ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #97 : หนี [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.19K
      83
      3 ก.ย. 62

    ตอนที่ 97 หนี






         จดหมายฉบับหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าเชวซังกุงอย่างแรง นายหญิงแห่งห้องเขียนหนังสือรีบก้มลงหยิบมันขึ้นมาดู

         "พาตัวคนเขียนมาเดี๋ยวนี้! นี่มันเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นกันอย่างรุนแรงมาก!" ซังกุงประจำตำหนักพระสนมเอกมินซูพินร้องออกมาด้วยความโมโห แววตานั้นราวกับมีไฟลุกโพลง อากัปกิริยาของนางคล้ายจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

         "ลีซังกุง นี่มันอะไรกัน" ใต้เท้ามุนยองนัมก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะกวาดสายตาไปยังเชวซังกุงที่ยืนอ่านจดหมายอยู่

         "ถามคนของใต้เท้าเองเถิดเจ้าค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น" ลีซังกุงตวัดเสียง

         "เชวซังกุง" หัวหน้ากองงานวรรณกรรมร้องถาม "มีอะไรหรือ" 

         "เป็นไปไม่ได้..." เชวซังกุงกระซิบก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก "มันจะเป็นไปได้อย่างไร"

         "มันจะไม่เป็นได้อย่างไร ก็เห็นอยู่ว่ามีคนเขียนขึ้นมา!"

         "เงียบนะลีซังกุง" ใต้เท้ามุนพูดขึ้นก่อนจะยื่นมือไปทางเชวซังกุง "เอามาให้ข้าที"

         เชวซังกุงส่งจดหมายฉบับให้ใต้เท้ามุนด้วยมืออันสั่นเทา ชายหนุ่มรับไปและเปิดอ่านเนื้อความด้านใน

         "อะไรกัน" เขาขมวดคิ้ว "ใครเขียนขึ้นรึ"

         "ใครเขียนขึ้น?" ลีซังกุงร้องเสียงแหลม "ใครเขียนขึ้น? นี่ใต้เท้าถามจริงๆ หรือแกล้งถามเจ้าคะ ท่านก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าใครเขียน"

         "เจ้าหมายความว่าอย่างไร"

         "แล้วคิดว่าข้ามายืนอยู่ตรงนี้เพราะเหตุใดกันเจ้าคะ"

         "ถ้าเจ้าคิดว่าคนในกองงานข้าเป็นคนเขียนขึ้นมาล่ะก็ ย่อมไม่ใช่แน่นอน"

         "มันส่งมาจากกองงานท่าน ส่งมาที่ตำหนักพระสนมเอก ถ้าไม่ใช่คนของท่านเขียนแล้วใครเขียนเจ้าคะ"

         "มันส่งไปจากที่นี่รึเปล่าก็ไม่รู้"

         "ใต้เท้า" เชวซังกุงขัดขึ้น "จดหมายฉบับนี้ถูกส่งไปจากกองงานเราจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าคัดแยกเองกับมือและส่งให้ซอฮยอน..." นางชะงักก่อนจะเอ่ยด้วยเสียวกระซิบ "เดี๋ยวนะ ซอฮยอนหรือ"

         "นั่นอย่างไร!" ลีซังกุงชี้หน้า "เห็นรึไม่ มันส่งไปจากกองงานนี้จริงๆ"

         "แต่เนื้อความด้านในไม่มีทางเป็นแบบนี้นะ" เชวซังกุงเถียง "ซอฮยอนเขียนจดหมายอวยพรเองกับมือตามข้อความจากญาติพระสนมที่นอกวัง ไม่มีทางที่จะเขียนอะไรน่าเกลียดน่ากลัวพร้อมคำสาปแช่งเช่นนี้แน่นอน"

         "แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร! ซอฮยอนอะไรนั่นอาจจะเขียนเองขึ้นมาใหม่ก็ได้ ตามตัวนางมาเดี๋ยวนี้ กล้าดีอย่างไรถึงเขียนจดหมายสาปแช่งทั้งๆ ที่พระสนมทรงประชวรอยู่ด้วยซ้ำ"

         "นางไม่ได้เขียนมันแน่นอน!"

         "ข้าไม่เชื่อ!"

         "เดี๋ยวก่อน..." ใต้เท้ามุนยกมือขึ้น "ญาติของพระสนมจากนอกวังส่งข้อความมาถวายคำอวยพรให้พระนางหายจากอาการประชวรใช่รึไม่"

         "ใช่เจ้าค่ะ" เชวซังกุงตอบ

         "แล้วทำไมถึงไม่ส่งข้อความจากนอกวังให้พระสนมไปเลย จะให้ซอฮยอนเขียนขึ้นใหม่อีกทีทำไม"

         "เพราะข้อความจากนอกวังนั้นรวบรวมมาหลายคนลงในกระดาษแผ่นเดียว บางทีก็เลอะเทอะเลือนหายไม่ก็ซ้อนทับกันจนอ่านไม่ออกว่าเขียนตัวอักษรอะไร ที่หนักกว่านั้นคือขาดไม่ก็เปียกน้ำ ของเช่นนี้ไม่สามารถขึ้นถวายพระสนมได้หรอกเจ้าค่ะ ยิ่งเป็นจดหมายอวยพรด้วยแล้ว จึงต้องเขียนขึ้นใหม่เจ้าค่ะ"

         "แล้วซอฮยอนเป็นคนเขียนใหม่รึ" เขาถามต่อ

         "เจ้าค่ะ นางลายมือสวยนัก อีกทั้งยังอ่านง่าย ข้าจึงมอบหมายให้นางเป็นคนเขียนและเป็นคนเอาไปส่งที่ตำหนัก"

         "แล้วเจ้า" ใต้เท้าหันมาทางลีซังกุง "เปิดออกดูก็เจอข้อความสาปแช่งเหล่านี้เลยหรือ"

         "ข้าไม่ได้เปิดเองหรอกเจ้าค่ะ" นางตอบ "พอดีองค์ชายชินซามาเข้าเฝ้าพระสนม พระสนมเองก็อยากรู้ว่าพระโอรสทรงอ่านหนังสือได้คล่องถึงเพียงไหนแล้วจึงส่งจดหมายนี้ให้องค์ชายอ่าน กลับกลายเป็นว่า องค์ชายที่ไม่รู้ความหมายก็อ่านจดหมายสาปแช่งนั้นให้พระมารดาตนเองฟัง"

         "ตายจริง!" เชวซังกุงยกมือขึ้นปิดปาก

         "เชวซังกุง ตอนซอฮยอนเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา เจ้าเห็นกับตารึไม่ว่านางเขียนอะไรลงไปบ้าง" ใต้เท้ามุนยองนัมถาม

         "ข้า... ข้าเห็นว่านางเขียนเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้ว่านางเขียนอะไรลงไปบ้าง"

         "แล้วมีนางในคนอื่นเห็นอีกรึไม่"

         "ไม่มีเจ้าค่ะ เพราะทุกคนต่างทำงานของตัวเองกันอยู่"

         "เช่นนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่านางเขียนอะไร"

         "แต่ตอนนี้ที่ปรากฏในจดหมายมันคือคำสาปแช่งนะเจ้าคะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาผิดนาง พระสนมเองก็ทรงกริ้วมาก" ลีซังกุงร้อง

         "แต่มันไม่น่าเป็นไปได้ นางจะเขียนขึ้นมาทำไม นางไม่ใช่คนเช่นนั้น ไม่มีเหตุผลให้สาปแช่งใครด้วย" เชวซังกุงกล่าว

         "จดหมายอยู่ที่นาง นางเป็นคนเขียนและเป็นคนส่ง ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นผู้ใด หรือคิดว่าข้าแกล้งเขียนขึ้นเองเพื่อมาหาเรื่องกองงานวรรณกรรมหรือ"

         "เอาล่ะ หยุดว่ากล่าวกันได้แล้ว" หัวหน้ากองงานวรรณกรรมพูดขึ้น

         "ข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไปเฉยๆ หรอกนะเจ้าคะ" ลีซังกุงพูด

         "ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยให้เลยผ่าน แต่จะจัดการสืบสวนกันเอง เจ้ารอคอยฟังข่าวก็แล้วกัน"

         "แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าท่านจะไม่ตัดสินเข้าข้างนางในของตนเอง"

         "ข้าไม่ใช่คนลำเอียง แต่ถ้าเจ้าระแวงนักก็มาฟังการสืบสวนด้วยก็ได้"

         "ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ เพราะข้าแจ้งเรื่องนี้แก่เซโจซังกุงแล้ว นางจะส่งซังกุงฝ่ายตรวจการมาสืบสวนเรื่องนี้เองเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ!" ใต้เท้ามุนร้อง "นี่เจ้าแจ้งเซโจซังกุงแล้วหรือ ทำไมถึงไม่แจ้งเราก่อน ทำแบบนี้มันก้าวก่ายกันชัดๆ"

         "นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงของฝ่ายในที่จะต้องจัดการแล้วนะเจ้าคะ จดหมายลบหลู่เชื้อพระวงศ์ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กที่ท่านจะทำการสืบสวนแต่เพียงผู้เดียว--"

         ลีซังกุงหยุดพูดกะทันหันเพราะประตูห้องค่อยๆ เปิดออกเองอย่างช้าๆ ทั้งสามคนหันไปมอง

         ไม่มีผู้ใดยืนอยู่ด้านนอกเลยสักคน...

         "อะไรกัน" เชวซังกุงเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปชะโงกซ้ายขวา "ไม่เห็นมีใคร"

         "มีคนมาแอบฟังแน่ๆ" ใต้เม้ามุนตั้งข้อสังเกต

         "ถ้าเช่นนั้นอีกไม่นานเรื่องก็คงแพร่ไปเจ้าค่ะ รีบนำตัวนางผู้นั้นออกมาดีกว่า หาไม่คนอื่นจะมองว่าพวกท่านสมรู้ร่วมคิดในจดหมายนี้ด้วย" ลีซังกุงพูดอย่างคนที่เป็นต่อ

         หัวหน้ากองงานวรรณกรรมกับเชวซังกุงเหลือบมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก










         หีบใหญ่หลายใบพร้อมกับห่อผ้าอีกมากมายวางกองไว้หน้าตำหนักขององค์ชาย ซังกุงหลายคนก็จัดเตรียมเครื่องเสวยประเภทของแห้งมาวางรวมไว้ด้วย

         "นี่มันอะไรกัน" ยิมโฮแทกุนตรัสถาม "ข้าไปเกาะวัวไม่กี่วัน ทำยังกับข้าจะไปเป็นแรมปี"

         "เตรียมไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนะเพคะ"

         "มันจะยุ่งยากน่ะสิ"

         "องค์ชาย! องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ!" มหาดเล็กโชคังอินวิ่งตัวปลิวเข้ามาในลานหน้าตำหนัก

         องค์ชายขมวดคิ้วมองคนสนิทของตนที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาอย่างแปลกใจ "อะไรกันคังอิน มีอะไร"

         มหาดเล็กยืนเอามือจับหัวเข่าตัวเองพลางหอบหายใจ

         "ข้าบอกให้เจ้าไปคุยกับเชวซังกุงเรื่องซอฮยอน เหตุใดถึงกลับมาแบบตกอกตกใจเช่นนี้เล่า" ยิมโฮแทกุนตรัสออมเสียงเพื่อไม่ให้ซังกุงที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน

         "ซอฮยอน... ซอฮยอน นางกำลังตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ"

         "อะไรนะ!"





    [ต่อจาก 50%]






         เรือนพักของนางในของกองงานวรรณกรรมส่องสว่างไปด้วยแสงเทียน ทุกห้องถูกซังกุงฝ่ายตรวจการเปิดประตูบุกเข้าไปด้านใน ข้าวของส่วนตัวของเหล่านางในกระจัดกระจายออกมาหน้าประตู

         นางในของห้องเขียนหนังสือยืนอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่หน้าเรือนพัก ซุนฮวากับคนอื่นๆ มองเหตุการณ์รอบตัวที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างสงสัย หลายหนที่ซุนฮวาอยากจะเดินเข้าไปถามเชวซังกุงและใต้เท้ามุนยองนัมซึ่งยืนทำท่าร้อนอกร้อนใจอยู่ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแต่เพราะซังกุงตรวจการหน้าดุที่ยืนอยู่ไม่ไกลจึงทำให้นางไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

         ซังกุงชุดสีเขียวอ่อนคนหนึ่งเดินหน้ายุ่งออกมาจากห้องซ้ายสุด ซังกุงตรวจการเห็นเข้าจึงร้องถาม

         "เป็นอย่างไร เจอจดหมายฉบับอื่นๆ ที่มีเนื้อความแบบเดียวกันอีกรึไม่"

         "ไม่พบเจ้าค่ะ แต่ข้ากับคนอื่นๆ หานางในที่ชื่อซอฮยอนไม่พบ เหมือนนางไม่ได้อยู่ในเรือนพักนี้"

         "นั่นอย่างไร!" ลีซังกุงตะโกน "นางเป็นคนเขียนแน่ๆ ถึงได้ชิงหนีหายไปเช่นนี้"

         "ตามหาซอฮยอน?" ซุนฮวาถามขึ้น "ตามหานางทำไมเจ้าคะ"

         "ไม่ใช่เรื่องของเจ้า" ซังกุงตรวจการหันมาพูด

         "นางเป็นเพื่อนสนิทข้าเจ้าค่ะ"

         "เพื่อนสนิทเจ้ารึ!" นางเบิกตากว้าง "เช่นนั้นนางไปไหน"

         "บอกข้ามาก่อนสิเจ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้น"

         "นังตัวดี นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาสอดรู้นะ"

         "ไม่ได้สอดรู้เจ้าค่ะ ข้าแค่ถามสาเหตุ"

         "หุบปากนะ!"

         เชวซังกุงเห็นท่าไม่ดีจึงปรี่ตรงมาที่ซุนฮวาก่อนจะกระซิบกระซาบเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หญิงสาวฟัง

         ซังกุงตรวจการทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเมื่อเห็นซังกุงห้องเขียนหนังสือเปิดเผยเรื่องราวให้ซุนฮวาฟัง

         "อะไรนะเจ้าคะ!" ซุนฮวาร้องออกมา "ไม่มีทางหรอกเจ้าค่ะ นางไม่ได้ทำแน่ๆ"

         "หลักฐานคามือขนาดนี้ยังจะกล้าพูดว่าไม่ได้ทำหรือ" ลีซังกุงชูจดหมายที่เนื้อความด้านในเป็นคำสาปแช่งขึ้นชูเหนือศีรษะ

         "นางจะทำไปทำไมเจ้าคะ นางไม่ใช่คนบังอาจขนาดนั้นด้วย" ซุนฮวาเถียง

         "พอทีกับการออกรับแทน!" ลีซังกุงกรีดเสียง "พระสนมต้องการตัวคนทำ ต้องหาตัวนางเดี๋ยวนี้!"

         "คนเขียนอะไรแบบนั้นต้องเป็นพวกสติไม่ดีแน่ๆ อย่างไรก็ไม่ใช่ซอฮยอนแน่เจ้าค่ะ" ซุนฮวายังไม่ยอมแพ้

         "ถ้านางบริสุทธิ์ใจ" ซังกุงตรวจการกล่าวขึ้น "ก็จะได้รับการปล่อยตัวและไร้ซึ่งมลทินทั้งปวง แต่พูดถึงเรื่องบริสุทธิ์ใจ ตอนนี้นางอยู่ไหนเล่า เหตุใดถึงไม่อยู่ในเรือนพักเหมือนคนอื่นๆ แต่หายไปราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่อง"

         "คืนนี้เป็นเวรนางแช่กระดาษต่างหากเล่าเจ้าคะ นางไม่ได้จะหนีหายอะไรเสียหน่อย" ซุนฮวากล่าวโดยไม่ทันคิด

         "ซุนฮวา!" เชวซังกุงร้องขึ้น หญิงสาวเบิกตากว้างก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากอย่างรู้ตัวว่าตนเผลอตกหลุมพรางเสียแล้ว

         ซังกุงตรวจการเหยียดยิ้มก่อนจะหันไปสั่งการคนอื่นๆ

         "ไปที่บ่อน้ำของกองงานวรรณกรรม นางคงอยู่ที่นั่น ส่วนคนอื่นๆ ให้อยู่แค่ตรงนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด" 

         "ที่นี่เป็นกองงานวรรณกรรมที่อยู่ในความดูแลของข้า ท่านไม่ควรมาออกคำสั่งคนของข้านะ" ใต้เท้ามุนยองนัมพูดขึ้น

         "ในสถานการณ์เช่นนี้ข้ามีอำนาจเต็มที่ที่จะสืบสวนเรื่องราวทั้งหมดนะเจ้าคะใต้เท้า กฎของฝ่ายในเป็นเช่นนี้ ใต้เท้าอย่าขวางข้าเลย ไม่เป็นผลดีหรอกเจ้าค่ะ" 

         นางพูดจบก็เดินนำบรรดาซังกุงฝ่ายตรวจการทั้งหมดออกไปจากบริเวณหน้าเรือนพักทันทีอย่างเร่งรีบ ลีซังกุงเดินตามไปด้วยพร้อมกับนางในบางส่วน

         "เจ้าหนอเจ้า!" เชวซังกุงยกมือตีแขนซุนฮวา "ปากพาจนแท้ๆ เทียว ข้าอุตส่าห์บอกซังกุงตรวจการว่าซอฮยอนออกไปทำงานนอกวัง เจ้านี่ทำแผนข้าเสียหมด"

         "ข้าไม่รู้นี่เจ้าคะ" ซุนฮวาทำสีหน้าขอโทษขอโพย "แล้วถ้านายหญิงบอกนางแบบนั้นแล้วทำไมนางจึงมาหาตัวซอฮยอนที่นี่อีกเล่าเจ้าคะ"

         "นางยังไม่ปักใจเชื่อข้าน่ะสิ นางเลยมาพิสูจน์ที่เรือนพักด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าหาซอฮยอนไม่เจอ นางก็จะเชื่อข้าเองในที่สุด แต่เจ้ากลับทำพัง"

         "ข้าขอโทษเจ้าค่ะ" ซุนฮวาก้มหน้า 

         "นายหญิง!" นางในคนอื่นๆ พากันกลุ้มรุมเข้ามาถาม "นี่มันเรื่องใส่ร้ายกันแน่ๆ ใช่รึไม่เจ้าคะ ซอฮยอนจะมาเขียนจดหมายสาปแช่งพระสนมมินซูพินที่ประชวรอยู่ได้อย่างไร"

         "ใช่น่ะสิ ใส่ร้ายแน่นอน" ซุนฮวาตอบ 

         "ยังจะถามอีกรึว่าใส่ร้ายรึเปล่า แล้วก็หุบปากเงียบไว้ด้วยอย่าไปแพร่งพรายต่อ ไม่เช่นนั้น--" เชวซังกุงหยุดพูดและชะงักไป "เดี๋ยว... พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับจดหมายสาปแช่งพระสนมเอกมินซูพิน ข้าว่าข้ายังไม่ได้เล่าให้ใครฟังนะยกเว้นซุนฮวา"

         "ซงฮวันเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ" นางในคนหนึ่งตอบ

         "แล้วซงฮวันรู้ได้อย่างไร"

         "นางบอกซังกุงตรวจการเล่าให้ฟังตอนมาค้นข้าวของในเรือนพักเจ้าค่ะ"

         "มันจะเป็นไปได้อย่างไร" เชวซังกุงร้อง "ซังกุงตรวจการกำชับคนอื่นๆ เองว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้นางในคนไหนฟังระหว่างค้นในเรือนพัก ซงฮวันจะเอามาจากไหนกัน"

         "ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะแต่นางเล่ามาจริงๆ"

         เชวซังกุงหันไปสบตากับซุนฮวาอย่างมีเลศนัย












         กระดาษสีเหลืองถูกกดลงในอ่างปูนขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุน้ำสีขาวขุ่นอยู่เต็มเปี่ยม ซอฮยอนกดแผ่นกระดาษทั้งแผ่นให้จมลงไปก้นอ่างและหยิบก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสหนาหนักลงไปทับไว้

         เมื่อยกมือขึ้นจากอ่างก็ล้างมือในกระบะไม้ที่ใส่น้ำสะอาดก่อนจะหันมาคลี่กระดาษต่อ

         เสียงอะไรบางอย่างแว่วเข้ามาในโสตประสาทของหญิงสาว นางรีบหยุดการกระทำทุกอย่างและเพ่งมองไปในความมืด เมื่อครู่ถ้าหูนางไม่ฝาด มันเหมือนกับว่ากำลังมีคนกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงมาทางนี้

         เสียงกีบเท้าของม้ากระทบพื้นหินดังก้องขึ้นทันทีท่ามกลางความเงียบ ซอฮยอนสะดุ้งโหยงก่อนจะหันขวับไปเห็นร่างม้าตัวสีดำทะมึนโผเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว บุรุษปริศนาบนหลังม้ารีบกระตุกเชือกให้อาชาในความมืดหยุดการเคลื่อนไหวก่อนจะมาถึงตัวหญิงสาว

         ซอฮยอนตกตะลึงตัวแข็งเมื่อม้าตัวนั้นเหยาะย่างเข้ามาใกล้ๆ และนางก็ยิ่งตกใจเมื่อเห็นชายผู้บังคับม้า

         "องค์ชาย!"

         "ซอฮยอน! ขึ้นม้ามาเร็วเข้า"

         "อะ... อะไรนะเพคะ"

         "ขึ้นม้าเดี๋ยวนี้! ไว้ข้าจะอธิบายทีหลัง"

         "นี่มันเรื่องอะไร..."

         ยิมโฮแทกุนลงจากหลังม้าอย่างรำคาญใจและจับบั้นเอวของนางในห้องเขียนหนังสือไว้มั่นคงก่อนจะอุ้มขึ้นไปไว้บนหลังม้า

         "ว้าย!"

         "อย่าดิ้น! อยู่เฉยๆ เดี๋ยวตกม้า"

         "องค์ชาย! นี่มันอะไรกันแน่เพคะ"

         "ข้าบอกว่าไว้เล่าทีหลัง ตอนนี้ต้องหนีก่อน"

         "หนี!" ซอฮยอนอ้าปากค้าง "หนีอะไรกันเพคะ"

         ยิมโฮแทกุนไม่ตอบแต่โหนตัวขึ้นม้าซ้อนหลังหญิงสาวอย่างแคล่วคล่องเพราะเคยทำมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง เขารีบชักม้าให้พุ่งทะยานออกไปในความมืดทันทีอย่างไม่รีรอ 

         เมื่อควบอาชามาถึงลานหิน องค์ชายทรงหยุดม้าสักพักก่อนจะหันมองไปรอบข้าง สักพักก็ปรากฏมหาดเล็กโชคังอินวิ่งฝ่าความมืดเข้ามาหา

         "องค์ชาย"

         "เป็นอย่างไร เจ้าแจ้งเชวซังกุงรึยัง"

         "หม่อมฉันเข้าไปหานางไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เหมือนตอนนี้พวกนางโดนสั่งไม่ให้ขยับตัวไปไหน น่าจะเป็นคำสั่งซังกุงตรวจการ" โชคังอินทูล

         "อะไรนะ!" ซอฮยอนร้อง "หมายความว่าอย่างไรพวกนางโดนสั่งไม่ให้ไปไหน แล้วซังกุงตรวจการอะไรกัน"

         "แล้วเจ้าจะแจ้งเรื่องนี้แก่นางอย่างไร" องค์ชายร้องถามมหาดเล็กคนสนิท

         "ตอนนี้หม่อมฉันฝากจดหมายไว้กับนางวังรับใช้คนหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางรับปากว่าจะให้เชวซังกุงเอง ว่าแต่ว่าองค์ชายจะเสด็จออกจากวังไปทางใดพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ข้าส่งองครักษ์ไปประจำประตูด้านทิศตะวันตกหมดแล้ว พระองค์จะปลอดภัยถ้าเสด็จไปทางนั้น"

         "เช่นนั้นเจ้ากับขบวนทั้งหมดจงออกจากวังทางประตูหน้าปกติ ห้ามมีพิรุธ"

         "แล้วองค์ชายเล่า"

         "ข้ากับซอฮยอนจะออกไปทางประตูมรณะ"

         ซอฮยอนแทบจะเอี้ยวคอหันมามองผู้พูดด้วยความตกใจ

         "ระวังพระองค์ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย" โชคังอินทูลก่อนจะวิ่งหายไปในความมืดอีกครั้ง

         "เอาล่ะ เจ้าจับแน่นๆ นะ"

         "องค์ชายเพคะ ได้โปรดบอกหม่อมฉันทีเถิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น"

         "ทำไมเจ้าช่างถามจริงนะ อยู่เงียบๆ ได้รึไม่"

         "แต่ว่า-- ว้าย!" 

         ซอฮยอนยกมือกุมอกอย่างขวัญแขวนเพราะม้าทะยานออกไปอย่างรวดเร็วจนนางตั้งตัวไม่ทัน ร่างบางกระทบเข้ากับแผงอกแกร่งของชายที่นั่งซ้อนด้านหลังอย่างมิได้เจตนา หญิงสาวรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นที่ใบหน้าทันที

         นางในในชุดชอโกรีสีแดงเดินถือสำรับชามาตามทางที่ปูลาดด้วยหินอ่อน ฉับพลันนางก็ตัวแข็งทื่อเป็นรูปสลักเมื่อเห็นชายคนหนึ่งควบม้าตัดหน้าตนเองไปอย่างรวดเร็วพร้อมหญิงสาวอีกคน

         นางร้องอุทานออกมาคำหนึ่งก่อนจะเพ่งมองหนุ่มสาวบนหลังม้า ทันใดสำรับกาชาที่ถืออยู่ก็ตกลงพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ไม่นานอาชาสีดำก็วิ่งหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

         "นั่น... นั่นซอฮยอนกับ... กับองค์ชายหรือ" คิมเซจีเอ่ยออกมาด้วยเสียงกระซิบ ดวงตาเบิกค้างอย่างคาดไม่ถึง






    โปรดติดตามตอนต่อไป
         



         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×