ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #60 : แมวที่หายไป [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      124
      1 ก.ค. 62

    ตอนที่ 60 แมวที่หายไป






         "นี่มันอะไรกันเนี่ย!" ซังกุงร้องออกมาก่อนจะเดินไปที่ประตูตำหนักด้วยความรวดเร็ว

         "องค์หญิง ทรงทำอะไรเพ--"

         ถ้วยหนาสีขาวใบหนึ่งลอยละลิ่วมายังซังกุงที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่ โชคดีที่นางก้มหลบทันมันจึงกระเด็นไปชนเสาไม้สีแดงด้านหลังแทนจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

         "องค์หญิง!"

         "ท่านก็ออกไปด้วย! ข้าอยากอยู่คนเดียว" เสียงองค์หญิงตะโกนออกมา

         "ไม่ได้นะเพคะ พระมเหสีมีรับสั่งให้หม่อมฉันคอยดูองค์หญิงไว้ตลอด ฉะนั้นหม่อมฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นเพคะ" ซังกุงตะโกนเข้าไป

         ถาดไม้ถูกโยนมาอีกรอบ แต่คราวนี้ซังกุงรู้ทันจึงรีบกระโดดหลบออกมาได้อย่างทันท่วงที

         "องค์หญิง เลิกทำเช่นนี้เสียทีเพคะ ไม่น่ารักเลยนะเพคะ"

         "หุบปาก แล้วก็ช่วยไล่พวกนางในหน้าตำหนักข้าออกไปให้หมดด้วย และถ้าหากยังมีผู้ใดมายุ่มย่ามคราวหน้าข้าจะไม่ใช้แค่น้ำแกง แต่จะเป็นน้ำเดือด!"

         ซังกุงหน้าซีด

         "ได้ยินแล้วก็รีบไปสิ" นางหันมาบอกทุกคนที่ยืนตะลึงงันอยู่

         บรรดานางในทั้งหลายก้มศีรษะก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางพลางพูดคุยถึงฤทธิ์อันเกรี้ยวกราดขององค์หญิงอย่างหวาดหวั่น แต่ทว่าซอฮยอนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

         "รีรออะไรทำไมยังไม่รีบไปอีก" ซังกุงเอ็ด

         "นายหญิงคือข้า--"

         "ไปให้พ้น องค์หญิงยังไม่อยากจะพบผู้ใดตอนนี้"

         "ข้าไม่ได้จะมาเข้าเฝ้าองค์หญิงนะเจ้าคะ"

         "แล้วเจ้ามาทำไม"

         "โบโมซังกุง(1)อยู่รึไม่เจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         ซังกุงชะงักไปเล็กน้อย

         "เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้ว่าโบโมซังกุงถูกขังอยู่เรือนจำฝ่ายใน"

         "อะไรนะเจ้าคะ!" หญิงสาวตกตะลึง

         "พระมเหสีทรงกริ้วนางมากที่เป็นถึงซังกุงพี่เลี้ยงแต่กลับหาสาเหตุการประชวรขององค์หญิงไม่พบจึงสั่งจองจำโบโมซังกุงไว้ในเรือนจำฝ่ายใน" ซังกุงบอก

         ซอฮยอนยืนอ้าปากค้าง แล้วทีนี้นางจะทำอย่างไรต่อไปดี องค์หญิงเองก็ไม่ยอมพบปะผู้ใด ส่วนคนที่น่าจะให้ที่มาที่ได้มากที่สุดก็ถูกจับขังไปเสียแล้ว

         "แล้วโบโมซังกุงถูกพวกขันทีคุมตัวอยู่ใช่รึไม่เจ้าคะ" นางถาม

         "ใช่" ซังกุงตอบ "แต่อย่าหวังนะว่าจะได้อะไรจากนาง โบโมซังกุงก็ไม่รู้อะไรพอๆ กับทุกคนนั่นแหละ" พูดจบซังกุงก็หันหลังเดินเข้าตำหนักไป

         ซอฮยอนครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน การที่องค์หญิงดายองไม่อยากเจอใครก็เท่ากับไม่ยอมรับการรักษาหรือไม่ก็มิอยากให้ผู้ใดล่วงรู้ถึงความลับในใจนาง โอกาสที่จะสืบความจากองค์หญิงนั้นจึงดับวูบไปโดยปริยาย ถ้าเช่นนั้นก็ต้องสืบจากโบโมซังกุงซึ่งใกล้ชิดกับดายองกงจูมากที่สุด ถึงแม้ว่านางอาจจะไม่รู้อะไรแต่มันเป็นความหวังเดียวที่ซอฮยอนจะเกาะยึดไว้








         คิมซังกุงเดินนำนางในคนหนึ่งมายังเรือนพักของตน เมื่อเปิดเข้ามาในห้องก็ปรากฏคิมเซจีและซงฮวันนั่งอยู่ก่อนแล้ว

         "นั่งลง" คิมซังกุงสั่ง นางในคนนั้นนั่งลงช้าๆ อย่างประหม่า

         "นางเป็นใครเจ้าคะ" ซงฮวันถามคิมซังกุง

         "นางชื่อโซยุน เป็นนางในชั้นต้นที่ประจำตำหนักองค์หญิงดายอง" ซังกุงรับบัญชาตอบ

         เซจีกับซงฮวันมองหน้ากัน

         "นายหญิง เจตนาท่านคือ..."

         "ใช่ เจ้าอยากจะหาสาเหตุการประชวรของดายองกงจูเพื่อเอาชนะองค์ชายยิมโฮไม่ใช่หรือ" คิมซังกุงถามเซจี

         "ใช่เจ้าค่ะ"

         "เช่นนั้นก็สืบจากนางนี่แหละ"

         คิมเซจีเหลือบมองหน้าโซยุน

         "เอ่อ ข้า... ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกนะ ความจริงไม่รู้อะไรเลยน่าจะถูกกว่า" โซยุนรีบพูด

         "วันที่พระมเหสีตำหนิองค์หญิง มีใครอยู่ในตำหนักบ้าง" คิมเซจีเริ่มถามคำถามแรก

         "ไม่มีหรอก พระมเหสีรับสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมดแม้แต่โบโมซังกุง" โซยุนเล่า

         "เช่นนั้นก็ไม่มีใครรู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเลยหรือ"

         "ใช่ ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องกับเสียงรื้อค้นข้าวของ"

         "อะไรนะ!" คิมซังกุงเอะใจ "เสียงกรีดร้องกับเสียงรื้อของรึ"

         "ใช่เจ้าค่ะนายหญิง"

         "องค์หญิงหรือที่กรีดร้อง"

         "น่าจะใช่เจ้าค่ะ"

         "แล้วของประเภทไหนที่ถูกรื้อค้น" เซจีถามต่อ

         "แทบทุกอย่างในตำหนัก ตั้งแต่เสื้อผ้าชุดทังอีจนไปถึงเครื่องประดับ" 

         เซจีทำท่าครุ่นคิด

         "ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ พระมเหสีถึงไปค้นข้าวของของนางเช่นนั้น ว่าแต่มีอะไรหายไปบ้าง" คิมซังกุงถาม

         "ไม่มีนะเจ้าคะ นอกจากแมว" 

         "แมวหรือ"

         "ใช่เจ้าค่ะ ตอนที่พระมเหสีตวาดองค์หญิงอย่างรุนแรง ข้าเห็นแมวทรงเลี้ยงขององค์หญิงวิ่งออกมาจากตำหนักเจ้าค่ะ แล้วตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครเห็นแมวตัวนั้นอีกเลย" 

         คิมซังกุงแอบสบตากับหลานสาวตัวเองอย่างเงียบๆ

         "แมวตัวนี้องค์หญิงทรงรักใคร่ผูกพันมากใช่รึไม่" เซจีถามอีก

         "ใช่ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่แมวตัวนี้ออกมาจากท้องแม่ บางทีแมวตัวนี้ป่วย องค์หญิงก็ทรงเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง"

         "เอาล่ะ" คิมซังกุงพูดขึ้น "หมดธุระแล้ว เจ้าออกไปได้"

         นางในโซยุนคำนับก่อนจะเดินย่อตัวออกไปจากเรือนพัก

         เมื่อเหลือกันอยู่สามคนคิมซังกุงก็รีบพูดทันที

         "ข้าเคยเห็นแมวตัวนั้น มันเป็นแมวสีน้ำตาลเพศเมีย อยู่กับองค์หญิงตลอด ข้าเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันหลุดหายไป"

         "นายหญิงคิดเหมือนข้ารึไม่เจ้าคะ" หลานสาวถาม

         คิมซังกุงยิ้มมุมปาก

         "ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง"






    [ต่อจาก 50%]





         เสียงร้องของบรรดาเป็ดไก่ดังลั่นอย่างตื่นกลัวเมื่อเห็นคนสองคนก้าวฉับๆ ผ่านเล้าเลี้ยงสัตว์ของวังหลวงไปอย่างเร่งรีบ เมื่อผ่านเล้าหมูมาได้คิมซังกุงก็เดินนำไปยังโรงเลี้ยงม้าที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่ง

         "นายหญิงพาข้ามาที่นี่ทำไมเจ้าคะ" คิมเซจีถาม

         "ตามมาเดี๋ยวก็รู้"

         คิมซังกุงเดินไปเคาะประตูโรงเลี้ยงม้าอยู่สองสามที สักพักประตูไม้ก็เปิดออกพร้อมปรากฏร่างของชายตัวใหญ่ผมเผ้ารุงรังสวมใส่เสื้อผ้าสกปรกยืนอยู่ กลิ่นมูลม้าและกลิ่นหญ้าโชยมาแตะจมูกของคิมเซจีจนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิด

         ซังกุงรับบัญชากระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับคนดูแลม้าอยู่สองสามประโยค ชายคนนั้นก็ได้แต่ก้มศีรษะตลอดเวลา ทั้งคู่สนทนากันไม่นานนักคนดูแลม้าก็ผลุบหายเข้าไปด้านใน

         "ที่นี่คือที่ไหนเจ้าคะ" คิมเซจีถามอีก

         "โรงเลี้ยงม้าของวังหลวง ช่างโชคดีนักที่ใต้เท้าคนดูแลไม่อยู่ อยู่แต่พวกคนงาน" คิมซังกุงตอบ

         "โชคดีเรื่องอะไรเจ้าคะ" เซจีสงสัย

         แล้วคำถามของนางก็ได้รับคำตอบ คนดูแลม้าเดินออกมาพร้อมกับอุ้มแมวตัวสีน้ำตาลเพศเมียในอ้อมแขน คิมซังกุงรับแมวตัวนั้นมาก่อนจะพยักหน้าให้คนดูแลม้า ชายผู้นั้นก้มศีรษะให้ก่อนจะเดินจากไป

         "ที่นี่เลี้ยงแมวด้วยหรือเจ้าคะ" เซจีถามเสียงสูง

         "ด้านหลังของโรงเลี้ยงม้ามีที่เลี้ยงแมวและสุนัขอยู่หลายตัว" คิมซังกุงกล่าวตอบหลานสาวตนเอง

         "ว่าแต่นายหญิง" เซจีก้มมองแมวในอ้อมแขนคิมซังกุง "นี่คือ..."

         "เหมือนกันมากใช่ไหม"

         "เหมือน? นายหญิงหมายถึงอะไรเจ้าคะ"

         "แมวตัวนี้อย่างไร เหมือนกับแมวขององค์หญิงมากใช่รึไม่"

         "นี่ไม่ใช่แมวขององค์หญิงหรอกหรือเจ้าคะ" เซจีอ้าปากค้าง 

         "ไม่ใช่ เจ้าคิดว่าข้าจะตามหาแมวที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนภายในเวลาสองวันได้อย่างไร ข้าไม่หาหรอก"

         "แล้วแมวตัวนี้..."

         "มันเป็นพี่น้องครอกเดียวกันกับแมวที่องค์หญิงดายองทรงเลี้ยงไว้ ที่สำคัญตัวนี้มีลักษณะที่คล้ายกับแมวขององค์หญิงดุจแฝด ทั้งรูปร่างหน้าตา สีขนรวมถึงลวดลายบนตัว" คิมซังกุงกล่าว

         "นายหญิง ท่านจะเอาแมวตัวอื่นไปหลอกองค์หญิงหรือเจ้าคะ"

         "เงียบนะ! ถ้าไม่ทำเช่นนี้จะให้ทำอย่างไร เจ้ามีวิธีดีกว่านี้หรือ"

         "แต่ว่า--"

         "ข้าเห็นแมวขององค์หญิงอยู่หลายหน และเมื่อเปรียบเทียบกับตัวนี้มันแทบจะไม่มีส่วนไหนแตกต่างกันเลยในสายตาข้า เอาจริงๆ ข้าแยกมันไม่ออกด้วยซ้ำ"

         "นายหญิง ท่านพูดในฐานะคนนอก องค์หญิงดายองเป็นเจ้าของและเลี้ยงแมวตัวนั้นมาตั้งแต่เกิด มีหรือเจ้าคะที่จะจำแมวขององค์เองไม่ได้แม้จะมีความคล้ายกับตัวนี้มากเพียงใดก็เถอะ เจ้าของสัตว์เลี้ยงย่อมรู้ดีเจ้าค่ะ มันไม่ได้มีแค่รูปร่างหน้าตาหรือพวกสีขน" เซจีคัดค้าน

         "เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่เมื่อใดหรือ" คิมซังกุงเหลือบตามอง

         "เปล่าเจ้าค่ะ แต่ว่า--"

         "ฉะนั้นก็จงหุบปากไว้ให้เงียบ องค์หญิงดายองมีพระชันษาแค่เก้าขวบ ไม่มีทางแยกออกแน่"

         "นายหญิง เก้าขวบนี่ก็รู้เรื่องแล้วนะเจ้าคะ"

         "เอ๊ะเจ้านี่อย่างไร อยากจะเอาชนะองค์ชายยิมโฮนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงเอาแต่กลัวโน่นกลัวนี่" คิมซังกุงดุ

         "ข้าไม่ได้กลัว แต่สิ่งที่ท่านกำลังทำคือการหลอกลวงเบื้องสูงนะเจ้าคะ"

         "แล้วเจ้ามีปัญญาหาแมวตัวจริงมาให้องค์หญิงดายองได้หรือ"

         "ข้าไม่รับรองเจ้าค่ะแต่ก็ต้องลองหาดูก่อน"

         "เหลวไหล หากมัวทำเช่นนั้นเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์"

         คิมเซจียังคงมีสีหน้าวิตกกังวล

         "นายหญิง ทำไมไม่คิดบ้างเล่าเจ้าคะถ้าหากเอาแมวตัวปลอมไปถวาย แล้วมีคนนำตัวจริงมาภายหลัง เราจะไม่ต้องโทษหรือ"

         "ก็บอกไปสิว่าแมวมันคล้ายกันมากจนนึกว่าตัวเดียวกัน"

         "ท่านพูดก็พูดง่ายน่ะสิ"

         "เจ้านี่เรื่องมากนักนะ" คิมซังกุงเริ่มอารมณ์เสีย

         "ข้าแค่ยังไม่มั่นใจน่ะเจ้าค่ะ" เซจีพูดเสียงแผ่ว

         "ไม่มั่นใจอันใดรึ"

         "ที่องค์หญิงทรงเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะแมวหายจริงรึเปล่าก็ไม่รู้"

         คิมซังกุงถอนหายใจ

         "แล้วจะมีสาเหตุใดอีกเล่า ไม่มีแล้ว ไป รีบนำเจ้านี่ไปอาบน้ำชำระความสกปรกให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยนำไปถวายองค์หญิง"

         คิมซังกุงเดินนำหน้าหลานสาวตัวเองออกไปจากโรงเลี้ยงสัตว์ของวังหลวง ทิ้งให้คิมเซจียืนมองตามหลังไปด้วยความไม่สบายใจ










         "เยี่ยมได้แต่ห้ามนาน อย่าทำอะไรที่ส่อถึงอาการพิรุธหรือน่าสงสัย และถ้าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ข้าจะจับเจ้าด้วยอีกคน เข้าใจรึไม่!" ขันทีในชุดสีเขียวหน้าดุพูดกับซอฮยอนเมื่อนางมาขออนุญาตเข้าเยี่ยมโบโมซังกุงที่เรือนจำฝ่ายใน

         "เจ้าค่ะ" ซอฮยอนรับคำพลางก้มศีรษะ

         ขันทีเปิดประตูไม้ช้าๆ  พลางพยักหน้าให้นางเข้าไปได้ หญิงสาวรีบก้าวเข้าไปทันที

         "อย่านานล่ะ" ขันทีสำทับอีกรอบ

         ในห้องปรากฏโต๊ะไม้ยาวที่ไร้ผ้าปูตั้งอยู่ใจกลาง มีเก้าอี้วางอยู่เป็นระยะดุจห้องไต่สวนความผิด แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามานั้นค่อนข้างริบหรี่ ซอฮยอนคิดในใจว่าการที่พาตัวนางข้าหลวงระดับซังกุงมาขังไว้ที่นี่ด้วยข้อหาเพียงแค่หาสาเหตุในอาการแปลกประหลาดขององค์หญิงไม่พบรู้สึกว่ามันออกจะเกินไปหน่อย

         โบโมซังกุงเป็นซังกุงวัยเดียวกับเชวซังกุง เว้นแต่ว่ามีความเจ้าเนื้อและดูมีมนุษยสัมพันธ์ดี นางนั่งอยู่มุมห้องก่อนที่จะเงยหน้าเมื่อเห็นซอฮยอนเดินเข้ามาหา

         "เจ้าเป็นใคร"

         "ข้าชื่อซอฮยอนเจ้าค่ะ เป็นแนอินห้องเขียนหนังสือและจดบันทึกสังกัดกองงานวรรณกรรม"

         "แนอินหรือ" โบโมซังกุงทวนคำพลางหรี่ตามอง "แนอินห้องเขียนหนังสือมาหาข้าเพื่ออะไร"

         "ความจริงคือข้ามาเพราะ..."

         "อ๋อ" โบโมซังกุงทำหน้าเข้าใจ "ข้ารู้แล้ว เจ้ามาหาข้าเพราะเรื่ององค์หญิงดายองใช่รึไม่"

         "ใช่เจ้าค่ะนายหญิง"

         "เหอะ วันนี้มีนางในมาหาข้าหลายคนทีเดียว แต่ข้าจะบอกแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือพวกเจ้ามาเสียเที่ยวแล้ว"

         "หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ"

         "ก็หมายความว่าข้าไม่รู้อะไรเลยอย่างไรเล่า แต่ใช่ว่าข้าจะไม่พยายามหาสาเหตุนะ ข้าทำเต็มที่แล้ว เฝ้าเพียรถามองค์หญิงก็แล้วแต่นางไม่เคยตรัสอันใดออกมาเลยสักครั้ง พระมเหสีนี่ก็กระไร จับข้าขังโดยไม่ฟังเหตุผลสักนิด"

         "ถ้าองค์หญิงทรงหายดี ท่านจะได้ออกจากที่นี่รึไม่เจ้าคะ" ซอฮยอนถาม

         "ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น"

         "เช่นนั้นนายหญิงก็ต้องบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่ข้า เพื่อข้าจะได้ช่วยท่านด้วย"

         "นี่เจ้าความจำสั้นรึ" โบโมซังกุงพูดเสียงห้วน "ข้าเพิ่งบอกไปนะว่าไม่รู้อะไรเลย วันที่พระมเหสีทรงกริ้วใส่องค์หญิงก็ไม่มีใครล่วงรู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์ด้านในเกิดอะไรขึ้นบ้าง"

         "นายหญิง" ซอฮยอนพูดพลางนั่งหลังตรง "ท่านเป็นซังกุงพี่เลี้ยงของดายองกงจูมานาน ท่านลองตรึกตรองดูดีๆ เจ้าค่ะว่าวันนั้นมันมีอะไรกันแน่ ท่านลองนึกทวนความทรงจำวันนั้น รายละเอียดทุกอย่าง พฤติกรรมก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้น ท่านลองทบทวนดูอีกทีได้ไหมเจ้าคะ"

         โบโมซังกุงเงียบไป

         "แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะไม่สำคัญ ท่านก็ลองรวบรวมมันขึ้นมาอีกทีหนึ่งและเล่าให้ข้าฟังได้ไหมเจ้าคะ เพื่อตัวท่านเองด้วย เพราะถ้าหากล่วงเลยพ้นสองวัน พระมเหสีคงปลดท่านแน่" ซอฮยอนพูด

         ซังกุงพี่เลี้ยงประจำตัวดายองกงจูหลับตาลงชั่วครู่ สักพักนางก็ลืมตาขึ้นก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย

         "ก็ได้ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง"








    โปรดติดตามตอนต่อไป



         


    เชิงอรรถ


    (1) โบโมซังกุง หมายถึง ซังกุงพี่เลี้ยง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×