ลำดับตอนที่ #99
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #99 : เกาะวัว(2) [100%]
ตอนที่ 99 เกาะวัว(2)
"เกาะวัว!" ซอฮยอนหันขวับมามองผู้พูดจนคอแทบเคล็ด "ตรัสอะไรออกมาเพคะ เกาะวัวอะไรกัน"
"องค์รัชทายาทลีซองแจมอบที่ดินบนเกาะวัวให้ข้า ข้าจึงถือโอกาสนี้เดินไปทางไปพักผ่อนที่นั่น"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหม่อมฉันเล่าเพคะ"
"เจ้าควรได้รับรางวัลนี้ด้วย เพราะคนที่แก้ปัญหาเรื่องทูตคือเจ้า ไม่ใช่ข้า"
"องค์ชาย" ซอฮยอนพยายามดิ้นรนเพื่อลงไปจากหลังม้า "บอกความจริงหม่อมฉันมาเถิดเพคะ ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่"
"ข้าจะไม่พูดตรง--"
"พูดตรงนี้เพคะ หรือว่าก็ไม่ต้องพูดเลย และหม่อมฉันจะกลับวังเดี๋ยวนี้" หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว "ไม่มีเชื้อพระวงศ์คนไหนจะตบรางวัลให้นางในเล็กๆ ด้วยที่ดินหรอกเพคะ"
"เจ้านี่ดื้อแพ่งเสียจริง"
"เช่นนั้นจงบอกความจริงมาเพคะ"
องค์ยิมโฮถอนหายใจออกมายาวเหยียด
"เจ้า... เจ้าถูกใส่ร้าย"
ซอฮยอนเบิกตากว้าง
"ใส่ร้ายเรื่องอะไรกันเพคะ"
"เจ้าไม่เคยเอะใจบ้างเลยหรือ" องค์ชายชะลอม้าลงเมื่อมาถึงสะพานไม้ยาวที่ยื่นไปในทะเลแห่งความมืดเบื้องหน้า "ไม่เคยสงสัยบ้างเลยหรือว่าการกระทำของเจ้าจะไปขัดแข้งขัดขาคนบางกลุ่ม"
ชายในชุดองครักษ์สีดำสองนายเดินออกมาจากความมืด ทั้งคู่ก้มลงคำนับองค์ชายก่อนจะทูลรายงาน
"ทางสะดวกพ่ะย่ะค่ะ ทรงขึ้นเรือได้เลย"
"ฝากดูแลม้าข้าด้วยนะ" องค์ชายตรัสก่อนจะค่อยๆ เหวี่ยงขาลงจากหลังม้า พระองค์หันไปทำท่าจะอุ้มซอฮยอนให้ลงมาด้วยแต่นางปฏิเสธโดยการไถลตัวจากหลังม้าลงมายืนบนพื้นก่อนอย่างมั่นคง ยิมโฮแทกุนเลิกคื้วอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
"การกระทำของหม่อมฉันมันทำไมหรือเพคะ"
"ฟังนะ" องค์ชายพูดพลางส่งม้าให้องครักษ์สองนายจูงออกไป "การสอบต่างๆ ที่เจ้าชนะ หรือแม้แต่เรื่องที่ช่วยเหลือดายองกงจูน้องสาวข้า มีผู้ที่ไม่พอใจเพราะเหมือนถูกชิงความดีความชอบไป แต่เรื่องนั้นมันเรื่องเล็ก เรื่องทูตที่เพิ่งจบไปต่างหากคือเรื่องใหญ่ เจ้าทำลายแผนการที่คนกลุ่มหนึ่งวางไว้เสียยับเยิน"
คิมซังกุง... ซอฮยอนคิดขึ้นมาในใจทันที
"แล้วพระองค์ทราบได้อย่างไรเพคะว่าหม่อมฉันอาจจะตกอยู่ในอันตราย"
"โชคังอินบอกข้าในเรื่องนี้ และข้าก็เชื่อเช่นนั้นเพราะคนในวังมักหายไปอย่างเป็นปริศนาเสมอยามขัดกับผลประโยชน์ของคนในราชสำนัก และมันก็เป็นจริงเสียด้วย"
"เกิดอะไรขึ้นเพคะ" ซอฮยอนถามต่อด้วยเสียงกระซิบ
"เช้าวันนี้เจ้าได้เดินส่งจดหมายไปที่ตำหนักพระสนมมินซูพินรึไม่"
"ส่งเพคะ เชวซังกุงเป็นคนมอบหมายงาน"
"จดหมายที่เจ้าส่งเป็นจดหมายอวยพร แต่ถูกบางคนสับเปลี่ยนเป็นจดหมายสาปแช่งแทน ลีซังกุงที่ประจำตำหนักพระสนมจึงนิดว่าเจ้าจงใจเขียนลบหลู่พระสนมจึงมาสืบสาวราวเรื่องกับเชวซังกุงและใต้เท้าทุนยองนัม ดีที่โชคังอินไปได้ยินเข้า"
"จดหมายสาปแช่งอะไรกัน! ข้าไม่ได้ทำนะเพคะ!" ซอฮยอนร้องเสียงหลง
"ข้ารู้ คนอื่นๆ ก็รู้เหมือนกัน"
"เช่นนั้นได้โปรดพาหม่อมฉันกลับไปวังก่อนเร็วเข้าเพคะ หม่อมฉันจะไปแก้ข้อกล่าวหาอันเลื่อยลอยนี้เอง"
"ไม่ได้"
"องค์ชาย!"
"เจ้าทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละตอนนี้"
"หม่อมฉันถูกใส่ร้ายนะเพคะ!"
"ก็เพราะว่าเจ้าถูกใส่ร้ายอย่างไรเล่าถึงกลับไปไม่ได้"
ซอฮยอนตกตะลึง
"คิดหน่อยสิซอฮยอน เจ้าไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ในการยืนยันความบริสุทธิ์ คืนนี้ลีซังกุงก็พาฝ่ายตรวจการบุกห้องเขียนหนังสืออย่างไม่ได้บอกกล่าวกันเลย โชคดีที่เจ้าไปแช่กระดาษอยู่พอดีในตอนนั้น และถ้าหากข้าไปช่วยเจ้าช้ากว่านี้ ป่านนี้เจ้าถูกปลดออกจากนางในแล้ว เจ้าคิดหรือว่าบากหน้ากลับวังไปตอนนี้จะปลอดภัย"
ซอฮยอนนึกถึงเมื่อหัวค่ำที่ตนกำลังจัดการแช่กระดาษลงในอ่างปูน ใช่ นางจำได้แล้ว ชั่วเสี้ยวเวลาก่อนที่องค์ชายจะปรากฏตัวบนหลังม้า นางรู้สึกเหมือนมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาพอดี คงจะเป็นพวกซังกุงตรวจการแน่นอน
"โชคังอินได้ข่าวจึงรีบมาแจ้งข้า ตอนนั้นข้ากำลังออกจากวังไปเกาะวัวแล้ว แต่ข้าทิ้ง--" องค์ชายชะงักนิดหนึ่งก่อนจะรีบเปลี่ยนคำพูด "แต่ข้าคิดว่าจะเป็นการแย่นักหากปล่อยให้เจ้าถูกใส่ความโดยที่ข้าไปเสวยสุขอยู่นอกวัง"
"แต่หม่อมฉันออกมาจากวังแบบนี้ก็ผิดกฎและอาจถูกขับออกจากวังได้เหมือนกันนะเพคะ เรื่องที่ถูกใส่ร้ายข้าทำตัวเหมือนหนีปัญหา ทำแบบนี้จะไม่ยิ่งแย่หรือ"
"ข้าบอกเรื่องราวทุกอย่างลงจดหมายให้โชคังอินนำไปส่งเชวซังกุงแล้ว ป่านนี้นางคงรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว"
"อะไรนะเพคะ!"
"แล้วคนฉลาดอย่างนาง คงหาทางกับใต้เท้ามุนช่วยพูดแก้ตัวแทนเจ้าเพื่อถ่วงเวลารอเจ้ากลับวังไปแก้ตัวได้อยู่แล้ว การออกมาจากวังคราวนี้จึงไม่ผิดกฎอะไรสักนิด"
"นั่นมัน..." ซอฮยอนเสียงสั่นระริก
"เป็นการหลอกลวง ใช่ มันก็จริงอยู่" องค์ชายยิมโฮพูด "แต่เราไม่มีทางเลือก ทว่าสิ่งที่ทำก็ไม่ได้เดือดร้อนใครมิใช่หรือ"
"เพคะ" ซอฮยอนพูดพลางซุกหน้าลงกับฝ่ามือ "แต่ถ้าพวกคนที่ใส่ร้ายหม่อมฉันจัดการปลดหม่อมฉันทั้งๆ ที่ยังไม่กลับไปเล่าเพคะ"
"ข้าว่าเชวซังกุงกับใต้เท้ามุนยองนัมคงไม่อยากเสียศิษย์เอกของพวกเขาไปหรอก อย่างไรก็ต้องขัดขวางเต็มกำลัง"
องค์ชายยิมโฮเดินนำหญิงสาวไปสู่สะพานไม้ที่นำไปสู่ท่าเรือซึ่งไร้ผู้คน ซอฮยอนเดินเงียบๆ ตามไปอย่างรู้สึกวิตกกังวล นางเคยคิดว่าด้วยความสามารถของนางนั้นอาจจะเอาความร้ายของคิมซังกุงอยู่ แต่ผิดถนัด ครั้งนี้เห็นได้ชัดเจนว่านางดำเนินแผนชั่วได้ฉับไวนักจนตนเองตั้งตัวไม่ทัน
เรือขนส่งผู้โดยสารลำหนึ่งลอยคอเงียบสงบอยู่ริมฝั่งท่าเรือ ชายสองคนที่ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นคนบังคับเรือยืนโบกมือให้องค์ชาย ลมทะเลพัดอื้ออึงรอบด้านจนแทงกีผูกผมของซอฮยอนกระพือโบกพร้อมกับกระโปรงชอโกรีที่สะบัดพลิ้ว กลิ่นเกลือทะเลอันเข้มข้นในอากาศลอยเข้ามาปะทะจมูก
"เดินทางด้วยเรือตอนกลางคืนไม่อันตรายหรือเพคะ" ซอฮยอนกล่าวอย่างหวาดหวั่นพลางหันไปมองพื้นน้ำอันมืดมิดที่อยู่ไกลออกไป
"เกาะวัวหาได้ห่างไกลเช่นนั้นไม่ คืนนี้ก็ไร้ซึ่งพายุ คลื่นลมก็สงบ คนทั้งคู่ที่พาเราไปก็ชำนาญดี ข้าเองก็เดินทางแบบนี้ประจำ"
"ไม่มีแสงแล้วจะเดินทางได้อย่างไรเพคะ อยู่กลางทะเลไม่มีอะไรให้จับสังเกตได้เลย"
"ดวงดาวอย่างไรเล่า อีกอย่างนักเดินเรือจะมีความคุ้นชินในเส้นทางที่เราไม่มีทางรู้หรอก รีบขึ้นไปเถิด ว่าแต่เจ้าเมาเรือรึไม่"
"ไม่เพคะ"
"ดีแล้ว"
หญิงสาวยกชายกระโปรงก่อนจะก้าวลงไปบนเรือ เรือโคลงเคลงเล็กน้อยจนนางเกือบจะเสียหลักล้ม โชคดีที่ยิมโฮแทกุนก้าวเข้ามาคว้าต้นแขนทัน ซอฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะถอยออกมายืนกลางลำเรือ
"ทำไมเราอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้เล่าเพคะ ไฉนต้องไปอยู่ถึงเกาะวัว" หญิงสาวถามขึ้นอีก
"ก็อย่างที่ข้าบอกไปตอนแรกอย่างไรเล่า ข้าถือโอกาสไปดูที่ดินท่านพี่บนเกาะและพักผ่อนตามพระบัญชาของฝ่าบาทด้วย"
"ทิ้งหม่อมฉันไว้เมืองหลวงก็ได้นี่เพคะ"
"ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้นนะ"
"แล้วเป็นคนเช่นไหนเพคะ"
"เจ้าหมายถึงอะไร"
"องค์ชายอุตส่าห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาช่วยหม่อมฉัน" ซอฮยอนหันหน้าไปอีกทาง "เพราะอะไรกันเพคะ"
"โธ่!" คนบังคับเรือนายหนึ่งเดินมาวางไหสุราลงตรงหน้าองค์ชาย "คนเป็นสามีก็ต้องช่วยเมียตัวเองสิแม่นาง ถามแปลกๆ"
"อะไรนะ!" ซอฮยอนตกตะลึง ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปที่หัวเรือ องค์ชายทำสีหน้าลำบากใจ
"องค์ชาย!" หญิงสาวหันมามอง "ทำไมเขาถึงพูดจาเช่นนั้นเพคะ"
"เอ่อ คือ..." ลียิมโฮยิ้มเขินๆ "การที่ข้าพานางในออกจากวังมานั้นอาจจะถูกครหาได้ ข้าจึงบอกคนเดินเรือว่า เอ่อ.."
"บอกว่าอะไรเพคะ" ซอฮยอนคาดคั้น
"บอกว่า... ว่าเจ้าเป็นเมียข้า"
[ต่อจาก 50%]
คลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ากระแทกกับโขดหินโสโครกจนเกิดม่านน้ำกระจายแตกตัวเป็นฟองฝอยขึ้นมาบนชายฝั่งที่เต็มไปด้วยตะไคร่ค้ำสีเขียว ลมทะเลยามดึกพัดอู้รอบบริเวณสลับกับเสียงคลื่นกระแทกไปมา มหาดเล็กคนสนิทของยิมโฮแทกุนกำลังยืนรอคอยนายเหนือหัวของตนอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อผ่านไปไม่นานก็ปรากฏดวงไฟวับๆ แวมๆ ขึ้นท่ามกลางความมืดในผืนน้ำเบื้องหน้า
ชายหนุ่มรีบเดินอย่างระมัดระวังมาที่โขดหินทันทีก่อนจะเพ่งสายตาไปยังเรือที่กำลังมุ่งตรงมา เมื่อมั่นใจว่าเป็นเรือที่ตนรอคอยอยู่แน่นอนแล้วก็โบกมือสองข้างไปมาเพื่อให้สัญญาณ
เรือในความมืดหันเหทิศเล็กน้อยก่อนจะมุ่งตรงมายังชายหนุ่ม เมื่อเข้าใกล้มากพอแสงไฟก็ส่องให้เห็นชายวัยกลางคนสองนายที่ทำหน้าที่เดินเรือ ส่วนกลางลำเรือปรากฏบุรุษผู้หนึ่งกำลังทำท่าลูบกองฟางกองหนึ่งบนเรืออย่างกล้าๆ กลัวๆ
"องค์ชาย" โชคังอินเรียกเบาๆ อย่างไม่แน่ใจก่อนจะเพ่งตามอง "ทรงทำอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ"
ยิมโฮแทกุนหันมายกมืออันเป็นสัญญาณให้เงียบเสียง มหาดเล็กคนสนิทชะงักไปในทันที
"พี่ชาย" เขาหันไปถามคนเดินเรือ "เกิดอะไรขึ้นหรือ"
"ก็เมียสาวของนายท่านน่ะสิ ดื้อรั้นอยากจะกลับเมืองหลวงท่าเดียว" ชายวัยกลางคนตอบยิ้มๆ
"อะไรนะ! เมียสาวรึ" โชคังอินร้องออกมาจนเกือบจะเป็นตะโกน
"เงียบหน่อย" องค์ชายหันมาปราม มหาดเล็กหนุ่มโคลงศีรษะไปมาก่อนจะก้าวขึ้นมาบนเรืออย่างช้าๆ และถวายความเคารพองค์ชาย
"พระองค์บอกพวกคนเรือหรือพ่ะย่ะค่ะว่าซอฮยอนเป็นเมียพระองค์"
"ใช่ เพราะถ้าบอกว่าเป็นนางใน นางจะถูกจับส่งทางการแน่นอน"
"เหตุใดไม่บอกว่าเป็นน้องสาวหรือญาติห่างๆ เล่าพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าไม่ทันคิด"
"โธ่" คนสนิทร้องครางก่อนจะสำรวจกองฟางที่ดูเหมือนจะมีคนพยายามมุงให้เป็นกระท่อมเล็กๆ "แล้วนี่คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ซอฮยอนโกรธที่ข้ากล่าวตู่ว่านางเป็นเมีย นางจึงมาหลบอยู่ในนี้และไม่ให้ข้าเข้าไปด้วย"
โชคังอินหัวเราะพรืดพลางพ่นลมออกมาทางจมูก
"ขันอันใดกัน"
"ขอทรงอภัย หม่อมฉันกลั้นไม่ไหวจริงๆ พระองค์เองเป็นทั้งนักรบ นักผจญภัย น้อยนักที่จะมีสิ่งคร้ามเกรงสำหรับพระองค์ แต่ทว่าตอนนี้กลับกลัวแค่การเปิดกองฟางของนางในตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้นหรือ"
"เจ้าไม่รู้อะไร เวลาที่ข้าจะเปิดออกทีไรนางก็จะร้องออกมาว่าแก้ผ้าอยู่ตลอด ชายใดเล่าจะกล้าเข้าไป"
"เช่นนั้นก็ต้องพิสูจน์ว่านางแก้อยู่จริงรึไม่" โชคังอินเอื้อมมือไปจับแผ่นฟาง
"เดี๋ยว!" ลียิมโฮทัดทาน "แล้วถ้านางล่อนจ้อนอยู่จริงๆ ดังปากพูด เจ้าจะทำอย่างไร มีหวังคงโดนนางฟันคอเป็นแน่
"อากาศหนาวกลางทะเลเช่นนี้ไม่มีใครเขาแก้ผ้าหรอกพ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กว่าก่อนจะแง้มก้อนฟางออกมาช้าๆ
"หยุดนะใต้เท้า!" เสียงหวีดแหลมของซอฮยอนดังออกมา "ข้ากำลังเปลือยกายอยู่นะ"
"เลิกหลอกองค์ชายเสียที ออกมาเถิด ถึงเกาะวัวแล้ว" คนสนิทองค์ชายเหวี่ยงกองฟางไปอีกด้าน เผยให้เห็นสตรีในชุดชอโกรีสีแดงนั่งหน้าบึ้งพิงกองฟางอยู่
ยิมโฮแทกุนนั่งยองๆ ลงตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะตรัสว่า
"ไหนเล่าคนแก้ผ้า"
"หม่อมฉันเพิ่งใส่เสร็จเรียบร้อยเมื่อครู่เพคะ"
"โกหกเก่ง"
"แล้วไยพระองค์ทรงกล่าวว่าหม่อมฉันเป็น..." นางทำท่ากล้ำกลืน "...เป็น 'สิ่งนั้น' ก่อนเล่าเพคะ"
"ข้าไม่ได้คิดอะไรนะ แค่ไม่อยากให้เจ้าเป็นอันตราย"
ซอฮยอนตาลุกวาวก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนสองหนุ่มสะดุ้งโหยง
"อ้อ ใช่สิ" นางกล่าวเสียงดังอย่างมีอารมณ์ "พระองค์ไม่ได้คิด ไม่เคยคิดอะไรกับหม่อมฉันแม้เพียงนิดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่เพคะ" ว่าจบก็เดินกระทืบเท้าปึงปังไปที่กราบเรือก่อนจะคร่อมเพื่อก้าวลงไปที่โขดหิน สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างงุนงง
"แม่นาง! โขดหินมันคม ไหนจะเปลือกหอยอีก ระวังเท้าด้วย" องค์ชายร้องเตือน
ซอฮยอนแกล้งเมินองค์ชายยิมโฮโดยสมบูรณ์ก่อนจะโดดลงไปยืนบนโขดหินอย่างสวยงาม
"หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงเซ่อซ่าที่จะทำตัวเป็นภาระให้ผู้ชายมาคอยดูแลหรอกนะเพคะ" หญิงสาวร้องบอกก่อนจะเดินตามคนเรือไป
"เฮ้อ เอานางมาด้วยคงจะเป็นความคิดที่ดีนะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย" โชคังอินพูดเบาๆ
"ตอนนี้ข้าก็ชักไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรแล้วสิ"
"อ้าว"
"ข้าล้อเล่น" องค์ชายหัวเราะ "เอานางมาด้วยย่อมดีกว่า ถึงแม้เจ้าตัวพยายามจะกลับเมืองหลวงไปให้ได้ก็เถอะ"
"นางรู้เรื่องทุกอย่างแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"รู้หมดแล้ว และก็ไม่เห็นด้วยเท่าไรที่ข้าพามาแบบนี้"
"แล้วพระองค์จะทรงทำอย่างไรต่อไป"
"พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน ตอนนี้รีบไปที่จวนข้าก่อนเถิด"
สองหนุ่มก้าวลงจากเรือพลางลัดเลาะหลบโขดหินมาที่ชายฝั่งหาดทราย เสียงเจื้อยแจ้วของซอฮยอนที่เดินพูดคุยกับคนเรือลอยมาตามลมเป็นระยะๆ
"ทำไมที่นี่ถึงถูกเรียกว่าเกาะวัวเล่า พี่ชาย" นางร้องถามคนเรือ
"ยังช่างซักช่างสงสัยเหมือนเดิม ซอฮยอน" ยิมโฮแทกุนที่เดินตามมาตรัสเบาๆ หญิงสาวแม้จะอยู่ไกลแต่ราวกับมีหูทิพย์ นางหันมามองค้อนองค์ชายทีหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าเดินต่อไป
เกาะวัวเป็นเกาะที่มีอาณาบริเวณไม่กว้างขวางมากนัก เนื้อที่ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนคือจวนผู้ว่า ชุมชนคนเลี้ยงโคและป่าไม้ตามธรรมชาติ บริเวณโดยรอบของเกาะนี้จึงถูกปกคลุมไปด้วยป่าทึบเป็นแนวยาวล้อมรอบชุมชนคนเลี้ยงโคไว้และมีจวนผู้ว่าอยู่กึ่งกลาง
ทั้งสามคนรวมถึงคนเรือเดินฝ่าป่าเพื่อเข้าไปยังใจกลางเกาะ ซอฮยอนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นต้นไม้สูงรอบข้าง กลิ่นใบไม้ ความเย็นจากน้ำค้างรวมถึงเสียงนกกลางคืนทำให้หญิงสาวรู้สึกปลอดโปร่งจากความแออัดในวัง ดีที่รอบตัวมีแต่บุรุษ ถ้ามาคนเดียวคงจะรู้สึกขนลุกพิกล
"ทางนี้เหมือนจะอ้อมรึเปล่า" โชคังอินถามพลางมองไปรอบตัว
"อ้อมไม่มากขอรับ" คนเรือตอบ "ข้าไม่อยากพาพวกท่านผ่านหาดกินคน"
"หาดกินคน!" ซอฮยอนหันมามอง "หาดกินคนคืออะไรหรือ"
"หาดทางทิศตะวันออกของเกาะวัวเป็นหาดที่มีลำน้ำไหลผ่านอยู่อีกชั้น แม่นาง" เขาตอบ "ไหลผ่านใต้หาดทรายโดยที่คนยืนอยู่บนหาดไม่มีทางรู้ตัวเลย"
"แล้วมันกินคนอย่างไรรึ"
"วันดีคืนดีมันมันก็ดูดคนลงไปข้างล่างอย่างไรเล่าแม่นาง พวกที่ไม่ใช่คนในพื้นที่พากันมาตายที่หาดนั้นกันเยอะแล้ว ยิ่งเวลาน้ำขึ้นนี่ยิ่งอันตราย"
"ธรรมชาติช่างน่ากลัวนัก" ซอฮยอนรำพึง
"ใช่ น่ากลัวจริงๆ" องค์ชายเดินมายืนข้างๆ หญิงสาวเหลียวมามองก่อนจะเชิดหน้าไปทางอื่น
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ก็บังเกิดแสงไฟถูกจุดพรึ่บอย่างกะทันหันอยู่ ณ ใจกลางเกาะราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัย โคมสองสามดวงลอยสูงในอากาศก่อนจะค่อยๆ ดับและร่วงลงเป็นสายตกลงมาเกี่ยวห้อยบนยอดไม้ บางดวงยังดับได้ไม่ดีก็กลายเป็นลูกไฟแดงฉานลอยละลิ่วเป็นทางตัดกับผืนฟ้ามืดมืด
องค์ชายยิมโฮหยุดเดินและยืนตัวแข็งทื่อจนซอฮยอนซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนักชะงักด้วยความแปลกใจ
"นี่มันไม่ดี... ไม่ดีแน่ๆ"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น