ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #36 : เซ็งกักชิ(2) [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.96K
      119
      9 มิ.ย. 64

    ตอนที่ 36 เซ็งกักชิ(2) 






         "นายหญิง ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ" คิมเซจียืนอยู่หน้าเรือนพักของคิมซังกุงพลางส่งเสียงเรียก ซงฮวันที่เดินตามมาตลอดนั้นตกตะลึงตัวแข็งมองรอบด้านด้วยความทึ่ง

         "นี่... นี่เรือนพักของคิมซังกุงหรือนี่ ช่างกว้างขวางนัก ข้าได้ยินมานานว่านางเป็นซังกุงที่ทรงอิทธิพลมาก แต่ไม่นึกว่าที่พักจะใหญ่โตถึงเพียงนี้" ซงฮวันพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

         "มาแล้วหรือเซจี เข้ามาสิ" คิมซังกุงอนุญาต

         "ข้าเข้าไปด้วยได้รึไม่" ซงฮวันพูดก่อนที่จะรีบก้มหน้าลงทันทีเพราะเซจีหันมามองตาขวาง

         คิมเซจีเลื่อนบานประตูไม้กรุกระดาษออกช้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไป คิมซังกุงที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองหลานสาวของตัวเอง

         "เป็นอย่างไร มาวังหลวงครั้งแรก" คิมซังกุงถาม

         "ธรรมดาเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้สึกตื่นเต้นสักนิด" เซจีตอบพลางโค้งคำนับและนั่งลงกับพื้น

         "ดีแล้ว เจ้าจะได้ปรับตัวได้ไวขึ้น"

         "นายหญิงเรียกข้ามาพบทำไมเจ้าคะ ป่านนี้ที่ลานคงมีการพิสูจน์พรหมจรรย์และตรวจร่างกายไปแล้ว หากช้าไปจะไม่ทันนะเจ้าคะ"

         คิมซิลวาเหยียดยิ้ม

         "เจ้าเป็นคิมเซจีนะ อย่าลืมสิ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวหรือตรวจร่างกายไร้สาระนั่นเจ้าไม่จำเป็นต้องไปต่อแถวทำเช่นนั้นหรอก นั่นมันพวกลูกหลานขุนนางชั้นต่ำที่ต้องทำตามขั้นตอนทุกอย่าง"

         เซจีก้มหน้าลง
         
         "ทำไมท่านไม่ให้ข้าเข้าวังเฉกเช่นผู้อื่นเจ้าคะ อบรมกับซังกุงก็ไม่ต้องทำ ตรวจร่างกายก็ไม่ต้องสน ข้ารู้สึกมัน--"

         "ง่ายใช่หรือไม่" คิมซังกุงต่อให้จนจบ

         "เจ้าค่ะนายหญิง"

         "ง่ายสิดี ต่อไปทุกอย่างก็จะง่ายและราบรื่นขึ้น"

         "นายหญิง ข้าไม่อยากทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนนะเจ้าคะ"

         "อภิสิทธิ์ชนเช่นนั้นหรือ" คิมซังกุงทวนคำเสียงสูงพลางหัวเราะ "แน่นอน เราคืออภิสิทธิ์ชน แต่เซจี มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ยิ่งเราสร้างความน่าเกรงขามให้คนต้องก้มหัวและหวาดหวั่นในอิทธิพลของเรามากเท่าใด อำนาจก็จะอยู่ใกล้ให้ไขว่คว้ามากขึ้นเท่านั้น"

         "แต่ข้าไม่ชอบวิธีนี้นี่เจ้าคะ"

         "ไม่ชอบแล้วอย่างไร เจ้าจะไปนั่งฝึกตรากตรำกับพวกคนธรรมดาหรือ ข้าไม่มีวันยอม" คิมซังกุงพูดเสียงดังก่อนจะหยิบหนังสือใต้โต๊ะซึ่งหน้าปกเป็นรูปสายน้ำสีฟ้าออกมายื่นให้เซจี

         "นี่คืออะไรเจ้าคะ"

         "ตำราสายน้ำ" คิมซังกุงตอบสั้นๆ

         เซจีขมวดคิ้วก่อนจะเปิดอ่านดู ทันทีที่นางเปิดหน้าแรกก็สะดุ้งสุดตัวมองหน้านายหญิงตัวเองด้วยความตกใจ

         "นาย... นายหญิง นี่มัน... เฉลยหรือเจ้าคะ" 

         "ใช่"

         "ทำไมถึงได้ เพราะอะไรทำไมถึง..."

         "เจ้าจะตกใจอะไรหนักหนา ข้อสอบเขียนปีนี้มีเฉลยอยู่ในนั้นครบทุกข้อ รีบอ่านแล้วจำเสีย เจ้าจำเป็นต้องสอบได้ที่หนึ่ง"

         "ข้าทำไม่ได้เจ้าค่ะ"

         "อย่าทำตัวน่ารำคาญนะเซจี"

         "นายหญิง ข้าอ่านมามากพอเจ้าค่ะ อย่าได้ดูถูกการศึกษาตำราของข้า ถึงไม่มีเฉลยข้าก็มั่นใจว่าทำได้เจ้าค่ะ"

         "ข้าไม่ต้องการแค่ให้เจ้าทำได้" คิมซังกุงเสียงเขียว "เจ้าต้องสอบให้ได้ที่หนึ่งและมีแต้มสูงสุดเหนือใคร คนที่ได้ที่หนึ่งจะเป็นสกุลอื่นไม่ได้ ต้องเป็นสกุลคิมเท่านั้น ฉะนั้นเอาไปอ่านเสีย"

         "นายหญิง"

         "นางในสกุลคิมของเราสอบเซ็งกักชิได้ที่หนึ่งมาแทบทุกรุ่น บางรุ่นไม่ได้เพราะบางทีสกุลซินก็มาแย่งไป บางทีก็สกุลอื่น แต่ถ้านับจำนวนแล้วสกุลคิมสอบได้ที่หนึ่งมากที่สุด ตอนนี้มาถึงรุ่นเจ้าเองก็ต้องรู้จักสานต่อ อย่าได้พลาดเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่"

         "แต่นายหญิง--"

         "เจ้าหยุดขัดใจข้าเสียทีเซจี จงเอาไปอ่านให้ขึ้นใจและนำที่หนึ่งมาให้ข้าให้ได้ ออกไปได้แล้ว" คิมซังกุงสั่ง

         เซจีถอนหายใจพลางหยิบตำราสายน้ำและลุกขึ้นยืนช้าๆ 

         "เจ้าค่ะนายหญิง ข้าจะนำที่หนึ่งกลับมาให้ท่าน" หญิงสาวพูดเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาจากเรือนพัก

         ซงฮวันเมื่อเห็นเซจีออกมาจากห้องก็เดินเข้ามาหาด้วยความรีบร้อน

         "รีบไปสนามสอบเถิด เราสายมากแล้วนะ"

         เซจียื่นตำราสายน้ำให้ซงฮวัน

         "เจ้าเอาไปสิ ข้าไม่ต้องการมัน" 

         ซงฮวันรับมาเปิดดูก็อ้าปากค้าง

         "นี่มันเฉลยข้อสอบปีนี้นี่ เจ้า... เจ้าให้ข้าหรือ"

         "ใช่ เอาไปสิ" เซจีพูดอย่างไม่ใส่ใจและเดินมุ่งไปยังสนามสอบ

         "เจ้าให้ข้าจริงหรือ" ซงฮวันเดินตามมาพลางเปิดดูแต่ละหน้า "ขอบใจมากนะเซจี เจ้าช่างดีกับข้านัก ต่อไปข้าจะภักดีกับเจ้าคนเดียวนะ"

         เซจีหลับตาลงอย่างเบื่อหน่าย

         เมื่อทั้งคู่มาถึงสนามสอบ ซังกุงคนหนึ่งก็บอกให้เซจีเข้ามาในเรือนสอบได้เลย

         "นางยังมิได้ตรวจอันใดเลยมิใช่หรือ" นางในที่ยืนอยู่รอบๆ เรือนสอบพูดขึ้น

         "หุบปากนะ นางเป็นหลานซังกุงรับบัญชา เจ้ากล้าพูดมากหรือ" ซังกุงตวาดจนนางในต้องรีบก้มหน้าลง 

         เซจีเดินมานั่งเบาะที่นั่งสอบของตนพลางสำรวจแป้นหมึก กระดาษและพู่กันรอบตัว ผู้สมัครทุกคนมองนางเป็นตาเดียว

         ซงฮวันทำท่าจะก้าวตามขึ้นมาบนเรือนสอบ

         "เจ้าตรวจรึยัง" นางในคนหนึ่งร้องถาม

         "ยัง แต่ข้ามาพร้อมกับคุณหนูเซจี ทำไมต้องตรวจ"
         
         "ใครอนุญาตเจ้ากันหา"

         "นายหญิงเจ้าคะ" เซจีพูดขึ้น ซังกุงคุมสอบหันมามอง "นางคือซงฮวัน รู้จักกันกับข้า ให้นางเข้ามาด้วยก็ได้เจ้าค่ะ"

         ซังกุงคุมสอบได้ยินก็พยักหน้า นางในจึงหลีกทางให้ซงฮวันเดินขึ้นมา

         "เชอะ กล้ามาขวางข้าหรือ" ซงฮวันเดินกระแทกไหล่นางในอย่างแรง

         "เอาล่ะ" ซังกุงคุมสอบกล่าวเสียงดัง "และนี่คือข้อสอบเขียนของพวกเจ้า" นางหยิบกระดาษออกมาและเริ่มแจกมันให้กับทุกคน





    [ต่อจาก 50%]





         กระดาษข้อสอบถูกแจกจ่ายโดยซังกุงผู้ช่วยที่ใส่ชุดสีเขียวอ่อน ผู้สมัครหลายคนสังเกตว่าถ้าเป็นระดับผู้คุมสอบจะนั่งอยู่ข้างหน้าและสวมใส่ทังอีสีเขียวเข้มแม้แต่คาเชบนศีรษะก็สูงกว่าผู้ช่วย

         "ข้าคือกัมชัลซังกุง(1) ส่วนข้างๆ ข้าคือชเวซังอี(2) เราทั้งคู่คือผู้คุมสอบสูงสุดในการสอบเซ็งกักชิครั้งนี้ อำนาจสิทธิ์ขาดรวมถึงการตัดสินใดๆ จะอยู่ที่ข้าเพียงสองคนเท่านั้น เข้าใจรึไม่" ซังกุงชุดสีเขียวเข้มประกาศ

         "เจ้าค่ะนายหญิง" ผู้สมัครทุกคนก้มศีรษะรับคำ

         กัมชัลซังกุงหันไปพยักหน้าให้ชเวซังอี นางก้มศีรษะครั้งหนึ่งและหันมาประกาศต่อหน้าทุกคน

        "กระดาษข้อสอบที่ให้ไปมีทั้งหมด 50 ข้อ ข้อละ 2 แต้ม ฉะนั้นแต้มเต็มมีทั้งหมดคือ 100 แต้ม เวลาทั้งหมดสี่ชั่วก้านธูปเล็ก หากหมดเวลานางในที่ยืนอยู่รอบเรือนสอบจะเข้ามายึดพู่กันทุกคนทันที ถ้าเข้าใจแล้วก็ขอให้ทุกคนโชคดี เริ่มทำข้อสอบได้!"

         ทุกคนรีบขยับตัวทันที เสียงกระดาษและเสียงฝนหมึกดังไปทั่วเรือนสอบ ผู้สมัครบางคนเมื่อพลิกข้อสอบอ่านดูก็ยิ้มดีใจเพราะตรงกับที่ทบทวนมา แต่ก็มีบางคนที่ถึงกับคอตกเพราะทำไม่ได้เลยตั้งแต่ข้อแรก ตอนนี้ผู้สมัครกว่าครึ่งเริ่มจรดพู่กันลงบนกระดาษคำตอบแล้ว

         ซอฮยอนหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ หลังจากหญิงสาวผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นเรียบร้อย นางก็จับข้อสอบพลิกดูคำถามข้อแรก

        "นางวังที่สามารถแตะต้องเส้นผมของเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ได้คือนางวังในตำแหน่งใด"

        ซอฮยอนชะงักพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

        ฉับพลันเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นตอนอยู่กับฮงซังกุงก็หวนเข้ามาในดวงจิต

        "เอาไปอ่านให้หมด" ฮงซังกุงสั่ง "ถึงข้าจะประกาศว่าไม่ให้เจ้าผ่าน แต่ตามกฎก็ต้องอบรมเจ้าอยู่ดี ก่อนอื่นก็อ่านตำราพวกนี้ให้ขึ้นใจเสียก่อน จำได้หมดเมื่อใดค่อยไปเรียนรู้อย่างอื่นต่อ"

         ซอฮยอนเปิดตำราเล่มหนึ่งออกดู

         "ข้าเคยอ่านตำราเล่มนี้แล้วเจ้าค่ะ สมัยยังไม่เข้าวัง" 

         ฮงซังกุงชะงัก นางมองอย่างไม่เชื่อ

         "เช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็อ่านเล่มต่อไปสิ"

         "ข้าก็อ่านแล้วเจ้าค่ะ ความจริงข้าเคยอ่านหมดทุกเล่มแล้วเจ้าค่ะ"

         คราวนี้ฮงซังกุงถึงกับผงะ นางมองซอฮยอนราวกับเป็นตัวประหลาด 

         "เช่นนั้น" ซังกุงสูงอายุหรี่ตา "เล่มที่มีปกสีเขียว มีอยู่บทหนึ่งกล่าวถึง 'จอนชิก' ไหนเจ้าตอบข้าทีว่าคืออะไร"

         ซอฮยอนหลับตาสูดลมหายใจเข้าก่อนจะตอบออกมา

         "จอนชิกคือนางวังที่ทำหน้าที่ดูเรื่องการสระผม หวีผม แต่งหน้าให้กับกษัตริย์ พระมเหสีและพระบรมวงศานุวงศ์เจ้าค่ะ ซึ่งถือเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตพิเศษให้จับสัมผัสกับผม ใบหน้าและศีรษะของเชื้อพระวงศ์ได้ นางวังในตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์ หากกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการหมิ่นพระเกียรติอย่างสูงเจ้าค่ะนายหญิง"

         ซอฮยอนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะจรดพู่กันเขียนคำตอบลงไปในกระดาษ





         เมื่อเวลาผ่านไป

         "ซอฮยอน" เสียงซุนฮวากระซิบเรียกจากด้านหลัง หญิงสาวหันไปมอง

         "เป็ดไม้คู่ในพิธีแต่งงานสื่อความหมายถึงอะไรนะ ข้าลืม"

         "ความซื่อสัตย์" ซอฮยอนกระซิบตอบ

         "จริงด้วย ข้าลืมไปเสียสนิท"

         "สองคนนั้นน่ะ คุยอะไรกัน" ซังกุงผู้ช่วยคนหนึ่งตะโกนขึ้น ทำให้ทั้งคู่รีบก้มหน้าทำข้อสอบต่อทันที "ห้ามพูดคุยกันระหว่างสอบเด็ดขาด" 
         
         "นายหญิง ข้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ" เซจีพูดขึ้น

         ผู้สมัครทุกคนอ้าปากค้างมองคิมเซจีด้วยความตกตะลึง

         "ไวมาก"

         "นางทำได้อย่างไรน่ะ"

         "ข้ายังไม่ถึงครึ่งเลย"

         ซังกุงผู้ช่วยเดินมาหยิบกระดาษคำตอบของเซจีและเดินมายื่นให้กัมชัลซังกุงที่นั่งอยู่หน้าเรือนสอบ นางรับมาอ่านดูก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ 

         "สมกับเป็นหลานซังกุงรับบัญชาจริงๆ เวลายังไม่พ้นสองก้านธูปก็เสร็จแล้ว ชเวซังอี เอาไปนับแต้มที" กัมชัลซังกุงส่งกระดาษให้ชเวซังอีรับไป

         ผ่านไปสักพักผู้สมัครหลายคนก็ทยอยส่งกระดาษคำตอบมาให้ผู้คุมหน้าห้องทีละคน หลายคนทำท่ามั่นอกมั่นใจว่าจะผ่าน บางคนนั่งท้อแท้อย่างรู้ชะตาชีวิตตน 

         "เวลาใกล้หมดแล้ว" ซังกุงผู้ช่วยประกาศ

         "ข้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ" ซุนฮวารีบพูดพลางโบกมือ

         "นางตัวดี นี่มันที่ไหน ให้เจ้ามาโบกมือโบกไม้ได้หรือ" ซังกุงผู้ช่วยตำหนิพลางดึงกระดาษคำตอบออกมา ซุนฮวารีบลดแขนลงทันที

         "ซอฮยอน เจ้ายังไม่เสร็จหรือ" ซุนฮวาถามเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงก้มหน้าคร่ำเคร่งกับข้อสอบ

         "อือ" ซอฮยอนตอบเบาๆ เพราะกำลังใช้สมาธิ

         "เวลาจะหมดแล้วนะ"

         "ข้ารู้แล้ว เหมือนข้าจะทำไม่ทันด้วยซ้ำ"

         "อะไรนะ!"

         ใช่ ซอฮยอนทำไม่ทัน ข้อที่นางกำลังติดค้างอยู่คือเรื่องโพหรือลายมังกรของพระมเหสี ซึ่งคำถามนั้นถามว่าโพมีใช้ครั้งแรกในสมัยใดและใครเป็นผู้สวมใส่ทังอีที่มีโพคนแรก ซอฮยอนจำได้ว่าพระราชินีโซฮอนเป็นผู้ใส่คนแรกแต่กลับจำไม่ได้ว่าสมัยใด

         "หมดเวลา" ชเวซังอีประกาศเสียงดังสนั่น

         นางในที่ยืนรอบเรือนสอบเดินเข้ามาระหว่างแถวผู้สมัครเพื่อดึงพู่กันแต่ละคนออกมา ขณะนั้นซอฮยอนนึกออกพอดีว่าโพมีใช้ครั้งแรกในสมัยพระเจ้าเซจง ทว่ายังไม่ทันได้เขียน พู่กันก็ถูกกระชากออกไปจากมือเสียแล้ว

         "เอ่อ ข้า... ข้าขอเขียนอีกหน่อยได้รึไม่" ซอฮยอนอ้อนวอน

         "ไม่ได้ หมดเวลาแล้ว" นางในพูดเสียงเขียว

         ซังกุงผู้ช่วยไล่เก็บกระดาษคำตอบทุกคนจนหมดและส่งให้ชเวซังอี

         "โธ่ ทำไมเจ้าไม่รีบทำกันนะ" ซุนฮวาบ่นแทนอย่างเสียดาย ซอฮยอนนั่งซึมไป

         "เจ้าอย่าเพิ่งเศร้าไป อย่าลืมว่ามีการตอบคำถามปากเปล่าอีกนะ เจ้าก็ทำแต้มส่วนนี้ให้มากสิ เพื่อไปทดแทนข้อเขียน"

         และก็เป็นอย่างที่ซุนฮวาบอก ขณะที่ชเวซังอีกำลังนับแต้มผู้สมัคร กัมชัลซังกุงก็ประกาศว่า

         "เอาล่ะ ระหว่างที่รอชเวซังอีนับแต้ม ข้าจะดำเนินการแข่งขันถามคำถามกับพวกเจ้า คำถามมี 10 ข้อ 10 แต้ม ใครตอบถูกก่อนคนแรกจะได้แต้มไป เข้าใจรึไม่" 

         "เจ้าค่ะนายหญิง" ทุกคนรับคำพลางนั่งลงตรงด้วยความตื่นเต้นกระตือรือร้น

         "คำถามข้อแรก..."

         ทุกคนตั้งใจฟัง

         "อักษรฮันกึลของโชซอนเคยถูกห้ามใช้ในสมัยใด เพราะเหตุใด"

         ทุกคนชะงัก หันมองหน้ากันเองช้าๆ

         "อะ... อะไรนะเจ้าคะนายหญิง" ผู้สมัครคนหนึ่งถามขึ้น

         "ข้าถามว่าอักษรฮันกึลของโชซอนเคยถูกห้ามใช้ในสมัยใด เพราะเหตุใด" กัมชัลซังกุงทวนคำถามอีกครั้ง

         "เอ่อ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าหมายถึงทำไมคำถามถึงได้... ถึงได้"

         "เจ้าจะพูดอะไร"

         "คำถามมันไม่ได้เกี่ยวกับนางในเลยนะเจ้าคะ"

         "อักษรฮันกึลเคยถูกสั่งห้ามใช้ในสมัยพระเจ้ายอนซันเจ้าค่ะ" เสียงหนึ่งตอบ ทุกคนหันไปมองผู้พูด

         เซจีนั่นเอง

         ผู้สมัครรวมถึงซังกุงทุกคนเงียบสนิท เซจีจึงกล่าวต่อว่า

         "ที่ถูกห้ามใช้เพราะประชาชนเขียนตำหนิพระองค์ด้วยอักษรฮันกึล พระองค์ทรงทราบจึงให้ยกเลิกเพราะชาวบ้านทั่วไปน้อยมากที่จะรู้อักษรจีนเจ้าค่ะ"

         กัมชัลซังกุงหัวเราะออกมาดังลั่นเรือนสอบ

         "เก่งมาก เก่งจริงๆ เซจี เจ้าได้หนึ่งแต้ม"

         ผู้สมัครทุกคนทำหน้าราวกับถูกตบ จ้องมองคิมเซจีอย่างอึ้งในความสามารถ

         "ตอบได้อย่างไรนั่น"

         "ข้าไม่เห็นรู้เลย"

         "เก่งจริงๆ"

         หลายเสียงกระซิบกระซาบไปทั่วเรือนสอบ

         "คำถามต่อไป" กัมชัลซังกุงกล่าวต่อ ทุกคนทำท่าตั้งใจฟังอีกครั้ง

         "จีนยอมรับโชซอนอย่างเป็นทางการในสมัยใด เพราะเหตุใด"

         ทุกคนนิ่งเงียบกันไปอีกครั้ง

         "ในสมัยพระเจ้าแทโจเจ้าค่ะ เหตุก็เพราะเป็นสมัยที่กำจัดราชวงศ์โครยอออกไปอย่างสิ้นซาก"

         "ถูกต้อง" กัมชัลซังกุงกล่าว "สมกับเป็นสกุลคิม และตอนนี้เจ้าได้สองแต้ม"

         "ฮ่าๆ นี่อย่างไรเล่าเซจีสหายข้า นางเก่งรึไม่" ซงฮวันพูดใส่ผู้สมัครคนอื่นๆ

         "เอ่อ นายหญิงเจ้าคะ" ซุนฮวาที่นั่งอยู่ด้านหลังซอฮยอนพูดขึ้น

         "มีอะไร" กัมชัลซังกุงถาม

         "ข้าว่าเช่นนี้ไม่ถูกนะเจ้าคะ" 

         "หมายความว่าอย่างไร"

         "คำถามที่ท่านถาม ออกจะเอื้อประโยชน์ให้คิมเซจีนะเจ้าคะ"

         "เอื้อประโยชน์?" กัมชัลซังกุงขมวดคิ้ว "เจ้าจะพูดอะไรกันแน่"

         "สิ่งที่ท่านถามข้าว่าไม่เหมาะสำหรับมาเป็นคำถามคัดเลือกนางในเจ้าค่ะ คำถามเช่นนั้นบางทีเอาไปออกข้อสอบควากอคัดเลือกขุนนางได้ด้วยซ้ำ เพราะความรู้เหล่านี้เหมาะควรจะไปถามผู้ชายสำหรับสอบเป็นมุนบันและมูบัน มิใช่ผู้หญิงที่จะเข้าวังมาเป็นนางใน เซจีเป็นลูกหลานสกุลคิมที่เป็นชนชั้นยังบัน ผู้ใหญ่ในตระกูลก็เป็นขุนนางกันมาหลายต่อหลายรุ่น นางจึงมีโอกาสที่สามารถหาตำราสำหรับสอบของพวกผู้ชายมาอ่านได้ง่าย แต่ผู้สมัครคนอื่นเล่าเจ้าคะ บางคนไม่ได้มาจากครอบครัวขุนนางใหญ่ ไม่มีสิทธิ์ได้เปิดตำราของพวกขุนนางอ่านเลยเพราะถูกกีดกันจากอิทธิพลผู้ชายเป็นใหญ่ เช่นนี้จะไม่เรียกว่าเอื้อประโยชน์ให้เซจีหรือเจ้าคะ"

         ผู้สมัครหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

         "หุบปากนะ!" กัมชัลซังกุงตบโต๊ะเสียงดังปังจนหลายคนสะดุ้ง "เจ้ากำลังกล่าวหาว่าข้าลำเอียงเข้าข้างคิมเซจีเช่นนั้นหรือ"

         "ไม่ใช่นะเจ้าคะ" ซุนฮวารีบพูด "ข้าเพียงแต่จะอธิบายว่า--"

         "พอที" กัมชัลซังกุงตัดบท "เป็นนางในก็ต้องรอบรู้ทุกด้านไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายใน อีกอย่างข้าประกาศไปแล้วมิใช่หรือไม่ว่าข้าคือผู้คุมสอบซึ่งมีอำนาจสูงสุด หากเจ้าไม่พอใจก็ออกจากการสอบไปเสีย"

         ซุนฮวาก้มหน้าลงทันทีและไม่พูดคัดค้านอันใดอีก

         "เจ้าไม่น่าไปต่อต้านเลย" ซอฮยอนหันมาพูดเบาๆ

         "ก็มันไม่ถูกนี่นา ความรู้สำหรับสอบควากอทั้งนั้นเลย ใครจะตอบได้เล่า ก็มีแต่เซจีนั่นแหละ" ซุนฮวาบ่นอุบ

         "แต่นางก็เก่งจริงๆ นี่นา ที่หนึ่งคงไม่พ้นนาง" ซอฮยอนกล่าว ซุนฮวาทำเสียงไม่พอใจ

         "เอาล่ะ ข้อต่อไป" กัมชัลซังกุงพูดต่อ

         และเป็นที่แน่นอน คำถามทุกข้อไม่มีใครตอบได้เลยยกเว้นเซจี นางตอบอย่างฉะฉานได้ทุกข้อครบถ้วนถูกต้องหมดไม่มีตกหล่น ซึ่งทุกครั้งที่เซจีตอบได้ซงฮวันก็จะพูดกระซิบโอ้อวดให้ได้ยินไปทั่วว่า "เป็นอย่างไรเล่า สหายข้า"

         "คำถามข้อสิบ ข้อสุดท้าย ตำแหน่งพระราชาของโชซอนเทียบได้กับอะไรของจีน" กัมชัลซังกุงถาม

         "ตำแหน่งต่างๆ ของเจ้านายในโชซอนมีความคล้ายคลึงกับของจีน แต่ไม่ยิ่งใหญ่เท่าจีน สถานะของพระราชาของโชซอนนั้นจึงเทียบเท่าได้กับอ๋องหรือเจ้าผู้ครองประเทศราชเจ้าค่ะ" เซจีตอบ

         กัมชัลซังกุงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ

         "สุดยอด แน่นอนมาก เจ้าเก่งจริงๆ เซจี คำถามสิบข้อตอบได้ทุกข้อ และสำหรับการแข่งขันตอบคำถาม เจ้าได้สิบแต้มเต็ม"

         ทุกคนหันไปมองเซจีอย่างชื่นชมปนอิจฉา หญิงสาวยิ้มแก้มปริ

         "เอาล่ะ เห็นทีเราจะได้ผู้สอบได้ที่หนึ่งโดยไร้ข้อกังขาแล้ว" กัมชัลซังกุงพูดต่อ

         "เอ่อ นายหญิงเจ้าคะ" ชเวซังอีซึ่งเป็นผู้คุมสอบอีกคนพูดขึ้น

         "มีอะไรหรือ" กัมชัลซังกุงหันไปถาม

         "เซจี นาง... นางไม่ได้สอบได้ที่หนึ่งเจ้าค่ะ"
      
         คิมเซจีหุบยิ้มทันที

         "เจ้าว่าอะไรนะ" กัมชัลซังกุงขมวดคิ้ว

         "ข้า... ข้าเพิ่งนับแต้มทุกคนเสร็จเจ้าค่ะ คือกระดาษคำตอบของคิมเซจีทำข้อเขียนได้ 82 แต้ม ซึ่งถ้ารวมที่ตอบปากเปล่าไปอีก 10 แต้มก็เป็น 92 แต้มเจ้าค่ะ"

         "แล้วอย่างไร"

         "คือ... คือมีคนทำข้อเขียนได้ 93 แต้มเจ้าค่ะ นางชื่อปาร์คซอฮยอน"

         ทั้งเรือนสอบเงียบสนิท

         "นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้" กัมชัลซังกุงพูดขึ้นพลางชะโงกมาดูกระดาษคำตอบสักครู่ก่อนจะถามว่า "ใครคือปาร์คซอฮยอน"

         ไม่มีใครขยับตัว

         "ข้าถามว่าใครคือปาร์คซอฮยอน"

         "ลุกขึ้นสิ" ซุนฮวากระซิบ ซอฮยอนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาของผู้สมัครทุกคน

         เซจีหันมามอง

         "เจ้าคือปาร์คซอฮยอนหรือ" กัมชัลซังกุงถามขึ้น

         "เจ้าค่ะนายหญิง" 

         "เช่นนี้อันดับที่หนึ่งต้องเปลี่ยนคนหรือเจ้าคะ" ชเวซังอีพูดขึ้น

         "ไม่ได้สิเจ้าคะ!" ซงฮวันขัดขึ้น "นางสอบข้อเขียนได้มากก็จริง แต่ตอบคำถามปากเปล่าไม่ได้เลย จะเป็นที่หนึ่งได้อย่างไรกันเจ้าคะ"

         "แต่ให้เป็นที่สองไม่ได้" ซุนฮวาขัดบ้าง "นางตอบคำถามปากเปล่าไม่ได้เลยก็จริง แต่ข้อเขียนนางทำได้มากกว่าที่เซจีทำได้รวมกับที่ตอบคำถามเสียอีก จะเป็นรองไม่ได้นะเจ้าคะ"

         กัมชัลซังกุงที่นั่งฟังอยู่ก็พูดขึ้นช้าๆ

         "ที่ทั้งสองคนพูดมาก็มีเหตุผล"

         "แต่ประวัติศาสตร์การสอบเซ็งกักชิไม่เคยมีอันดับที่หนึ่งร่วมนะเจ้าคะ ต้องได้ที่หนึ่งคนเดียวเท่านั้น" ชเวซังอีเอ่ยออกมา

         "ถ้าเป็นเช่นนั้น" กัมชัลซังกุงครุ่นคิด "เราก็ต้องให้นางสองคนแข่งกันเองแค่สองคนเพื่อเฟ้นหาที่หนึ่งออกมาให้ได้ และโจทย์ที่จะใช้ต้องเป็นโจทย์ที่ไม่เคยเอาออกมานานหลายปีแล้วในการคัดเลือกนางใน"

         ทุกคนในเรือนสอบนิ่งงันไปด้วยความคาดไม่ถึง

         "ให้ซอฮยอนและเซจีออกมาข้างหน้าเพื่อการทดสอบสุดท้าย"



    โปรดติดตามตอนต่อไปได้ในชื่อตอน ซอฮยอนปะทะเซจี

    เชิงอรรถ 

    (1) กัมชัลซังกุง หมายถึง ซังกุงตรวจการ ทำหน้าที่ดูแลบังคับใช้กฎระเบียบ ตรวจสอบ และดำเนินการลงโทษนางในหรือสตรีในวังที่กระทำความผิด รวมไปถึงให้รางวัลสำหรับนางในที่มีผลงานโดดเด่นด้วยเช่นกัน

    (2) ซังอี (บ้างเรียกซังอึย) หมายถึง ตำแหน่งหัวหน้านางในชั้นจอง 5 พุม ดูแลด้านพิธีการรวมไปถึงการประกอบพิธีภายในวังหลวง

    *เรียนนักอ่านทุกท่านอีกครั้ง ตอนนี้กลรักวังหลวงเล่ม 1 ได้จัดทำเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ทาง meb e-book แล้วนะครับ โดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 42 ซึ่งเนื้อหาคือตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงสอบเซ็งกักชิจบ (ที่ท่านอ่านตอนนี้คือบทที่ 36 เท่านั้น) ท่านใดสนใจซื้ออ่านก่อนหรือซื้อเก็บไว้เป็นเล่ม สามารถกดเข้าได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ (*กดเข้าจากลิงก์นี้เท่านั้นนะครับ) 
    คลิกที่ Get it now เลยฮะ
    Thumbnail Seller Link
    กลรักวังหลวง เล่ม 1
    สุสานทางช้างเผือก
    www.mebmarket.com
    เมื่อพี่สาวต่างมารดาถูกฆ่าตายอย่างลึกลับ หญิงสาวจึงตัดสินใจเข้าวังหลวงเพื่อแก้แค้น แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ด้วยความสามารถและสติปัญญาเป็นอาวุธ นางจึงโ...
    Get it now
     


       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×