ลำดับตอนที่ #59
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : คำขอร้องของมุนจองนัม [100%]
ตอนที่ 59 คำขอร้องของมุนจองนัม
นางกำนัลห้องเขียนหนังสือพากันทยอยเดินกลับมาถึงกองงานวรรณกรรม ต่างคนต่างพูดคุยถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาจากองค์ชายกันอย่างออกรส บางคนคาดการณ์โรคที่องค์หญิงเป็นราวกับว่าตนเองเป็นหมอหลวงหญิงฉะนั้น
เชวซังกุงยืนอยู่หน้าประตูราวกับกำลังรอใครบางคนและเมื่อซอฮยอนเดินมาพร้อมกับซุนฮวา นางก็ก้าวเข้ามายืนขวางทางทั้งคู่อย่างรวดเร็ว
"เอ่อ นายหญิง มีอะไรหรือเจ้าคะ" ซุนฮวาถาม ซงฮวันที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดกึกพลางเงี่ยหูฟัง
เชวซังกุงหันไปมอง
"หยุดทำไม เดินต่อไปสิ" นางพูด ซงฮวันชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไปอย่างเสียอารมณ์ เชวซังกุงหันกลับมามองซอฮยอน
"ใต้เท้ามุนยองนัมเรียกเจ้าไปพบที่ห้องทำงาน"
"มีอะไรหรือเจ้าคะ" ซอฮนอนสงสัย
"ข้าไม่รู้ เจ้าไปหาเขาเดี๋ยวก็รู้เอง"
ซอฮยอนก้มศีรษะ ซุนฮวาขยับตัวทำท่าจะเดินตาม
"ซอฮยอนคนเดียว คนอื่นไปที่เรือนชางวีตามเดิม" เชวซังกุงสั่ง ซุนฮวาคอตกก่อนจะเดินตามซงฮวันไป
ซอฮยอนเดินแยกไปจากกลุ่มของนางกำนัลและมุ่งไปที่ส่วนทำงานของเหล่าใต้เท้าในกองงานวรรณกรรม ห้องทำงานของใต้เท้าจะอยู่กึ่งกลางและยกพื้นสูงกว่าเรือนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
"ใต้เท้า ข้าซอฮยอนเจ้าค่ะ" หญิงสาวยืนอยู่หน้าประตูพลางกล่าวเสียงดัง
"เข้ามาได้"
ซอฮยอนเดินเข้ามาในห้องทำงานของใต้เท้ามุน หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นตู้ไม้สำหรับวางหนังสือเป็นตั้งๆ หลายเล่มที่หนาหนักและมีสีสันแตกต่างอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต มุมห้องด้านหนึ่งเป็นกระดาษแผ่นใหญ่เปรียบเทียบอักษรจีนและอักษรฮันกึล ส่วนอีกด้านเป็นรูปวาดชั้นเอกของจิตรกรในกองงานวรรณกรรม
"นั่งลงสิ" ใต้เท้ามุนบอก ซอฮยอนนั่งช้าๆ
"ใต้เท้ามีอะไรหรือเจ้าคะ"
"เจ้ารู้เรื่ององค์หญิงดายองแล้วใช่รึไม่"
"เจ้าค่ะ"
"เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้"
"ใต้เท้าหมายถึงอะไรเจ้าคะ"
"ข้าอยากรู้ความเห็นเจ้า" หัวหน้ากองงานวรรณกรรมถาม
"ข้า... ข้าไม่มีความเห็นหรอกเจ้าค่ะ"
"มีสิ เจ้ามี" ใต้เท้ามุนกล่าวพลางปิดตำราบนโต๊ะและจ้องหน้าซอฮยอนตรงๆ "แล้วจำเป็นต้องมีด้วย"
"ใต้เท้าข้าไม่เข้าใจ"
"เจ้ารู้รับสั่งพระมเหสีใช่รึไม่ ที่ว่าหากล่วงเลยสองวัน บางส่วนงานของนางในจะถูกยุบทันที"
"รู้เจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นเจ้ารู้รึไม่ว่าหนึ่งในนั้นคือห้องเขียนหนังสือ"
"อะไรนะเจ้าคะ!" ซอฮยอนตกตะลึง "ใต้... ใต้เท้ารู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่ากองงานของเราอยู่ในข่ายที่อาจจะโดนยุบ"
"ถึงข้าจะอายุไม่มากแต่ก็รู้เห็นถึงความสำคัญในส่วนต่างๆ ของวังหลวงมากพอสมควร เจ้าลองคิดดู ห้องเครื่องเสวย ห้องเย็บปัก ห้องซักล้างหรือแม้แต่กองงานพิธีการ เมื่อเทียบกับห้องเขียนหนังสือส่วนใดจะสำคัญน้อยกว่ากัน" ใต้เท้ามุนยองนัมถาม
ซอฮยอนนิ่งไปสักพัก
"ห้องเขียนหนังสือเจ้าค่ะ"
"ใช่" ใต้เท้าพูดเสียงดัง "พระมเหสีไม่มีวันยุบห้องเครื่องหรือห้องเย็บปักแน่นอน ส่วนห้องซักล้างหรือทำความสะอาดไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนทำ กองงานพิธีการยิ่งไม่มีทางเพราะฝ่าบาทไม่ยอมแน่ เช่นนั้นเจ้าคิดว่ากองงานใดที่จะโดน กองงานของเรานี่อย่างไรเล่า"
"แต่ว่าใต้เท้าเจ้าคะ ถึงความสำคัญเราจะน้อยกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความจำเป็นนี่เจ้าคะ"
"นั่นก็ถูก แต่สิ่งที่ข้าคิดคือกองงานวรรณกรรมจะถูกลดส่วนออกให้ไม่มีนางในทำงานอยู่เลย และให้ผู้ชายที่เป็นบัณฑิตมาทำงานแทน"
ซอฮยอนอ้าปากค้าง
"นี่คือสิ่งที่ข้าจะบอก ซอฮยอน ในสายพระเนตรพระมเหสีย่อมมองว่าผู้ชายทำงานแทนผู้หญิงได้อยู่แล้ว การยุบนางในออกไปจึงเป็นการลดเบี้ยเลี้ยงอีกทางด้วย และที่ข้าเคยได้ยินว่าพระมเหสีก็เคยมีพระดำริว่าห้องเขียนหนังสือเป็นอะไรที่สิ้นเปลือง เช่นนั้นพวกที่จะเดือดร้อนก็คือพวกเจ้า"
"แล้วใต้เท้าคิดจะทำเช่นไรเจ้าคะ"
"มีวิธีเดียวต้องหาสาเหตุการประชวรขององค์หญิงดายองให้พบ"
"จะทำได้อย่างไรเจ้าคะ"
"ทำได้สิ ก็เจ้าอย่างไร"
เงียบกันไปชั่วครู่
"ใต้เท้าว่าอะไรนะเจ้าคะ"
"เจ้าจะต้องเป็นคนหาสาเหตุการประชวรขององค์หญิงดายอง"
ซอฮยอนมองหัวหน้ากองงานวรรณกรรมราวกับว่าเขาเสียสติไปแล้ว
"ท่านพูดอะไร--"
"ข้าพูดจริง และข้าก็หมายความตามนั้น ถือว่าเป็นคำขอร้องของข้าก็ได้"
"แต่ใต้เท้า--"
"เจ้าเองนะที่จะเดือดร้อนหากกองงานวรรณกรรมโดนยุบ จากนั้นก็ต้องออกจากวังไป เจ้าจะเลือกเส้นทางนั้นหรือ"
ซอฮยอนก้มหน้าด้วยความสับสน
"ใต้เท้า ข้าไม่ใช่หมอนะเจ้าคะ ข้าจะไปหาสาเหตุการประชวรได้อย่างไร"
"ก็เพราะองค์หญิงไม่ได้ประชวรน่ะสิ"
"อะไรนะเจ้าคะ"
"คนในวังเอาแต่พูดว่าพระองค์ประชวร แต่ความจริงแล้วหาใช่ไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีเรื่องมากระทบพระทัยทำให้พระอุปนิสัยเปลี่ยนไปต่างหาก"
"ข้า... ข้าไม่เข้าใจ"
"ข้าได้ยินเรื่องเจ้ามาจากใต้เท้าวอนโจเจ้ากรมอาญา" หัวหน้ากองงานพูดเสียงเรียบ "ก่อนจะมาเป็นแนอินเจ้าไขคดีได้ด้วยการแปลบทกวีช่วยฮงซังกุง หลังจากนั้นไม่นานเจ้าก็ใช้น้ำลับซูแก้ปัญหารอยเลือดบนฉลองพระองค์ของยิมโฮแทกุน แล้วไหนจะเรื่องดาบอีก"
"ใต้เท้า! ท่านรู้เรื่องน้ำลับซูด้วยหรือเจ้าคะ"
"เชวซังกุงคอยตามดูเจ้าและคอยรายงานข้าตลอด เหตุใดข้าจะไม่รู้ ไหวพริบปฏิภาณเจ้านั้นเป็นเลิศ ข้าจึงอยากให้เจ้าใช้ความสามารถนั้นอีกครั้งในการช่วยองค์หญิงดายอง"
"แต่ทำไมไม่ใช้นางในชั้นสูงหรือนางในชั้นต้นทำเล่าเจ้าคะ ซังกุงก็ได้ ทำไมต้องให้ข้าไปทำ ข้าเป็นแค่นางกำนัลไม่มียศนะเจ้าคะ"
"ถ้าคนอื่นฉลาด มีความเพียรพยายามรวมถึงความเสียสละได้เทียบเท่าเจ้าครึ่งหนึ่งก็คงดี แล้วเจ้าก็ช่วยลืมเรื่องยศตำแหน่งไปเถิด เพราะมันไม่ใช่ตัวการันตีสติปัญญา ใต้เท้าชั้นเอกบางคนยังเขลากว่าพวกสามัญชนเสียด้วยซ้ำ"
"ใต้เท้า นี่มันเป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ ข้าทำไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"
"ข้ามั่นใจว่าเจ้าทำได้ ไฉนเจ้ากลับดูถูกตัวเองว่าทำไม่ได้เล่า"
"ข้าไม่ได้--"
"อย่างน้อยก็ถือว่าทำเพื่อห้องเขียนหนังสือของเราให้คงอยู่ต่อไป เจ้าจะทำสำเร็จรึไม่นั่นอีกเรื่อง แต่แค่ลองทำดูก่อน ข้าไม่ได้สั่งเจ้าในฐานะหัวหน้ากองงานวรรณกรรม แต่กำลังอ้อนวอนเจ้า"
ซอฮยอนนิ่งเงียบไป
"ใจจริงข้าก็อยากหาสาเหตุด้วยตัวเอง แต่ด้วยเพราะเป็นบุรุษจึงไม่อาจเข้าใกล้องค์หญิงได้ เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะทำ นางในหลายคนของห้องเขียนหนังสือก็อยากหาสาเหตุเช่นกันแต่พวกนางทำไปเพราะอยากได้รางวัลจากยิมโฮแทกุนซึ่งข้าไม่หวังเลยว่าพวกนางจะทำสำเร็จ"
"ไม่แน่ว่าอาจจะมีนางในห้องอื่นหาสาเหตุพบก็ได้นะเจ้าคะ แล้วข้าก็ไม่ต้องไปช่วยหาเลย"
"แล้วเจ้าคิดว่าความดีความชอบจะตกอยู่ที่ใครถ้านางในสังกัดอื่นหาสาเหตุพบ ก็ต้องสังกัดของพวกนางสิ"
ทั้งห้องเงียบไปอีกครั้ง
"เอาล่ะ สรุปเจ้าจะว่าอย่างไรซอฮยอน" ใต้เท้ามุนถาม
"ข้า... ข้า" หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก
"ข้าจะลองเก็บไปคิดดูเจ้าค่ะ" ซอฮยอนแบ่งรับแบ่งสู้
ใต้เท้ามุนถอนหายใจ "อย่าลืมว่าเรามีเวลาแค่สองวันนะซอฮยอน แล้วเจ้าก็ไม่ต้องกลัวว่าไปทำงานนี้แล้วจะเล่าเรียนไม่ทันเพื่อน ข้าจะบอกเชวซังกุงเองว่าให้ย้ำทบทวนเรื่องเดิมจำพวกการคัดลายมือไปก่อนในวันสองวันนี้ เจ้าจะได้ไม่ต้องพะวง อีกอย่างการคัดการเขียนเจ้าเองก็ชำนาญอยู่แล้วนี่ คงไม่ต้องฝึกแล้วกระมัง"
"ใต้เท้า" ซอฮยอนเงยหน้ามอง "ท่านพูดถึงอะไรเจ้าคะ"
"ไม่มีอะไรหรอก" หัวหน้ากองงานวรรณกรรมรีบพูดกลบเกลื่อน
"เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" ซอฮยอนเอ่ย เมื่อใต้เท้าพยักหน้าหญิงสาวก็ค่อยๆ ลุกออกไปนอกห้องด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ความจริงตั้งแต่ได้ยินเรื่ององค์หญิงดายองครั้งแรก ความสงสัยและใคร่รู้ในใจก็ก่อเกิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่กิจธุระของนางกำนัลห้องเขียนหนังสือ นางจึงหยุดความสนใจในเรื่องนี้
แต่เมื่อใต้เท้ามุนจองนัมมาขอให้นางลงไปหาสาเหตุด้วยตัวเอง ความสงสัยใคร่รู้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งการประชวรขององค์หญิงครั้งนี้ยังเกี่ยวพันกับการอยู่รอดของห้องเขียนหนังสืออีกด้วย นางคงจะเมินเฉยไม่ได้
หลังจากซอฮยอนเดินจากไปไม่นาน เชวซังกุงก็รีบก้าวเข้ามาในห้องของหัวหน้ากองงานวรรณกรรมทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ใต้เท้าเจ้าคะ นางว่าอย่างไร ตกลงรึไม่"
"นางบอกว่าจะลองเอาไปคิดดูก่อน"
"แต่ใต้เท้า ทำไมจึงมั่นใจนักเล่าเจ้าคะว่านางจะทำได้ จะไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือ" เชวซังกุงสงสัย
"เรื่องที่นางจะทำสำเร็จรึไม่ ข้าจะยังไม่คาดหวัง แต่ข้าอยากให้นางลองใช้สติปัญญาดูก่อน ถือเป็นบททดสอบจากข้าด้วย" ใต้เท้ามุนตอบ
"นี่ใต้เท้าทดสอบนางด้วยวิธีนี้หรือเจ้าคะ"
"ใช่ ข้าไว้ใจนาง อีกอย่างที่ข้ามั่นใจว่าต้องยอมทำก็คือธรรมชาติของนาง ซอฮยอนเป็นคนมุ่งมั่น ถ้าคิดจะทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ ตอนที่นางออกไปจากวังเพื่อตามหาช่างอาวุธมาพิสูจน์ดาบของยิมโฮแทกุน ตอนนั้นนางก็ทำไปโดยไม่สนว่าใครจะลงโทษ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ปัญหาขององค์หญิงดายองจะดึงดูดคนประเภทซอฮยอนให้เข้ามาแก้ปัญหาเอง มันคือธรรมชาติของนาง"
"ความจริงนางในชั้นสูงกับชั้นต้นของห้องเขียนหนังสือที่เก่งก็มีมากมาย ทำไมไม่เลือกใช้มาสักคนเล่าเจ้าคะ"
"นั่นคือเหตุผลข้อสุดท้าย"
"เหตุผลข้อสุดท้าย?"
"ข้าต้องการให้ซอฮยอนสร้างชื่อด้วยตนเอง เมื่อนางมีชื่อเสียง อำนาจก็จะตามมา"
"ท่านพูดอะไรกัน"
"ข้าจะทำให้ซอฮยอนคานอำนาจกับคิมซังกุง"
เชวซังกุงตกตะลึงอ้าปากค้าง
"ท่าน... ท่านพูดอะไรเจ้าคะ คิมซังกุงเป็นซังกุงรับบัญชา จะมาคานอำนาจอะไรกับแนอินเจ้าคะ ไม่สมเหตุสมผลสักนิด"
"ตอนนี้น่ะใช่ แต่อนาคตน่ะไม่แน่ เจ้าบอกข้าเองนี่ว่าคิมซังกุงส่งซงฮวันมาคอยจับตาดูซอฮยอน ถ้านางไม่ใช่คู่ปรับในกาลข้างหน้า คิมซังกุงจะระแวงทำไม"
เชวซังกุงเงียบไป
"คิมซังกุงครองอำนาจของฝ่ายในมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะมีคนล้มล้างเสียที แต่ก่อนอื่นซอฮยอนต้องแก้ปัญหาขององค์หญิงให้สำเร็จ เพราะฝั่งคิมซังกุงก็คงส่งคนมาสืบเรื่ององค์หญิงเช่นกัน"
"แต่ข้าก็อดเป็นห่วงซอฮยอนไม่ได้อยู่ดี พระมเหสีพระองค์นี้เป็นคนอารมณ์ร้าย ข้าเกรงว่าถ้านางทำไม่สำเร็จหรือเกิดอันใดผิดพลาดขึ้นมา นางจะ..." เชวซังกุงพูดเบาๆ
"เราก็ต้องยอมเสียซอฮยอนไป" ใต้เท้ามุนจองนัมพูดต่อให้จนจบ
วันรุ่งขึ้นซอฮยอนตื่นแต่เช้าก่อนจะรีบแต่งตัวไปตำหนักขององค์หญิง นางไม่อยากตื่นพร้อมคนอื่นเพราะเกรงว่าพวกนางจะรุมถามว่าจะไปทำอะไรที่ไหนในเวลาเช้าตรู่ขนาดนี้ หญิงสาวคิดว่าเรื่องที่กำลังทำอยู่หากมีคนรู้มากเกินไปย่อมไม่เกิดผลดี
ตำหนักองค์หญิงตั้งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักกลางเท่าใดนัก ตัวตำหนักค่อนข้างเล็กกะทัดรัดแต่ทว่าร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ บันไดหินสองสามขั้นทอดขึ้นไปสู่ตัวตำหนักสีแดง ประตูโครงไม้ถูกกรุไว้ด้วยกระดาษสีชมพูอ่อนซึ่งเป็นโทนเดียวกับขื่อไม้ที่อยู่ใต้หลังคาโค้งทรงมังกรอีกที
นางในหลายต่อหลายคนกำลังยืนแออัดอยู่หน้าตำหนักองค์หญิง จากการสังเกตซอฮยอนรู้สึกว่าพวกนางกำลังยื้อแย่งที่จะเข้าไปในตำหนักองค์หญิง
"นี่ เจ้าออกไปเลยนะ อย่ามาเกะกะ" นางในคนหนึ่งตะโกนก้อง
"เจ้านั่นแหละเกะกะ ข้ามาก่อนเจ้าตั้งนาน" นางในอีกคนพูดสวน "แล้วนี่เจ้าเป็นใคร" นางหันมาถามซอฮยอนเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามา
"ข้าชื่อซอฮยอน"
"นี่เจ้าเป็นแนอินนี่นา"
"ใช่ ทำไมหรือ"
"เป็นแค่แนอินกล้าดีอย่างไรจะมาเข้าเฝ้าองค์หญิง"
"รับสั่งของพระมเหสีให้ทุกส่วนช่วยกันได้นี่เจ้าคะ" ซอฮยอนตอบโต้
"ยกเว้นพวกต่ำต้อยอย่างเจ้า!"
"เอะอะโวยวายอะไรกัน" ซังกุงในชุดสีเขียวอ่อนเดินลงมาจากตำหนักองค์หญิงพลางตวาดเสียงดัง "นี่มันที่ไหน ให้พวกเจ้ามาเหิมเกริมได้หรือ"
"นายหญิง พวกเรามาช่วยองค์หญิงเพคะ" เหล่านางในรีบพูด
"หุบปากนะ! พวกเจ้าแค่หวังรางวัลจากองค์ชายยิมโฮต่างหาก ไม่มีใครห่วงใยองค์หญิงจริงๆ เลยสักคน ออกไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้!"
เสียงกรีดร้องเอ็ดตะโรดังลั่นมาจากในตำหนักจนซังกุงและนางในด้านนอกหยุดชะงักด้วยความตกใจ สักพักก็มีนางในกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันออกมาจากด้านในราวกับหนีอะไรบางอย่าง ที่สำคัญบนเนื้อตัวและศีรษะของพวกนางปรากฏน้ำแกงและเศษอาหารเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
เสียงดายองกงจูตะโกนลั่นมาจากด้านในตามด้วยเสียงปาข้าวของจนมันแตกดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
"ออกไปให้พ้น! ข้าไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับข้า"
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น