ลำดับตอนที่ #60
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #60 : แมวที่หายไป [100%]
ตอนที่ 60 แมวที่หายไป
"นี่มันอะไรกันเนี่ย!" ซังกุงร้องออกมาก่อนจะเดินไปที่ประตูตำหนักด้วยความรวดเร็ว
"องค์หญิง ทรงทำอะไรเพ--"
ถ้วยหนาสีขาวใบหนึ่งลอยละลิ่วมายังซังกุงที่กำลังยืนตกตะลึงอยู่ โชคดีที่นางก้มหลบทันมันจึงกระเด็นไปชนเสาไม้สีแดงด้านหลังแทนจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
"องค์หญิง!"
"ท่านก็ออกไปด้วย! ข้าอยากอยู่คนเดียว" เสียงองค์หญิงตะโกนออกมา
"ไม่ได้นะเพคะ พระมเหสีมีรับสั่งให้หม่อมฉันคอยดูองค์หญิงไว้ตลอด ฉะนั้นหม่อมฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นเพคะ" ซังกุงตะโกนเข้าไป
ถาดไม้ถูกโยนมาอีกรอบ แต่คราวนี้ซังกุงรู้ทันจึงรีบกระโดดหลบออกมาได้อย่างทันท่วงที
"องค์หญิง เลิกทำเช่นนี้เสียทีเพคะ ไม่น่ารักเลยนะเพคะ"
"หุบปาก แล้วก็ช่วยไล่พวกนางในหน้าตำหนักข้าออกไปให้หมดด้วย และถ้าหากยังมีผู้ใดมายุ่มย่ามคราวหน้าข้าจะไม่ใช้แค่น้ำแกง แต่จะเป็นน้ำเดือด!"
ซังกุงหน้าซีด
"ได้ยินแล้วก็รีบไปสิ" นางหันมาบอกทุกคนที่ยืนตะลึงงันอยู่
บรรดานางในทั้งหลายก้มศีรษะก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางพลางพูดคุยถึงฤทธิ์อันเกรี้ยวกราดขององค์หญิงอย่างหวาดหวั่น แต่ทว่าซอฮยอนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
"รีรออะไรทำไมยังไม่รีบไปอีก" ซังกุงเอ็ด
"นายหญิงคือข้า--"
"ไปให้พ้น องค์หญิงยังไม่อยากจะพบผู้ใดตอนนี้"
"ข้าไม่ได้จะมาเข้าเฝ้าองค์หญิงนะเจ้าคะ"
"แล้วเจ้ามาทำไม"
"โบโมซังกุง(1)อยู่รึไม่เจ้าคะ" ซอฮยอนถาม
ซังกุงชะงักไปเล็กน้อย
"เจ้าไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้ว่าโบโมซังกุงถูกขังอยู่เรือนจำฝ่ายใน"
"อะไรนะเจ้าคะ!" หญิงสาวตกตะลึง
"พระมเหสีทรงกริ้วนางมากที่เป็นถึงซังกุงพี่เลี้ยงแต่กลับหาสาเหตุการประชวรขององค์หญิงไม่พบจึงสั่งจองจำโบโมซังกุงไว้ในเรือนจำฝ่ายใน" ซังกุงบอก
ซอฮยอนยืนอ้าปากค้าง แล้วทีนี้นางจะทำอย่างไรต่อไปดี องค์หญิงเองก็ไม่ยอมพบปะผู้ใด ส่วนคนที่น่าจะให้ที่มาที่ได้มากที่สุดก็ถูกจับขังไปเสียแล้ว
"แล้วโบโมซังกุงถูกพวกขันทีคุมตัวอยู่ใช่รึไม่เจ้าคะ" นางถาม
"ใช่" ซังกุงตอบ "แต่อย่าหวังนะว่าจะได้อะไรจากนาง โบโมซังกุงก็ไม่รู้อะไรพอๆ กับทุกคนนั่นแหละ" พูดจบซังกุงก็หันหลังเดินเข้าตำหนักไป
ซอฮยอนครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน การที่องค์หญิงดายองไม่อยากเจอใครก็เท่ากับไม่ยอมรับการรักษาหรือไม่ก็มิอยากให้ผู้ใดล่วงรู้ถึงความลับในใจนาง โอกาสที่จะสืบความจากองค์หญิงนั้นจึงดับวูบไปโดยปริยาย ถ้าเช่นนั้นก็ต้องสืบจากโบโมซังกุงซึ่งใกล้ชิดกับดายองกงจูมากที่สุด ถึงแม้ว่านางอาจจะไม่รู้อะไรแต่มันเป็นความหวังเดียวที่ซอฮยอนจะเกาะยึดไว้
คิมซังกุงเดินนำนางในคนหนึ่งมายังเรือนพักของตน เมื่อเปิดเข้ามาในห้องก็ปรากฏคิมเซจีและซงฮวันนั่งอยู่ก่อนแล้ว
"นั่งลง" คิมซังกุงสั่ง นางในคนนั้นนั่งลงช้าๆ อย่างประหม่า
"นางเป็นใครเจ้าคะ" ซงฮวันถามคิมซังกุง
"นางชื่อโซยุน เป็นนางในชั้นต้นที่ประจำตำหนักองค์หญิงดายอง" ซังกุงรับบัญชาตอบ
เซจีกับซงฮวันมองหน้ากัน
"นายหญิง เจตนาท่านคือ..."
"ใช่ เจ้าอยากจะหาสาเหตุการประชวรของดายองกงจูเพื่อเอาชนะองค์ชายยิมโฮไม่ใช่หรือ" คิมซังกุงถามเซจี
"ใช่เจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นก็สืบจากนางนี่แหละ"
คิมเซจีเหลือบมองหน้าโซยุน
"เอ่อ ข้า... ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกนะ ความจริงไม่รู้อะไรเลยน่าจะถูกกว่า" โซยุนรีบพูด
"วันที่พระมเหสีตำหนิองค์หญิง มีใครอยู่ในตำหนักบ้าง" คิมเซจีเริ่มถามคำถามแรก
"ไม่มีหรอก พระมเหสีรับสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมดแม้แต่โบโมซังกุง" โซยุนเล่า
"เช่นนั้นก็ไม่มีใครรู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเลยหรือ"
"ใช่ ได้ยินแต่เสียงกรีดร้องกับเสียงรื้อค้นข้าวของ"
"อะไรนะ!" คิมซังกุงเอะใจ "เสียงกรีดร้องกับเสียงรื้อของรึ"
"ใช่เจ้าค่ะนายหญิง"
"องค์หญิงหรือที่กรีดร้อง"
"น่าจะใช่เจ้าค่ะ"
"แล้วของประเภทไหนที่ถูกรื้อค้น" เซจีถามต่อ
"แทบทุกอย่างในตำหนัก ตั้งแต่เสื้อผ้าชุดทังอีจนไปถึงเครื่องประดับ"
เซจีทำท่าครุ่นคิด
"ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ พระมเหสีถึงไปค้นข้าวของของนางเช่นนั้น ว่าแต่มีอะไรหายไปบ้าง" คิมซังกุงถาม
"ไม่มีนะเจ้าคะ นอกจากแมว"
"แมวหรือ"
"ใช่เจ้าค่ะ ตอนที่พระมเหสีตวาดองค์หญิงอย่างรุนแรง ข้าเห็นแมวทรงเลี้ยงขององค์หญิงวิ่งออกมาจากตำหนักเจ้าค่ะ แล้วตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครเห็นแมวตัวนั้นอีกเลย"
คิมซังกุงแอบสบตากับหลานสาวตัวเองอย่างเงียบๆ
"แมวตัวนี้องค์หญิงทรงรักใคร่ผูกพันมากใช่รึไม่" เซจีถามอีก
"ใช่ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่แมวตัวนี้ออกมาจากท้องแม่ บางทีแมวตัวนี้ป่วย องค์หญิงก็ทรงเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง"
"เอาล่ะ" คิมซังกุงพูดขึ้น "หมดธุระแล้ว เจ้าออกไปได้"
นางในโซยุนคำนับก่อนจะเดินย่อตัวออกไปจากเรือนพัก
เมื่อเหลือกันอยู่สามคนคิมซังกุงก็รีบพูดทันที
"ข้าเคยเห็นแมวตัวนั้น มันเป็นแมวสีน้ำตาลเพศเมีย อยู่กับองค์หญิงตลอด ข้าเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันหลุดหายไป"
"นายหญิงคิดเหมือนข้ารึไม่เจ้าคะ" หลานสาวถาม
คิมซังกุงยิ้มมุมปาก
"ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง"
[ต่อจาก 50%]
เสียงร้องของบรรดาเป็ดไก่ดังลั่นอย่างตื่นกลัวเมื่อเห็นคนสองคนก้าวฉับๆ ผ่านเล้าเลี้ยงสัตว์ของวังหลวงไปอย่างเร่งรีบ เมื่อผ่านเล้าหมูมาได้คิมซังกุงก็เดินนำไปยังโรงเลี้ยงม้าที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่ง
"นายหญิงพาข้ามาที่นี่ทำไมเจ้าคะ" คิมเซจีถาม
"ตามมาเดี๋ยวก็รู้"
คิมซังกุงเดินไปเคาะประตูโรงเลี้ยงม้าอยู่สองสามที สักพักประตูไม้ก็เปิดออกพร้อมปรากฏร่างของชายตัวใหญ่ผมเผ้ารุงรังสวมใส่เสื้อผ้าสกปรกยืนอยู่ กลิ่นมูลม้าและกลิ่นหญ้าโชยมาแตะจมูกของคิมเซจีจนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิด
ซังกุงรับบัญชากระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับคนดูแลม้าอยู่สองสามประโยค ชายคนนั้นก็ได้แต่ก้มศีรษะตลอดเวลา ทั้งคู่สนทนากันไม่นานนักคนดูแลม้าก็ผลุบหายเข้าไปด้านใน
"ที่นี่คือที่ไหนเจ้าคะ" คิมเซจีถามอีก
"โรงเลี้ยงม้าของวังหลวง ช่างโชคดีนักที่ใต้เท้าคนดูแลไม่อยู่ อยู่แต่พวกคนงาน" คิมซังกุงตอบ
"โชคดีเรื่องอะไรเจ้าคะ" เซจีสงสัย
แล้วคำถามของนางก็ได้รับคำตอบ คนดูแลม้าเดินออกมาพร้อมกับอุ้มแมวตัวสีน้ำตาลเพศเมียในอ้อมแขน คิมซังกุงรับแมวตัวนั้นมาก่อนจะพยักหน้าให้คนดูแลม้า ชายผู้นั้นก้มศีรษะให้ก่อนจะเดินจากไป
"ที่นี่เลี้ยงแมวด้วยหรือเจ้าคะ" เซจีถามเสียงสูง
"ด้านหลังของโรงเลี้ยงม้ามีที่เลี้ยงแมวและสุนัขอยู่หลายตัว" คิมซังกุงกล่าวตอบหลานสาวตนเอง
"ว่าแต่นายหญิง" เซจีก้มมองแมวในอ้อมแขนคิมซังกุง "นี่คือ..."
"เหมือนกันมากใช่ไหม"
"เหมือน? นายหญิงหมายถึงอะไรเจ้าคะ"
"แมวตัวนี้อย่างไร เหมือนกับแมวขององค์หญิงมากใช่รึไม่"
"นี่ไม่ใช่แมวขององค์หญิงหรอกหรือเจ้าคะ" เซจีอ้าปากค้าง
"ไม่ใช่ เจ้าคิดว่าข้าจะตามหาแมวที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนภายในเวลาสองวันได้อย่างไร ข้าไม่หาหรอก"
"แล้วแมวตัวนี้..."
"มันเป็นพี่น้องครอกเดียวกันกับแมวที่องค์หญิงดายองทรงเลี้ยงไว้ ที่สำคัญตัวนี้มีลักษณะที่คล้ายกับแมวขององค์หญิงดุจแฝด ทั้งรูปร่างหน้าตา สีขนรวมถึงลวดลายบนตัว" คิมซังกุงกล่าว
"นายหญิง ท่านจะเอาแมวตัวอื่นไปหลอกองค์หญิงหรือเจ้าคะ"
"เงียบนะ! ถ้าไม่ทำเช่นนี้จะให้ทำอย่างไร เจ้ามีวิธีดีกว่านี้หรือ"
"แต่ว่า--"
"ข้าเห็นแมวขององค์หญิงอยู่หลายหน และเมื่อเปรียบเทียบกับตัวนี้มันแทบจะไม่มีส่วนไหนแตกต่างกันเลยในสายตาข้า เอาจริงๆ ข้าแยกมันไม่ออกด้วยซ้ำ"
"นายหญิง ท่านพูดในฐานะคนนอก องค์หญิงดายองเป็นเจ้าของและเลี้ยงแมวตัวนั้นมาตั้งแต่เกิด มีหรือเจ้าคะที่จะจำแมวขององค์เองไม่ได้แม้จะมีความคล้ายกับตัวนี้มากเพียงใดก็เถอะ เจ้าของสัตว์เลี้ยงย่อมรู้ดีเจ้าค่ะ มันไม่ได้มีแค่รูปร่างหน้าตาหรือพวกสีขน" เซจีคัดค้าน
"เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่เมื่อใดหรือ" คิมซังกุงเหลือบตามอง
"เปล่าเจ้าค่ะ แต่ว่า--"
"ฉะนั้นก็จงหุบปากไว้ให้เงียบ องค์หญิงดายองมีพระชันษาแค่เก้าขวบ ไม่มีทางแยกออกแน่"
"นายหญิง เก้าขวบนี่ก็รู้เรื่องแล้วนะเจ้าคะ"
"เอ๊ะเจ้านี่อย่างไร อยากจะเอาชนะองค์ชายยิมโฮนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงเอาแต่กลัวโน่นกลัวนี่" คิมซังกุงดุ
"ข้าไม่ได้กลัว แต่สิ่งที่ท่านกำลังทำคือการหลอกลวงเบื้องสูงนะเจ้าคะ"
"แล้วเจ้ามีปัญญาหาแมวตัวจริงมาให้องค์หญิงดายองได้หรือ"
"ข้าไม่รับรองเจ้าค่ะแต่ก็ต้องลองหาดูก่อน"
"เหลวไหล หากมัวทำเช่นนั้นเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์"
คิมเซจียังคงมีสีหน้าวิตกกังวล
"นายหญิง ทำไมไม่คิดบ้างเล่าเจ้าคะถ้าหากเอาแมวตัวปลอมไปถวาย แล้วมีคนนำตัวจริงมาภายหลัง เราจะไม่ต้องโทษหรือ"
"ก็บอกไปสิว่าแมวมันคล้ายกันมากจนนึกว่าตัวเดียวกัน"
"ท่านพูดก็พูดง่ายน่ะสิ"
"เจ้านี่เรื่องมากนักนะ" คิมซังกุงเริ่มอารมณ์เสีย
"ข้าแค่ยังไม่มั่นใจน่ะเจ้าค่ะ" เซจีพูดเสียงแผ่ว
"ไม่มั่นใจอันใดรึ"
"ที่องค์หญิงทรงเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะแมวหายจริงรึเปล่าก็ไม่รู้"
คิมซังกุงถอนหายใจ
"แล้วจะมีสาเหตุใดอีกเล่า ไม่มีแล้ว ไป รีบนำเจ้านี่ไปอาบน้ำชำระความสกปรกให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยนำไปถวายองค์หญิง"
คิมซังกุงเดินนำหน้าหลานสาวตัวเองออกไปจากโรงเลี้ยงสัตว์ของวังหลวง ทิ้งให้คิมเซจียืนมองตามหลังไปด้วยความไม่สบายใจ
"เยี่ยมได้แต่ห้ามนาน อย่าทำอะไรที่ส่อถึงอาการพิรุธหรือน่าสงสัย และถ้าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ข้าจะจับเจ้าด้วยอีกคน เข้าใจรึไม่!" ขันทีในชุดสีเขียวหน้าดุพูดกับซอฮยอนเมื่อนางมาขออนุญาตเข้าเยี่ยมโบโมซังกุงที่เรือนจำฝ่ายใน
"เจ้าค่ะ" ซอฮยอนรับคำพลางก้มศีรษะ
ขันทีเปิดประตูไม้ช้าๆ พลางพยักหน้าให้นางเข้าไปได้ หญิงสาวรีบก้าวเข้าไปทันที
"อย่านานล่ะ" ขันทีสำทับอีกรอบ
ในห้องปรากฏโต๊ะไม้ยาวที่ไร้ผ้าปูตั้งอยู่ใจกลาง มีเก้าอี้วางอยู่เป็นระยะดุจห้องไต่สวนความผิด แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามานั้นค่อนข้างริบหรี่ ซอฮยอนคิดในใจว่าการที่พาตัวนางข้าหลวงระดับซังกุงมาขังไว้ที่นี่ด้วยข้อหาเพียงแค่หาสาเหตุในอาการแปลกประหลาดขององค์หญิงไม่พบรู้สึกว่ามันออกจะเกินไปหน่อย
โบโมซังกุงเป็นซังกุงวัยเดียวกับเชวซังกุง เว้นแต่ว่ามีความเจ้าเนื้อและดูมีมนุษยสัมพันธ์ดี นางนั่งอยู่มุมห้องก่อนที่จะเงยหน้าเมื่อเห็นซอฮยอนเดินเข้ามาหา
"เจ้าเป็นใคร"
"ข้าชื่อซอฮยอนเจ้าค่ะ เป็นแนอินห้องเขียนหนังสือและจดบันทึกสังกัดกองงานวรรณกรรม"
"แนอินหรือ" โบโมซังกุงทวนคำพลางหรี่ตามอง "แนอินห้องเขียนหนังสือมาหาข้าเพื่ออะไร"
"ความจริงคือข้ามาเพราะ..."
"อ๋อ" โบโมซังกุงทำหน้าเข้าใจ "ข้ารู้แล้ว เจ้ามาหาข้าเพราะเรื่ององค์หญิงดายองใช่รึไม่"
"ใช่เจ้าค่ะนายหญิง"
"เหอะ วันนี้มีนางในมาหาข้าหลายคนทีเดียว แต่ข้าจะบอกแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือพวกเจ้ามาเสียเที่ยวแล้ว"
"หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ"
"ก็หมายความว่าข้าไม่รู้อะไรเลยอย่างไรเล่า แต่ใช่ว่าข้าจะไม่พยายามหาสาเหตุนะ ข้าทำเต็มที่แล้ว เฝ้าเพียรถามองค์หญิงก็แล้วแต่นางไม่เคยตรัสอันใดออกมาเลยสักครั้ง พระมเหสีนี่ก็กระไร จับข้าขังโดยไม่ฟังเหตุผลสักนิด"
"ถ้าองค์หญิงทรงหายดี ท่านจะได้ออกจากที่นี่รึไม่เจ้าคะ" ซอฮยอนถาม
"ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น"
"เช่นนั้นนายหญิงก็ต้องบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่ข้า เพื่อข้าจะได้ช่วยท่านด้วย"
"นี่เจ้าความจำสั้นรึ" โบโมซังกุงพูดเสียงห้วน "ข้าเพิ่งบอกไปนะว่าไม่รู้อะไรเลย วันที่พระมเหสีทรงกริ้วใส่องค์หญิงก็ไม่มีใครล่วงรู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์ด้านในเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"นายหญิง" ซอฮยอนพูดพลางนั่งหลังตรง "ท่านเป็นซังกุงพี่เลี้ยงของดายองกงจูมานาน ท่านลองตรึกตรองดูดีๆ เจ้าค่ะว่าวันนั้นมันมีอะไรกันแน่ ท่านลองนึกทวนความทรงจำวันนั้น รายละเอียดทุกอย่าง พฤติกรรมก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้น ท่านลองทบทวนดูอีกทีได้ไหมเจ้าคะ"
โบโมซังกุงเงียบไป
"แม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะไม่สำคัญ ท่านก็ลองรวบรวมมันขึ้นมาอีกทีหนึ่งและเล่าให้ข้าฟังได้ไหมเจ้าคะ เพื่อตัวท่านเองด้วย เพราะถ้าหากล่วงเลยพ้นสองวัน พระมเหสีคงปลดท่านแน่" ซอฮยอนพูด
ซังกุงพี่เลี้ยงประจำตัวดายองกงจูหลับตาลงชั่วครู่ สักพักนางก็ลืมตาขึ้นก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย
"ก็ได้ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เชิงอรรถ
(1) โบโมซังกุง หมายถึง ซังกุงพี่เลี้ยง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น