ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #7 : จดหมายสามฉบับ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.82K
      100
      28 เม.ย. 62

                         ตอนที่ 7 จดหมายสามฉบับ





         ซอฮยอนที่อยู่ในอาการตะลึงงันนั้นค่อยๆ เงยหน้าสบตาพี่สาวต่างมารดาด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

         "ท่านพี่ นางในอะไรกัน พี่พูดเรื่องตลกอะไรหรือ" หญิงสาวถาม แววตาที่มองฮวารยอนดูราวกับว่าพี่สาวตนเองนั้นได้เสียสติไปแล้ว

         "พี่อยากให้เจ้าแฝงตัวเข้าวังหลวงเป็นนางใน แก้แค้นคนที่มันทำให้พี่เป็นอย่างนี้และล้างมลทินให้พี่"

         "ท่านพี่เลอะเทอะอะไรรึเจ้าคะ ถ้าท่านพี่จะมาหาข้าด้วยเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ก็เชิญกลับไปเถิดเจ้าค่ะ" ซอฮยอนพูดตัดบท 

         ฮวารยอนนิ่งไปทันที นางนั่งชันเข่าข้างหนึ่งขึ้นมา สายตาอ่อนล้ามองออกไปอีกทางอย่างเศร้าโศก เปลวเทียนในห้องวูบไหวทำให้เกิดเงาของสตรีสองร่างกระเพื่อมพลิ้วบนผนังห้องไปมา

         หลายปีมาแล้วซอฮยอนเคยถูกหมอดูแถวท่าเรือมาพูลเข้ามาทำนายทายทักดวงชะตา นางรีบเดินหนีเพราะไม่อยากเสียเงินอันน้อยนิดของตนให้กับเรื่องโชคลางอนาคตอันไร้สาระ ทว่าหมอดูชราผู้นั้นก็ยังตามติดนางมาตลอดและพูดกรอกหูซ้ำไปซ้ำมาว่า

         "เจ้าจะได้เป็นกุงเนียว(1)ในราชสำนักผู้เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์แผ่นดินโชซอน"

         ครานั้นนางอยากจะหันไปหาหมอดูเฒ่าและหัวเราะเยาะใส่เหลือเกิน เพราะไม่ว่าอย่างไรซอฮยอนก็ไม่มีวันเข้าวังหลวง และต่อให้อยากเข้าเพียงไร ฝ่ายในของราชสำนักก็ไม่มีวันรับลูกอนุฯ อย่างนางที่เป็นชนชั้นไพร่เข้าไปให้แปดเปื้อนเป็นแน่ แต่เมื่อหญิงสาวหันไป หมอดูรายนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้วราวกับไม่ได้มีตัวตนมาแต่แรกฉะนั้น

         แต่ถ้าวันหนึ่งนางจำเป็นต้องเข้าวังขึ้นมาเล่า ซอฮยอนมองหน้าพี่สาวตนเองอีกครั้ง หรือว่าที่อดีตพระชายามาอ้อนวอนให้ตนแฝงกายเข้าไปในราชสำนักนั้นอาจเกี่ยวพันถึงคำทำนายของหมอดูลึกลับผู้นั้นหรือ 

         หากแต่จุดประสงค์ของการเข้าวังคือเพื่อไปแก้แค้นแทนพี่สาวอย่างนั้นรึ นี่มันไร้สาระสิ้นดี

         ท่ามกลางความเงียบ ฮวารยอนที่นั่งชันเข่าอยู่ก็เอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงคราวนี้มิใช่การอ้อนวอนเช่นที่แล้วมาไม่ ทว่าคล้ายการเล่าระบายความทุกข์ตรมในห้วงหทัย

         "เจ้าคงจะคิดว่าพี่มีวาสนาสูงส่งที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นพระชายา หนทางข้างหน้านั้นคือเส้นทางสู่อำนาจ เส้นทางที่ไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งเซจาพิน(2) และท้ายที่สุดแล้วก็คือตำแหน่งพระมเหสี" อดีตพระชายาหยุดเว้นจังหวะการพูดไปสักพักเพราะไอออกมา

         "เอ่อ ข้าเสียมารยาทจริง ท่านพี่มาถึงเรือนแต่กลับไม่ยกน้ำชามาต้อนรับ" ซอฮยอนกล่าวขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้ นางมัวแต่ตกใจการปรากฏตัวของพี่สาวต่างมารดาจนลืมธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องทำเมื่อแขกผู้สูงศักดิ์กว่ามาเยี่ยมเยียนถึงชานเรือน

         ฮวารยอนคว้ามือเนียนละมุนของน้องสาวไว้และส่ายหน้าช้าๆ ซอฮยอนจึงค่อยๆ นั่งลงตามเดิม อดีตพระชายาจึงเล่าต่อ

         "พี่ถูกเคราะห์กรรมขัดขวาง ถูกคนชั่วช้าในราชสำนักให้ร้ายจนต้องโทษประหาร พี่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะแก้ตัวด้วยซ้ำ"

         "ใส่ร้ายหรือ ใครเป็นผู้ทำเรื่องเช่นนี้" ซอฮยอนถามด้วยความตกใจ

         "คิมซิลวา" อดีตพระชายาตอบอย่างเคียดแค้น

         "คิมซิลวา? ใครกันเจ้าคะ"

         "นางเป็นซังกุงในสกุลคิม ตระกูลคู่อริกับสกุลซินของเรา นางมีอิทธิพลมากในวังหลวง สับเปลี่ยนซังกุงคนสนิทแต่เดิมของพี่และมาเป็นแทน ครานั้นพี่ช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก นางบอกว่าตนเองเป็นคนในสกุลคิมจากเกาะวัว ไม่ใช่สกุลคิมใหญ่ในเมืองหลวง พี่จึงหลงเชื่อ ท้ายที่สุดนางก็ใส่ร้ายพี่ วางยาพิษพี่ โยนร่างพี่ไปทิ้งไว้ในห้องดองผักที่เหม็นคละคลุ้ง

         "แต่นางในที่เป็นคนของสกุลซินตามหาพี่จนพบ ต้มน้ำถั่วเขียวให้ดื่มเพื่อถอนพิษ ก่อนจะแบกร่างพี่ออกมาทางประตูซอนิมมุน(3)จนถึงบ้านสกุลคิม"

         ซอฮยอนนั่งฟังด้วยความตื่นตะลึง เรื่องราวทั้งหมดนี้เหลือเชื่ออย่างยิ่ง อีกทั้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงราชสำนัก นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าในวังหลวงจะมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้น

         "ด้วยเหตุนี้หรือท่านพี่จึงมาหาข้า เพื่อให้ข้าเข้าวังเป็นนางในแก้แค้นคิมซังกุงแทนท่านอย่างนั้นหรือ" ซินซอฮยอนถามขึ้น

         "จริงๆ ยังมีคนที่เจ้าต้องแก้แค้นอีก ซึ่งเจ้าจะต้องอ่านจากจดหมายสามฉบับนี้  เนื้อหาภายในคือสิ่งที่พี่ปรารถนาอยากให้เจ้าทำ จงเปิดอ่านทีละฉบับ ฉบับแรกคือจดหมายที่มีแต้มด้วยหมึกสีแดง จงเปิดอ่านฉบับนี้ก่อนเมื่อเจ้าได้ขึ้นเป็นนางในเต็มตัว จงจำไว้ให้มั่นว่าต้องเป็นนางในเต็มตัวก่อนเท่านั้นจึงจะเปิดจดหมายฉบับแรกออกอ่านได้ ส่วนอีกสองฉบับห้ามเปิดอ่านเด็ดขาด เพราะจดหมายฉบับแรกจะบอกเจ้าเองว่าควรเปิดฉบับที่สองเมื่อใด เวลาใด"

         ซอฮยอนหัวเราะออกมาลั่นห้องจนอดีตพระชายาผงะไปด้วยความตกใจ

         "เจ้าหัวเราะอันใด"

         "หัวเราะสิเจ้าคะ จู่ๆ ท่านก็มาสั่งให้ข้าทำสิ่งนั้นทำสิ่งนี้ จัดแจงพูดถึงการเปิดจดหมายสามฉบับราวกับว่าข้าตอบตกลงกับท่านแล้วว่าจะเข้าวังเป็นนางใน"

         "นะ... นี่แสดงว่าเจ้า" ฮวารยอนเอ่ยขึ้นช้าๆ

         "ไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น" ซอฮยอนปฏิเสธพลางเบือนหน้าหนี

         "ซอฮยอน!" พี่สาวต่างมารดาร่ำร้อง "ข้าไม่มีใครแล้ว ข้าไม่ไว้ใจใคร มีเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยแก้แค้นและล้างมลทินให้ข้าได้"

         "แล้วเหตุไฉนไม่ทำเองเล่าเจ้าคะ มาขอร้องลูกอนุฯ ต่ำต้อยอย่างข้าทำไม"

         "เพราะ... เพราะว่าข้ากำลังจะตาย" อดีตพระชายาเอ่ยขึ้น

         ซอฮยอนหันขวับมามองพี่สาวตนเต็มตา

         "ท่านพี่พูดจาเหลวไหลอะไรกัน"

         "ยาของบรรดาหมอแค่ยื้อชีวิต มิได้ช่วยชีวิต อีกไม่นานพิษที่คิมซังกุงให้กับพี่จะกำเริบอีกครั้ง พี่คงอยู่ไม่พ้นคืนนี้เป็นแน่ จึงแอบออกจากบ้านสกุลซินมาหาเจ้าโดยที่ท่านพ่อไม่รู้"

         "สภาพที่ท่านถ่อมาถึงเรือนข้ากลางดึกดูไม่เหมือนคนที่กำลังจะตายเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าอย่างไรพี่ก็ต้องรอด อย่าเอาข้าไปเกี่ยวกับความแค้นของท่านด้วยเลย ข้ามิใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูงในทางผิดที่คิดจะเอาไฟล้างไฟ ข้าขออยู่เป็นไพร่สามัญต่อไปตามเดิมดีกว่าเจ้าค่ะ อีกอย่างข้ายังมีท่านแม่และฮูหยินแชที่ต้องดูแล ท่านมาหาคนผิดแล้ว ไปหาผู้อื่นเถิดเจ้าค่ะ"


                                
         "ซอฮยอน เจ้าไม่เห็นแก่ข้า ก็เห็นแก่วงศ์ตระกูล เห็นแก่สกุลซิน มีเจ้าคนเดียวที่จะกอบกู้ชื่อเสียงบ้านเรากลับมาได้" อดีตพระชายาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

         "บ้านหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนกล่าวเสียงสูง คิ้วโก่งงดงามนั้นเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยัน "ท่านพูดว่าบ้านเราหรือ" ฮวารยอนอึ้งไปชั่วครู่ สักพักก็พูดออกมาช้าๆ

         "เจ้าเลิกมองว่าตนเองเป็นเพียงแค่ลูกอนุฯ ได้รึไม่ เลิกดูถูกตนเองว่าต่ำต้อย อย่าคิดว่าตนเองทำการใหญ่มิได้ ดูสิ่งที่เจ้าทำสิ" พี่สาวต่างมารดาผายมือไปทางบรรดากองหนังสือที่ซอฮยอนเขียนขึ้น

         "จะมีหญิงในชนชั้นต่ำกี่คนที่ทำได้เช่นเจ้า กี่คนที่จะสามารถอ่านออกเขียนได้ มีตำรา มีงานประพันธ์จนเป็นที่เลื่องลือเช่นเจ้า ส่วนมากถ้าไม่ต้องขายตัวเป็นทาสก็ต้องทำงานในหอนางโลม ทว่าเจ้ากลับบากบั่นจนมาถึงจุดนี้ เหตุใดจึงยังดูถูกตนเองเล่า อย่าลืมสิว่าไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นสกุลซิน"

         "สกุลซิน!" ซอฮยอนขัดขึ้น "สกุลซินที่ไม่เคยเหลียวแลข้า รังเกียจเดียดฉันท์ข้า เฉดหัวข้าออกมาให้กลายเป็นไพร่ชั้นต่ำเช่นนั้นหรือ พวกท่านเคยทำสิ่งใดให้กับข้าบ้าง"

         "ไม่ใช่ความผิดของแม่เจ้าเช่นนั้นหรือ ถ้าแม่เจ้าไม่ฆ่าแม่ของข้า พวกเจ้าก็คงไม่ต้องมาทุกข์ยากเช่นนี้" อดีตพระชายาเผลอพูดออกมาก่อนจะหยุดตนเองได้ทัน

         "ท่านพี่! ท่านอย่าได้... อย่าได้บังอาจลบหลู่มารดาข้า" ซอฮยอนกล่าวด้วยน้ำเสียงน่ากลัว ฮวารยอนรู้ตัวว่าพูดเกินไปจึงรีบขอโทษ

         "เอ่อ ข้า... ข้าไม่"

         "เรื่องสมัยนั้นเราไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉะนั้นท่านพี่อย่าได้พูดจาเช่นนี้อีก" น้องสาวกล่าว "ท่านกลับไปเถิด ข้าไม่มีวันเข้าวัง ข้ามีความสุขดีพอกับสภาพที่เป็นอยู่แล้ว ได้โปรดอย่าหาเรื่องวุ่นวายมาให้เลย อีกอย่างข้ามิใช่บ่าวไพร่ที่ท่านจะมาหาเพื่อใช้งานอย่างไรตอนไหนก็ได้ ทว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ท่านกลับไปเสียเถิด ข้าต้องพักผ่อน เช้ามืดแม่ข้าก็จะกลับมาผลัดเวรให้ข้าไปดูแลฮูหยินแชต่อ"

         "พี่ไม่เคยมองเจ้าเป็นเฉกเช่นนั้นเลยนะน้องพี่ จริงอยู่ที่บ้านสกุลซินทำกับเจ้าหนักหนา ใหญ่หลวงเกินกว่าจะให้อภัย แต่พี่มองเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ มาโดยตลอด"

         นั่นเป็นเรื่องจริง ในอดีตฮวารยอนมักแอบมาหานางเพื่อพาไปเรียนหนังสือ ไปเที่ยวเล่นในแหล่งที่ชนชั้นต่ำไม่สามารถย่างกรายเข้าไปได้ ยามลำบากพี่สาวต่างมารดาคนนี้ก็จะแอบหาข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าอาภรณ์ อาหารการกินดีๆ รวมถึงเงินตรามาให้เสมอ จนในที่สุดใต้เท้าซินรับรู้เรื่องนี้จึงสั่งห้ามทั้งคู่พบกันอีกเป็นอันขาด

         "เรื่องที่พี่โดนพิษเจียนตาย เจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่เรื่องที่วอนขอให้เจ้าเข้าวัง ได้โปรดเถิด เวลานี้พี่อับจนหนทางมืดแปดด้าน เจ้าช่วยทำการนี้ให้พี่เถิด ถ้าเจ้าเข้าวังเป็นนางในมารดาเจ้าก็จะสุขสบายไปด้วย"

         "ท่านพูดเหมือนคนมิรู้กฎของราชสำนักฝ่ายใน นางกำนัลต้องเข้าวังเพื่อฝึกหัดตั้งแต่อายุห้าหกขวบด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าอายุสิบหก อย่างไรก็เป็นนางกำนัลไม่ได้นะเจ้าคะ" ซอฮยอนโต้ตอบ

         "มีนางกำนัลหลายคนเข้ารับการทดสอบเข้าวังตอนโตแล้วมากมาย แต่จะเข้าได้ในกรณีเดียวคือต้องมีผู้ใหญ่ในราชสำนักหนุนหลัง อุปถัมภ์ฝากฝัง ซึ่งบิดาเราทำให้ได้" พี่สาวต่างมารดาอธิบาย

         "เขาคือบิดาท่านพี่คนเดียว มิใช่บิดาข้า" ซอฮยอนแก้ 

         "ซอฮยอน เมื่อใดเจ้าจะหยุดโกรธท่านพ่อ--"

         "ไม่มีวันนั้นเจ้าค่ะ" 

         ทั้งคู่นิ่งเงียบไปอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก อดีตพระชายาก็ก้มหน้าและยอมรับความพ่ายแพ้ ท่าทางของน้องสาวตนอย่างไรก็ไม่มีวันทำตามคำขอของตน ฮวารยอนพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อจะสบตากับซอฮยอนหวังจะให้นางเห็นใจ ทว่านางก็ไม่หันมามองแม้เพียงนิด ยังคงนั่งหันข้างให้กับตนเองเช่นนั้น

         อดีตพระชายาลุกขึ้นยืนช้าๆ นางโอนเอนเล็กน้อยเมื่อพยายามทรงตัว ใบหน้าเศร้าโศกเหลือบมองน้องสาวตนเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเลื่อนประตูไม้กรุกระดาษเปิดออก นางหยุดยืนนิ่งอยู่

         "เจ้าใจดำนัก"

         พี่สาวต่างมารดาปิดประตูตามหลังและเดินออกจากบ้านไป ซอฮยอนยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น เวลาผ่านไปไม่นานนางก็รีบลุกขึ้นเปิดประตูและมองออกไป

         ภายนอกมืดสนิท ลมหนาวและละอองหิมะพัดโหมไปมา ไม่มีร่างพี่สาวตนเองยืนอยู่ นางกลับไปแล้ว ฝ่าหิมะกลับไปโดยที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากน้องสาวต่างมารดาเลยแม้เพียงนิด

         ความรู้สึกบางอย่างแล่นพรวดขึ้นมา ขอบตาร้อนผ่าวอย่างอธิบายไม่ได้ ซอฮยอนยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะปิดประตูตามเดิม รู้สึกใจหายอย่างแปลกประหลาด นางกลับเข้ามาในห้องเพื่อหลบลมหนาว หญิงสาวค่อยๆ นั่งลงก่อนจะเหลือบไปเห็นบางอย่าง

         จดหมายสามฉบับนั้นยังวางอยู่ พี่สาวต่างมารดาของนางลืมเอากลับไปด้วย

         หรือไม่ก็จงใจทิ้งไว้...

         ซอฮยอนรีบรวบรวมจดหมายทั้งสามไว้ในมือ ทำท่าจะวิ่งออกไปคืนให้เจ้าของ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าพี่สาวนางคงเดินไปไกลแล้วและไปทางไหนตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ ซอฮยอนนั่งคิดไปมา หรือจะรอตอนเช้าเพื่อไปคืนให้ที่บ้านสกุลคิม ความคิดอย่างหลังตกไปทันที ซอฮยอนไม่มีวันไปเหยียบบ้านนั่นให้คนในที่นั้นรวมถึงบิดาแท้ๆ ของตนมองอย่างเหยียดหยามแน่นอน

         แต่จดหมายสามฉบับนี้ก็มิใช่ของของนาง อีกทั้งยังมิใช่ธุระใดๆ ที่นางต้องรับรู้และแบกรับ

         ซอฮยอนจ่อซองจดหมายสีขาวเข้ากับเปลวไฟบนเชิงเทียนอย่างช้าๆ 

         ฉับพลันนางก็รีบดึงซองจดหมายออกให้ห่างจากเปลวไฟ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรซอฮยอนจึงทำเช่นนี้ หญิงสาวตัดสินใจเก็บจดหมายสามฉบับไว้ในอกเสื้อช้าๆ

         ซอฮยอนนั่งกอดเข่าผิงผนังบ้านพลางนึกทบทวนบทสนทนาที่คุยกับพี่สาวของตน ไม่นานความง่วงงุนก็เข้าครอบงำหญิงสาวจนนางค่อยๆ หลับไป

         



         เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่รู้ได้ ซอฮยอนสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ นางหลับไปกี่ชั่วยามแล้วหนอ หญิงสาวหันมองรอบตัวอย่างสะลึมสะลือ แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดเข้ามาในบ้าน เสียงไก่ขันดังขึ้นไม่ไกล

         "เช้าแล้วรึนี่" ซอฮยอนอุทานด้วยความตกใจพลางรีบลุกขึ้นเปิดประตูและเดินไปห้องของมารดา เหตุใดแม่นางกลับมาตอนเช้ามืดถึงไม่ปลุกนางกัน

         ทว่าห้องนอนของมารดาว่างเปล่า นางมิได้กลับมา...

         ซอฮยอนเดินกลับมาบริเวณหน้าบ้านด้วยความแปลกใจ ไม่แน่ว่ามารดานางอาจจะอยู่ดูแลฮูหยินแชต่ออีกหน่อยก็เป็นได้

         เสียงสะอื้นเบาๆ ดังขึ้น ซอฮยอนหยุดชะงักพลางเงี่ยหูฟัง เสียงปริศนาดังมาจากบริเวณรั้วต้นไม้หน้าบ้าน นางค่อยๆ เดินออกไปดู

         สตรีวัยกลางคนนั่งกอดเข่าพิงต้นไม้พลางยกมือปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก ศีรษะไว้คาเชลักษณะไม่ใหญ่มากพันรอบอยู่เพื่อให้ดูรู้ว่าแต่งงานแล้ว 

         "ท่านแม่!" ซอฮยอนร้องขึ้นด้วยความตกใจ "ท่านมาทำอะไรตรงนี้เจ้าคะ ทำไมไม่เข้าบ้าน แล้วนั่น... นั่นท่านร้องไห้อยู่หรือ"

         อนุภรรยาของใต้เท้าซินยืนขึ้นช้าๆ ดวงตาบวมแดงช้ำเพราะร้องไห้อย่างหนัก นางจับรั้วไม้เพื่อพยุงตัว ทั้งกายสั่นสะท้าน 

         "ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ" ผู้เป็นลูกสาวถามด้วยความงุนงง

         "ฮวารยอนพี่สาวเจ้า... พี่เจ้า สะ... เสียแล้วตอนเช้ามืด"




    โปรดติดตามตอนต่อไป



    เชิงอรรถ



    (1) กุงเนียว (บางตำราเรียก กุง-นยอ) หมายถึง นางกำนัล นางใน นางข้าหลวงในราชสำนัก เป็นคำเรียกรวมๆ อันหมายถึงสตรีที่ทำงานรับใช้เชื้อพระวงศ์ในวังหลวง




         
    (2) เซจาพิน หมายถึง ตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาท เป็นประมุขฝ่ายในส่วนเซจากุง (ฝ่ายในของรัชทายาท)

    (3) ประตูซอนิมมุน หมายถึง ประตูด้านข้างของพระราชวังชางคยอง ตามประวัติศาสตร์กล่าวกันว่าประตูนี้คือประตูที่ขนย้ายพระศพพระสนมเอกจางฮีพิน(จางอ๊กจอง)ออกไปจากวังหลวงหลังจากถูกประหารชีวิตด้วยการประทานยาพิษจากพระเจ้าซุกจง

         

         
         
         
         

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×