆแบบรุ่นพี่ชานยอลก็คงไม่อยากจะกินรังนกหรือซุปไก่สกัดหรอกมั้ง
“ขออนุญาตนะครับ”
“มึงเข้ามาแล้วจะขออนุญาตอีกทำไม”
“ผมไม่ควรมีมารยาทกับคนแบบรุ่นพี่หรอครับ?”
“หายงอนแล้วหรือไง”
คนตัวเล็กเดินเอาขวดนมถั่วเหลืองไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะเอ่ยถาม แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงประเด็นเสียอย่างนั้น แบคฮยอนยักไหล่ ก่อนจะเดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนโต๊ะข้างทีวี เรียกเสียงแค่นหัวเราะในลำคอจากคนที่อยู่บนเตียง
“เมื่อวานไอ้คริสโทรมาบอกกูว่ายอนเซชนะ”
“ครับ”
“บอกว่ามึงลงแทนกูด้วย”
“ครับ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กูจะต้องเป็นคนชวนคุยแบบนี้เนี่ย”
“ขาเป็นยังไงบ้างหรอครับ?”
เบี่ยงกันไปก็เบี่ยงกันมา วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ปาร์คชานยอลพยายามกระถดตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหมอนเพื่อที่จะมองใบหน้าบูดบึ้งของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นชัดๆ .ในขณะที่ไอ้เด็กนั่นก็กำลังนั่งกอดอกมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน
“เป็นอวัยวะ”
“โอเค ถ้าขาเป็นหูแล้วค่อยว่ากันเนอะ งั้นผมไปและ”
“เดี๋ยว..”
ก้นกลมๆกระโดดลงจากโต๊ะ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าจากไป แต่แล้วเสียงทุ้มห้าวก็รั้งเขาไว้เสียก่อน ใบหน้าจิ้มลิ้มโผล่พ้นประตูพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ปาร์คชานยอลเพียงแต่กดรีโมตปิดทีวีแล้วกวักมือเรียกให้เข้าไปหา แบคฮยอนก็เลยต้องจำใจเดินไปที่เตียงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ขอโทษสักคำก็ไม่มี ขอบคุณสักคำก็ไม่มี แม้แต่อาการดีใจที่ทีมของตัวเองชนะก็ยังไม่แสดงออกมาแม้แต่นิด แบบนี้มันน่าเอาลูกบาสทุ่มหัวให้หายทึ่มเลยจริงๆ
“กูยอมแล้ว”
“ยอมอะไรครับ?”
ปาร์คชานยอลกำลังเฉไฉ ใบหน้าหล่อเหลาเบี่ยงหันไปมองนอกหน้าต่างราวกับว่าข้างนอกนั่นมีอะไรน่าสนใจนักหนา ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองบนแล้วหันมาหารุ่นน้องตัวเล็กด้วยสีหน้าที่พยายามจะปั้นให้ดูเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ยอมให้อยู่ในทีมแล้ว”
“…”
“ยอมให้อยู่ในใจด้วย”
“!!!”
“จะเลิกงอนกูได้รึยัง”
แบคฮยอนไม่ได้งอนแล้ว อันที่จริงเขาก็เลิกงอนตั้งแต่เห็นสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวตอนโดนฟาวล์เมื่อวานแล้วด้วยซ้ำ ใบหน้าโง่ๆของปาร์คชานยอลกำลังจะทำให้เขาขำ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาเขิน ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก แบคฮยอนกำลังอึ้ง แบคฮยอนกำลังทึ่ง และแบคฮยอนกำลัง ..
“ขอโท..”
“ผมไม่คิดว่าคนแบบรุ่นพี่จะกล้าพูดอะไรลิเกแบบนี้เลยนะเนี่ย!”
ยังทำซึ้งไม่ทันจบ อยู่ๆเสียงเล็กๆก็สวนพรวดขึ้นมาทำลายบรรยากาศอันเบาบางนั้นซะสิ้น ฝ่ามือขาวตบเข่าดังฉาดพร้อมกับเหลือกตายิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น เล่นเอาปาร์คชานยอลหน้าชาลามไปถึงตีนถ้าเขาไม่ได้กำลังเจ็บขาอยู่ตอนนี้ล่ะก็ เขาจะต้องได้ฤกษ์เตะก้านคอไอ้ลูกหมาแถวนี้แน่นอน
“สรุปว่า รุ่นพี่ก็ชอบผมแล้วเหมือนกันใช่ไหมครับ”
“เออ”
“โอ้ย!”
ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากการพุ่งเข้ามาเขย่าร่างเขารัวๆให้เฝือกอ่อนที่ขาสะเทือนเล่นๆ ปาร์คชานยอลหน้าเบ้ เจ็บจะตายห่าแต่ก็ขำคนตัวเล็กด้วยเหมือนกัน ที่ผ่านมาเขามองแบคฮยอนผิดมาตลอดเลย
“ผมจะพยายามให้เต็มที่เลยครับ!”
“หมายถึงเรื่องบาสหรือเป็นแฟนกูล่ะ?”
เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถาม ยกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างมั่นใจในคำตอบของอีกฝ่าย
“บาสครับ!”
“อะ .. อ้าว”
แบคฮยอนวิ่งออกนอกห้องไปแล้ว คำตอบสั้นๆนั้นของคนตัวเล็กกำลังทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของปาร์คชานยอลแตกละเอียดและร่วงกราวลงกับพื้น ได้ยินเสียงดังเพล้งลั่นเปรี้ยะไปทั่วทั้งใบหน้า คนตัวสูงได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆ มองประตูห้องที่กำลังปิดด้วยความงุนงง ดูเหมือนว่าเขาจะสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยแล้ว
หายไวๆนะครับกัปตัน ผมจะยอมให้อภัยที่ผลักผมตกน้ำแล้วก็ได้
ตอนนั้นจะชอบยังไง ตอนนี้ก็ยังชอบเหมือนเดิมนะครับ
สู้ๆนะครับ ไฟท์ติ้ง!
จากแบคฮยอนหมายเลข 5
ฉับพลันม่านคมเลื่อนไปสะดุดกับโพสอิทสีชมพูแปร๋นบนขวดนมถั่วเหลืองที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะ ลายมือน่ารักๆบนนั้นเหมือนกับในชีทสรุปที่เคยถูกนำมาสอดไว้ที่ช่องใต้ประตูของเขาไม่มีผิด ริมฝีปากหยักระบายยิ้มน้อยๆ เปิดฝากระดกดื่มมันจนหมดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งเมสเสจสั้นๆส่งคืนเจ้าของเดิม
ถึงตอนนั้นจะไม่ชอบ แต่ตอนนี้ชอบแล้วไง
พรุ่งนี้ซื้อนมยี่ห้อเดิมเข้ามาให้แฟนมึงด้วย
จากกัปตันหมายเลข 4
END
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก จบแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! T_T ในที่สุด
เขียนนานมาก รู้สึกจะนานกว่าช็อตฟิคเรื่องก่อนๆที่เขียนมาเลย
ยังไงจอยกันที่แท็ก #Basketballชบ เด้อหล่า ส่องเสมอเมื่อเจอตีน
เจอกันเรื่องหน้าน้า ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดมาเลย รักทุกคนเลยเด้าๆ
สำหรับวันนี้พี่ต้องลาไปก่อน ม้าทีหลัง สวัสดีครับ คะคะเข่อเค๊ wow(ทำเสียงแบบสะเก็ดข่าว)
ความคิดเห็น