ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #59 : คำขอร้องของมุนจองนัม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.62K
      101
      19 มิ.ย. 63

    ตอนที่ 59 คำขอร้องของมุนจองนัม






         นางกำนัลห้องเขียนหนังสือพากันทยอยเดินกลับมาถึงกองงานวรรณกรรม ต่างคนต่างพูดคุยถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาจากองค์ชายกันอย่างออกรส บางคนคาดการณ์โรคที่องค์หญิงเป็นราวกับว่าตนเองเป็นหมอหลวงหญิงฉะนั้น

         เชวซังกุงยืนอยู่หน้าประตูราวกับกำลังรอใครบางคนและเมื่อซอฮยอนเดินมาพร้อมกับซุนฮวา นางก็ก้าวเข้ามายืนขวางทางทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

         "เอ่อ นายหญิง มีอะไรหรือเจ้าคะ" ซุนฮวาถาม ซงฮวันที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดกึกพลางเงี่ยหูฟัง

         เชวซังกุงหันไปมอง

         "หยุดทำไม เดินต่อไปสิ" นางพูด ซงฮวันชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไปอย่างเสียอารมณ์ เชวซังกุงหันกลับมามองซอฮยอน

         "ใต้เท้ามุนยองนัมเรียกเจ้าไปพบที่ห้องทำงาน"

         "มีอะไรหรือเจ้าคะ" ซอฮนอนสงสัย

         "ข้าไม่รู้ เจ้าไปหาเขาเดี๋ยวก็รู้เอง"

         ซอฮยอนก้มศีรษะ ซุนฮวาขยับตัวทำท่าจะเดินตาม

         "ซอฮยอนคนเดียว คนอื่นไปที่เรือนชางวีตามเดิม" เชวซังกุงสั่ง ซุนฮวาคอตกก่อนจะเดินตามซงฮวันไป

         ซอฮยอนเดินแยกไปจากกลุ่มของนางกำนัลและมุ่งไปที่ส่วนทำงานของเหล่าใต้เท้าในกองงานวรรณกรรม ห้องทำงานของใต้เท้าจะอยู่กึ่งกลางและยกพื้นสูงกว่าเรือนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

         "ใต้เท้า ข้าซอฮยอนเจ้าค่ะ" หญิงสาวยืนอยู่หน้าประตูพลางกล่าวเสียงดัง

         "เข้ามาได้" 

         ซอฮยอนเดินเข้ามาในห้องทำงานของใต้เท้ามุน หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นตู้ไม้สำหรับวางหนังสือเป็นตั้งๆ หลายเล่มที่หนาหนักและมีสีสันแตกต่างอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต มุมห้องด้านหนึ่งเป็นกระดาษแผ่นใหญ่เปรียบเทียบอักษรจีนและอักษรฮันกึล ส่วนอีกด้านเป็นรูปวาดชั้นเอกของจิตรกรในกองงานวรรณกรรม

         "นั่งลงสิ" ใต้เท้ามุนบอก ซอฮยอนนั่งช้าๆ

         "ใต้เท้ามีอะไรหรือเจ้าคะ"

         "เจ้ารู้เรื่ององค์หญิงดายองแล้วใช่รึไม่" 

         "เจ้าค่ะ"

         "เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้"

         "ใต้เท้าหมายถึงอะไรเจ้าคะ"

         "ข้าอยากรู้ความเห็นเจ้า" หัวหน้ากองงานวรรณกรรมถาม

         "ข้า... ข้าไม่มีความเห็นหรอกเจ้าค่ะ"

         "มีสิ เจ้ามี" ใต้เท้ามุนกล่าวพลางปิดตำราบนโต๊ะและจ้องหน้าซอฮยอนตรงๆ "แล้วจำเป็นต้องมีด้วย"

         "ใต้เท้าข้าไม่เข้าใจ"

         "เจ้ารู้รับสั่งพระมเหสีใช่รึไม่ ที่ว่าหากล่วงเลยสองวัน บางส่วนงานของนางในจะถูกยุบทันที"

         "รู้เจ้าค่ะ"

         "เช่นนั้นเจ้ารู้รึไม่ว่าหนึ่งในนั้นคือห้องเขียนหนังสือ"

         "อะไรนะเจ้าคะ!" ซอฮยอนตกตะลึง "ใต้... ใต้เท้ารู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่ากองงานของเราอยู่ในข่ายที่อาจจะโดนยุบ"

         "ถึงข้าจะอายุไม่มากแต่ก็รู้เห็นถึงความสำคัญในส่วนต่างๆ ของวังหลวงมากพอสมควร เจ้าลองคิดดู ห้องเครื่องเสวย ห้องเย็บปัก ห้องซักล้างหรือแม้แต่กองงานพิธีการ เมื่อเทียบกับห้องเขียนหนังสือส่วนใดจะสำคัญน้อยกว่ากัน" ใต้เท้ามุนยองนัมถาม

         ซอฮยอนนิ่งไปสักพัก

         "ห้องเขียนหนังสือเจ้าค่ะ"

         "ใช่" ใต้เท้าพูดเสียงดัง "พระมเหสีไม่มีวันยุบห้องเครื่องหรือห้องเย็บปักแน่นอน ส่วนห้องซักล้างหรือทำความสะอาดไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีคนทำ กองงานพิธีการยิ่งไม่มีทางเพราะฝ่าบาทไม่ยอมแน่ เช่นนั้นเจ้าคิดว่ากองงานใดที่จะโดน กองงานของเรานี่อย่างไรเล่า"

         "แต่ว่าใต้เท้าเจ้าคะ ถึงความสำคัญเราจะน้อยกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความจำเป็นนี่เจ้าคะ"

         "นั่นก็ถูก แต่สิ่งที่ข้าคิดคือกองงานวรรณกรรมจะถูกลดส่วนออกให้ไม่มีนางในทำงานอยู่เลย และให้ผู้ชายที่เป็นบัณฑิตมาทำงานแทน"

         ซอฮยอนอ้าปากค้าง

         "นี่คือสิ่งที่ข้าจะบอก ซอฮยอน ในสายพระเนตรพระมเหสีย่อมมองว่าผู้ชายทำงานแทนผู้หญิงได้อยู่แล้ว การยุบนางในออกไปจึงเป็นการลดเบี้ยเลี้ยงอีกทางด้วย และที่ข้าเคยได้ยินว่าพระมเหสีก็เคยมีพระดำริว่าห้องเขียนหนังสือเป็นอะไรที่สิ้นเปลือง เช่นนั้นพวกที่จะเดือดร้อนก็คือพวกเจ้า"

         "แล้วใต้เท้าคิดจะทำเช่นไรเจ้าคะ"

         "มีวิธีเดียวต้องหาสาเหตุการประชวรขององค์หญิงดายองให้พบ"

         "จะทำได้อย่างไรเจ้าคะ" 

         "ทำได้สิ ก็เจ้าอย่างไร"

         เงียบกันไปชั่วครู่

         "ใต้เท้าว่าอะไรนะเจ้าคะ"

         "เจ้าจะต้องเป็นคนหาสาเหตุการประชวรขององค์หญิงดายอง"

         ซอฮยอนมองหัวหน้ากองงานวรรณกรรมราวกับว่าเขาเสียสติไปแล้ว

         "ท่านพูดอะไร--"

         "ข้าพูดจริง และข้าก็หมายความตามนั้น ถือว่าเป็นคำขอร้องของข้าก็ได้"

         "แต่ใต้เท้า--"

         "เจ้าเองนะที่จะเดือดร้อนหากกองงานวรรณกรรมโดนยุบ จากนั้นก็ต้องออกจากวังไป เจ้าจะเลือกเส้นทางนั้นหรือ"

         ซอฮยอนก้มหน้าด้วยความสับสน

         "ใต้เท้า ข้าไม่ใช่หมอนะเจ้าคะ ข้าจะไปหาสาเหตุการประชวรได้อย่างไร"

         "ก็เพราะองค์หญิงไม่ได้ประชวรน่ะสิ"

         "อะไรนะเจ้าคะ"

         "คนในวังเอาแต่พูดว่าพระองค์ประชวร แต่ความจริงแล้วหาใช่ไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีเรื่องมากระทบพระทัยทำให้พระอุปนิสัยเปลี่ยนไปต่างหาก"

         "ข้า... ข้าไม่เข้าใจ"

         "ข้าได้ยินเรื่องเจ้ามาจากใต้เท้าวอนโจเจ้ากรมอาญา" หัวหน้ากองงานพูดเสียงเรียบ "ก่อนจะมาเป็นแนอินเจ้าไขคดีได้ด้วยการแปลบทกวีช่วยฮงซังกุง หลังจากนั้นไม่นานเจ้าก็ใช้น้ำลับซูแก้ปัญหารอยเลือดบนฉลองพระองค์ของยิมโฮแทกุน แล้วไหนจะเรื่องดาบอีก"

         "ใต้เท้า! ท่านรู้เรื่องน้ำลับซูด้วยหรือเจ้าคะ"

         "เชวซังกุงคอยตามดูเจ้าและคอยรายงานข้าตลอด เหตุใดข้าจะไม่รู้ ไหวพริบปฏิภาณเจ้านั้นเป็นเลิศ ข้าจึงอยากให้เจ้าใช้ความสามารถนั้นอีกครั้งในการช่วยองค์หญิงดายอง"

         "แต่ทำไมไม่ใช้นางในชั้นสูงหรือนางในชั้นต้นทำเล่าเจ้าคะ ซังกุงก็ได้ ทำไมต้องให้ข้าไปทำ ข้าเป็นแค่นางกำนัลไม่มียศนะเจ้าคะ"

         "ถ้าคนอื่นฉลาด มีความเพียรพยายามรวมถึงความเสียสละได้เทียบเท่าเจ้าครึ่งหนึ่งก็คงดี แล้วเจ้าก็ช่วยลืมเรื่องยศตำแหน่งไปเถิด เพราะมันไม่ใช่ตัวการันตีสติปัญญา ใต้เท้าชั้นเอกบางคนยังเขลากว่าพวกสามัญชนเสียด้วยซ้ำ"

         "ใต้เท้า นี่มันเป็นเรื่องใหญ่นะเจ้าคะ ข้าทำไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"

         "ข้ามั่นใจว่าเจ้าทำได้ ไฉนเจ้ากลับดูถูกตัวเองว่าทำไม่ได้เล่า"

         "ข้าไม่ได้--"

         "อย่างน้อยก็ถือว่าทำเพื่อห้องเขียนหนังสือของเราให้คงอยู่ต่อไป เจ้าจะทำสำเร็จรึไม่นั่นอีกเรื่อง แต่แค่ลองทำดูก่อน ข้าไม่ได้สั่งเจ้าในฐานะหัวหน้ากองงานวรรณกรรม แต่กำลังอ้อนวอนเจ้า"

         ซอฮยอนนิ่งเงียบไป

         "ใจจริงข้าก็อยากหาสาเหตุด้วยตัวเอง แต่ด้วยเพราะเป็นบุรุษจึงไม่อาจเข้าใกล้องค์หญิงได้ เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะทำ นางในหลายคนของห้องเขียนหนังสือก็อยากหาสาเหตุเช่นกันแต่พวกนางทำไปเพราะอยากได้รางวัลจากยิมโฮแทกุนซึ่งข้าไม่หวังเลยว่าพวกนางจะทำสำเร็จ"

         "ไม่แน่ว่าอาจจะมีนางในห้องอื่นหาสาเหตุพบก็ได้นะเจ้าคะ แล้วข้าก็ไม่ต้องไปช่วยหาเลย"

         "แล้วเจ้าคิดว่าความดีความชอบจะตกอยู่ที่ใครถ้านางในสังกัดอื่นหาสาเหตุพบ ก็ต้องสังกัดของพวกนางสิ"

         ทั้งห้องเงียบไปอีกครั้ง

         "เอาล่ะ สรุปเจ้าจะว่าอย่างไรซอฮยอน" ใต้เท้ามุนถาม

         "ข้า... ข้า" หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก

         "ข้าจะลองเก็บไปคิดดูเจ้าค่ะ" ซอฮยอนแบ่งรับแบ่งสู้

         ใต้เท้ามุนถอนหายใจ "อย่าลืมว่าเรามีเวลาแค่สองวันนะซอฮยอน แล้วเจ้าก็ไม่ต้องกลัวว่าไปทำงานนี้แล้วจะเล่าเรียนไม่ทันเพื่อน ข้าจะบอกเชวซังกุงเองว่าให้ย้ำทบทวนเรื่องเดิมจำพวกการคัดลายมือไปก่อนในวันสองวันนี้ เจ้าจะได้ไม่ต้องพะวง อีกอย่างการคัดการเขียนเจ้าเองก็ชำนาญอยู่แล้วนี่ คงไม่ต้องฝึกแล้วกระมัง"

         "ใต้เท้า" ซอฮยอนเงยหน้ามอง "ท่านพูดถึงอะไรเจ้าคะ"

         "ไม่มีอะไรหรอก" หัวหน้ากองงานวรรณกรรมรีบพูดกลบเกลื่อน

         "เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" ซอฮยอนเอ่ย เมื่อใต้เท้าพยักหน้าหญิงสาวก็ค่อยๆ ลุกออกไปนอกห้องด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

         ความจริงตั้งแต่ได้ยินเรื่ององค์หญิงดายองครั้งแรก ความสงสัยและใคร่รู้ในใจก็ก่อเกิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่กิจธุระของนางกำนัลห้องเขียนหนังสือ นางจึงหยุดความสนใจในเรื่องนี้

         แต่เมื่อใต้เท้ามุนจองนัมมาขอให้นางลงไปหาสาเหตุด้วยตัวเอง ความสงสัยใคร่รู้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งการประชวรขององค์หญิงครั้งนี้ยังเกี่ยวพันกับการอยู่รอดของห้องเขียนหนังสืออีกด้วย นางคงจะเมินเฉยไม่ได้

         หลังจากซอฮยอนเดินจากไปไม่นาน เชวซังกุงก็รีบก้าวเข้ามาในห้องของหัวหน้ากองงานวรรณกรรมทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น

         "ใต้เท้าเจ้าคะ นางว่าอย่างไร ตกลงรึไม่"

         "นางบอกว่าจะลองเอาไปคิดดูก่อน"

         "แต่ใต้เท้า ทำไมจึงมั่นใจนักเล่าเจ้าคะว่านางจะทำได้ จะไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือ" เชวซังกุงสงสัย

         "เรื่องที่นางจะทำสำเร็จรึไม่ ข้าจะยังไม่คาดหวัง แต่ข้าอยากให้นางลองใช้สติปัญญาดูก่อน ถือเป็นบททดสอบจากข้าด้วย" ใต้เท้ามุนตอบ

         "นี่ใต้เท้าทดสอบนางด้วยวิธีนี้หรือเจ้าคะ"

         "ใช่ ข้าไว้ใจนาง อีกอย่างที่ข้ามั่นใจว่าต้องยอมทำก็คือธรรมชาติของนาง ซอฮยอนเป็นคนมุ่งมั่น ถ้าคิดจะทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ ตอนที่นางออกไปจากวังเพื่อตามหาช่างอาวุธมาพิสูจน์ดาบของยิมโฮแทกุน ตอนนั้นนางก็ทำไปโดยไม่สนว่าใครจะลงโทษ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ปัญหาขององค์หญิงดายองจะดึงดูดคนประเภทซอฮยอนให้เข้ามาแก้ปัญหาเอง มันคือธรรมชาติของนาง"

         "ความจริงนางในชั้นสูงกับชั้นต้นของห้องเขียนหนังสือที่เก่งก็มีมากมาย ทำไมไม่เลือกใช้มาสักคนเล่าเจ้าคะ"

         "นั่นคือเหตุผลข้อสุดท้าย"

         "เหตุผลข้อสุดท้าย?"

         "ข้าต้องการให้ซอฮยอนสร้างชื่อด้วยตนเอง เมื่อนางมีชื่อเสียง อำนาจก็จะตามมา"

         "ท่านพูดอะไรกัน"

         "ข้าจะทำให้ซอฮยอนคานอำนาจกับคิมซังกุง"

         เชวซังกุงตกตะลึงอ้าปากค้าง

         "ท่าน... ท่านพูดอะไรเจ้าคะ คิมซังกุงเป็นซังกุงรับบัญชา จะมาคานอำนาจอะไรกับแนอินเจ้าคะ ไม่สมเหตุสมผลสักนิด"

         "ตอนนี้น่ะใช่ แต่อนาคตน่ะไม่แน่ เจ้าบอกข้าเองนี่ว่าคิมซังกุงส่งซงฮวันมาคอยจับตาดูซอฮยอน ถ้านางไม่ใช่คู่ปรับในกาลข้างหน้า คิมซังกุงจะระแวงทำไม"

         เชวซังกุงเงียบไป

         "คิมซังกุงครองอำนาจของฝ่ายในมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะมีคนล้มล้างเสียที แต่ก่อนอื่นซอฮยอนต้องแก้ปัญหาขององค์หญิงให้สำเร็จ เพราะฝั่งคิมซังกุงก็คงส่งคนมาสืบเรื่ององค์หญิงเช่นกัน"

         "แต่ข้าก็อดเป็นห่วงซอฮยอนไม่ได้อยู่ดี พระมเหสีพระองค์นี้เป็นคนอารมณ์ร้าย ข้าเกรงว่าถ้านางทำไม่สำเร็จหรือเกิดอันใดผิดพลาดขึ้นมา นางจะ..." เชวซังกุงพูดเบาๆ

         "เราก็ต้องยอมเสียซอฮยอนไป" ใต้เท้ามุนจองนัมพูดต่อให้จนจบ









         วันรุ่งขึ้นซอฮยอนตื่นแต่เช้าก่อนจะรีบแต่งตัวไปตำหนักขององค์หญิง นางไม่อยากตื่นพร้อมคนอื่นเพราะเกรงว่าพวกนางจะรุมถามว่าจะไปทำอะไรที่ไหนในเวลาเช้าตรู่ขนาดนี้ หญิงสาวคิดว่าเรื่องที่กำลังทำอยู่หากมีคนรู้มากเกินไปย่อมไม่เกิดผลดี

         ตำหนักองค์หญิงตั้งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักกลางเท่าใดนัก ตัวตำหนักค่อนข้างเล็กกะทัดรัดแต่ทว่าร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ บันไดหินสองสามขั้นทอดขึ้นไปสู่ตัวตำหนักสีแดง ประตูโครงไม้ถูกกรุไว้ด้วยกระดาษสีชมพูอ่อนซึ่งเป็นโทนเดียวกับขื่อไม้ที่อยู่ใต้หลังคาโค้งทรงมังกรอีกที

         นางในหลายต่อหลายคนกำลังยืนแออัดอยู่หน้าตำหนักองค์หญิง จากการสังเกตซอฮยอนรู้สึกว่าพวกนางกำลังยื้อแย่งที่จะเข้าไปในตำหนักองค์หญิง

         "นี่ เจ้าออกไปเลยนะ อย่ามาเกะกะ" นางในคนหนึ่งตะโกนก้อง

         "เจ้านั่นแหละเกะกะ ข้ามาก่อนเจ้าตั้งนาน" นางในอีกคนพูดสวน "แล้วนี่เจ้าเป็นใคร" นางหันมาถามซอฮยอนเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามา

         "ข้าชื่อซอฮยอน"

         "นี่เจ้าเป็นแนอินนี่นา"

         "ใช่ ทำไมหรือ"

         "เป็นแค่แนอินกล้าดีอย่างไรจะมาเข้าเฝ้าองค์หญิง"

         "รับสั่งของพระมเหสีให้ทุกส่วนช่วยกันได้นี่เจ้าคะ" ซอฮยอนตอบโต้

         "ยกเว้นพวกต่ำต้อยอย่างเจ้า!"

         "เอะอะโวยวายอะไรกัน" ซังกุงในชุดสีเขียวอ่อนเดินลงมาจากตำหนักองค์หญิงพลางตวาดเสียงดัง "นี่มันที่ไหน ให้พวกเจ้ามาเหิมเกริมได้หรือ"

         "นายหญิง พวกเรามาช่วยองค์หญิงเพคะ" เหล่านางในรีบพูด

         "หุบปากนะ! พวกเจ้าแค่หวังรางวัลจากองค์ชายยิมโฮต่างหาก ไม่มีใครห่วงใยองค์หญิงจริงๆ เลยสักคน ออกไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้!"

         เสียงกรีดร้องเอ็ดตะโรดังลั่นมาจากในตำหนักจนซังกุงและนางในด้านนอกหยุดชะงักด้วยความตกใจ สักพักก็มีนางในกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันออกมาจากด้านในราวกับหนีอะไรบางอย่าง ที่สำคัญบนเนื้อตัวและศีรษะของพวกนางปรากฏน้ำแกงและเศษอาหารเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด

         เสียงดายองกงจูตะโกนลั่นมาจากด้านในตามด้วยเสียงปาข้าวของจนมันแตกดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว

         "ออกไปให้พ้น! ข้าไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับข้า"





    โปรดติดตามตอนต่อไป

         
     

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×